ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Tue Jan 23, 2007 9:17 pm ชื่อกระทู้: สอนคนตาย บิดอะฮที่ไม่ยอมตาย |
|
|
สอนคนตาย บิดอะฮที่ไม่ยอมตาย
มุสลิมทุกคนจำเป็นจะต้องศึกษา ศาสนา ที่มาจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ที่เกี่ยวกับ ด้านอะกีดะอ ,ด้านอิบาดะฮ, ด้านการธุรกิจ สังคม คุรธรรม จริยธรรม และอื่นๆที่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ในขณะที่เขามีชีวิตอยู่ เมื่อศึกษาแล้วก็นำวิชาความรู้ดังกล่าวมาปฏิบัติให้ถูกต้อง เพื่ออัลลฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และเพื่อให้พระองค์ทรงโปรดปรานในสิ่งที่เขาปฏิบัติ และเพื่อให้ประสบความสำเร็จในโลกนี้และโลกหน้า
สำหรับผู้มีความรู้ในด้านศาสนา ก็จำเป็นจะต้องนำความรู้ดังกล่าว ไปเผยแผ่ ไปสอนผู้ที่ไม่รู้ เพื่อให้พวกเขาได้เข้าใจศาสนาที่ถูกต้อง , มีความเชื่อ(อะกิดะฮ)ที่ถูกต้อง และ ปฏิบัติศาสนกิจอย่างถูกต้องตามที่อัลลอฮและศาสดาของพระองค์สอนไว้ แต่ก็เป็นสิ่งที่น่าหดหู่ ที่มีผู้รู้บางส่วน กลับส่งเสริมให้มีการสอนคนตายอีกด้วย โดยเฉพาะสอนคำตอบให้แก่คนตาย(มัยยิต)ในหลุมศพ เพื่อให้คนตายได้คำตอบที่จะไปตอบคำถามมลาอิกะฮ มุงกัร-นะกีร ทั้งนี้ เพราะเชื่อว่า เมื่อตอบคำถามได้แล้ว ก็จะไม่ถูกลงโทษในกุบูร และบ้างเชื่อว่า เมื่อมีคนสอนคำตอบให้มัยยิตแล้ว มลาอิกะฮทั้งสองท่านก็จะชวนกันกลับ โดยอ้างหะดิษเฏาะอีฟ ต่อไปนี้
عن سعيد بن عبد الله الأودي قال شهدت أبا أمامة وهو في النزع فقال إذا أنا مت فاصنعوا بي كما أمر رسول الله صلى الله عليه وسلم فقال
"إذا مات أحد من إخوانكم فسويتم التراب على قبره فليقم أحدكم على رأس قبره ثم ليقل يا فلان بن فلانة. فإنه يسمعه ولا يجيب. ثم يقول يا فلان بن فلانة. فإنه يستوي قاعداً. ثم يقول يا فلان بن فلانة. فإنه يقول أرشدنا رحمك الله - ولكن لا تشعرون - فليقل اذكر ما خرجت عليه من الدنيا شهادة أن لا إله إلا الله وأن محمداً عبده ورسوله وأنك رضيت بالله رباً وبالإسلام ديناً وبمحمد نبياً وبالقرآن إماماً فإن منكراً ونكيراً يأخذ كل واحد منهما بيد صاحبه ويقول انطلق بنا ما نقعد عند من لقن حجته فيكون الله حجيجه دونهما". فقال رجل يا رسول الله فإن لم يعرف أمه؟ قال "فينسبه إلى حواء يا فلان بن حواء".
رواه الطبراني في الكبير وفي إسناده جماعة لم أعرفهم
จากสะอีด บุตร อับดุลลอฮ อัลเอาดีย กล่าวว่า ข้าพเจ้าได้มาหาท่านอบีอุมามะฮ โดยที่เขา กำลังไกล้จะเสียชีวิต
เมื่อฉันได้เสียชีวิต พวกท่านจงจัดการเกี่ยวกับฉัน ดังที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้ใช้กับเรา ให้จัดการกับบรรดาผู้ตายของเรา ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ได้ใช้กับเราโดยท่านกล่าวว่า " เมื่อคนใดจากพี่น้องของพวกท่านได้เสียชีวิต พวกท่านจงทำให้ดินบนกุบูรของเขาเรียบเสมอ และคนหนึ่งจากพวกท่าน จงยืนทางปลายของกุบูรของเขา หลังจากนั้น เขาจงกล่าวว่า "โอ้ ชายผู้หนึ่ง(ที่ชื่อ....) บุตร ของนางผู้หนึ่ง(ที่ชื่อ....) ดังนั้น เขาก็ได้ทำให้มัยยิดได้ยิน โดยที่มัยยิดก็จะไม่ทำการตอบสนอง หลังจากนั้น เขาก็กล่าวอีกว่า โอ้ ชายผู้หนึ่ง บุตร ของนางผู้หนึ่ง แล้วมัยยิดก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรง จากนั้นเขากล่าวว่า โอ้ ชายผู้หนึ่ง บุตร ของนางผู้หนึ่ง ดังนั้น มัยยิดจึงกล่าวว่า ท่านจงชี้แนะแก่เราด้วยเถิด ขออัลเลาะฮ์ทรงเมตตาต่อท่าน โดยที่พวกท่านทั้งหลายไม่รู้ตัวหรอก ดังนั้น เขากล่าวว่า "ท่าน(มัยยิด) จงกล่าวกับถ้อยคำที่ท่านดำรงอยู่บนมัน โดยที่ท่านได้จากลาออกจากโลกดุนยา กับคำปฏิญานว่า แท้จริง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์ และมุหัมมัดนั้นเป็นบ่าว และเป็นศาสนาทูตของพระองค์ และแท้จริง ฉันได้พอใจด้วยกับการที่อัลเลาะฮ์ทรงเป็นผู้อภิบาล และด้วยกับอิสลามนั้น คือศาสนา และนบีมุหัมมัด คือ ศาสนทูต และอัลกุรอานคือ อิมาม ดังนั้น มุงกัรและนากิร ต่างจูงมือมิตรสหายของเขาแล้วท่านหนึ่งกล่าวว่า ท่านจงเดินไปกับเราเถิด ไม่มีอะไรที่จะทำให้เรานั่ง(สอบถาม) เกี่ยวกับผู้ที่ถูกสอนกับหลักฐาน(ที่ชี้เป็นถึงเป็นผู้ศรัทธา)ของเขาแล้ว (หมายถึงเขาได้ตอบคำถามของมุงกัรนะกีรแล้ว) " ดังนั้น มีชายคนหนึ่ง ถามท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ว่า หากเขา(ผู้อ่านตัลกีน) ไม่รู้จักมารดาผู้ตายล่ะครับ ? ท่านร่อซูลตอบว่า ก็ให้เขาอ้างไปยังมารดาของที่ชือ เฮาวาอ์ คือ(กล่าวว่า) โอ้ ชายผู้หนึ่ง(ชื่อ...) บุตร ของพระนางเฮาวาอ์ - รายงานโดย อัฎฎอ็บรอนีย ในอัลกะบีร และในสายสืบของมัน มีบรรดาผู้รายงานกลุ่มหนึ่ง ข้าพเจ้าไม่รู้จักพวกเขา - ดูมัจญมัวะซะวาอิด เล่ม 3 บทว่าด้วย การตัลกีนมัยยิต หลังจากฝัง (باب تلقين الميت بعد دفنه)
วิจารณืหะดิษข้องต้น
1. อัลอิซ บิน อับดุสสลาม กล่าวว่า "
لم يصح في التلقين شيء وهو بدعة
ไม่มี (หะดีษ) ที่เศาะหีหฺในเรื่องตัลกีนแม้แต่หะดีษเดียว และมันคือ (การกระทำที่) บิดอะฮฺ (ฟะตาวาอัลอิซ บิน อับดุสสลาม หน้า 427)
2. เจ้าของหนังสือเอานุลมะอฺบูด กล่าวว่า
والتلقين بعد الموت قد جزم كثير أنه حادث
และการอ่านตัลกีนหลังจากเสียชีวิต แท้จริงได้มีอุละมาอฺจำนวนมากยืนยันว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ (8/268)
3. ศ็อนอานีย์ไม่ได้พูดลอยๆ แต่ท่านยังอ้างว่ามีระบุในหนังสืออัลมะนารด้วยว่า
إن حديث التلقين لا يشك أهل المعرفة بالحديث في وضعه
แท้จริง หะดีษตัลกีน บรรดาผู้รู้เกี่ยวกับหะดีษไม่สงสัยเลยถึงความเป็นหะดีษเมาฎูอฺของมัน (สุบุลุสสลาม 2/113)
4. อิหม่ามนะวาวีย์กล่าวว่า
"إسناده ضعيف
สายสืบของมัน เฎาะอีฟ - อัลมัจญมัวะ (5/274)
5. อัศศอนอานีย์ กล่าวว่า
"يتحصل من كلام أئمة التحقيق أنه حديث ضعيف، والعمل به بدعة
และอัศศอ็นอานีย ได้กล่าว ว่า
"สรุปจากคำพูดของบรรดาผู้นำที่ได้รับการรับรอง ว่า แท้จริง มันเป็นหะดิษเฎาะอีฟ และการนำมันมาปฏิบัตินั้น เป็นบิดอะฮ - สุบุลุสสลาม 2/161
6. อิบนุกอ็ยยิม กล่าวว่า
ولم يكن يجلس - أي رسول الله صلى الله عليه وسلم - يقرأ عند القبر ولا يلقن الميت كما يفعله الناس اليوم ] زاد المعاد 1/522
และไม่ประกฎว่า ท่าน หมายถึงท่านรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อ่าน(อัลกุรอ่าน) ณ ทีหลุมศพ และท่านไม่ได้อ่านตัลกีนแก่มัยยิต ดังที่ผู้คนในปัจจุบันทำกัน ซาดุ้ลมะอาด 1/522
หะดิษข้างต้นมันยังขัดกับความเป็นจริงที่อัลกุรอ่านและหะดิษที่เศาะเฮียะระบุไว้ว่า อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา คือ ผู้ทรงบันดาลให้ผู้ศรัทธา สามารถตอบคำถามมลาอิกะฮในกุบูรได้ ไม่ใช่เพราะการสอนคำตอบของครูผู้สอนคนตายบนหลุมศพ โปรดมาพิจารณาดูหลักฐานต่อไปนี้
1. อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตาอาลาตรัสว่า
يُثَبِّتُ اللّهُ الَّذِينَ آمَنُواْ بِالْقَوْلِ الثَّابِتِ فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا وَفِي الآخِرَةِ
อัลลอฮทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาหนักแน่นด้วยคำกล่าวที่มั่นคง ในการมีชีวิตอยุ่ทั้งในโลกนี้(*1*) และในปรโลก(*2*)
(1) พระองค์ทรงให้พวกเขาหนักแน่นด้วยคำกล่าว ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ และคำกล่าวแห่งการศรัทธาในโลกนี้
(2) คือเมื่อมะลัก 2 ท่านถามเขาในกุบูร ดังมีหลักฐานจากหะดีษว่า เมื่อมุสลิมถูกถามในกุบูรเขาจะปฏิญาณยืนยันว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ และแท้จริงมุฮัมมัดเป็นร่อซูลของอัลลอฮ นั่นคือพระดำรัสของอัลลอฮ ตะอาลา ที่ว่า อัลลอฮทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาหนักแน่น
2. หลักฐานอัสสุนนะฮ
روى البخاري، عن براء بن عازب رضي اللّه عنه، أن رسول اللّه صلى اللّه عليه وسلم قال (المسلم إذا سئل في القبر شهد أن لا إله إلا اللّه وأن محمداً رسول اللّه، فذلك قوله {يثبت اللّه الذين آمنوا بالقول الثابت في الحياة الدنيا وفي الآخرة})
รายงานโดย บุคอรี จาก บะรออ บุตร อาซิบ (ร.ฎ)ว่า แท้จริง ท่านรซูลุ้ลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า " มุสลิมนั้น เมื่อเขาถูกถามในหลุมศพ(กุบูร) เขาก็ปฏิญานว่า ไม่มีพระเจ้าอืนใด นอกจากอัลลอฮ และแท้จริง มุหัมหมัด ๕อ ศาสนทูตของอัลลอฮ ดังกล่าวนั้น คือ คำดำรัสของอัลลอฮที่ว่า
อัลลอฮทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาหนักแน่นด้วยคำกล่าวที่มั่นคง ในการมีชีวิตอยุ่ทั้งในโลกนี และในปรโลก - อิบรอฮีม/27 ดูมุคตะศอรอิบนิกะษีร
ผู้อ่านที่เคารพรักครับ โปรดพิจารณาดูเถิดว่า สิ่งเหล่านี้ เป็นศาสนา หรือ เป็นเนื้องอกที่เข้ามาทำลายความบริสุทธ์ของศาสนา
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย asan เมื่อ Mon Mar 05, 2007 10:37 pm, แก้ไขทั้งหมด 5 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
อิลยาส มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2005 ตอบ: 279
|
ตอบ: Sat Feb 17, 2007 8:28 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อัสลามุอลัยกุม...
อัลหัมดุลิลลาฮฺ ที่เชียงใหม่ไม่มีกัน..ถ้ามีคงแอบทำกัน..
ขออัลลอฮฺให้ความเข้มแข้งแก่ทุกท่านเพื่อยืนหยัด และปกป้องอิสลาม
อาจารย์ อะซัน สบายดีนะครับ..ผมอยากปรึกษาอาจารย์เรื่องแปลตำรับตำรา..อาจารย์
เหนว่าอย่างรัยครับ...แล้วผมจาแวะมาอีกนะครับ..อินชาอัลลอฮฺ
วัสลาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sat Feb 24, 2007 7:26 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ครับ คุณ อิลยาส ครับสบายดี และหวังว่าคุณอิลยาสสบายดีนะครับ
............. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
IRF มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 10/12/2005 ตอบ: 155
|
ตอบ: Thu Mar 08, 2007 12:27 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สลามุอลัยกุม บังสัน
ดีครับ ตีเยอะๆ ไม่งั้นมันเอิด! |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
ชมพู่ มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 22/02/2007 ตอบ: 3
|
ตอบ: Thu Mar 08, 2007 9:42 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ดิฉันคิดว่า....คนที่เป็นมุสลิมตอนเป็นเตือนได้
ตอนตายก็น่าจะเตือนได้เพราะเขายังได้ยินเสียงคนเป็นไม่ใช่หรือ
ผู้รู้ตอบหน่อยค่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
ชมพู่ มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 22/02/2007 ตอบ: 3
|
ตอบ: Fri Mar 09, 2007 8:15 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ว่าอย่างไรค่ะ คนตายได้ยินคนเป็นหรือเปล่า
ตอบหน่อยซิค่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Mar 14, 2007 12:27 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ชมพู่ บันทึก: | ดิฉันคิดว่า....คนที่เป็นมุสลิมตอนเป็นเตือนได้
ตอนตายก็น่าจะเตือนได้เพราะเขายังได้ยินเสียงคนเป็นไม่ใช่หรือ
ผู้รู้ตอบหน่อยค่ะ |
..............................................
คุณชมพู่ครับ อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา ส่งศาสนทูตมา พร้อมกับส่งคัมภีรอัลกุรอ่านมา เพื่อ ตักเตือนคนเป็นนะครับ และการที่คนตายได้ยินนั้น มันเกิดประโยชน์อะไรกับคำตักเตือนหรือครับ ถ้าเขาทิ้งละหมาด และสำนึกผิดในหลุมศพ เขาจะกลับมาละหมาดได้หรือ
มาดูคำดำรัสของอัลลอฮ เกี่ยวกับการสำนึกผิดของคนที่ตายแล้ว
حَتَّى إِذَا جَاء أَحَدَهُمُ الْمَوْتُ قَالَ رَبِّ ارْجِعُونِ
[23.99] จนกระทั่งเมื่อความตายได้มาหาคนใดในพวกเขา เขาก็จะกล่าวขึ้นว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์กลับไปมีชีวิตอีกครั้งหนึ่งเถิด
لَعَلِّي أَعْمَلُ صَالِحاً فِيمَا تَرَكْتُ كَلَّا إِنَّهَا كَلِمَةٌ هُوَ قَائِلُهَا وَمِن وَرَائِهِم بَرْزَخٌ إِلَى يَوْمِ يُبْعَثُونَ
[23.100] เพื่อข้าพระองค์จะได้กระทำความดีในสิ่งที่ข้าพระองค์ปล่อยทิ้งไว้ เปล่าเลย ! มันเป็นเพียงถ้อยคำที่เขากล่าวมันไว้เท่านั้น และเบื้องหน้าของพวกเขานั้นมีโลกบัรซัค จนกระทั่งถึงวันที่พวกเขาจะถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมา
อิบนิกะษีรได้อธิบายว่า
يُخْبِر تَعَالَى عَنْ حَال الْمُحْتَضَر عِنْد الْمَوْت مِنْ الْكَافِرِينَ أَوْ الْمُفَرِّطِينَ فِي أَمْر اللَّه تَعَالَى وَقِيلهمْ عِنْد ذَلِكَ وَسُؤَالهمْ الرَّجْعَة إِلَى الدُّنْيَا لِيُصْلِح مَا كَانَ أَفْسَدَهُ فِي مُدَّة حَيَاته وَلِهَذَا قَالَ " رَبّ اِرْجِعُونِ لَعَلِّي أَعْمَل صَالِحًا فِيمَا تَرَكْت
อัลลอฮตะอาได้บอกเกี่ยวกับสภาพของผู้ที่ความตายมาถึง จากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา หรือ บรรดาผู้ที่ฝ่าฝืน คำสั่งของอัลลอฮ ตะอาลา และเกี่ยวกับคำพูดของพวกเขา ในขณะนั้น และเกี่ยวกับการขอกลับไปยังโลกอีกครั้ง เพื่อปรับปรุง สิ่งที่พวกเขาได้ทำให้เสียหาย ในขณะที่มีชีวิตอยู่ และเพราะเหตุนี้ เขากล่าวว่า "ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์กลับไปมีชีวิตอีกครั้งหนึ่งเถิด เพื่อข้าพระองค์จะได้กระทำความดีในสิ่งที่ข้าพระองค์ปล่อยทิ้งไว้ - ตัฟสีรอิบนิกะษีร อรรถาธิบายอายะฮที่ 99-100 ซูเราะฮอัลมุอฺมินูน
...................
เพราะฉะนั้น เตือนคนตาย มันไม่เกิดประโยชน์ อันใดเลย และสิ่งที่เกิดประโยชน์ตคือ ดุอาให้แก่พวกเขา และขออภัยโทษแก่พวกเขา นี้คือ สิ่งที่ศาสนาให้กระทำ ไม่ใช่สอนคนตายให้ตอบคำถามมลาอิกะฮ คำว่า
كَلَّا إِنَّهَا كَلِمَةٌ هُوَ قَائِلُهَا
มันเป็นเพียงถ้อยคำที่เขากล่าวมันไว้เท่านั้น
หมายถึง แค่คำพูดเท่านั้น แต่ไม่มีผลใด ๆตามที่พูดนั้น เพราะเขาไม่มีสิทธิ์ ที่จะกลับไปยังโลกอีกแล้ว
.................
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Mar 14, 2007 1:12 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เพิ่มเติม
อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาตรัสไว้ว่า
وَمَا يَسْتَوِي الْأَحْيَاء وَلَا الْأَمْوَاتُ إِنَّ اللَّهَ يُسْمِعُ مَن يَشَاءُ وَمَا أَنتَ بِمُسْمِعٍ مَّن فِي الْقُبُورِ
[35.22] และคนเป็นกับคนตายนั้น ย่อมไม่เหมือนกัน แท้จริง อัลลอฮ์ทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ได้ยิน และเจ้าไม่สามารถที่จะให้ผู้ที่อยู่ในหลุมฝังศพได้ยินได้
كَمَا لَا يَقْدِر أَنْ يُسْمِع مَنْ فِي الْقُبُور كِتَابَ اللَّه , فَيَهْدِيهِمْ بِهِ إِلَى سَبِيل الرَّشَاد , فَكَذَلِكَ لَا يَقْدِر أَنْ يُنْفَع بِمَوَاعِظ اللَّه , وَبَيَان حُجَجه
ดังเช่นที่ไม่สามารถทำให้ผู้ทีอยู่ในหลุมศพ ได้ยินคัมภีร์ของอัลลอฮ เพื่อที่จะแนะนำพวกเขาไปสู่หนทางที่ถูกต้องได้ และในทำนองเดียวกันนั้น ไม่สามารถที่จะให้เขาได้ปรโยชน์ด้วยบรรดาคำตักเตือนของอัลลอฮ และการอธิบายหลักฐานของพระองค์ได้ - ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์
عَنْ قَتَادَة { إِنَّ اللَّهَ يُسْمِع مَنْ يَشَاء وَمَا أَنْتَ بِمُسْمِعٍ مَنْ فِي الْقُبُور } كَذَلِكَ الْكَافِر لَا يَسْمَع , وَلَا يَنْتَفِع بِمَا يَسْمَع
จากเกาะตาดะฮ ( แท้จริง อัลลอฮ์ทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ได้ยิน และเจ้าไม่สามารถที่จะให้ผู้ที่อยู่ในหลุมฝังศพได้ยินได้ ) ว่า ในทำนองเดียวกัน นั้น กาเฟร จะไม่ได้ยิน และไม่เกิดประโยชน์ด้วยสิ่งที่ได้ยิน - ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์ อรรถาธิบาย อัลกุรอ่าน 35/22
...........
สรุปว่า คนตายนั้น แม้ได้ยิน คำตักเตือน ก็ไม่เกิดประโยชน์ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
amenaa มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 13/06/2009 ตอบ: 1
|
ตอบ: Sat Jun 13, 2009 10:08 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
การตักเตือนหรือให้ความรู้แก่พี่น้องมุสลิมถือว่าได้กุศล แต่ผู้ที่ตายไปแล้วการเตือนถือว่าเป็นการย้ำในเรื่องความรู้ เพราะในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่โดดเดี่ยว คนที่เรารักเมื่อเขาได้ตายไปแล้ว เราก็อยากให้เขาได้รับความปลอดภัยจากการสอบสวนของมาลาอิกัต เมื่อเรามีเจตนาอุทิศสิ่งที่เราได้สอนให้แก่เขา อัลลอฮ์เท่านั้นที่จะตัดสินในสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่บรรดามนุษย์ทั้งหลาย พี่น้องของเราที่ตายไป นั้นแตกต่างกับซากสัตว์ที่เอาไปฝังหรือทิ้งตามข้างทางก็เส็รจภารกิจเราแล้ว แต่นี่เป็นพ่อแม่พี่น้องของเราอย่าปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวหลังจากที่เพิ่งตาย |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sun Jun 14, 2009 2:10 am ชื่อกระทู้: |
|
|
amenaa บันทึก: | การตักเตือนหรือให้ความรู้แก่พี่น้องมุสลิมถือว่าได้กุศล แต่ผู้ที่ตายไปแล้วการเตือนถือว่าเป็นการย้ำในเรื่องความรู้ เพราะในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่โดดเดี่ยว คนที่เรารักเมื่อเขาได้ตายไปแล้ว เราก็อยากให้เขาได้รับความปลอดภัยจากการสอบสวนของมาลาอิกัต เมื่อเรามีเจตนาอุทิศสิ่งที่เราได้สอนให้แก่เขา อัลลอฮ์เท่านั้นที่จะตัดสินในสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่บรรดามนุษย์ทั้งหลาย พี่น้องของเราที่ตายไป นั้นแตกต่างกับซากสัตว์ที่เอาไปฝังหรือทิ้งตามข้างทางก็เส็รจภารกิจเราแล้ว แต่นี่เป็นพ่อแม่พี่น้องของเราอย่าปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวหลังจากที่เพิ่งตาย |
การตักเตือนที่มีประโยชน์คือ การตักเตือนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะเมื่อเขาสำนึกได้ เขาจะได้ปรับปรุงตนเอง แก้ไขในส่วนที่บกพร่อง ดังหะดิษ
عن أبي تميم بن أوس رضي الله عنه ، أن النبي صلى الله عليه وسلم قال ( الدين النصيحة ، قلنا : لمن يا رسول الله ؟ قال : لله ، ولكتابه ، ولرسوله ، ولأئمة المسلمين وعامتهم ) رواه البخاري و مسلم
จากอบี ตะมีม บินเอาซี่ รอฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวาซัลลัม กล่าวว่า ศาสนาคือการตักเตือนกัน พวกเรากล่าวว่า (ตักเตือนกัน)เพื่อใครล่ะ ท่านตอบว่า เพื่ออัลลอฮฺ เพื่อคัมภีร์ของพระองค์ เพื่อรอซูลของพระองค์ และเพื่อผู้นำของมวลมุสลิม รวมทั้งบรรดามุสลิมทั่วไปด้วย (บันทึกโดยบุคอรี และมุสลิม)
หะดิษข้างต้น ไม่เคยมีนักวิชาการผู้ทรงธรรม ยุคใดเข้าใจว่า รวมถึงเตือนคนที่ตายไปแล้ว ด้วย เพราะ เขารู้ดีว่า คนตายไม่มีโอกาสกลับมาแก้ตัวใหม่ได้ หากเขาสำนึกผิด
ส่วนเขาจะปลอดภัยจากการสอบสนของมลาอิกะฮหรือไม่ มันอยู่ที่อีหม่านและผลการกระทำของเขาตอนที่อยู่ในโลก และถ้าเขาเป็นคนดี ในหลุมศพ ก็จะกลายเป็นสวนหนึ่ง จากสวนสวรรค์ ดังหะดิษท่านนบี ศ็อลลัลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า
((القبر إما روضة من رياض الجنة أو حفرة من حفر النار
"หลุมศพนั้น บางที เป็นสวนหนึ่ง จากบรรดาสวนสวรรค์ หรือ เป็นขุมหนึ่งจากขุมนรก" รายงานโดย อัตติรมิซีย์
เพราะฉนั้น คนตายทีเป็นคนดีคงไม่โดดเดี่ยวหรอกครับ เขามีความสุข เพราะได้ชมสถานที่ในสวรรค์ ที่อัลลอฮ เปิดให้เขาเห็น เมื่อเขาเป็นคนดี
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เล่าเกี่ยวกับผู้ศรัทธา เมื่อถูกสอบสวนในหลุมศพว่า
(فينادي منادي من السماء أن صدق عبدي فافرشوه من الجنة وافتحوا له بابا من الجنة)
"แล้วได้มีผู้ประกาศ จากฟากฟ้า ประกาศว่า แท้จริงบ่าวของข้า พูดจริง ดังนั้น พวกเจ้าจงตบแต่งสวรรค์ ให้แก่เขาและจงเปิด ประตูที่ไปสู่สวรรค์ ให้แก่เขา" (1)
ส่วนหลักฐานที่นำมาสอนคนตายนั้น เช็คอัสสุยูฏีย์กล่าวว่า
اَلتَّلْقِيْنُ لَمْ يَثْبُتْ فِيْهِ حَدِيْثٌ صَحِيْحٌ وَلاَ حَسَنٌ، بَلْ حَدِيْثُهُ ضَعِيْفٌ بِاتِّفُاقِ الْمُحَدِّثِيْنَ، وَلِهَذَا ذَهَبَ جُمْهُوْرُ الأُمَّةِ إِلَى أَنَّ التَّلْقِيْنَ بِدْعَةٌ، وَآخِرُ مَنْ أَفْتَى بِذَلِكَ الشَّيْخُ عِزُّ الدِّيْنِ بْنُ عَبْدِ السَّلاَمِ
การอ่านตัลกีนไม่มีการยืนยันเกี่ยวกับมันโดยหะดีษที่เศาะหีหฺ และหะดีษที่หะสัน แต่ทว่ามันเป็นหะดีษที่อ่อนตามมติที่เป็นเอกฉันท์ของบรรดานักหะดีษ และด้วยเหตุนี้ ประชาชาติ (อุละมาอฺรุ่นก่อน) ส่วนใหญ่จึงมีทัศนะว่า การอ่านตัลกีนเป็นอุตริกรรม (บิดอะฮฺ) และอุละมาอฺท่านสุดท้ายที่ให้ฟัตวาเช่นนี้คือเชคอิซซุดดีน บิน อับดุสสลาม (อัลหาวีลิลฟะตาวี, เล่ม 2 หน้า 180)
วัลลอฮุอะอฺลัม
.......................
(1) [أخرجه الإمام احمد (4/287) وأبو داوود كتاب السنة، باب في المسالة في القبر وعذاب القبر رقم (4753) والحاكم (1/37) عن البراء ابن عازب رضي الله عنه. وقال الحاكم صحيح على شرط الشيخين. ووافقه الذهبي _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|