ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
zizah มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 13/02/2006 ตอบ: 5
|
ตอบ: Tue Mar 14, 2006 11:57 am ชื่อกระทู้: ความหมายของคำว่า "มุรตัด" |
|
|
Assalammualaikum
ขอความสันติจงมีแด่ท่าน อยากจะขอเรียนถามในเรื่องของ คำว่า "มุรตัด" ความหมายของคำคำนี้นั้นหมายความว่าอย่างไร และคนประเภทใดที่ถูกเรียกว่า "มุรตัด" อยากจะยกตัวอย่างบุคคลในซอยแถวบ้าน เขาเป็นมุสลีมะห์และไปแต่งงานกับคนไทยพุทธ เปลี่ยนแปลงทุกอย่างทั้งศาสนา การแต่งตัว และนางได้เปิดร้านเสริมสวย ทำให้คนมุสลิมละแวกนั้นเข้ามาใช้บริการ เนื่องจากเข้าใจว่า ผู้หญิงคนนั้นยังคงเป็นมุสลีมะห์อยู่ จึงคิดว่าเข้าไปใช้บริการได้ แต่ในความคิดของดิฉันคิดว่า เขาไม่ใช่มุสลิมแล้ว และเขาคงเป็นคนที่ศาสนาขนานนามเขาว่า "มุรตัด" บางครั้งเขาอยากเข้ามาพูดจาและทักทายกับบุคคลในครอบครัวเรา แต่ดิฉันทำใจไม่ได้ เนื่องจากคิดอยู่ตลอดเวลาว่า เขาคือ "มุรตัด"
ดังนั้น จึงอยากเรียนถามว่า ความหมายของคำนี้หมายความว่าอย่างไร มีกี่ประเภท อะไรบ้าง และบุคคลอย่างไรจึงจะฮุกุมว่าเขาคือ "มุรตัด" และดิฉันควรทำอย่างไรกับกรณีตัวอย่างนี้
ขอความกระจ่างด้วยและขอให้อัลลอฮฺทรงตอบแทนความดีงามของท่านครั้งนี้ด้วย
Wassalam |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Mar 29, 2006 11:21 am ชื่อกระทู้: |
|
|
คำว่า มุรตัด หมายถึง ผู้ที่สิ้นสภาพการเป็นมุสลิม มาจากคำว่า ริดดะอ หมายถึงการสิ้นสภาพการเป็นมุสลิม อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัส เกี่ยวกับ ผู้ที่เป็นมุรตัดว่า
وَمَنْ يَرْتَدِدْ مِنْكُمْ عَنْ دِينِهِ فَيَمُتْ وَهُوَ كَافِرٌ فَأُوْلَئِكَ حَبِطَتْ أَعْمَالُهُمْ فِي الدُّنْيَا وَالآخِرَةِ وَأُوْلَئِكَ أَصْحَابُ النَّارِ هُمْ فِيهَا خَالِدُونَ ﴾. [البقرة:217].
และผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากลับออกไปจากศาสนาของเขา แล้วเขาตายลง ขณะที่เขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาแล้วไซร้ ชนเหล่านี้แหละบรรดาการงานของพวกเขาไร้ผล ทั้งในโลกนี้และปรโลก และชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก ซึ่งพวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล - อัลบะเกาะเราะฮ/217
وعلينم السلام ورحمة الله وبركاته
มาดูความหมาย คำว่ามุรตัดที่มีการอธิบายไว้ในหนังสือ อรรถาธิบายอัลกุรอ่าน
وَمَنْ يَرْتَدِدْ مِنْكُمْ عَنْ دِينِهِ فَيَمُتْ وَهُوَ كَافِرٌ
และผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากลับออกไปจากศาสนาของเขา แล้วเขาตายลง ขณะที่เขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา "
وَمَنْ يَرْتَدِدْ " أَيْ يَرْجِع عَنْ الْإِسْلَام إِلَى الْكُفْر
คำว่า และผู้ใดกลับออกไป หมายถึง เขากลับจากอิสลาม ไปสู่การกุฟุร (การปฏิเสธศรัทธ) ดู ตัฟสีรอัลกุรฏุบีย์ อรรถาธิบาย อายะฮที่ 217 ซูเราะฮอัลบะเกาะเราะฮ
สิ่งที่ทำให้สิ้นสภาพการเป็นมุสลิม
สิ่งที่ทำให้สิ้นสภาพการเป็นมุสลิม
สิ่งที่จะทำให้มุสลิมสิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม คือ การกระทำประการหนึ่งประการใดจากประการดังต่อไปนี้
1. การให้ผู้ใดหรือสิ่งใดมีหุ้นส่วนในการเป็นพระเจ้าร่วมกับอัลลอฮฺตะอาลา (ชิรกุลอักบัร) เช่นการขอดุอาอฺ วอนขอต่อบรรดานะบี บรรดาวะลี ตลอดจนคนที่ตายไปแล้ว หรือคนเป็นซึ่งมิได้อยู่ซึ่งหน้า ด้วยการขอความช่วยเหลือจากพวกเหล่านั้น เพราะการดุอาอฺวอนขอนั้นเป็นอิบาดะฮฺ ซึ่งเราจะทำได้ก็เฉพาะแต่อัลลอฮฺตะอาลา พระเจ้าที่แท้จริงเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ดังที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ให้โอวาทไว้ ซึ่งเป็นอัลฮะดีสฮะซันศ่อฮี้ฮฺ
ในทำนองเดียวกัน การเชือดสัตว์เพื่อนะบีหรือวะลี หรือบนบานไว้กับคนเป็นหรือคนตายก็ดี นับเป็นชิริกเช่นกัน เพราะการเชือดก็ดี การบนบาน (นะซัร) ก็ดี เป็นอิบาดะฮฺที่ต้องทำเพื่ออัลลอฮฺ ตะอาลา เพียงองค์เดียวเท่านั้น
การฎอว๊าฟ เดินเวียนรอบ ก็จะต้องเวียนรอบเฉพาะบัยตุลลอฮฺเท่านั้น จะไปเวียนรอบหลุมฝังศพ (กุบู๊ร) ผู้ใดเพื่อสร้างความใกล้ชิดประการใด ล้วนไม่ได้ทั้งสิ้น และถือว่าเป็นชิริกอีกด้วย ดังที่อัลลอฮฺตะอาลา ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัลฮัจญ์ อายะฮฺที่ 29 ว่า
และจงฎอว๊าฟเวียนรอบ บัยติลอะตี๊ก (อัลก๊ะอฺบ๊ะฮฺ) (22:29)
2. การขอความช่วยเหลือและมอบหมายต่อผู้ใดหรือสิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ นับเป็นชิริก เพราะอัลลอฮฺตะอาลาตรัสไว้ในอัลกุรอ่าน ซูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 84 ว่า
ดังนั้นพวกเจ้าจงมอบหมาย (ตะวักกัล) ต่ออัลลอฮฺเถิด หากพวกเจ้าเป็นผู้นอบน้อมยอมจำนนต่อพระองค์ (มุสลิมีน) (10:84)
3. การก้ม (รุกัวฮฺ) หรือกราบ (สุญูด) ต่อผู้มีอำนาจทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่หรือที่ตายไปแล้ว ด้วยเจตนายกย่องเทิดทูนในความยิ่งใหญ่ ถือเป็นการชิริก
4. การปฏิเสธหลักการหนึ่งหลักการใดของอิสลาม เช่น การละหมาด การจ่ายซะกาต การถือศิลอด และการทำฮัจย์ หรือการปฏิเสธหลักการศรัทธาประการใดประการหนึ่ง เช่นการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ต่อบรรดามะลาอิกะฮฺ ต่อบรรดาคัมภีร์ ต่อบรรดาร่อซูลของอัลลอฮฺ และต่อวันอาคีเราะฮฺ ตลอดจนกำหนด (กอดัร) แห่งความดีและความชั่วของพระองค์ นับเป็นการปฏิเสธศรัทธา (กุฟร)
5. การเกลียดชังศาสนาอิสลาม หรือเกลียดชังคำสอนของศาสนาอิสลามไม่ว่าจะเป็นด้านใด เช่น ในเรื่องของ (อิบาด๊าต) การเคารพภักดี การเศรษฐกิจ (อัลอิกติศ็อด) การสังคม (อัลมุอามะล๊าต) หรือจรรยามารยาท (อัลอัคล๊าก) ฯลฯ นับเป็นการปฏิเสธศรัทธา ดังที่อัลลอฮฺตะอาลา ตรัสไว้ในซูเราะฮฺมุฮัมมัด อายะฮฺที่ 9 ว่า
ดังกล่าวนั้น เนื่องมาจากการที่พวกเขาเกลียดชังสิ่งที่อัลลอฮฺประทานลงมา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การงานทั้งหลายของพวกเขาเป็นโมฆะ ไร้ผล (47:9)
6. การเย้ยหยันส่วนหนึ่งส่วนใดของอัลกุรอ่านหรือฮาดีสที่ศ่อฮี้ฮฺ หรือบัญญัติอิสลามข้อหนึ่งข้อใดก็ดี ถือว่าเป็นกุฟร ดังที่อัลลอฮฺตะอาลา ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัต-เตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 65-66 ว่า
(มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิดว่า ด้วยอัลลอฮฺและบรรดาอายาตของพระองค์และร่อซูลของพระองค์กระนั้นหรือ ที่พวกเขาเย้ยหยัน พวกเจ้าอย่าได้แก้ตัวเลย แท้จริงพวกเจ้าได้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว ภายหลังจากที่พวกเจ้าได้ศรัทธากันมาก่อนแล้ว (9:65-66)
7. การปฏิเสธสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากอัลกุรอ่านหรือฮาดีสที่ศ่อฮี้ฮฺ โดยเจตนาและรู้เรื่องดี มีผลให้สิ้นสภาพการเป็นมุสลิม
8. การปฏิเสธการมีอยู่ของอัลลอฮฺ หรือปฏิเสธพระนามหนึ่งพระนามใดของพระองค์ หรือลักษณะ (ศิฟาต) หนึ่งลักษณะใดของพระองค์ หรือการกระทำ (อัฟอาล) ใดๆของพระองค์ที่มียืนยันอยู่ในอัลกุรอ่านและซุนนะฮฺที่ศ่อฮี้ฮฺ มีผลให้สิ้นสภาพการเป็นมุสลิม
10. การไม่ยอมศรัทธาต่อบรรดาร่อซูล ที่อัลลอฮฺทรงส่งมาทำหน้าที่ชี้นำมนุษยชาติสู่แนวทางอันเที่ยงตรง หรือยอมรับในบางท่าน ไม่ยอมรับในบางท่าน นับว่าเป็นกุฟร
11. การใช้บัญญัติอื่นจากบัญญัติของอัลลอฮฺในการพิจารณาตัดสิน ด้วยเห็นว่าบัญญัติอิสลามยังไม่พอ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หรืออนุญาติให้นำบัญญัติอื่นมาใช้ร่วมกันในการพิจารณาตัดสิน นับว่าเป็นกุฟรเช่นกัน
12. การตัดสินชี้ขาดที่มิได้เป็นไปตามบัญญัติอิสลาม หรือการไม่พึงพอใจในข้อชี้ขาดของอิสลาม หรือรู้สึกคับข้องใจในข้อชี้ขาดของอิสลาม ก็เท่ากับเป็นกุฟร ดังที่อัลลอฮฺตะอาลา ตรัสว่า
ขอสาบานต่อพระเจ้าของเจ้าว่า มิใช่เช่นนั้นดอก พวกเขาเหล่านั้นจะยังมีศรัทธา จนกว่าพวกเขาจะให้เจ้า (มุฮัมมัด) ตัดสินในสิ่งที่ขัดแย้งกันในระหว่างพวกเขา แล้วพวกเขาก็ไม่พบความคับข้องใจใดๆ ในจิตใจของพวกเขา จากสิ่งที่เจ้าได้ตัดสินไป และพวกเขาก็ยอมจำนนโดยดี (อันนิซาอฺ 4:65)
13. การให้สิทธิแก่ผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺในการเป็นผู้ตราบทบัญญัติ เช่น เผด็จการก็ดี หรือประชาธิปไตยก็ดี เพื่อมาลบล้างบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ก็เท่ากับเป็นกุฟรเช่นกัน ดังที่อัลลอฮฺตะอาลา ตรัสไว้ในอัลกุรอ่านว่า
หรือว่าพวกเขามีภาคีต่างๆ ทำหน้าที่ตราบัญญัติศาสนาให้แก่พวกเขา โดยที่อัลลอฮฺมิได้ทรงอนุมัติ (อัชซูรอ 42:21)
14. การห้ามสิ่งที่อัลลอฮฺทรงอนุมัติหรืออนุมัติสิ่งที่อัลลอฮฺทรงห้าม เช่น อุละมาอฺบางคนอนุมัติให้กินดอกเบี้ยได้ ดื่มสุราได้ ฯลฯ ทำให้เป็นกุฟร ดังที่อัลลอฮฺตะอาลา ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อันนะฮฺลิ อายะฮฺที่ 116 ว่า
และพวกเจ้าอย่าได้พูดตามคำพูดอันเป็นเท็จของพวกเจ้าที่ว่านี่เป็นที่อนุมัติ และนี่เป็นที่ฮะรอม เพื่อพวกเจ้าจะกล่าวเท็จกับอัลลอฮฺ แท้จริงบรรดาผู้ที่กล่าวเท็จกับอัลลอฮฺนั้น จะไม่ประสบกับความสำเร็จ (16:116)
15. การนิยมชมชอบ ตลอดจน (เลื่อมใส ศรัทธา) ในลัทธิ หรืออุดมการณ์อื่นใดนอกเหนือไปจากอิสลาม ไม่ว่าจะเป็นชาตินิยม สังคมนิยม มาโซนี ทำให้ตกเป็นกาฟิร ดังที่อัลลอฮฺตะอาลา ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อาละอิมรอน อายะฮฺที่ 85 ว่า
และผู้ใดแสวงหาศาสนาอื่นนอกจากอิสลามแล้ว อัลลอฮฺก็จะไม่รับจากเขาเป็นอันขาด และในวันอาคีเราะฮฺเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน (3:85)
16. การด่าอัลลอฮฺหรือด่าท่านร่อซูล หรือสาปแช่งศาสนาอิสลาม ทำให้เป็นกาฟิร
17. การมีจิตใจรังเกียจในการให้เอกภาพแด่อัลลอฮฺ การผินหลังให้กับการวิงวอนขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว การเป็นปฏิปักษ์ขัดขวางกับผู้ที่ขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ ทำให้ตกเป็นกุฟร ดังที่อัลลอฮฺตะอาลา ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัซซุมัร อายะฮฺที่ 45 ว่า
และเมื่อพระนามของอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียวถูกกล่าวเตือนขึ้น หัวใจของบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อมั่นศรัทะา (อีมาน) ต่อวันอาคีเราะฮฺ ก็แสดงความรังเกียจ และเมื่อบรรดาอื่นจากอัลลอฮฺถูกกล่าวขึ้น เมื่อนั้นพวกเขาก็ต่างพากันดีใจ (39:45)
18. การเปลี่ยนศาสนาจากศาสนาอิสลามไปเป็นศาสนาอื่น ทำให้เป็นกาฟิรทันที ดังที่อัลลอฮฺ ตรัสว่า
และผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากลับออกไปจากศาสนาอิสลามของเขา แล้วเขาก็ตายไปในขณะที่ยังเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา (กาฟิร) อยู่ ชนเหล่านั้นแหละบรรดาการงานของเขาย่อมไร้ผลทั้งในโลกนี้และในโลกอาคีเราะฮฺ พวกเหล่านี้คือชาวนรกโดยที่พวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล (อัล-บะกอเราะฮฺ 2:217)
ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ผู้ใดที่เปลี่ยนศาสนาของเขา ก็จงประหารชีวิตเขาเสีย (บันทึกโดย อิมามบุคอรีย์)
19. การสนับสนุน ส่งเสริม ช่วยเหลือ พวกยิว พวกคริสต์ ให้มีชัยชนะเหนือมุสลิม นับว่าเป็นกุฟร ดังที่อัลลอฮฺตะอาลา ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัลมาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ 51 ว่า
โอ้บรรดาผู้ที่ศรัทธาแล้วทั้งหลาย อย่าได้ถือเอาพวกยิวและพวกคริสต์มาเป็นมิตรสนิท บางคนในพวกเขาก็เป็นมิตรกับอีกบางคน และผู้ใดในหมู่พวกเจ้าเอาพวกเขามาเป็นมิตรสนิทแล้วไซร้ แน่นอนเขาผู้นั้นก็เป็นหนึ่งในพวกเขา (5:51)
แท้จริง บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา (กาฟิร) อันได้แก่พวกที่ได้คัมภีร์มาก่อน (อะฮฺลุลกิตาบ คือพวกยิวและพวกคริสต์) ตลอดจนผู้ที่ตั้งภาคร่วมกับอัลลอฮฺ (มุชริกีน) นั้น พวกเหล่านี้จะอยู่ในนรกญะฮันนัมตลอดกาล ชนเหล่านี้แหละคือคนที่ชั่วช้าที่สุด (อัลบัยยินะฮฺ 98:6)
21. คำพูดของพวกซูฟีย์หรือฏอรีเกาะฮฺบางพวก ที่พูดว่า สรรพสิ่งทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้ล้วนคืออัลลอฮฺทั้งสิ้น บรรดานักปราชญ์มุสลิมมีมติให้ประหารชีวิตผู้ที่กล่าวถ้อยคำข้างต้นนี้ได้ทันที
22. คำพูดที่ให้แบ่งแยกศาสนาออกจากรัฐ โดยอ้างว่าในอิสลามไม่มีการเมือง ดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นกุฟร เพราะเป็นการพูดเท็จต่ออัลกุรอ่านและอัลฮะดีส
23. คำพูดของพวกซูฟีย์หรือฏอรีเกาะฮฺบางคน ที่ว่า อัลลอฮฺ ทรงมอบหมายการควบคุมดูแลกิจการงานต่างๆไว้กับผู้ที่เป็นวะลีบางคน" ดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นกุฟร เพราะแย้งกับดำรัสของอัลลอฮฺตะอาลา ในอัลกุรอ่าน ซูเราะฮฺ อัซซุมัร อายะฮฺที่ 62 ที่ว่า
การควบคุมดูแลกิจการแห่งบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินล้วนเป็นสิทธิของพระองค์อัลลอฮฺเท่านั้น (39:62)
- คัดลอกมาจาก www.thaiislamic.com
.......................
สำรับคนที่สิ้นสภาพการเป็นมุสลิมนั้น ก็ไห้เขากลับตัวด้วยการเตาบะฮต่ออัลลอฮและให้กล่าวคำปฏิญานใหม่ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
|