ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - เหลือเชื่อ !!! เสื้อเรารักนบีเป็นบิดอะห์
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
เหลือเชื่อ !!! เสื้อเรารักนบีเป็นบิดอะห์
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 18, 19, 20 ... 25, 26, 27  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed May 03, 2006 9:51 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ท่านผู้อ่านที่เคารพ มาดูสาเหตุของการไม่ยอมรับความจริงและพฤติกรรมของหัวโจกบิดอะฮ จากนักวิชาการที่ได้บอกเอาไว้
قال ابن أبي العز: "كل فريق من أرباب البدع يعرض النصوص على بدعته وما ظنه معقولاً، فما وافقه قال: إنه محكم، وقبله واحتج به، وما خالفه قال: إنه متشابه ثم ردّه وسمّى ردّه تفويضاً، أو حرّفه، وسمّى تحريفه تأويلاً، فلذلك اشتد إنكار أهل السنة عليهم". [شرح الطحاوية: ص: 399

อิบนุอบีลอิซ กล่าวว่า “ ทุกๆพวกจากบรรดาหัวโจกบิดอะฮ จะเสนอหลักฐานเพื่อรับรองบิดอะฮของเขา และสิ่งที่เขาเห็นว่า กินกับปัญญา ดังนั้น สิ่งใดที่สอดคล้องกับมัน(ความคิดเห็น) เขาก็กล่าวว่า แท้จริง มันเป็นหลักฐานที่ชัดเจน และเขาก็รับรองและเอามันมาเป็นหลักฐาน และสิ่งใดที่ขัดกับมัน(ความคิดเห็น) เขาก็จะกล่าวว่า เป็นสิ่งที่คลุมเครือ หลังจากนั้นเขาก็ปฏิเสธ มัน และเขาเรียก การปฏิเสธมันว่า “ตัฟวีฏ”(ในวิชากะลาม คือ การปล่อยมันไว้ตามนั้น โดยไม่มีความเห็นใดๆ) หรือ เขาเปลียนความหมายมัน และเรียกการเปลี่ยนความหมายของมันว่า “ตะวีล”(การตีความ) ดังนั้น ด้วยเหตุดังกล่าวนั้น อะฮลุสสุนนะฮ(ชาวสุนนะฮ)จึงคัดค้านพวกเขาอย่างรุนแรง – ดูชัรหุอัฏเฏาะหาวียะฮ หน้า 399
...................
นี้คือ สาเหตุของการตีความ อัลกุรอ่านและหะดิษ เพื่อให้กินกับปัญญาของตนตามแนวทางมุอตะซิละฮ นี้คือ ความเจ้าเลห่ ที่ไม่รู้จักจบ พาลไปเรื่อย แม้จะจาบจ้วงอุลามาอก็ยอม แต่ จะไม่ยอมแพ้ นี้คือ จรรยาบรรณของพวกเขา
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed May 03, 2006 11:48 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

น่าสงสารน้องบ่าว konyakroo จัง แทนที่จะหูตาสว่าง กลับปิดตาอ้าปากให้นายมุหัมหมัดป้อนขี้ ให้ตลอด..อ้วก..เอิ้ก คักๆๆๆๆ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed May 03, 2006 2:27 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ท่านผู้อ่านที่เคารพ มาดูสาเหตุของการไม่ยอมรับความจริงและพฤติกรรมของหัวโจกบิดอะฮ จากนักวิชาการที่ได้บอกเอาไว้
قال ابن أبي العز: "كل فريق من أرباب البدع يعرض النصوص على بدعته وما ظنه معقولاً، فما وافقه قال: إنه محكم، وقبله واحتج به، وما خالفه قال: إنه متشابه ثم ردّه وسمّى ردّه تفويضاً، أو حرّفه، وسمّى تحريفه تأويلاً، فلذلك اشتد إنكار أهل السنة عليهم". [شرح الطحاوية: ص: 399

อิบนุอบีลอิซ กล่าวว่า “ ทุกๆพวกจากบรรดาหัวโจกบิดอะฮ จะเสนอหลักฐานเพื่อรับรองบิดอะฮของเขา และสิ่งที่เขาเห็นว่า กินกับปัญญา ดังนั้น สิ่งใดที่สอดคล้องกับมัน(ความคิดเห็น) เขาก็กล่าวว่า แท้จริง มันเป็นหลักฐานที่ชัดเจน และเขาก็รับรองและเอามันมาเป็นหลักฐาน และสิ่งใดที่ขัดกับมัน(ความคิดเห็น) เขาก็จะกล่าวว่า เป็นสิ่งที่คลุมเครือ หลังจากนั้นเขาก็ปฏิเสธ มัน และเขาเรียก การปฏิเสธมันว่า “ตัฟวีฏ”(ในวิชากะลาม คือ การปล่อยมันไว้ตามนั้น โดยไม่มีความเห็นใดๆ) หรือ เขาเปลียนความหมายมัน และเรียกการเปลี่ยนความหมายของมันว่า “ตะวีล”(การตีความ) ดังนั้น ด้วยเหตุดังกล่าวนั้น อะฮลุสสุนนะฮ(ชาวสุนนะฮ)จึงคัดค้านพวกเขาอย่างรุนแรง – ดูชัรหุอัฏเฏาะหาวียะฮ หน้า 399
...................
นี้คือ สาเหตุของการตีความ อัลกุรอ่านและหะดิษ เพื่อให้กินกับปัญญาของตนตามแนวทางมุอตะซิละฮ นี้คือ ความเจ้าเลห่ ที่ไม่รู้จักจบ พาลไปเรื่อย แม้จะจาบจ้วงอุลามาอก็ยอม แต่ จะไม่ยอมแพ้ นี้คือ จรรยาบรรณของพวกเขา
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed May 03, 2006 4:06 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Konyakroo กล่าวว่า
มาดูตัวบทข้างล่างครับโดยอุละมะด้านฮาดีสอย่างท่าน
ท่านอัล-หาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวไว้รายงาน จากท่าน อะหฺมัด บิน มะนีอฺ ซึ่งเขาได้กล่าวรายงานไว้ใน มุสนัดของเขาว่า

عن الأحنف بن قيس قال : كنت أسمع عمر يقول : لا يدخل أحد من قريش فى باب إلا دخل معه ناس ، فلا أدرى ما تأويل قوله حتى طعن عمر فأمر صهيبا أن يصلى بالناس ثلاثا ، وأمر أن يجعل للناس طعاما فلما رجعوا من الجنازة جاءوا وقد وضعت الموائد ، فأسك الناس عنها للحزن الذى هم فيه فجاء العباس بن عبد المطلب ، فقال : ياأيها الناس قد مات...الحديث

" รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า "คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงการตีความคำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาด(ญะนาซะฮ์)สามรอบด้วยกัน และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คน ดังนั้น ในขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดสำหรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้ตนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็มา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้ว....." สายรายงาน "หะซัน" ดู หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 198 หะดิษที่ 709
................
ตอบ
แต่ในหนังสือ มุจญมะอุซซะวาอิด วะมันบะอุลฟะวาอิด ของท่านอาลี บุตร อบีบักร อัลหัยษะมีย์ เล่ม 5 หน้า 195

คือ มี ประโยคที่ว่า
أن يجعل للناس طعاماً تلك الثلاث الأيام حتى يجتمع أهل الشورى على رجلٍ
และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คนในสามวันดังกล่าวว่า จนกว่า บรรดาคณะที่ปรึกษา ได้ลงมติ ต่อคนคนหนึ่ง - ตัวบทเต็มดูข้างล่าง

وعن الأحنف بن قيس قال كنت أسمع عمر بن الخطاب رضي الله عنه يقول لا يدخل رجل من قريش من باب إلا دخل معه أناس فلا أدري ما تأويل قوله فأمر صهيبا أن يصلي بالناس ثلاثاً وأمر أن يجعل للناس طعاماً تلك الثلاث الأيام حتى يجتمع أهل الشورى على رجلٍ فلما رجعوا من الجنازة جاءوا وقد وضعت الموائد فأمسك الناس للحزن الذي هم فيه فجاء العباس بن عبد المطلب فقال يا أيها الناس قد مات رسول الله صلى الله عليه وسلم فأكلنا وشربنا بعده ومات أبو بكر رضي الله عنه فأكلنا وشربنا بعده أيها الناس كلوا من هذا الطعام فمد يده ومد الناس أيديهم فأكلوا فعرفت تأويل قوله . رواه الطبراني وفيه علي بن زيد وحديثه حسن ، وبقية رجاله رجال الصحيح

รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า "คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงความหมาย คำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาดผู้คนสามวัน และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คนในสามวันดังกล่าวว่า จนกว่า บรรดาคณะที่ปรึกษา ได้ลงมติ ต่อคนคนหนึ่ง แล้วขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดสำหรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้คนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็มา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้ว ...แล้วพวกเรากินและดื่มหลังจากท่าน และอบูบักร(ร.ฎ) ได้ตายไปแล้ว แล้วพวกเราได้กิน ได้ดื่มหลังจากท่าน แล้วพวกเราได้กิน ได้ดื่ม หลังจากท่าน โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย จงกินอาหารนี้เถิด แล้วเขา ได้ยื่นมือของเขา และผู้คนทั้งหลายก็ได้ยื่นมือของพวกเขา แล้วพวกเขาก็รับประทานกัน ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงรู้ ความหมายคำพูดของท่าน(อุมัร) – รายงานโดย อัฏฏอ็บรอนีย และในสายรายงานหะดิษนี้ มี อาลี บุตร เซด ซึ่ง หะดิษของเขานั้น อยู่ในระดับที่ดี และบรรดาผู้รายงานที่นอกเหนือจากเขานั้น เป็นบรรดาผู้รายงานที่ถูกต้อง
.....................
ไม่ทราบว่า ของนาย konyakroo ถูกตัดตอนหรือเปล่า ฮะฮา .. เห็นไม่ปรากฏ มันหายปายหนาย..... น่าสงสัยจัง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed May 03, 2006 4:11 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แก้ไข
คือ มี ประโยคที่ว่า
أن يجعل للناس طعاماً تلك الثلاث الأيام حتى يجتمع أهل الشورى على رجلٍ
และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คนในสามวันดังกล่าว จนกว่า บรรดาคณะที่ปรึกษา ได้ลงมติ ต่อคนคนหนึ่ง - ตัวบทเต็มดูข้างล่าง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed May 03, 2006 4:30 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

มาดูอีกหะดิษ เป็นการยืนยัน ว่าของนายอะสัน ของแท้ แต่ของนาย konyakroo ไม่ทราบว่า ปละ...ปลอมหรือป่าว
ใน- อัฏ-เฏาะบะกอตอัลกุบรอ เล่ม 4 หัวข้อ อัล-อับบาส บุตร อบีฏอลิบ กล่าวว่า
حدثنا حماد بن سلمة عن علي بن زيد عن الحسن عن الأحنف بن قيس قال سمعت عمر بن الخطاب يقول إن قريشا رؤوس الناس لا يدخل أحد منهم في باب إلا دخل معه فيه قال يزيد بن هارون ناس وقال عفان وسليمان طائفة من الناس فلم أدر ما تأويل قوله في ذا حتى طعن فلما احتضر أمر صهيبا أن يصلي بالناس ثلاثة أيام وأمره أن يجعل للناس طعاما فيطعموا وقال عفان وسليمان حتى يستخلفوا إنسانا فلما رجعوا من الجنازة جيء بالطعام ووضعت الموائد فأمسك الناس عنها قال يزيد للحزن الذي هم فيه فقال العباس بن عبد المطلب أيها الناس إن رسول الله صلى الله عليه وسلم قد مات فأكلنا بعده وشربنا ومات أبو بكر فأكلنا بعده وشربنا قال عفان وسليمان وإنه لا بد من الأجل فكلوا من هذا الطعام ثم مد العباس يده فأكل ومد الناس أيديهم فأكلوا فعرفت قول عمر إنهم رؤوس الناس
....................

فلما احتضر أمر صهيبا أن يصلي بالناس ثلاثة أيام
เมื่อท่าน(อุมัร)ไกล้จะสิ้นชีวิต ท่านได้ใช้ให้ศุหัยบ ละหมาดนำผู้คน เป็นเวลาสามวัน

...........
แต่ของนาย konyakroo กลับแปลโมเมเอาว่า

แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาด(ญะนาซะฮ์)สามรอบด้วยกัน

..........
แบบนี้เขาเรียว่า อะไรล่ะจ้ะ konyakroo ถ้าไม่เรียกว่า บิดเบือน ฮะฮา
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
adeel
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 172


ตอบตอบ: Wed May 03, 2006 4:47 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เป็นไงละ นายมูหัมมัดกับพรรคพวก สนุกสนานกันดีไหม ยิ่งโพสต์มาเท่าไหร่ ก็ยิ่งโชว์กำพืดมากขึ้นเท่านั้นแหละ

นี่แหละความหวังของโต๊ครูเมืองไทยในอนาคต ทั้งกริยามารยาทบทบาททางวิชาการเป็นอย่างนี้ เขาประจานตัวเองให้พี่น้องเห็นแล้วครับ

แต่ข้อความที่เขาโพ้สต์จะถูกหรือผิด วัลลอฮุอะลัม ไม่ใช่ประเด็นที่กำลังสนทนา

เอ...แล้วพวกเขาโพสต์มาทำไม

อ๋อ...กลบครับ... กลบเกลื่อนเรื่องที่ผมถามนะซิคร๊าบ ฮ้า ฮ่า ฮ่า เอิกๆๆๆ

พวกเขาเอาฮาดีษยกเมฆมาอ้างว่านาบีกินบุญบ้านคนตาย ผมแค่ให้พวกเขาเอาตัวบทต้นฉบับให้ดูหน่อย

เท่านั้นแหละครับ อาการออกอย่างที่ท่านได้เห็น
แต่ก็ไม่ยอมรับซะที ไถลไปวันๆ โพ้สต์ยาวๆเข้าไว้ คนอ่านจะได้ลืม
แต่นายมูหะมัดกับพวกผิดหวังแน่ เพราะคนเขารอชมหลักฐานจากต้นฉบับอยู่ ฮ้า ฮ่า ฮ่า

อ้าว..พล่ามกันจบหรือยัง ทีนี้ตอบมาซะดีๆ
ฮาดีสต้นฉบับจากบันทึกไหนที่บอกว่านาบีกินบุญบ้านคนตายนะ
จะตอบหรือจะหนีประเด็น คนเขาชมอยู่ เฮ่อๆๆๆๆ


สลามครับ บังอะสัน

จะย้ายไปประเด็นท่านอุมัรก็ไม่เป็นไร แต่คำถามของผมยังคาใจผู้อ่าน เพราะพวกน้องผู้หิวโหยยังอ้างมั่วว่านาบีกินบุญบ้านคนตายโดยหาตัวบทต้นฉบับมาแสดงไม่ได้ แต่เรื่องท่านอุมัรนี่ผมเห็นความมั่วของพวกเขาแล้วละ ฮ้า ฮ่า ฮ่า เอิกๆๆๆ




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed May 03, 2006 5:15 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

วะอะลัยกุมุสสลามวะเราะหมะตุ้ลลอฮ ครับ น้องอาดีล
เรื่อง หะดิษนบีกินบุญคนตาย กลายเป็นนิยายน้ำเน่าไปแล้วครับ ตอนนี้ เขาพาลไปหาเรื่อง อิบนุตัยมียะฮ ตอนนี้ konyakroo และนายมุหัมหมัด กลายเป็นช้างตกมันไปแล้ว ฮะฮา
แต่..บังขอรวบรวมข้อมูลก่อน แล้วจะ นำหะดิษที่พวกเขาอ้าง ทั้งหมด มาบดอีกที ฮะฮา
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Wed May 03, 2006 9:46 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากบังอะสัน

ท่านผู้อ่านที่เคารพ มาดูสาเหตุของการไม่ยอมรับความจริงและพฤติกรรมของหัวโจกบิดอะฮ จากนักวิชาการที่ได้บอกเอาไว้
قال ابن أبي العز: "كل فريق من أرباب البدع يعرض النصوص على بدعته وما ظنه معقولاً، فما وافقه قال: إنه محكم، وقبله واحتج به، وما خالفه قال: إنه متشابه ثم ردّه وسمّى ردّه تفويضاً، أو حرّفه، وسمّى تحريفه تأويلاً، فلذلك اشتد إنكار أهل السنة عليهم". [شرح الطحاوية: ص: 399

อิบนุอบีลอิซ กล่าวว่า “ ทุกๆพวกจากบรรดาหัวโจกบิดอะฮ จะเสนอหลักฐานเพื่อรับรองบิดอะฮของเขา และสิ่งที่เขาเห็นว่า กินกับปัญญา ดังนั้น สิ่งใดที่สอดคล้องกับมัน(ความคิดเห็น) เขาก็กล่าวว่า แท้จริง มันเป็นหลักฐานที่ชัดเจน และเขาก็รับรองและเอามันมาเป็นหลักฐาน และสิ่งใดที่ขัดกับมัน(ความคิดเห็น) เขาก็จะกล่าวว่า เป็นสิ่งที่คลุมเครือ หลังจากนั้นเขาก็ปฏิเสธ มัน และเขาเรียก การปฏิเสธมันว่า “ตัฟวีฏ”(ในวิชากะลาม คือ การปล่อยมันไว้ตามนั้น โดยไม่มีความเห็นใดๆ) หรือ เขาเปลียนความหมายมัน และเรียกการเปลี่ยนความหมายของมันว่า “ตะวีล”(การตีความ) ดังนั้น ด้วยเหตุดังกล่าวนั้น อะฮลุสสุนนะฮ(ชาวสุนนะฮ)จึงคัดค้านพวกเขาอย่างรุนแรง – ดูชัรหุอัฏเฏาะหาวียะฮ หน้า 399
...................
นี้คือ สาเหตุของการตีความ อัลกุรอ่านและหะดิษ เพื่อให้กินกับปัญญาของตนตามแนวทางมุอตะซิละฮ นี้คือ ความเจ้าเลห่ ที่ไม่รู้จักจบ พาลไปเรื่อย แม้จะจาบจ้วงอุลามาอก็ยอม แต่ จะไม่ยอมแพ้ นี้คือ จรรยาบรรณของพวกเขา

วิจารณ์

อิบนุอะบีอัลอิซฺ ไม่ใช่อุลามาอ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ แต่เป็นอุลามาอ์ของกลุ่มอัลมุญัสสิมะฮ์ การที่เขาอ้างตนว่าอยู่มัซฮับหะนะฟีย์นั้น บรรดาอุลามาอ์หะนะฟีย์จริงๆนั้น ก็ไม่ทราบเกี่ยวเรื่องนี้ และอุลามาอ์หะนะฟีย์จริงๆ อย่างเช่น ท่าน อัลกอรีย์ อัลอัยนีย์ ก็กล่าวยืนยันว่า เขานั้นถูกบรรดาอุลามาอ์ปฏิเสธและให้การตำหนิ

การมอบหมายของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์และวะฮาบีย์นั้น มีความแตกต่างกัน คือการมอบหมายถึงอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์นั้น มอบหมายทั้งความหมายและวิธีการ คือไม่เจาะจงความหมายของมันและไม่ถามว่ามันเป็นอย่างไร นั่นคือแนวทางแรกของอัลอะชาอิเราะฮ์ แต่การอ้างมอบหมายของวะฮาบีย์นั้น คือเขาไม่มอบหมายการเจาะจงการรู้ เช่นเขารู้ว่า อัลอิสติวาอ์คือการนั่งอยู่บนบัลลังก์ (แค่นี้คนเอาวามก็นึกกันไปใหญ่แล้ว) แต่วะฮาบีย์พยายามปิดความบิดอะฮ์ของตนโดยกล่าวว่า ไม่รู้นั่งบนบัลลังก์อย่างไร ซึ่งแนวทางอย่างนี้ ไม่ใช่แนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์และไม่ใช่แนวทางของสะละฟุศศอลิหฺ

ส่วนการตีความนั้น ก็มีรายงานจากสะลัฟมากมายที่ทำการตีความ และการตีความของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์นั้น ไม่ใช่เพื่อให้เข้าใจปัญญาของตนเป็นหลัก แต่เพื่อให้สอดคล้องกับ หลักฐานที่ قطعى เด็ดในทั้งด้านถ้อยคำของตัว และสิ่งที่บ่งชี้ دلالة ของตัวบทที่หลักยึดมั่นที่บริสิทธิ์แด่พระองค์ تنزيه ไม่ว่าจะเป็นด้านซิฟาตซาตฺ ซิฟาตการกระทำของพระองค์ ดังนั้น ไม่ว่าจะหนทางมอบหมายถึงความหมายและวิธีการ หรือหนทางในการตีความให้สอดคล้องกับหลักฐานที่ قطعى เด็ดในทั้งด้านถ้อยคำของตัว และสิ่งที่บ่งชี้ دلالة ของตัวบทที่สติปัญญาคนทั่วไปไม่ครางแครง ก็ย่อมมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือتنزيه ยึดมั่นในความบริสุทธิ์ของอัลเลาะฮ์จากการอยู่ในสถานที่ มีทิศ มีซีฟัตที่เป็นส่วน เช่นวะฮาบีย์กล่าวว่า ซีฟัตนิ้วเป็นส่วนหนึ่งจากซีฟัตมือ เป็นต้น
ในเมื่ออุลามาอ์ส่วนของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ส่วนมากแห่งโลกอิสลามทั้งอดีตกาลจวบจนถึงปัจจุบันจึงมีแนวทางที่ขัดแย้งกับพวกอัลมุญัสสิมะฮ์ในอดีตหรือวะฮาบีย์ในปัจจุบันนี้ แต่ต่างฝ่ายก็บอกว่าตนคืออะฮ์ลิสซุนนะฮ์ ตนคือแนวทางสะลัฟ ดังนั้น มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่บรรดาอุลามาอ์ส่วนมากของอุมมะฮ์อิสลามในทุกยุคทุกสมัยจะอยู่ในหนทางบิดอะฮ์ โดยมีกลุ่มอัลมุญัสมะฮ์อดีตหรือวะฮาบีย์ปัจจุบันส่วนน้อยนิดกลับอ้างตนเป็นผู้ที่ถูกต้อง แต่พวกเราขอตามอุลามาอ์ส่วนมากแห่งอุมมะฮ์อิสลามทั้งอดีตจวบจนปัจจุบันครับ

และทั้งหมดที่ผมได้นำเสนอแบบสรุปๆไปนั้น ทุกอย่างมีที่มาที่ไป มีหนังสืออ้างอิงจากวะฮาบีย์เอง และผมก็ไม่อยากจะสนทนาเรื่องเตาฮีดนัก เนื่องจากเกรงว่าจะถูกปิดอีก และรายงานละเอียดแท้ๆ นั้น ผมจะนำขึ้นเวป นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ครับ อินชาอัลเลาะฮ์

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Wed May 03, 2006 9:54 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถึงคุณอะดีล

การสนทนาระหว่างคุณกับบังมุหัมมัดนั้น ก็ให้คุยกันระหว่างทั้งสองคนก็แล้วกัน เพราะว่ามันจะนอกประเด็น เนื่องจากบังมุหัมมัดไม่ได้กังขาหรือยืนกรานว่าท่านนบีได้ไปรับประทานอาหารกินบุญบ้านผู้ตายแล้วหลังจากที่คุณท้วงติงมา และผมคิดว่าบังมุหัมมัดได้ชี้แจงจุดยืนไปแล้ว และต้นฉบับนั้น ผมคิดว่าบังมุหัมมัดไม่จำเป็นต้องนำมาเสนอหรอก เพราะว่าบังอะสันได้นำมาเสนอตั้งแต่แรกแล้ว หากผู้อ่านต้องการจะทราบ ก็ให้กับไปดู ก็เท่านั้นเอง ซึ่งประเด็นนี้ผู้อ่านก็เข้าใจกันหมดแล้ว

แต่การที่คุณอะดีลยังพูดขึ้นมาอีก ก็ถือว่าไม่ใช่การสนทนาในประเด็นหลักแล้วล่ะครับ แต่มันเป็นการสนทนาเล่นแง่เกี่ยวกับต้นฉบับกันมากกว่าทั้งๆที่ใครๆก็ทราบกันแล้ว ดังนั้น เมื่อคุณอะดีลยังสนทนาสไตย์อย่างนี้ และบังมุหัมมัดก็ยังสนทนาสไตย์อย่างนี้ด้วย สรุปก็คือ ทั้งสองคนก็สนทนากันไปเรื่อยๆตามรูปแบบที่ตนต้องการนะครับ และสิ่งที่คุณไม่เข้าใจคำกล่าวของบังมุหัมมัดแล้วพวกเราก็ช่วยอธิบายให้คุณเข้าใจ ก็อย่ามากล่าวหาว่า "พวกเรากลบเกลื่อน" เลยครับ เนื่องจากคำพูดนี้ มันเป็นการไม่รับฟังการนำเสนอของผู้ร่วมสนทนา และสิ่งที่ผู้สนทนาโพสกันมานั้น มันก็ชี้ให้เห็นกันทุกวันอยู่แล้ว แต่คุณมาพูดว่า "มาพูดกลบเกลื่อน" นั้น ก็แสดงให้เห็นว่า คุณเข้าใจคำพูดของพวกเราแล้ว แต่คุณไม่รับฟังไม่เท่านั้นเอง และเป็นการพูดเพื่อเลี่ยงข้อตำหนิของตนในรูปแบบการสนทนา แต่อย่างไรก็ตาม บังมุหัมมัดก็คงไม่ปล่อยให้คุณสนทนาคนเดียวแน่นอนครับ ยังไงก็สนทนาตามที่สไตย์ตนเองต้องการเถิด เราจะคอยอ่าน

ส่วนผมก็จะสนทนาที่มันอยู่ในประเด็นที่บังอะสันนำเสนอใหม่ๆกับการวิจารณ์หลักฐานต่างๆของเราครับ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Wed May 03, 2006 9:58 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากบังอะสัน

แต่ของนาย konyakroo กลับแปลโมเมเอาว่า

แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาด(ญะนาซะฮ์)สามรอบด้วยกัน

..........
แบบนี้เขาเรียว่า อะไรล่ะจ้ะ konyakroo ถ้าไม่เรียกว่า บิดเบือน ฮะฮา


วิจารณ์

คำแปลดังกล่าวนั้น ไม่ใช่จากบังคนอยากรู้ครับ แต่มันเป็นคำแปลของผมตั้งแต่แรกแล้ว และผมก็ได้ทำการแก้ไขและเรียบเรียงใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยยึดจากหนังสือ อัตต่อบะก๊อต ของอินุสะอัด เพื่อทำการลงเวป นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือน 6 ครับ อินชาอัลเลาะฮ์

อ้างจากบังอะสัน

แต่ในหนังสือ มุจญมะอุซซะวาอิด วะมันบะอุลฟะวาอิด ของท่านอาลี บุตร อบีบักร อัลหัยษะมีย์ เล่ม 5 หน้า 195
คือ มี ประโยคที่ว่า
أن يجعل للناس طعاماً تلك الثلاث الأيام حتى يجتمع أهل الشورى على رجلٍ
และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คนในสามวันดังกล่าวว่า จนกว่า บรรดาคณะที่ปรึกษา ได้ลงมติ ต่อคนคนหนึ่ง - ตัวบทเต็มดูข้างล่าง

وعن الأحنف بن قيس قال كنت أسمع عمر بن الخطاب رضي الله عنه يقول لا يدخل رجل من قريش من باب إلا دخل معه أناس فلا أدري ما تأويل قوله فأمر صهيبا أن يصلي بالناس ثلاثاً وأمر أن يجعل للناس طعاماً تلك الثلاث الأيام حتى يجتمع أهل الشورى على رجلٍ فلما رجعوا من الجنازة جاءوا وقد وضعت الموائد فأمسك الناس للحزن الذي هم فيه فجاء العباس بن عبد المطلب فقال يا أيها الناس قد مات رسول الله صلى الله عليه وسلم فأكلنا وشربنا بعده ومات أبو بكر رضي الله عنه فأكلنا وشربنا بعده أيها الناس كلوا من هذا الطعام فمد يده ومد الناس أيديهم فأكلوا فعرفت تأويل قوله . رواه الطبراني وفيه علي بن زيد وحديثه حسن ، وبقية رجاله رجال الصحيح

รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า "คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงความหมาย คำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาดผู้คนสามวัน และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คนในสามวันดังกล่าวว่า จนกว่า บรรดาคณะที่ปรึกษา ได้ลงมติ ต่อคนคนหนึ่ง แล้วขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดสำหรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้คนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็มา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้ว ...แล้วพวกเรากินและดื่มหลังจากท่าน และอบูบักร(ร.ฎ) ได้ตายไปแล้ว แล้วพวกเราได้กิน ได้ดื่มหลังจากท่าน แล้วพวกเราได้กิน ได้ดื่ม หลังจากท่าน โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย จงกินอาหารนี้เถิด แล้วเขา ได้ยื่นมือของเขา และผู้คนทั้งหลายก็ได้ยื่นมือของพวกเขา แล้วพวกเขาก็รับประทานกัน ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงรู้ ความหมายคำพูดของท่าน(อุมัร) – รายงานโดย อัฏฏอ็บรอนีย และในสายรายงานหะดิษนี้ มี อาลี บุตร เซด ซึ่ง หะดิษของเขานั้น อยู่ในระดับที่ดี และบรรดาผู้รายงานที่นอกเหนือจากเขานั้น เป็นบรรดาผู้รายงานที่ถูกต้อง


วิจารณ์

ผมต้องขอขอบใจบังอะสันมาก ที่ยกหลักฐานมาเพื่อตอกย้ำน้ำหนักในทัศนะของเรา ที่อนุญาติให้ทำทานเลี้ยงอาหารเป็นซอดาเกาะฮ์แก่มัยยิด เท่าที่ผมอ่านดู บังอะสันพยายามเข้าใจว่า การเลี้ยงอาหารนั้นไม่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของท่านอุมัร และไม่เกี่ยวกับเรื่องมัยยิด แต่ความจริงแล้ว มันก็เกี่ยวกับเรื่องมัยยิดนะครับ อย่างน้อย ท่านอิบนุหะญัร ก็เอาหะดิษนี้ ไปอยู่ในเรื่องของการทำอาหารให้กับครอบมัยยิดและทำอาหารหรือให้อาหารแก่มัยยิดของบรรดาซอฮาบะฮ์ที่รายงานโดยท่านฏอวูสด้วยสายรายงานที่ซอฮิหฺและมีน้ำหนัก

การที่ท่านอุมัรได้สั่งเสียให้ท่านซุฮัยบ์ทำอาหารเลี้ยง 3 วันหลังจากที่ท่านเสียชีวิตนั้น เพราะจะต้องมีแขกในเผ่าอื่นๆเข้ามาที่นครมะดีนะฮ์หลังจากที่ทราบข่าวท่านอุมัรเสียชีวิต และเพื่อรับรู้และให้สัตยาบันในการเลือกคอลิฟะฮ์ ดังนั้น เมื่อมีแขกเข้ามา ชาวกุเรชมีขนบธรรมเนียมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนก็คือ จะเลี้ยงแขก 3 วันด้วยกัน และหลังจาก 3 วันก็ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงอีกแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านอุมัรจึงสั่งให้ทำการพิจารณาเลือกคอลิฟะฮ์ 3 วัน ด้วยกันโดยอะฮ์ลิชชูรอ ผู้ที่เป็นแกนหลักในสังคมในสมัยของซอฮาบะฮ์ และทำการเลี้ยงอาหารแค่บรรดามุสลิมหรือตัวแทนบรรดามุสลิมในการรับรู้เรื่องของการเป็นคอลิฟะฮ์และให้สัตยาบัน

ดังนั้น การเลี้ยงอาหารหลังจากเสียชีวิตและหลังจากฝังแล้วนั้น ไม่ใช่เลี้ยงเพื่อเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้งคอลิฟะฮ์ เพราะหะดิษดังกล่าวก็มีระบุถึงการรับประทานอาหารหลังจากท่านนบีเสียชีวิตด้วย และการบัยอะฮ์ในการเป็นคอลิฟะฮ์ให้แก่อบูบักรก็อยู่ในวันที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้เสียชีวิต คือ วันจันทร์ และวันพุทธท่านนบี(ซ.ล.)ก็ถูกฝัง และท่านอับบาส(ร.ฏ.)ก็กล่าวยืนยันว่า หลังจากท่านร่อซูลเสียชีวิตนั้น บรรดาซอฮาบะฮ์ก็รับประทานและดื่มกัน ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องการแต่ตั้งคอลิฟะฮ์แน่นอน และมาในช่วงของการเสียชีวิตของท่านอบูบักร(ร.ฏ.) ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตท่านอบูบักรได้ทำการสั่งเสียแต่งตั้งให้ท่านอุมัร(ร.ฏ.)เป็นคอลิฟะฮ์แล้วและบรรดาซอฮาบะฮ์ก็ให้สัตยาบัน แล้วท่านอับบาสก็กล่าวว่า หลังจากท่านอบูบักรเสียชีวิต บรรดาซอฮาบะฮ์ก็ทำการรับประทานอาหารและดื่มกัน ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเลี้ยงอาหารเพื่อรอการแต่งตั้งคอลิฟะฮ์อย่างแน่นอน
ดังนั้น หะดิษดังกล่าวนี้ ไม่ได้ชี้ถึงมีการเลี้ยงรับประทานอาหารเพียงกรณีท่านอุมัรเพียงอย่างเดียว ซึ่งความจริงแล้วมันรวมถึงกรณีหลังจากท่านนบี(ซ.ล.)เสียชีวิต และท่านอบูบักรเสียชีวิตโดยการรายงานยืนยันจากท่านอับบาส น้าของท่านนบี(ซ.ล.)

หะดิษนี้ ชี้ถึงการให้มีการทำอาหารให้แก่ครอบมัยยิด และผู้อื่นร่วมรับประทานด้วย และหะดิษฏอวูส ก็ได้ยืนยันอย่างซอฮิหฺว่า บรรดาซอฮาบะฮ์รักและชอบที่จะให้อาหารหรือรับประทานอาหารเพื่อเป็นทานศอดาเกาะฮ์และเป็นผลประโยชน์กับมัยยิดในช่วงเจ็ดวันที่มัยยิดได้ถูกสอบถามจากมะลาอิกะฮ์ในกุบูร และหะดิษของท่านฏอวูสที่บรรดาซอฮาบะฮ์รักและชอบให้อาหาร 7 วันนั้น ไม่ได้ชี้ถึงหุกุ่มว่า วายิบหรือสุนัตให้กระทำ 7 ก็หาไม่? เพราะว่าจะเอาไปเป็นหุกุ่มไม่ได้ แต่มันชี้ถึงการอนุญาติ( جائز ) ให้กระทำ 7 ได้เท่านั้นเอง ซึ่งหากมันเป็นสิ่งที่บิดอะฮ์และหะรอมนั้น แน่นอนว่าบรรดาซอฮาบะฮ์ต้องไม่ทำ ดังนั้น เราขอบอกว่า มันชี้ถึง "การอนุญาติ" ให้ทำ 7 วันเท่านั้นเอง แต่เป้าหมายของซอฮาบะฮ์และพวกเรานั้น คือเรื่องการให้อาหารและเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นทานซอดาเกาะฮ์แก่มัยยิด และการให้อาหารหรือการเลี้ยงอาหารเป็นทานซอดาเกาะฮ์นั้น มันเป็นความประเสริฐอย่างยิ่งตามที่หะดิษได้รายงานยืนยันเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้อาหารแก่พี่น้องมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นคนที่รวยหรือจนก็ตาม ก็ย่อมมีผลบุญทั้งสิ้น และผลบุญในการให้อาหารก็อยู่ในรูปแบบของซอดาเกาะฮ์ ซึ่งมันก็เป็นผลประโยชน์แก่มัยยิด ด้วยมติของปวงปราชญ์แห่งอุมมะฮ์อิสลามเลยทีเดียว ดังนั้นการเลี้ยงอาหารบ้านเรานั้น เจตนาเพื่อเป็นทานซอฮาดะฮ์ และ "หุกุ่มของศาสนา(อัลหุกมุชชัรอีย์)นั้น ย่อมตามเจตนารมณ์(อัลมะกอซิด)ของการกระทำ" พิจารณาซิครับว่า มีซอฮาบะฮ์ท่านหนึ่งได้ทำการซิกิรในละหมาดตอนขึ้นมายืนจากร่อกั๊วะที่ท่านนบีไม่ได้ใช้และสั่งสอนไว้ แต่ก่อนที่ท่านนบีจะให้การยอมรับ บรรดาประตูแห่งฟากฟ้าได้ถูกเปิดรับอะมัลนั้น เมื่อท่านนบี(ซ.ล.)ละหมาดเสร็จ ท่านจึงถามว่า ผู้ใดเป็นคนกล่าว ซอฮาบะฮ์คนนั้นก็ตอบว่า "ฉันเองครับ และฉันไม่ได้เจตนาต้องการอะไรนอกจากความดีเท่านั้น" ?????!!!!

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed May 03, 2006 11:42 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ผมต้องขอขอบใจบังอะสันมาก ที่ยกหลักฐานมาเพื่อตอกย้ำน้ำหนักในทัศนะของเรา ที่อนุญาติให้ทำทานเลี้ยงอาหารเป็นซอดาเกาะฮ์แก่มัยยิด เท่าที่ผมอ่านดู บังอะสันพยายามเข้าใจว่า การเลี้ยงอาหารนั้นไม่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของท่านอุมัร และไม่เกี่ยวกับเรื่องมัยยิด แต่ความจริงแล้ว มันก็เกี่ยวกับเรื่องมัยยิดนะครับ อย่างน้อย ท่านอิบนุหะญัร ก็เอาหะดิษนี้ ไปอยู่ในเรื่องของการทำอาหารให้กับครอบมัยยิดและทำอาหารหรือให้อาหารแก่มัยยิดของบรรดาซอฮาบะฮ์ที่รายงานโดยท่านฏอวูสด้วยสายรายงานที่ซอฮิหฺและมีน้ำหนัก
..............
ตอบ
มันไม่เกี่ยวกันครับ กับ พิธีกรรมทำบุญคนตาย 3 วัน 7 วัน ตามที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน
หะดิษนี้ และ หะดิษฎอวูส และหะดิษอื่นที่น้องและสหายกล่าวออ้างมา ข้อโต้แย้งต่างๆ อินชาอัลลอฮ จะลงในบทความอัสสุนนะฮในโอกาสต่อไป ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูล อยู่ เพราะตอนนี้เวลาจะน้อยขึ้น โรงเรียนเปิดในวันจันทร์นี้

......................
al-farook กล่าวว่า
แต่ความจริงแล้ว มันก็เกี่ยวกับเรื่องมัยยิดนะครับ อย่างน้อย ท่านอิบนุหะญัร ก็เอาหะดิษนี้ ไปอยู่ในเรื่องของการทำอาหารให้กับครอบมัยยิดและทำอาหารหรือให้อาหารแก่มัยยิดของบรรดาซอฮาบะฮ์ที่รายงานโดยท่านฏอวูสด้วยสายรายงานที่ซอฮิหฺและมีน้ำหนัก
..............
ตอบ
แต่ที่บังคัดค้านอยู่นี้ คือ การที่ครอบครัวมัยยิต ทำอาหาร แล้วไปเชิญผู้คนมากิน แล้วก็มีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา คือ การตะฮลีล การอ่านกุรอ่านและอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย ซึ่งมันไม่มีแบบอย่าง(สุนนะฮ) แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นตามหะดิษอุมัร มันอยู่ในลักษณะการจัดรูปแบบทำบุญคนตายหรือเปล่า
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Thu May 04, 2006 12:25 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

al-farook กล่าวว่า
พิจารณาซิครับว่า มีซอฮาบะฮ์ท่านหนึ่งได้ทำการซิกิรในละหมาดตอนขึ้นมายืนจากร่อกั๊วะที่ท่านนบีไม่ได้ใช้และสั่งสอนไว้ แต่ก่อนที่ท่านนบีจะให้การยอมรับ บรรดาประตูแห่งฟากฟ้าได้ถูกเปิดรับอะมัลนั้น เมื่อท่านนบี(ซ.ล.)ละหมาดเสร็จ ท่านจึงถามว่า ผู้ใดเป็นคนกล่าว ซอฮาบะฮ์คนนั้นก็ตอบว่า "ฉันเองครับ และฉันไม่ได้เจตนาต้องการอะไรนอกจากความดีเท่านั้น" ?????!!!!
...............
ตอบ
ท่านไม่ได้สั่ง แต่ ..เมื่อเขาทำท่านนบี ก็ได้รับรอง แล้ว ที่เราทำรูปแบบอิบาดะฮขึ้นมาใหม่ในปัจจุบัน ใครเป็นผู้รับรองล่ะครับ คำพูดของอิม่ามมาลิกข้างล่างนี้ ย่อมเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

من ابتدع في الإسلام بدعة يراها حسنة، فقد زعم أن محمدًا صلى الله عليه وسلم
خان الرسالة؛ لأن اللَّه تعالى يقول: اليوم أكملت لكم دينكم
وأتممت عليكم نعمتي ورضيت لكم الإسلام دينا
[المائدة: 3]، فما لم يكن يومئذ دينًا، فلا يكون اليوم دينًا
الإحكام في أصول
الأحكام لابن حزم جـ6 ص225]
ผู้ใดอุตริบิดอะฮในศาสนา แล้วเห็นว่าดี แน่นอนเขาเข้าใจว่า แท้จริงมุหัมหมัด ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ซื่อตรงต่อ สาส์นแห่งพระเจ้า เพราะอัลลอฮตรัสว่า "วันนี้ เราได้ให้ศาสนาของพวกเจ้า สมบูรณ์แล้ว สำหรับพวกเจ้า และเราได้ให้ความกรุณาของเราครบถ้วนแล้วสำหรับพวกเจ้า และเราได้พอใจให้อิสลามเป็นศาสนาสำหรับพวกเจ้า -อัลมาอิดะฮ/3" ดังนั้น สิ่งใดไม่ได้เป็นศาสนาในวันนั้น ในวันนี้ก็ไม่เป็นศาสนา - อัลอะหกาม ฟี อุศูลลุ้ลอะหกาม ของ อิบนุหัซมิน 6/225
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Thu May 04, 2006 1:24 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เพิ่มเติม
الأعمال الدينية لا يجوز أن يتخذ شيء منها سببا إلا أن تكون مشروعة فإن العبادات مبناها على التوقيف ))

บรรดาการงานที่เกี่ยวกับศาสนานั้น ไม่อนุญาตเอาสิ่งใดจากมัน มาเป็นสาเหตุ ยกเว้น มันเป็นสิ่งที่ศาสนาได้บัญญัติเอาไว้ แท้จริง การอิบาดาต นั้น มันถูกกำหนด อยู่บน การหยุดอยู่ที่หลักฐาน - อัลอาดาบอัชชัรอียะฮ ลิอิบนิมุฟลิห เล่ม 2 265

(( الأصل في العبادة التوقف ))
หลักเดิม ในการอิบาดะฮนั้น คือ การหยุดอยู่ทีหลักฐาน(หรือ คำสั่ง) –
ฟัตหุ้ลบารีย เล่ม 3 หน้า 54
...............
เพราะฉนั้น รูปแบบต่างของการอิบาดะฮ ที่ถูกจำกัดขึ้นมาใหม่โดยไม่มีแบบอย่างจากท่านนบีนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ขัดกับสุนนะฮอย่างแน่นอน เช่น ถือศีลอดนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่เราไปกำหนดหรือจำกัด ให้เป็นกิจจะลักษณะว่า พอถึง กลางเดือนชะอบานทุกปี เราจะถือศีลอด อย่างนี้ ใช้ได้ไหมครับ ?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Thu May 04, 2006 9:04 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากบังอะสัน

แต่ของนาย konyakroo กลับแปลโมเมเอาว่า

แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาด(ญะนาซะฮ์)สามรอบด้วยกัน

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พี่น้อง
ทั้งหลายครับ โปรดสังเกตุพฤติกรรมวะฮาบีย์อย่างบังฮะซันนะครับ ที่ชอบที่รวน กับสิ่งที่น้องนักศึกษาเขาได้แก้ไขไปแล้ว แต่ด้วยนิสัยชอบพาลของวะฮาบีย์ที่ชอบตัดสินผู้อื่นโดยภายนอกแบบพวกศรัทธาแบบตะซีละ นั้นมันไม่แตกต่างอะไรกับวะฮาบีย์เมืองไทยปัจจุบันครับ ทั้งที่แนวทางตัวเองสุดจะแคบ และมีบิดอะฎอลาละมากที่สุด
----ไม่ว่าการอุตริกรรม ที่ประดิษฐขึ้นมาและไม่ได้รับการยอมรับจากสมัยท่านนบีและซอฮาบะ ตาบีอีน ตาบีอีตตาอีน หรือแม้ในยุคสลัฟ อย่างอีหม่ามทั้ง4 แต่ในการแบ่งเตาฮีด ออกเป็น3 ประเภทนั้นมันถูกกระทำมาจากผู้ที่พวกเขาได้เรียกกันว่าอุลามะในสายวะฮาบีย์ทั้งนั้น แล้วมาเบี่ยงเบนบิดเบือน ให้มุสลิมอื่นๆรับรู้
-----การแปลหรือการเพิ่มเติมความเข้าใจของกลุ่มตัวเองในการคุญลักษณะของอัลลอฮ์ที่มีการปะปนกับแนวความคิดของอีหม่ามดาวุดซอฮีรี กับแนวความคิดพวกมุญัสสิมะ ที่อธิบายว่าอัลลออ์ทรงคล้ายมนุษย์ มีมือ มีเท้า และทรงตรัสด้วยเสียงที่ปรากฏ ฯลฯ
------การแปลอันกรุอ่านหรือการตัฟซีรที่บิดเบือนในความเข้าใจของวะฮาบีย์ดังที่ได้ยกตัวอย่างจากน้องมูฮำมัดแล้ว

-----การเพิ่มหรือตัดตอนในอัลฮาดีสซึ่งนิยมทำกันมากมายในกลุ่มวะฮาบีย์
---และอีกมายมาย
เหล่านี้ให้รู้ว่า แนวทางนี้มันอันตรายมาก และทำบิดอะที่ลุ่มหลงอย่างน่ารังเกียจ ครับพี่น้อง



------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วะฮาบีย์ชอบแอบอ้างเสมอว่าไม่มีซุนนะนบีกระทำ แต่พอยกหลักฐานจากซอฮาบะนบีใช้ให้กระทำ กลับบอกว่าไม่ใช่ซุนนะนบี ฮ้าๆๆๆแต่ปากบอกว่า ยอมรับซอฮาบะท่านบี ฮิ้วๆๆๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นิสัยฮะซันกับคุณอะดีลไม่แตกต่างกันเลยที่ เนื้อหาฮะดีสนั้นน้องอัลฟารุกได้แก้ไขแล้ว แต่บังฮะซันและพวกยังหมกเม็ด งมหอยอยู่ในอ่างตลอด

Evil or Very Mad ดังคำวิจารณ์ของน้องอัลฟารุกที่ว่า


คำแปลดังกล่าวนั้น ไม่ใช่จากบังคนอยากรู้ครับ แต่มันเป็นคำแปลของผมตั้งแต่แรกแล้ว และผมก็ได้ทำการแก้ไขและเรียบเรียงใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยยึดจากหนังสือ อัตต่อบะก๊อต ของอินุสะอัด เพื่อทำการลงเวป นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือน 6 ครับ อินชาอัลเลาะฮ์
อ้างจากบังอะสัน

แต่ในหนังสือ มุจญมะอุซซะวาอิด วะมันบะอุลฟะวาอิด ของท่านอาลี บุตร อบีบักร อัลหัยษะมีย์ เล่ม 5 หน้า 195
คือ มี ประโยคที่ว่า
أن يجعل للناس طعاماً تلك الثلاث الأيام حتى يجتمع أهل الشورى على رجلٍ
และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คนในสามวันดังกล่าวว่า จนกว่า บรรดาคณะที่ปรึกษา ได้ลงมติ ต่อคนคนหนึ่ง - ตัวบทเต็มดูข้างล่าง

وعن الأحنف بن قيس قال كنت أسمع عمر بن الخطاب رضي الله عنه يقول لا يدخل رجل من قريش من باب إلا دخل معه أناس فلا أدري ما تأويل قوله فأمر صهيبا أن يصلي بالناس ثلاثاً وأمر أن يجعل للناس طعاماً تلك الثلاث الأيام حتى يجتمع أهل الشورى على رجلٍ فلما رجعوا من الجنازة جاءوا وقد وضعت الموائد فأمسك الناس للحزن الذي هم فيه فجاء العباس بن عبد المطلب فقال يا أيها الناس قد مات رسول الله صلى الله عليه وسلم فأكلنا وشربنا بعده ومات أبو بكر رضي الله عنه فأكلنا وشربنا بعده أيها الناس كلوا من هذا الطعام فمد يده ومد الناس أيديهم فأكلوا فعرفت تأويل قوله . رواه الطبراني وفيه علي بن زيد وحديثه حسن ، وبقية رجاله رجال الصحيح

รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า "คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงความหมาย คำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาดผู้คนสามวัน และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คนในสามวันดังกล่าวว่า จนกว่า บรรดาคณะที่ปรึกษา ได้ลงมติ ต่อคนคนหนึ่ง แล้วขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดสำหรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้คนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็มา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้ว ...แล้วพวกเรากินและดื่มหลังจากท่าน และอบูบักร(ร.ฎ) ได้ตายไปแล้ว แล้วพวกเราได้กิน ได้ดื่มหลังจากท่าน แล้วพวกเราได้กิน ได้ดื่ม หลังจากท่าน โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย จงกินอาหารนี้เถิด แล้วเขา ได้ยื่นมือของเขา และผู้คนทั้งหลายก็ได้ยื่นมือของพวกเขา แล้วพวกเขาก็รับประทานกัน ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงรู้ ความหมายคำพูดของท่าน(อุมัร) – รายงานโดย อัฏฏอ็บรอนีย และในสายรายงานหะดิษนี้ มี อาลี บุตร เซด ซึ่ง หะดิษของเขานั้น อยู่ในระดับที่ดี และบรรดาผู้รายงานที่นอกเหนือจากเขานั้น เป็นบรรดาผู้รายงานที่ถูกต้อง


วิจารณ์

ผมต้องขอขอบใจบังอะสันมาก ที่ยกหลักฐานมาเพื่อตอกย้ำน้ำหนักในทัศนะของเรา ที่อนุญาติให้ทำทานเลี้ยงอาหารเป็นซอดาเกาะฮ์แก่มัยยิด เท่าที่ผมอ่านดู บังอะสันพยายามเข้าใจว่า การเลี้ยงอาหารนั้นไม่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของท่านอุมัร และไม่เกี่ยวกับเรื่องมัยยิด แต่ความจริงแล้ว มันก็เกี่ยวกับเรื่องมัยยิดนะครับ อย่างน้อย ท่านอิบนุหะญัร ก็เอาหะดิษนี้ ไปอยู่ในเรื่องของการทำอาหารให้กับครอบมัยยิดและทำอาหารหรือให้อาหารแก่มัยยิดของบรรดาซอฮาบะฮ์ที่รายงานโดยท่านฏอวูสด้วยสายรายงานที่ซอฮิหฺและมีน้ำหนัก

การที่ท่านอุมัรได้สั่งเสียให้ท่านซุฮัยบ์ทำอาหารเลี้ยง 3 วันหลังจากที่ท่านเสียชีวิตนั้น เพราะจะต้องมีแขกในเผ่าอื่นๆเข้ามาที่นครมะดีนะฮ์หลังจากที่ทราบข่าวท่านอุมัรเสียชีวิต และเพื่อรับรู้และให้สัตยาบันในการเลือกคอลิฟะฮ์ ดังนั้น เมื่อมีแขกเข้ามา ชาวกุเรชมีขนบธรรมเนียมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนก็คือ จะเลี้ยงแขก 3 วันด้วยกัน และหลังจาก 3 วันก็ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงอีกแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านอุมัรจึงสั่งให้ทำการพิจารณาเลือกคอลิฟะฮ์ 3 วัน ด้วยกันโดยอะฮ์ลิชชูรอ ผู้ที่เป็นแกนหลักในสังคมในสมัยของซอฮาบะฮ์ และทำการเลี้ยงอาหารแค่บรรดามุสลิมหรือตัวแทนบรรดามุสลิมในการรับรู้เรื่องของการเป็นคอลิฟะฮ์และให้สัตยาบัน

ดังนั้น การเลี้ยงอาหารหลังจากเสียชีวิตและหลังจากฝังแล้วนั้น ไม่ใช่เลี้ยงเพื่อเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้งคอลิฟะฮ์ เพราะหะดิษดังกล่าวก็มีระบุถึงการรับประทานอาหารหลังจากท่านนบีเสียชีวิตด้วย และการบัยอะฮ์ในการเป็นคอลิฟะฮ์ให้แก่อบูบักรก็อยู่ในวันที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้เสียชีวิต คือ วันจันทร์ และวันพุทธท่านนบี(ซ.ล.)ก็ถูกฝัง และท่านอับบาส(ร.ฏ.)ก็กล่าวยืนยันว่า หลังจากท่านร่อซูลเสียชีวิตนั้น บรรดาซอฮาบะฮ์ก็รับประทานและดื่มกัน ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องการแต่ตั้งคอลิฟะฮ์แน่นอน และมาในช่วงของการเสียชีวิตของท่านอบูบักร(ร.ฏ.) ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตท่านอบูบักรได้ทำการสั่งเสียแต่งตั้งให้ท่านอุมัร(ร.ฏ.)เป็นคอลิฟะฮ์แล้วและบรรดาซอฮาบะฮ์ก็ให้สัตยาบัน แล้วท่านอับบาสก็กล่าวว่า หลังจากท่านอบูบักรเสียชีวิต บรรดาซอฮาบะฮ์ก็ทำการรับประทานอาหารและดื่มกัน ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเลี้ยงอาหารเพื่อรอการแต่งตั้งคอลิฟะฮ์อย่างแน่นอน
ดังนั้น หะดิษดังกล่าวนี้ ไม่ได้ชี้ถึงมีการเลี้ยงรับประทานอาหารเพียงกรณีท่านอุมัรเพียงอย่างเดียว ซึ่งความจริงแล้วมันรวมถึงกรณีหลังจากท่านนบี(ซ.ล.)เสียชีวิต และท่านอบูบักรเสียชีวิตโดยการรายงานยืนยันจากท่านอับบาส น้าของท่านนบี(ซ.ล.)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Rolling Eyes หะดิษนี้ ชี้ถึงการให้มีการทำอาหารให้แก่ครอบมัยยิด และผู้อื่นร่วมรับประทานด้วย และหะดิษฏอวูส ก็ได้ยืนยันอย่างซอฮิหฺว่า บรรดาซอฮาบะฮ์รักและชอบที่จะให้อาหารหรือรับประทานอาหารเพื่อเป็นทานศอดาเกาะฮ์และเป็นผลประโยชน์กับมัยยิดในช่วงเจ็ดวันที่มัยยิดได้ถูกสอบถามจากมะลาอิกะฮ์ในกุบูร และหะดิษของท่านฏอวูสที่บรรดาซอฮาบะฮ์รักและชอบให้อาหาร 7 วันนั้น ไม่ได้ชี้ถึงหุกุ่มว่า วายิบหรือสุนัตให้กระทำ 7 ก็หาไม่? เพราะว่าจะเอาไปเป็นหุกุ่มไม่ได้ แต่มันชี้ถึงการอนุญาติ( جائز ) ให้กระทำ 7 ได้เท่านั้นเอง ซึ่งหากมันเป็นสิ่งที่บิดอะฮ์และหะรอมนั้น แน่นอนว่าบรรดาซอฮาบะฮ์ต้องไม่ทำ ดังนั้น เราขอบอกว่า มันชี้ถึง "การอนุญาติ" ให้ทำ 7 วันเท่านั้นเอง แต่เป้าหมายของซอฮาบะฮ์และพวกเรานั้น คือเรื่องการให้อาหารและเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นทานซอดาเกาะฮ์แก่มัยยิด และการให้อาหารหรือการเลี้ยงอาหารเป็นทานซอดาเกาะฮ์นั้น มันเป็นความประเสริฐอย่างยิ่งตามที่หะดิษได้รายงานยืนยันเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้อาหารแก่พี่น้องมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นคนที่รวยหรือจนก็ตาม ก็ย่อมมีผลบุญทั้งสิ้น และผลบุญในการให้อาหารก็อยู่ในรูปแบบของซอดาเกาะฮ์ ซึ่งมันก็เป็นผลประโยชน์แก่มัยยิด ด้วยมติของปวงปราชญ์แห่งอุมมะฮ์อิสลามเลยทีเดียว ดังนั้นการเลี้ยงอาหารบ้านเรานั้น เจตนาเพื่อเป็นทานซอฮาดะฮ์ และ "หุกุ่มของศาสนา(อัลหุกมุชชัรอีย์)นั้น ย่อมตามเจตนารมณ์(อัลมะกอซิด)ของการกระทำ" พิจารณาซิครับว่า มีซอฮาบะฮ์ท่านหนึ่งได้ทำการซิกิรในละหมาดตอนขึ้นมายืนจากร่อกั๊วะที่ท่านนบีไม่ได้ใช้และสั่งสอนไว้ แต่ก่อนที่ท่านนบีจะให้การยอมรับ บรรดาประตูแห่งฟากฟ้าได้ถูกเปิดรับอะมัลนั้น เมื่อท่านนบี(ซ.ล.)ละหมาดเสร็จ ท่านจึงถามว่า ผู้ใดเป็นคนกล่าว ซอฮาบะฮ์คนนั้นก็ตอบว่า "ฉันเองครับ และฉันไม่ได้เจตนาต้องการอะไรนอกจากความดีเท่านั้น" ?????!!!!
รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า "คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงการตีความคำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาดฟัรดูสามวันด้วยกัน (ตรงนี้ น้องเขาได้แก้ไขไว้เรียบร้อยแล้ว โดยยึดหนังสือ อัฏก่อบะก๊อต อัลกุบรอของท่านสะอัด เกี่ยวเหตุการที่ท่านอุมัรถูกลอบแทง ) และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คน ดังนั้น ในขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดสำหรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้ตนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็มา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้ว....." สายรายงาน "หะซัน" ดู หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 198 หะดิษที่ 709

เราลองมาพิจารณากันครับ

เรื่องนี้ของมัยยิดนั้น ก็อีกเรื่องหนึ่งที่วายิบบนเราต้องทำการชดใช้แก่มัยยิดและจะนำมรดกของมัยยิดที่มีหนี้ต้องชดใช้อยู่นั้น ทายาทจะเอามาทำบุญเป็นทานเลี้ยงอาหารย่อมไม่ได้ แต่ท่านอุมัรได้สั่งให้ท่านสุฮัยบ์ ทำการอาหารเลี้ยง ซึ่งท่านสุฮัยบ์นั้น ก็ไม่ได้เป็นครอบครัวของท่านอุมัร ก็ชี้ให้เห็นว่า ผู้อื่นสามารถทำอาหารให้แก่ครอบครัวมัยยิดได้ แต่การสั่งเสียให้ทำอาหารนี้ มันจะเป็นทานหรือไม่เป็นทานนั้น เราต้องดูซ่ะก่อนว่า การทำอาหารเลี้ยงนั้น มันบาปหรือเปล่า? ไม่เลยครับ แต่ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ได้ผลบุญเสียอีกในการเลี้ยงอาหาร และมันก็ยังเป็นทานซอดาเกาะฮ์อีกด้วย และหะดิษซอฮิหฺและมีน้ำหนักของท่านฏอวูสที่รายงานการกระทำของบรรดาซอฮาบะฮ์นั้น ก็ชัดเจนแล้วครับ ว่าทำการให้และเลี้ยงอาหารเป็นเพื่อทานอันมีผลประโยชน์แก่มัยยิด นายอะสันก็อย่ายกสิ่งที่นอกเรื่องมาลบล้างการกระทำการซอฮาบะฮ์เลยครับ เพราะยกมายังไงก็แค่ยกเมฆมาประกอบแบบนอกเรื่องเท่านั้นเอง ฮ่าๆ


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยังไงฮาดิสข้างบนนี้มันก็ยังฟ้องถึงสาเหตุการประสงค์เลี้ยงที่อาหารของญาติมัยยัตสามารถกระทำได้อยู่ดีครับ
แม้ว่า ไม่มีท่านบีไม่ได้ใช้ แต่ท่านนบีก็ไม่ได้ห้าม เพราะศาสนาอิสลามนั้นสมบูรณ์แล้วพร้อมการจากไปของท่านนบี ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

Crying or Very sad ดังนั้น วะฮาบ้า จึงอย่าอุตริกรรมสร้างฮูกมที่เป็นบิดอะฎอลาละขึ้นมาเองเถิดครับ ไม่มีทางที่ใครจะฟังการกระทำที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่จากพวกท่านหรอกครับ

ฉนั้น ท่นจะไม่ไปร่วมนั้น ท่านก็อยู่เฉยนอนกกเมียอยู่ที่บ้านก็ได้นะครับ แต่เรา ชาวอะลิสซุนนะมัสหับชาฟีอี ชอบช่วยเหลือเผื่อแผ่ต่อญาติของมัยยัติครับผมฮิ้วๆๆๆๆๆเพราะมันได้บุญกุศลด้วยแม้สักหยดเหงื่อก็ตาม



wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 18, 19, 20 ... 25, 26, 27  ถัดไป
หน้า 19 จากทั้งหมด 27

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.14 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ