| ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป | 
	
	
		| ผู้ส่ง | ข้อความ | 
	
		| หลวงกฤษฎาวินิจ มือใหม่
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: Jan 10, 2004
 ตอบ: 27
 ที่อยู่: thailand
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Tue Jun 01, 2004 12:44 pm    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| จีจี้อยู่ไหน       หา!!  เธอไม่อยู่เหรอเนี้ย
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| รอยยา มือเก่า
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 20/02/2004
 ตอบ: 78
 
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Tue Jun 01, 2004 8:10 pm    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| ไม่อยู่หรอกคะ คุณหลวง 
 กระทู้นี้ไม่น่าตื่นเต้น
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| addullslam มือเก๋า
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
 ตอบ: 672
 
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Tue Jun 01, 2004 11:11 pm    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| ในทำนองเดียวกัน  หากเขาตามทัศนะอิมามอะหฺมัดในเรื่อง  เอาเราะฮฺ  คือถือว่าสองทวาร เป็นเอาเราะฮฺ  แล้วเขาไม่ตามท่านในเรื่องบ้วนปากและล้างจมูก [ขณะอาบน้ำนมาช]
 หรือไม่อ่าน  บิสมิลลาฮฺ  สิ่งเหล่านี้อิมามอะฮฺมัดมีทัศนะว่าเป็นวาญิบ  การทำอย่างนี้นมาช
 ของเขาก็ไช้ได้
 หมายความว่าเอาเราะฮฺเขาตามฮัมบาลี  ส่วนการอาบน้ำนมาชเขาตามทัศนะผู้อื่น  นมาชนั้น
 ใช้ได้  เท่าที่ผู้รู้มีทัศนะว่าการทำตัลฟิกฺดังกล่าวคือ  กระทำคละกันดังตัวอย่างข้างต้น
 เป็นที่อนุมัติก็เพราะถือว่า  เป็นคนละประเด็น  หรือในอรับเรียกว่า  คนละกอฎิยะฮฺ
 ในหนังสือ  ฟะตะวา  ของชัยคฺ หะสะนัยนฺ  หน้า 79  กล่าวว่า
 #  ผู้อาบน้ำนมาชตามหะนะฟี  แล้วใช้นมาชตามชาฟิอีได้  หรือกับกันก็ได้  ดังนั้น
 การทำคละกัน [ตัลฟิกฺ] ดังกล่าวเป็นที่อนุญาติ  เพราะเป็นเรื่องเดียวกัน #
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| addullslam มือเก๋า
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
 ตอบ: 672
 
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Tue Jun 01, 2004 11:13 pm    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| หมายถึงการทำวูฎูอฺเป็นเรื่องหนึ่ง  และการอ่านนมาชเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  ทั้งหมดนี้เป็น การกระทำที่รู้ล่วงหน้าว่ามัชฮับนั้นๆเขามีทัศนะไว้ว่าอย่างไร  ทีนี้ลองมาพิจารณาดูว่าหาก
 กระทำไปโดยไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อนว่ามัซฮับไดบอกไว้ว่าทำได้  ต่อเมื่อกระทำไปแล้วจึงได้รู้ว่า
 อิมามหนึ่งบอกว่าได้  อันนี้จะไช้ได้ไหม  เช่น  การนมาชที่ทุ่งอะเราะฟะฮฺซึ่งสามารถจะนมาช
 รวม  เวลาบ่ายกับอัศรฺ  ได้ในเวลาบ่าย [ญะมะอฺตักดีม]  ตามทัศนะหะนะฟีมีคนหนึ่งไม่รู้มา
 ก่อน  ไปนมาชรวมกันคนอื่นที่เขานมาชรวม  เมื่อได้นมาชแล้วก็มารู้ว่าทัศนะชาฟิอีว่าทำไม่ได้
 ส่วนหะนะฟีบอกว่าได้  แล้วเขาก็ถือเอาตามมัซฮับหะนะฟี  โดยที่การกระทำลุล่วงไปแล้วเช่นนี้
 ตามข้อเขียนในหนังสือ อัต ตุหฺฟะฮฺ  ซึ่งเป็นหนังสือฟิกฮฺมัซฮับชาฟิอีก็ระบุว่าใช้ได้เช่นกัน
 การนมาชก็เศาะฮฺด้วย  โดยยกตัวอย่างว่า  คนๆหนึ่งทำวูฎูอฺเสร็จแล้ว  บังเอิญมือไปกระทบ
 อวัยวะเพศแล้วเขาก็ไปนมาช  เมื่อนมาชแล้วเขารู้ภายหลังว่า  ทัศนะของหะนะฟีนั้น  กระทบ
 อวัยวะเพศไม่ทำให้เสียวูฎูอฺ  เขาก็ถือตามอย่างนี้นมาชของเขาถือว่าใช้ได้  แม้จะรู้ภายหลัง
 การกระทำก็ตาม  จากตัวอย่างดังกล่าว  เขาจึงได้ระบุไว้ว่า
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| addullslam มือเก๋า
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
 ตอบ: 672
 
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Tue Jun 01, 2004 11:15 pm    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| #  มันเป็นที่ชัดเจนว่า  อนุญาติให้ตักลีดหลังการกระทำไปแล้วได้ ข้อสรุปจากเรื่องตักลีดและตัลฟิกฺ  ที่ได้กล่าวมาก็คือ  ใครจะตามมัซฮับไดๆย่อมมีสิทธิทำได้
 เมื่อมัซฮับนั้นๆมีแนวทางตาม กุรฺอานและซุนนะฮฺ  ส่วนศาสนาไม่มีตัวบทบังคับว่าต้องตาม
 หรือทำแบบคละกัน  เอาทัศนะอิมามนี้นิด  อิมามโน้นหน่อย  บรรดาผู้รู้ก็บอกว่าทำได้
 ดังตัวอย่างที่ยกมาอ้าง
 ทำไมผู้รู้จึงบอกว่าทำได้  อันนี้ก็เพราะว่าท่านเหล่านั้นตระหนักดีว่า  ทุกคนมีอิสระในการเลือก
 ตามมัซฮับ[ทัศนะ] ที่ถูกต้องซึ่งมีตัวบทเป็นหลักฐาน  ทั้งนี้โดยที่ได้คำนึงถึงเจตนารมณ์
 ของอัล กุรฺอาน ในซูเราะฮฺ  อัล หัจญ์  อายะฮฺที่78  และอายะฮฺที่ 185 ซูเราะฮฺ
 อัล บะเกาะเราะฮฺ  ว่า
 ###   22:78   เราไม่ได้กำหนดเรื่องศาสนาให้เป็นความลำบากแก่เจ้า
 ###   2: 185  อัลลอฮฺทรงประสงค์ให้มีความสะดวก  พระองค์ไม่ต้องการความลำบากกับสูเจ้า
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| addullslam มือเก๋า
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
 ตอบ: 672
 
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Thu Jun 03, 2004 9:43 pm    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| การที่มัซฮับทั้งสี่เป็นที่นิยมของคนทั่วไป  สืบเนื่องมาจากการเมืองในยุคก่อนๆ  เช่น ในประเทศใดที่ผู้นำนิยมทัศนะอิมามหนึ่งโดยเฉพาะ  มัซฮับนั้นย่อมจะต้องใช้ผู้นิยมมัซฮับเดียวกับผู้นำแต่มีข้อเสียอยู่  ซึ่งใด้ปรากฎมาแล้วในอดีต  คือ เกิดความคลั่งไคล้หรือในภาษา อรับเรียกว่า  ตะอัสศุบ  โดยยึดถือว่ามัซฮับที่ตนยึดถืออยู่นั้นมีความสมบูรณ์ถูกต้องฝ่ายเดียว
 ฝ่านอื่นไม่ดีไม่สมบูรณ์พอ  ด้วยเหตุนี้จึงก่อให้เกิดความยุ่งยากมาตลอดจนกระทั่งปัจจุบัน
 มีการถกเถียงกัน  ถึงกับปะทะกันด้วยกำลังก็มีในอดีตเคยปรากฎมาแล้วในประเทศชามหรือ
 สิเนีย ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่นับถือหะนะฟีแล้วผู้ปกครองได้แต่งตั้งผู้พิพากษา[กอฎี]  ที่นับถือ
 ชาฟิอี  เข้าประจำตำแหน่ง  ประชาชนไม่พอใจถึงกับเดินขบวนต่อต้านและขับไล่กัน
 ซึ่งเรื่องอย่างนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นแต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว  เพราะความคลั่งไคล้ดังกล่างนั่นเอง
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| addullslam มือเก๋า
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
 ตอบ: 672
 
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Thu Jun 03, 2004 9:45 pm    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| ถ้าจะกลับไปหาตัวบทอย่างจริงจังจาก กุรอานหรือหะดีษ  ก็อาจจะไม่มีเรื่องดังกล่าวขึ้น หรือได้ทำความเข้าใจต่อเจตนารมณ์  ของอิมามต่างๆก็คงจะรู้ความจริงว่า  อิมามแต่ละคน
 มิได้มีเจตนาจะตั้งตนเป็นใหญ่ให้ใครๆมายึดถือทัศนะของท่านราวกับว่า  คำพูดทุกคำต้องถูก
 ต้องเสมอ  หรือถูกต้องที่สุด  ตรงกันข้าม  แต่ละอิมามเพียงค้นคว้าและพยายามดึงหุก่มออกมา
 จากตัวบท  และจากหลักการที่วางไว้  เพื่อนำออกมาเสนอแก่สังคมเท่านั้น  จึงเห็นได้ว่าแต่ละท่านต่างก็ให้เกียรติซึ่งกันและกัน  เช่น  อิมามชาฟิอียกย่องให้เกียรติอิมามหะนะฟี  โดยกล่าวว่า
 # คนทั่วไปเป็นหนี้บุญคุณอยู่มากจากทัศนะของท่าน อบูหะนีฟะฮฺ#
 อิมามแต่ละคนไม่เคยบังคับใครว่าต้องยึดทัศนะของท่านเท่านั้น  ห้ามยึดถือของอิมามอื่น
 และไม่เคยมีอิมามใดอ้างว่าทัศนะของท่านนั้นถูกต้องที่สุด
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| addullslam มือเก๋า
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
 ตอบ: 672
 
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Thu Jun 03, 2004 9:47 pm    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| อิมามมาลิกีเป็นบุคคลคนหนึ่งที่คัดค้านในการที่จะนำทัศนะของท่านไปบังคับประชาชน ยึดถือปฎิบัติโดยไม่ให้ไปเอาของผู้อื่น  เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว  คือ เคาะลีฟะฮฺ  ฮารูน
 อัรฺ เราะชีด  ได้ให้ท่านมาลิกีรวบรวมหนังสือขึ้นเล่มหนึ่ง  เป็นหะดีษที่เกี่ยวกับการปฎิบัติ
 ศาสนะกิจ  เมื่ท่านมาลิกีทำเสร็จก็ให้ชื่อว่า  มุวัฎเฎาะ  หนังสือนี้ท่านฮารูนพอใจมาก
 ถึงกับตั้งใจจะนำมาแขวนที่กะอฺบะฮฺ  แล้วออกคำสั่งให้มุสลิมทุกคนยึดถือปฎิบัติตามนั้นอัน
 เดียว  เมื่ออิมามมาลิกีทราบเรื่องเข้า  ท่านคัดค้านทันที  โดยให้เหตุผลว่า  เท่าที่ท่านรวบรวม
 มานี้เป็นไปตามความสามารถของท่านเท่าที่จะกระทำได้  มิได้หมายความว่า  ท่านได้รวบรวม
 หะดีษที่ถูกต้องไว้ทั้งหมดก็หาไม่
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| bushra มือใหม่
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 31/05/2004
 ตอบ: 4
 ที่อยู่: ดุบัย
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Fri Jun 04, 2004 2:33 am    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| เนื้อหายอดเยี่ยมมากจะรออ่านทุกวันค่ะ ขอบคุณบังที่นำเรื่องทีดีมาให้
 นอกจากเรื่องตัฟสีรอัลกุรอาน ประวัติท่านศาดาต่าง ประวัติบรรดาศอหาบะฮฺแล้ว
 เรือ่งอิมามทั้งสี่น่าติดตามเรียนรู้จริง
 เรื่องแนวความคิดเรื่องฟิกบุชรอรู้น้อยมาก
 ขอขอบคุณอีกครั้ง
 _________________
 ร่วมใจศรัทธา
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| addullslam มือเก๋า
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
 ตอบ: 672
 
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Sat Jun 05, 2004 10:40 am    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| อัสสะลามมุอะลัยกุม คุณ bushra เรื่อง 4อิมามนั้น เป็นหนังสือเก่า ที่พิมพ์ไปต้องประคองไป กลัวจะขาด พิมพ์ครั้งที่ 3 พศ2521  เรื่องประวัติ ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
 ซึ่งเป็น ประวัติที่ใช้เฉพาะท่านเป็นหะดีษที่เราจะนำมาทำไม่ได้
 และฟิกฺ ก็จะพิมพ์ในอันดับต่อไป อินชาอัลลอฮฺ
 วัสสะลาม
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| addullslam มือเก๋า
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
 ตอบ: 672
 
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Sun Jun 06, 2004 8:50 am    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| เพราะอาจมีหะดีษที่ถูกต้องอยู่อีกแต่ท่านไม่รู้  หรือไม่ได้เก็บรวบรวมไว้ในหนังสือก็ได้  ดังนั้น  การที่จะยึดถือหนังสือ  มุวัฎเฎาะ  ว่าเป็นตำราสมบูรณ์แบบถูกต้องที่สุดย่อมเป็นไปไม่ได้ นี่คือเหตุผลของอิมามมาลิกีเอง  ทั้งนี้เพราะตัวท่านเองตระหนักดีว่า  เท่าที่รวบรวมหนังสือนี้ขึ้น
 มามิได้หมายความว่าได้รวบรวมหะดีษที่ถูกต้องไว้ทั้งหมดก็หาไม่  ดังนั้น  ความสมบูรณ์
 ในทุกอย่างจึงไม่ไช่ลักษณะของหนังสือเล่มนี้  ไม่มีทางที่จะเอาไปบังคับให้ผู้อื่นต้องยึดปฎิบัติ
 เพียงทัศนะของท่านฝ่ายเดียว  เพราะผู้อื่นอาจจำหะดีษที่ถูกต้องไว้ซึ่งท่านไม่ได้นำมา
 ไว้ในหนังสือของท่านก็ได้
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| addullslam มือเก๋า
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
 ตอบ: 672
 
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Sun Jun 06, 2004 8:51 am    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| จากรายละเอียดดังกล่าว  จึงพอสรุปได้ว่า  อิมามแต่ละท่านไม่เคยระบุว่าทัศนะของท่านถูกต้องที่สุด  ของผู้อื่นไม่ดีพอหรือสู้ไม่ได้ก็หาไม่  เพียงแต่อิมามนั้นใช้อิจญ์ติฮาดนำหุก่มออกมาเสนอ แก่สังคม  เป็นการกระทำไปตามภูมิรู้โดยแท้  และเมื่อท่านหนึ่งเห็นไปทางหนึ่ง  ท่านอื่นๆอาจ
 อิจญ์ฮาดไปเป็นอีกทางหนึ่งก็ได้  ด้วยเหตุนี้  เราจึงทราบว่าบางอิมามได้พูดไว้อย่างกว่างๆว่า
 # เมื่อหะดีษหนึ่งถูกต้อง  หะดีษนั้นคือทัศนะของฉัน #
 หรือได้กล่าวว่า
 # หากท่านเห็นว่าทัศนะของฉันค้านกับตัวบทแล้ว  ให้ทิ้งทัศนะของฉันเสีย #
 เหล่านี้เป็นต้น [ดูรายละเอียดในหนังสือ สี่อิมาม ของ ซัยคฺ ชัรฺบาศีย์]
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| addullslam มือเก๋า
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
 ตอบ: 672
 
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Sun Jun 06, 2004 8:53 am    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| แม้จะได้มีคำพูดชัดๆดังกล่าวก็ตาม  แต่บรรดาผู้ตักลีดมัซฮับในสมัยก่อนก็ยังทึกทักว่า มัซฮับนี้ถูกต้อง  จึงได้มีเรื่องราวระหว่างผู้ตักลีดเกิดขึ้นมาอย่างรุนแรง  ก่อความแตกแยก
 ขึ้นมาในสังคม  ทั้งๆ  ที่ความจริงจากปากคำของแต่ละอิมามก็บอกชัดแล้วว่า
 แต่ละอิมามเขายกย่องให้เกียรติซึ่งกันและกัน  ผู้ตักลีดว่านมาชร่วมกันเป็นอิมามและเป็นมะอฺมูมกันไม่ได้  หรือนับถืออิมามชาฟิอี  จะไปนมาชเป็นมะอฺมูมผู้นับถือหะนะฟีไม่ได้  มันกลายเป็น
 ว่าการนมาชที่เขาทำไปนั้นไม่เป็นการนมาชเพื่อการภักดีต่อ อัลลอฮฺ  การกระทำดังกล่าว
 ค่อนข้างจะเสี่ยงต่ออันตรายอยู่มาก  จะเห็นได้จากตำราบางเล่มระบุว่า  ผู้ทำวุฎูอฺ  ตามชาฟิอี
 เมื่อไปกระทบผู้หญิงแล้วไม่ทำวุฎูอฺใหม่โดยยึดตามทัศนะหะนะฟี  ที่ว่ากระทบผู้หญิง
 ไม่เสียวุฎูอฺ
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| addullslam มือเก๋า
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
 ตอบ: 672
 
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Sun Jun 06, 2004 8:55 am    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| เมื่อไปนมาชเข้า  นมาชนั้นไม่เศาะหฺ  ไช้ไม่ได้  เหตุผลก็คือ  วุฎูอฺอันนั้นหะนะฟีว่าไม่เศาะหฺ เพราะการเช็ดศีรษะไม่เช็ดถึงหนึ่งในสี่ของศีรษะ  ตกลงไม่มีอิมามใดยอมรับนมาชของเขา
 ก็เลยเป็นเรื่องติดอยู่แค่มัซฮับนั้น  มัซฮับนี้  โดยไม่คำนึงถึงว่าตัวบทจาก  กุรอาน และ หะดีษ
 ว่าไว้อย่างไรและการทำอิบาดะฮฺ  นั้น  ทำเพื่อใคร
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		| addullslam มือเก๋า
 
  
  
 เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
 ตอบ: 672
 
 
 
 | 
			
				|  ตอบ: Sun Jun 06, 2004 8:56 am    ชื่อกระทู้: |   |  
				| 
 |  
				| มัซฮับเป็นเพียงแนวทัศนะของบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิที่เสนอความคิดออกมาอย่างอิสระ ตามขอบเขตแห่งหลักการของศาสนา  ซึ่งท่านเหล่านั้น  แม้จะเป็นศิษย์เป็นอาจารย์
 ซึ่งกันและกัน  ก็ไม่เคยได้บังคับกันเลยว่าผู้เป็นศิษย์จะต้องยึดถือทัศนะของอาจารย์
 เช่น  อิมามชาฟิอีก็เป็นศิษย์ของท่านอิมามมาลิกี  แต่แนวความคิดบางเรื่องไปคนละแนว
 ท่านอิมามฮัมบาลีก็เป็นศิษย์ของท่านชาฟิอี  แต่แนวความคิดของท่านก็แตกต่างกับ
 ของชาฟิอี  ไม่ปรากฎเลยว่า  ท่านอิมามมาลิกีตำหนิชาฟิอี  ว่าเป็นผู้เนรคุณอาจารย์
 ไม่เอาอย่างครู  และในทำนองเดียวกันท่านอิมามชาฟิอี  ก็ไม่เคยด่าว่าท่านฮัมบาลี
 ว่าเป็นศิษย์ไม่ตามครู  ไม่ยึดถือแนวทางของครูที่เคยอบรมแนะนำให้
 |  | 
	
		| กลับไปข้างบน |  | 
	
		|  | 
	
		|  |