Anonymous บันทึก "
เรียบเรียงโดย นาวาวี
ผู้แปล เดช คำเคน
www.an-nawawi.blogspot.com
หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? จงตอบเถิดว่า พระองค์อยู่บนฟ้า คำตอบนี้เราได้มาจากตัวบทหลักฐานจากฮาดิษ ซอเฮียะห์ดังนี้
ครั้งหนึ่ง มูอาวียะห์ บุตร อัลฮากัม อัสซูลามี ท่านต้องการที่จะให้อิสรภาพกับ ญารียะห์ทาสของท่าน มูอาวียะห์ได้นำตัวญารียะห์ไปหาท่านรอซูล ซ.ล ท่านรอซูลได้ถามญารียะห์ว่า พระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? เธอตอบว่า พระองค์อัลลอฮอยู่บนฟ้า ท่านรอซูลได้ถามต่อไปว่า แล้วฉันเป็นใคร? เขาก็ตอบว่าท่านคือศาสนทูตของพระองค์ หลังจากนั้นท่านรอซูลได้กล่าวกับมูอาวียะห์ว่า ปล่อยเธอให้เป็นอิสระเถิด เพราะแท้จริงเธอคือผู้ศรัทธา ฮาดิษนี้บันทึกโดยนักบันทึกฮาดิษหลายท่าน เช่น อิหม่ามมาลิก
ความจริงแล้วพระองค์อัลลอฮ.ทรงสถิตอยู่บนบัลลังค์ของพระองค์ดังที่พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ถึงความเหมาะสมความมีเกียรติและความเกรียงไกรของพระองค์ ดังหลักฐานต่อไปนี้
พระองค์ตรัสว่า
]إِنَّ رَبَّكُمُ اللَّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأرْضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ[………
แท้จริงพระผู้อภิบาลของพวกเจ้านั้น คืออัลลอฮฺผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผนดินภายในหกวันแล้วทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์..................[1]
พระองค์ตรัสว่า
]الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى[
ผู้ทรงกรุณาสถิตอยู่บนบัลลังก์ [2]
พระองค์ตรัสว่า
]إِنَّ رَبَّكُمُ اللَّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأرْضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ يُدَبِّرُ الأمْرَ مَا مِنْ شَفِيعٍ إِلا مِنْ بَعْدِ إِذْنِهِ ذَلِكُمُ اللَّهُ رَبُّكُمْ فَاعْبُدُوهُ أَفَلا تَذَكَّرُونَ[
แท้จริงพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าคืออัลลอฮ.ผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผนดินในเวลาหกวันแล้วพระองค์ทรงประทับอยู่บนบัลลังก์ ทรงบริหารกิจการไม่มีผู้ใดให้ความช่วยเหลือใดๆเว้นแต่ต้องได้รับอนุมัติจากพระองค์นั้นคืออัลลอฮ.พระผู้อภิบาลของพวกเจ้า พวกเจ้าจงเคารพภักดีต่อพระองค์เถิด พวกเจ้าไม่ได้ใคร่ครวญดอกหรือ?[3]
พระองค์ตรัสว่า
]الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأرْضَ وَمَا بَيْنَهُمَا فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ الرَّحْمَنُ فَاسْأَلْ بِهِ خَبِيرًا[
พระผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินและสิ่งที่มีอยู่ในระหว่างทั้งสองนั้นในหกวัน แล้วพระองค์ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ พระองค์ผู้ทรงกรุณา ดังนั้นเจ้าจงถามผู้รอบรู้เกี่ยวกับพระองค์เถิด[4]
มีหลักฐานจากกุรอานหลายโองการที่กล่าวถึงการทรงสถิตบนบัลลังก์ของพระองค์บนฟ้า ดังนั้นไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนคุณลักษณะของพระองค์ที่พระองค์ทรงกล่าวไว้ด้วยพระองค์เองไปเป็นอีกคุณลักษณะหนึ่ง เรานั้นเป็นใคร?ที่ต้องการเปลี่ยนคำว่า อิสตาวะ( استواء ) ให้เป็น อิสเตาลา( استولا ) เราเป็นคนที่เก่งที่สุดกระนั้นหรือ?ทั้งๆที่เราไม่มีความสามารถ หรือเราคิดว่าสติปัญญาของเราล่ำเลิศสามารถที่จะเปลี่ยนคำของพระองค์อัลลอฮฺในสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ด้วยพระองค์เอง?
ในพระดำรัสของพระองค์ที่กล่าวถึงการสถิตอยู่บนบัลลังก์โดยใช้คำว่า อิสตาวะ อาลันอัรช์มีอยู่ประมาณ 7 โองการ ถ้าหากว่าพระองค์อัลลอฮฺประสงค์ที่จะกล่าวไปสู่ความหมายอื่นแน่นอนพระองค์จะต้องกล่าวถึงสิ่งนั้นอย่างชัดเจน
ถือว่าเป็นความผิดผลาดอย่างร้ายแรงสำหรับบุคคลที่พวกเขาเปลี่ยนแปลงคำของอัลลอฮฺซึ่งเป็นคำที่พระองค์กำหนดขึ้นมาที่ประกฎในคัมภีร์ของพระองค์ไปสู่อีกความหมายหนึ่ง โดยใช้ความคิด การคาดคะแน่ การคาดเดาตามอารมณ์ตัวเอง แท้จริงแล้วพระองค์อัลลอฮฺ มหาบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งที่พวกเขาคาดคิด
พระองค์อัลลอฮฺตรัสว่า
]فَاطِرُ السَّمَاوَاتِ وَالأرْضِ جَعَلَ لَكُمْ مِنْ أَنْفُسِكُمْ أَزْوَاجًا وَمِنَ الأنْعَامِ أَزْوَاجًا يَذْرَؤُكُمْ فِيهِ لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ[
พระผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินพระองค์ที่ทำให้มีคู่ครองแก่พวกเจ้าซึ่งจากตัวของพวกเจ้าเอง และจากปศุสัตว์นั้นทรงทำให้มีคู่ผัวเมีย ด้วยเหตุนี้ทรงแพร่พันธ์พวกเจ้าไว้อย่างมากมาย ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงเห็น [5]
และพระองค์ตรัสว่า
]هَؤُلاءِ قَوْمُنَا اتَّخَذُوا مِنْ دُونِهِ آلِهَةً لَوْلا يَأْتُونَ عَلَيْهِمْ بِسُلْطَانٍ بَيِّنٍ فَمَنْ أَظْلَمُ مِمَّنِ افْتَرَى عَلَى اللَّهِ كَذِبًا[
กลุ่มชนเหล่านั้นของเราได้ยืมเอาพระเจ้าต่างๆอื่นจากพระองค์ ทำไม่พวกเขาจึงไม่นำหลักฐานอันชัดแจ้งมายืนยันเล่า ดังนั้นจะมีผู้ใดอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ [6]
และพระองค์ตรัสว่า
]وَلِلَّهِ الأسْمَاءُ الْحُسْنَى فَادْعُوهُ بِهَا وَذَرُوا الَّذِينَ يُلْحِدُونَ فِي أَسْمَائِهِ سَيُجْزَوْنَ مَا كَانُوا يَعْمَلُونَ[
และอัลลอฮฺนั้นมีบรรดาพระนามที่สวยงาม ดังนั้นพวกเจ้าจงวิงวอนต่อพระองค์ด้วยพระนามเหล่านั้นเถิด และจงอย่ายุ่งกับบรรดาผู้ที่ทำให้เพี้ยนกับพระนามของพระองค์เลย พวกนั้นจะถูกลงโทษในสิ่งที่พวกเขากระทำ [7]
เชค ซอแหละอับดุลลอฮฺ เฟาซานได้อรรถาธิบายโองการนี้ในหนังสือเตาฮีดของท่าน จำเป็นที่เราจะต้องยึดมันในพระนามของพระองค์ตามที่พระองค์ได้กำหนด และใครก็ตามที่ได้ปฏิเสธ พระนามเหล่านั้นเท่ากับว่าเขากำลังปฏิเสธในสิ่งที่พระองค์นำมา แท้จริงพระองค์ทรงโกรธกริ้วบุคคลที่พวกเขาได้เปลี่ยนพระนามต่างๆของพระองค์และพวกเขาจะได้รับการลงโทษในความผิดที่ได้ก่อขึ้น เชคซอแหละอับดุลลอฮฺเฟาซานได้กล่าวอีกว่า โองการอัลกุรอานทั้ง 7 ที่มีคำว่า อิสตาวะ ประกฎในรูปคำและประโยคก็ดีที่เหมือนกัน เป็นการบ่งบอกว่าโองการดังกล่าวมีความหมายตามที่ประกฎโดยไม่ต้องการการตะวิล[8]...................................
อัรชี ( عرش ) ในภาษาอาหรับหมายถึงบัลลังก์ของกษัตริย์ แต่อัรชี ( عرش ) ที่ประกฏในกุรอานนั้นหมายถึงบัลลังก์ของพระองค์อัลลอฮฺที่มีบรรดามลาอิกะห์แบกอยู่และเสมือนหลังคาที่ให้รมเงาแก่สิ่งถูกสร้าง
พระองค์ตรัสว่า
]وَالْمَلَكُ عَلَى أَرْجَائِهَا وَيَحْمِلُ عَرْشَ رَبِّكَ فَوْقَهُمْ يَوْمَئِذٍ ثَمَانِيَةٌ[
และมะลักก์จะประกฎอยู่บนเวหาและ(มะลาอีกะฮฺ)จำนวนแปดท่านจะทูนบัลลังก์ของพระผู้อภิบาลของเจ้าไว้ในวันนั้น [9]
พระองค์ตรัสว่า
]الَّذِينَ يَحْمِلُونَ الْعَرْشَ وَمَنْ حَوْلَهُ يُسَبِّحُونَ بِحَمْدِ رَبِّهِمْ وَيُؤْمِنُونَ بِهِ وَيَسْتَغْفِرُونَ لِلَّذِينَ آمَنُوا رَبَّنَا وَسِعْتَ كُلَّ شَيْءٍ رَحْمَةً وَعِلْمًا فَاغْفِرْ لِلَّذِينَ تَابُوا وَاتَّبَعُوا سَبِيلَكَ وَقِهِمْ عَذَابَ الْجَحِيمِ[
บรรดาผู้แบกบัลลังก์และผู้ที่อยู่รอบๆบัลลังก์ต่างก็แซ่ซ้องด้วยการสดุดีสรรเสริญพระผู้อภิบาลของพวกเขาและศรัทธาต่อพระองค์และขออภัยโทษให้แก่บรรดาผู้ศรัทธา โอ้พระผู้อภิบาลของเราพระองค์ท่านทรงแผ่ความเมตตาและความรู้ไปทั่วทุกสิ่ง ขอพระองค์โปรดอภัยแก่บรรดาผู้ขอลุแก่โทษและดำเนินตามแนวทางของพระองค์ท่าน และทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษแห่งไฟนรกด้วยเถิด [10]
ฉนั้นเป็นการเหมาะสมแล้วสำหรับผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรอย่างพระองค์ที่สถิตอยู่บนบัลลังก์ เราไม่ทราบวิธีการและคุณลักษณะอื่นๆในการสถิตย์อยู่บนบัลลังของพระองค์ แต่ทว่าเรายึดมันในสิ่งสอดคล้องและเราเขาใจตามความหมายในภาษาอาหรับ เหมือนคุณลักษณะอื่นๆของพระองค์ที่ประกฎในกุรอานที่ถูกประทานมาด้วยภาษาอาหรับ
มีหลักฐานอีกที่จะยืนยันว่าพระองค์และศูนย์บัญชาการของพระองค์อยู่บนฟ้า
พระองค์ตรัสว่า
]أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ أَنْ يَخْسِفَ بِكُمُ الأرْضَ فَإِذَا هِيَ تَمُورُ[
พวกเจ้าปลอดภัยหรือ? จากการที่พระผู้ทรงสถิตอยู่ ณ ฟากฟ้าจะให้แผ่นดินสูบพวกเจ้า แล้วขณะนั้นมันจะหวั่นไหว (สั่นสะเทือน) [11]
และพระองค์ตรัสว่า
]يُدَبِّرُ الأمْرَ مِنَ السَّمَاءِ إِلَى الأرْضِ ثُمَّ يَعْرُجُ إِلَيْهِ فِي يَوْمٍ كَانَ مِقْدَارُهُ أَلْفَ سَنَةٍ مِمَّا تَعُدُّونَ[
พระองค์ทรงบริหารกิจการชั้นฟ้าสู่แผ่นดิน แล้วมันจะขึ้นไปสู่พระองค์ในวันหนึ่งซึ่งกำหนดของมันเท่ากับหนึ่งพันปีตามที่พวกเจ้านับ [12]
ความหมายที่ว่ากิจการชั้นฟ้าสู่แผ่นดินแล้วมันขึ้นไปสู่พระองค์ เมือคำว่าขึ้นถูกมาใช้สถานทีที่ขึ้นนั้นต้องมุ่งไปสู่ที่สู่ง ฉนันที่สู่งที่ว่านั้นก็คือบนฟ้า
พระองค์อัลลอฮฺตรัสว่า
]مَنْ كَانَ يُرِيدُ الْعِزَّةَ فَلِلَّهِ الْعِزَّةُ جَمِيعًا إِلَيْهِ يَصْعَدُ الْكَلِمُ الطَّيِّبُ وَالْعَمَلُ الصَّالِحُ يَرْفَعُهُ وَالَّذِينَ يَمْكُرُونَ السَّيِّئَاتِ لَهُمْ عَذَابٌ شَدِيدٌ وَمَكْرُ أُولَئِكَ هُوَ يَبُورُ[
ผู้ใดต้องการอำนาจดังนั้นอำนาจทั้งมวลเป็นของอัลลอฮฺคำกล่าวที่ดีย่อมจะขึ้นไปสู่พระองค์และการงานที่ดีนั้นพระองค์ทรงยกย่องสรรเสริญมันและบรรดาผู้วางแผนชั่วร้ายทั้งหลายนั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบและแผนการของชนเหล่านั้นย่อมพินาศ [13]
หลักฐานดังต่อไปนี้เป็นหลักฐานที่บอกว่า ญิบริล ขึ้นไปสู่พระองค์
พระองค์ตรัสว่า
]تَعْرُجُ الْمَلائِكَةُ وَالرُّوحُ إِلَيْهِ فِي يَوْمٍ كَانَ مِقْدَارُهُ خَمْسِينَ أَلْفَ سَنَةٍ[
มะลาอิกะฮฺและอัรรูฮ์(ญิบริล)จะขึ้นไปหาพระองค์ในวันหนึ่งซึ่งกำหนดของมันเท่ากับห้าหมื่นปี (ของโลกนี้) [14]
เหตุการณ์ดังต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ที่ฟาโรผู้ถือตัวเองเป็นพระเจ้า เยอะเย้ยนบีมูซา (อ.ล)
พระองค์อัลลอฮฺตรัสว่า
]وَقَالَ فِرْعَوْنُ يَا هَامَانُ ابْنِ لِي صَرْحًا لَعَلِّي أَبْلُغُ الأسْبَابَ ( )أَسْبَابَ السَّمَاوَاتِ فَأَطَّلِعَ إِلَى إِلَهِ مُوسَى وَإِنِّي لأظُنُّهُ كَاذِبًا وَكَذَلِكَ زُيِّنَ لِفِرْعَوْنَ سُوءُ عَمَلِهِ وَصُدَّ عَنِ السَّبِيلِ وَمَا كَيْدُ فِرْعَوْنَ إِلا فِي تَبَابٍ[
และฟิรเอาวน์กล่าวว่า โอ้ฮามานเฮ่ยจงสร้างหอส่งให้ฉันเพื่อฉันจะได้บรรลุถึงทางที่ฉันจะขึ้นไป ทางที่จะขึ้นไปสู่บรรดาชั้นฟ้าเพื่อฉันจะได้เห็นพระเจ้าของมูซา และแท้จริงฉันแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนโกหก เช่นนั้นแหละการงานที่ชั่วช้าของเขาได้ถูกทำให้เพริศแพร้วแก่ฟิรออาวน์และเขาถูกปิดกั้นจากแนวทางของอัลลอฮฺ และแผนการของฟิรอาวน์นั้นไม่ใช่อื่นใดนอกจากอยู่ในความหายนะเท่านั้น [15]
ดังนั้นใครก็ตามที่มีความเชื่อว่าพระองค์อัลลอฮฺไม่ได้อยู่บนฟ้าแน่แท้เขากำลังปฏิเสธในสิ่งที่พระองค์ได้แจ้งว่าพระองค์อยู่บนฟ้า พฤติกรรมของเขาไม่ต่างอะไรกับฟิอาวน์ที่เขาได้ปฏิเสธคำพูดของนบีมูซา
พระองค์อัลลอฮฺได้ยก(บ่งบอกว่ายกขึ้นข้างบน)นบีอีซามายังพระองค์
พระองค์ตรัสว่า
]إِذْ قَالَ اللَّهُ يَا عِيسَى إِنِّي مُتَوَفِّيكَ وَرَافِعُكَ إِلَيَّ وَمُطَهِّرُكَ مِنَ الَّذِينَ كَفَرُوا وَجَاعِلُ الَّذِينَ اتَّبَعُوكَ فَوْقَ الَّذِينَ كَفَرُوا إِلَى يَوْمِ الْقِيَامَةِ ثُمَّ إِلَيَّ مَرْجِعُكُمْ فَأَحْكُمُ بَيْنَكُمْ فِيمَا كُنْتُمْ فِيهِ تَخْتَلِفُونَ[
จงรำลึกถึงขณะที่อัลลอฮฺตรัสว่าโอ้อีซา ข้าเป็นผู้ที่รับเจ้าไปและจะเป็นผู้ยกเจ้าขึ้นไปยังข้า และจะเป็นผู้ยกเจ้าขึ้นไปยังข้า และจะเป็นผุ้ทำให้เจ้าบริสุทธ์พ้นจากบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาและจะเป็นผู้ทำให้บรรดาที่ปฏิบัติตามเจ้า เหนือผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย จนกระทั่งถึงวันกียามะฮฺและยังข้านั้นคือการกลับไปของพวกเจ้าแล้วข้าจะตัดสินระหว่างพวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าขัดแย้งกัน [16]
พระองค์อัลลอฮฺตรัสอีกว่า
]بَلْ رَفَعَهُ اللَّهُ إِلَيْهِ وَكَانَ اللَّهُ عَزِيزًا حَكِيمًا[
หามิได้อัลลอฮฺได้ทรงยกเขา(อีซา)ขึ้นไปยังพระองค์ต่างหาก และประกฎว่าอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงปรีชาญาณ [17]
พระองค์บอกว่าพระองค์นั้นอยู่ข้างบนและที่สู่ง
พระองค์ตรัสว่า
]يَخَافُونَ رَبَّهُمْ مِنْ فَوْقِهِمْ وَيَفْعَلُونَ مَا يُؤْمَرُونَ[
พวกมันจะกลัวพระผู้อภิบาลของพวกมันผู้ทรงอำนาจที่อยู่เหนือพวกเขาโดยที่จะปฏิบัติตามสิ่งที่พวกมันถูกบัญชาใช้ [18]
พระองค์อัลลออฺทรงบอกว่าอัล กุรอานถูกประทานจากฟากฟ้า
พระองค์ตรัสว่า
]وَإِنَّهُ لَتَنْزِيلُ رَبِّ الْعَالَمِينَ (192)نَزَلَ بِهِ الرُّوحُ الأمِينُ (193)عَلَى قَلْبِكَ لِتَكُونَ مِنَ الْمُنْذِرِينَ (194)بِلِسَانٍ عَرَبِيٍّ مُبِينٍ [195
และแท้จริงคัมภีร์กุรอานนั้นเป็นการประทานลงมาจากพระผู้อภิบาลสากลโลก อัรรูฮ์ผู้ซื่อสัตว์(ท่านญิบริล)ได้นำลงมายังหัวใจของพวกเจ้าเพื่อพวกเจ้าจะได้เป็นผู้ตักเตือน โดยเป็นภาษาอาหรับอย่างชัดแจ้ง [19]
พระองค์ตรัสอีกว่า
]تَنْزِيلُ الْكِتَابِ مِنَ اللَّهِ الْعَزِيزِ الْحَكِيمِ[
คัมภีร์กุรอานนี้ถูกประทานมาจากพระองค์อัลลอฮฺผุ้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงปริชาญาณ [20]
และพระองค์ตรัสอีกว่า
]وَأَنَّا لَمَسْنَا السَّمَاءَ فَوَجَدْنَاهَا مُلِئَتْ حَرَسًا شَدِيدًا وَشُهُبًا ( )وَأَنَّا كُنَّا نَقْعُدُ مِنْهَا مَقَاعِدَ لِلسَّمْعِ فَمَنْ يَسْتَمِعِ الآنَ يَجِدْ لَهُ شِهَابًا رَصَدًا[
และแท้จริงเรา(ญิน)ได้ค้นคว้าหาข่าว ณ ชั้นฟ้าแต่เราได้พบ ณ ที่นั้นเต็มไปด้วยยามเฝ้าผู้เข็มแข็งและเปลวเพลิง และแท้จริงเราเคยนั่ง ณ สถานที่นั่งในท้องฟ้าเพื่อฟัง แต่ขณะนี้ผู้ใดนั่งฟังก็จะพบเปลวเพลิงถูกเตรียมไว้สำหรับพวกเขา [21]
มีโองการกุอานมากมายที่ยืนยันอย่างชัดเจนว่าพระองค์อัลลอฮฺอยู่บนฟ้าสถิตอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ท่านนบีอิสเราะจ์เมียะรอจได้ชี้ให้เห็นว่านบีมูฮำหมัดมุ่งไปยังบนฟ้า
ที่นี่เรามาดูหลักฐานที่มาจากศอฮาบะฮฺ
อุมัรบุตร ของคอตอบกล่าวว่า: แท้จริงกิจการต่างๆมาจากทางโน้น พร้อมกับชี้นิ้วไปบนฟ้า (บันทึกโดย อิหม่าม อัชซาฮอาบี ในหนังสือของท่านและท่านกล่าวว่าสายรายงานนี้ถูกต้อง )
อีกสายรายงานหนึ่งเป็นสายรายงานมาจากอิบนุอับบาส
จากอิบนุ อับบาสท่านได้กล่าวว่า แท้จริงท่านรอซูล(ซ.ล)ได้กล่าวคุตบะฮฺต่อหน้าผู้คนในวัน นัหร์(วันที่ 10 ซุลฮิจญะฮฺ อิบนุ อับบาสได้กล่าวต่ออีกว่า ขณะที่ท่านนบีกล่าวคุตบะฮฺอยู่นั้น ท่าน นบีได้เงยศรีษะของท่านสู่ท้องฟ้าพร้อมกับกล่าวว่า โอ้อัลลอฮฺพระผู้อภิบาลของฉัน ไม่ใช่ข้าพระองค์ทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศดอกหรือ? โอ้พระผู้อภิบาลของฉันไม่ใช่ข้าพระองค์ได้ประกาศแล้วดอกหรือ? (บันทึกโดย บุคอรี เล่ม2 หน้า 191 )
จุดยืนบรรดาอิหมาม อะลิซุนนะฮฺ และบรรดา ตาบีอีน ตาบิอิตตาบิอีน
อิหมาม อาบูฮานีฟะฮฺ
ท่านได้กล่าวว่าใครที่ได้ปฏิเสธว่าอัลลอฮฺอยู่บนฟ้า แน่นอนเขาได้เป็นผู้ปฏิเสธ
อิหมามมาลิกบุตรของอานัส
ท่านได้กล่าวว่าพระองค์อัลลอฮฺอยู่บนฟ้า แต่ความรู้ของพระองค์อยู่ทุกๆที่ ไม่มีสิ่งใดที่พระองค์ไม่ล่วงรู้
อิหมามชาฟีอี
ท่านได้กล่าวว่า พระองค์อัลลอฮฺสถิตอยู่บนบัลลังก์ บนฟ้า
อิหมามอะหมัด
ท่านได้กล่าวว่า ถูกต้องแล้วพระองค์อัลลอฮฺสถิตอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดที่จะปกปิดในความรอบรู้ของพระองค์
อิหม่ามติรมีซี
ท่านได้กล่าวว่า อูลามะ(ผู้มีความรู้) ได้กล่าวว่า แท้จริงพระองค์อัลลอฮฺทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ ตามที่พระองค์ได้แจ้งไว้ด้วยพระองค์เอง ( อ้างมาจาก หนังสือ อัล อุลู โดยอิหมามซาฮาบี )
อิหมามอิบนุคุชัยมะฮฺ
ท่านได้กล่าวว่า ใครที่ไม่ศรัทธา พระองค์อัลลอฮฺทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์บนฟ้าชั้นที่ 7 เท่ากับว่าเขาได้ปฏิเสธพระเจ้าของเขา หลังจากที่หลักฐานได้ประจักแก่เขา คำพูดนี้ถูกต้อง (บันทึกโดย อัล ฮากิม ในหนังสือมัฆรีฟะฮฺ อูลูมิล ฮาดิษ หน้าที่ 84
เชคคุลอิสลาม อิหม่ามอับดุลกอเดร จัยลานี
ไม่อนุญาตให้เชื่อมั่นว่าอัลลอฮฺทรงอยู่ทุกๆที่แต่จะต้องยึดมั่นว่าพระองค์ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ ดังเช่นที่พระได้ตรัสไว้ الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى ผู้ทรงกรุณาทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ ในซูเราะฮ ตอฮาโองการที่ 5 (อ้างจากฟัตวา ฮามาวียะฮฺกุบรอ หน้าที่ 87
ต่อไปนี้ข้าพเจ้าได้นำคำอรรถธิบายของอัล ฮาฟิซ อิบนุกาซีร เรามาพิจารณาในสิ่งที่เขาได้อรรถธิบาย เกี่ยวกับโองการกุอาน นี้ ( ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ ) ดังต่อไปนี้
พระองค์ตรัสว่า
]ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ [
หลังจากนั้นพระองค์ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ [22]
สำหรับบุคคลที่พวกเขามีหลากหลายทัศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความจริงเกี่ยวกับสถานที่ของพระองค์นั้นไม่ใช่เป็นเรื่องหน้าที่เราจะมาทำการศึกษาค้นคว้าให้ละเอียด กลับกันเรื่องนี้ให้เรายึดมั่นศรัทธาตามบรรดาชาวสาลัฟฟุลซอแหละ เช่น อิหม่ามมาลิก . อัล อูซัยดี . อัซซุรี. อัลลัยษฺ บุตรของสะอัด. อัชชาฟีอี .อะหมัดบุตรของฮัมบัล. อิสหากบุตรของรอฮาวัยฮฺ และบุคคลอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งเป็นซึ่งเป็นอิหม่าม(ผู้นำ)ของผู้ศรัทธาจะเป็นอิหม่ามยุคก่อนหรือยุคนี้ก็ดี กล่าวคือพวกเขาได้ปล่อยตามที่โองการถูกประทานโดยไม่มีการ ตักญิฟ[23] ตัชบิฮฺ[24] และตะติล[25]และอะไรที่มีการจินตนาการณ์มโนภาพในความคิดของกลุ่มคนมูชาบิฮฺ(คือคนที่เทียบเคียงคุณลักษณะของพระองค์อัลลอฮฺเหมือนกับสิ่งถูกสร้าง) ความจริงไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ดังที่พระองค์อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
]لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ[
ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงเห็น [26]
นุอิม บุตรของอะหมัด อัลคุซาอี ท่านเป็นครูของพ่ออิหม่ามบุคอรี ท่านได้กล่าวว่าใครที่เทียบเคียงอัลลอฮฺเสมอเหมือนกับสิ่งถูกสร้าง และใครที่ปฏิเสธในสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะต่างของพระองค์และในสิ่งที่ท่านบีได้แจ้งไว้ ว่าแท้จริงไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ แน่นอนเขาได้เป็นผู้ปฏิเสธ
ดังนั้นใครก็ตามที่เขาศรัทธาในสิ่งที่อัลลอฮฺประทานที่ประกฎในกุรอานและฮาดิษที่ซอเฮียะห์ที่กล่าวเกี่ยวกับความเหมาะสมกับความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และพวกเขายึดมั่นศรัทธาต่อคุณลักษณะต่างๆของอัลลอฮฺ เช่นนั้นแหละพวกเขาได้เดินบนแนวทางที่ถูกต้องแล้ว
เป็นที่ประจักชัดแล้วแม้กระทั้งบรรดาอิหม่ามผู้มีความรู้ที่กล่าวมาข้างต้น เช่น อิบนุกาซีร อิหม่ามชาฟีอี อิหม่ามอะหมัด อิหมามมาลิก และบุคคลอื่นๆ พวกเขาเหล่านั้นมีทัศนะที่ตรงกันกับบรรดาชาวสาลัฟ พวกเขาศรัทธาว่าอัลลอฮฺทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ซึ่งเหมาะสมแล้วกับความยิ่งใหญ่ของพระองค์โดยไม่มีการตะวิล[27]และตะติล[28]
พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
]هَؤُلاءِ قَوْمُنَا اتَّخَذُوا مِنْ دُونِهِ آلِهَةً لَوْلا يَأْتُونَ عَلَيْهِمْ بِسُلْطَانٍ بَيِّنٍ فَمَنْ أَظْلَمُ مِمَّنِ افْتَرَى عَلَى اللَّهِ كَذِبًا[
กลุ่มชนเหล่านั้นของเราได้ยึดเอาพระเจ้าต่างๆอื่นจากพระองค์ ทำไม่พวกเขาจึงไม่นำหลักฐานอันชัดแจ้งมายืนยันเล่า ดังนั้นจะมีผู้ใดอธรรมยิ่งกว่าผู้ที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ [29]
แหล่งอ้างอิง
1. Kitab al-ibanah al-usul ad-diyanah, Imam Abu hasan al-Asy ary.
2. kitab aqidah Shahih Penyebab Selamatnya Muslim,al-Hafizd Abu Bakar al-Humaidi, Pustaka Imam as-Syafie ,Indonesia.
3. al-Aqidah at-Thahawiyah,imam Abu Jaafar at-Thahawi.
4. al-Uluw,al-imam az-Zahabi.
5. Fatwa Hamawiyyah kubra,Sheikhul Islam Ibnu Taimiyyah.
6. Tafseer Ibnu Katheer,e-book Terbitan Darussalama(English version).
7. at-Tauhid Lish-Shafil Awwal al-Ally, Sheikh Dr.Soleh Fauzan bin Fauzan bin Abdullah al-Fauzan.
[8] เปลี่ยนจากความหมายเดิมไปสู่อีกความหมายหนึ่ง ผู้แปล
[19] อัล ชูอาเราะฮฺ :192-195
[23] สงสัยในคุณลักษณะของอัลลอฮฺเช่นการตั้งคำถามว่า ลักษณะของพระองค์และคุณลักษณะของพระองค์เป็นอย่างไร?การตั้งคำถามแบบนี้อิหม่ามมาลิกกล่าวว่าเป็นบิดอะฮฺ ผู้แปล
[24] เปรียบเทียบคุณลักษณะของอัลลอฮฺเสมอเหมือนกับสิ่งถูกสร้าง ผู้แปล
[25] คือปฏิเสธคุณลักษณะของอัลลอฮฺในสิ่งที่พระองค์ทรงแจ้งไว้ ผู้แปล
[27] เปลี่ยนจากความหมายเดิมไปสู่อีกความหมายหนึ่ง ผู้แปล
[28] คือปฏิเสธคุณลักษณะของอัลลอฮฺในสิ่งที่พระองค์ทรงแจ้งไว้ ผู้แปล
"