ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - มัซฮับสะละฟีย์และมัซฮับทั้งสี่ (ภาคที่ 2)
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
มัซฮับสะละฟีย์และมัซฮับทั้งสี่ (ภาคที่ 2)
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 24, 25, 26 ... 31, 32, 33  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Sat Mar 04, 2006 9:55 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถึง อจ.อัลฟารุกبارك الله فيك

وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته وطيباته
บังได้อ่านข้อความของอจ.แล้วเข้าใจถึงความรู้สึกของชีวิตของนักศึกษา ได้ดีครับ ผมเองเคยมีพี่ชาย ไปเรียนต่างประเทศเหมือนกัน แต่การสื่อสารเมื่อก่อนมันแตกต่างกับตอนนี้มากครับ เมื่อก่อนสิ่งที่จะทำให้หายความคิดต่อญาติพี่น้องได้ คือจดหมายเท่านั้นครับ และบางครั้งก็ใช้โทรเลข
อจ.ครับ ผมซาบซึ้งคุณทั้ง3คนและเพื่อนทุกคนที่อยู่อียิปต์ครับ ที่ยอมเสียสละไปค้นคว้าหาความรู้ถึงเมืองนอกเพื่อค้นหาหลักธรรมโดยเฉพาะแนวทางที่เรายึดถืออยู่..ซึ่งต้องใช้ความอดทนสูงมาก
แต่ผมเชื่อแน่เหลือเกินว่า อัลลออ์นั้นทรงประสงค์ให้บ่าวของพระองค์สำเร็จในการค้นค้วาสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ ที่อจ.กล่าว่าธาตุแท้ของเราคือความโง่ และแก่นแท้ของความรู้คืออัลลออ์ เป็นคำที่อุลามะตะเซาวุฟ เขายึดถือครับ ทุกวันนี้บังเองก็พยายามนำพาตัวเข้าหาความใกล้ชิดกับพระองค์ครับ ด้วยความอุตสอเฮาะที่อัลลอฮ์ประทานมา และชอบค้นคว้าตำราที่เป็นทางนำกลับไปหาอัลลอฮ์ เท่าที่จะหาได้ แต่ตัวเองเป็นคนที่เรียน ด้านศาสนาน้อยครับ ช่วงนั้นทางบ้านบังเขาเห็ว่าญาติบังกเรียนทางศาสนาก็หลายคนแล้ว เลยส่งมาให้บังเรียนในทางสามัญบ้าง ก็อัลหัมดูลิ้ลลาห์ จบออกมาอัลลอฮ์ก็ให้มีงานทำที่ดี แต่บังยังไม่สบายใจอยู่ดีว่า แล้วถ้าเราตายไปเราจะเอาอะไรไปตอบกับอัลลออ์ หรือเว่ามีแค่รูก่นอิสลาม5ข้อและรูกนอีหมาน 6 ข้อก็พอ หรือเรียนรู้แค่ ภาคฟรัดูอีน หรือ และได้ละหมาด5 เวลา ถือศิลอดปีละครั้ง ก็ใช้ได้แล้ว นี่คือความคิดของคนทั่วๆไป
อจ.อัลฟารุกครับ ถ้าพูดถึงความเมตาปราณีของอัลลออ์แล้ว มหาบริสุทธิ์มหายิงใหญ่แห่งเอกองค์อัลลอฮ์...ปากกานั้นไม่สามารถที่จะพรรณาถึงเดชานุภาพหรือความเกรียงไกรต่างๆนั้นมาบันทึก
เป็นตัวอักษรได้ครับ เฉพาะคำว่า มหาบริสุทธิ์ มหาย่งใหญ่ มันเป็นเพียงตัวอักษร สำหรับเพื่อที่จะทำความเข้าใจให้กับบรรดามวลมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง พระองค์นั้น มหาบริสุทธิ์ มหายิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะมสิ่งหนึ่งสิ่งใดเปรียบเทียบได้
พระองค์ทรงสร้างสติปัญญาให้มนุย์ในระดับที่แตกต่างกัน เพื่อให้แต่ละคนสามารถคัดเลืกหรือไขวาคว้า หนทางที่ตนเห็นว่าถูกต้อง...เพราะมนุษย์นั้นเป็นมัคโล๊กที่ถูกสร้างขึ้นมา ในลักษณะที่มีทั้งเท่าเทียมกันและไม่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าทางด้านร่างกายทั้งภายนอกและภายใน สิ่งที่เท่าเทียมกันในภายนอกนั่นก็คือ มนุษย์ที่พระองค์สร้างขึ้นมาด้วย ธาตุ ทั้ง ทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และในธาตุทั้งสี่นั้นได้นำมาสร้างเป็นรูปลักษณะของมนุษย์ เป็นกายหยาบ เป็รูปร่างภายนอกที่เราสามารถมองเห็นและจับต้องได้ มีรูปลักษณะครบสมบูรณ์ในการเป็นคน
และสิ่งที่ไม่เท่าเทียมกันในลักษณะภายนอกนั่นก็คือ มนุษย์ที่พระองค์สร้างขึ้นมาทีมีลักษณะอาการที่ไม่ครบสมบูรณ์ หรือเรียกทั่วไปว่า คนพิการ
สำหรับสิ่งที่เหมือนกันที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในนั่นคือ ปัญญามนุษย์ทุกคนมีปัญญาเหมือนกัน แต่ไม่เท่าเทียมกัน และในสิ่งที่เหมือนกันนั้นมีความแตกต่างกัน ในลักษณะที่ไม่เทียมกัน ความรู้ก็เช่นเดียวกัน ความรู้ก็เช่นเดียวกัน และที่มนุษย์มีความรู้ที่ไม่เท่าเทียมกันนั้นมันเกิดจากปัญญานันเอง
ในวิชาตะเซาวุฟนั้นมีอะไรที่ดีมากๆอย่างน้อยวิชานี้ช่วยขัดเกลาให้ตัวเรามีความสะอาด จากพวกซิริกต่าง ที่เป็นซิฟัตของมัคโลก เช่นมนุษย์เรา ซึ่งชอบเป็นคนตะกับบุร และริยะอยู่ในตัว
อจ.ครับ ตราบใดที่มนุษย์ทีมีทั้งกายแท้และกายเทียม กายแท้คือร่างกายภายในหรือกายละเอียด หรือภาษาอาหรับเราเรียกว่า รั๊วะ นั้นแหละครับ ซึ่งกายแท้ตัวนี้แหละที่เราจะต้องถูกนำกลับไปสู่พระองค์ ดังคำดำรัสที่พระองค์พุดในอัลกรุอานตักเตือนเราว่า
อันน่าลิ้ลลา วะอิ้นนอิลัยฮิ รอยีอูน

Crying or Very sad แท้จริงเรานั้นมาจากพระองค์ และเราก็กลับคืนสู่พระองค์ Crying or Very sad

Rolling Eyes อจ.ครับ ที่บังนำบทความนี้มาเสนออจ.นั้นเพราะเห็นว่าอจ.นั้นมุ่งหน้าไปหาด้านวิชาตะเซาวุฟที่เป็นวิชาหนึ่งที่บัง ก็ชอบมากครับ แล้วันหลังบังจะคุยเรื่องนี้กับอจ.ต่อนะครับและอย่าลืมแลกเปลี่ยนหรือชี้นำวิชานี้ให้บังบ้างละ


wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Mar 05, 2006 2:02 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ข้อความของ น้อง al-farook
นั่นไงล่ะครับ คือ จุดยืนของบังอะสัน คือแนวทางของตนเองนั้น ไม่ยอมพิจารณาใส่ใจ แต่บังอะสันมักชอบใฝ่หา ใส่ใจ จับผิด กล่าวหา แต่แนวทางของคนอื่น โดยไม่ทำความสะอาดแนวทางของตน ใส่ใจแต่เรื่องลูบหน้า กล่าวอุซอลลีย์ พอเรื่องวะฮาบีย์เชื่ออย่างเหนียวแน่นว่า พ่อแม่นบี(ซ.ล.)อยู่ในนรกหมกไหม้ล่ะก็ บังอะสันกลับสนับสนุนส่งเสริม ซุบหานัลลอฮ์ !!!
................................
ตอบ
เรื่อง ของ พ่อแม่ท่านนบี นั้น บังจะไม่ขอวิจารณ์ และยกให้น้อง al-farook และ สหายชนะก็แล้วกัน เพราะฉะนั้น จงภูมิใจ ที่ชนะ ในเรื่องนี้ และอย่าได้กล่าวหา เพราะบังไม่สนับสนุนการวิพากวิจารณ์ บุพการีของท่านนบี ระวังนะครับ นี่หักกุอาดัมนะครับ
…………

อ้างอิงจากบังอะสัน
อัลฮาฟิฮ อิบนุเราะยับ กล่าวไว้ในหนังสือ ญามิอุ้ลอุลูมวัลหิกะมิ 1/72 ว่า
และความจริงดังกล่าวนั้น (อิบาดะฮ) จะสมบูรณ์ ด้วย สองประการคือ
1. การกระทำ(อะมั้ล)นั้นใน รูปภายนอกของมัน สอดคล้องกับอัสสุนนะฮ และนี้คือ ที่รวมอยู่ ความหมายของหะดิษอะอีฉะฮ ที่ว่า”บุคคลใดอุตริ สิ่งใหม่ขึ้นมา ในกิจการ(ศาสนา)ของเรานี้ สิ่งซึ่ง ไม่มีมาจากมัน มันถูกปฏิเสธ
2. การกระทำนั้นในรูปภายในของมัน จะต้องเจตนาในการกระทำนั้น เพื่ออัลลอฮ ผู้ทรงอำนาจ ทรง สูงส่ง ดังความหมายที่รวมอยู่ในหะดิษอุมัรที่ว่า “บรรดาการงานนั้น ขึ้นอยู่กับการเจตนา
น้อง al-farook กล่าวว่า
หลักการของ ท่าน อิบนุ รอญับ และท่าน ฟุฏัยล์ บิน อิยาฏ นั้นฟังขึ้น แต่หลักการของท่านอิบนุตัยมียะฮ์นั้น ฟังไม่ขึ้นครับ
.....................
อ้าว..ที่ฟังขึ้นก็ไม่เอา ที่ฟังไม่ขึ้นก็ไม่เอา หูเป็นยังไงกัน แฮะๆ(หยอกเล่น) หลักฐานฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตัว เอง ย่อมฟังไม่ขึ้นอยู่แล้ว ฮะฮา ดังนั้นท่านผู้อ่านพิจารณษก็แล้วกัน



ท่าน อัล-บัซฺซฺาร ได้รายงานจาก อบี อัดดัรดาอ์ ว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)กล่าวว่า

وما أحل الله فى كتابه فهو حلال وما حرم فهو حرام ، وما سكت عته فهو عفو ، فأقبلوا من الله عافيته ، فإن الله لم يكن لينسى شيئا ، ثم تلا ( وما كان ربك نسيا)
قال البزار : إسناده صالح، وصححه الحاكم

"สิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงอนุมัต (คือ สิ่งวายิบ สุนัติ และมุบะฮ์) ในคำภีร์ของพระองค์นั้น คือสิ่งที่หะลาล (จนถึงวันกิยามะฮ์) และสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม (คือ หะรอม และมุกโระฮ์ ด้วยหนทางแบบสรุป หรือรายละเอียด) นั้น คือสิ่งที่ห้าม (จนถึงวันกิยามะฮ์) และสิ่งที่พระองค์ทรงนิ่งจากมัน (คือสิ่งที่ ยาอิซฺ อนุญาติให้กระทำได้) ย่อมเป็นการอนุโลมให้ ดังนั้น พวกท่านตอบรับการผ่อนปรนของพระองค์เถิด เพราะแท้จริงแล้ว อัลเลาะฮ์ไม่ทรงเคยลืมเลย จากนั้นท่านร่อซูลได้อ่านอายะฮ์ที่ว่า "และพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น ไม่ทรงลืม" ท่านอัล-บัซฺซฺารกล่าวว่า หะดิษนี้ ดี และท่านหะกิมถือว่า หะดิษนี้ซอฮิหฺ
สืบเนื่องมาจากหะดิษข้างต้น ซึ่งผมได้กล่าวว่า
หะดิษข้างต้น อยู่ภายใต้ หลักการพิจารณา เรื่อง หะลาล-หะรอม เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ดังหลักการที่ว่า

الأصل في الأشياء الإباحة، أما المحرمات إنما هي أشياء مستثناة، قال تعالى: {حُرِّمَتْ عَلَيْكُمُ الْمَيْتَةُ وَالدَّمُ وَلَحْمُ الْخِنْزِيرِ وَمَا أُهِلَّ لِغَيْرِ اللَّهِ بِهِ} [المائدة: 2].

หลักเดิม ในสิ่งต่างๆนั้น อนุญาต สำหรับสิ่งต้องห้ามนั้น ความจริง มันเป็นสิ่งต่างๆ ที่ถูกยกเว้น ดังคำดำรัสของอัลลอฮ (ซ.บ)ทีว่า “[5.3] ได้ถูกห้ามแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งสัตว์ที่ตายเอง และเลือด และเนื้อสุกร และสัตว์ที่ถูกเปล่งนามอื่นจากอัลลอฮ์ ที่มัน (ขณะเชือด)............) อัลมาอิดะฮ / 2
น้อง al-farook วิจารณ์ว่า
บังอะสันอย่าเข้าใจหะดิษคับแคบ หากบังอะสันจำกัดอยู่ในสิ่งเหล่านั้น คือสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องอิบาดะฮ์ แล้วสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงนิ่งไม่ได้กล่าวไว้ล่ะครับ มันเป็นอย่างไร ? แล้วสิ่งที่อัลเลาะฮ์ไม่ทรงบัญญัติกล่าวไว้ หรือนิ่งจากการกล่าวมันนั้น เป็นอย่างไรครับ หะลาลหรือครับ กบ เขียด คางครก ใส้เดือน สิ่งโต รับประทานได้ใช่ใหมครับ เพราะอัลเลาะฮ์ไม่ได้ยกเว้นห้ามไว้ ??
.................................
ตอบ
เอ้า ..เข้าป่าอีกแล้วครับท่าน ก่อนอื่น อยากแนะนำให้ไปอ่านหนังสือ หะลาลวัลหะรอม ในอิสลาม ของ ดร.ยุซุฟ อัล-กอรเฎาะวีย์ ก่อน กอ่นที่จะกินคางคกนะคับ ฮะฮา

น้อง al-farook กล่าวว่า
บังอะสันอย่าเข้าใจหะดิษคับแคบ หากบังอะสันจำกัดอยู่ในสิ่งเหล่านั้น คือสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องอิบาดะฮ์ แล้วสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงนิ่งไม่ได้กล่าวไว้ล่ะครับ มันเป็นอย่างไร
..............................
ตอบ
ที่จริง น้องให้ความหมายเองนะครับว่า
และสิ่งที่พระองค์ทรงนิ่งจากมัน (คือสิ่งที่ ยาอิซฺ อนุญาติให้กระทำได้) ย่อมเป็นการอนุโลมให้
แล้วดันมาถามว่า “แล้วสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงนิ่งไม่ได้กล่าวไว้ล่ะครับ มันเป็นอย่างไร?
……………
ขออธิบายให้น้องตาสว่างเพิ่มเติม ดังนี้

لأصل في الأشياء الإباحة

1. หลักเดิม ในสิ่งต่างๆนั้น อนุญาต
พื้นฐานหรือหลักการที่อิสลามสร้างขึ้นนั้น ก็คือ สรรพสิ่งทั้งหลายที่อัลลอฮสร้างขึ้นมานั้น ล้วนแล้วแต่ เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์ จากมัน ดังนั้น ดังนั้นสรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ย่อมเป็นสิ่งอนุมัติ ไม่มีสิ่งใดหะรอม ยกเว้น สิ่งที่กุรอ่านและแบบอย่างคำสอนของท่านศาสดามุหัมหมัด ได้ห้ามไว้อย่างชัดแจ้ง ในกรณีที่หลักฐานไม่แข็งแรงเพียงพอ เช่นหะดิษอ่อนหลักฐานหรือในกรณีที่การห้ามกล่าวไว้ไม่ชัดแจ้ง ก็ให้นำหลักเดิมมาใช้ ในการอนุญาต – ดู หะลาลและหะรอม ในอิสลาม ของ เช็คกอรฺฎอวีย์ แปลโดย บรรจง บินกาซัน หน้า 16
2. สิ่งใดสงสัยให้หลีกเลี่ยง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

"الحلال بين والحرام بين، وبينهما أمور مشتبهات لا يعلمهن كثير من الناس، فمن اتقى الشبهات فقد استبرأ لدينه وعرضه، ومن وقع في الشبهات وقع في الحرام"
หะลาล และ หะรอมนั้น เป็นที่ชัดแจ้ง และระหว่างทั้งสองสิ่งนี้ มีบรรดาสิ่งที่คลุมเครือ(สงสัย) ซึ่งคนส่วนมากไม่รู้(ว่าหะลาล หรือ หะรอม) ดังนั้น ผู้ใดป้องกัน(ตนเองจาก)สิ่งคลุมเครือสงสัย แน่นอนเขาได้ปกป้องศาสนาและเกียรติของเขา และผู้ใดตกอยู่ใน(การกระทำ)สิ่งคลุมเครือ เขาก็ตกอยู่ในสิ่งต้องห้าม.
متفق عليه البخاري (52) ومسلم (1599) من حديث النعمان بن بشير
3.การกำหนดสิ่งใดว่าหะลาล หรือ หะรอมนั้น เป็นสิทธิของอัลลอฮ
อิสลามได้จำกัดสิทธิในการที่จะกำหนดว่าสิ่งใดหะลาลหรือ หะรอมนั้น ไว้สำหรับ อัลลอฮพระองค์เดียวเท่านั้น ดังอัลกุอ่านระบุไว้

وَلاَ تَقُولُواْ لِمَا تَصِفُ أَلْسِنَتُكُمُ الْكَذِبَ هَـذَا حَلاَلٌ وَهَـذَا حَرَامٌ لِّتَفْتَرُواْ عَلَى اللّهِ الْكَذِبَ إِنَّ الَّذِينَ يَفْتَرُونَ عَلَى اللّهِ الْكَذِبَ لاَ يُفْلِحُونَ
[16.116] และพวกเจ้าอย่ากล่าวตามที่ลิ้นของพวกเจ้ากล่าวเท็จขึ้นว่า นี่เป็นที่อนุมัติและนี่เป็นที่ต้องห้าม เพื่อที่พวกเจ้าจะกล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์แท้จริงบรรดาผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์นั้น พวกเขาจะไม่ได้รับความสำเร็จ – อัลนะหลุ/116
และอิบนุกะษีร(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า

وَقَالَ اِبْن وَهْب قَالَ مَالِك : لَمْ يَكُنْ مِنْ فُتْيَا النَّاس أَنْ يَقُولُوا هَذَا حَلَال وَهَذَا حَرَام , وَلَكِنْ يَقُولُوا إِيَّاكُمْ كَذَا وَكَذَا , وَلَمْ أَكُنْ لِأَصْنَع هَذَا . وَمَعْنَى هَذَا : أَنَّ التَّحْلِيل وَالتَّحْرِيم إِنَّمَا هُوَ لِلَّهِ عَزَّ وَجَلَّ , وَلَيْسَ لِأَحَدٍ أَنْ يَقُول أَوْ يُصَرِّح بِهَذَا فِي عَيْن مِنْ الْأَعْيَان , إِلَّا أَنْ يَكُون الْبَارِئ تَعَالَى يُخْبِر بِذَلِكَ عَنْهُ . وَمَا يُؤَدِّي إِلَيْهِ الِاجْتِهَاد فِي أَنَّهُ حَرَام يَقُول : إِنِّي أَكْرَه كَذَا . وَكَذَلِكَ كَانَ مَالِك يَفْعَل اِقْتِدَاء بِمَنْ تَقَدَّمَ مِنْ أَهْل الْفَتْوَى

และอิบนุวะฮับ กล่าวว่า อิหม่ามมาลิก กล่าวว่า “บางส่วนของผู้คนที่ตอบปัญหาศาสนา นั้น ไม่ปรากฏว่า พวกเขากล่าวว่า นี้คือ หะลาล นี่คือ หะรอม แต่ทว่า พวกเขากล่าวว่า พวกท่านพึงระวัง อย่างนั้น อย่างนี้ และฉันจะไม่ ทำอย่างนี้ และ ความหมายในที่นี้คือ แท้จริง การอนุมัติ และ การห้ามนั้น แท้จริง มันเป็นสิทธิของอัลลอฮ (ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงสูงส่ง)เท่านั้น และไม่อนุญาต แก่บุคคลใด กล่าว หรือ ชี้แจง อย่างนี้ (คือ กล่าวว่า หะลาล หรือ หะรอม) ในสิ่งหนึ่งสิ่งใด จากบรรดาสิ่งต่าง เว้นแต่ว่า พระผู้ทรงสร้าง(ซุบฮานะฮูวะตาอาลา)บอกไว้อย่างนั้น จากสิ่งนั้น และสิ่งใดที่นำไปสู่การอิจญติฮาด ในกรณีว่ามัน เป็นสิ่งหะรอม เขาก็จะกล่าวว่า “ฉันไม่ชอบมัน อย่างนั้น อย่างนี้ และดังกล่าวนั้น ปรากฏว่า อิหม่ามมาลิก ได้กระทำ เพื่อปฏิบัติตาม นักตอบปัญหาศาสนา(นักฟัตวา)ที่ผ่านมา – ดูตัฟสีรอัลกุรฏุบีย์ อรรถสธิบายอายะฮที่ 116 ซูเราะฮ อัลนะหลุ.
................................
นี้แสดงให้เห็นว่า สิทธิในการกำหนด หะลาลและหะรอม นั้น เป็นของอัลลอฮ ซึ่งหมายถึง สิ่งที่ท่าน นบี ได้ กล่าวว่า หะลาล และ หะรอมด้วย เพราะ ท่านคือ ผู้รับวะหยูจากอัลลอฮ


และ อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา ตรัสว่า

اتَّخَذُواْ أَحْبَارَهُمْ وَرُهْبَانَهُمْ أَرْبَاباً مِّن دُونِ اللّهِ وَالْمَسِيحَ ابْنَ مَرْيَمَ وَمَا أُمِرُواْ إِلاَّ لِيَعْبُدُواْ إِلَـهاً وَاحِداً لاَّ إِلَـهَ إِلاَّ هُوَ سُبْحَانَهُ عَمَّا يُشْرِكُونَ

[9.31] พวกเขาได้ยึดเอาบรรดานักปราชญ์ของพวกเขา และบรรดาบาดหลวงของพวกเขาเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์ และยึดเอาอัล-มะซีห์บุตรของมัรยัมเป็นพระเจ้าด้วย ทั้งๆที่พวกเขามิได้ถูกใช้นอกจากเพื่อเคารพสักการะผู้ที่สมควรได้รับการเคารพสักการะ แต่เพียงองค์เดียว ซึ่งไม่มีผู้ใดควรได้รับการเคารพสักการะนอกจากพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขาให้มีภาคีขึ้น - อัตเตาบะฮ
ครั้งหนึ่งอะดี บุตร ฮาติม ผู้ซึ่งเป็นคริสเตียนมาก่อน ที่จะเข้ารับอิสลาม ได้มาหาท่านนบี มุหัมหมัด และได้ยินท่านอ่านอายะฮที่กล่าวไว้ข้างต้น เขาจึงกล่าวว่า “ โอ้ท่านเราะซูลุ้ลลอฮ แต่พวกเขาไม่ได้สักการบูชาคนพวกนั้น ท่านศาสดาจึงกล่าวว่า

بَلَى إِنَّهُمْ حَرَّمُوا عَلَيْهِمْ الْحَلَال وَأَحَلُّوا لَهُمْ الْحَرَام فَاتَّبَعُوهُمْ فَذَلِكَ عِبَادَتهمْ إِيَّاهُمْ

ใช่ แต่ คนพวกนั้น ได้ห้ามผู้คนในสิ่งที่หะลาล และได้อนุมัติให้แก่ผู้คนในสิ่งที่หะรอม แล้วพวกเขา(บรรดาผู้คน)ก็ปฏิบัติตามพวกนั้น นี่แหละคือ การอิบาดะฮของพวกเขา ต่อพวกนั้น
- หะดิษรายงานโดยติรมิซีย์ ดูตัฟสีรอิบนิกะษีร อธิบาย อายะฮที่ 31 ซูเราะฮอัตเตาบะฮ
....................................
ศาสนาเป็นของอัลลอฮ พระองค์คือ ผู้บัญญัตฺศาสนบัญญัติ ท่านนบีมุหัมหมัด คือ ผู้รับบทบัญญัติของอัลลอฮ มาอธิบายและทำแบบอย่างให้แก่อุมมะฮของท่าน นี้คือ ความเชื่อ และจุดยืนของบังอะสัน ไม่ใช่การตักลิด แบบตาบอดนะครับ แต่เราตามอุลามาอที่อ้างอิงหลักฐาน
ดังนั้น ขอให้นำหลักฐานมาแก้ ไม่ใช่บอกว่า ฉันว่าไม่มีน้ำหนัก หรือ นี่คือ ของพวกวะฮบีย์ ไม่ได้เอามาจากนักวิชาการสลัฟ บังฟังมาจนเอียนแล้ว และอีกอย่าง พยายามคุมควมอารมณ์ อย่าเที่ยวกลาวหาว่า อย่างนั้น อย่างนี้ เพราะนี้คือ การสนทนากันในเรื่อง ศาสนา แต่ ใจจริงแล้ว บังก็รักและชื่นชม น้องๆที่มีความมานะ เป็นคนเรียนจริงๆ และ ในตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์ ระบุว่า

عَنْ حُذَيْفَة : { اِتَّخَذُوا أَحْبَارهمْ وَرُهْبَانهمْ أَرْبَابًا مِنْ دُون اللَّه } قَالَ : لَمْ يَعْبُدُوهُمْ , وَلَكِنَّهُمْ أَطَاعُوهُمْ فِي الْمَعَاصِي

จากหุซัยฟะฮ ([9.31] พวกเขาได้ยึดเอาบรรดานักปราชญ์ของพวกเขา และบรรดาบาดหลวงของพวกเขาเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์ ) เขากล่าวว่า พวกเขาไม่ได้อิบาดะฮ(เคารพภักดีต่อพวกนั้น แต่ทว่า พวกเขาเชื่อฟังพวกนั้น (พวกนักปราชญ์และบาทหลวง) ในสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืน(คำสอนศาสนา) –
.............................
เพราะฉะนั้น ต้องตามอุลามาอฺ อย่างมีเหตุผล มีปัญญา ไม่ใช่หลับตาตาม เพราะคนเรามีผิด มีถูก ยกเว้นท่านนบี ที่ได้รับการปกป้องจากความผิด จากอัลลอฮ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Mar 05, 2006 2:42 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

น้องบ่าว al-farook เล่าว่า
ส่วนมากผมจะเลือกเรียนกับชัยค์ที่อยู่ในเชื้อสายท่านนบีมุหัมมัด(ซ.ล.) แม้เราเองยังไม่เห็นท่านนบี(ซ.ล.)ในยามตื่น เราก็สามารถอยู่ร่วม สนทนา ศึกษา กับลูกหลานท่านนบี(ซ.ล.) มีลูกของชัยค์ท่านหนึ่งที่ผมไปเรียนตะเซาวุฟ อายุประมาณ 7 ขวบ ผิวขาว แก้มแดง น่ารักมาก เขามีเชื้อสาย จากท่านนบี(ซ.ล.) ทางสายท่าน ซัยยิดินาหุซัย และมีเชื้อสายทางท่าน ซัยยิดินา อบูบักร อัศศิดดีก ด้วย แม้เป็นเด็ก ผมก็ให้เกียตริเขา และผมจะเรียกแทนชื่อเขาว่า " ซัยยิด"
....................
ตอบ

อาการน่าเป็นห่วงเสียแล้วน้องบ่าวเรา

ข้างล่างนี้ เป็น การเคร่งศาสนา ของชาวคัมภีร จนเกินความพอดี นำมาเล่าสู่กันฟัง

قُلْ يَا أَهْلَ الْكِتَابِ لاَ تَغْلُواْ فِي دِينِكُمْ غَيْرَ الْحَقِّ وَلاَ تَتَّبِعُواْ أَهْوَاء قَوْمٍ قَدْ ضَلُّواْ مِن قَبْلُ وَأَضَلُّواْ كَثِيراً وَضَلُّواْ عَن سَوَاء السَّبِيلِ
[5.77] จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย! จงอย่าปฏิบัติให้เกินขอบเขตในศาสนาของพวกท่าน โดยปราศจากความเป็นจริง และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกหนึ่งพวกใดที่พวกเขาได้หลงผิดมาก่อนแล้ว และได้ทำให้ผู้คนมากมายหลงผิดด้วย และพวกเขาก็ได้หลงผิดไปจากทางอันเที่ยงตรง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Mar 05, 2006 2:49 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

น้องบ่าว konyakroo ก็เป็นปรมาจารย์ซูฟีตัวจริง นับถือ นับถือ ครับท่าน


censorship0wx.jpg
 คำจำกัดความ:
 ขนาดไฟล์:  58.83 กิโลไบต์
 เข้าชม:  5760 ครั้ง

censorship0wx.jpg


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Sun Mar 05, 2006 10:18 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถึงบังอะสัน

การให้เกียตริคนหนึ่ง เพราะเขาเป็นลูกหลานท่านนบี(ซ.ล.) นั้น มันเป็นเรื่องเลยเถิด ตามทัศนะของอิสลาม หรือ ตามทัศนะของวะฮาบีย์ การกล่าวกับลูกหลานนบี(ซ.ล.)ว่า "ซัยยิด" นั้น เป็นการอ้างว่า ลูกหลานนบี(ซ.ล.) มีลักษณะของพระเจ้า ที่ชาวอะฮ์ลิลกิตาบเลยเถิดด้วยกระนั้นหรือ ? ท่านอิบนุมัสอูด ได้กล่าวว่า ท่านนบี(ซ.,ล.) นั้น คือ ซัยยิดิลมุรซะลีน ท่านอบูหุรอยเราะฮ์กล่าวว่า ท่าน หะซัน นั้น คือ "ซัยยิด" ท่าน อุมัร อิบนุ ค๊อฏฏอบ กล่าวว่า ท่านอบูบักร คือ "ซัยยิดินา" ท่านบิดาคือ "ซัยยิดินา" แล้วบรรดาซอฮาบะฮ์เหล่านี้ เลยเถิดในเรื่องศาสนาโดยอธรรมหรือไม่ ??

บัง อัล-ฟารูก และ บังคนอยากรู้ เรื่องวิชาตะเซาวุฟ นั้น หากเราจะคุยกัน ก็สมควรคุยกัน เท่าที่ขนาดสติปัญญาของบังอะสันรับได้ หากไม่เป็นเช่นนั้น บังอะสันจะหุกุ่มเราโดยอธรรมก็เป็นได้นะครับ


เรามาเข้าเรื่องกันสักหน่อยครับ จากหลักฐานที่บังอะสันยกอ้างอิงมา ในอัลกออิดะฮ์ ตามทัศนะของอิมาม อัชชาฟิอีย์ คือ

الأصل فى الأشياء الإباحة حتى يدل الدليل على التحريم

หรือตามมัซฮับ ของอิมาม อบูหะนีฟะฮ์ ที่ว่า

الأصل فى الأشياء التحريم حتى يدل الدليل على الإباحة

สิ่งต่างเหล่านี้ เราไม่อยากที่จะนำมาอธิบาย ให้มันนอกประเด็นไป แต่สิ่งที่สำคัญที่เราต้องสนทนาให้เคลียร์นั้นก็คือ อัลกาอิดะฮ์ ที่อิบนุตัยมียะฮ์ บัญญัติ มันขึ้นมาในศาสนาอิสลาม มันเป็น อัลกออิดะฮ์ที่ ฟังขึ้น และสมเหตุสมผลหรือไม่ ? สิ่งที่ท่านร่อซูล(ซ.ล.) ไม่ได้ทำนั้น มันชี้ถึง หะรอม หรือไม่ ? ตัวบทที่ให้ความหมายแบบกว้างๆ เราจะนำมันมาปฏิบัติได้หรือไม่? และบรรดาซอฮาบะฮ์เขาเข้าใจแบบอิบนุตัยมียะฮ์หรือเปล่า? ซึ่งประเด็นเหล่านี้นั้น เราได้อธิบายมาแล้ว แต่บังอะสันไม่ได้ทำการวิจารณ์คัดค้านมันเลย ไม่ทราบว่า นิ่ง แบบปฏิเสธ หรือว่า นิ่งแบบยอมรับ หรือว่า บังอะสันต้องการที่จะปล่อยให้อยู่อย่างนั้น โดยที่ มันอาจจะมาเป็นอุปสรรค์ในการสนทนาในข้อปลีกย่อย ในสัปดาห์หน้าอีกก็ได้นะครับ

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 1:15 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

น้อง al-azhary กล่าวว่า
แต่สิ่งที่สำคัญที่เราต้องสนทนาให้เคลียร์นั้นก็คือ อัลกาอิดะฮ์ ที่อิบนุตัยมียะฮ์ บัญญัติ มันขึ้นมาในศาสนาอิสลาม มันเป็น อัลกออิดะฮ์ที่ ฟังขึ้น และสมเหตุสมผลหรือไม่ ? สิ่งที่ท่านร่อซูล(ซ.ล.) ไม่ได้ทำนั้น มันชี้ถึง หะรอม หรือไม่ ? ตัวบทที่ให้ความหมายแบบกว้างๆ เราจะนำมันมาปฏิบัติได้หรือไม่? และบรรดาซอฮาบะฮ์เขาเข้าใจแบบอิบนุตัยมียะฮ์หรือเปล่า? ซึ่งประเด็นเหล่านี้นั้น เราได้อธิบายมาแล้ว แต่บังอะสันไม่ได้ทำการวิจารณ์คัดค้านมันเลย ไม่ทราบว่า นิ่ง แบบปฏิเสธ หรือว่า นิ่งแบบยอมรับ หรือว่า บังอะสันต้องการที่จะปล่อยให้อยู่อย่างนั้น โดยที่ มันอาจจะมาเป็นอุปสรรค์ในการสนทนาในข้อปลีกย่อย ในสัปดาห์หน้าอีกก็ได้นะครับ
________________
…………………..
ตอบ
น้องบ่าวที่รัก ใจเย็น ๆ นะครับ

القاعدة الثالثة عشرة: الأصل في الأشياء الحل.
الأصل في الأشياء عموماً – الأفعال والأعيان وكل شيء – الأصل فيه الحل، والدليل قوله تعالى: ﴿هُوَ الَّذِي خَلَقَ لَكُم مَّا فِي الأَرْضِ جَمِيعاً﴾ [البقرة:29]. وهذا عام في الأعيان والمنافع.
أما المعاملات فمثل قوله تعالى: ﴿وَأَحَلَّ اللّهُ الْبَيْعَ وَحَرَّمَ الرِّبَا﴾ [البقرة:275]، فأحل المبايعة، فالأصل فيها الحل وكذلك بقية العقود.

القاعدة الرابعة عشرة: الأصل في العبادات المنع.
العبادات الأصل فيها المنع إلا إذا أذن بها الشرع ودليل ذلك قوله تعالى: ﴿أَمْ لَهُمْ شُرَكَاء شَرَعُوا لَهُم مِّنَ الدِّينِ مَا لَمْ يَأْذَن بِهِ اللَّهُ﴾ [الشورى:21]، وقول النبي :
" من عمل عملاً ليس عليه أمرنا فهو رد ".
.............................................................................
ملخص القواعد الفقهية
إعداد
أبو حميد عبد الله بن حميد الفلاسي
............................
ขอย้ำว่า สิ่งที่นำเอาไปทำอิบาดะฮนั้น ต้อง สอดคล้องหรือ ตรงกับสุนนะฮ แต่ หากเป็นสิ่งที่คิดขึ้นมา ทีหลัง และ ไม่ได้เป็นสุนนะฮของเหล่าเศาะหาบะฮที่ท่านนบีรับรอง เช่น เคาะลิฟะฮทั้งสี่ บังขอพิจารณา หวังว่าคงเข้าใจ
สุนนะฮ คือ คำพูด การกระทำ และ การยอมรับหรือ รับรอง ของท่านนบี ถ้าไม่ตรง ไม่เอาจ้ะ
เอาละ หากสิ่งที่ ชาวบ้านเราทำอยู่ หากตรงกับสิ่ง ที่ บรรดาเศาะหาบะฮทำ ก็ถือว่า ผ่าน แต่ถ้าไม่ตรง หรือ ไม่มี ไม่ผ่าน ตกลงไหม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 1:21 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แก้ไข

............................
ขอย้ำว่า สิ่งที่นำเอาไปทำอิบาดะฮนั้น ต้อง สอดคล้องหรือ ตรงกับสุนนะฮ แต่ หากเป็นสิ่งที่คิดขึ้นมา ทีหลัง และ ไม่ได้เป็นสุนนะฮของเหล่าเศาะหาบะฮที่ท่านนบีรับรอง เช่น เคาะลิฟะฮทั้งสี่ บังไม่ขอพิจารณา หวังว่าคงเข้าใจ
สุนนะฮ คือ คำพูด การกระทำ และ การยอมรับหรือ รับรอง ของท่านนบี ถ้าไม่ตรง ไม่เอาจ้ะ
เอาละ หากสิ่งที่ ชาวบ้านเราทำอยู่ หากตรงกับสิ่ง ที่ บรรดาเศาะหาบะฮทำ ก็ถือว่า ผ่าน แต่ถ้าไม่ตรง หรือ ไม่มี ไม่ผ่าน ตกลงไหม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 9:53 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam บังฮะซัน
บังตั้งเงื่อนไขว่า
----ขอย้ำว่า สิ่งที่นำเอาไปทำอิบาดะฮนั้น ต้อง สอดคล้องหรือ ตรงกับสุนนะฮหากเป็นสิ่งที่คิดขึ้นมา ทีหลัง และ ไม่ได้เป็นสุนนะฮของเหล่าเศาะหาบะฮที่ท่านนบีรับรอง เช่น เคาะลิฟะฮทั้งสี่ บังไม่ขอพิจารณา หวังว่าคงเข้าใจ
สุนนะฮ คือ คำพูด การกระทำ และ การยอมรับหรือ รับรอง ของท่านนบี ถ้าไม่ตรง ไม่เอาจ้ะ
เอาละ หากสิ่งที่ ชาวบ้านเราทำอยู่ หากตรงกับสิ่ง ที่ บรรดาเศาะหาบะฮทำ ก็ถือว่า ผ่าน แต่ถ้าไม่ตรง หรือ ไม่มี ไม่ผ่าน ตกลงไหม....

เอ้า///บังฮะซัน ผมว่าบังเริ่ม จะถูกน๊อคและโดนตัดคะแนนความประพฤติเรื่องทัศนคติ ต่อบรรดาซอฮาบะที่นบีรับรองแล้วนะ และที่คุณซุกกรีจะประเมินคะเเนน บังอาจโดนจับให้แพ้แบบหมดทางสู้ ก็ตรงนี้แล้วนะครับ//โดยสิ่งที่บังฮะซันยกมาเป็นเงื่อนไขในการสนทนา ตรงที่ว่า ที่บังจำกัดและยอมรับการกระทำอยู่เฉพาะ คอลีฟะทั้ง4 เท่านั้น คือ ท่านซัยยดินาอบูบักร์ ท่านซัยยิดนา อุมัร ท่านซัยยิดินา อุษมาน ท่านซัยิดินา อาลี(รด)หรือผู้ที่ฉายาว่าคุลาฟะอัรรอซีดินเท่านั้น
บังครับแล้วซอฮาบะและซอฮาบีนที่นบีรับรอง ทั้ง10คน หรือที่มากว่านั้นที่มากว่านั้นละครับ บังจะไม่ยอมรับเขาเลยหรือ ท่านเหล่านั้น ไม่ได้เป็นผู้ใกล้ชิดท่านบีหรอกหรือครับ ผมเห็นบังจึงจำกัดอยู่เฉพาะซอฮาบะ4 ท่าน มันทะเม่งๆอยู่นะครับ....----
แต่ .ผมยิ่งแปลกใจเพิ่มขึ้นก็ตรงที่เขาเหล่านั้นทั้งซอฮาบะและซอฮีบีนก็มีความรู้มาก และอยู่สมัยเดียวกับท่านนบี จนกระทั่งท่านนบีเสียชีวิต ไม่ว่า อิบบนิมัสอูด ท่านอบูรอยเราะ ท่านหญิงอาอีฉะฯลฯ.และผมก็ยังเห็นบังเอาฮาดีสของการกระทำของซอฮะบะท่านอื่นมากล่าวอ้างและมาสนับสนุนตนเองก็มาก แล้วทำไมพอถึงตอนนี้บังกลับยอมรับแค่การกระทำของ ซอฮาบะทั้ง4หรอกละ บัง ..เดี่ยวนี้ผมว่าจุดยืนบังเริ่มจะเพี้ยนแล้วนะ
ทั้งที่เวลาคุยกับชีอะแล้ว ปากก็บอกว่าเรามัสหับวะฮาบีย์นั้น..ให้การยอมรับในตัวซอฮาบะของนบีทุกคน แต่พอคุยเรื่องปัญหาคิลาฟียะ โดยเฉพาะเรื่องบิดอะแล้ว เลือกเอาเฉพาะซอฮาบะบางคน

อะเฮ้ย อย่างนี้ก็มีด้วยวะ คงจะไม่มีทางหนีละซีอาบัง...เลยออกมาตั้งวงจำกัด ขอพ้นไปทีฮิๆๆๆ

เอางี้ดีกว่าครับ เพื่อความเป็นธรรม ในการเสวนาปัญหาปลีกย่อยที่ค้างใจบังและสหายวะฮาบีย์บังผมของถามบังฮะซัน สัก 4ข้อ สั้นๆครับ

1.ระหว่างคำพูดของท่านอิบนุตัยมียะ และบรรดาศานุศิย์ที่ตักลีดตามท่าน กับบรรดาซอฮาบะที่นอกเหนือจาก คอลีฟะทั้ง4 แล้วนั้น ใครจะน่าเชื่อถือมากกว่ากัน....

2. นอกจากการกระทำซอฮาบะทั้ง4 แล้ว บังจะยอมรับการทำต่างๆของซอฮาบะท่านอื่นหลังจากที่ท่านนบีเสียชีวิตไปแล้วหรือไม่.....

3.นอกจากซอฮาบะทั้ง4 ท่านแล้ว บรรดาซอฮาบะที่นบีรับรองที่ยังคงเหลือนั้น ถ้าวัดถึงความประเสริฐ ระหว่าง ซอฮาบะกับท่านอิบนุตัยมียะและบรรดาผู้เจริญรอยตามนั้น...บังจะยอมรับใครมากกว่ากัน...

4.และในความรู้ของซอฮาบะ..นอกจากคอลีฟะทั้ง4แล้ว บังจะยอมรับในความรู้ของเขาเหล่านั้นทุกอย่างหรือไม่

5.ระหว่างคนมีความรู้ของผู้ที่บังตักลีดตามในสายวะฮาบีย์ ซึ่งเขาเหล่านั้นไม่ได้เป็นซอฮาบะ/ตาบีอีน/ตาบีอิตตาบีอีน/สลัฟ นั้นบังจะยึดตามความรู้หรือการแจกแจงของใครก่อนกัน.....

ที่ถามนั้น เกิดมาจากการสงสัยในคำถามทของบังที่ตตั้งวงจำกัดเฉพาะซุนนะของท่านนบีและคอลีฟะทั้ง4

ขอให้บังฮะซันตอบตรงนี้ก่อน

น้องอัล-อัชฮารีย์ครับ อจ.อัลฟารุก ครับ ผมเคยคุยกับวะฮาบีย์ ตัวต่อตัว เขานั้นชอบตั้งเงื่อนไข
แบบนี้และครับเราก็เลยต้องตั้งเงื่อนไขกับเขาบ้าง ไม่นั้น คุยกันไม่มีทางจบครับ...




..
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 10:13 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam น้องอัลอัชฮารีย์
ผมก็นึกไว้แล้วเหมือนกันครับ ว่าถ้าผมนำเสนออะไรที่บังเขาไม่เคยผ่านหูผ่านตามาก่อนโดยเฉพาะแนวทางของซอฮาบะหรืออุลามะตะเซาวุฟ บังก็ต้องฮูกมว่าผมคือ ปรมาจารย์ซูฟีตัวจริง อะฮ้าๆๆบังฮะซันนั้นใครก็รู้กันทั่วมืองสงขลาว่า เป็นวะฮาบีย์ที่ชอบอ้างงว่าถ้าสิ่งใดที่ตัวเองหาไม่พบหรือไปไม่ถึงในหลักฐานนั้นๆ บังก็ชอบฮูกมหรือคาดเดาดักหนาเสียอย่างนั้แหละ ว่า เป็นบิดอะบ้าง
นอกศาสนาบ้าง ผมละสงสารบังแกนะครับ
แล้วบางคนไม่สบายใจเรื่องส่วนตัวซึ่งคิดยังไงก็ไม่ออกบอกใครก็ไม่ได้ ก็เลยนั่งละหมาดขอพรทั้งเช้าเย็น บังมาเห็นปุ๊บก็เลยฮูกมว่าพวกนี้ทำบิดะทั้งที่เขาขยันทำซิกรุลลอฮ์ วันละหลายหน
บ้าง ก็ตะลีลช้าๆ ก็หาว่าพวกนี้เป็นซูฟีบ้าง ตอรักัตบ้าง เฮ้อ จริงๆแล้วตาที่อัลลออ์ให้มานั้นเพื่อการมองแต่ภายนอกเท่านั้น แต่ตานั้นไม่สามารถมองเห็นถุงภายใน แต่ดันเอาตาไปฝากกับสติปัญญาแล้วก็กลับไปฮูกมคนโน้นทีคนนี้ที..ลาเฮาลา...

ดูซิครับบังฟันธงเลยว่า

น้องบ่าว konyakroo ก็เป็นปรมาจารย์ซูฟีตัวจริง นับถือ นับถือ ครับท่าน


--------------------------------------------------------------------------------

censorship0wx.jpg
คำจำกัดความ:

ขนาดไฟล์: 58.83 กิโลไบต์
เข้าชม: 32 ครั้ง






--------------------------------------------------------------------------------


วัสลาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 10:59 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam บังฮะซันกล่าว่า
น้องบ่าว al-farook เล่าว่า
ส่วนมากผมจะเลือกเรียนกับชัยค์ที่อยู่ในเชื้อสายท่านนบีมุหัมมัด(ซ.ล.) แม้เราเองยังไม่เห็นท่านนบี(ซ.ล.)ในยามตื่น เราก็สามารถอยู่ร่วม สนทนา ศึกษา กับลูกหลานท่านนบี(ซ.ล.) มีลูกของชัยค์ท่านหนึ่งที่ผมไปเรียนตะเซาวุฟ อายุประมาณ 7 ขวบ ผิวขาว แก้มแดง น่ารักมาก เขามีเชื้อสาย จากท่านนบี(ซ.ล.) ทางสายท่าน ซัยยิดินาหุซัย และมีเชื้อสายทางท่าน ซัยยิดินา อบูบักร อัศศิดดีก ด้วย แม้เป็นเด็ก ผมก็ให้เกียตริเขา และผมจะเรียกแทนชื่อเขาว่า " ซัยยิด"
....................

ตอบ อาการน่าเป็นห่วงเสียแล้วน้องบ่าวเรา




Crying or Very sad บังครับ...บังเป็นห่วงตัวเองก่อนเถิดครับ ผมว่าบังนั้นอาการหนักไปข้างหน้าแล้วนะครับ

และที่บังยกมาว่า...ข้างล่างนี้ เป็น การเคร่งศาสนา ของชาวคัมภีร จนเกินความพอดี นำมาเล่าสู่กันฟัง

قُلْ يَا أَهْلَ الْكِتَابِ لاَ تَغْلُواْ فِي دِينِكُمْ غَيْرَ الْحَقِّ وَلاَ تَتَّبِعُواْ أَهْوَاء قَوْمٍ قَدْ ضَلُّواْ مِن قَبْلُ وَأَضَلُّواْ كَثِيراً وَضَلُّواْ عَن سَوَاء السَّبِيلِ
[5.77] จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย! จงอย่าปฏิบัติให้เกินขอบเขตในศาสนาของพวกท่าน โดยปราศจากความเป็นจริง และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกหนึ่งพวกใดที่พวกเขาได้หลงผิดมาก่อนแล้ว และได้ทำให้ผู้คนมากมายหลงผิดด้วย และพวกเขาก็ได้หลงผิดไปจากทางอันเที่ยงตรง

ตอบ...และนี่คือตัวอย่างหนึ่งที่วะฮาบีย์ชอบยกโองการของอัลลอฮ์มาเพิ่อหักล้างผู้อื่นตามอารมณ์
ใฝ่ต่ำของตัวเอง คำว่า---จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย!

----บังครับ ข้อความแรกนี้หมายถึงชาวคัมภีร์พวกใดครับ ช่วยอธิบายด้วย

Idea ผมไม่ทราบว่า ข้อความข้างหน้าของโองการที่บังยกบังยกมาอ้าง นี่ อัลลออ์ให้ท่านนบี ตักเตือนชาวคัมภีร์ที่หมายถึง พวกยะฮูด พวกนัสรอหรือฯลฯ หรือไม่

---- แต่ ผมจะไม่ขอค้าน บังก่อนแล้วกัน เพราะบัง มีความรู้มากกว่าผมมาก----

Shocked แต่ถ้าหากว่า บังต้องการจะว่า หรือสำทับ ว่า///บรรดาผู้ที่ได้รับคุมภีร์คือผู้ทีอยู่ในยุคของเรา โดยอ้างถึความหมายในอายะนี้ทั้งบทว่า การที่อจ.อัลฟารุก ให้ความนับถือ ลูกหลาน หรือเชื้อของอบูบักร์(รด)ซึ่งมีความรู้ด้านวิชาตะเซาวุฟ และ อายุเพียง7 ขวบ โดยที่บังยกโองการข้างบนกล่าวหาตามข้อความที่ยกมานั้นผมก็จะขอเตือนบังว่า บังอย่าเดินทางเข้าสู่ป่าทึบเลยครับเพราะบัง...นั้นกำลังจะจมปลักอยู่กับความผิดแล้วนะครับ บังครับซอฮาบะที่เป็นนักตะเซาวุฟก็มีมากนะครับ และลูก/หลาน/เหลน/โหลน--ของท่านเหล่านั้นก็ยังมีจนถึงปัจจุบันนี้ อีกอย่งบังเองก็ไม่เคยเห็น พฤติกรรมของเขาที่บังจะฮูกมเขาว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันอันตรายนะต่อตัวบังเองนะครับ การนินทามันก็นักอยู่แล้วแต่นีไปการใส่ร้ายป้ายสี โทษทัณท์มันแรงนะครับ นรกอันฮูตอมะมีกล่าวนะครับในซูเราะนี้


ที่น่าแปลกใจมาก พออจ.อัลฟารุก บอกว่า วะฮาบีย์นั้น เชื่อว่าพ่อแม่ของท่านนบีนั้นต้องตกนรก
แต่บังบอกว่า บังนั้นไม่กล้าวิจารณ์สิ่งเหล่านี้ เพราะเป็นฮักกุนอาดัม....อะฮ้าๆๆ
แล้วเวลาแบบนี้ที่จาบจ้วงใส่ร้ายการกระทำของลูกหลานบรรดาซอฮาบะหละบัง เป็น ฮักกุนอาดัมหรือปล่าวละคราบ อย่าเข้าข้างตัวเองนักซิ....ขอโทษท่านผู้อ่านด้วยที่นอกเรื่องไปนิดหนึ่ง....


Question เอาละน๊ะไหนๆก็คุยกันเรื่องบิดอะ ตกลงบังจะเข้ายอมเข้าใจในการกระทำของท่านอุมัร(รด)และที่ท่านพูดว่า มันเป็นบิดอะฮ์ที่ดีนั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่ครับท่านผู้รู้......ไหนลองตอบให้สมกับที่เป็นอาจารย์ที่มีความรู้หนอยซิครับ...



wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 12:35 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

น้อง konyakroo กล่าวว่า
ผมไม่ทราบว่า ข้อความข้างหน้าของโองการที่บังยกบังยกมาอ้าง นี่ อัลลออ์ให้ท่านนบี ตักเตือนชาวคัมภีร์ที่หมายถึง พวกยะฮูด พวกนัสรอหรือฯลฯ หรือไม่

---- แต่ ผมจะไม่ขอค้าน บังก่อนแล้วกัน เพราะบัง มีความรู้มากกว่าผมมาก----

แต่ถ้าหากว่า บังต้องการจะว่า หรือสำทับ ว่า///บรรดาผู้ที่ได้รับคุมภีร์คือผู้ทีอยู่ในยุคของเรา

.................................
ตอบ

โอะโอ๋....เก่งจังเลย ที่อาบังกล่าวกับ น้องอัล-ฟารุก นั้น เพื่อเตือน เรื่อง การโอ้อวด และ เว่อร์ เกินไปในบางเรื่อง เช่น อวดว่า " ส่วนมากผมจะเลือกเรียนกับชัยค์ที่อยู่ในเชื้อสายท่านนบีมุหัมมัด(ซ.ล.)" อวดเรื่อง ฟันเห็นเศาะหาบะฮ คือ อยากให้เพลๆลงบ้าง ๆ การให้ความสำคัญกับเชื้อสายนบี จนเกินเขต แล้วต่างอะไรกับ พวกให้ความสำคัญเชื้อสายอาลีจนเกินขอบเขต ที่พวกไปไม่ได้ว่า เพียงแต่เตือน ว่า อย่ากให้ มองโลกให้กว้างกว่านี้ คนที่เรียนมหาลัยมะดีนะ มหาลัยคิงอับดุลอะซีซ หรือ มหาลัยอิสลามอื่นๆ อยากจะถามว่า อาจารย์ที่ไม่ใช่เชื้อสายนบี กับ กับเช็คของท่านตรงใหน ประเด็นนี้ ไม่สำคัญหรอก เพียงแต่เมื่อเห็นการโอ้อวดบางครั้ง มันคันปากเท่านั้นเอง ขอมาอัฟด้วย lส่วนคำถามอื่นๆ ผมไม่มีเวลาตอบ เพราะมันจะวกไปลงที่เดิมอีก แต่อยากจะเตือนว่า นักดาอีย์ ที่บรรลุวิชาตะเศาวูฟแก่กล้าอย่างน้องบ่าว konyakoo น่าจะมี่วาทะศิลป์ที่น่าฟังกว่านี้ และถ้าผมไม่ตอบ ผมก็ไม่ใส่ใจหรอกว่า คุรจะว่า ครูอะสันรู้ไม่จริง
เพราะ ผมไม่ต้องการคำชม เข้าใจ๋
.....................
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 12:40 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

โอะโอ๋....เก่งจังเลย ที่อาบังกล่าวกับ น้องอัล-ฟารุก นั้น เพื่อเตือน เรื่อง การโอ้อวด และ เว่อร์ เกินไปในบางเรื่อง เช่น อวดว่า " ส่วนมากผมจะเลือกเรียนกับชัยค์ที่อยู่ในเชื้อสายท่านนบีมุหัมมัด(ซ.ล.)" อวดเรื่อง ฝันเห็นเศาะหาบะฮ คือ อยากให้เพลาๆลงบ้าง ๆ การให้ความสำคัญกับเชื้อสายนบี จนเกินเขต แล้วต่างอะไรกับ พวกให้ความสำคัญเชื้อสายอาลีจนเกินขอบเขต ที่พูดไปไม่ได้ว่า เพียงแต่เตือน ว่า อย่ากให้ มองโลกให้กว้างกว่านี้ คนที่เรียนมหาลัยมะดีนะ มหาลัยคิงอับดุลอะซีซ หรือ มหาลัยอิสลามอื่นๆ อยากจะถามว่า อาจารย์ที่ไม่ใช่เชื้อสายนบี กับ กับเช็คของท่านมันต่างกันตรงใหน ประเด็นนี้ ไม่สำคัญหรอก เพียงแต่เมื่อเห็นการโอ้อวดบางครั้ง มันคันปากเท่านั้นเอง ขอมาอัฟด้วย lส่วนคำถามอื่นๆ ผมไม่มีเวลาตอบ เพราะมันจะวกไปลงที่เดิมอีก แต่อยากจะเตือนว่า นักดาอีย์ ที่บรรลุวิชาตะเศาวูฟแก่กล้าอย่างน้องบ่าว konyakoo น่าจะมี่วาทะศิลป์ที่น่าฟังกว่านี้ และถ้าผมไม่ตอบ ผมก็ไม่ใส่ใจหรอกว่า คุณจะว่า ครูอะสันรู้ไม่จริง
เพราะ ผมไม่ต้องการคำชม เข้าใจ๋
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 4:30 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam บังฮะซัน
บังกล่าวว่า
น้อง konyakroo กล่าวว่า
ผมไม่ทราบว่า ข้อความข้างหน้าของโองการที่บังยกบังยกมาอ้าง นี่ อัลลออ์ให้ท่านนบี ตักเตือนชาวคัมภีร์ที่หมายถึง พวกยะฮูด พวกนัสรอหรือฯลฯ หรือไม่

---- แต่ ผมจะไม่ขอค้าน บังก่อนแล้วกัน เพราะบัง มีความรู้มากกว่าผมมาก----

แต่ถ้าหากว่า บังต้องการจะว่า หรือสำทับ ว่า///บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์คือผู้ที่อยู่ในยุคของเรา Question

.................................
ตอบ

โอะโอ๋....เก่งจังเลย ที่อาบังกล่าวกับ น้องอัล-ฟารุก นั้น เพื่อเตือน เรื่อง การโอ้อวด และ เว่อร์ เกินไปในบางเรื่อง เช่น อวดว่า " ส่วนมากผมจะเลือกเรียนกับชัยค์ที่อยู่ในเชื้อสายท่านนบีมุหัมมัด(ซ.ล.)" อวดเรื่อง ฟันเห็นเศาะหาบะฮ คือ อยากให้เพลๆลงบ้าง ๆ การให้ความสำคัญกับเชื้อสายนบี จนเกินเขต แล้วต่างอะไรกับ พวกให้ความสำคัญเชื้อสายอาลีจนเกินขอบเขต ที่พวกไปไม่ได้ว่า เพียงแต่เตือน ว่า อย่ากให้ มองโลกให้กว้างกว่านี้ คนที่เรียนมหาลัยมะดีนะ มหาลัยคิงอับดุลอะซีซ หรือ มหาลัยอิสลามอื่นๆ อยากจะถามว่า อาจารย์ที่ไม่ใช่เชื้อสายนบี กับ กับเช็คของท่านตรงใหน ประเด็นนี้ ไม่สำคัญหรอก เพียงแต่เมื่อเห็นการโอ้อวดบางครั้ง มันคันปากเท่านั้นเอง ขอมาอัฟด้วย lส่วนคำถามอื่นๆ ผมไม่มีเวลาตอบ เพราะมันจะวกไปลงที่เดิมอีก แต่อยากจะเตือนว่า นักดาอีย์ ที่บรรลุวิชาตะเศาวูฟแก่กล้าอย่างน้องบ่าว konyakoo น่าจะมี่วาทะศิลป์ที่น่าฟังกว่านี้ และถ้าผมไม่ตอบ ผมก็ไม่ใส่ใจหรอกว่า คุรจะว่า ครูอะสันรู้ไม่จริง
เพราะ ผมไม่ต้องการคำชม เข้าใจ๋

Laughing ตอบ..ผมไม่เข้าใจ๋..ฮิๆๆๆ.เออ..อาบังครับใจเย็นๆก็ได้ครับไม่ต้องรีบพิมพ์เดี๋ยว อ่านแล้วจะไม่ได้เนื้อหาสาระ นะครับ
-----แล้วเงื่อนไข ทีบังฮะซันตั้งวงจำกัด ว่าถ้าจะคุยถึงข้อปลีกย่อยเรื่องบิดอะที่บังเข้าใจมันผิดนั้น บังกลับตั้งวงจำกัดว่าเฉพาะ ซุนนะ ท่านนบีและคอลีฟะ ทั้ง4 เท่านั้น ที่จะคุยกันได้ ในเรื่องข้อปลีกย่อย ต่างๆที่เป็นประเด็น เท่านั้น
และผมก็ถามกลับ บังไป4-5 ข้อ ในเงื่อนเดิมที่บังยกมาอ้าง บังฮะซัน ก็ยังไม่ตอบ ตกลงจะเอายังไงแน่ครับ บังฮะซันคนเก่ง แห่งค่ายวะฮาบีย์ ฮิๆๆๆๆ เห็นวกไปวนมาอยู่ที่เดียวตั้งนานแล้วนะ
....... บังไม่มึนหัวบ้างหรือครับ.......

wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 4:58 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถ้าน้อง konyakroo ไม่ตาถั่ว โปรดอ่านซ้ำอีกที่ ที่อาบังเคยบอกไว้

ขอย้ำว่า สิ่งที่นำเอาไปทำอิบาดะฮนั้น ต้อง สอดคล้องหรือ ตรงกับสุนนะฮ แต่ หากเป็นสิ่งที่คิดขึ้นมา ทีหลัง และ ไม่ได้เป็นสุนนะฮของเหล่าเศาะหาบะฮที่ท่านนบีรับรอง เช่น เคาะลิฟะฮทั้งสี่ บังไม่ขอพิจารณา หวังว่าคงเข้าใจ
สุนนะฮ คือ คำพูด การกระทำ และ การยอมรับหรือ รับรอง ของท่านนบี ถ้าไม่ตรง ไม่เอาจ้ะ
เอาละ หากสิ่งที่ ชาวบ้านเราทำอยู่ หากตรงกับสิ่ง ที่ บรรดาเศาะหาบะฮทำ ก็ถือว่า ผ่าน แต่ถ้าไม่ตรง หรือ ไม่มี ไม่ผ่าน ตกลงไหม
asan ตอบ: Mon Mar 06, 2006 4:21 am ชื่อกระทู้

.....................
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 7:38 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างอิงจากบังอะสัน

ที่อาบังกล่าวกับ น้องอัล-ฟารุก นั้น เพื่อเตือน เรื่อง การโอ้อวด และ เว่อร์ เกินไปในบางเรื่อง เช่น อวดว่า " ส่วนมากผมจะเลือกเรียนกับชัยค์ที่อยู่ในเชื้อสายท่านนบีมุหัมมัด(ซ.ล.)" อวดเรื่อง ฟันเห็นเศาะหาบะฮ คือ อยากให้เพลๆลงบ้าง ๆ การให้ความสำคัญกับเชื้อสายนบี จนเกินเขต แล้วต่างอะไรกับ พวกให้ความสำคัญเชื้อสายอาลีจนเกินขอบเขต ที่พวกไปไม่ได้ว่า เพียงแต่เตือน ว่า อย่ากให้ มองโลกให้กว้างกว่านี้ คนที่เรียนมหาลัยมะดีนะ มหาลัยคิงอับดุลอะซีซ หรือ มหาลัยอิสลามอื่นๆ อยากจะถามว่า อาจารย์ที่ไม่ใช่เชื้อสายนบี กับ กับเช็คของท่านตรงใหน

ตอบ

บังอะสันครับ สิ่งที่บังอะสันไม่รู้นั้น ไม่ใช่ว่าผู้อื่นจะไม่รู้น้อยไปกว่าบังอะสัน และสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานความโปรดปราน วิทยปัญญา สำหรับเขานั้น ไม่ใช่ว่า สิ่งนั้นบังอะสันต้องได้ด้วย ซึ่งเหมือนกับว่า สิ่งที่บังอะสันไม่เคยได้รับนั้น ผู้อื่นได้สมควรไม่ได้รับด้วย จนกระทั้ง เมื่อมีคนเล่าเนี๊ยะอ์มัตที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานให้ โดยที่ไม่ได้ไปข่มใคร ไม่ได้ไปเปรียบเทียบให้ผู้อื่นต้องตกต่ำ หรือไปบอกว่า ฉันดีว่าคุณ เนื่องจากอัลเลาะฮ์ได้ให้ผมอย่างนี้ อย่างนั้น ก็หาไม่ แต่อยู่ดีๆ บังอะสันกลับไม่พอใจในสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานให้แก่บังอัล-ฟารูก หาว่า โอ้อวด เว่อร์เกินไปในบางเรื่อง(ที่บังอะสันไม่ได้ลิ้มรสไม่ได้ประสบไม่ได้รับสิ่งที่ดีๆที่อัลเลาะฮ์ไม่ได้ประทานให้กับบังอะสัน ซึ่งสภาพจิตใจของบังอะสันแบบนี้เขาเรียกว่ามันอยู่ในสภาวะใด ?

ในเรื่องของความฝันในยามหลับที่ร่างกายทั้งหมดได้ถูกมอบหมายให้อยู่ในอำนาจของอัลเลาะฮ์และสติปัญญาก็คิดเพ้อฝันจิตนาการอะไรไม่ได้แล้ว เนื่องจากนอนหลับไปแล้ว ของ บังอัล-ฟารูก นั้น ผมไม่ทราบว่า บังอะสันเดือดดานอะไรนักหนา ทั้งที่บังเขา ก็ไม่ได้กล่าวแสดงถึงความโอ้อวดอันใดเลยแม้แต่น้อย ที่เขาบอกตรงๆเลยมีครั้งหนึ่ง ที่บังอัล-ฟารูก ได้ทำการสนทนากับ คุณ ริฏอ สะมะดีย์ คุณ ริฏอ ได้บอกชื่อจริงที่ถูกต้องของตน เพื่อทำการสนทนา แต่บังอัลฟารูก ได้บอกว่าบังเขาขอให้ชื่อว่า อัล-ฟารูก ซึ่งเป็นฉายา ของ ท่าน อุมัร (ร.ฏ.) เนื่องจากบังอัล-ฟารูก เคยฝันเห็นถึง 3 ครั้งด้วยกัน และบังอัล-ฟารูก ก็กล่าวโดยไม่ได้ทับถมใส่ใครเลยแม้แต่น้อย แต่คนที่เห็นผู้อื่นได้รับความดีงาม แล้วจิตใจอยู่ไม่ติดนั้น มันก็ต้องเป็นทุกข์อย่างนี้แหละครับ แล้วทำอะไรไม่ได้ จึงไปกล่าวใส่ร้ายว่า ผู้ได้รับความดีงามจากอัลเลาะฮ์นั้น โอ้อวด และอีกอย่างหนึ่ง คือ บัง อัล-ฟารูก ก็ไม่มีคนใดรู้จัก ชื่อจริง ของบังเขาเลย นอกจาก ผม และบังมุหัมมัด แล้วบังอัล-ฟารูก จะโอ้อวดไปแล้วได้อะไร ? หรือตัวบังอัล-ฟารูก จะได้รับเกียตริ ทั้งที่ไม่มีใครรู้จักตัวจริงของเขา หรือว่า บังวงศ์ตระกูลของบังอัล-ฟารูกจะได้มีเกียตริ ก็หาไม่ เพราะไม่มีคนใดรู้ว่าบังอัล-ฟารูก อยู่ในตระกูล สกุลใด ? แต่คนที่บอกชื่อจริงนะซิ ใครๆที่รู้ชื่อว่าเขาเป็นใคร อยู่ตระกูลใหน หน้าตาเป็นอย่าง เมื่อคนไปหาถึงบ้านตามที่เขาได้บอกที่อยู่เอาไว้ แล้วก็บอกว่า ทุกวันนั้น วันนี้ ฉันจะปราศัยที่นั่น ปราศัยที่นี่ ที่ศูนย์กลางที่นั่น ที่นี่ หร่อยหนัดเหนียนเลยครับ (ผมคงพูดภาษาใต้ไม่ผิดนะครับ ผมเห็นบังอัล-ฟารูกเคยพูดอย่างนั้น) แล้วบังอะสันรู้หรือเปล่าล่ะว่า บังอะสัน กับบัง อัล-ฟารูก นั้น มันต่างกันอย่างไร บังอะสันกล่าวหาว่า ทำอย่างนั้น ในละหมาดบิดอะฮ์ ลูบหน้าบิดอะฮ์ อุซูลลีย์บิดอะฮ์ ทั้งที่ผู้ถูกกล่าวหานั้น กลับทำอิบาดะฮ์ละหมาดสุนัติครบถ้วน ทำการถือศีลอดตามแบบฉบับของท่านนบีดาวูด (อะลัยฮิสลาม) คนที่บังอะสันกล่าวหาเขาว่า อ่านกุรอานยาซีนในวันศุกร์ บิดอะฮ์นั้น ผู้ที่ถูกกล่าวหา กลับอ่านอัลกุรอานทุกวัน อย่างนัอย สัปดาห์ละหนึ่งจบ คนที่บังอะสันกล่าวหาว่า ล้อมวงทำซิกิร บิดอะฮ์ แต่ผู้ที่ถูกกล่าวนั้น กล่าวซิกิร ทั้งเช้าและเย็น ที่ท่านร่อซูล(ซ.ล.)ได้ส่งเสริมเอาไว้ ดังนั้น บังอะสันคงจะดูออกนะครับว่า คนที่เฝ้าแต่หุกุ่มผู้อื่นบิดอะฮ์ในเรื่องทำความดีนั้น เขาย่อมเทียบไม่ได้เลยกับผู้ที่ถูกกล่าวหา ในการทำความดีของเขาในแต่ละวัน ฉะนั้น บังอะสันก็อย่าไปเดือนร้อน หรือกระวนกระวายใจเลย กับการที่อัลเลาะฮ์จะทรงประทาน วิทยปัญญา ความโปรดปราน กับผู้ที่มั่นทำอิบาดะฮ์กับพระองค์ มากกว่า ประทานให้กับผู้ที่พยายามจับผิด เฝ้าหุกุ่มผู้อื่นว่าทำบิดอะฮ์ ซึ่งมันต่างกันเห็นๆ ราวฟ้ากับธุลีดิน

และเรื่องการเรียนของ บังอัล-ฟารูกนั้น เขามีทั้งเรียน แบบภาคบังคับ คือเลือกผู้สอนไม่ได้ และมีแบบภาคเรียนพิเศษ อันนี้ แล้วแต่จะผู้เรียนจะชอบและแสวงหา บังเขาแค่บอกว่า ส่วนมาบังเขาจะเลือกเรียนกับ ชัยค์ที่มีเชื้อสายร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) คือเรียนที่ผู้มีเชื้อสายอื่นด้วย แต่ส่วนมากจะเรียนกับเชื้อสายร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) การที่เราได้เรียนกับผู้มีเชื้อสายนบี(ซ.ล.) มันเว่อร์ หรือครับ มันเป็นการโอ้อวดหรือครับ บังอัล-ฟารูกพูดทับทม เด็กเรียนมะดีนะฮ์หรือครับ บังอัล-ฟารูก พูดทับถมเด็กที่เรียนที่สาอุฯ หรือครับ ? ไม่มีเลย แล้วบังอะสันเอา พวกเรียนมะดีนะฮ์ หรือซาอุฯ มาเทียบทำไม ? ทั้งที่บังอัล-ฟารูก ไม่ได้ดูหมิ่นเขาเลย แล้วบังอะสันไปเดือนดาน ร้อนใจทำไมกับคำบอกเล่าของบังอัลฟารูก ที่พูดกับ บังชุกกรี และบังคนอยากรู้ ทั้งที่บังอัล-ฟารูกไม่ได้พูดใส่บังอะสันเลย แต่บังอะสันกับคิดเลยเถิดร้อนตัว เมื่อเห็นผู้ที่ได้รับความดีงาม ที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานให้

การรับลูกหลานนบี(ซ.ล.) นั้น เป็น ฟัรดู เหนือมุสลิมทุกๆคน เฉกเช่นเดียวกับ ซอฮาบะฮ์ เรามัซฮับทั้งสี่ มีความอาลัยรักต่ออะฮ์ลิลบัยต์ทุกๆคนโดยไม่เลือกรักเลือกชังเหมือนกับพวกชีอะฮ์ เรารักอะฮ์ลิลบัยต์ตามที่ อัลเลาะฮ์ และร่อซูล(ซ.ล.)ใช้ให้รัก ผมไม่ทราบว่า บังอะสันปลูกฝังจิตใจของตนเอง ในการรักร่อซูล(ซ.ล.)อย่างไร? หรือแสดงออกความรักเพียงแค่ลมปาก แก่นแท้ของความรักมันไม่ใช่เริ่มต้นอยู่ที่การกระทำ หรือปฏิบัติตาม แต่มันต้องเกิดขึ้นจากความรู้สึกรักที่มันลุกโชตช่วงอยู่ในจิตใจ และความรู้สึกรักนั้น มันก็จะมาเป็นแรงผลักดันในการเจริญรอยตาม พ่อแม่ ลูกๆ และภรรยาของบังอะสันนั้น บังอะสันก็รักห่วงหวงอย่างยิ่งไม่ใช่หรือครับ คือบังอะสันรักพ่อแม่ ก็มีความรู้สึกรักอย่างสุดซึ้งอีกอย่างหนึ่ง รักลูก บังอะสันก็มีความรู้สึกรักห่วงอีกรูปแบบหนึ่ง รักภรรยาบังอะสันก็มีความรักห่วงอีกรูปแบบหนึ่ง รักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน บังอะสันก็มีความรู้สึกรักอีกรูปแบบหนึ่ง บังอะสันรู้หรือเปล่าครับว่า ความรู้สึกรักทั้งสี่รูปแบบนั้น หากเอามารวมกันแล้ว ความรู้สึกรักต่อท่านนบี(ซ.ล.)ต้องมากกว่านั้น ตามที่หะดิษที่ท่านนบีได้กล่าวเอาไว้ ว่า " คนหนึ่งจากพวกท่านจะได้มีศรัทธาอย่างแท้จริง จนกระทั้ง ฉัน เป็นที่รักยิ่ง มากกว่า บิดามารดา บุตรหลาน และบรรดามนุษย์ทั้งหมด " บังอะสันครับ เราไม่ลองมาฟื้นฟูการแสดงออกถึงความรักต่อท่านนบี(ซ.ล.)กันบ้างหรือครับ ? บอกว่ารักเพียงแค่ลมปากนั้น มันไปไม่ถึงจุดหมายหรอก และการทำให้เกิดความรักต่อท่านร่อซุล(ซ.ล.)นั้น มันมีวิธี ที่เราไม่ขอกล่าว ณ ที่นี้ เพราะมันจะยืดยาว

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่บังอัล-ฟารูก จะชอบเรียนพิเศษกับลูกหลานท่านนบี(ซ.ล.) ในยุคปัจจุบัน และการให้เกียตริบุตรหลานของ อาจารย์ นั้น ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น บังอะสันสอนหนังสือทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หากลูกศิษย์คนหนึ่งของบังอะสัน ได้ทำการที่ไม่ให้เกียตริต่อลูกของบังอะสันนั้น แน่นอนเหลือเกินว่า บังอะสันต้องไม่พอใจ แต่นี่ลูกชายของ เช็คผู้ทรงความรู้ ที่มีเชื้อสายจากท่านนบี(ซ.ล.)และจากเชื้อสายของท่านอบูบักร(ร.ฏ.) เราต้องให้เกียตริยิ่งกว่าหลายเท่า ไม่ใช่ให้เกียตริเหมือนพวกอะฮ์ลิลกิตาบ เรียกแค่เด็กคนนั้นว่า "ซัยยิด" ก็ไม่เห็นแปลก เพราะบังอัล-ฟารูกเขาเรียก เพราะความเป็นลูกหลานของท่านนบี(ซ.ล.) และเป็นลูกหลานของท่านอบูบักร(ร.ฏ.) ก็เท่านั้นเอง ซึ่งเป็นที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ลูกชายของอาจารย์อะสัน กับ ลูกชายของชัยค์อุลามาอ์ใหญ่เชื้อสายนบีและเชื้อสายท่านอบูบักรรวมกันนั้น ย่อมห่างกัน ราวกับฟ้าและธุลีดินที่อยู่ในหุบเหวที่ลึกสุดหยั่งถึง ดังนั้น มันจึงไม่แปลกเลยครับ ที่เราจะให้เกียตริลูกหลานนบี(ซ.ล.) แต่มีคนเมืองไทยบางคนอ้างตัวเองเป้น "ซัยยิด" ด้วย อันนี้เราถือว่าโกหก เพิ่งอ้างตนเองมาทีหลัง แถมเป็นสิงห์อมควันด้วย และชอบแต่งตัวยอมแมวดูมาดเจ๋ง และท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ให้เราเรียกมุนาฟิกว่า "ซัยยิด"

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 24, 25, 26 ... 31, 32, 33  ถัดไป
หน้า 25 จากทั้งหมด 33

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.18 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ