ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - เขาว่าอุละมาซุนนะลอกการบ้านชีอะฮ์มา มุตอะกับมิสยาร นะ
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
เขาว่าอุละมาซุนนะลอกการบ้านชีอะฮ์มา มุตอะกับมิสยาร นะ
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 22, 23, 24 ... 27, 28, 29  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 5:53 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Israya นำเสนอว่า

وأخرج البخاري في صحيحه بسنده عن مطرّف عن عمران بن حصين رضي الله عنه، قال: تمتَّعنا على عهد رسول الله (ص)، فنزل القرآن، قال رجل برأيه ما شاء

ในศอฮีฮ์บุคอรี ๑/๔๖๘ รายงานจากอิมรอน บิน ฮุศ็อยน์ ร ฎ กล่าวว่า พวกเราได้ทำนิกาห์มุตอะในสมัยท่านรอซูล ศ ดังนั้น อัลกุรอานได้ถูกประทานมา เขาได้กล่าวอีกว่า ชายคนหนึ่ง กล่าวไปตามความเห็นที่ตัวเขาเองต้องการ

นี่คือการโกหกพกลมอีกครั้ง โดยการนำเอาเรื่อง มุตอะตุ้ลฮัจญ์ หรือการทำฮัจญ์แบบตะมัตตัวอ์ มาอ้างเป็นหลักฐานเรื่อง นิกาฮ์มุตอะฮ์ ด้วยการแปลบิดเบือนอย่างเต็มภาคภูมิว่า พวกเราได้ทำนิกาห์มุตอะ ทั้งที่เจ้าของบันทึกคือ ท่านอิหม่ามบุคอรี ได้บันทึกฮะดีสบทนี้ไว้ใน กิตาบุ้ลฮัจญ์ หรือบทที่ว่าด้วยเรื่อง การทำฮัจญ์ เลขที่ฮะดีส 1469

กี่ครั้งที่หนแล้วที่ชีอะฮ์ อ้างเท็จ กุเรื่องเท็จ พอชี้แจงไปก็ทำหูทวนลม โยนความผิดไปให้ผู้อื่นบ้าง หรือว่าการโกหกเป็นเรื่องสนุกสนาน หรือยิ่งโกหกมากยิ่งได้บุญมาก


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 5:56 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

และข้อความต่อไปนี้ก็เป็นการอ้างมั่ว แล้วก็แปลแบบมั่วๆ อีกเช่นเดียวกัน

قال السيوطي في تاريخ الخلفاء: فصل في أوليات عمر رضي الله عنه، قال العسكري: هو أول من سُمِّي أمير المؤمنين، وأول من كتب التاريخ من الهجرة، وأول من اتّخذ بيت المال، وأول من سَنَّ قيام شهر رمضان، وأول من عسَّ بالليل ، وأول من ضرب في الخمر ثمانين، وأول من حرَّم المتعة...

ท่านสะยูฏีย์ได้กล่าวในหนังสือตารีคุล คุลาฟาอ์ ในหมวดว่าด้วยความเป็นคนแรกด้านต่างๆของท่านอุมัร ร ฎ ว่าท่านอัสการีย์กล่าวว่า ท่านคื่อคนแรกที่ได้รับสมญานามว่าอะมีรุลมุมินีน ท่านคือคนแรกที่เขียนปฏิทินฮิจเราะฮ์ศักราช ท่านคือคนแรกที่ได้เอาบัยตุลมาล ท่านเป็นคนแรกที่วางแบบอย่างนมาซตัรวีห์ในเดือนรอมฎอน ท่านเป็นคนแรกที่ตระเวณในยามกลางคืน ท่านเป็นคนแรกที่เฆี่ยนคนดื่มสุรา ๘๐ ที ท่านเป็นคนแรกที่ห้ามนิกาห์มุตอะ

โปรดดู تاريخ الخلفاء، ص 108. وتجد ذكر تحريم المتعة في كتاب الأوائل للعسكري 1/240.

ผมบอกไว้ก่อนแล้วว่า คำว่า المتعة นั้นอาจจะหมายถึงการทำฮัจญ์แบบตะมัตตัวอ์ หรือ การนิกาห์มุตอะฮ์ก็ได้ แล้วทำไมจึงทึกทักเอาเองว่า ข้อความข้างต้นนี้ระบุถึงการนิกาฮ์มุตอะฮ์

แทนที่เราจะได้คุยกันทางวิชาการ แต่ก็ต้องคอยมาชี้แจงการโกหกมดเท็จของชีอะอ์วันแล้ววันเล่า


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 6:01 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แล้วข้อความนี้ที่ Israya ยกมาจากศอเฮียะฮ์มุสลิม แล้วไม่ยอมแปลเสียด้วยว่า

فقد أخرج مسلم في صحيحه عن قيس قال: سمعت عبد الله (1) يقول: كنا نغزو مع رسول الله (ص) ليس لنا نساء، فقلنا: ألا نستخصي؟ فنهانا عن ذلك، ثم رخّص لنا أن ننكح المرأة بالثوب إلى أجل، ثم قرأ عبد الله: ( يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ لاَ تُحَرِّمُواْ طَيِّبَاتِ مَا أَحَلَّ اللهُ لَكُمْ وَلاَ تَعْتَدُواْ إِنَّ اللهَ لاَ يُحِبُّ المُعْتَدِينَ ).


ไม่ใช่ว่ายกเอาภาษาอาหรับมาเยอะๆ จะได้ดูน่าเชื่อถือ แต่คว้ามาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าเพื่อตบตาชาวบ้าน แล้วที่ไม่ยอมแปลนะ ก็เพราะถ้าแปลแล้วก็เหมือนเอามีดฟันหัวกระบาลตนเอง

เพราะมีทั้งคำว่า فنهانا عن ذلك แปลว่า ท่านได้ห้ามพวกเราในเรื่องดังกล่าว แล้วไหนเล่าที่บอกว่าในยุคนบีไม่ห้าม

และคำว่า ثم رخّص لنا ประโยคนี้ไม่ได้แปลว่า ท่านได้อนุญาตให้แก่พวกเรา แต่แปลว่า ต่อมาท่านได้ผ่อนปรนให้แก่พวกเรา หมายถึงอนุโลมให้กระทำเป็นการชั่วคราว

และชั่วคราวในที่นี้คือ ในภาวะศึกสงคราม (ไม่ใช่ในยามปกติ) ด้วยประโยคที่ว่า

نغزو مع رسول الله (ص) ليس لنا نساء

แปลว่า พวกเราได้ออกสงครามพร้อมกับท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ โดยไม่มีสตรีในหมู่พวกเรา

เอ้า !! ความแตกเลย ยกหลักฐานมาฟันหัวกระบาลตัวเอง เจ็บปวดกันบ้างไหม หรือว่าอย่างหนาตราอิหม่ามเหยีบรูปโลก


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 6:04 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

กลับมาสู่ประเด็นเดิมของเรา

สืบเนื่องจากการแสดงหลักฐานจากตำราของฝ่ายชีอะฮ์ว่า

محمد بن الحسن بإسناده عن محمد بن أحمد بن يحيى، عن أبي جعفر، عن أبي الجوزاء، عن الحسين بن علوان، عن عمرو بن خالد، عن زيد بن علي، عن آبائه عن علي عليه السلام قال: " حرّم رسول الله صلى الله عليه وآله يوم خيبر لحوم الحمر الأهلية ونكاح المتعة

มุหัมหมัด บิน อัลหะซัน ด้วยสายรายงานของเขา จากมุหัมหมัด บิน อะหมัด บิน ยะหยา จากอบียะอฺฟัร จาก อบี อัลเญาซาอฺ จาก อัลหุซัยน์ บิน อุลวาน จากอัมริน บิน คอลิด จาก เซด บิน อาลี จาก บิดาของเขา จาก อาลี อะลัยฮิสสลาม กล่าวว่า " รซูลุลลอฮ วะอาลิฮี ได้ห้ามเนื้อลาบ้านและการนิกะหฺมุตอะฮ

ผมถาม Israya ว่า ทำไมถึงพูดว่า


“สายรายงานคนหนึ่ง ฎออีฟ คือ อัมร บิน คอลิด เพราะคนนี้ไม่ได้รับความเชื่อถือ”

และได้รับคำตอบมาแล้วดังนี้

وأقول: هذه الرواية ضعيفة السند بعمرو بن خالد الواسطي، فإنه لم يوثَّق في كتب الرجال، واختُلف في مذهبه، فقيل: إنه من أهل السنة. والمشهور أنه من رؤساء الزيدية، وأغلب رواياته يرويها عن زيد بن علي، ومنها هذه الرواية.

คำอธิบายของอุละมา บอกว่า ริวายะนี้ฎออีฟในสายรายงาน โดยบุคคลชื่อ อัมร์ บิน คอลิด อัลวาซิฏี เขาผู้นี้ไม่ได้รับความเชื่อถือในตำราอัรริญาล และเขาขัดแย้งในมัซฮับของเขาเอง มีบางคนกล่าวว่า เขาเป็นชาวซุนนะ แต่ที่รู้กันแพร่หลาย เขาคือ หัวหน้าคนหนึ่งในสายซัยดียะฮ์ ส่วนใหญ่เขาจะรายงานจากท่านเซด บิน อะลี ซัยนุลอาบิดีน) และส่วนหนึ่งก็คือ ริวายะนี้

ข้อความข้างต้นนี้ยังโคมลอยอยู่ ช่วยบอกแหล่งอ้างอิงให้หน่อยซิว่า ได้มาอย่างไร โดยเฉพาะตำราอัรริญาลที่ว่านั้น จากตำราเล่มใด อย่าหาว่าผมจุกจิกเลยนะ แต่เราต้องการพิสูจน์ความจริง

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 6:17 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ปากหนอปาก อะไรจะพล่อยเท่าปากแบบนี้ เป็นไม่มี อีกแล้ว สงสัยว่า ไม่มีทางจะโต้ตอบอันใดอีก แต่ยังไงๆ ก็ขอให้โพสลงมากลบไว้ก่อน เผื่อผู้อ่านคนไหนโง่กว่าตัวเอง จะได้ไม่ต้องอ่านที่ ISRAYA เขียน รู้ทันเกมหรอกน่า

ผมขอเรียนว่าฮะดีษนี้ มาจากศอฮีฮ์บุคอรีจริง แต่มันแยกกันอยู่กันต่างบาบ ต่างหน้า และต่างเล่ม กับของคุณยกมา และทั้งฮัจญ์ตะมัตตุอ ทั้งนิกาห์มุตอะ ท่านอุมัร ได้ฟันเรียบร้อยไปหมดในสมัยของท่าน คือสั่งห้ามไม่ให้ใครทำ ทั้งสองอย่าง ดูหมายเลขเล่ม กับหมายเลขหน้าแล้วไปค้นดูอีกทีนะน้อง ความจริงพี่ไม่ต้องพึ่งฮะดีษนี้ก็ได้นะ ให้เวบมาสเตอร์ลบออกไปก็ได้ครับ ฮะดีษใดที่เห็นว่า ผมบิดเบือน จะมีปัญหา

وأخرج البخاري في صحيحه بسنده عن مطرّف عن عمران بن حصين رضي الله عنه، قال: تمتَّعنا على عهد رسول الله (ص)، فنزل القرآن، قال رجل برأيه ما شاء

ในศอฮีฮ์บุคอรี ๑/๔๖๘ รายงานจากอิมรอน บิน ฮุศ็อยน์ ร ฎ กล่าวว่า พวกเราได้ทำนิกาห์มุตอะในสมัยท่านรอซูล ศ ดังนั้น อัลกุรอานได้ถูกประทานมา เขาได้กล่าวอีกว่า ชายคนหนึ่ง กล่าวไปตามความเห็นที่ตัวเขาเองต้องการ

คุยเข้ามาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีความจำเป็นอันใดที่เราต้องพึ่งฮะดีษนั้นจากตำราศอฮีฮ์บุคอรีอีก และผมเองก็บิดเบือนไม่เป็น ทำไม่ได้ด้วย เพราะพิมพ์อาหรับไม่เป็น

ก็ทั้งฮัจญ์ตะมัตตุอ์ และนิกาห์มุตอะ ท่านอุมัร ยืดอกรับอย่างสง่าผ่าเผยด้วยตัวท่านเอง ว่าท่านเป็นคนสั่งห้าม แล้วคุณจะมาทำหวงก้างหลักฐานนั้นจากศอฮีฮ์บุคอรีอยู่ทำไมหา

เอาเป็นว่า ผมไม่ได้เอาฮะดีษนั้นมาอ้างก็ได้ แต่ป็นฮะดีษที่คุณนำมาวางเอง แต่ขอให้คุณตรวจสอบให้ดีๆสักนิดหนึ่ง

عن ابن عباس تحليلها، وتبع ابن عباس على القول بها أصحابه من أهل مكة وأهل اليمن، ورووا أن ابن عباس كان يحتج لذلك بقوله تعالى {فما استمتعتم به منهن فآتوهن أجورهن فريضة ولا جناح عليكم} وروى عنه أنه قال: ما كانت المتعة إلا رحمة من الله عز وجل رحم بها أمة محمد صلى الله عليه وسلم، ولولا نهي عمر عنها ما اضطر إلى الزنا إلا شقي [/B]

อิบนุอับบาสรายงานว่ามุตอะเป็นสิ่งอนุญาตทำได้ มีผู้ปฏิบัติตาม ที่เป็นชาวมักกะ และชาวเยเมน พวกเขารายงานว่า อิบนุอับบาส อุมธรณ์เรื่องนี้ด้วยโองการของอัลลอฮ ที่ว่า

{فما استمتعتم به منهن فآتوهن أجورهن فريضة ولا جناح عليكم}

المناسبة الشهر السنة
خيبر المحرم سنة سبع
عمرة القضاء ذي الحجة سنة سبع
يوم الفتح رمضان سنة ثمان
غزوة حنين شوال سنة ثمان
أوطاس شوال (بعد حنين لعشر بقين منه) سنة ثمان
تبوك رجب سنة تسع
حجة الوداع ذي الحجة سنة عشر


ทุกเรื่อง ถ้าไม่เอาสติปัญญาคิดใคร่ครวญตามไปด้วย ก็น่าเชื่อทั้งนั้น ถ้าพรรคพวกตัวเองบอกว่าต้องเชื่อ แต่เรื่องนี้ ที่บอกว่า นิกาห์มุตอะถูกยกเลิก ๗ ครั้ง ไม่มีใครกล้าคิดอะไรบ้างเลยหรือ ?

พอสรุปได้ว่า มุตอะได้รับอนุญาตและถูกสั่งห้ามสลับกันไปกันมาถึง ๗ ครั้งในชั่วเวลาเพียงสามปีเท่านั้นเอง นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกที่สุด ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง ราจะตอบได้ไหมว่าวิทยปัญญาของพระผู้เป็นเจ้าในเรื่องนี้ เป็นอย่างไร ?

ยิ่งกว่นั้น ตามที่หลายริวายะรายงานเรื่องมุตอะปรากฏว่าถูกอนุโลม และถูกสั่งห้ามในเดือนเดียวถึงสามครั้ง เพราะว่าระหว่างสงครามฮุนัยน์กับการพิชิตเมืองมักกะ ห่างกันราวเดือนเดียว และระหว่างเอาฏอซกับฮุนัยน์ ก็เพียงไม่กี่วัน พวกคุณเคยได้ยินเรื่องอื่นใดของศาสนาคล้ายๆกับเรื่องนี้ บ้างไหม?

ครั้งแรกที่ห้าม คือ สงครามค็อยบัรในปีที่ ๗ หมายความว่า ท่านนบีได้ปล่อยให้ศอฮาบะกระทำสิ่งนี้อยู่เป็นเวลา ๒๐ ปี ที่พวกเขากระทำในสิ่งที่พวกคุณถือว่า น่าเกลียดชังอย่างยิ่ง มีการถามกันในเรื่องนี้ว่า ทำไมท่านรอซูล(ศ)จึงละเลยพวกเขาตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ โดยไม่ได้ห้ามปราม ในเมื่อมันเป็นการนิกาห์ที่น่าเกลียดชัง ถึงแม้จะเป็นที่นิยมของพวกเขาก็ตาม อิมามชาฟิอีเองกล่าวด้วยความมึนงงว่า

لا أعلم شيئا أحله الله ثم حرمه ثم أحله ثم حرمه إلا المتعة

ฉันไม่เคยรู้ว่ามีเรื่องใดอีกที่อัลลอฮอนุญาตแล้วห้าม หลังจากนั้น อนุญาต แล้วห้าม นอกจากเรื่องมุตอะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 6:22 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ข้อความข้างต้นนี้ยังโคมลอยอยู่ ช่วยบอกแหล่งอ้างอิงให้หน่อยซิว่า ได้มาอย่างไร โดยเฉพาะ[B]ตำราอัรริญาลที่ว่านั้น จากตำราเล่มใด อย่าหาว่าผมจุกจิกเลยนะ แต่เราต้องการพิสูจน์ความจริง

ผมเปนจำเลยของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับนี่ ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย มันจำเป็นอะไรนักหนาที่ผมจะต้องทำตามคำบงการของคุณละครับ อ้าง คุณ ผมยกหลักฐานและเหตุผลมาทั้งวัน ไหนลองค้านผมมาให้เป็นเรื่องเป็นราวสักสองสามประเด็นซิ เร็วๆ อยากอ่าน[/B]
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 7:49 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

[B]แล้วข้อความนี้ที่ Israya ยกมาจากศอเฮียะฮ์มุสลิม แล้วไม่ยอมแปลเสียด้วยว่า

فقد أخرج مسلم في صحيحه عن قيس قال: سمعت عبد الله (1) يقول: كنا نغزو مع رسول الله (ص) ليس لنا نساء، فقلنا: ألا نستخصي؟ فنهانا عن ذلك، ثم رخّص لنا أن ننكح المرأة بالثوب إلى أجل، ثم قرأ عبد الله: ( يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ لاَ تُحَرِّمُواْ طَيِّبَاتِ مَا أَحَلَّ اللهُ لَكُمْ وَلاَ تَعْتَدُواْ إِنَّ اللهَ لاَ يُحِبُّ المُعْتَدِينَ ).


ไม่ใช่ว่ายกเอาภาษาอาหรับมาเยอะๆ จะได้ดูน่าเชื่อถือ แต่คว้ามาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าเพื่อตบตาชาวบ้าน แล้วที่ไม่ยอมแปลนะ ก็เพราะถ้าแปลแล้วก็เหมือนเอามีดฟันหัวกระบาลตนเอง

เพราะมีทั้งคำว่า فنهانا عن ذلك แปลว่า ท่านได้ห้ามพวกเราในเรื่องดังกล่าว แล้วไหนเล่าที่บอกว่าในยุคนบีไม่ห้าม


ไม่ขำกลิ้งกับความบ้อท่าของคุณหรอกครับ ผมสมเพชและสงสารตัวเองมากกว่า เพราะรู้ทันทีแล้วว่า ที่นั่งคุยกับผมวันนี้ เป็นใคร ที่ผมไม่ได้แปลนะครับ เพราะเหตุว่า ฮะดีษเดียวกันนี้ ผมเคยแปลมาแล้วสองครั้ง ครั้งต่อๆไปจะไม่แปล แสดงว่า จำไม่ได้ ไม่ติดตามอ่านจริงๆ แล้วจะโทษใครละครับ คำว่า فنهانا عن ذلك แปลว่า ท่านได้ห้ามพวกเรานั้น หมายถึง ท่านห้าม نستخصي ไม่ได้ห้ามการนิกาห์มุตอะครับ แหมพอพบคำว่า ห้าม ตาลุกวาวเชียว

ถ้าคุณจะหักล้างคำอธิบายของผมวันนี้ ผมจะบอกให้ มันไม่ได้เกี่ยวกับตรงนี้หรอกครับ ประเด็นที่คุณควรนำเสนอ ก็คือ ท่านอุมัรมิได้สั่งห้ามการทำนิกาห์มุตอะ

ท่านอุมัรไม่เคยกลั่นแกล้ง ไม่เคยรังแกใคร

ท่านอุมัรไม่เคยสนใจใครจะนิกาห์มุตอะกับใคร

ท่านอุมัรไม่เคยถืออำนาจบาตรใหญ่กับคนมุสลิม

ท่านไม่เคยเอาเรื่องเอาราวกับประชาชนผู้อ่อนแอ

อันไหนสิ่งใดถ้ารอซูลอนุญาตไว้ ท่านอุมัรก็จะอนุญาตตลอดไปทุกเรื่อง

ไม่วาเรื่องฮัจญ์ตะมัตตุอ์ หรือนิกาห์มุตอะ

ท่านอุมัรไม่เคยทำอะไรผิดจากสุนนะนบี ฯลฯ นี่ เป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องพูดออกมาอย่างนี้ ทำไมพวกคุณไม่กล้ายืนกรานเข้าข้างท่านอุมัร พร้อมกับแสดงหลักฐานนั้นๆมาให้ผู้อ่านได้อ่านบ้าง จะแย้งผมทั้งที แย้งให้ถูกที่ถูกทางหน่อยครับ

แค่เข้ามาหยอดคำเจ็บๆ ตอดนิดตอดหน่อยแล้วเผ่น ผมว่าจะทำให้วพกคุณนะแหละเสียราคา

หัวข้อนี้ในหน้ากระดาน ดูจะเป็นหน้ากระดานของชีอะไปทุกทีแล้ว ซึ่งผมก็ไม่ต้องการอย่างนั้น

เมื่อผมพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่อุละมาเขานำมาตั้งเป็นข้อกล่าวหาท่านอุมัร หน้าที่ของคุณในฐานะเป็นรักท่านคอลีฟะฮ์ คุณสามารถทำได้เพียงแค่มาตุกติกกับผมเท่านั้นเองหรือ

ไม่เอาน่า ไปหาท่านผู้รู้ ไปเอาความรู้จากเขามา ไปหาหลักฐานมาแก้ต่างให้ท่านอุมัร ไม่ดีกว่า

คอยหาจังหวะเอานิ้วมาคอยจี้ข้างสะเอวผมหรือ ผมเป็นคนบ้าจี้เสียด้วยนะ


หลักฐานฮะดีษท่านนบีที่สั่งห้าม ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น คือมีมากเกินไปจนมีพิรุธ และไม่ปกติ ไม่น่าจะเป็นความจริงแบบนั้นได้ แค่เรื่องชายหญิงทำนิกาห์มุตอะ มันจะอะไรกันนักกันหนา ถึงกับต้องมีหลักฐานการห้ามให้มั่นคงจนเบลอขนาดนั้น กะจะขันน็อตให้แน่น เกลียวกลับขาดเสียนี่ เพราะขันแน่นจนเกินไป

ผมต่อให้นำเอาหลักฐานการห้ามนิกาห์จากตำราของชีอะมารวมเข้าด้วยกันกับหลักฐาน ๗ ครั้งห้ามของตำราซุนนะ ก็ไม่สามารถหักล้างหลักฐานที่ท่านอุมัรสั่งห้ามได้เลยครับ

พวกคุณตอบวิธีคิดที่จะนำเอาฮะดีษใดฮะดีษหนึ่ง ที่ระบุว่าท่านนบีห้ามมายึดเป็นหลักฐานให้ผมดูทีซิครับ อย่าตอบเล่นๆแบบคนบ้ายอเหมือนเด็บางคน เขาบอกว่าตอบง่ายนิดเดียว ปัญหานี่ง่ายเหมือนคำถามเด็กป ๔

อ่านเรื่องราวจากตารีคอะไรบ้างไหม เคยพบไหมประวัติของท่านอุมัร ที่มักจะมีปัญหาการเผชิญหน้ากับประชาชนผู้ถูกปกครองบ่อยแค่ไหน แต่เราพอจะเข้าใจว่า ที่ท่านทำอย่างนั้น ก็เพราะเป็นห่วงสภาพสังคม

ผมเองก็มิใช่คนมีความรู้อะไรมากมาย อาศัยความรู้ของคนอื่นเหมือนกัน ไม่ได้อวดว่าตัวเองเก่งกาจอะไร ยกหลักฐานตรงไหนบกพร่องบ้าง ก็ชี้แจงมา

แต่ขอให้ตรวจสอบดูดีๆก่อน บางที ถึงแม้จะตัดหลักฐานนั้นออกไปเลย ก็ใช่ว่า จะทำให้ความจริงเปลี่ยนแปลงไปได้ ความจริงสิ่งสัจธรรม มิได้อาศัยหลักฐานตัวใดเป็นหลัก

เพราะหลักฐานทางประวัติศาสตร์ บอกเล่าเรื่องราวในยุคสมัยท่านอุมัร มีมากพอจนสามารถทำให้สติปัญญาของวิญญูนสามารถยอมรับได้อยู่แล้วว่า ท่านอุมัรเป็นคนสั่งห้ามนิกาห์มุตอะ คุณไม่ต้องมาทำงอแง มันเถียงไม่ได้หรอกครับ[/B] [/color]
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 8:38 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แล้วคุณก็หนีประเด็นการสนทนากับผมในที่สุด

ในหน้าที่ 22 ข้อความที่ 11 Israya กล่าวว่า


"ถ้าเราคิดจะถก จะเสวนากัน เราก็ต้องทำหน้าที่คลี่คลายปัญหาขัดแย้งในเชิงวิชาการ"

พอมาถึงตอนนี้ก็ทำเป็นลืมคำพูดของตัวเอง แล้วพูดใหม่ว่า

ผมเปนจำเลยของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับนี่ ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย มันจำเป็นอะไรนักหนาที่ผมจะต้องทำตามคำบงการของคุณละครับ


คุณไม่ต้องการที่จะถกทางวิชาการเพื่อคลี่คลายปัญหาขัดแย้งในเชิงวิชาการตามที่คุณได้กล่าวไว้ คุณพลิกลิ้นอีกแล้ว

หรือคุณต้องการที่จะโพสต์ข้อความเรื่อยเปื่อย ไม่ว่าจะถูกหรือผิด บิดเบือนหลักฐาน ลากโยงกันมั่วซั่วโดยไม่ต้องการให้ผู้ใดซักค้าน ถ้าเช่นนั้นแล้ว กรุณาออกไปจากที่นี่ แล้วไปเล่าเรื่องโกหกที่เว็บของพวกคุณเถิด


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 8:40 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

وقد وردت قولته هذه في كتب الفقه والحديث والتفسير والكلام أنظر منها: تفسير الرازي 2|167، شرح معاني الاثار 374، سنن البيهقي 6|207، بداية المجتهد 1|346 المحلّى 7|107، أحكام القرآن ـ للجصّاص ـ 1|279، شرح التجريد

عن جابر بن عبدالله: «استمتعنا على عهد رسول الله صلى الله عليه [وآله] وسلّم وأبي بكر وعمر، حتى إذا كان في آخر خلافة عمر استمتع عمرو بن حريث بامرأة ـ سماها جابر فنسيتها ـ فحملت المرأة، فبلغ ذلك عمر، فدعاها فسالها فقالت: نعم، قال من أشهد؟ قال عطاء: لا أدري قال: أمي أم وليها. قال فهلا غيرها؟!
فذلك نهى عنها»(

จากท่านญาบิร บิน อับดิลลาฮ์ กล่าวว่า พวกเราได้ทำการมุตอะในสมัยท่านรอซูล(ศ)และอะบูบักร์และอุมัร จนกระทั่งเมื่อล่วงเข้าสู่ปลายสมัยคอลีฟะฮ์ของท่านอุมัร อัมร์ บิน ฮะรีษ ได้ทำมุตอะกับหญิงคนหนึ่ง (ท่านญาบิรได้เอ่ยชื่อนาง แต่ฉันลืมมันไปแล้ว) ดังนั้นผู้หญิงคนนั้นได้ตั้งท้องแล้วข่าวนี้ได้ยินไปถึงท่านอุมัร แล้วท่านก็ได้เรียกนางมา แล้วได้ถามนาง ดังนั้น นางได้กล่าวว่า ใช่แล้ว.......ดังนั้นด้วยเหตุนี้เอง ท่านจงสั่งห้าม”
หลักฐานตามข้างบนนี้ บอกว่า ท่านอุมัร เป็นคนสั่งห้ามมุตอะ ทั้งๆที่มีการอนุญาตในสมัยนบีและอะบูบักร
[B][/B

โจทย์ข้อนี้ ก็อยากให้นำไปขบคิด แล้วเปรียบเทียบกับหลักฐานที่ว่า อนุโลม ๖ ห้าม ๗ ด้วยนะครับ ถ้าการห้าม ครั้งที่ ๗ มีจริง ทำไมท่านอุมัรเองยังไม่รู้ ปล่อยให้มีการนิกาห์มุตอะในสมัยของตนเอง มาจนเกือบถึงวันสุดท้าย [B]
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 8:40 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Israya กล่าวอีกว่า

"คุณ ผมยกหลักฐานและเหตุผลมาทั้งวัน ไหนลองค้านผมมาให้เป็นเรื่องเป็นราวสักสองสามประเด็นซิ เร็วๆ อยากอ่าน"

ผมเองก็เหนื่อยใจ กับพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอกของคุณเหลือเกิน แทนที่จะคุยกันให้จบทีละประเด็น แต่ต้องคอยมาจับโกหก แก้ไขข้อความที่คุณเอาบิดเบือน พลิกไปพลิกมา ไม่ยอมรับผิดชอบข้อความของตนเอง พอถูกซักค้านก็ถามว่า ผมเป็นจำเลยของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่

ไม่รู้ว่าผมคุยกับคนดีหรือคนบ้ากันแน่


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 8:44 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Israya กล่าวว่า

"คุยเข้ามาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีความจำเป็นอันใดที่เราต้องพึ่งฮะดีษนั้นจากตำราศอฮีฮ์บุคอรีอีก"

ผมไม่ทราบว่าคุณพูดประชดประชันหรือเปล่า เพราะพฤติกรรมของคุณที่ผ่านมาเป็นดังนี้

คุณยกเอาฮะดีสของบุคอรีมาอ้างเฉพาะที่ตงกับใจคุณจะเอา แต่บุคอรี บทอื่นคุณกลับปฏิเสธ ทั้งๆที่ฮะดีสจากแหล่งมาตรฐานเดียวกัน เช่น บุคอรี บันทึกการรายงานจากท่านอาลี อิบนิ อบีฏอลิบว่า ท่านนบีนิกะห์มุตอะฮ์ และห้ามกินเนื้อลาบ้าน คุณกลับไม่ยอมรับ พฤติกรรมอย่างนี้มันแปลกไหม

และนอกจากคุณจะเอาบุคอรี บางบทอย่างที่ตรงใจมาอ้างแล้ว แต่คุณก็ไม่เอาความเข้าใจของเขามาด้วย และคุณไม่เอามาตรฐานทางวิชาการในการอธิบายและการตรวจสอบของเขามา อย่างนี้แหละที่ผมบอกว่า คุณโจรกรรมหลักฐานของชาวซุนนะฮ์


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 8:47 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Israya ชวนออกทะเลแล้ว ชาวซุนนะฮ์ไม่ได้ปฏิเสธว่าท่านอุมัร ไม่เคยสั่งห้ามนิกะฮ์มุตอะฮ์ เหมือนกับอิหม่ามของชีอะฮ์ที่ห้ามนิกะห์มุตอะฮ์ ซึ่งผมได้ชี้แจงมาแต่กอ่นแล้ว แต่เราเชื่อว่า ก่อนหน้าที่ท่านอุมัรจะห้ามนั้นได้เคยมีคำสั่งห้ามมาแล้วจากท่านนบี และเราก็สนทนากันเพื่อพิสูจน์ในประเด็นนี้

แต่เมื่อจะคุยบนบรรทัดฐานทางวิชาการจริงๆ คุณกลับหนี แล้วตะโกนว่า ผมเป็นจำเลยของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ บ้าเข้าขั้น


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 8:55 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

กลับมาสู่ประเด็นเดิมของเรา

สืบเนื่องจากการแสดงหลักฐานจากตำราของฝ่ายชีอะฮ์ว่า

محمد بن الحسن بإسناده عن محمد بن أحمد بن يحيى، عن أبي جعفر، عن أبي الجوزاء، عن الحسين بن علوان، عن عمرو بن خالد، عن زيد بن علي، عن آبائه عن علي عليه السلام قال: " حرّم رسول الله صلى الله عليه وآله يوم خيبر لحوم الحمر الأهلية ونكاح المتعة

มุหัมหมัด บิน อัลหะซัน ด้วยสายรายงานของเขา จากมุหัมหมัด บิน อะหมัด บิน ยะหยา จากอบียะอฺฟัร จาก อบี อัลเญาซาอฺ จาก อัลหุซัยน์ บิน อุลวาน จากอัมริน บิน คอลิด จาก เซด บิน อาลี จาก บิดาของเขา จาก อาลี อะลัยฮิสสลาม กล่าวว่า " รซูลุลลอฮ วะอาลิฮี ได้ห้ามเนื้อลาบ้านและการนิกะหฺมุตอะฮ

ผมถาม Israya ว่า ทำไมถึงพูดว่า


“สายรายงานคนหนึ่ง ฎออีฟ คือ อัมร บิน คอลิด เพราะคนนี้ไม่ได้รับความเชื่อถือ”

และได้รับคำตอบมาแล้วดังนี้

وأقول: هذه الرواية ضعيفة السند بعمرو بن خالد الواسطي، فإنه لم يوثَّق في كتب الرجال، واختُلف في مذهبه، فقيل: إنه من أهل السنة. والمشهور أنه من رؤساء الزيدية، وأغلب رواياته يرويها عن زيد بن علي، ومنها هذه الرواية.

คำอธิบายของอุละมา บอกว่า ริวายะนี้ฎออีฟในสายรายงาน โดยบุคคลชื่อ อัมร์ บิน คอลิด อัลวาซิฏี เขาผู้นี้ไม่ได้รับความเชื่อถือในตำราอัรริญาล และเขาขัดแย้งในมัซฮับของเขาเอง มีบางคนกล่าวว่า เขาเป็นชาวซุนนะ แต่ที่รู้กันแพร่หลาย เขาคือ หัวหน้าคนหนึ่งในสายซัยดียะฮ์ ส่วนใหญ่เขาจะรายงานจากท่านเซด บิน อะลี ซัยนุลอาบิดีน) และส่วนหนึ่งก็คือ ริวายะนี้

ข้อความข้างต้นนี้ยังโคมลอยอยู่ ช่วยบอกแหล่งอ้างอิงให้หน่อยซิว่า ได้มาอย่างไร โดยเฉพาะตำราอัรริญาลที่ว่านั้น จากตำราเล่มใด อย่าหาว่าผมจุกจิกเลยนะ แต่เราต้องการพิสูจน์ความจริง

เอาคำของคุณมาย้ำให้คุณฟังอีกที

"ถ้าเราคิดจะถก จะเสวนากัน เราก็ต้องทำหน้าที่คลี่คลายปัญหาขัดแย้งในเชิงวิชาการ"

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Mon Oct 19, 2009 9:22 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ช่วงที่รอคุณ Israya เข้ามาตอบด้วยวิชาการ ผมย้ำความอีกทีว่า

ชาวซุนนะฮ์ไม่ได้ปฏิเสธว่า ท่านอุมัร ห้ามนิกะฮ์มุตอะฮ์ เช่นเดียวกับที่อิหม่ามของชีอะฮ์ได้ห้ามไว้ แต่ชาวซุนนะฮ์เชื่อว่า ก่อนที่ท่านอุมัรจะห้ามนั้น ท่านนบีได้เคยห้ามเรื่องนี้มาก่อนแล้ว หลักฐานจากศอเฮียะฮ์บุคอรี และมุสลิม ที่เป็นคำรายงานของท่านอาลี อิบนิ อบีตอลิบ ว่า

عَنْ عَليِ بْنِ أبِي طَالِبٍ رَضِىَ اللهُ عَنْهُ أنَّ رَسُوْلَ اللهِ صَلى اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ نَهَى عَنْ مُتْعَةِ النِسَاءِ يَوْمَ خَيْبَرَ وَعَنْ أَكْلِ لُحُوْمِ الحُمَرِ الإنْسِيَّةِ

“รายงานจากอาลี อิบนิ อบีฏอลิบ แท้จริงท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ห้ามการมีเพศสัมพันธ์ชั่วคาราวกับสตรี ในวันคอยบัร และห้ามการกินเนื้อลาบ้าน”

ชาวซุนนะฮ์เชื่อว่าคำรายงานจากบันทึกทั้งสองนี้ ศอเฮียะฮ์ ชาวซุนนะฮ์เชื่อในคำรายงานของท่านอาลี อิบนิ อบีฏอลิบ

แต่ชีอะฮ์กลับไม่เชื่อคำรายงานของท่านอาลี นี่คือปัญหาของชีอะฮ์ ฉะนั้นชีอะฮ์จึงต้องแสดงด้วยหลักฐานทางวิชาการว่า ฮะดีสข้างต้นนี้ฏออีฟ หรือ เมาดัวอ์

และเมื่อเรานำหลักฐานจากตำราของชีอะฮ์มาแสดงว่า ท่านอาลีได้รายงานคำสั่งห้ามนิกะฮ์มุตอะฮ์จากท่านนบีเช่นเดียวกัน ชีอะฮ์ก็ตอบว่า หนึ่งในผู้รายงานที่ชื่อ อัมร์ บิน คอลิด เป็นคนฏออีฟ

เราจึงต้องการคำยืนยันด้วยการอ้างอิงตำราทางวิชาการ โดยเฉพาะตำรา อัรริญาล ตามที่ชีอะฮ์ได้อ้าง ไม่ใช่เป็นคำพูดโคมลอย โดยหาที่มาไม่ได้

ย้ำคำพูดของ Israya อีกที


"ถ้าเราคิดจะถก จะเสวนากัน เราก็ต้องทำหน้าที่คลี่คลายปัญหาขัดแย้งในเชิงวิชาการ"

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Tue Oct 20, 2009 8:22 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ประเด็นการคัดค้านของผู้ร่วมเสวนา เท่าที่ตรวจพบ ณ เช้าวันอังคารที่ ๒๐ ตุลาคือ

๑-สงสัยว่า ฮะดีษที่ isrsya ยกมาจากบุคอรี จะบิดเบือนหรือเปล่า เลือกจะอ้างเฉพาะที่ตรงกับใจตน และ israya อาจสับสนระหว่างเรื่องฮัจตะมัตตุอ์ กับเรื่องนิกาห์มุตอะ

๒-ทำไม israya และอุละมาชีอะไม่ยอมรับหลักฐานห้ามนิกาห์มุตอะในตำราของชีอะเองจากรายงานของท่านอะลี
قال أمير المؤمنين صلوات الله عليه: ( حَرّم رسول الله (ص) يوم خيبر لحوم الحمر الأهلية، ونكاح المتعة ) انظر التهذيب 2/186، الاستبصار 3/142، وسائل الشيعة 14/441.

๓-ต้องการให้ระบุว่า เหตุใดที่อุละมาไม่ยอมรับรอวีย์คนหนึ่ง(อัมร์ บิน คอลิด) ของฮะดีษนี้

๔-ชาวซุนนะฮ์ไม่ได้ปฏิเสธว่า ท่านอุมัร ห้ามนิกะฮ์มุตอะฮ์ เช่นเดียวกับที่อิหม่ามของชีอะฮ์ได้ห้ามไว้ แต่ชาวซุนนะฮ์เชื่อว่า ก่อนที่ท่านอุมัรจะห้ามนั้น ท่านนบีได้เคยห้ามเรื่องนี้มาก่อนแล้ว หลักฐานจากศอเฮียะฮ์บุคอรี และมุสลิม ที่เป็นคำรายงานของท่านอาลี อิบนิ อบีตอลิบ


israya ขอตอบดังนี้

๑-israya ยินดีมอบลิงค์ของ อันเซอร์เวบ ซึ่งตรงกับหนังสือที่มีอยู่ในมือ และส่งลิงค์นี้มาให้ เพื่อยืนยันว่า israya ว่ามิได้บิดเบือนแต่อย่างใด ฮะดีษนี้มีอ้างทั้งในบาบว่าด้วยฮัจญ์ และบาบว่าด้วยนิกาห์ในศอฮีฮบุคอรี และฟัตฮุลบารี และมีความเกี่ยวโยงกันอย่างเห็นได้ชัดกับฮะดีษลักษณะนี้ในตำราอื่นๆ เช่น มุสลิม มุสนัดอะหมัด ติรมิซี อะบูดาวูดและอื่นๆอีก โปรดช่วย israya เชคดูให้ถ้วนถี่ด้วยนะครับ และโปรดรับรู้ด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ที่ israya ตัวบอบบางอ้อนแอ้นที่จะสามารถบิดเบือนเรื่องใหญ่โตปานภูเขาเหล่านี้ได้ israya ตามหลักฐานในมือ israya ถือว่าในขณะนี้ ยังไม่ได้ผิดพลาดตามข้อกล่าวหาอันเลื่อนลอยของคุณนะ

http://www.ansarweb.net/special/rafiq/data/P4-2.htm#a1(ลิงค์หลัก)

http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=6512

البخاري يُصرّح بأن زواج المتعة كان على عهد رسول الله ولم ينزل قرآن يحرمه حتى مات. فقال رجل برأيه ماشاء ( المقصود عمر ) إقرأ بنفسك في البخاري

http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=6687

رخص رسول الله (ص) بزواج المتعة فنزلت ألاية الكريمة( يا أيها الذين آمنوا لاتحرموا طيبات ما أحل الله لكم) ياترى كيف نُسخت آية المتعة وهي موجودة في كتاب الله والمسلمون يقرأوها ليل نهار؟ راجع نص الرواية في صحيح البخاري

๒-ลำพังตัว israya เองจะมีความรู้อะไรในการพิจารณาฮะดีษด้วยลำพัง ว่าฮะดีษไหนน่าจะ -หรือควรจะ – จำเป็นจะ รับหรือไม่รับ ?(อ่านดีๆนะครับ) ความสามารถที่จะใช้สิทธิตรงนั้นลำพังตัว israya เอง ทั้งชีวิตนี้คงไปไม่ถึง นอกจากอาศัยการพิจารณาของบรรดานักอุละมาเท่านั้น

แต่ถ้าสมมติว่าจะให้รับฮะดีษนี้ ก็จะไปค้านกับอีกสิบๆฮะดีษที่ศอฮีฮ์ยิ่งกว่านี้ ที่เป็นรายงานจากบรรดาอิมาม(อ)เช่นเดียวกันว่า อนุญาตให้นิกาห์มุตอะได้

อีกทั้งยังจะไปค้านกับฮะดีษอื่นอีก ๖ ฮะดีษในตำราของซุนนะที่บอกว่า ห้ามที่ฮุนัยน์ ห้ามที่มักกะ ห้ามที่ตาบูก ห้ามที่ฮัจญะตุลวิดา และห้ามที่ฎอวุส เลยทำให้ดูว่า ถ้ายอมรับฮะดีษนั้น ก็จะขัดแย้งกับอีก ๖ ฮะดีษที่เหลือ

รักพี่คนเดียว แต่เสียดายน้องที่เหลืออีก ๖ รวมทั้งในของชีอะอีก ๑ สติปัญญาบอกว่า ให้ยอมรับฮะดีษนั้นไม่ได้

ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อท่านอะลี แต่เพราะไม่ทราบว่า ท่านอะลีมีกี่คนมากกว่า ด้วยเหตุว่าในแต่ฮะดีษที่เหลือผู้รายงานก็เป็นท่านอะลีเหมือนกัน แต่ขัดแย้งกัน

๓ israya สามารถตอบให้คุณเท่าที่ตอบไปแล้ว israya รู้เพียงเท่าที่อุละมาสรุปเหตุผลมาให้รู้แค่นั้น
ส่วนการตรวจสอบฮะดีษในลักษณะอิจติฮาด หรืออิสติมบาฏ เพื่อตะห์กีก ด้วยตัวเองและสืบสาวประวัติรอวีย์แต่ละคนให้ลึกไปกว่านั้นเพื่อวินิจฉัยออกมาเป็นฟัตวา ไม่ใช่หน้าที่ของ israya

๔- ก็ใช่แล้วครับ ก็เพราะเป็นแบบนั้น เราถึงมาพบกันในหัวข้อกระทู้นี้ไง เพราะผ่านมาแรมเดือนแล้ว นับจากวันเริ่มต้นเสวนา ยังไม่เคยมีใครยอมรับอย่างนี้เหมือนคุณเลย

นับตั้งแต่บังอะซัน ทุกคนที่เข้ามาคุย จะค้านหัวชนภูเขา หัวเด็ดตีนขาด ว่ายังไงๆการนิกาห์มุตอะไม่มีในอิสลาม

อัลลอฮไม่เคยอนุญาตการนิกาห์มุตอะ นิกาห์มุตอะเป็นหลักการ ที่อุตริขึ้นมาเพื่อสนองตัณหาของพวกชีอะเท่านั้น สารพัด ที่พวกคุณจะสรรหามาด่าว่านิกาห์มุตอะได้

israya จำได้ว่า วันแรกที่ israyaโพสต์หลักฐานคำสารภาพของท่านอุมัรที่ว่า ท่านเป็นคนสั่งห้ามมุตอะเองนั้น ได้ถูกลบทันทีทันควัน จนกระทั่งisraya อ้อนวอน เจรจาด้วยคำหวาน ถึงได้ยินยอม จนได้คุยกันเรื่อยมาจนถึงวันนี้ คุณยอมรับได้เพียงแค่นี้ israya ก็พอใจแล้วครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 22, 23, 24 ... 27, 28, 29  ถัดไป
หน้า 23 จากทั้งหมด 29

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.22 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ