อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[addullslam]

14. ให้กล่าวศอละวาดเมื่อเสร็จจากการกล่าว .ตัลบียะฮฺ. ในระหว่างทำฮัจญ์
มีรายงานจาก อิมาเราะฮฺ บิน คุซัยมะฮฺ บินซาบิต จาก บิดาของเขาว่า
เมื่อท่าน นบี เสร็จจากกล่าวตัลบียะฮฺแล้ว ท่านก็ขอต่ออัลลอฮฺให้ทรงอภัยโทษ
และประทานความโปรดปราน และขอความคุ้มครองด้วยความเอ็นดู
เมตตาของพระองค์ให้พ้นจากนรก
บันทึกโดย อัดดาร่อกุฎนีย์
15 . ให้กล่าวศอละวาดเมื่อจูบหรือสำผัสหินดำ
มีรายงานจากท่านนาฟิอฺกล่าวว่า
ท่าน อิบนิ อุมัร เคยให้ศอละวาดแก่ท่านร่อซูลเมื่อสัมผัสหินดำ
จากหนังสือ ญะลาลิลอัฟฮาม ฯลฯ
16. ให้กล่าวศอละวาดในตอนเช้าและตอนหัวค่ำ
มีรายงานจากท่าน อบี ดัรดาอฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
ท่านร่อซูล กล่าวว่า
ผู้ใดศอละวาดแก่ฉันในตอนเช้า10ครั้ง ในตอนหัวค่ำ10ครั้ง
เขาก็จะได้รับชะฟาอะฮฺ ของฉันในวันกิยามะฮฺ
บันทึกโดย อัฎฎ็อบรอนีย์ ในหนังสืออัล-มั๊วอญัมอัลกะบี๊ร สายสืบอยู่ในระดับดี
และท่านอัลบานีย์ก็กล่าวไว้ในหนังสือ ศอฮี้ฮฺญามิอฺ ว่า เป็นฮะดีษฮะซัน

[addullslam]

17. ให้ศอละวาดเมื่อตื่นขึ้นทำละหมาดตะฮัจญุด
มีรายงานจากท่านอับดิลลาฮฺ อิบนิ มัสอู๊ด ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
ท่านร่อซูล กล่าวว่า
อัลลอฮฺทรงปิติยินดีแก่ชายสองคน คนหนึ่งพบข้าศึกขณะที่เขาอยู่บนหลังม้า
ทั้งๆที่พวกพ้องของเขาถอยหนี แต่เขายังคงประจำอยู่กับที่ ถ้าหากเขาถูกฆ่า
เขาก็ตายในฐานะเป็นชะฮีด ถ้าหากเขารอดชีวิต เขาก็จะอยู่ในฐานะ
ที่อัลลอฮฺทรงปิติยินดีต่อเขา
ชายอีกคนหนึ่งลุกขึ้นในเวลากลางคืนโดยไม่มีผู้ใดทราบเรื่องของเขา
และเขาจะอาบน้ำละหมาดอย่างดี แล้วก็สรรเสริญอัลลอฮฺ สดุดีพระองค์
และกล่าวศอละวาดแก่ท่าน นบี ฯ ภายหลังก็เริ่มอ่านอัลกุรอาน(ในละหมาด)
บุคคลเช่นนี้แหละ อัลลอฮฺทรงปิติยินดีต่อเขา โดยพระองค์จะกล่าว
แก่บรรดามะลาอิกะฮฺ ว่า พวกเจ้าจงมองดูบ่าวของข้าในขณะที่เขายืนละหมาด
โดยไม่มีใครเห็นเขา นอกจากข้าเท่านั้น
บันทึกโดย นะซาอีย์ ในหนังสือ อัซซุนันอัลกะบี๊รฺ

[addullslam]

18 . ให้กล่าวศอละวาดเมื่ออ่านกุอานจบเล่ม
ท่านอิมามอะฮฺมัด อิบนิ ฮันบัล ได้กล่าวว่า ชอบให้มีการกล่าวดุอาอฺ
หลังจากอ่านกุรอานจบเล่ม ดังปรากฎในรายงานของ อบิล ฮาริซ แจ้งว่า
เมื่อท่านอนัส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ อ่านอัลกุรอ่านจบ ท่านจะเรียกภรรยาและลูกหลาน
มาเพื่อขอดุอาอฺ และท่านอะฮฺมัด ยังกล่าวตามดังปรากฎในรายงานของ ฮัรบฺว่า
เมื่อบุคคลอ่านอัลกุรอานจบแล้ว ก็ชอบให้เรียกครอบครัวของเขามาเพื่อขอดุอาอฺ
อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้มีรายงานจากศอฮาบะฮฺและตาบิอีนที่กระทำเช่นนั้น
จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อิบนิลกอยยิม กล่าวว่า
เมื่อปรากฎว่ามีหลักฐานยืนยันในการขอดุอาอฺ ภายหลังจากอ่านอัลกุรอานจบแล้ว
การขอดุอาอฺ ณ ที่นี้ก็เป็น ดุอาอฺมุสตะญาบ หรือเป็นดุอาอฺที่สมควรจะถูกรับ
ในทำนองเดียวกัน การให้ศอละวาดแก่ท่านร่อซูล ณ ที่นี้ก็เป็นที่ได้รับการยืนยันเช่นกัน
(ดูในหนังสือ ญะลาอุลอัฟฮาม ของอิมาม อิบนิ กอยยิม)

[addullslam]

19. ให้กล่าวศอละวาดในค่ำวันศุกร์และในวันศุกร์
มีรายงานจากท่านอนัส อิบนิ มาลิก ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ แจ้งว่า ท่านร่อซูล กล่าวว่า
จงศอละวาดให้แก่ฉันมากๆ ในวันศุกร์และค่ำวันศุกร์ ผู้ไดศอละวาดแก่ฉันครั้งหนึ่ง
อัลลอฮฺจะศอละวาดแก่เขา10ครั้ง
บันทึกโดย อัลบัยฮะกีย์ ในหนังสือ ซุนะนุลกุบรอ
ท่านอัซซะฮะบีย์กล่าวว่า สายสืบหะดีษนี้ใช้ใด้ ท่านอัลบานีย์ กล่าวไว้ในหนังสือ
ศอฮี้ฮ์ญามิอฺ ว่าเป็นหะดีษฮะซัน
มีรายงานหนึ่งจากเอาว์น บินเอ๊าซ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ แจ้งว่า ท่านร่อซูล กล่าวว่า
แท้จริงวันที่ประเสริฐที่สุดจากบรรดาวันทั้งหลายของพวกท่านนั้นก็คือวันศุกร์
อัลลอฮฺทรงสร้างอาดัม ในวันนี้ อาดัมตายในวันศุกร์ มีการเป่าสังข์ในวันศุกร์
ในวันนี้ผู้คนจะสลบ(เมื่อได้ยินเป่าสังข์) ดังนั้นพวกท่านจงกล่าวศอละวาดแก่ฉันมากๆ
ในวันศุกร์นี้เถิด และแท้จริงการศอละวาดของพวกท่านจะถูกเสนอแก่ฉัน"
ท่านเอาว์ซกล่าวว่า และบรรดาศอฮาบะฮฺกล่าวแก่ท่านร่อซูลว่า โอ้ท่านร่อซูล
ศอละวาดของพวกเราจะถูกนำเสนอให้แก่ท่านได้อย่างไร ขณะที่ร่างกายของท่าน
เน่าเปื่อยไปหมดแล้ว ท่านร่อซูล กล่าวว่า
แท้จริงอัลลอฮฺ อัซซะวะญัล ทรงห้ามศพบรรดาอันบิยาอฺแก่แผ่นดิน
(แผ่นดินไม่สามารถทำให้ศพบรรดาอันบิยาอฺเน่าเปื่อยได้)
บันทึกโดย อะฮฺมัด อะบูดาวู๊ด นะซาอีย์ อิบนิมาญะฮฺ อิบนิฮิบบาน อัลฮากิม
อัลบัยฮะกีย์ อิบนิคุซัยมะฮฺ และคนอื่นๆอีกมาก

[addullslam]

20 . ให้ศอละวาดเมื่อกลุ่มใจ ตกอยู่ในภาวะคับขัน แต่ต้องการได้รับอภัยโทษ
มีรายงานจากท่านอุบัยย์ บิน กะอฺบฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ แจ้งว่า
ท่านร่อซูล นั้น เมื่อ2ใน3ของค่ำคืนหมดไป ท่านร่อซูลก็ลุกขึ้นและกล่าวว่า
โอ้ประชาชนทั้งหลาย จงรำลึกถึงอัลลอฮฺเถิด จงรำลึกถึงอัลลอฮฺเถิด
.อัรรอญิฟะฮฺ. การเป่าสังข์ครั้งที่หนึ่ง(ความตาย)ได้มาถึงแล้ว
และการเป่าครั้งที่สอง(ฟื้นคืนชีพ)ก็จะตามมา
ความตายได้มาถึงพร้อมกับสิ่งที่อยู่ในความตายนั้น(ซ้ำสองครั้ง)
ท่านอุบัยย์กล่าวว่า ฉันจึงกล่าวกับท่านร่อซูล ว่าโอ้ท่านร่อซูล แท้จริงฉันอยาก
จะศอละวาดแก่ท่านมากมาย ดังนั้นฉันจะให้ศอละวาดแก่ท่านมากเท่าได
ท่านร่อซูลกล่าวว่า แล้วแต่ท่านจะประสงค์ ฉันกล่าวว่า1ใน4ได้ไหม
ท่านร่อซูลกล่าวว่า แล้วแต่ท่านจะประสงค์ แต่ถ้าหากเพิ่มมากกว่านี้
ก็เป็นความดีสำหรับท่าน ฉันกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น2ใน3จะได้ไหม
ท่านร่อซูลกล่าวว่า แล้วแต่ท่านจะประสงค์ แต่ถ้าหากเพิ่มมากกว่านี้
ก็เป็นความดีสำหรับท่าน ฉันกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้ศอละวาดของฉัน
ทั้งหมดแด่ท่าน ท่านรอซูลกล่าวว่า ถ้าทำเช่นนั้นแล้ว
ท่านจะพ้นจากความกลุ้มอกกลุ่มใจและจะได้รับอภัยโทษจากบรรดาความผิด
บันทึกโดย ติรมิซีย์ อะฮฺมัด และอัลฮากิม

[addullslam]

21. ให้กล่าวศอละวาดเมื่อมีการเขียนชื่อของท่าน นบี
ในเรื่องนี้มีรายงานจากท่านอบีฮุรอยเราะฮฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ แจ้งว่า
ท่านร่อซูล กล่าวว่า
ผู้ไดศอละวาดแก่ฉันในหนังสือ บรรดามะลาอิกะฮฺ ยังคงศอละวาดให้แก่เขาผู้นั้น
ตราบไดที่ชื่อของฉันยังอยู่ในหนังสือหรือตำรานั้น
บันทึกโดย อัฎฎ็อบรอนีย์
ท่านอัลฮาฟิซ อบูมูซา กล่าวว่ามีนักวิชาการหะดีษมากกว่าหนึ่งท่านที่บันทึกรายงานนี้
22 . ให้ศอละวาดเมื่อกล่าวปราศรัย สอนหนังสือ เชิญชวนสู่อิสลาม ไม่ว่า ณ ที่ไดก็ตาม
ในเรื่องนี้เป็นที่ปฎิบัติกันมาตั้งแต่มุสลิมรุ่นแรกๆ ไม่ว่าในสมัยของศอหะบะฮฺ ตาบิอีน
หรือผู้เจริญรอยตามรุ่นต่อๆมา ต่างก็กล่าวศอละวาด เมื่อเริ่มพูดหรือเริ่มสอน
และในตอนจบคำพูดหรือคำสอน
เรื่องนี้อิมาม อิบนิ กอยยิม กล่าวไว้ในหนังสือ .ญะลาอุลอัฟฮาม . ฯลฯ หน้า250ว่า
สมควรที่ผู้เชิญชวนสู่อิสลาม ตามแนวทางของท่านร่อซูล ซึ่งอัลลอฮฺได้ไช้ให้ทำหน้าที่นี้
ที่จะเริ่มคำพูดของเขาด้วยการ สรรเสริญอัลลอฮฺ สดุดีพระองค์ และให้เอกภาพแด่พระองค์
ตลอดจนแนะนำผู้คนทั้งหลายให้ได้รู้ถึงสิทธิ์ของอัลลอฮฺที่มีเหนือบรรดาผู้เป็นบ่าว
และให้กระทำเช่นนั้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อจบคำเชิญชวน หรือคำสอนของเขา

[addullslam]

23. ให้กล่าวศอละวาด ภายหลังทำความผิด เมื่อเขาต้องการลบล้างความผิดนั้น
มีรายงานจากท่าน อนัส อิบนิ มาลิก ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ แจ้งว่า ท่านร่อซูล กล่าวว่า
ท่านทั้งหลายจงศอละวาดแก่ฉัน แท้จริงการศอละวาดแก่ฉันนั้นเป็นการ
ลบล้างความผิดของพวกท่าน
บันทึกโดยอิบนิ อบีฮาซิม ในกิตาบ อัศศอลาฮฺ
อีกรายงานหนึ่ง จากท่านอบีฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ แจ้งว่า
ท่าน นบี กล่าวว่า
ท่านทั้งหลายจงศอละวาดแก่ฉัน แท้จริงการศอละวาดแก่ฉันนั้น
เป็นการชำระให้พวกท่านบริสุทธิ์
บันทึกโดย อิบนุ อบีซัยบะฮฺ

[addullslam]

24. ให้ศอละวาดแก่ท่านร่อซูล เมื่อประสบกับความยากจน
หรือเกรงว่าความจนจะมาประสบกับเขา
ในเรื่องนี้มีรายงานมาจากท่านญาบิร บิน สะมุเราะฮฺ จากบิดาของเขา
ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
ครั้งหนึ่งขณะที่เราอยู่กับท่านร่อซูล ได้มีชายคนหนึ่งได้มาหาท่าน
โดยกล่าวว่า โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ การงานใดที่จะทำให้เป็นที่ไกล้ชิดกับอัลลอฮฺ
อัซซะวะญัลละ ท่านร่อซูล กล่าวว่า การพูดจริง รักษาหรือปฎิบัติตามอะมานะฮฺ
(หมานถึงซื่อตรง) ท่านสะมุเราะฮฺ(ผู้รายงานหะดีษ) กล่าวว่า โอ้ท่านร่อซูล
โปรดบอกเพิ่มให้พวกเราอีกนิดเถิด ท่านร่อซูลกล่าวว่า การละหมาดตะฮัจญุด
และการถือศิลอดขณะที่อากาศร้อนจัด ฉันกล่าวอีกว่า โอ้ท่านร่อซูล
โปรดบอกเพิ่มให้พวกเราอีกนิดเถิด ท่านร่อซูลกล่าวว่า
การรำลึกถึงอัลลอฮฺให้มากๆและการกล่าวศอละวาดแก่ฉันนั้นจะป้องกันความยากจน
(จากหะดีษซึ่งรายงานโดย อบูนุอัยมฺ)
25. ให้กล่าวศอละวาดเมื่อมีชายมาสู่ขอหญิง
มีรายงานจากท่าน อัฎ ฎ็อฮฺฮาก จากท่านอิบนิ อับบาส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา
ในดำรัสของอัลลอฮฺที่มีความว่า
แท้จริงอัลลอฮฺและบรรดามะลาอิกะฮฺของพระองค์ ได้ศอละวาดแก่นบี
(อัลอะฮ์ซาบ . 56)
ในอายะฮฺนี้ท่านอิบนิ อับบาส กล่าวว่า ท่านทั้งหลายจงศอละวาดแก่ท่านร่อซูล
ในขณะละมาด ในขณะอยู่ในมัสยิดและในทุกสถานที่
และเมื่อมาสู่ขอผู้หญิงก็อย่าลืมศอละวาดด้วย
(จากหนังสือ ญะลาอุลอัฟฮาม)

[addullslam]

26. ให้กล่าวศอละวาดขณะจาม
มีรายงานจากท่าน นาฟิอฺ (ตาบิอีน) แจ้งว่า มีชายคนหนึ่งจามขณะที่นั่งอยู่กับท่าน
อิบนุ อุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา ท่านอิบนุ อุมัร จึงกล่าวแก่ชายคนนั้นว่า
ท่านเป็นคนตระหนี่อย่างแน่นอน เมื่อท่านสรรเสริญอัลลอฮฺแล้ว ไม่เป็นการสมควร
แก่ท่านหรือที่จะกล่าวศอละวาดแด่ท่านร่อซูล (บันทึกโดย อัลบัยฮะกีย์)
นอกจากรายงานนี้ ยังมีรายงานอื่นๆอีก เช่น รายงานของสะฮ์ล อิบนุ ซอและฮฺ
ซึ่งบันทึกโดยอัฎฎ็อบรอนีย์ และรายงานของ ซิย๊าด อิบนิ ร่อบื้อฺ
บันทึกโดย ติรมิซีย์ ซึ่งทั้งสองรายงานดังกล่าวนี้ อ่อนหลักฐาน แต่อย่างไรก็ตาม
ในรายงานของท่านนาฟิอฺ ซึ่งบันทึกโดยบัยฮะกีย์นั้น นับได้ว่าเป็นหลักฐาน
ที่ส่งเสริมให้ปฎิบัติในเรื่องนี้ จึงทำให้นักวิชาการหะดีษกลุ่มหนึ่ง
เห็นด้วยกับการให้สลามแด่ท่านร่อซูลในขณะจาม

[addullslam]

27. ให้กล่าวศอละวาดภายหลังจากอาบน้ำละหมาด
ในเรื่องนี้ท่านอบูเชค บันทึกไว้จากรายงานของท่าน อะอฺมัซ จากท่านอบีวาอิ๊ล
จากท่านอับดิลลาฮฺกล่าวว่า ท่านร่อซูล กล่าวว่า
เมื่อคนหนึ่งคนใดอาบน้ำละหมาดเสร็จแล้ว ก็จงกล่าวว่า ฉันขอปฎิญาณว่า
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และฉันขอปฎิญาณว่าแท้จริงมุฮัมมัด
เป็นบ่าวและร่อซูลของพระองค์ แล้วให้เขากล่าวศอละวาดแด่ท่านนบี
เมื่อเขากล่าวเช่นนี้แล้ว บรรดาประตูแห่งความเอ็นดูเมตตาจะถูกเปิดให้กับเขา
ภายหลังท่านอิมาม อิบนิ กอยยิม ได้นำหะดีษนี้ที่บันทึกโดย
อบูเชคมาเสนอ ท่านกล่าวว่า
นี่คือหะดีษที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย(มัชฮู้ร) มีหลายกระแสรายงานจากท่าน
อุมัร อิบนิล ค็อฎฎ็อบ ท่านอุกบะฮ์ บิน อามิร ท่านเซาว์บาน และท่านอนัส
ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุม ซึ่งตามกระแสรายงานของท่านเหล่านั้นไม่มีการระบุให้กล่าว
ศอละวาด ภายหลังจากเสร็จจากการอาบน้ำละหมาด
นอกจากมีปรากฎอยู่ในรายงานของท่านอะฮ์มัซนี้
(หนังสือ ญะลาอุล อัฟฮาม หน้า254)
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทำให้เราเข้าใจว่า อับดิลลาฮฺ ผู้นี้อาจจะเป็นท่าน
อับดิลลาฮฺ อิบนิ อุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา

[addullslam]

28. ให้กล่าวศอละวาดเมื่อเข้าบ้าน
มีรายงานจากท่านอบี ฮาชิม จาก ซะฮ์ล อิบนิ ซะอ์ดฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
มีชายคนหนึ่งมาหาท่านร่อซูล โดยร้องทุกข์ถึงความยากจนและความคับแค้น
ท่านร่อซูลจึงกล่าวแก่ชายคนนั้นว่า เมื่อท่านเข้าบ้านก็จงให้สลาม
ไม่ว่าในบ้านจะมีคนอยู่หรือไม่ก็ตาม แล้วจงให้สลามแก่ฉันและอ่าน
กุลฮูวัลลอฮุอะฮัด หนึ่งจบ ชายผู้นั้นก็ปฎิบัติตามคำแนะนำของท่านร่อซูล
อัลลอฮฺก็ทรงประทานริสกีย์ให้เขาอย่างมาก จนกระทั่งมีเหลือช่วยเพื่อนบ้าน
และญาติใกล้ชิด (บันทึกโดยอัลฮาฟิซ อบูมูซา อัลมาดีนีย์ โดยไม่ได้วิจารณ์ฐานะ
หะดีษนี้แต่ประการใด)
29. ให้กล่าวศอละวาดในทุกสถานที่ที่มีการรำลึกถึงอัลลอฮฺ
ในเรื่องนี้มีรายงานจากท่านอบีฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ
จากท่านนบี กล่าวว่า
แท้จริง สำหรับอัลลอฮฺนั้น มีมะลาอิกะฮฺกลุ่มหนึ่งออกตรวจตราไปตามที่ต่างๆ
เมื่อพวกเขาผ่านพบกลุ่มคนที่กำลังรำลึกถึงอัลลอฮฺ บางส่วนจากมะลาอิกะฮฺ
กล่าวแก่กันว่า จงนั่งก่อนเถิด เมื่อหมู่คณะนั้นขอดุอาอฺ บรรดามะลาอิกะฮฺ
ก็จะขอให้อัลลอฮฺทรงรับดุอาอฺนั้น เมื่อหมู่คณะนั้นกล่าวศอละวาดแด่ท่าน นบี
บรรดามะลาอิกะฮฺก็ศอละวาดพร้อมกันด้วย จนกระทั่งจะเลิก และบางส่วนจาก
บรรดามะลาอิกะฮฺกล่าวแก่กันว่า ช่างดีเหลือเกินสำหรับ
สำหรับพวกเขาจะกลับจากที่ประชุมนั้นในฐานะเป็นผู้ที่ได้รับการอภัยโทษ
ท่านอิมาม อิบนิ กอยยิมกล่าวว่า ต้นของหะดีษนี้อยู่ในศอฮี้ฮฺมุสลิม
สำหรับรายงานนี้เป็นรายงานจากอับดิสลาม บิน อัจญ์ลาน จากอบูอุสมาน
อันนะฮ์ดีย์ จากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ (จากหนังสือ ญะลาอุลอัฟฮาม หน้า255)

[addullslam]

30. ให้กล่าวศอละวาดเมื่อลืมสิ่งหนึ่งสิ่งใดและต้องการจะนึกขึ้นได้
ในเรื่องนี้มีรายงานจากท่าน อนัส อิบนิ มาลิก แจ้งว่า
ท่านร่อซูล กล่าวว่า
เมื่อพวกท่านลืมสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็จงศอละวาดแก่ฉัน อินชาอัลลอฮฺ
แล้วพวกท่านจะนึกขึ้นได้
บันทึกโดย อัล ฮาฟีซ อบูมูซา อัลมะดีนีย์ ท่านกล่าวว่าหะดีษนี้มีหลายกระแสรายงาน
31. ให้กล่าวศอละวาด เมื่อผู้เป็นบ่าวมีความประสงค์สิ่งหนึ่งสิ่งใด
ในเรื่องนี้มีรายงานจากท่านอบีอุบัยดะฮฺ จากท่านอิบนิมัสอู๊ด ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ
กล่าวว่า เมื่อท่านประสงค์จะขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากอัลลอฮฺ ก็จงเริ่มด้วยการสรรเสริญ
และสดุดีอัลลอฮฺด้วยถ้อยคำที่เหมาะสม ต่อจากนั้นก็ให้ศอละวาดแก่ท่าน นบีและขอดุอาอฺ
การกระทำเช่นนั้นจะทำให้ได้รับตามความประสงค์
รายงานนี้เอ่ยถึงชื่อศอหะบะฮฺ ไม่มีรายงานระบุผู้บันทึก เพียงแต่ท่าน อิบนิ กอยยิม
นำมาระบุในหนังสือ ญะลาอุลอัฟฮาม ของท่านเท่านั้น

[addullslam]

32.ให้กล่าวศอละวาดขณะที่ทำการเชือด
ในเรื่องนี้นักวิชาการมีทัศนะไม่ตรงกัน เพราะไม่มีตัวบท
จากหะดีษศอฮี้ฮฺที่ยืนยันเรื่องนี้โดยตรง
สำหรับอิมามชาฟิอีย์กล่าวว่า ถ้าหากผู้เชือดกล่าวส่วนหนึ่งส่วนใดเพิ่มเติม
จากการรำลึกถึงอัลลอฮฺ ภายหลังจากกล่าว บิสมิลลาฮฺ แล้วก็เป็นการดี
และฉันก็ไม่เห็นว่าเป็นอะไรที่ผู้เชือดจะกล่าวบิสมิลลาฮฺ ฯ และให้ศอละวาด
แก่ท่านร่อซูลด้วย หากแต่ฉันชอบให้กระทำเช่นนั้น และชอบให้กล่าวศอละวาด
มากๆ ในทุกๆสภาพ ทั้งนี้เพราะการรำลึกถึงอัลลอฮฺ ด้วยการขอให้พระองค์
ทรงศอละวาดแด่ท่านร่อซูล นั้น เป็นการศรัทธาในอัลลอฮฺและเป็นอิบาดะฮฺ
ที่มีผลตอบแทน สำหรับผู้ที่ปฎิบัติ อินชาอัลลอฮฺ
33. ให้กล่าวศอละวาดในระหว่างการละหมาดนอกเหนือจากกล่าวตะชะฮ์ฮุด
ในเรื่องนี้มีรายงานจาก บิชริ อิบนิ มันซู๊ร จาก ฮิชาม จาก ฮะซัน อัลบัศรีย์
ท่านอัลฮะซัน กล่าวว่า เมื่อผู้ละหมาดได้ละหมาดซุนนะฮฺ ขณะที่อ่านกุรอาน
ได้อ่านอายะฮฺที่มีการกล่าวถึง ท่านร่อซูล ก็ชวนให้หยุด และกล่าวศอละวาด
ท่านอิมาม อะฮฺมัด อิบนิ ฮันบัล ก็ชอบให้ผู้ละหมาดทำเช่นนั้น

[addullslam]

34. ให้กล่าวศอละวาดเมื่อไม่มีทานจะบริจาค
มีรายงานจากท่านอบีสะอี๊ด อัลคุดรีย์ กล่าวว่า ท่านร่อซูล กล่าวว่า
ไม่มีมุสลิมคนใดที่ไม่มีสิ่งใดจะบริจาค (ทำซอดะเกาะฮฺ)
ก็จงกล่าวในคำวิงวอนของเขาว่า ข้าแต่อัลลอฮฺ ขอพระองค์โปรดศอละวาด
แก่มุฮัมมัด ซึ่งเป็นบ่าวและร่อซูลของพระองค์ ขอพระองค์โปรดศอละวาด
แก่มุสลิมทั้งชายและหญิงด้วยเถิด
การกล่าวเช่นนั้นเท่ากับเป็นการบริจาค(ทำซอดะเกาะฮฺ)
(บันทึกโดย บุคอรีย์ ในหนังสือ อัลอะดะบุลมุฟร๊อด และคนอื่นๆ)
35. ให้กล่าวศอละวาดเมื่อเยี่ยมกุบุรของท่านร่อซูล
มีรายงานจากท่านอับดิลลาฮฺ อิบนิ ดินาร์ กล่าวว่า
ฉันเห็นท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิ อุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ มายืนอยู่หน้ากุบุ้ร
ของท่านนบี และกล่าวศอละวาดแก่ท่าน
(บันทึกโดยอิมามมาลิก ในหนังสือ มุวัฎเฎ๊าอฺ)
อีกรายงานหนึ่ง บันทึกโดยอัลบัยฮะกีย์ ด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้
ฉันเห็นท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิ อุมัร ยืนอยู่หน้ากุบุรของท่าน นบี
แล้วกล่าวให้สลามแก่ท่าน แล้วท่านดุอาอฺให้ท่านร่อซูลและท่าน
อบีบักรฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ
การกล่าวศอละวาดแก่ท่านร่อซูลนั้น นอกจากดังกล่าวข้างต้นนี้แล้ว
ยังมีอีกหลายที่ แต่ไม่ได่นำมากล่าวไว้ เนื่องจากว่า รายงานที่ให้
กล่าวในที่นั้นๆไม่มีหลักฐานยืนยัน ##

[addullslam]

ข้อสังเกตุเพิ่มเติมในการศอละวาดแก่ท่านร่อซุล
1. ทำไมต้องเริ่มการศอละวาดด้วยคำว่า อัลลอฮุมมะ
คำว่า อัลลออุมมะ หมายถึง ขัาแต่อัลลอฮฺ ซึ่งความหมายนี้นักวิชาการ
ไม่ขัดแย้งกัน เหตุนี้เราจึงใช้คำว่า อัลลอฮุมมะ เว้นแต่ในเรื่องการ
ขอหรือวิงวอนเท่านั้น
ตัวอย่าง เราไม่พูดว่า อัลลอฮุมมะ ฆ่อฟูรุ๊รฺ ร่อฮีม
ข้าแต่อัลลอฮฺ ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา แต่เราจะกล่าวว่า
อัลลอฮุมมัฆฟิรลีย์ วัรฮัมนีย์ ข้าแต่อัลลอฮฺขอพระองค์ ทรงโปรดอภัยโทษ
แก่ข้าพระองค์ และโปรดทรงเอ็นดูเมตตาให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เชค มุฮัมมัด อาลี อาจารย์ วิชาตัฟซีรฺ มหาวิทยาลัย
อุมมุลุกรอ นครมักกะฮฺ สอูดีอาระเบีย กล่าวถึงคำว่า อัลลอฮุมมะ ว่า
แท้จริงเมื่ออัลลอฮฺทรงมีคำสั่งแก่พวกเราให้ศอละวาด แก่ท่าน นบี นั้น
และคำศอละวาดนี้หมายถึงการขอพร ซึงพวกเราไม่ได้อยู่ในฐานะที่สามารถ
จะเลือกคำที่เหมาะสมในการขอพรแด่ท่าน นบี
พวกเราจึงมอบหมายให้อัลลอฮฺ โปรดประทานพรให้แก่ท่าน นบี
ในฐานะที่พระองค์ทรงรุ้ดีว่าคำไดที่เหมาะสมแก่ผู้ประกาศ
ศาสนาของพระองค์ จึงใช้คำว่า อัลลอฮุมมะ ศ็อลลิอะลามุฮัมมัด
และจะไม่ใช้คำว่า อะนะอุศ็อลลิอะลามุฮัมมัด
ฉันขอพรให้แก่ท่าน นบีมุฮัมมัด