อนุรักษ์มรดกอิสลาม

israya · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 1:08 pm ชื่อกระทู้:

israya บันทึก:
เอางี้ไหม ถ้าคุณไม่เชื่อผม คุณไปขอถือดินกัรบะลาสักก้อนมาถือแล้วยืนที่ป้ายรถเมล์ แล้วให้
คุณถามใครที่เดินผ่านไปผ่านมา ว่าคุณครับ อันนี้ใช่ดินหรือเปล่าครับ

แต่บังว่า เขาจะตอบว่า มันคือ จตุคามรามเทพแน่นอน เพราะดินปั้นเท่าเหรียญกลมๆ แถมมีตัว

หนังสือแกะสลัก เขาจะเข้าใจอย่างอื่นไม่ได้หรอก จริงไหม

ผมจับตาสังเกตท่าทีของบังมาตลอด ทีแรกผมเข้าใจเอาเองว่าเข้ามาพบกับผู้รู้ซุนนุตัวจริงแล้ว คง

จะได้เสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ ในบรรยากาศนักวิชาการผู้ศรัทธากันบ้าง แต่แล้วบังได้แสดง

ตัวเป็นคนไม่ฝักใฝ่ที่จะพูดคุยเชิงสาระวิชาการสักเท่าใด ทั้งๆที่อยากจะบอกว่าความรู้ในพุงบัง

นั้น ส่วนใหญ่ เรียกว่าจินตนาการ และสิ่งโกหกมดเท็จ เกินครึ่ง บังไม่ได้เน้นกับตัวเอง ที่จะคิด

จริงจังกับหลักศาสนา ถือว่าตัวเองช่ายด้ายแล้ว

บางทีอาจเป็นการล้อเล่น ผมพยายามคิดเช่นนั้น แต่หลายครั้งที่บังสบประมาท ดูหมิ่นลบหลู่ดิน

กัรบะลา ดูบังเหมือนไม่ใช่คนมีสมองเช่นคนปกติ ถ้าเป็นเด้ก ว่าไปอย่างพอจะได้เขกสั่งสอน แต่

นี่ผมจะไปเขกหัวบังได้ไงครับ ผมกลัวเขาควายมันจะตำมือเอานะซี ไม่กล้าเขก

ali · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 1:21 pm ชื่อกระทู้:

เมื่อวานได้บอกไปแล้วว่า ให้โอกาสแก่น้องบ่าว Israya ทบทวนแก้ไขข้อความที่เขียนมา แล้วนำเสนอใหม่อีกที แต่รอตั้งครึ่งวัน ครึ่งคืน ก็ไม่มีวี่แววที่น้องบ่าวจะแก้ไขข้อความที่โพสต์มั่วๆมา ดังนั้นเมื่อน้องบ่าวต้องการฆ่าตัวตายที่นี่ก็ไม่ว่ากันละ

ก่อนหน้านี้ได้พิสูจน์กันมาแล้วถึงการแถไถล พลิกลิ้นของน้องบ่าวผู้นี้ จากการให้ความหมายคำว่า الأرض ด้วยการแปลว่า แผ่นดิน เดี๋ยวก็แปลว่า พื้น เดี๋ยวก็แปลว่า ดิน เฉยๆ เพื่อลากโยงให้กลายเป็นการเอาดินกัรบาลาอ์มารองสุญูด ลื่นไถล พลิกไปพลิกมาอยู่อย่างนี้ตลอด จนกระทั่งลืมคำพูดของตัวเอง เป็นผลทำให้ข้อความของตัวเอง ด่าประณาม,ประจาน,แสดงความน่าสมเพชแก่ตัวเอง

.

ali · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 1:27 pm ชื่อกระทู้:

มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัยโกหก กล่าวเท็จต่อท่านนบี และกล่าวเท็จต่ออิหม่ามของตนเอง ท่านพี่น้องดูเอาเองเถิด

น้องบ่าวยกข้อความเรื่องตะยัมมุม จากฮะดีสมาแสดงว่า

มีจากรายงานจากอับดุรเราะห์มาน อิบนฺ อับซียฺ จากบิดาของท่านได้กล่าวว่า

جَاءَ رَجُلٌ إِلَى عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ فَقَالَ إِنِّي أَجْنَبْتُ فَلَمْ أُصِبِ الْمَاءَ فَقَالَ عَمَّارُ بْنُ يَاسِرٍ لِعُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ أَمَا تَذْكُرُ أَنَّا كُنَّا فِي سَفَرٍ أَنَا وَأَنْتَ فَأَمَّا أَنْتَ فَلَمْ تُصَلِّ وَأَمَّا أَنَا فَتَمَعَّكْتُ فَصَلَّيْتُ فَذَكَرْتُ لِلنَّبِيِّ صَلَّى اللَّهم عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهم عَلَيْهِ
وَسَلَّمَ : «إِنَّمَا كَانَ يَكْفِيكَ هَكَذَا» فَضَرَبَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهم عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِكَفَّيْهِ الْأَرْضَ وَنَفَخَ فِيهِمَا ثُمَّ مَسَحَ بِهِمَا وَجْهَهُ وَكَفَّيْهِ

ความว่า “มีชายคนหนึ่งไปหาท่านอุมัรฺ อิบนุ ค็อฏฏอบ แล้วกล่าวว่า ครั้งหนึ่งฉันมีญุนุบและฉันหาน้ำอาบไม่ได้ แล้วอัมมาร บิน ยาซิร ก็ได้กล่าวแก่ท่านอุมัรฺ อิบนุ ค็อฏฏอบ ว่าท่านจำได้ไหม เมื่อครั้งที่เราเดินทางด้วยกัน ซึ่งท่านนั้นมิได้นมาซ ส่วนฉันใช้วิธีเกลือกร่างกายกับ พื้นดินแล้วนมาซ ฉันได้เล่าการกระทำดังกล่าวให้ท่านนบี ศ ฟัง แล้วท่านก็บอกว่า “ความจริงแล้วท่านเพียงแค่ทำอย่างนี้ก็พอ (หลังจากนั้นท่านนบีได้สาธิตวิธีทำตะยัมมุม ให้ดู) และท่านนบี ได้ใช้ฝ่ามือทั้งสองตบลงบนพื้นดินแล้วก็เป่าฝุ่นที่ฝ่ามือทั้งสองแล้วจึงใช้มือทั้งสองลูบใบหน้าและมือทั้งสองข้าง” (มุตตะฟะกุน อะลัยฮฺ โดยมีบันทึกในอัลบุคอรียฺ เลขที่ : 338 สำนวนนี้เป็นของอัลบุคอรียฺและมุสลิม เลขที่: 368)

จากการที่น้องบ่าว Israya นำฮะดีสบทนี้มาแสดง ท่านผู้อ่านได้สังเกตเห็นอะไรบ้างไหม

ประการแรก ชีอะฮ์อ้างถึงท่านอุมัรในแง่ของการเอามาอ้างเป็นหลักฐาน แต่ในอีกด้านหนึ่ง พวกเขาด่าประณามท่านอุมัรอย่างเสียๆหาย พวกเขาทำได้อย่างไม่กระดากหรือขวยเขินแต่อย่างใด

ประการที่สอง เขาแปลคำว่า الأرض ด้วยคำว่า แผ่นดิน ตามที่ผมได้ขีดเส้นใต้ไว้ให้เห็น

อีกต้นหนึ่งที่น้องบ่าวยกมาอ้างว่า

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

فَقَالَ إِنَّمَا كَانَ يَكْفِيكَ أَنْ تَصْنَعَ هَكَذَا فَضَرَبَ بِكَفِّهِ ضَرْبَةً عَلَى الْأَرْضِ ثُمَّ نَفَضَهَا ثُمَّ مَسَحَ بِهِمَا ظَهْرَ كَفِّهِ بِشِمَالِهِ أَوْ ظَهْرَ شِمَالِهِ بِكَفِّهِ ثُمَّ مَسَحَ بِهِمَا وَجْهَهُ

ความว่า “ความจริงแล้วท่านเพียงแค่ทำอย่างนี้ก็เป็นการพอแล้ว หลังจากนั้นท่านนบี ศ็อลลัล

ลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ใช้ฝ่ามือทั้งสองตบลงบนพื้นดินแล้วก็สะบัดฝุ่นที่ฝ่ามือทั้งสองออกและใช้ ฝ่ามือซ้ายลูบหลังมือขวาและใช้ฝ่ามือขวาลูบหลังมือซ้าย แล้วใช้ฝ่ามือทั้งสองลูบใบหน้าของท่าน”

(มุตตะฟะกุน อะลัยฮฺ โดยมีบันทึกในอัลบุคอรียฺ เลขที่ : 347 สำนวนนี้เป็นของอัลบุคอรียฺและ

มุสลิม เลขที่: 368)

มาถึงฮะดีสบทนี้น้องบ่าวของเราแปลคำว่า الأرض พื้นดิน ตามที่ขีดเส้นใต้ไว้ให้เห็น

น้องบ่าวของเรามั่นอกมั่นใจว่า الأرض ต้องแปลว่า แผ่นดิน และ พื้นดิน ถึงขนาดยกอัลกุรอานมายืนยันอีกว่า

وَلِلّهِ يَسْجُدُ مَن فِي السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ

และผู้อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างกราบต่ออัลลอฮฺด้วยความภักดี

.

ali · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 1:31 pm ชื่อกระทู้:

นอกจากนั้นยังย้ำคำพูดของตัวเองอีกว่า

อัลลอฮ์ทรงมีโองการ ใช้คำว่า الارض ไม่แปลว่าพื้นเฉยๆ แต่แปลว่าแผ่นดิน นักแปลกุรอานภาษาไทยทุกท่านแปลตรงกันว่า แผ่นดิน โปรดดูของอ.ต่วน อ.ดิเรก อ.มัรวาน อ.บรรจง อ.ชากิรีน ทุกท่านแปลอายะนี้ว่า แผ่นดิน

ผมเองก็พยายามอธิบายเรื่องนี้มาตั้งนานว่า الأرض แปลว่า โลก แผ่นดิน พื้น, หรือพื้นดิน แต่น้องบ่าว Israya ก็เพิ่งมายอมรับโดยดุษฏีตามที่ผมได้กล่าวมา แต่มีประเด็นนิดหนึ่งที่น้องบ่าวบอกว่า ไม่แปลว่าพื้นเฉยๆ

น้องบ่าวเราลืมคำพูดของตัวเองอีกแล้ว

จะบอกให้ว่า ไอ้ที่แปลว่าพื้นเฉยๆ นั้นคือข้อความที่น้องบ่าวโพสต์มาเองในหน้าแรก เอามาให้ดูก็ได้ดังนี้

رأيت النبي صلّى الله عليه وآله وسلّم إذا سجد وضع جبهته و أنفه على الأرض

ฉันได้เห็นท่านศาสดา (ศ็อล ฯ) ขณะลงสุญูดได้เอาหน้าผากและจมูกวางลงบนพื้น

เป็นไงละ !! สะใจไหม น้องบ่าว เหมือนกับเอามีดฟันหัวตัวเองจนเลือดอาบ สงสารจริงๆ

.

ali · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 1:35 pm ชื่อกระทู้:

ทำร้ายตนเองเท่านี้ยังเจ็บไม่พอหรืออย่างไร น้องบ่าวเราดันเอาคำพูดของอิหม่ามตนเองมาโพ้สต์อีกครั้ง แล้วก็แปลโดยบิดความหมายว่า ดิน เฉยๆ เพื่อนำไปสู่ ก้อนดิน ทั้งๆที่น้องบ่าวยืนยันอย่างมั่นเหมาะว่า ต้องแปลว่า แผ่นดิน ดังนี้

عن هشام ابن الحكم قال قلت لأبي عبد الله (ع) اخبرني عما يجوز السجود عليه و عما لا يجوز ؟ قال : السجود لا يجوز الا على الأرض أو ما أنبتت الأرض إلا ما أكل أو لبس. فقلت له جعلت فداك ما العلة في ذلك ؟ قال لأنّ السجود هو الخضوع لله عزّوجل فلا ينبغي أن يكون على ما يؤكل و يلبس لأنّ ابناء الدنيا عبيد ما يأكلون ويلبسون والساجد في سجوده على معبود ابناء الدنيا الذين اغتروا بغرورها والسجود على الأرض افضل لأنّه أبلغ في التّواضع و الخضوع لله عزّوجل

ฮิชาม บิน ฮะกัมพูดว่า ฉันได้ถามท่านอิมามศอดิก (อ.) เกี่ยวกับสิ่งที่สุญูดลงบนนั้นแล้ว ถือว่าถูกต้อง ท่านตอบว่า ต้องสุญูด ลงบน ดิน หรือสิ่งที่งอกเงยขึ้นจาก ดิน ยกเว้นสิ่งที่เป็นอาหารหรือเครื่องนุ่งห่ม ฉันพูดว่า มีสาเหตุอะไรหรือ ท่านตอบว่า การสุญดคือการแสดงความนอบน้อมและการภักดีที่มีต่ออัลลอฮ์ ซึ่งไม่เป็นการดีหากจะทำการสุญูดลงบนอาหารหรือเครื่องนุ่งห่ม เนื่องจากว่าจะกลายเป็นผู้ที่มีความลุ่มหลงต่อโลก บูชาอาหารแลเครื่องนุ่งห่ม ขณะที่ทำการสุญูดนั้นมนุษย์ได้แสดงการเคารพภักดีต่อพระองค์ ดังนั้นไม่เป็นการดีหากเราจะนำหน้าผากของเรา สุญูดลงบนสิ่งที่พวกบูชาโลกได้สักการะต่อมัน ส่วนการสุญูดลงบนดินเป็นการกระทำที่สูงและดีกว่า เนื่องจากว่าได้เข้าถึงแก่นของการแสดงความนอบน้อมถ่อมตน ณ เบื้องพระพักตร์ของพระองค์ผู้ทรงสูงส่งและเกรียงไกร

แล้วนี่ละ !! สะใจไหม คำพูดของตัวเองพันคอตัวเอง แปลบิดเบือนคำพูดอิหม่ามตัวเองซะงั้นแหละ

.

ali · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 1:42 pm ชื่อกระทู้:

ยังไม่พออีกนะ ลงทุนตัดตอนท่อนหนึ่งของฮะดีสมาแอบอ้าง โดยบิดเบือนเป้าหมายของฮะดีสดังนี้

“มีริวายะฮ์บางกลุ่มได้สนับสนุนทัศนะดังกล่าวโดยกล่าวว่า ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้เชิญชวนบรรดามุสลิมให้สุญูดลงบนดิน ดังที่ท่านหญิงอุมมุซะละมะฮฺ (ภรรยาท่านหนึ่งของท่านศาสดา) ได้รายงานจากท่านศาสดาว่า

ترّب وجهك لله

จงนำใบหน้าของเจ้าวางบนดินเพื่ออัลลอฮฺ”

ทำไมผมถึงบอกว่าชีอะฮ์ ตัดตอนเอาท่อนหนึ่งของฮะดีษมาแอบอ้างแล้วบิดเบือนเป้าหมาย เหตุเพราะที่มาของฮะดีสบทนี้คือ

عَنْ أمِّ سَلَمَةَ قَالَتْ رَآى النَبِيُّ صَلَّى اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ غُلاَماً لَنَا يُقَالُ لَهُ أفْلَحُ إِذاَ سَجَدَ نَفَخَ فَقَالَ يَا أفْلَحُ تَرِّبْ وَجَّهَكَ

“จากอุมมุซะละมะห์ กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม เห็นเด็กคนหนึ่งที่อยู่กับเรา กล่าวกันว่า เขาชื่อ อัฟลาฮ์ เมื่อเขาสุญูดก็จะเป่า (ฝุ่น) ท่านจึงกล่าวว่า โอ้อัฟลาฮ์เอ๋ย จงให้ฝุ่นติดหน้าของเจ้า” ติรมีซี 348

เป็นยังไงละน้องบ่าวเรา ความแตกแล้วไหมละ ตัวบทเต็มๆ นั้นพูดถึงเรื่องการเป่าฝุ่น ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับการเอาดินมารองสุญูด

ส่วนในมุสนัดอิหม่ามอะห์หมัด จากอุมมุซะละมะห์ เช่นเดียวระบุว่า

فَلَمَّا سَجَدَ نَفَخَ التُرَابَ

เมื่อเขาสุญูด เขาก็เป่าฝุ่น

นอกจากนี้ท่านติรมีซี ยังได้กล่าวตอนท้ายฮะดีสว่า

وَاخْتَلَفَ أهْلُ العِلْمِ في النَفْخِ فِي الصِلاََةِ

และบรรดานักวิชาการมีความเห็นต่างกันเรื่องการเป่าฝุ่นในขณะละหมาด

เห็นไหมละ น้องบ่าว Israya มั่วได้สะเด็ดยาดเลยจริงๆ

.

ali · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 1:45 pm ชื่อกระทู้:

แม้ว่าน้องบ่าวจะพยายามอธิบายลากจูงไปอย่างไรก็ ฮะดีสข้างต้นนี้ก็ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ เพราะ ฏออีฟ

นอกจากน้องบ่าวเราจะตัดตอนฮะดีสมานำเสนอแล้ว ยังปกปิดคำวิจารณ์ของติรมีซีย์ในตอนท้ายอีกด้วยคือ

وميمون أبو حمزة قد ضعفه بعض أهل العلم

และมัยมูน อบูฮัมซะฮ์ นั้น นักวิชาการบางส่วนได้ให้สถานะฏออีฟแก่เขา

แถมให้อีกหน่อย

ส่วนในสายรายงานจากมุสนัดอิหม่ามอะห์มัด มีผู้รายงานชื่อ สะอี๊ด บิน อุสมาน อัลวัรรอก ก็อยู่ในสถานะ ฏออีฟ เช่นเดียวกัน

อย่างนี้แหละคือการโจรกรรม ตัดทอนเอาบางส่วนของฮะดีสมาแอบอ้าง แล้วไม่เอาคำวิจารณ์ของเขามาด้วย

บอกแล้วไงว่า ไม่ฆ่าน้องหรอก แต่น้องบ่าวอย่ามาฆ่าตัวตายที่นี่แล้วกัน

.

asan · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 1:54 pm ชื่อกระทู้:

AntiRafidah · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 2:13 pm ชื่อกระทู้:

ได้ทำการตรวจสอบตามที่คุณ ali โพสต์มาแล้ว

ปรากฏว่ารอฟิเฏาะ israya เขียนไว้อย่างนั้นจริง หน้าเพจนึงเขียนอย่างนึง แต่อีกหน้าเพจนึงก็เขียนอีกอย่าง พลิกลิ้นกลับไปกลับมาเก่งจริงๆ

คำเตือน : โปรดระวังผลกระทบจากการพลิกลิ้นบ่อยๆ

หามเฒ่าวัย 73 เข้า รพ.เหตุพลิกลิ้นบ่อยจนห้อยคาปาก

http://www.manager.co.th/Pjkkuan/ViewNews.aspx?NewsID=9520000119496

israya · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 10:03 pm ชื่อกระทู้:

คนโง่ ไม่ได้หมายถึงคนที่ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย เสมอไป แต่คนโง่ หมายถึง คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองโง่ต่างหาก

ตำราฮะดีษต่างๆจะมีบาบเพาะ เกี่ยวกับตำแหน่งที่วางหน้าผากเกือบทุกเล่ม และจะมีฮะดีษกล่าวถึงตำแหน่ง ณ ที่ตรงนั้นไว้เป็นกรณีพิเศษ คนไหนที่เคยเรียนศาสนามาแล้ว ย่อมรู้ดี

และที่ตรงนั้น สิ่งแรกที่เป็นวาญิบ ก้คือ ดิน หากหาดินไม่ได้ จึงให้หาส่วนของพืขที่เกิดจากดินโดยรงก่อน ยกเว้น สิ่งของประเภทผ้า เสื้อผ้า ของใช้ โลหะ และฯลฯ

โดยเพาะผ้า จะถือเป็นข้อยกเว้นในยามคับขัน อันตรายถ้าหากลงหน้าผากบนดิน แต่กระนั้น ก็จำเป็นให้บางส่วนของหน้าผาก สัมผัสกับดินให้จงได้

นี่คือ หลักเกณฑ์กว้างๆจากฮะดีษศอฮีฮ์ต่างๆ

ส่วนลักษณะ ขนาด ของดิน จะเป็นอย่างไรนั้น ไม่มีฮะดีษระบุห้าม มีแต่สนับสนุนให้หน้าผากสัมผัสกับวัตถุที่เป็นดิน หรือสืบจากดินโดยตรง เช่นก้อนหิน เม้ดกรวด ทราย เป็นต้น

เราถือว่าแท่งดินกัรบะลา อยู่ในนิยามความหมายของสิ่งเหล่านั้นแล้ว

israya · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 10:26 pm ชื่อกระทู้:

พวกคุณเล่นเหมือนเด็กเกเร แถวประจวบ ล้อเลียนบุคคลที่เราไม่รู้จักเขา เอาภาพคคนป่วยมาโพสล้อเลียน มันบาปมากเลย แค่นี้ก็ดูออกว่า พวกคุณเป็นคนชนิดไหนในอิสลาม

หลักฐานการวางดิน หรือก้อนดินลงที่สุญูดนั้น มีมาตั้งแต่สมัยท่านนบี ศอฮาบะและตาบิอีน นั่นก็คือดินเพียงแค่กำมือหนึ่ง

و اخرج النسايي و ابوداوود و البيهقي و احمد عن جابر بن عبد الله انصاري قال : كنت اصلي مع النبي (ص) الظهر فآخذ قبضة من الحصي فاجعلها في كفي ثم احولها الي الكف الاخري حتي تبرد ثم اضعها لجبيني حتي اسجد من شدة الحر.

وقال الشوكاني في النيل الحديث يدل علي جواز السجود علي الثياب لاتقاء حر الارض و فيه اشارة الي ان مباشرة الارض عند السجود هي الاصل ليتعلق بسط الثوب بعدم الاستطاعة.

وفي فتح الباري قال مالك لا اري بأسا بالقيام عليها ( اي الطنافس و الفراء و المسوح ) اذا كان يضع جبهته و يده علي الارض.

เฉพาะส่วนหน้าผากที่ลงสุญูดเท่านั้นที่เป็นวาญิบ ว่าให้สัมผัสกับดิน หรือก้อนดิน หรืออะไรก็ตามที่สืบมาจากดินโดยตรง ไม่ใช่ผ้าก็แล้วกัน

israya · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 10:43 pm ชื่อกระทู้:

ที่จริงว่าจะไม่อยากแปล แต่จะแปลให้พอเห็นเค้าโครง ท่านญาบิร ศอฮาบะนบี นมาซซุฮุรกับ

ท่านนบี(ศ) เล่าว่า ท่านกำกรวดในฝ่ามือแล้วพลิกไปพลิกมากับมืออีกข้าง จนกระทั่งมันเย็น แล้ว

นำไปวางตรงที่จะรองหน้าผาก สุญูด ทั้งนี้เพราะร้อนจัด

อัลลามะ เชากานี อธิบายในนัยลุลเอาฏอร ว่าอนุญาตให้สุญูดลงบนผ้าได้ ต่อเมื่อเพื่อป้องกัน

ความร้อนของดินเท่านั้น หมายความว่าจะต้องให้พื้นดินสัมผัสกับการสุญูดเลย (หมายความว่า

ในกรณีที่นมาซบนพื้นดิน) เป็นบรรทัดฐานเดิม จะปู้ผ้าได้ก็ต่อเมื่อสุดความสามารถแล้วเท่า

นั้น

ผมสงสารพวกคุณที่ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้จริงๆ

ท่านคิดเอาเองเถิดว่า การที่พวกชีอะวางก้อนดินลงที่รองสุญูดดตรงหน้าผาก กับการที่พวกท่านวางผ้าในยามปกลงที่รองสุญูดตรงหน้าผาก (ยกเว้นเสื่อที่มาจากกที่ไร้สีสังเคราะห์) กับการที่ท่านญาบิร ศอฮาบะนบีวางกรวดลงบนที่รองสุญูดตรงหน้าผาก การกระทำของใครใกล้ชิดกับท่านญาบิร มากกว่ากัน

AntiRafidah · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 10:56 pm ชื่อกระทู้:

israya · ตอบ: Sat Oct 10, 2009 10:59 pm ชื่อกระทู้:

وفي مسند احمد و ارشاد الساري و غيره قال رسول الله (ص) ترب وجهك لله .

واورد البخاري و ابن ابي شيبة و النسايي و ابوداوود و مسند و احكام القران عن ابي سعيد الخدري انه رأي الطين في انف رسول الله (ص) من اثر السجود و كانوا مطروا من الليل .

وفي سنن دارقطني و الكبير و الاوسط للطبراني قال النبي (ص) لا صلاة لمن لم يضع أنفه باالارض مع جبهته في الصلاة .

وفي فتح الباري قال مالك لا اري بأسا بالقيام عليها ( اي الطنافس و الفراء و المسوح ) اذا كان يضع جبهته و يده علي الارض.

มุสนัดอะหมัด และอื่นๆ บันทึกว่า ท่านรอซูล ศ สั่งว่า ให้ใบหน้าของเจ้าสัมผัสกับดิน (แม้จะเป็นดินฝุ่น)

ในยามดินแฉะเพราะฝนต ท่านศาสนทูตก็ไม่ใช้ผ้ารอง เพื่อต้องการใหหน้าผากและจมูกสมผัส

ดิน จนกระทั่ง มีคนเห็นรอยดินติดที่จมูกของท่าน

ที่สำคัญคือ เคยมีการถกเถียงกันมากว่า เมื่อวาญิบให้หน้าผากสัมผัสกับดินแล้ว อวัยวะส่วนอื่น

จะจำเป็นด้วยไหม ท่านมาลิกบอกว่า การยืนบนพรมถือว่าไม่ผิด ถ้าหากหน้าผาก และมือได้วาง

ลงบนพื้นดิน (เมื่อจำเป็นถึงขนาดนี้ ซึ่งหน้าผากต้องสัมผัสลงบนดิน รองอะไรไมได้

หมายเหตุ-จากคำชี้แจงส่วนหนึ่งของอุละมาชีอะทั่วไป

เจตนารมณ์ของฮะดีษที่เน้นให้สุญูดบนดิน คือ ให้หน้าผากของผู้ศรัทธาหวนกลับไปสัมผัสกับธาตุ

เดิมของตนเอง นั่นคือดิน เพราะดินคือมัคลูกอันดับต้นๆจากอัลลอฮโดยตรง ส่วนสิ่งอื่นๆ ล้วน

เป็นวิวัฒนาการไปจากดินทีหลังทั้งสิ้น