ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
Mido-ban มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 01/01/2004 ตอบ: 2
|
ตอบ: Sat Mar 14, 2009 11:30 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อืมมผมว่าคนรุ่นใหม่ต้องดูรอบด้านด้วยใจเป็นกลางแบบนี้แหละ เพราะมีแต่พวกแฟนมวยก็ไม่ไหวเหมือนกัน  |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
Mr.shot บุคคลทั่วไป

|
ตอบ: Sun Mar 15, 2009 1:33 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เยี่ยมมากทั้งท่านอบูชูเบรและคุณนากามิโด้ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
dabdulla มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Sun Mar 15, 2009 6:05 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ขอบคุณอาจารย์ อบูซุเบร ที่ช่วยนำเสนอข้อมูลแก่พวกเรา ซึ่งต้องถือว่า ใช้ความอุตสาหะ
เป็นอย่างมาก
ไม่มีสิ่งใดทิ้งไว้ นอกจากความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
Mr.shot บุคคลทั่วไป

|
ตอบ: Sun Mar 15, 2009 9:47 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ดับก็ยอดเยี่ยมอีกคน |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
sunnahkung มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2008 ตอบ: 116
|
ตอบ: Mon Mar 16, 2009 10:10 pm ชื่อกระทู้: .. |
|
|
คำพูด: | บังเข้าใจว่าซุนนะฮฺคุงหมายถึง"นัศ" หรือ "ตัวบทน"นั่งเองใช่มั้ยครับ ปัญหาของมันคือ ความเข้าใจในตัวบทต่างหากหละครับ และการออกหุกุ่ม
ซึ่งในเรื่องจะได้นำมาเสนอภายหลัง |
อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ผมจะรอนัศที่บังสัญญาไว้นะครับ
 |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
abu-zubair มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009 ตอบ: 44
|
ตอบ: Tue Mar 17, 2009 10:54 am ชื่อกระทู้: การดิลาละฮฺ |
|
|
อัสลามุอลัยกุม
ซุนนะฮฺคุงอ่านที่ผ่านมาไม่เจอนัศเลยหรอครับ....ลองกลับไปอ่านดูอีกทีนะครับ...
บังเคยบอกไปแร้ว....ว่าตรงนี้ซุนนะฮฺคุงอาจจะยังไม่เข้าใจ...
นัศแต่ละอย่างมีรูปแบบการบ่งที่แตกต่างกัน....ถ้าซุนนะฮฺคุงแยกได้...มันจะเข้าใจง่ายขึ้น..
บางครั้งบอกมาเป็น อาม และอามถูก สัมทับด้วย คอส
บางครั้งบอกมาเป็น มุฎลัก และมันสัมทับด้วย มุกอยยัด
บางครั้งบอกมาเป็น มุจมัล และมันสัมทับด้วย มุบัยยัน
แล้วดะลีล มีทั้งนัศ และ อิจมาอฺ กะ กิยาส อีกนะครับ....ถ้าวันๆถามหานัศๆๆ..แล้วจะได้หุกุ่มได้อย่างรัย... ดิลาละฮฺแบบมุฎอบะเกาะฮฺ หรือ แบบตัดมีน หรือ แบบอิลติซาม ไหนจะอีกมัฟฮุมอีกหละครับ...อันไหนเป็น มุวาฟะเกาะฮฺ ไหร มุคอละฟะฮฺ นักวิชาการเค้าละเอียดมาก กว่าจะออกหุกุ่ม.. การถามนัศเปนสิ่งที่ถูก และตอนเอาหุกุ่มสิ..ซุนนะฮฺคุง มีหลักอิสติมบาตยังงัยหละครับ..
ฉะนั้นถ้ามีคำถามอยู่ว่า "2x2 เป็น 4?"...........แล้วตอบ "ไม่ใช่ ต้อง2+2 เป็น 4"...เพราะด้วยว่าเราไม่เคยเรียนการคุณ หาร หรือ อื่นๆ ซึ่งแต่หละอย่างมีที่ใช้ของมัน
จะะเอาหุกุ่มกะเหมือนกัน.. " นัศบอกแบบนี้......ใช้หลักแบบนี้....คิลาฟแบบนี้...."
แล้วยังมามาว่า "นัศ(เพรียวๆ)" แล้วซุนนะฮฺคุงจะเข้าถึงหุกุ่มได้อย่างรัยครับ...
"จงถามผู้รู้ หากสูเจ้าไม่รู้"
วัสลาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
Mr.shot บุคคลทั่วไป

|
ตอบ: Tue Mar 17, 2009 2:11 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
เยี่ยมมั่กมาก ท่านอบูซูเบร ต่อเลยเด้อ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
sunnahkung มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2008 ตอบ: 116
|
ตอบ: Wed Mar 18, 2009 7:21 pm ชื่อกระทู้: ... |
|
|
คำพูด: | ซุนนะฮฺคุงอ่านที่ผ่านมาไม่เจอนัศเลยหรอครับ |
บังช่วยยกนัศของบังมาอีกทีได้ไหมครับให้ผมกระจ่างหน่อยเถอะครับ เพราะหลักฐานที่บังยกมาคือการทำแทน(ตามที่ผมเข้าใจ)มิใช่การอุทิศผลบุญ....ผมถึงได้ตั้งแง่แต่ทีแรกให้เสวนาด้านการวิเคราะห์หลักฐานไงครับ
เช่นผมเคยถามมาแล้วว่าการทำแทนกับการอุทิศต่างกันตรงไหน
หากบังไม่ตอบผมหรือวิเคราะห์ในแง่ของหลักฐานตามที่ผมตั้งแง่ไว้ครั้งก่อน
ผมคงไม่อาจเข้าใจหรอกครับ......บังช่วยกรุณาทำตามนี้หน่อยได้ไหมครับผมจะได้เข้าใจไงครับ
 |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
abu-zubair มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009 ตอบ: 44
|
ตอบ: Wed Mar 18, 2009 7:46 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อัสลามุอลัยกุม
จากตัวบทที่เสนอมาก่อนๆได้เรืองเป็นแบบนี้ครับ...ซุนนะฮฺคุงอ่านตั้งแต่เริ่มเรื่องแรกๆเรยนะครับ
3. ชัยค์ ซอและห์ อาล อัชชัยค์ หะฟิซอฮุลลอฮฺ ได้ให้ทรรศนะไว้เกี่ยวกับการมอบผลบุญการทำอิบาดะฮฺให้ผู้ตายดังนี้ (เข้าประเด็นที่รูปแบบที่2เลยนะคัรบ)
เนี่ยทำแทน>>>*รูปแบบที่1 คือเริ่มเจตนามอบผลบุญให้กับผู้ตายตั้งแต่เริ่มอิบาดะฮฺเป็นรูปแบบที่ท่าน เองไม่เห็นด้วย เฉพาะในประเด็นที่มีอุลามะอฺมีทรรศนะแตกต่างกัน เช่น การนามซ, แต่สำหรับการขอดุอาอฺ และบริจาคไม่เป็นไรเพราะมีตัวบท และเป็นประเดนที่อุลามะอฺเห็นพ้องกัน.
เนี่ยอุทิศให้>>>" ในรูปแบบที่2 คือ การที่บุคคลหนึ่งได้เริ่มทำอิบาดะฮฺให้กับตัวเขาเองก่อนตั้งแต่ต้นหลังจากทำ อิบาดะอฺเสร็จเขาก็มอบผลบุญการกระทำอิบาดะฮฺดังกล่าว รูปแบบนี้จึงแตกต่างจากรูปแบบที่หนึ่ง คือเริ่มทำอิบาดะฮฺให้กับตัวเอง เขานมาซให้ตัวเอง เขาอ่านอัลกรุอานให้ตัวเอง เขาทำอุมเราะฮฺให้ตัวเอง เขาถือศีลอดให้ตัวเอง และเช่นเดียวกัน เขากระทำการงานใดๆก็ตาม เขาทำการซิกรฺ หลังจากที่เขาเสร็จจากการอิบาดะฮฺดังกล่าว เขากล่าวว่า "โอ้อัลลอฮฺ โปรดทำได้ผลบุญดังกล่าวของฉันนี้ให้พ่อแม่ฉัน ให้นาย ก. นาย ข. ใครก็ได้ การกระทำในรูปแบบดังกล่าวตามอะศอลเดิมไม่มีข้อห้ามแต่ประการใด เนื่องจากการทำอิบาดะฮฺได้เกิดขึ้นอย่างถูกต้องแล้ว โดยเขากล่าวว่าผลบุญดังกล่าวหากพระองค์ทรงรับมัน และได้ผลบุญ ดังนั้นเมื่อเป็นผลบุญของฉันแน่นนอน มันก็ถูกมอบให้แก่ผู้อื่นจากฉัน หมายถึงเป็นการขอดุอาอฺจากอัลลอฮฺตะอาลาให้พระองค์ทรงรับ และขอต่อพระองค์ทรงทำให้ผลบุญดังกล่าวให้กับชายคนหนึ่ง หรือ หญิงคนหนึ่งได้มีส่วนร่วมในผลบุญนั้น
"และสิ่งนี่แหละ คือการจำแนกรูปแบบดังกล่าว(คือในประเดนที่ซุนนะฮฺคุงเคยถามว่า เนียตตอนทำ หรือ ทำไปแล้วมอบให้) ไม่มีสิ่งใดโต้กลับได้ ไม่ว่าจะมองในแง่ของหลักฐานจากอัซซุนนะฮฺ หรือในแง่จากคำกล่าวของสลัฟ พวกเขาห้ามเรื่องดังกล่าวในช่วงเริ่มอิบาดะฮฺ แต่พวกเขา หรือ อะอิมมะฮฺ หรือบรรดาผู้ที่รู้จักกันว่าคือชนสลัฟ พวกเขาไม่ได้ห้ามการมอบผลบุญให้กับคนตาย"
"สิ่งนี้คือสิ่งที่แสดงถึงข้อแตกต่างระหว่างช่วงเริ่มต้น และการมอบผลบุญได้ถูกเจาะจงในประเดนนี้ เพราะเนื่องจากการมอบผลบุญหลังจากเสร็จสิ้นการทำอิบาดะฮฺแล้วไม่ถือว่าเป็น ตะอับบุด แต่มันเป็นเรื่องของการเอื้อเฟื้อในคุณธรรมความดี"
"ด้วยเหตุนี้ อะอิมมะฮฺ ซุนนะฮฺ ระดับมุหักกิกีน(ระดับกลั่นกรอง)ในเรื่องซุนนะฮฺและตอบโต้บิดอะฮฺ พวกเขาจึงมีทรรศนะว่า อนุญาติให้ทำการมอบผลบุญได้เช่น อิมามอะห์หมัด-อิบนุ ตัยมีย์ยะฮฺ-อิบนุกอยยิม- และกลุ่มหนึ่งของอุลามะอฺชั้นนำในด้านดะอฺวะฮฺ ดังเช่นท่านชัยค์ มุหัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮฺฮาบ และคณะ"
ชัรห์ อัลอะกีย์ดะฮฺ ฮัฎหาวีย์ยะฮฺ ของ ชัยค์ซอและห์ อาล อัชชัยค์ หน้า 588
วัสลาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Mar 18, 2009 8:49 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
وقال الشافعي : ما عدا الواجب والصدقة والدعاء والاستغفار ، لا يفعل عن الميت ، ولا يصل ثوابه إليه ; لقول الله تعالى : { وأن ليس للإنسان إلا ما سعى } . وقول النبي صلى الله عليه وسلم : { إذا مات ابن آدم انقطع عمله إلا من ثلاث : صدقة جارية ، أو علم ينتفع به من بعده ، أو ولد صالح يدعو له } . ولأن نفعه لا يتعدى فاعله ، فلا يتعدى ثوابه
และอัชชาฟิอีกล่าวว่า สิ่งที่นอกเหนือจากสิ่งที่วาญิบ,การให้ทาน,การดุอาและการขอออภัยโทษ มันจะไม่ถูกทำแทนผู้ตาย และผลบุญของมัน ไม่ถึงผู้ตาย เพราะคำดำรัสของอัลลอฮตะอาที่ว่า (และจะไม่ได้แก่มนุษย์นอกจากสิ่งที่เขาขนขวายเท่านั้น)และเพราะคำพูดของนบี ที่ว่า (เมื่อมนุษย์ได้เสียชีวิตลง การงานของเขาก็ยุติ ยกเว้น สามประการคือ การบริจาคถาวรวัตถุ หรือความรู้ที่ถูกนำมันไปใช้ประโยชน์หลังจากเขาตาย หรือ ลูกที่ดีดุอาให้แก่เขา) และเพราะว่า ประโยชน์ของมัน จะไม่เกินเลยผู้กระทำมัน ดังนั้น ผลบุญของเขาก็จะไม่เกินเลย(ไปยังผู้อื่น)
- อัลมุฆนีย์ ของอิบนุกุดามะฮ เล่ม 2 หน้า 226
..................
คำพูดของท่านอิหม่ามชาฟิอีย์ เป็นทัศนะที่มีตัวบทตรงๆเป็นหลักฐาน สร้างความมั่นใจหากจะนำมาเป็นหลักในการปฏิบัติศาสนกิจให้มั่นใจ ส่วนการพยายามเอาถ้อยคำขว้างๆของตัวบทที่เป็นอายะฮอัลกุรอ่านก็ดี และหะดิษก็ดี ผลที่ตามมาก็เห็นกันอยู่ว่า บิดอะฮร้อยพันแปดประการผู้ที่ทำก็อ้างเรื่อง อุมูม(ความหมายกว้างๆ)ของตัวบททั้งนั้น แล้วแก่นของศาสนาที่บริสุทธิ์จะเหลืออะไร ทุกวันนี้ มีแต่คนขี้เกียจทำอิบาดะฮ ได้แต่หวังให้ผู้อื่นทำให้เมื่อตนตาย ...ช่างน่าเศร้าใจจริงๆ _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
abu-zubair มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009 ตอบ: 44
|
ตอบ: Wed Mar 18, 2009 9:42 pm ชื่อกระทู้: 3อย่าง |
|
|
อัสลามุอลัยกุม
"เมื่อมนุษย์ได้ เสียชีวิตลง การงานของเขาก็ยุติ ยกเว้น สามประการคือ การบริจาคถาวรวัตถุ หรือความรู้ที่ถูกนำมันไปใช้ประโยชน์หลังจากเขาตาย หรือ ลูกที่ดีดุอาให้แก่เขา) และเพราะว่า ประโยชน์ของมัน จะไม่เกินเลยผู้กระทำมัน ดังนั้น ผลบุญของเขาก็จะไม่เกินเลย(ไปยังผู้อื่น) "
บังอะซันเข้าใจยังงัยครับ
1.คนๆหนึ่งจบสิ้นแล้วยกเว้น 3 อย่าง คนอื่นไม่เกี่ยวด้วยแล้ว
2.เฉพาะผลงานของเขาจบ แต่ยังมีหนทางได้รับจากส่วนของมุสลิมีนอื่นๆอีก
บังชี้แจงหน่อยครับ รบกวนบังอ่านข้อความผมด้วยเรื่องนี้ เพราะมันจะเกี่ยวกับข้อความที่จะเสนอ
ในประเดนความเข้าใจในตัวบทนี้ และท่านอิมามชาฟิอีย์ เข้าใจเหมือนที่บังว่าหรือปล่าว(คือแค่ 3 อย่าง หมดแล้ว ไม่มีส่วนรับจากใคร) หรือ "และอัชชาฟิอี กล่าวว่า สิ่งที่นอกเหนือจากสิ่งที่วาญิบ,การให้ทาน,การดุอาและการขอออภัยโทษ มันจะไม่ถูกทำแทนผู้ตาย และผลบุญของมัน ไม่ถึงผู้ตาย" เพราะประเดนนี้ได้เสนอข้อมูลไว้แล้ว จะเลือกทางใดทางหนึางก็เป็นวิฉัยของมุฟตีย์แต่ละท่านนะครับ ถ้าบังอะสันจะให้น้ำหนักตรงนี้ไม่มีใครว่า แต่ถ้าคนอื่นให้น้ำหนักต่าง บังจะว่าเค้าหรืออย่างไร ในเมื่อมันเป็นเรื่องเกี่ยวพันสังคมมันจะจบผู้มีหน้าที่ตัดสินในแต่ละท้องที่ อันนี้ผมไม่ได้กล่าวตำหนิบังอะซันนะครับ เพียงแต่ว่าปัญหาลักษณะนี้เข้าข่าย "ปัญหาคิลาฟจบด้วยผู้มีอำนาจตัดสิน" หลักนี้บังอะซันเข้าใจอย่างรัยครับ
วัสลาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Mar 18, 2009 11:09 pm ชื่อกระทู้: Re: 3อย่าง |
|
|
abu-zubair บันทึก: | อัสลามุอลัยกุม
"เมื่อมนุษย์ได้ เสียชีวิตลง การงานของเขาก็ยุติ ยกเว้น สามประการคือ การบริจาคถาวรวัตถุ หรือความรู้ที่ถูกนำมันไปใช้ประโยชน์หลังจากเขาตาย หรือ ลูกที่ดีดุอาให้แก่เขา) และเพราะว่า ประโยชน์ของมัน จะไม่เกินเลยผู้กระทำมัน ดังนั้น ผลบุญของเขาก็จะไม่เกินเลย(ไปยังผู้อื่น) "
บังอะซันเข้าใจยังงัยครับ
1.คนๆหนึ่งจบสิ้นแล้วยกเว้น 3 อย่าง คนอื่นไม่เกี่ยวด้วยแล้ว
2.เฉพาะผลงานของเขาจบ แต่ยังมีหนทางได้รับจากส่วนของมุสลิมีนอื่นๆอีก
บังชี้แจงหน่อยครับ รบกวนบังอ่านข้อความผมด้วยเรื่องนี้ เพราะมันจะเกี่ยวกับข้อความที่จะ
วัสลาม |
ครับ.. บังอยากจะเรียนว่า ตามความเข้าใจของบังนั้น เรื่อง อิบาดาต นั้นจะต้องวางอยู่บนตัวบทที่มาจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ส่วนในกรณีที่อีหม่ามชาฟิอีอ้างถึง บังไม่ได้หมายความว่า มันจำกัดอยู่ที่อิหม่ามชาฟีอีระบุ แต่บังหมายถึง อะไรก็ตามที่เป็นรูปแบบอิบาดะฮ จะต้องอาศัยตัวบทจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ แบบตรงชัดเจน ไม่ใช่ไปเอา เรื่อง การทำหัจญ์แทนคนตาย ตามที่ระบุในสุนนะฮ ไปออกลูก ออกหลาน จนมีหุกุมเพี่มขึ้นมากมาย เช่น อ่านอัลกุรอ่านให้แก่คนตาย,ละหมาดอุทิศ(ละหมาดฮะดียะฮ)ให้แก่คนตาย ... เป็นต้น
เช็คอาลี บิน อะหมัด อัลมะษาฮิบีย์ กล่าวว่า
فإن الثواب فضل من الله تعالى لا يملكه العبد فكيف يهديه لغيره الا على طريقة المعتزلة القائلين بإستحقاقه للعبد فحينئذربما يكون كذلك عندهم خلاف لأهل السنة
เพราะความจริงผลบุญนั้น เป็นเรื่องความโปรดปรานของอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา โดยที่บ่าวของพระองค์ไม่มีกรรมสิทธิ์ใดๆเลย ดังนั้น เขาจะอุทิศให้แก่ผู้อื่นได้อย่างไร นอกจากว่า เขาตามแนวทางของพวกมุอฺตะซิละฮ เท่านั้น ที่กล่าวว่า "บ่าวของอัลลอฮมีกรรมสิทธิ์ในผลบุญ แล้วในขณะนั้น บางทีในทัศนะของพวกเขาเป็นอย่างนั้น(คือเชื่อว่าอุทิศผลบุญให้ผู้ตายได้) อันเป็นการขัดแย้งกับ(ความเชื่อ)ชาวอะฮลุสสุนนะฮ - กัชฟุซชุบฮาต ของ เช็คมะหมูด หาซัน รอเบียะ หน้า 105
......
เพราะฉะนั้น รูปแบบการทำอิบาดะฮ น่าจะต้องรอคำสั่ง หรือการอนมัติจากเจ้าของบุญคือ อัลลอฮ หรือ คนที่พระองค์มอบหมายให้เป็นทูตของพระองค์ คือ นบีมุหัมหมัด เพราะบังยังเชื่ออยู่ว่า บ่าวไม่มีสิทธิ์ครอบครองผลบุญ จนสามารถยกให้ใครก็ได้ แต่บุญคือ ความโปรดปรานของอัลลอฮ ทรงตอบแทนให้คนที่ทำความดีความชอบ และ การทำอิบาดะฮนั้น เป็นการทดสอบอีหม่านประการหนึ่งของบ่าว ว่า เขาเป็นบ่าวที่กตัญญูหรือ อกตัญญูต่อพระเจ้าผู้สร้าง ส่วนที่ถามว่า "ยังมีหนทางที่ได้รับส่วนบุญจากคนอื่นหรือไม่ ขอตอบว่า หนทางดังกล่าวนี้ ผู้ที่ให้คำตอบได้ดีที่สุดคือ ท่านรซูลุลลอฮ ดังนั้น หากมีหนทางที่ท่านสอนไว้ นั้นคือ แนวทางที่จะได้มีโอกาสได้ส่วนบุญจากการกระทำของผู้อื่น และผู้ที่รอรับส่วนบุญนั้น ไม่ใช่หวังที่จะได้ส่วนบุญจากคนอื่นอย่างเดียว เขาจะต้องเริ่มต้นจากตัวเองก่อนเป็นสำคัญ
قال رسول الله صلى الله عليه وسلم: ما بعث الله من نبي إلا كان حقاً عليه أن يدل أمته على خير ما يعلمه لهم، وينذرهم من شر ما يعلمه لهم
ท่านรซูลุลลอฮ กล่าวว่า "อัลลอฮไม่ได้แต่งตั้งนบีคนใดมา นอกจากเป็นหน้าที่เหนื่อเขา ที่จะต้องแนะนำ อุมมะฮของเขา ซึ่ง ความดีงามของสิ่งที่มันถูกสอนเอาไว้แก่พวกเขา และ เขาจะต้อง เตือนอุมมะฮของเขา ซึ่งความชั่วของสิ่งที่มันได้ถูกสอนไว้แก่พวกเขา" รายงานโดย มุสลิม
...
เพราะฉะนั้น โดยทัศนะส่วนตัว บังเชื่อว่า สิ่งที่ศาสนาว่าดี น่าจะดูที่แบบอย่างนบี เป็นบรรทัดฐาน
abu-zubair บันทึก: |
ถ้าบังอะสันจะให้น้ำหนักตรงนี้ไม่มีใครว่า แต่ถ้าคนอื่นให้น้ำหนักต่าง บังจะว่าเค้าหรืออย่างไร ในเมื่อมันเป็นเรื่องเกี่ยวพันสังคมมันจะจบผู้มีหน้าที่ตัดสินในแต่ละท้องที่ อันนี้ผมไม่ได้กล่าวตำหนิบังอะซันนะครับ เพียงแต่ว่าปัญหาลักษณะนี้เข้าข่าย "ปัญหาคิลาฟจบด้วยผู้มีอำนาจตัดสิน" หลักนี้บังอะซันเข้าใจอย่างรัยครับ
|
.....
บังขอเรียนว่า บังไม่มีอำนาจที่จะไปห้ามใคร ถ้าเขาจะทำ และเขาเห็นว่าดี โดยชีวิตส่วนตัว ถือคติ แต่กต่างแต่ไม่แตกแยก จึง คบค้าสมาคมกับคนมุสลิมทุกคน ไม่ว่าเขาจะอ่านอัลกุรอ่านให้คนตายหรือไม่อ่าน และ สำหรับบังนั้น บังเชื่อว่า กติกาที่จะแก้ปัญหาประเด็นขัดแย้ง อัลลอฮได้สอนไว้แล้ว เพียงแต่มนุษย์ ไม่นำมันมาใช้เท่านั้นเอง บางที่ เพราะทิฐิ บางที่ เพราะกฏมัซฮับค้ำคอ .. เป็นต้น ส่วนปัญหาทางศาสนาด้านทางโลก หรือสังคมนั้น เช่น คดีความต่างๆ หรือปัญหาต่างๆทางสังคม ก็ต้องใช้บรรทัดฐาน ดังที่ท่านนบีได้สอนท่านมุอาซ บิน ยะบัล
คำว่า ""ปัญหาคิลาฟจบด้วยผู้มีอำนาจตัดสิน" ผู้มีอำนาจที่ว่า คือใครหรือ... ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม?
........
والله اعلم بالصواب _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
Mr.shot บุคคลทั่วไป

|
ตอบ: Thu Mar 19, 2009 3:13 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
เพราะไอ้ทิฐิ(ตะอัศซุบ) ที่มืดบอดนั่นล่ะครับ" ตัวปัญหา" เพราะฉะนั้นคนที่มีตักลีดอย่างมืดบอดช้อตหัวทั่ง ทะนงตนด้วยความรู้ที่มีอยู่เท่าขี้ผง ผู้รู้พรรค์นี้ล่ะครับ"ตัวฟิตนะฮ์"[B]หลายๆเด้อ[/B]  |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
sunnahkung มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2008 ตอบ: 116
|
ตอบ: Thu Mar 19, 2009 7:43 pm ชื่อกระทู้: .... |
|
|
ทั้ง2ท่านเสวนากันไปพลางๆก่อนแล้วจะกลับมาไล่อ่าน
See you again
 |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
sunnahkung มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2008 ตอบ: 116
|
ตอบ: Thu Mar 19, 2009 7:49 pm ชื่อกระทู้: .... |
|
|
คำพูด: | เพราะไอ้ทิฐิ(ตะอัศซุบ) ที่มืดบอดนั่นล่ะครับ" ตัวปัญหา" เพราะฉะนั้นคนที่มีตักลีดอย่างมืดบอดช้อตหัวทั่ง ทะนงตนด้วยความรู้ที่มีอยู่เท่าขี้ผง ผู้รู้พรรค์นี้ล่ะครับ"ตัวฟิตนะฮ์"[B]หลายๆเด้อ [/B] |
อันนี้เห็นด้วยถูกต้องหลายๆเด้อ
 |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
|