ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - เขาว่าอุละมาซุนนะลอกการบ้านชีอะฮ์มา มุตอะกับมิสยาร นะ
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
เขาว่าอุละมาซุนนะลอกการบ้านชีอะฮ์มา มุตอะกับมิสยาร นะ
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, ... 27, 28, 29  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sat Oct 03, 2009 8:39 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ในศาสนาอิสลามอนุญาตให้ชายมุสลิมสามารถแต่งงานกับผู้หญิงได้ไม่เกินสี่คน แต่ถ้าเกรงว่าไม่สามารถที่จะให้ความเป็นธรรมกับบรรดาภรรยาได้ก็ให้แต่งเพียงคนเดียวดังอายะฮที่ว่า

فَانْكِحُوا مَا طَابَ لَكُمْ مِنَ النِّسَاءِ مَثْنَى وَثُلَاثَ وَرُبَاعَ فَإِنْ خِفْتُمْ أَلَّا تَعْدِلُوا فَوَاحِدَةً

ดังนั้นพวกเจ้าจงแต่งงาน กับผู้หญิงที่ดี สำหรับพวกเจ้า สองคน สามคน หรือ สี่คน หากพวกเจ้ากลัวว่าพวกเจ้าจะไม่ให้ความยุติธรรม ก็จงมีแค่หญิงเดียว หรือผู้ทีอยู่ภายใต้การครอบครองของมือขวาของพวกเจ้า นั้นเป็นสิ่งที่ใกล้กว่า เพื่อว่าพวกเจ้าจะไม่ลำเอียง” (อันนิซาฮ์ / 3)

แต่ชีอะฮมีหุกุมว่า สามารถมุตอะฮ(ทำข้อตกลงร่วมหลักนอนกับผู้หญิงชั่วคราว)ได้ไม่จำกัดจำนวน
ดังตำราชีอะฮระบุไว้ว่า

.عن أبي عبد الله قال : تزوّج منهنّ ألفاً، فإنهن مستأجرات


จากอบีอับดุลลอฮ อะลัยฮิสสลาม กล่าวว่า "ท่านแต่งงานกับจำนวนหนึ่งพันคนจากพวกนางได้ เพราะแท้จริงพวกนางคือ บรรดาผู้หญิงที่ถูกเช่า - ดู อัลกาฟีย์ ของอัลกุลัยนีย์ เล่ม ๕ หน้า ๔๕๒
------------------
จะเห็นได้ว่า การนิกะหมุตอะฮ ก็คือ การว่าจ้างหรือเช่าผู้หญิงให้มาหลับนอนกับตนชั่วคราวนั้นเอง แล้วจะต่างอะไรกับเมียเช่าละครับ บังอัยยูบ

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Sat Oct 03, 2009 8:39 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณก้อย่าใช้อารมณ์ประชดประชันใส่กันซี มันไร้ประโยชน์สิ้นดี มันไม่ใช่ว่า เฮโลสารพา หลักฐานอะไรๆจากซุนนะ ชีอะท่องคาถาบอกว่าปลอมเสมอไป และต่อต้านว่าใช้ไม่ได้ไปทุกเรื่องตะพึดตะพือ
คุณก็พูดเสียจนเกินงาม มันไม่ใช่เรื่องที่ชีอะว่าเองฝ่ายเดียวเอไหร่ คุณลองตรวจสอบชื่อบุคคลในสายรายงาน(สะนัด)ริวายะฮ์ที่อ้างว่า ท่านอะลีห้ามมุตอะซิ พบบุคคลใดบ้าง แล้วไปตรวจดูในหนังสืออัลมีซาน มุอ์ตะดาล ของท่านซะฮะบีย์ หรือหนังสืออัรริญาล เล่มใดก็ได้

จะพบว่า อุละมาของพวกคุณนั่นแหละบอกเองเสร็จสรรพว่า รอวีย์คนไหน ใครบ้าง ที่เป็นคนโกหก ไม่ได้รับความเชื่อถือ และเป็นนักปลอมฮะดีษ

แล้วนั่นอีกอย่าง ตัวหลักฐานที่ผมก็อปมาให้ พร้อมกับส่งลิงค์มาให้ อ่านได้ไม่ใช่หรือภาษาอาหรับอะ จะได้รู้ว่า หลักฐานของชีอะเอง ในตำราของชีอะเองจริงๆ มันเป็นอย่างไร ?

ท่านอะลีกล่าวคุตบะไว้ว่า ถ้าหากท่านสามารถแก้ปัญหาที่ผู้ปกครองคนก่อนหน้าสร้างไว้ โดยไม่ถูกรุมต่อต้านจากกลุ่มอำนาจเก่าแล้วไซร้ ท่านจะแก้ปัญหานั้นๆให้หมด โดยจะนำทุกเรื่องราวที่เบี่ยงเบนกลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนที่เคยเป็นในสมัยท่านรอซูล(ศ) และ ในจำนวนปัญหาเหล่านั้นเรื่องมุตอะก็ถูกบรรจุอยู่ในวาระด้วย 1 ปัญหา อ่านซิครับ เขามีหลักฐานอย่างนี้ในมือมาเป็นพันปี แล้วจะให้เขาเชื่อหลักฐานจากซุนนีที่อ้างโดยบุคคลที่ฝ่ายซุนนีเองก็ไม่ยอมรับเป็นเอกฉันท์ ว่า ท่านอะลี ห้ามมุตอะ อย่างนั้นง่ายๆได้ไง

นี่มันต้องคุยกันยาวขนาดนี้หรือนี่
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AntiRafidah
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 05/06/2009
ตอบ: 120


ตอบตอบ: Sat Oct 03, 2009 9:01 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

israya บันทึก:
อัสลามุอะลัยกุม

ทำไมมีฟัตวาจากอุละมาซุนนะ ให้นิกานอกระบบได้ละครับ มิสยาร ไง แล้วเราไปโจมตีการทำมุตอะของพวกชีอะ ไดงัย เพราะของเราก็มี

แถมของเราเอาเปรียบผู้หญิงมากกว่า

หลักการต่างๆเหมือนกันกับมุตอะเปี๊ยบ แบบเดียวกับอภิสิทธิ์ ลอกการบ้านทักษิน แต่เอาเปรียบผู้หญิงมากกว่า มุตอะเขามีกำหนดเวลา เพราะจ่ายมะฮัด หนเดียว ไม่มีเบี้ยเลี้ยง

ของเรา ไม่กำหนดเวลา เป็นเมียเราตลอด แต่จ่ายมะอัดหนเดียว ไม่มีเบี้ยเลี้ยงเหมืองกัง อิอิอิ
อย่าตอบนะว่า อันนี้เป็นฟัตวาแก้ปัญหาเฉพาะในอาณาจักรสาอุดิฯ เดี๋ยวโดง





อ้าว ทำเป็นลวงว่าเป็นมุสลิมเหมือนเรา ที่แท้ก็ใช้การตักกียะห์ซีฟัตมูนาฟิกเข้ามา

ตกลงนี่เป็นใครในหมู่ลูกศิษย์ของน้องโยบครับเนี่ย อุตสาห์สมัครเมลล์ใหม่เพื่อเข้ามาป่วนที่นี่เลยเหรอ? ขยันจัง



มีของมาฝาก...

ฟัตวาสะเทือนโลกจากรอฟิเดาะฮ์มุสลิมสามารถแปลงเพศได้!!!

http://www.antirafidah.com/board/viewtopic.php?t=90


รอฟิเฏาะชีอะห์ ระวังมุตอะไปมุตอะมา จะโดนผู้ชายด้วยกันเองนะครับ 555+ Very Happy
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Sat Oct 03, 2009 9:16 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนาเข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 1816

ขอบคุณครับบัง กระทู้นี้ เราคุยกันเกี่ยวกับ มิสยาร กับมุตอะ เราไม่ได้คุยกันในประเด็นว่า อิสลามอนุญาตให้มีเมียได้กี่คน จะไม่ช่วยนึกในใจแทนกันหน่อยหรือครับว่า ทั้งซุนนีชีอะ คนเรียนมากเรียนน้อย ในสังคมมุสลิม เขาก็รู้กฎข้อนี้ด้วยกัน บังกับผมจะได้ไม่เสียเวลาก็อปอายะกุรอานมาแข่งกัน

แต่นี่เรากำลังคุยกันในประเด็นปัญหาเฉพาะของคนบางกลุ่ม ที่ไม่มีความสามารถมีเมียประเภทถาวร(ดาอิม)แบบนั้นได้ และคนกลุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดระหว่างชายหญิง เช่น คู่หมั้น อะไรเถือกนี้ โดยเฉพาะในสัคมปัจจุบัน ตามที่ผมกล่าวไปแล้ว อย่างยืดยาว ซึ่งต้องขออภัย ที่เชิญบังกลับไปย้อนอ่านให้ละเอียดอย่างเว้นแม้สักบรรทัดเดียว นะบังนะ

โอเคบัง เมื่ออัลกุรอานกำหนดเรื่องให้มีเมียได้ภายในจำนวน 4 คนในอายะที่ 3 ของซูเราะฮ์อันนิซาอ์ ผมชวนบังมาดูอายะต่อๆมา ซึ่งส่วนใหญ่จะอธิบายวนอยู่ในเรื่องชีวิตการครองเรือน การแก้ปัญหาและจริยธรรมต่างๆระหว่างภรรยาและสามี เรื่อยๆไปจนกระทั่งถึงอายะที่ 22 จะเป็นเรื่องของบุคคลต้องห้าม มิให้เรานิกาห์ด้วยว่ามีใครบ้าง นับตั้งแต่ภรรยาของบิดา มารดาเราเองพี่สาว น้องสาว ฯลฯ เรื่อยไปจนกระทั่งถึงภรรยาของผู้อื่นในอายะที่ 24
อันนี้ หมายความว่า ผ่านเรื่องกำหนดจำนวนเมีย 4 คนมาแล้วนะครับ ตามอายะที่บังยกมา วรรคถัดไปจากกล่าวถึงบุคคลต้องห้ามแล้ว บังดูดีๆ จะมีกฎยกเว้น

فَمَا اسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ فَآتُوهُنَّ أُجُورَهُنَّ فَرِيضَةً وَلَا جُنَاحَ عَلَيْكُمْ فِيمَا تَرَاضَيْتُمْ بِهِ مِنْ بَعْدِ الْفَرِيضَةِ إِنَّ اللَّهَ كَانَ عَلِيمًا حَكِيمًا

ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนนะบังนะ ว่าอายะนี้ถูกยกเลิก เพพราะถ้ายกเลิกแล้วยุ่งเลย เพาะคาบกับคำว่า ข้อห้ามการสมรสกับภรรยาผู้อื่นอยู่ด้วย นี่แหละครับ อายะที่อุละมาชีอะ เขาอธิบายกันนักกันหนาว่า เป็นหลักฐานอนุญาตให้นิกาห์แบบมุตอะได้ และเป็นอีกประเด็นหนึ่ง หรืออีกกรณีหนึ่งต่างหาก ที่แยกออกไปจากเรื่องเมียถาวร 4 คน

จะเห็นได้จากการใช้คำว่า ฟะรีเฎาะฮ์ ไงบัง บังแปลเองนะ ผมไม่กล้าล้ำหน้า ผิดพลาดกลัวบังจะแหย่ ไม่ได้แย้งหรือขัดคอแบบหัวชนฝา แต่บังอ่านและสังเกตดูดีๆ นะครับ

เขาอธิบายกันว่า ใช้ในกรณีที่พวกเจ้าเกิดความพึงพอใจกัน แล้วมอบอุญูรให้นางแล้ว หลังจากมีข้อตกลงตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้แล้ว เป็นกฎยกเว้นให้ หลังจากอายะก่อนบอกว่าห้ามนิกาห์กับใครบ้าง ในยามเผชิญปัญหาหรืออุปสรรคที่คาดไม่ถึง จะได้ไม่ต้องตัดสินใจทำซินาไงบัง คนเรามันไม่แน่
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AntiRafidah
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 05/06/2009
ตอบ: 120


ตอบตอบ: Sat Oct 03, 2009 9:38 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

israya บันทึก:
คุณก้อย่าใช้อารมณ์ประชดประชันใส่กันซี มันไร้ประโยชน์สิ้นดี มันไม่ใช่ว่า เฮโลสารพา หลักฐานอะไรๆจากซุนนะ ชีอะท่องคาถาบอกว่าปลอมเสมอไป และต่อต้านว่าใช้ไม่ได้ไปทุกเรื่องตะพึดตะพือ
คุณก็พูดเสียจนเกินงาม มันไม่ใช่เรื่องที่ชีอะว่าเองฝ่ายเดียวเอไหร่ คุณลองตรวจสอบชื่อบุคคลในสายรายงาน(สะนัด)ริวายะฮ์ที่อ้างว่า ท่านอะลีห้ามมุตอะซิ พบบุคคลใดบ้าง แล้วไปตรวจดูในหนังสืออัลมีซาน มุอ์ตะดาล ของท่านซะฮะบีย์ หรือหนังสืออัรริญาล เล่มใดก็ได้

จะพบว่า อุละมาของพวกคุณนั่นแหละบอกเองเสร็จสรรพว่า รอวีย์คนไหน ใครบ้าง ที่เป็นคนโกหก ไม่ได้รับความเชื่อถือ และเป็นนักปลอมฮะดีษ

แล้วนั่นอีกอย่าง ตัวหลักฐานที่ผมก็อปมาให้ พร้อมกับส่งลิงค์มาให้ อ่านได้ไม่ใช่หรือภาษาอาหรับอะ จะได้รู้ว่า หลักฐานของชีอะเอง ในตำราของชีอะเองจริงๆ มันเป็นอย่างไร ?

ท่านอะลีกล่าวคุตบะไว้ว่า ถ้าหากท่านสามารถแก้ปัญหาที่ผู้ปกครองคนก่อนหน้าสร้างไว้ โดยไม่ถูกรุมต่อต้านจากกลุ่มอำนาจเก่าแล้วไซร้ ท่านจะแก้ปัญหานั้นๆให้หมด โดยจะนำทุกเรื่องราวที่เบี่ยงเบนกลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนที่เคยเป็นในสมัยท่านรอซูล(ศ) และ ในจำนวนปัญหาเหล่านั้นเรื่องมุตอะก็ถูกบรรจุอยู่ในวาระด้วย 1 ปัญหา อ่านซิครับ เขามีหลักฐานอย่างนี้ในมือมาเป็นพันปี แล้วจะให้เขาเชื่อหลักฐานจากซุนนีที่อ้างโดยบุคคลที่ฝ่ายซุนนีเองก็ไม่ยอมรับเป็นเอกฉันท์ ว่า ท่านอะลี ห้ามมุตอะ อย่างนั้นง่ายๆได้ไง

นี่มันต้องคุยกันยาวขนาดนี้หรือนี่




ที่อาจารย์อะสันยกมานี่ ศอเฮียะบุคอรี และมุสลิมนะคุณรอฟิเฏาะ อ่านดีๆ



asan บันทึก:
عَنْ عَلىِ بْنِ أَبِىْ طَالِبِ رَضِىَ اللهُ عَنْهُ أَنَّ رَسُوْلَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ نَهَى عَنْ مُتْعَةِ الْنِسَاءِ يَوْمَ خَيْبَرَ وَعَنْ أَكْلِ لُحُوْمِ الْحُمُرِ الاِنْسِيَّةِ
รายงานจากท่านอาลี บินอะบีฎอลิบ รอฏิยัลลอฮุอันฮุ แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮิ ห้ามนิกะฮฺสตรีชั่วคราวเมื่อวันคอยบัร และห้ามกินเนื้อลาบ้าน- บันทึกหะดีษโดยบุคอรีย์ หะดีษลำดับที่ 3979 และมุสลิม หะดีษลำดับที่ 1407


จากท่านอัรเราะบีอฺ บุตรของสับเราะฮฺเล่าว่า

أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ نَهَى عَنْ الْمُتْعَةِ وَقَالَ أَلا إِنَّهَا حَرَامٌ مِنْ يَوْمِكُمْ هَذَا إِلَى يَوْمِ الْقِيَامَةِ صحيح مسلم 2509

แท้จริงท่านรสูลุลลอฮฺห้ามการแต่งงานแบบชั่วคราว และกล่าวเพิ่มเติมว่า พึงทราบเถิดว่า แท้จริงการแต่งงานแบบชั่วคราวนั้นถือว่าต้องห้าม (หะรอม) จากวันนี้ (เป็นต้นไป) ของพวกท่านจนกระทั่งถึงวันกิยามะฮฺ (วันสิ้นโลก)” บันทึกโดยมุสลิม ลำดับหะดีษที่ 2509





รอฟิเฏาะชีอะห์นี่แปลก เวลาจะโจมตีมุสลิมเรา ก็ไปควานหาหะดีษจากศอเฮียะบุคอรีย์, มุสลิมมาโชว์
เพราะอยากให้เราเชื่อ อยากให้เรายอมรับ เพราะรู้ว่าจากทั้งสองที่มานั้น เราไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว


แต่พอเรายกมาเองบ้าง จากตำราบุคอรีย์,มุสลิม เล่มเดียวกับที่รอฟิเฏาะยกมา รอฟิเฏาะกลับบอกว่าไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ?


พอถึงเวลาเรื่องของรอฟิเฏาะโดนเปิดโปงจากตำราที่เป็นที่น่าเชื่อถือของพวกนี้เอง
ซึ่งผู้รู้ของพวกนี้ก็ยอมรับ และบอกว่าไม่มีหนังสือเล่มใดเทียบเท่า เช่น อัลกาฟีย์
พวกนี้ กลับบอกว่าหะดีษในตำรารอฟิเฏาะชีอะห์เล่มนั้น เป็นหะดีษฏออีฟเฉย
ตกลงผู้รู้รอฟิเฏาะเขายอมรับเชื่อถือหะดีษฏออีฟ หรือรอฟิเฏาะตัวเล็กๆ โกหกกันแน่?

ถ้างั้น...

คุณ israya ครับ บทความเรื่องการแปลงเพศ ที่โคไมนี่ได้ฟัตวาไว้ว่าได้
และอัรรูฮานี ยังบอกด้วยว่าอนุมัติให้แต่งงานกับผู้ที่แปลงเพศแล้วได้นั้น

ที่ยกมานี่เป็นหลักฐานที่มาจากตำราของชีอะห์เองจริงๆ แบบนี้ คุณจะยอมรับหรือเปล่า?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AntiRafidah
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 05/06/2009
ตอบ: 120


ตอบตอบ: Sat Oct 03, 2009 10:18 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

israya บันทึก:

แต่นี่เรากำลังคุยกันในประเด็นปัญหาเฉพาะของคนบางกลุ่ม ที่ไม่มีความสามารถมีเมียประเภทถาวร(ดาอิม)แบบนั้นได้ และคนกลุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดระหว่างชายหญิง เช่น คู่หมั้น อะไรเถือกนี้ โดยเฉพาะในสัคมปัจจุบัน ตามที่ผมกล่าวไปแล้ว อย่างยืดยาว ซึ่งต้องขออภัย ที่เชิญบังกลับไปย้อนอ่านให้ละเอียดอย่างเว้นแม้สักบรรทัดเดียว นะบังนะ

โอเคบัง เมื่ออัลกุรอานกำหนดเรื่องให้มีเมียได้ภายในจำนวน 4 คนในอายะที่ 3 ของซูเราะฮ์อันนิซาอ์ ผมชวนบังมาดูอายะต่อๆมา ซึ่งส่วนใหญ่จะอธิบายวนอยู่ในเรื่องชีวิตการครองเรือน การแก้ปัญหาและจริยธรรมต่างๆระหว่างภรรยาและสามี เรื่อยๆไปจนกระทั่งถึงอายะที่ 22 จะเป็นเรื่องของบุคคลต้องห้าม มิให้เรานิกาห์ด้วยว่ามีใครบ้าง นับตั้งแต่ภรรยาของบิดา มารดาเราเองพี่สาว น้องสาว ฯลฯ เรื่อยไปจนกระทั่งถึงภรรยาของผู้อื่นในอายะที่ 24





สำหรับกรณีคนที่ไม่มีความสามารถจะแต่งงานได้อย่างที่คุณว่า คุณชวนอาจารย์อะสันดูอายะที่ 24 แล้ว
ผมก็เลยขอชวนคุณ israya มาดูอายะที่ 25 ที่ตามมาติดๆ ในซูเราะฮฺเดียวกันต่อเลย ว่าอัลลอฮฺตรัสไว้ว่าอย่างไร




Thai: [4:25] และผู้ใดในหมู่พวกเจ้าไม่สามารถมีกำลังที่จะแต่งงานกับบรรดาหญิงอิสระที่มีศรัทธาได้ก็จงแต่งงานกับเด็กสาวของพวกเจ้าที่เป็นผู้ศรัทธาในหมู่ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ยิ่งที่ในการศรัทธาของพวกเจ้าบางคนในหมู่พวกเจ้านั้นมาจากอีกบางคน ดังนั้นจงแต่งงานกับพวกนางด้วยการอนุมัติจากผู้เป็นนายของพวกนาง และจงให้แก่พวกนางซึ่งสินตอบแทนของพวกนางโดยชอบธรรม ในฐานะที่พวกนางเป้นหญิงที่ได้รับการแต่งงานมิใช่เป็นหญิงที่ค้าประเวณี และไม่ใช่หญิงที่ยึดเอาชายเป็นเพื่อนสนิทเมื่อพวกนางได้รับการแต่งงานแล้ว หากพวกนางกระทำความชั่วพวกนางก็จะได้รับโทษครึ่งหนึ่งของโทษที่บรรดาหญิงอิสระได้รับ นั่นสำหรับผู้ในหมู่พวกเจ้าที่กลัวการทำชั่ว และการที่พวกเจ้าอดกลั้นไว้ได้นั้น เป็นการดีกว่าสำหรับพวกเจ้า และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ


ชวนมาดูอีกอายะเพิ่มเติม


Thai: [24:33] และบรรดาผู้ที่ยังไม่มีโอกาสแต่งงาน ก็จงให้เขาข่มความใคร่จนกว่าอัลลอฮ์จะทรงให้พวกเขาร่ำรวยขึ้นจากความโปรดปรานของพระองค์ และบรรดาผู้ที่ต้องการจะไถ่ตัวให้เป็นอิสระจากผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง พวกเจ้าจงทำสัญญากับพวกเขาหากพวกเจ้ารู้ว่าเป็นการดีกับพวกเขา และจงบริจาคแก่พวกเขาซึ่งทรัพทย์สมบัติของอัลลอฮ์ที่พระองค์ทรงประทานแก่พวกเจ้า และพวกเจ้าอย่าบังคับบรรดาทาสีของพวกเจ้าให้ผิดประเวณีหากนางประสงค์จะอยู่อย่างบริสุทธิ์แต่พวกเจ้าต้องการผลประโยชน์แห่งการดำรงชีวิตในโลกนี้ และผู้ใดบังคับพวกนางเช่นนั้น ดังนั้นหลังจากการบังคับพวกนาง แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ



ไม่เห็นมีบอกเลย ว่าไม่มีความสามารถแต่งงาน แล้วให้ไปทำมุตอะห์?

อย่าบอกนะว่า รอฟิเฏาะชีอะห์กระเหี้ยนกระหือรือ
อยากจะหาข้ออ้างในการมุตอะห์ให้ตัวเองใจจะขาด จนลืมดูอายะถัดมาในซูเราะฮฺเดียวกัน?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Oct 04, 2009 6:38 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ชีอะฮพยายามเหลือเกินที่จะใช้หลักฐานจากอายะฮต่อไปนี้ เป็นหลักฐานเล่นมุตอะอกัน คือ อายะฮอัลกุรอ่านที่ว่า

فَمَا اسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ فَآتُوهُنَّ أُجُورَهُنَّ فَرِيضَةً وَلاَ جُنَاحَ عَلَيْكُمْ فِيمَا تَرَاضَيْتُمْ بِهِ مِنْ بَعْدِ الْفَرِيضَةِ إِنَّ اللهَ كَانَ عَلِيمًا حَكِيمًا ﴾. (سورة النساء، الآية 24

ดังนั้นหญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขด้วยนางจากบรรดาหญิงเหล่านั้นก็จงให้แก่พวกนาง ซึ่งสินตอบแทนแก่พวกนาง ตามที่มีกำหนดไว้และไม่เป็นบาปใด ๆแก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าต่างยินยอมกันในสิ่งนั้น หลังจากที่มีกำหนดนั้นขึ้นแท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ - อันนิสาอฺ/๒๔

........................

อายะฮข้างต้น อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวาตะอาลา ทรงบอกว่า เมื่อแต่งงานกับผู้หญิง แล้วได้หาความสุขกับนางแล้ว ก็ให้มอบสินสอด(มะฮัร)กับนางตามที่ได้มีการกำหนดไว้ และจะไม่เป็นความผิดแต่อย่างใด ที่ต่างฝ่ายต่างยินยอมกันในเรื่องมะฮัรหลังจากที่ได้กำหนดขึ้นแล้ว เพราะแท้จริงแท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
และสำนวนที่ว่า

فَمَا اسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ فَآتُوهُنَّ أُجُورَهُنَّ فَرِيضَةً

ดังนั้นหญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขด้วยนางจากบรรดาหญิงเหล่านั้นก็จงให้แก่พวกนาง ซึ่งสินตอบแทนแก่พวกนาง ตามที่มีกำหนดไว้
หมายถึง เมื่อได้แต่งงานกับนางแล้ว ก็ให้มอบสินสอดแก่นางตามที่ได้กำหนดไว้ นี้คือ ความหมายของอายะฮนี้

อิหม่ามอัฏฏอ็บรี (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า

عن ابن أبي نجيح، عن مجاهد:"فما استمتعتم به منهن"، النكاح.

รายงานจากอบีนุญัยหฺ จากมุญาฮิดว่า คำว่า “ดังนั้นหญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขด้วยนางจากบรรดาหญิงเหล่านั้น” หมายถึง การแต่งงาน(นิกะห) – ดูตัฟสีรอัฏฏอบรีย์ อรรถาธิบายอายะฮที่ ๒๔ ซูเราะฮ อันนิสาอฺ

และอิหม่ามอัลบัฆวีย์กล่าวว่า

اتفق العلماء على تحريم نكاح المتعة، وهو كالإجماع بين المسلمين، وروي عن ابن عباس شيء من الرخصة للمضطر إليه بطول الغربة، ثم رجع عنه حيث بلغه النهي

บรรดานักวิชาการเห็นฟ้องกัน ว่า การนิกะหฺมุตอะฮเป็นสิ่งต้องห้าม และมันเป็นมติเอกฉันท์ระหว่างมุสลิมทั้งหลาย และมีสิ่งหนึ่งได้ถูกรายงานจากอิบนุอับบาส ว่า ได้การผ่อนปรนแก่ผู้ที่อยู่ในภาวะจำเป็นอันเนื่องมาจากอยู่ต่างถิ่นเป็นเวลานาน ต่อมาเขา(อิบนุอับบาส)ได้กลับคำ หลังจากที่ข่าวการห้าม(การมุตอะฮ)ได้มาถึงเขา – ชัรหุสสุนนะฮ เล่ม ๙ หน้า ๑๐๐
………………………..
ชีอะฮพยายามดันทุรัง หาเหตุผลเอาอายะฮข้างต้นมาเป็นหลักฐาน การนิกะหฺชั่วคราวให้ได้ นะอูซุบิลละฮ
วันนี้เดินทางไปต่างจังหวัด อินชาอัลลอฮ มีต่อ.....โปรดติดตาม

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Oct 04, 2009 8:25 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อิบนุกะษีร (ขออัลลอฮ เมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า

وَالْعُمْدَة مَا ثَبَتَ فِي الصَّحِيحَيْنِ عَنْ أَمِير الْمُؤْمِنِينَ عَلِيّ بْن أَبِي طَالِب قَالَ : نَهَى رَسُول اللَّه صَلَّى عَنْ نِكَاح الْمُتْعَة وَعَنْ لُحُوم الْحُمُر الْأَهْلِيَّة يَوْم خَيْبَر وَلِهَذَا الْحَدِيث أَلْفَاظ مُقَرَّرَة هِيَ فِي كِتَاب الْأَحْكَام وَفِي صَحِيح مُسْلِم عَنْ الرَّبِيع بْن سَبْرَة بْن مَعْبَد الْجُهَنِيّ عَنْ أَبِيهِ أَنَّهُ غَزَا مَعَ رَسُول اللَّه صَلَّى يَوْم فَتْح مَكَّة فَقَالَ " يَا أَيّهَا النَّاس إِنِّي كُنْت أَذِنْت لَكُمْ فِي الِاسْتِمْتَاع مِنْ النِّسَاء وَإِنَّ اللَّه قَدْ حَرَّمَ ذَلِكَ إِلَى يَوْم الْقِيَامَة فَمَنْ كَانَ عِنْده مِنْهُنَّ شَيْء فَلْيُخْلِ سَبِيله وَلَا تَأْخُذُوا مِمَّا آتَيْتُمُوهُنَّ شَيْئًا

และสิ่งที่ถูกมุ่งหมายคือ สิ่งที่ปรากฏแน่นอนในเศาะเฮียะบุคอรีและมุสลิม รายงานจากผู้นำแห่งบรรดาศรัทธาชน อาลี บิน อบีฏอลิบ กล่าวว่า " รซูลุลลอฮ Solallah ได้ห้ามจากการนิกะห์มุตอะฮ และ (การบริโภค)เนื้อลาบ้าน ในวันทำสงครามคอ็ยบัร และสำหรับหะดิษนี้ มีหลายสำนวน ที่ถูกรับรอง ซึ่งมันอยู่ใน บทว่าด้วยเรื่องหุกุมต่างๆ และในเศาะเฮียะมุสลิม รายงานจากอัรรุบัยอฺ บิน สับเราะฮ บิน มุอฺบัด อัลญุฮันนีย์ จากบิดาของเขา ว่า เขาได้ออกไปทำสงครามพร้อมกับรซูลุลลอฮ Solallah ในการพิชิตมักกะฮ แล้วท่านได้กล่าวว่า "โอ้บรรดามนุษย์ทั้งหลาย แท้จริง ข้าพเจ้าได้เคยอนุญาตให้พวกท่านหาความสุขกับบรรดาผู้หญิงได้ (นิกะหมุตอะฮ) และแท้จริงอัลลอฮ ได้ทรงห้าม(นิกะหมุตอะฮ)ดังกล่าวตราบจนถึงวันกิยามะฮ ดังนั้น ผู้ใดมีสิ่งใดจากบรรดาพวกนาง ก็จงปล่อยหนทางของมัน และพวกท่านอย่าเอาสิ่งใดที่พวกท่านมอบให้กับพวกนาง - ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร อรรถาธิบาย อายะฮที่ 24 ซูเราะฮอันนิสาอฺ

...........

ยังมีต่อ ครับสหายบังอัยยูบ อินชาอัลลอฮ

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Sun Oct 04, 2009 10:23 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ก่อนอื่นขอเรียนชี้แจงกับบังและผู้เกี่ยวข้องก่อนว่า เบื้องหน้าของเราทุกฝ่าย ต่างมีตำราของกันและกัน ที่ต่างฝ่ายต่างยึดถืออยู่ แต่บังเอิญว่า ส่วนใหญ่แล้ว หลักการของชีอะ มักถูกมองเป็นจำเลยสังคม ว่าผิดอยู่เสมอ จึงจำเป็นต้องเปิดตำราของท่านมาสนับสนุนเท่าที่จำเป็น

ไม่ได้หมายความว่า หลักการนั้นๆชีอะได้ไปจากตำราของท่านเพียงเท่านั้น เพราะบางเรื่อง ในตำราของท่านจะค้านกันเองในภายหลังอีกก็ยังมีมากมาย แสดงว่า หลักการนั้นๆในตำราของท่าน อาจยังไม่ได้ข้อยุติ ที่สมบูรณ์ มั่นคงเพียงพอ

ฉะนั้น การที่ผมหยิบยกหลักฐานจากตำราของซุนนะฮ์มาอ้างสนับสนุนหลักการของชีอะฮ์ ก็มีจุดประสงค์เพียงเพื่อช่วยบังในการตรวจสอบเค้าโครงของมันเท่านั้นเอง ยังไม่ถือว่า เป็นหลักฐานอ้างอิงอย่างบริบูรณ์ของชีอะ เป็นเพียงหลักฐานอ้างอิงประกอบที่จะมอบให้กับบังและผู้เกี่ยวข้องวิเคราะห์ในเบื้องต้นเท่านั้น

ต่อไปนี้ ผมจะขอกล่าวถึง หลักฐานที่ยืนยันว่า การนิกาห์มุตอะฮ์ เป็นหลักการที่ชอบตามศาสนบัญญัติแห่งอิสลามจากตำราที่ถูกยอมรับจากฝ่ายซุนนะ

ออ แต่ทว่าบังยังไม่ได้ตอบผมเลยนะว่า อิสลามให้ทางออกอย่างไร นอกเหนือจากความอดกลั้นอดทน กับคนกลุ่มเสี่ยงดังที่ผมได้ยกตัวอย่างไปแล้ว ในสภาพที่เป็นจริงทางสังคมที่เป็นอยู่ทั่วโลก ถ้าหากการนิกาห์ที่ถูกต้องตามหลักศาสนา ถูกจำกัดรูปแบบอยู่เพียงประเภทเดียว คือการนิกาห์ถาวร

ผมรู้ดีนะครับว่า คุยกันอย่างนี้ ไม่มีวันที่เราสองฝ่ายจะบรรลุจุดร่วมที่ยอมรับซึ่งกันและกันได้ แต่เอาเถอะ เพราะสิ่งสำคัญคือ กลัวการเสียหน้ากันมากกว่าจะยอมรับความจริง ดังที่ปรากฏในกระทู้เรื่อง ข้อกล่าวหามารดาของท่านนบี(ศ)อยู่ในนรก ในอีกเว็บหนึ่ง ตามที่ผมได้ให้คำตอบครั้งหลังสุด ซึ่งมีการปิดกระทู้ไปเอง แทนคำตอบ

แต่ผมเองก็หวังไว้แค่ได้เพื่อนคุย แต่คงจะเป็นประโยชน์แก่คนอื่น ที่เข้ามาอ่านบ้างก็ได้นะบังนะ

ประการแรก อายะที่ผมหยิบยกมา

(فما استمتعتم به منهن... سورة النساء: 24.)

ได้มีบรรดาศอฮาบะฮ์และตาบิอีนระดับอาวุโสกลุ่มหนึ่งซึ่งได้รับความเชื่อในด้านความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์ในอัลกุรอานจากบรรดานักปราชญ์ซุนนีเองนะครับว่า เป็นอายะที่ถูกประทานลงมาในเรื่องนิกาห์มุตอะฮ์ จนกระทั่งพวกเขาอ่านอายะนี้พลาง อ่านคำอธิบายตามไปพลางเสมอด้วยว่า

«فما استمتعتم به منهن إلى أجل...»

(อิลาอะญั้ล) หมายถึง ไปเป็นช่วงเวลาระยะหนึ่ง พวกเขาได้เขียนคำอธิบายนี้กำกับควบคู่ไว้กับอายะนี้ในหนังสือรวบรวมอัลกุรอานของพวกเขา ในสมัยนั้น บุคคลต่างๆเหล่านั้น ได้แก่
อับดุลลอฮ์ บิน อับบาส,อุบัย บิน กะอับ, อับดุลลอฮ์ บิน มัสอูด,ญาบิร บิน อับดุลลอฮ์,อะบูสะอีด อัลคุดรีย์,สะอีด บิน ญุบัยร์,มุญาฮิด,อัซซุดีย์และกอตาดะฮ์

พวกเขากล่าวว่า มีรายงานจากอิบนุอับบาสว่า ท่านกล่าวว่า

«والله لأنزلها الله كذلك ـ ثلاث مرات». –

ข้าสาบานต่ออัลลอฮ์ แน่นอนอัลลอฮ์ทรงประทานมัน(อายะนี้)มาอย่างนั้น(สามครั้ง) มีรายงานจากท่านอิบนุอับบาส และอุบัยยืนยันชัดเจนว่า เนื้อหาของอายะนี้ ไม่ได้ถูกยกเลิก(มันซูค)ประการใด
ท่านกุรฏุบีย์เองได้ระบุว่า การยืนยันว่า “อายะนี้ เป็นหลักฐานสำหรับนิกาห์มุตอะฮ์ เป็นคำอธิบายของญุมฮูร (บรรดาสมาคมอุละมาในอดีต) ท่านกล่าวว่า

«وقال الجمهور: المراد نكاح المتعة الذي كان في صدر الاسلام

ญุมฮูรอุละมา กล่าวว่า ความหมายของนิกาห์มุตอะฮ์ เป็นสิ่งที่มีปรากฏในสมัยอิสลามประกาศเผยแพร่

(2) راجع التفاسير: الطبري والقرطبي وابن كثير والكشاف والدرّ المنثور. كلّها بتفسير الآية. وراجع أيضاً: أحكام القرآن ـ للجصّاص ـ 2|147، سنن البيهقي 7|205، شرح مسلم ـ للنووي ـ 6|127، المغني لابن قدامة 7|571..

(ถ้าบังมีตำราเหล่านี้ครบถ้วน ก็ลองเปิดดูได้เลยนะครับ แต่ถ้ามีไม่ครบประการใด ขอแนะนำบังมาหาดูได้ที่ห้องสมุด ดารุลอิลม์ กุฎเจริญพาสน์ นะครับ และให้ดู

تفسيرالقرطبي 5|130 )ด้วยนะครับ

ยังมีหลักฐานจากตำราฝ่ายซุนนะเป็นฮะดีษศอฮีฮ์อีกมากมายครับ ที่ยืนยันเรื่องนิกาห์มุตอะฮ์ ว่ายกเลิกไม่ได้ ตราบใดที่ยังมีอายะนั้นในอัลกุรอาน หนึ่งจากหลักฐานนั้นได้แก่ รายงานในศอฮีฮ์บุคอรี ศอฮีฮ์มุสิม มุสนัดอะห์มัด และศิฮาฮุซซิตตะฮ์เล่มต่างๆ จากริวายะฮ์บทหนึ่งของอับดุลลอฮ์ อิบนุ มัสอูด กล่าวว่า

«كنا نغزو مع رسول الله صلى الله عليه [وآله] وسلّم ليس لنا نساء. فقلنا: ألا نستخصي ؟ فنهانا عن ذلك، ثمّ رخص لنا أن ننكح المرأة بالثوب إلى اجل، ثمّ قرأ عبدالله: (يا أيّها الذين آمنوا لا تحرّموا طيّبات ما أحل الله لكم ولا تعتدوا

ความหมายสรุปคร่าวๆ บังลองตรวจสอบนะครับ ครั้งหนึ่งพวกเขาออกสงครามร่วมกับท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) โดยธรรมดาก็ต้องไปกันลำพังเฉพาะแต่ผู้ชาย ไม่มีใครนำภรรยาไปด้วย จริงอยู่ว่า อิสลามสอนให้ระงับอารมณ์ อดกลั้น อดทน ตัดกิเลส แต่ธรรมชาติความอดทนของคนเราก็อยู่ในขอบเขตเท่าที่สามารถกระทำได้เท่านั้น ท่านรอซูล(ศ)จึงอนุญาตให้พวกเขาทำนิกาห์กับสตรีกันในช่วงระยเวลาหนึ่ง โดยให้ใช้เสื้อผ้าเป็นค่าตอบแทน(อุญูร) หลังจากนั้น ท่านอับดุลลอฮ์ได้อ่านอายะกุรอานว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธา พวกเข้าจงอย่าหวงห้าม(ทำให้ฮะรอม)ในสิ่งดีๆทั้งหลายที่อัลลอฮ์ได้อนุญาต(ฮะลาล)ให้แก่พวกท่าน และจงอย่าละเมิดเกินขอบเขต”

นี่คือส่วนหนึ่งเท่านั้น จากหลักฐานอย่างมากมายในตำราของบัง ที่ผมยกมา อันนี้ไม่ได้แสดงว่า ฝ่ายชีอะเขาเชื่อเรื่องนี้ เพราะตามหลักฐานนี้ จากตำราเหล่านี้ ก็หามิได้ แต่ที่ผมนำส่วนนี้ มาเสนอก็เพื่อเป็นข้อพิสูจณ์ให้บังและผู้เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบจากตำราของบังเองอย่างอิสระ โดยไม่ต้องคำนึงว่า ในตำราของชีอะเขาเอง มีว่าอย่างไร ?

แต่ประเด็นที่ผมยกมาเปรียบเทียบกับมุตอะ คือ มิสยาร ของทางฝ่ายซุนนะ ความรู้สึกส่วนตัวบังกับผมจะสนับสนุนจะคัดค้านหรือไม่ ? ไม่ใช่ประเด็นที่เราจะอ้างมาเป็นหลักฐาน และไม่ใช่สิ่งที่ผมหรือใครๆอยากรู้ แต่ที่ผมอยากได้คำตอบจากบัง ในฐานะเป็นผู้รู้คนหนึ่งในสายซุนนะ ก็คือว่า แนวทางนิกาห์ประเภทที่เรียกว่า เอากันง่ายๆระยะสั้นๆ(มิสยาร)ของฝ่ายซุนนะฮ์ นั้น มีหักฐานอ้างอิงจากอายะใด ฮะดีษใดบ้างครับ ?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AntiRafidah
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 05/06/2009
ตอบ: 120


ตอบตอบ: Sun Oct 04, 2009 10:36 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

israya บันทึก:

ก่อนอื่นขอเรียนชี้แจงกับบังและผู้เกี่ยวข้องก่อนว่า เบื้องหน้าของเราทุกฝ่าย ต่างมีตำราของกันและกัน ที่ต่างฝ่ายต่างยึดถืออยู่ แต่บังเอิญว่า ส่วนใหญ่แล้ว หลักการของชีอะ มักถูกมองเป็นจำเลยสังคม ว่าผิดอยู่เสมอ จึงจำเป็นต้องเปิดตำราของท่านมาสนับสนุนเท่าที่จำเป็น

ไม่ได้หมายความว่า หลักการนั้นๆชีอะได้ไปจากตำราของท่านเพียงเท่านั้น เพราะบางเรื่อง ในตำราของท่านจะค้านกันเองในภายหลังอีกก็ยังมีมากมาย แสดงว่า หลักการนั้นๆในตำราของท่าน อาจยังไม่ได้ข้อยุติ ที่สมบูรณ์ มั่นคงเพียงพอ

ฉะนั้น การที่ผมหยิบยกหลักฐานจากตำราของซุนนะฮ์มาอ้างสนับสนุนหลักการของชีอะฮ์ ก็มีจุดประสงค์เพียงเพื่อช่วยบังในการตรวจสอบเค้าโครงของมันเท่านั้นเอง ยังไม่ถือว่า เป็นหลักฐานอ้างอิงอย่างบริบูรณ์ของชีอะ เป็นเพียงหลักฐานอ้างอิงประกอบที่จะมอบให้กับบังและผู้เกี่ยวข้องวิเคราะห์ในเบื้องต้นเท่านั้น

ต่อไปนี้ ผมจะขอกล่าวถึง หลักฐานที่ยืนยันว่า การนิกาห์มุตอะฮ์ เป็นหลักการที่ชอบตามศาสนบัญญัติแห่งอิสลามจากตำราที่ถูกยอมรับจากฝ่ายซุนนะ

ออ แต่ทว่าบังยังไม่ได้ตอบผมเลยนะว่า อิสลามให้ทางออกอย่างไร นอกเหนือจากความอดกลั้นอดทน กับคนกลุ่มเสี่ยงดังที่ผมได้ยกตัวอย่างไปแล้ว ในสภาพที่เป็นจริงทางสังคมที่เป็นอยู่ทั่วโลก ถ้าหากการนิกาห์ที่ถูกต้องตามหลักศาสนา ถูกจำกัดรูปแบบอยู่เพียงประเภทเดียว คือการนิกาห์ถาวร

ผมรู้ดีนะครับว่า คุยกันอย่างนี้ ไม่มีวันที่เราสองฝ่ายจะบรรลุจุดร่วมที่ยอมรับซึ่งกันและกันได้ แต่เอาเถอะ เพราะสิ่งสำคัญคือ กลัวการเสียหน้ากันมากกว่าจะยอมรับความจริง ดังที่ปรากฏในกระทู้เรื่อง ข้อกล่าวหามารดาของท่านนบี(ศ)อยู่ในนรก ในอีกเว็บหนึ่ง ตามที่ผมได้ให้คำตอบครั้งหลังสุด ซึ่งมีการปิดกระทู้ไปเอง แทนคำตอบ




อ้าว นึกว่าใคร คุณฟิตชอบเดา จากเว็บมุสลิมไทยหรือเปล่าครับเนี่ย?
มาโพสต์หารายได้พิเศษเพิ่มเติมที่เว็บนี้เหรอครับ ได้จากกลุ่มรอฟิเฏาะเท่าไหร่ครับ?


คุณไม่มีความรู้ในหลักฐานจากตำราของศาสนาตัวเองมากกว่าครับ ถึงได้ต้องวนเวียนป้วนเปี้ยน
คอยหาจุดจับผิดจากตำราของเราอยู่เรื่อยๆ พอเราชี้แจงกลับเรียบร้อยแล้วถามกลับบ้าง
ก็หนีหายเข้ากูโบร์ไปซะงั้น คุณจะมาตรวจสอบตำราของเรา ไปเคลียของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนเสียดีกว่าครับ

โน่น โคไหมนี่ เขาฟัตวาว่าแปลงเพศได้ แล้วอุลามะคนอื่นของศาสนาคุณยังให้แต่งงานกับกะเทยเเปลงเพศได้ด้วยแน่ะ ตรวจสอบเคลียเรียบร้อยแล้วหรือครับ?





Thai: [7:80]และจงรำลึกถึงลูฏขณะที่เขาได้กล่าวแก่ประชาชาติของเขาว่า ท่านทั้งหลายจะประกอบสิ่งชั่วช้าน่ารังเกียจ ซึ่งๆม่มีคนใดในหมู่ประชาชาติทั้งหลายได้ประกอบมันมาก่อนพวกท่านกระนั้นหรือ



Thai: [7:81] แท้จริงพวกท่านจะสมสู่เพศชายด้วยตัณหาราคะอื่นจากเพศหญิงยิ่งกว่าพวกท่านยังเป็นพวกที่ละเมิดขอบเขตด้วย






ส่วนคำถามที่คุณถามเรื่องคนที่ไม่มีความสามารถจะแต่งงานได้ อ้าว ก็อัลลอฮฺให้ทางออกไว้แล้ว

แต่คุณดันอยากจะได้ทางออกอื่นนอกเหนือไปจากที่อัลลอฮฺให้ไว้แล้วเหรอครับ? โอ้ตายละ คุณฟิตชอบเดา ไม่พอใจกับ
ทางออกที่อัลลอฮฺให้ไว้
อย่างนี้เขาเรียกไม่จำนนต่อคำสั่งของอัลลอฮฺจริง พอได้คำตอบแล้วก็ไม่พอใจ ก็จะแสวงหาต่อไปเรื่อยๆ เหมือนกับยิว

ชะวะของพวกรอฟิเฏาะมันมากจนถึงขนาดว่าอดทนอดกลั้นกันไม่ไหวเลยหรือนี่
เคยเอาเรื่องของนบีมาโจมตี สุดท้ายพวกมันก็เป็นซะเอง ชะวะมากแบบนี้นี่เอง ถึงได้อยากมุตอะจนตัวสั่น เฮ้ออออ...







Thai: [6:114] อื่นจากอัลลอฮ์กระนั้นหรือ ที่ฉันจะแสวงหาผู้ชี้ขาด ทั้ง ๆ ที่พระองค์เป็นผู้ทรงประทานคัมภีร์ลงมาแก่พวกท่านในสภาพที่ถูกแจกแจงไว้อย่างละเอียด ? และบรรดาผุ้ที่เรา ได้ให้คัมภีร์แก่พวกเขา นั้น พวกเขารู้ดีว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นถูกประทานลงมาจากพระเจ้าของเจ้า ด้วยความเป็นจริง เจ้าอย่าได้อยู่ในหมู่ผู้สงสัยเป็นอันขาด




Thai: [6:115] และถ้อยคำแห่งพระเจ้าของฉันนั้นครบถ้วนแล้ว ซึ่งความสัจจะและความยุติธรรมไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงบรรดาถ้อยคำของพระองค์ได้และพระองค์นั้นคือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้




Thai: [25:31] และเช่นนั้นแหละ เราได้ทำให้มีศัตรูผู้กระทำผิดแก่นบีทุกคน และพอเพียงแล้วที่พระเจ้าของเจ้าเป็นผู้แนะทางฮิดายะฮ และทรงเป็นผู้ช่วยเหลือ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Oct 05, 2009 12:23 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ชีอะฮพยายามอ้างหลักฐาน เพื่อยืนยัน การเล่นมุตอะฮ จากรายงานจากอิบนุอับบาส ที่ว่า
فَمَا اِسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ إِلَى أَجَل مُسَمًّى
ดังนั้น หญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขกับนาง จากบรรดาหญิงเหล่านั้น โดยมีกำหนดเวลาที่รู้กัน

วิจารณ์


ท่านอิบนุญะรีร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า

قَالَ أَبُو جَعْفَر : وَأَوْلَى التَّأْوِيلَيْنِ فِي ذَلِكَ بِالصَّوَابِ تَأْوِيل مَنْ تَأَوَّلَهُ : فَمَا نَكَحْتُمُوهُ مِنْهُنَّ فَجَامَعْتُمُوهُ فَآتُوهُنَّ أُجُورهنَّ ; لِقِيَامِ الْحُجَّة بِتَحْرِيمِ اللَّه مُتْعَة النِّسَاء عَلَى غَيْر وَجْه النِّكَاح الصَّحِيح أَوْ الْمِلْك الصَّحِيح عَلَى لِسَان رَسُوله صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ

อบูยะอฺฟัร กล่าวว่า “ บรรดาการอรรถาธิบายในเรื่องดังกล่าวที่ถูกต้องที่สุด คือ การอรรถาธิบาย ของผู้ที่อรรถาธิบายมันว่า “ ดังนั้น ผู้หญิงใดที่พวกเจ้าได้แต่งงานกับนางจากบรรดาหญิงเหล่านั้น แล้วพวกเจ้าได้ร่วมหลับนอนกับนาง ดังนั้นจงมอบสินสอดให้แก่พวกนาง” เพราะมีหลักฐานได้ยืนยันถึงการที่อัลลอฮทรงห้ามมุตอะฮ(หาความสุขชั่วคราว)กับบรรดาผู้หญิง โดยไม่ผ่านวิธีการแต่งงานที่ถูกต้อง หรือ การครอบครองที่ถูกต้อง(กรณีเป็นทาสหญิง) บนคำพูดของรอซูลของพระองค์ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม – ดูตัฟสีร อิบนุญะรีร อัฏฏอ็บรีย์ อรรถาธิบาย อายะฮที่ 24 ซูเราะฮอันนิสาอฺ
……………..
แสดงให้เห็นว่า “คำว่า “فَمَا اِسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ”( ดังนั้น หญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขกับนาง จากบรรดาหญิงเหล่านั้น) หมายถึง การแต่งงานที่ถูกต้อง เป็นการแต่งงานเพื่ออยู่กันตลอดไป ไม่ใช่ เพื่อสนองตัญหาชั่วคราวตามความเข้าใจ ของชีอะฮ

ท่านอิบนุญะรีร ได้คัดค้านรายงานนี้ว่า

وَأَمَّا مَا رُوِيَ عَنْ أُبَيّ بْن كَعْب وَابْن عَبَّاس مِنْ قِرَاءَتهمَا : " فَمَا اِسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ إِلَى أَجَل مُسَمًّى " فَقِرَاءَة بِخِلَافِ مَا جَاءَتْ بِهِ مَصَاحِف الْمُسْلِمِينَ , وَغَيْر جَائِز لِأَحَدٍ أَنْ يُلْحِق فِي كِتَاب اللَّه تَعَالَى شَيْئًا لَمْ يَأْتِ بِهِ الْخَبَر الْقَاطِع الْعُذْر عَمَّنْ لَا يَجُوز خِلَافه

และสำหรับสิ่งที่ถูกรายงานมาจากอบี อุบัย บิน กะอับ และอิบนุอับบาส เกี่ยวกับการอ่านของคนทั้งสองว่า

“فَمَا اِسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ إِلَى أَجَل مُسَمًّى

(ดังนั้น หญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขกับนาง จากบรรดาหญิงเหล่านั้น โดยมีกำหนดเวลาที่รู้กัน)

เป็นการอ่านที่ขัดแย้งกับสิ่งที่ บรรดาคัมภีร์ของมุสลิม ได้นำมาด้วยมัน และไม่อนุญาตแก่คนหนึ่งคนใด นำสิ่งใดๆที่ไม่ปรากฏรายงานที่ตัดข้ออ้างจากผู้ที่ไม่อนุญาตให้เห็นต่างกับมัน(คือไม่ปรากฏรายงานที่เป็นหลักฐานที่เด็ดขาด) มาเพิ่มเติมในคัมภีร์ของอัลลอฮตาอาลา - ดูตัฟสีร อิบนุญะรีร อัฏฏอ็บรีย์ อรรถาธิบาย อายะฮที่ 24 ซูเราะฮอันนิสาอฺ

............

หมายถึง รายงานสำนวนข้างต้น ไม่ปรากฏในบรรดาคัมภีร์ของอัลลอฮเล่มใดที่บรรดามุสลิมมีอยู่ และ ไม่อนุญาตให้นำสิ่งใดที่ไม่ใช่หลักฐานที่เด็ดขาดที่สามารถมาหักล้างข้ออ้างของผู้ที่เห็นต่างได้ มาเพิ่มเติมในคัมภีร์ของอัลลอฮ ตะอาลา และขอเรียนว่า รายงานที่อ้างอิบนุอับบาส ว่า ท่านได้อรรถาธิบายว่า “ เป็นการหาความสำราญกับหญิงโดยมีกำหนดเวลานั้น เป็นรายงานที่ผิดเพี้ยน(ชาซ) ไปจากรายงานอื่นๆ ซึ่งเอามาเป็นหลักฐานไม่ได้
...............

ยังมีต่อครับ อินชาอัลลอฮ เพราะจะนั้น การที่คุณ ชีอะฮ กอ็ปมาโพสต์ในเว็บนี้ จะไม่มีทางที่จะตบตาใครได้อีกต่อไป พวกคุณอ้างตัฟสีรซุนนีย์แบบหมกเม็ด แต่พอมาดูของจริง ก็ทราบว่า เขาได้ค้านทัศนะที่เห็นชอบกับการเล่นมุตอะฮ อย่างที่เห็น

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Mon Oct 05, 2009 2:09 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถ้าบังมีใจเปนธรรม จะคิดได้หรอกนะว่า
จริงๆ แล้วพวกชีอะเขาไม่ได้อาศัยหลักฐานจากรายงานที่บันทึกในตำราของพวกท่าน

ล้วนๆมา ยึดถือ เป็นหลักปฏิบัติ

ฉะนั้นจะมาฟาดงวงฟาดงากับพวกเขาในประเด็นนี้ ดูจะไม่ถูกต้องนัก ที่ว่า เออ ฮะดีษนี้บุคอรีว่า

ศอฮีฮ์ พวกคุณชีอะจะว่าไง ? (ยกตัวอย่าง) มันก็ ใช่ เพราะบางรายงานมันอาจศอฮีฮ์ด้วยกันทั้ง

ของพวกชีอะและของพวกท่าน มีบางรายงานมันอาจเป็นศอฮีฮ์ของชีอะ แต่เป็นฏออีฟของพวก

ท่าน หรือบางรายงาน มันเป็นศอฮีฮ์ของพวกท่าน แต่มันฎออีฟของพวกชีอะ จะสะดวกอีกทีก็

กับบางรายงานที่ฎออีฟทั้งของพวกท่านและฎออีฟทั้งของชีอะ และนี่คือมาตรฐานที่แตกต่างกัน

เราต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย

เหมือนอย่างการกอดมือ ปล่อยมือ พวกคุณบอกว่า กอดมือเป็นสุนัต แต่ชีอะบอกว่า บิดอะ

อย่างนั้นแหละครับ จะเอามาตรฐานของพวกคุณ ไปยัดเยียดให้พวกชีอะยอมรับตาม มันเปนไป

ไมได้ คุยกันแต่เราสองคนนะได้ แต่ต้องไม่ทะเลาะกัน

เพราะแนวทางของชีอะฮ์นั้น จริงๆแล้ว มาตรฐานจะอยู่ที่อัลกุรอาน และบรรดาฮะดีษศอฮีฮ์ของ

ท่านนบี(ศ) ที่รายงานมาจากบรรดาอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์(อ)

แต่จะว่าชีอะไม่ให้ราคากับตำราของพวกคุณเลยก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะอุละมาของชีอะเขาจะ

ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ตำราฮะดีษของฝ่ายซุนนะกันอย่างละเอียด ฮะดีษต่อฮะดีษเลยทีเดียว

ฉะนั้น การพูดคุยในกระทู้นี้ ระหว่างผมกับคุณ ขอให้พูดคุยกันบนพื้นฐาน ทำความเข้าใจเบื้อง

ต้นก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องควานเจาะลึกลงในรายละเอียด เอาแค่ว่า คุณได้เห็นแนวทางว่า

การทำมุตอะของชีอะนั้น เป็นมาอย่างไร มีร่องรอยริวายะฮ์เรื่องนี้บ้างหรือไม่ (เอาแค่ว่า มี

บ้างหรือไม่)ในตำราของพวกคุณเอง ส่วนพวกคุณจะยอมรับฮะดีษนั้นหรือปฏิเสธ เป็นอีกเรื่อง

หนึ่ง

ส่วนมิสยารเอากันง่ายๆระยะสั้นๆ) แต่ไม่จำกัดเดือนปี ของบังนี่ซิ ผมอบยากรู้นักว่า มีที่มาจากอายะใด ฮะดีษใด ช่วยคลี่คลายข้อข้องใจให้ผมหน่อย
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Mon Oct 05, 2009 2:22 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แท้จริงอิสลามไม่ได้ปฏิเสธและดูหมิ่นต่อการเสพสุขทางเพศ และอิสลามให้ความสำคัญกับมันเสมอหากว่าเป็นสิ่งที่หะลาลหรือได้รับการอนุมัติ และยิ่งกว่านั้น นบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมยังได้กล่าวไว้ว่า

"وَفِي بُضْعِ أَحَدِكُمْ صَدَقَةٌ!"

قَالُوْا: "يَا رَسُوْلَ اللهِ، أَيَأْتِي أَحَدُنَا شَهْوَتَهُ وَيَكُوْنُ لَهُ فِيْهَا أَجْرٌ؟"

قَالَ: "أَلَيْسَ إِذَا وَضَعَهَا فِي حَرَامٍ كَانَ عَلَيْهِ وِزْرٌ! فَكَذَلِكَ إِذَا وَضَعَهَا فِي حَلاَلٍ كَانَ لَهُ أَجْرٌ".

“และในการมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าก็เป็นทาน (เช่นกัน)”

บรรดาเศาะหาบะฮฺจึงถามว่า “โอ้รสูลของอัลลอฮฺ การปลดปล่อยความต้องการทางเพศของคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเราจะได้รับผลบุญด้วยกระนั้นหรือ”

ท่านตอบว่า “เมื่อเขาวางมันลงไปในสิ่งที่ต้องห้าม เขาก็จะได้รับบาปไม่ใช่หรือ (คำตอบคือแน่นอน) ดังนั้นเมื่อเขาวางมันลงไปในสิ่งที่หะลาลเขาก็จะได้รับผลบุญเช่นเดียวกัน” (บันทึกโดยมุสลิม (1674) และคนอื่นๆจากอบีซัร) ซึ่งเป็นการอุปมานแบบตรงข้าม (กิยาสบิลอักส์)
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Oct 05, 2009 2:23 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

israya บันทึก:
ถ้าบังมีใจเปนธรรม จะคิดได้หรอกนะว่า
จริงๆ แล้วพวกชีอะเขาไม่ได้อาศัยหลักฐานจากรายงานที่บันทึกในตำราของพวกท่าน

ล้วนๆมา ยึดถือ เป็นหลักปฏิบัติ

ฉะนั้นจะมาฟาดงวงฟาดงากับพวกเขาในประเด็นนี้ ดูจะไม่ถูกต้องนัก ที่ว่า เออ ฮะดีษนี้บุคอรีว่า

ศอฮีฮ์ พวกคุณชีอะจะว่าไง ? (ยกตัวอย่าง) มันก็ ใช่ เพราะบางรายงานมันอาจศอฮีฮ์ด้วยกันทั้ง



จริงๆ แล้วอาบังก็รู้ว่า ชีอะฮ กับ ซุนนีย์ มันเป็นเสมือนรางรถไฟที่มันขนานกันไม่มีวันจบกันได้ แต่ที่ออกมาร่วมเสวนา เพราะน้องบ่าวisraya เที่ยวเอาหะดิษซุนีย์มาอ้างแบบไม่รู้จริง และอ้างโดยตนเองก็ไม่ยอมรับ แล้วอ้างมาทำไม และ น้องบ่าวลองอ้างตัวบทหะดิษของชี้อะฮแท้ๆไม่ปนผักมาบ้างซิครับ ว่า เขาสนับสนุนมุตอะฮอย่างไร เอาตัวบทภาษาอาหรับมาด้วย จะได้วิจารณ์กันให้มันจะจะยิ่งขึ้นนะครับ

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Oct 05, 2009 2:38 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อิหม่ามชิฮาบุดดีน อัลอะลูซีย์ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า

فإذا استمتعتم وهو يدل على أن المراد بالاستمتاع هو الوطء والدخول لا الاستمتاع بمعنى المتعة التي يقول بها الشيعة والقراءة التي ينقلونها عمن تقدم من الصحابة شاذة

คำว่า “ดังนั้นเมื่อพวกเจ้าเสพสุข” โดยที่ มันแสดงบอกว่า ความหมายของคำว่า “เสพสุข” คือ การร่วมเพศ ไม่ใช่เสพสุข ด้วยความหมายว่า “มุตอะฮ(การเสพสุขชั่วคราว) ตามที่ชีอะฮ กล่าว และ การอ่านที่พวกเขาได้รายงานมัน จากผู้ที่อยู่ในยุคก่อนจากเหล่าเศาะหาบะฮนั้น(หมายถึงรายงานอิบนุอับาสที่ถูกนำมาอ้างเรื่องนิกะห์มุตอะฮ) เป็นรายงานที่เพี้ยน(หมายถึง แปลกแยกไปจากรายงานอื่นๆ) – ดู ตัฟสีร อะลูซีย์ เล่ม 5 หน้า 7
...........

ตกลงน้องบ่าว israya ของเราจะยึดมั่นถือมั่นกับการเล่นมุตอะฮ อยู่เช่นเดิมหรือเปล่าครับ

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, ... 27, 28, 29  ถัดไป
หน้า 2 จากทั้งหมด 29

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.15 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ