ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - มัซฮับสะละฟีย์และมัซฮับทั้งสี่ (ภาคที่ 2)
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
มัซฮับสะละฟีย์และมัซฮับทั้งสี่ (ภาคที่ 2)
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 22, 23, 24 ... 31, 32, 33  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Thu Mar 02, 2006 10:36 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ท่านครูชุกรี กล่าวว่า
ไม่ใช่เอาเรื่องการศรัทธาต่อท่านนบีมาเทียบเคียงกับการศรัทธาต่อบรรดาซอฮาบะอีก เดี๋ยวไปคนละเรื่องอีก ดังนั้นเมื่อนบีสั่งว่าหลังจากท่านได้จากไปแล้วท่านนั้นก็ยอมรับในบรรดาซอฮ่าบะที่มีความรู้และมีความฉลาดให้เรายึดมั่นด้วยฟันกราม
……………….
ตอบ
เอ้า.. ไปกันใหญ่ มั่วนิ่มอีกต่างหาก แล้วตัวเองอยู่ในฐานะอะไ ร จึงคิดเพิ่มเติม ในแบบอย่างอิบาดะฮ ที่ท่านนบีทำแบบอย่างไว้แล้ว เมื่ออิบนุอุมัร บอกว่า ฉันเพิ่ม ตัวเองคิดจะเพิ่มด้วยใช่ใหม มุสลิม 1400 ล้านคน นึกจะเพิ่ม ก็เพิ่มได้เลยใช่ไหม เพราะอิบนิอุมัรบอกว่า ฉันเพิ่ม ฮะฮา ขอย้ำนะครับอย่าลำพองว่าตนเองเข้าใจถูก คนอื่นเขาเหม็นเขียว เขาไม่อยากคุยมากกว่า ไม่ใช่เขาไม่มีอะไรตอบโต้ แต่เขาไม่อยากจะใช้มารยาทในการสนทนา แบบนี้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Thu Mar 02, 2006 10:43 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

วะฮาบีย์อ้างว่า ตนเองคือผู้ที่ทำตามซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.)แต่วะฮาบีย์กลับเชื่อว่า พ่อแม่ของนบี(ซ.ล.)อยู่ในนรก
al-azhary ตอบ: Thu Mar 02, 2006 9:12 am
ตอบ
คิดจะนำเรื่อง บุพการีของท่านนบี มาวิจารณ์ อีกหรือ สิ้นคิดแล้วหรือน้อง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Thu Mar 02, 2006 11:54 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นายชุกรี กล่าวว่า
คุณอัลฟารุก คุณมูฮำมัด และคนอื่นๆก็ทักท้วงความเข้าใจในคำนี้ของบังหะสันกันหลายหนแล้ว ว่าอย่าเอามาใช้เรียกร่วมกัน เพราะคำว่าบิดอะนั้หมายถึง สิ่งที่ถูกริเริ่มหรือสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมา ที่ไม่มีในรากฐานในศาสนามาก่อน และสิ่งที่ คุณอัลอัฮารี คุณอัล-ฟารุกยกมาก็มาจากการกระทำชอบรรดาซอฮาบะของท่านบีทั้งนั้น แต่ครูหะสันก็ บิดเบือนไม่ยอมรับสิ่งนั้น หาว่านั้นคือ ไม่ใช่การบิดอะ
.....................................................
ตอบ
แฮะ แฮะ... ชอบคำพูดของน้องครูสุดที่รัก นายชุกรี ที่ว่า
คุณอัลอัฮารี คุณอัล-ฟารุกยกมาก็มาจากการกระทำชอบรรดาซอฮาบะของท่านบีทั้งนั้น แต่ครูหะสันก็ บิดเบือนไม่ยอมรับสิ่งนั้น หาว่านั้นคือ ไม่ใช่การบิดอะ
เอะ...แบบอย่างของเศาะหาบะฮ กลายเป็น บิดอะฮ ตั้งแต่เมื่อไหร่ หว่า จะให้บังตีจากคำว่า
عليكم بسنتي وسنة الخلفاء الراشدين المهديين من بعدي

เป็น
عليكم بسنتي وبدعة الخلفاء الراشدين المهديين من بعدي

อย่างนี้หรือครับ ท่านผู้เชี่ยวชาญในการตีความ

ท่านชุกรีผู้เก่งกาจ ครับ คำว่า وسنة الخلفاء الراشدين المهديين من بعدي หมายึง เศาะหาบะฮทุกคน หรือ ว่า อบูบักร อุมัร อุษมาน และ อาลี ครับ ช่วยอธิบายหน่อยครับท่าน
وقال: "الخلافة بعدي ثلاثون سنة"
ท่านนบี ศอลฯ กล่าวว่า “เคาะลิฟะฮหลังจากฉัน นั้น (ในช่วงเวลา) สามสิบปี
. رواه أحمد وأبو داود والترمذي(246). قال الألباني: وإسناده حسن

แล้วมีเคาลิฟะฮนอกเหนือจากสี่ท่านนี้อีกไหมครับ

فخلافة أبي بكر رضي الله عنه سنتان وثلاثة أشهر وتسع ليال من 13 ربيع الأول سنة 11هـ إلى 22 جمادى الآخرة سنة 13هـ.
وخلافة عمر رضي الله عنه عشر سنوات وستة أشهر وثلاثة أيام من 23 جمادى الآخرة سنة 13هـ إلى 26 ذي الحجة سنة 23هـ .
وخلافة عثمان رضي الله عنه أثنتا عشرة سنة إلا اثني عشر يوماً من 1 محرم سنة 24هـ إلى 18 ذي الحجة سنة 35هـ.
وخلافة علي رضي الله عنه أربع سنوات وتسعة أشهر من 19 ذي الحجة سنة 35هـ إلى 19 رمضان سنة 40هـ.
فمجموع خلافة هؤلاء الأربعة تسع وعشرون سنة وستة أشهر وأربعة أيام

…………………………….
เกี่ยวกับท่านอิบนุอุมัร
وعن نافع قال: قال لي عبد الله بن عمر: رأيت في المنام كأن بيدي قطعة من استبرق ولا أشير بها إلى مكان من الجنة إلا طارت بي إليه فقصتها حفصة على النبي فقال: إن أخاك رجل صالح أو إن عبد الله رجل صالح] أخرجاه في الصحيحين
.........................................
จากนาเฟียะ กล่าวว่า อับดุลลอฮ บุตร อุมัร ได้กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “ ฉันได้ฝันว่า คล้ายกับในมือของฉันมี ผ้าผ้าไหม อยู่ท่อนหนึ่ง ฉันไม่ได้ใช้ผ้าไหมผืนนั้น ชี้ไปทางใหนของสวรรค์ นอกจากมันจะนำฉันบินไปที่แห่งนั้น แล้ว(ฉันได้เล่าให้ หัฟเศาะฮฟัง) แล้วนางหัฟเศาะฮก็ได้เล่าให้ท่านนบี ฟัง แล้วท่านนบี กล่าวว่า “ แท้จริงน้องชายของเธอ เป็นคนดี หรือกล่าวว่า อับดุลลอฮ เป็นคนดี – รายงานโดย บุคอรีและมุสลิม
.......................................
เพราะฉะนั้น อย่าไปเทียบชั้น กับ ท่านอิบนุอุมัน การที่ท่านบอกว่า ท่านเพิ่มเติมใน ตะชะฮุด อันนี้ เป็นการอิจญติฮาดของท่าน แต่ถ้าคุณอาจารย์ชุกรี และ ปรมาจารย์ อัชอารีย์ คิดเพิ่มละก็ บิดอะฮแน่ อยากแนะนำอาจารย์ชุกรีว่า “อย่าเปิดช่อง ให้ศิษย์คิดเพิ่มเติมในเรื่องศาสนานะครับ

................
ตอนนี้พอจะมีเวลาว่างบ้างครับท่าน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ซุกกรี
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 06/01/2006
ตอบ: 26


ตอบตอบ: Thu Mar 02, 2006 2:24 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam อาจาร์ยหะสันที่เคารพ
จริงแล้วผมกำลังจะออกเดินทางแล้วแต่เหลียวหลังเห็นอะไร ล่อตาล่อใจ เลยต้องกลับมาดูให้เห็มเต็มตาอีกครั้ง เห็นรูดำในตวัอจ.หะสันเบ้อเร้อเลยครับ..ฮิๆๆๆๆ
อจหะสันกล่าวว่า
มาชาอัลลอฮ เหนื่อยใจแทนท่านอิหม่ามชาฟิอี (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) ที่มีคนมาอ้างตัวเป็นญาติของท่าน แล้ว กลับไม่ยอมรับในคำแนะนำของท่าน มาคลั่งใคล้ในตัวท่านจนไม่แยกไม่ออกว่า ท่านคือ ใคร อิหมามชาฟิอี กล่าวว่า
.( كل ما قلت؛ فكان عن النبي صلى الله عليه وسلم خلاف قولي مما يصح فحديث النبي أولى ، فلا تقلدوني ) . (ابن عساكر بسند صحيح 15/9/2

ทุกสิ่งที่ฉันพูด แล้วปรากฏว่า สิ่งที่เศาะเฮียะจากท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ขัดแบ้งกับคำพูดของข้าพเจ้า ดังนั้น หะดิษนบี ย่อมดีกว่า อย่าเชื่อตามข้าพเจ้า – ابن عساكر بسند صحيح 15/9/

Razz โทะโถ๋...ทั่นอจ.หะสันเป็นงั้นไป ผมนึกแล้วว่าบังจะต้องมาตบตาด้วยการรออกอาการสงสาร บรรดาผู้ที่ตัดลีดตามความเข้าใจและการให้ความหมาย ของท่านอีหม่ามชาฟีอี(รด).....

อจ.ครับ ไม่ต้องเหนื่อยใจครับ ท่านอีหม่ามอัชชาฟีอี(รด)ท่านไปสบายแล้วครับและคิดว่าอัลลออ์(ซบ)คงจะพอใจผลงานที่ผ่านมาของท่านบนหน้าแผ่นดินนี้มากนะครับ ที่ทำให้ประชาชาติยุคหลังได้เห็นความสำคัญในความรู้ของท่านที่ท่านพยามยามทุ่มเทสิ่งที่ถูกต้อง เพือธำรงไว้ให้ศาสนาของเพราะอย่างน้อย ก็สามารถแนะนำและชี้แนวทางที่ถูกต้อง...ให้ห่างไกลจากการหลงผิดโดย ให้อัลลอฮ์ ไม่ให้ถูกกระทำปู้ยีปู้ยำ จนถึงปัจุบันนี้ ดีนะครับถ้าไม่มีแนวทาง ทั้ง4 แนวทางนี้มาจนถึงวันนี้ ป่านีคงจะมั่วกันไม่รู้กลายเป็นศาสนาอะไร ของใคร เพระเล่นยึดกันตามอารมฌ์ นึกจะแปลอะไรก็ได้ตามใจชอบ ไม่ต้องเสียเวลาตามการตีความของใคร อย่างนี้ รับรอง ศาสนา ของอัลลออ์คงจะเสียหายมาก แต่นี้อัลลอฮ์ทรงประสงค์และปกป้องศาสนาของพระองค์ โดยจัดส่งบรรดาผู้รู้หรืออุลามะแต่ละยุคมา ทำการชี้แนะหลังจากท่านนบีและซอฮาบะ หรือ ตาบีอีน ได้จากไปแล้ว ก็ไม่เคยว่างเว้น เหมือนการทีพระองค์ทรงสร้างคนดี/คนวลีกอรอมัต/คนซอและห์ๆ
หรือ คนมีความรู้ ไม่ขาดสายดุจดั่งสายฝนที่ไมขาดสายหรือดวงดาวบนท้องฟ้า ที่คอยให้ความกระจ่างและเปล่งแสงทั้วทุกมุมโลกยามค่ำคืน การยึดและตามบรรดาผูที่รู้และอาลิมนั้นคล้ายกับว่เรานั้นได้มาอยู่บนเรือที่ได้รับรับประกัน ว่าไม่หลงทางทั้งในความถูกต้อง ของท่านผู้รู้เหล่านั้น
การยึดตามหรือตักลีดนั้น ไม่ใช่เราจะเอาตัวท่านอีหม่ามนั้นไปเทียบเคียงเสมอกับอัลลออ์และรอซุ้ลหรือบรรดาซอฮาบะของพระองค์เลย มันเพียงแต่เรานั้นตามในสิ่งที่เขาผู้รู้ได้ทำการวินิจฉัยตัวบทที่เราเองไม่มีความรู้เท่าเทียมกับเขาเหล่านั้น ไม่ใช่วี้วั้วเหมือนคำถามของอจงหะสันที่ถามว่า เรานั้นจะเชื่อและตามใครกันแน่ ท่านบีหรือซอฮาบะ หรือ อีหม่ามชาฟีอี ผมว่าเป็คำถามที่ไร้เดียงสามากๆ

ผมเองเเคยเกรินดักหน้าอจหะสันแล้วว่าอย่ามั่วเรื่องการเอียะติกอดแต่อจหะสันคงจะอ่านแบบลวก เลยพูดกลับไปกลับมา..ชักหน้าไม่ถึงหลัง...
---และถ้าเราศึกษาตามประวัติศาตร์ที่ได้รับการบันทึกแล้วจะพบว่า...ในบางครั้งหลังจากที่ท่านบีจากไปแล้ว ซึ่งยังคงเหลือแต่บรรดาซอฮาบะ และเมื่อมีปัญหาก็เกิดขึ้นในช่วงที่ท่านนบีจากไปแล้ว หรือไม่เคยมีในสมัยท่านบี แต่ซอฮาบะที่ปกครองก็สามารถวินิจฉัยตัวบทอัลกรุอานแลพฮัฮาดีสก็มีหลายตัวอย่าง ซึ่งน้องอัลอัชฮารีและคุณอัล-ฟ่ารุกได้ยกตัวอย่างมาตั้งมาก //// พอพูดมาถึงตอนนี้ อจ.ก็ต้องบอกว่า----โอ้ย... นับถือกันนักหนากับนักศึกษาที้ง2-3คน จารกสถาบันนี้นะ มันเป็นคณะเก่า ด้วยกันนี้หว่า มันจึงกล่าวอ้างบ่อย...คิดอย่างนั้นใช่ไหมครับ ..อจ..
----อจ.หะสันครับ ผมหรือใครๆที่เข้ามาสนทนานั้นจะไม่เอาสิ่งที่เป็นมุสามากล่าวอ้างตามอารมณ์ที่ใฝ่ต่ำเพียงเพื่อชัยชนะหรือสนับสนุนแนวทางตนเองหรอกครับ ***แต่ผมคิดว่านักศึกษานั้นเขา กำลังเรียนรู้ในหลักการของศานสนา อยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นการกล่าวอ้างนั้นก็มาจากตำรับตำราที่ผมเคยเรียนมา และยังคงรูปแบบเดิม ไม่ได้เปลี่ยแปลงตามอารมฌ์นัฟสูมนุษย์นะครับ...
บางคณะที่ไม่มีแม้แต่ชื่อเรือที่จะขึ้น เพื่อข้ามฟากไปหาพระผู้เป็นเจ้าของเขาเอง และคิดว่าก็คงอาศัยในการเดินด้วยตัวเอง หรือว่ายน้ำไปเองตามความสามารถเฉพาะตัวของบุลคลที่ห้ามลอกเลียนแบบต่อกันได้ เพราะคณะที่ว่านั้นเขาไม่ตามใครไม่เชื่ออุลามะหน้าไหนทั้งนั้นในการอธิบายและแจกแจงความรู้ แต่สำหรับแนวทางอีหมามทั้ง4 ถือว่าปลอดภัยเพราะได้รับการยอมรับในการวินิจฉัยตัวบทแต่ละอย่างจนละเอียดถี่ยิบในช่วงนั้นการ..วินิจประเด็นหรือปัญหานั้นก็เหล่านั้นศึกษากันอย่างขมักขะเม้นครับ บรรดาลูกศิย์ลุฏหาเขาทุ่มเทในตัวบทกัยอย่างหน้าดำคร่ำเครียด เขาไม่มักง่ายที่จะฮูกมใครแบบ ขอไปทีหรอกครับ การจะออกมติอะไรที่เกี่ยวกับหลัศาสนานั้น มันต้องพิถีพิถันมาก ไม่เช่นนั้น การยืนอยู่ความถูกต้องไม่มีจนถึววันนี้หรอกครับ เพราะแน่แท้ พวกที่มีความคิดอุตริกรรมแต่ละยุคมันมีอุลามะชัยตอนด้านความคิดเคยคอยเสี้ยมสอนมันตลอดเวลา แต่ที่แน่ๆคือ แนวทางของอีหม่ามทั้ง4 ได้รับการยอมรับจากบรรดนักปราชณ์ทั้ง4และในยุคนั้นมาตลอดครับ แต่ส่วนแนวทางวะฮาบีย์นั้น นักปราชญ์ทั้ง4 เขาไม่เคยรู้จัมักหน้า ..และเพิ่งมีมา ไม่นานนี้เอง ฮ้าๆๆๆ ผมจีงมั่นใจและถือคติว่า การมีแนวทางนั้นมันจำเป็นสำหรับผู้ที่ไม่รู้มากเช่นผมและคนอาวาม ระดับล่างต้องมีครับ แม้ว่า มีนักเขียนบางคนโจมตีว่า การมีแนวทางตักลีดนั้นเป็นบิดอะก็ตาม แต่ผมถือว่าอัลลออ์ไม่ได้พูดนะบีไม่ได้บังคับ ซอฮาบะไม่ได้ ห้าม และในบรรดาอุลามะนักมุตะญิดทั้งหลายต่างก็ให้การยอมรับ

แต่ที่อันตรายคือการการที่เชื่อและศรัทธาต่ออัลอัลลออ์และรอซูล แบบที่คิดว่าสายตรงโดยไม่ฟังหรือยึดตามคำสอนการให้ความเข้าใจกับบรรดาผู้รู้นี่ซิ มันเสี่ยงมากครับและมีโอกาส หลงทางได้...เพราะทีผ่านมาคนยุคนี้ใครบ้างละครับที่มีความรู้ที่ดีเลิศ และเดินทางลัดไปหาอัลลออ์ได้เอง นะอูซูบิลลาห์..

อจหะสันยกการให้ความเห็นของอุลามะ ที่คัดค้านการมีแนวทางมาให้ผมทำไมครับ
อัลลอฮ (ซ.บ)สอนให้ตามอัลกุรอ่าน แต่ คนที่อ้างตัวว่า ลูกหลานชาฟิอี กลับบอกว่า แต่ฉันจะตักลิดตามอิหม่าม
قال ابن حزم : التقليد حرام ، ولا يحل لأحد أن يأخذ قول أحد غير رسول الله صلى الله عليه وسلم بلا برهان ، لقوله تعالى ( اتبعوا ما أنزل إليكم من ربكم ولا تتبعوا من دونه أولياء

อิบนุฮัซมินกล่าวว่า การตักลิดนั้น เป็นสิ่งต้องห้าม และไม่อนุญาตให้คนหนึ่งคนใด นำเอาคำพูดของคนใด อื่นจากรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม โดย ไม่มีหลักฐาน เพราะอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า (พวกเจ้าจงปฏิบัติตาม สิ่งที่ถูกประท่านแก่พวกเจ้า จากพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า และอย่าปฏิบัติตามบรรดาผู้คุ้มครอง อื่นจากพระองค์)
أعلام الموقعين 2 / 192
----ผมนั้น ไม่ได้ตามท่านอิบนุฮัชมิน ผู้ที่มีอคติต่อการตักลีด ในการมีแนวทางหรอกครับ
.....................
แต่ พวกนี้ บอกว่าเราตามอิหม่าม เราเลือกสายนี้ อยากจะถามว่า คำปฏิญานที่กล่าวนั้น มีกี่ประโยค ฮะฮา

อะเฮ้ย//// ท่านอจ.หะสัน ออกมาตบตหน้าตัวเองทำไมละครับเจ็บนะครับ ....มันเกี่ยวอะไรกับกล่าวกะลีมะชาฮาดะ..ละเนี่ยะ การเชื่อฟังหรือตามบรรดาการให้ความเข้าของผู้รู้หรือคนอะลิมนั้นมันตกศาสนาด้วยหรือท่านอจ.โรงเรียน.......อะไรหว้า...คนละเรื่องเลย..................

เอ้าละนะอจ.ผมในฐานะครูผู้น้อย ขอถามอจหะสันบ้างว่า ที่อจ.ยกความหมายของอุลามะท่านดังกล่าวที่ผ่านมาในสายบังนั้น หรือจากข้างบนนั้นอจ.หะสันต้องเปลี่ยนหรือกล่าวกะลีเมาะไหม่ไหมละ ทั่นอจ..ที่เครพ..อะฮ้าๆๆๆฮิ้ว อจ.ยิ่งพูดยิ่งเข้าป่าแล้ว เอาเรื่องเตาฮีดมาคุยแทนเรื่องบิดอะ อะอะฮา....ๆๆๆ
เฮ้อ เหนื่อยใจ...ถามปัญหาติ้งต้อง..อยู่ได้......
นีถ้าอจ.ไปคุยและกล่าวหากับพวกชีอะว่า พวกเขาต้อง กล่าวชะฮาดะใหม่นะ โดยใส่คำว่าอะลียุซุลลุ้ลลอฮ์ด้วย ผมว่าพวกชีอะก็ต้องถามกลับหรือเกทับบ้างว่า อะเอ้ยพวกวะฮาบีย์ ท่านก็ต้อง กล่าวว่า อับดุลวะฮาบตามหลังชาฮา หรือท่านอินุตัยมียะด้วยถึงจะสมบูรณ์ ฮาๆๆ

บังกล่าว่า
แฮะ แฮะ... ชอบคำพูดของน้องครูสุดที่รัก นายชุกรี ที่ว่า
คุณอัลอัฮารี คุณอัล-ฟารุกยกมาก็มาจากการกระทำชอบรรดาซอฮาบะของท่านบีทั้งนั้น แต่ครูหะสันก็ บิดเบือนไม่ยอมรับสิ่งนั้น หาว่านั้นคือ ไม่ใช่การบิดอะ
เอะ...แบบอย่างของเศาะหาบะฮ กลายเป็น บิดอะฮ ตั้งแต่เมื่อไหร่ หว่า
ฮันแน่ลืมหลังอีกแล้ว กลับไปอ่านกระทู้ที่ตอบโต้กัลคุณอัลอัชฮารีใหม่ซีครับท่านอจ.อย่าทำเป็นขี้แหมยังร้อนๆอยู่เลยนะ


Idea ผมยกข้อความของคุณอัลอัชฮารีให้พี่ๆน้อง ได้ความเข้าใจในโลกอาคีเราะของวะฮาบีย์ที่มีต่อพ่อแม่ท่านนบีที่พวกเขาชอบอ้างว่า ตนเองคือผู้ที่ทำตามซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.)แต่วะฮาบีย์กลับเชื่อว่า พ่อแม่ของนบี(ซ.ล.)อยู่ในนรก มาให้พี่น้องได้เห็นกันจะๆอีกครั้ง
al-azhary ตอบ: Thu Mar 02, 2006 9:12 am
อจ.ยอมรับและว่าตอบ
.....คิดจะนำเรื่อง บุพการีของท่านนบี มาวิจารณ์ อีกหรือ สิ้นคิดแล้วหรือน้อง....

ผมว่า ...นี่แหละเอาอะกีดะจอมปลอม ของพวกที่ ปากว่าตาขยิบ ที่ใส่ร้ายพ่อแม่ของท่านรอซุ้ล มาให้รับทราบกันบ้าง ว่าอย่าไปเที่ยวฮูกมไม่เลือกหน้าไม่เลือกกาละเทศะ..มันไม่ดีเด้อคนับทั่นอจ.ที่เครพ แล้วอย่าสอนศิษย์ให้คิดหลบลู่ของสูงญาติพี่น้องท่านนบีอีกละ มาชาอัลลออ์...
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Thu Mar 02, 2006 4:26 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อาจารย์ชุกรี กล่าวว่า
และถ้าเราศึกษาตามประวัติศาตร์ที่ได้รับการบันทึกแล้วจะพบว่า...ในบางครั้งหลังจากที่ท่านบีจากไปแล้ว ซึ่งยังคงเหลือแต่บรรดาซอฮาบะ และเมื่อมีปัญหาก็เกิดขึ้นในช่วงที่ท่านนบีจากไปแล้ว หรือไม่เคยมีในสมัยท่านบี แต่ซอฮาบะที่ปกครองก็สามารถวินิจฉัยตัวบทอัลกรุอานแลพฮัฮาดีสก็มีหลายตัวอย่าง ซึ่งน้องอัลอัชฮารีและคุณอัล-ฟ่ารุกได้ยกตัวอย่างมาตั้งมาก //// พอพูดมาถึงตอนนี้ อจ.ก็ต้องบอกว่า----โอ้ย... นับถือกันนักหนากับนักศึกษาที้ง2-3คน จารกสถาบันนี้นะ มันเป็นคณะเก่า ด้วยกันนี้หว่า มันจึงกล่าวอ้างบ่อย...คิดอย่างนั้นใช่ไหมครับ ..อจ.
.....................................
ตอบ
การอิจญติฮาดของเหล่าเศาะหาบะฮ หรือ ของอิหม่ามที้งสี่ ในประเด็นทางสังคม หรือการปกครองนั้น มันยอ่มมีแน่นอนเพราะ เพราะสังคมได้แปลนแปลงตามกาลเวลา กรณีต่างๆทางด้านสังคมมันเกิดขึ้นอย่างไม่จบสิ้นจนถึงวันกิยามะฮ



عن رجال من أهل حمص من أصحاب معاذ عن معاذ أن النبي صلى الله عليه وسلم لما بعثه قال : كيف تقضي ؟ قال : أقضي بما في كتاب الله , قال : فإن جاءك أمر ليس في كتاب الله , قال : أقضي بسنة رسول الله صلى الله عليه وسلم قال : فإن لم تكن سنة من رسول الله ؟ قال : أجتهد رأيي , قال : الحمد لله الذي وفق رسول رسول الله صلى الله عليه وسلم

จากบรรดาชายชาวเมืองหิมเศาะ จากสหายของมุอาซ จากมุอาซ ว่า แท้จริง ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อขณะที่ท่านได้ส่งเขา (ส่งมุอาซไปเป็นข้าหลวงแคว้นยะมัน ) ท่านกล่าวว่า “ ท่านจะตัดสินอย่างไร (เมื่อมีคดีถูกเสนอแก่ท่าน) เขา(มุอาซ)กล่าวว่า “ข้าพเจ้าตัดสินด้วย คัมภีร์ของอัลลอฮ , ท่านนบีกล่าวว่า “แล้วถ้าหากว่า กิจการหนึ่ง(คดีหนึ่งได้ถูกนำเสนอ)มายังเจ้า ซึ่งไม่มีในคัมภีร์ของอัลลอฮล่ะ ? เขากล่าวว่า “ข้าพเจ้าตัดสินด้วยสุนนะฮของท่านรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม , ท่านนบี กล่าวว่า แล้วถ้าไม่ปรากฏว่ามีจากสุนนะฮของรซูลุลลอฮล่ะ ? เขา(มุอาซ)กล่าวตอบว่า “ข้าพเจ้าก็จะอิจญติฮาด(วินิจฉัยอย่างเต็มความสามารถ) ด้วยความเห็นของข้าพเจ้า” – อบูดาวูด บทที่ 23 บาบที่ 11
นี่คือ การปกครอง และการตัดสินคดีความ ซึ่งหากไม่ปรากฏใน อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ก็ต้องอาศัยการอิจญติฮาดของผู้พิพากษา หรือ ผู้ปกครอง และ การอิจญติฮาด ก็อาจจะมีถูก มีผิด แต่ ถ้าผิดพลาด ก็ไม่ถือว่าเป็นบาป เพราะเขามิได้เจตนา ที่จะให้ผิด
ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

( إذا حكم الحاكم فاجتهد ثم أصاب فله أجران وإذا حكم واجتهد ثم أخطأ فله أجر واحد

เมื่อ ผู้พิพากษาได้ตัดสิน แล้วเขาได้ทำการวินิจฉัย (อย่างเต็มความสามารถ) แล้วเขาไ(ตัดสิน)ถูกต้อง เขาก็จะได้รับการตอบแทนผลบุญสองเท่า และเมื่อเขาได้ตัดสิน แล้วเขาได้ทำการวินิจฉัย (อย่างเต็มความสามารถ) แล้วผิดพลาด เขาก็ได้รับการตอบแทนผลบุญหนึ่งเท่า - รายงานโดย อัลบุคอรี บทที่ 97 กิตาบุลเอียะติศอม

........................................................
นี้คือ กิจการศาสนา ด้านการเมือง การปกครอง แต่ เรื่อง อิบาดะฮนั้น ท่านนบีได้ทำแบบอย่างไว้แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องอิจญะติฮาด และไม่จำเป็นต้องเพิ่มเติมบิดอะฮ เข้าไป คำว่า “บิดอะอ” คือ บิดอะฮหะสะนะฮ ที่น้องๆนักศึกษาไคโร ขวัญใจอาจารย์ชุกรี กล่าวถึงนั้นแหละ ฮิ ฮิ แต่ บังอะสันเชื่อว่า หากมีหลักฐาน ว่านบีทำ เศาะหาบะฮทำ นี้ไม่ใช่บิดอะฮ ครับ แต่ ถ้าไม่มี แต่อาจารย์ชุกรีคิดขึ้นเอง เช่น รับจ้าง อ่านอัลกุรอานอุทิศผลบุญให้ผู้ตาย หรือ ราเต็บ(ตะฮลีล 64000 ครั้งอุทิศผลบุญให้ผู้ตาย นี่บิดอะฮ ไม่ปนผักแน่นอนจ้า ...ฮะฮา (อย่าเครียดนะคร้าบรักทุกคนครับ)

ท่านฮาฟิซอิบนุหะญัรกล่าวว่า

المحدثات جمع محدثة، والمراد بها أي في حديث (من أحدث في أمرنا هذا ما ليس منه فهو رد)، ما أحدث وليس له أصل في الشرع يسمّى في عرف الشرع بدعة، وما كان له أصل يدلّ عليه الشرع فليس ببدعة

อัลมุหดะษาต เป็นพหุพจน์ของคำว่า “มุหดะษะอ” และความหมายของมัน อยู่ในหะดิษที่ว่า (ผู้ใดอุตริสิ่งใหม่ในกิจการของเรานี้ (กิจการศาสนา) สิ่งซึ่งไม่ได้มีมาจากมัน มันถูกปฎิเสธ) สิ่งที่ถูกอุตริขึ้นมาใหม่ โดยไม่มีที่มาในศาสนบัญญัติ เรียกตามนิยามทางศาสนาว่า “บิดอะฮ” และสิ่งใดปรากฏว่ามีที่มา ซึ่งศาสนบัญญัติแสดงบอกไว้ มันก็ไม่ใช่บิดอะฮ

، فتح الباري ج5: ص156 و ج17: ص9
..................................
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Thu Mar 02, 2006 9:17 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อาจารย์ชุกรี กล่าวว่า
แต่ที่อันตรายคือการการที่เชื่อและศรัทธาต่ออัลอัลลออ์และรอซูล แบบที่คิดว่าสายตรงโดยไม่ฟังหรือยึดตามคำสอนการให้ความเข้าใจกับบรรดาผู้รู้นี่ซิ มันเสี่ยงมากครับและมีโอกาส หลงทางได้...เพราะทีผ่านมาคนยุคนี้ใครบ้างละครับที่มีความรู้ที่ดีเลิศ และเดินทางลัดไปหาอัลลออ์ได้เอง นะอูซูบิลลาห์..
.............................................
ตอบ
การศึกษา ต้องอาศัยการถ่ายทอดจาก ครู ครูก็ศึกษาจากตำราต่างๆ ที่นักวิชาการได้รวบรวม เอาไว้ ใครบ้างล่ะครับ ไม่ยึดตามคำสอนของบรรดาผู้รู้ คุณกินยาผิดหรือ เปล่า ที่เพ้อเจ้อออกมาได้ แต่..ผู้รู้นั้น ไม่มีสิทธิ์บัญญัติคำสอนศาสน เหมือนที่อาจารย์ชุกรีเข้าใจ แต่ พวกเขามีหน้าที่ถ่ายทอดและอธิบาย คำสอนอัลลอฮและรอซูลของพระองค์ให้เราเข้าใจ

. وإن العلماء ورثة الأنبياء، إن الأنبياء لم يورثوا ديناراً ولا درهماً، ولكن ورثوا العلم، فمن أخذ منه أخذ بحظ وافر".

และแท้จริง บรรดาอุละมาอฺ (ผู้รู้)นั้น เป็นทายาทของบรรดานบี แท้จริง บรรดานบีนั้น ไม่ได้ทิ้งมรดกเอาไว้เป็น ดีนาร และ ดิรฮัม แต่ทว่า พวกเขาได้ทิ้งวิชาความรู้เอาไว้เป็นมรดก ดังนั้น บุคคลใด เอามันไว้ แน่นอนเขาได้เอาส่วนแบ่งที่สมบูรณ์ – รายงานโดยอิบนิมาญะฮ

..........................................
การเป็นทายาทนบีในด้านวิชาความรู้นั้น หมายถึง เขารับความรู้ทางศาสนา จากคำสอนนบี ไม่ใช่ อุตริบิดอะฮขึ้นมาที่หลัง
แล้วอ้างว่า นบีสอนให้เพิ่มเติมได้ ถ้าคิดว่าดี นี้คือสิ่งอันตรายครับ ท่านอาจารย์ชุกรี
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Mar 03, 2006 5:42 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากบังอะสัน


เอะ...แบบอย่างของเศาะหาบะฮ กลายเป็น บิดอะฮ ตั้งแต่เมื่อไหร่ หว่า จะให้บังตีจากคำว่า
عليكم بسنتي وسنة الخلفاء الراشدين المهديين من بعدي

เป็น
عليكم بسنتي وبدعة الخلفاء الراشدين المهديين من بعدي

อย่างนี้หรือครับ ท่านผู้เชี่ยวชาญในการตีความ

วิจารณ์

บังอะสันอย่าวิจารณ์เข้าตนเอง หะดิษนี้ เราไม่เคยอธิบายแบบบังอะสัน แต่เราอธิบายว่า

عليكم بسنتي وطريقة الخلفاء الراشدين المهديين من بعدي

คำว่า طريقة นี้ คือแนวทางที่ดี (طريقة حسنة ) หรือเรียกตามหะดิษนบีย์(ซ.ล.)อีกบทหนึ่งว่า سنة حسنة นั่นคือจุดมุ่งหมายของเรา


อ้างจากบังอะสัน

ท่านเพิ่มเติมใน ตะชะฮุด อันนี้ เป็นการอิจญติฮาดของท่าน แต่ถ้าคุณอาจารย์ชุกรี และ ปรมาจารย์ อัชอารีย์ คิดเพิ่มละก็ บิดอะฮแน่

วิจารณ์

ที่เราบอกว่า ท่านอิบนุอุมัรเพิ่มนั้น เพราะท่านอิบนุอุมัร พูดว่า "ฉันเพิ่มในมัน" และเราก็บอกบังอะสันไปหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า การเพิ่มของท่านอิบนุอุมัรในเรื่องอิบาดะฮ์นี้ ไม่ใช่เป็นการเพิ่มเติมศาสนา เพราะการเพิ่มเติมที่อยู่ภายใต้หลักการของศาสนานั้น ก็ย่อมอยู่ภายใต้ศาสนาอยู่วันยังค่ำ มันไม่เพิ่มขึ้นออกไปจากศาสนาหรอก เนื่องจากมันอยู่ภายใต้หลักการศาสนา แต่หลักการเรื่องบิดอะฮ์ของบังอะสันนะซิ ที่หุกุ่มซอฮาบะฮ์ทางอ้อมโดยไม่รู้ตัว

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Mar 03, 2006 5:47 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากบังอะสัน

คิดจะนำเรื่อง บุพการีของท่านนบี มาวิจารณ์ อีกหรือ สิ้นคิดแล้วหรือน้อง

วิจารณ์

น้อง อัล-อัซฮะรีย์ ไม่คิดสั้นหรอกบังอะสัน เราพร้อมที่คิดยาวๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ หะดิษสายรายงานซอฮิหฺก็จริง แต่ตัวบทเสี้ยวหนึ่งไม่ซอฮิหฺก็มีถมไป เนื่องจากมันไปขัดกับอัลกุรอาน เช่นหะดิษซอฮิห์กล่าวว่า อัลเลาะฮ์ทรงสร้างมัคโลก 7 วัน แต่อัลกุรอานบอก 6 วัน สายรายงานหะดิษซอฮิหฺ แต่ตัวบทไม่ซอฮิหฺ แต่เราก็ยังขอกล่าวว่า สายรายงานนั้นซอฮิห์ แต่เราจะยึด دلالة ข้อบ่งชี้จากบางคำในตัวบทของหะดิษที่ขัดกับอัลกุรอานนั้นไม่ได้

อ้างจากบังอะสัน

การเป็นทายาทนบีในด้านวิชาความรู้นั้น หมายถึง เขารับความรู้ทางศาสนา จากคำสอนนบี ไม่ใช่ อุตริบิดอะฮขึ้นมาที่หลัง
แล้วอ้างว่า นบีสอนให้เพิ่มเติมได้ ถ้าคิดว่าดี นี้คือสิ่งอันตรายครับ ท่านอาจารย์ชุกรี

วิจารณ์

เราได้อธิบายไปหลายครั้งแล้วว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาหลังจากท่านนบี(ซ.ล.)นั้น หากมันอยู่ภายใต้หลักการศาสนา ย่อมไม่ใช่เป็นการเพิ่มเติมศาสนา และนบี(ซ.ล.)ก็ไม่ได้สอนให้เพิ่มเติม แต่ท่านนบี(ซ.ล.)สอนให้ริเริ่มการกระทำที่ดีๆ ที่มีรากฐานจากศาสนา ไม่ว่าจะเป็นรากฐานแบบ ครอบคลุม หรือ แบบรายละเอียด และหากการริเริ่มการกระทำ ที่ไม่มีรากฐานมาจากศาสนานั้น ไม่ว่าจะเป็นรากฐานแบบ ครอบคลุม หรือ แบบรายละเอียด นั้น ย่อมเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงอย่างไม่ต้องสงสัย

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Mar 03, 2006 5:56 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากบังอะสัน

นี้คือ กิจการศาสนา ด้านการเมือง การปกครอง แต่ เรื่อง อิบาดะฮนั้น ท่านนบีได้ทำแบบอย่างไว้แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องอิจญะติฮาด

วิจารณ์

ทำไมบังอะสันถึงพูดแบบค้านกันเอง تناقض เพราะที่ผ่านมานั้น บังอะสันบอกว่า เรื่องตะชะฮุดนั้น เป็นการ อิจญฺฮาด ของซอฮาบะฮ์ แต่มาตอนนี้ บังอะสันกลับบอกว่า ไม่ต้องอิจญฺฮาด เพราะท่านนบี(ซ.ล.)ได้ทำแบบอย่างไว้สมบูรณ์แล้ว แล้วท่านอิบนุอุมัร ท่านอิบนุมัสอูด ไม่เข้าใจหรือว่า ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ทำแบบอย่างไว้สมบูรณ์แล้ว ถึงทำการเพิ่มตะชะฮุดขึ้นมา ดังนั้น คำที่บังอะสันชอบอ้างว่า "นบี(ซ.ล.)ได้ทำแบบอย่างสมบูรณ์แล้ว" เพื่อเอาไปเป็นหลักฐานว่า บิดอะฮ์ทั้งหมดนั้น ลุ่มหลง ผมว่าบังอะสันอ้างผิดสถานที่แล้วครับ เพราะบิดอะฮ์หะสะนะฮ์นั้น คือการกระทำที่เอามาจาก รากฐานของศาสนา โดยอยู่ภายใต้รากฐานที่สมบูรณ์พร้อมที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้กระทำแบบอย่างไว้

แต่หากบังอะสันบอกว่า สิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ทำไว้นั้นไม่พออีกหรือ? เราของตอบว่า เพียงพอแล้วครับ แต่คำว่า"เพียงพอ" นี้ บังอะสันจะเอาหุกุ่มแนวทางอื่นว่าบิดอะฮ์ลุ่มหลงนั้นไม่ได้ เนื่องจากแบบอย่างของท่านนบี(ซ.ล.)นั้น มีแบบอย่างระบุไว้แบบจำกัด และมีแบบอย่างระบุไว้แบบกว้างๆ เราจะซิกิรเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน นั้นไม่มีใครห้ามหรอก เพราะอัลเลาะฮ์ได้ทรงกล่าวแบบกว้างไว้ว่า أذكروا الله ذكرا كثيرا (พวกสูเจ้าจงรำลึก(ซิกิร)ถึงอัลเลาะฮ์ ให้มากๆ) แต่การที่เราไปจำกัดว่า ซิกิร เท่านั้น เท่านี้ มีภาคผลอย่างนี้ โดยที่ไม่มีตัวบทมาบอก ถือว่าเป็นความเชื่อที่บิดอะฮ์ เพราะไม่มีหลักฐานบอก แต่การกระทำซิกิรนั้นไม่บิดอะฮ์ เพราะมันอยู่ภายใต้หลักฐานแบบกว้างๆ นอกจากเสียว่า หากเราได้ทำการซิกิร 10000 ครั้ง แล้วอัลเลาะฮ์ก็ทรงประทานให้ในสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ นั่นก็เป็นเพียงแค่ภาคผลที่จำกัดเฉพาะผู้กระทำเท่านั้นจะลามไปหาผู้อื่นไม่ได้

อย่างเช่น เราได้ทำการซิกิรประจำ ซ่อละวาตประจำ ถือศีลอดวันเว้น อ่านอัลกุรอานสัปดาห์ละจบ เป็นต้น แล้วเราก็ฝันเห็นนบี ฝันเห็นบรรดาซอฮาบะฮ์ แล้วเราจะไปบอกผู้คนว่า ทำอะมัลแบบนั้น จะได้ภาคผล ฝันเห็นนบี ฝันเห็นซอฮาบะฮ์ แบบนี้ย่อมไม่ได้ เนื่องจากมันเป็นภาคผลเฉพาะบุคคลที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานให้เท่านั้น เราจะไปกำหนดภาคผลตายตัวแล้วบอกว่าจะได้รับแบบดังกล่าวนั้นไม่ได้ เนื่องจากบางคนอาจจะทำอะมัลอย่างนั้น แต่เขาอาจจะไม่ได้รับเหมือนกับอีกคนหนึ่งได้รับ และบังอะสันลองกระทำแบบนั้นดูซิครับ บังอะสันจะอะไรดีๆที่อัลเลาะฮ์ทรงให้ อินชาอัลเลาะฮ์

และอ. ฟาริด ก็เคยยกอ้างอิงเรื่องการซิกิรที่เป็นภาคผลเฉพาะบุคคลที่อัลเลาะฮ์ทรงให้(โดยลามไปหาผู้อื่นไม่ได้) จากหนังสือ เล่มเขียวของกลุ่มพี่น้องดะวะฮ์ แล้วหุกุ่มว่ามันเป็นสิ่งเหลวไหล แล้วอ.ฟาริด ก็บอกว่า เหล้าหยดเดียว(หมายถึงซิกิรดังกล่าว)หยดลงไป น้ำในแก้ที่สะอาดก็นะยิสแล้ว(หมายถึงหนังสือเล่มเขียวใช้ไม่ได้แล้ว) หาก อ.ฟาริด ใช้หลักการนี้ และผมอยากจะถามบ้างว่า หนังสือ อิจญฺมาอ์ อัลญุยูช ของท่านอิบนุก๊อยยิม ก็มีหะดิษเมาฏั๊วะมากมาย แล้วคุณค่าหนังสือของท่านอิบนุก๊อยยิมนี้ ต้องสูญสิ้นไป เหมือนกับ เหล้าที่หยดลงไปในแก้วน้ำที่สะอาดหรือไม่? และหนังสือเล่มอื่นๆอีกมากมาย ผมว่าอาจารย์ฟาริด ตอบผมไม่ได้อย่างแน่นอน แต่หากอาจารย์ฟาริด ตอบมา คำตอบนั้น ก็น่าจะเหมือนกับการตอบของหนังสือเล่มเขียวของพี่น้องดะวะฮ์

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Mar 03, 2006 6:00 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากบังอะสัน

روى الطبراني بإسناد صحيح عن النبي أنه قال: ((ما تركت شيئاً يقربكم إلى الله إلا وأمرتكم به، وما تركت شيئاً يبعدكم عن الله إلا وقد نهيتكم عنه
รายงานโดยอัฏฏอ็บรอนีย์ด้วยสายสืบที่เศาะเฮียะ จากท่านนบีว่า ท่านกล่าวว่า ( ฉันไม่ได้ทิ้งสิ่งใดที่ทำให้พวกท่านใกล้ชิดกับอัลลอฮ นอกจากฉันได้ใช้พวกท่านไว้แล้ว และฉันไม่ได้ทิ้งสิ่งใดที่ทำให้ท่านห่างใกลจากอัลลอฮ นอกจากฉันได้ห้ามไว้แล้ว)
ดังนั้น แบบอย่างที่ท่านนบีได้ทำเอาไว้แล้ว มันสมบูรณ์แล้ว หน้าที่อุมมะฮของนบีคือ ปฏิบัติตาม ไม่ใช่มาเพิ่มเติม ในสิ่งที่ท่านนบีได้ทำแบบอย่างไว้ อีกประการหนึ่ง อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับเหล่าเศาะหาบะฮ เพราะพวกเขาย่อมเข้าใจในเจตนาของท่านนบี

วิจารณ์

ซุบหานัลลอฮ์!! บังอะสัน ต้องการจะเอาหะดิษนี้ มาโยงกับเรื่องบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ที่มีรากฐานจากคำสั่งใช้ของท่านนบี(ซ.ล.)อีกแล้วหรือครับ ? หะดิษนั้น มีความถูกต้อง แต่ความเข้าใจของบังอะสันผิดอย่างสิ้นเชิง ผมอยากถามบังอะสันว่า หะดิษนี้ ที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้กล่าวมานี้ ถูกบังคับยุคสมัยใหนครับ ท่านนบี(ซ.ล.) พูดกับบรรดาซอฮาบะฮ์ใช่ไหมครับ ? หรือ ซอฮาบะฮ์เข้าใจว่า หะดิษนี้ถูกบังคับใช้ ยุคหลังจาก 300 ปี หรือซอฮาบะฮ์เข้าใจว่า หะดิษนี้ เราไม่ต้องปฏิบัติตาม แต่ให้อุลามาอ์รุ่นหลังปฏิบัติตาม ?? หรือว่าท่านอิบนุอุมัร ท่านอิบนุมัสอูด ทราบหะดิษของท่านนบี(ซ.ล.)ที่ว่า "ฉันไม่ได้ทิ้งสิ่งใดที่ทำให้พวกท่านใกล้ชิดกับอัลลอฮ นอกจากฉันได้ใช้พวกท่านไว้แล้ว" แต่บรรดาซอฮาบะฮ์ไม่เข้าใจ ก็เคยทำการเพิ่มตะชะฮุดเข้ามาอีก ด้วยการอิจญฺติฮาด หรือว่าซอฮาบะฮ์ไม่เข้าใจคำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.)ที่บอกว่าศาสนาสมบูรณ์แล้ว เมื่อตัวบทชัดอย่างนี้แล้ว ซอฮาบะฮ์ยังจะอิจญฺฮาดเพิ่มเติม(ตามความเข้าใจของบังอะสัน)มาได้อีกหรือครับ?
พออุลามาอ์ยุคหลังล่ะก็ บังอะสันบอกว่า إبتداع (อุตริกรรม) แต่พอเราอ้างความเข้าใจของซอฮาบะฮ์ล่ะก็ บังอะสันก็อ้างหลีกเลี่ยงว่า มันเป็น إجتهاد (วินิจฉัย) ทั้งที่ความจริงแล้ว บรรดาซอฮาบะฮ์นี่แหละ ที่เป็นแบบอย่างของพวกเรา บรรดาซอฮาบะฮ์นี่แหละ ที่วางรูปแบบการ إجتهاد ให้แก่เรา เมื่อก่อนนี้พี่น้องวะฮาบีย์อ้างตนเองตามสะลัฟ ทำตามความเข้าใจของสะลัฟ แต่มาวันนี้ บังอะสันผู้อยู่ในแนวทางวะฮาบีย์ กลับบอกว่า เราอย่าเอาอย่าง(เทียบ) กับซอฮาบะฮ์ คือหมายถึง ซอฮาบะฮ์ได้อิจญฺฮาตไว้อย่างนั้น เราอย่าไปตามอย่างการวินิจฉัยของซอฮาบะฮ์

แต่บังอะสันบอกว่า เพราะซอฮาบะฮ์เข้าใจเจตนารมณ์ของท่านนบี(ซ.ล.) แล้วเจตนารมณ์ของท่านนบี(ซ.ล.)ที่ซอฮาบะฮ์เข้าใจคืออะไรครับ ท่านผู้อ่าน ก็คือ ซอฮาบะฮ์เข้าใจว่า ทำอิบาดะฮ์ขึ้นมาในสมัยนบี(ซ.ล.)ได้ แม้ไม่มีคำสั่งจากอัลกุรอานและหะดิษมาระบุ โดยอยู่ในหลักการโดยรวม และเข้าใจว่า ทำการเพิ่มเติมอิบาดะฮ์ หลังจากสมัยนบี(ซ.ล.) โดยอยู่ในหลักการโดยรวม และการเพิ่มนี้ บรรดาซอฮาบะฮ์ก็ไม่ได้เข้าใจว่า มันเป็นการเพิ่มเติมศาสนา เนื่องจากสิ่งที่เพิ่มมานั้น มันอยู่ในหลักการ มันเป็นการเพิ่มตามขนาดของอิบาดะฮ์ تحديد المقدار ที่อยู่ในเชิงสมัครใจกระทำ(สุนัต)ที่อยู่ในหลักการโดยรวมเท่านั้นเอง ไม่ใช่ไปเพิ่มเติมอิบาดะฮ์ขึ้น แล้วสั่งผู้คนว่า วายิบ จะต้องทำสิ่งนี้ ซึ่งแน่นอนว่า แบบนี้คือการเพิ่มเติมในศาสนา

และหะดิษ "ทุกบิดอะฮ์นั้นลุ่มหลง" นั้น บรรดาซอฮาบะฮ์ ก็ไม่ได้เข้าใจว่า การกระทำความดีขึ้นมา เช่นการเพิ่มของท่านอิบนุอุมัร ท่านอิบนุมัสอูด โดยอยู่ในหลักการทั่วไปนั้น คือการการอุตริกรรมบิดอะฮ์ในศาสนา ในทางตรงกันข้าม หากบรรดาซอฮาบะฮ์เข้าใจ หะดิษดังกล่าวเหมือนกับวะฮาบีย์ปัจจุบัน แน่นอนว่า พวกเขา จะไม่กล้าเพิ่มเติมอะไรขึ้นมาเลย แม้ว่าจะอยู่ในหลักการ หรือไม่ เนื่องจากท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้ใช้ แต่นี่ซอฮาบะฮ์ไม่ได้เข้าใจแบบวะฮาบีย์

แต่เมื่อซอฮาบะฮ์เข้าใจอย่างนี้ พี่น้องวะฮาบีย์อย่างบังอะสัน กลับบอกเหมือนว่า เราอย่าไปตามความเข้าใจของซอฮาบะฮ์ เราอย่าไปตามหลักการวินิจฉัยของซอฮาบะฮ์ เพราะถ้าเราตามละก็ มันก็จะนำเราไปสู่การกระทำบิดอะฮ์ !! เนื่องจากการกระทำของซอฮาบะฮ์นั้น เป็นอิจญฺฮาด แต่ถ้าหากเราทำตามความเข้าใจของซอฮาบะฮ์ในเรื่องอิจญฺฮาด เราก็จะกลายไปผู้ทำบิดอะฮ์???
ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า"และฉันไม่ได้ทิ้งสิ่งใดที่ทำให้ท่านห่างใกลจากอัลลอฮ นอกจากฉันได้ห้ามไว้แล้ว" นั่นไงล่ะครับ สิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ใช้ให้ห่างไกลนั้น คือสิ่งที่นบี(ซ.ล.) ได้ห้ามไว้แล้ว และสิ่งที่นบี(ซ.ล.)ไม่ได้ห้ามไว้ล่ะครับ เราจะทำได้หรือเปล่า? หากเราจะทำสิ่งที่นบี(ซ.ล.)ไม่ได้ห้ามนั้น ต้องมีเงื่อนไขที่รัดกุมอย่างไรบ้าง? อันนี้เราก็มีหลักการที่ได้อธิบายไปแล้ว
ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า

ท่าน อัล-บัซฺซฺาร ได้รายงานจาก อบี อัดดัรดาอ์ ว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)กล่าวว่า

وما أحل الله فى كتابه فهو حلال وما حرم فهو حرام ، وما سكت عته فهو عفو ، فأقبلوا من الله عافيته ، فإن الله لم يكن لينسى شيئا ، ثم تلا ( وما كان ربك نسيا)
قال البزار : إسناده صالح، وصصه الحاكم

"สิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงอนุมัต (คือ สิ่งวายิบ สุนัติ และมุบะฮ์) ในคำภีร์ของพระองค์นั้น คือสิ่งที่หะลาล (จนถึงวันกิยามะฮ์) และสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม (คือ หะรอม และมุกโระฮ์ ด้วยหนทางแบบสรุป หรือรายละเอียด) นั้น คือสิ่งที่ห้าม (จนถึงวันกิยามะฮ์) และสิ่งที่พระองค์ทรงนิ่งจากมัน (คือสิ่งที่ ยาอิซฺ อนุญาติให้กระทำได้) ย่อมเป็นการอนุโลมให้ ดังนั้น พวกท่านตอบรับการผ่อนปรนของพระองค์เถิด เพราะแท้จริงแล้ว อัลเลาะฮ์ไม่ทรงเคยลืมเลย จากนั้นท่านร่อซูลได้อ่านอายะฮ์ที่ว่า "และพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น ไม่ทรงลืม" ท่านอัล-บัซฺซฺารกล่าวว่า หะดิษนี้ ดี และท่านหะกิมถือว่า หะดิษนี้ซอฮิหฺ

แล้วบังอะสันไม่สมควรพูดอีกนะครับว่า เราเอาความเข้าใจของซอฮาบะฮ์มาทำบิดอะฮ์ เนื่องจากสิ่งที่บังอะสันพูดว่า เราทำบิดอะฮ์นั้น ย่อมมีที่มา และเราก็จะได้สนทนากัน อัล-อัซฮะรีย์ก็ถามไปแล้วว่า พร้อมจะเลื่อนกันสนทนหรือยัง ? หากยัง ก็บังก็อย่าเพิ่งบอกว่า เราทำบิดอะฮ์ เพราะบางครั้งสิ่งที่บังอะสันเชื่อว่า มันเป็นบิดอะฮ์นั้น ที่แท้มันคือซุนนะฮ์ อย่างเช่น เรื่องกุนูต และเรื่องอื่นๆก็จะตามมาอย่างแน่นอน อินชาอัลเลาะฮ์

และเราเองนั้น ไม่ได้เอาตนเองไปเทียบกับซอฮาบะฮ์เลย เพราะมันห่างกันราวฟ้ากับธุลีดิน แต่แบบอย่างในการอิจญฮาดต่างหากล่ะ ที่บรรดาอุลามาอ์มุจญฺฮิดยุคหลัง สามารถนำมาเป็นแบบอย่างได้ แต่ ต้องอยู่ในเงื่อนไข และหลักการศาสนา ที่นักปราชน์วางไว้นะครับ

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Mar 03, 2006 6:07 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากบังอะสัน

ข้อนี้ ขอถาม หน่อยครับ ฉันจะเพิ่มเติม ดุอาอิฟติตะห ที่แต่งขึ้นเอง หรือ การเศาะละวาตให้แก่บรรดารซูลยี่สิบห้าท่าน หรือ ตะฮลีล ในละหมาด ได้ไหม ครับ

วิจารณ์

บังอะสันครับ ขอบคุณที่ตั้งสมมุติคำถามแก่เรา เนื่องจากว่า มันจะทำให้หลักการของเราเด่นชัดยิ่งขึ้น

บังอะสันครับ เราจะไปแต่งดุอาอ์อิฟติตาห์ขึ้นมาใหม่ แล้วไปเพิ่มไม่ได้หรอกครับ เพราะมันจะไปทำลายหรือยกเลิกซุนนะฮ์ และเกือบจะเปลี่ยนแปลงซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.)ที่มีแต่เดิม ส่วนการเศาะละวาตบรรดาร่อซูล และตะฮลีล นั้น ผมไม่ทราบว่าบังอะสันจำกัดเพิ่มตรงใหน? หากเพิ่มตอนอ่านฟาติหะฮ์นั้น พังครับ หากไปเพิ่มซ่อลาวาตและตะฮ์ลีล ตอนร่อกั๊วะ สุยูด ก็เป็นการขัดสิ่งที่ร่อซูลได้ บะยาน(อธิบาย) หัสรฺ (จำกัดไว้แล้ว) ดังนั้น การเพิ่มเติมที่บังอะสันเสกสรรสมมุติขึ้นมานั้น มันเกือบจะเป็นการเปลี่ยนแปลงและขัดกับหลักการ

และการเพิ่มดุอาอ์ที่เราต้องการขอหลังจากอ่านตะชะฮุดนั้น กระทำได้อย่างไม่ต้องสงสัย จะอ่านดุอาเป็นภาษาอาหรับอย่างไรก็ได้ เพราะท่านนบี(ซ.ล.) ได้บอกไว้แบบ مطلق เปิดกว้าง จะขอให้ได้เมียดีๆสวยๆก็ไม่แปลก หากเราเลือกจะขอกับอัลเลาะฮ์อย่างนั้น

แต่การทำอิบาดะฮ์แบบสมัครใจ (สุนัต) ที่อยู่ภายใต้หลักการกว้างๆ مطلق นั้น ย่อมไม่ใช่ปัญหา แล้วผมก็เคยบอกเงื่อนไขไปแล้วว่า

เงื่อนไขที่ 3

บิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ต้องไม่ไปขัด หรือ ค้าน กับตัวบทหนึ่ง จากบรรดาตัวบทของศาสนา และการกระทำบิดอะฮ์หะสะนะฮ์นั้น ต้องไม่ทำให้มีการยกเลิก หรือลบล้าง ซุนนะฮ์ใด ซุนนะฮ์หนึ่งของศาสนา ซึ่งอิมาม อัลฆ่อซาลีย์ได้กล่าวบ่งถึงไว้ว่า "บิดอะฮ์ที่ถูกตำหนินั้น คือสิ่งที่ไปคัดค้านกับซุนนะฮ์ที่มีอยู่เดิม หรือเกือบจะทำการเปลี่ยนซุนนะฮ์นั้น"

และสิ่งที่บังอะสัน สมมุติมานั้น อย่าว่าแต่ผมที่ไม่ใช่อุลามามุจญฺฮิดเลย ที่ไม่ยอมรับ บรรดาอุลามาอ์มุจญฺฮิด ก็ไม่ยอมรับ การกระทำแบบที่บังอะสันสมมุติมา ตามเงื่อนไชที่ 4 คือ

เงื่อนไขข้อที่ 4

บิดอะฮ์หะสะนะฮ์นั้น ต้องเป็นสิ่งที่บรรดามุสลิมมีนมีความเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดี คือหลักจากที่ บิดอะฮ์นี้ไม่ได้ขัดแย้งกับอัลกุรอาน ซุนนะฮ์ และอิจญฺมาอ์ และคำว่า "บรรดามุสลิมีน" นี้ หมายถึง ปวงปราชน์นักวิชาฟิกห์ ไม่ใช่มุสลิมที่เป็นคนเอาวามทั่วไปๆ ที่ไม่สามารถวินิจฉัยในเรื่องศาสนาไม่ได้ และผมหวังว่า พี่น้องวะฮาบีย์คงจะเข้าใจทัศนะของเรามากขึ้น


และเราก็เคยบอกบังอะสันไปแล้วว่า บิดอะฮ์หะสะนะฮ์นั้น ไม่ใช่ทำการง่ายๆ ตามอารมณ์และตามอำเพอใจ

ท่านอัดดาร่อกุฏนีย์ ได้รายงานจาก ท่านอบี ษะอฺละบะฮ์ อัลค่อชะนีย์ จากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ท่านกล่าวว่า

إن الله فرض الفرائض فلا تضيعوها ، وحد حدودا فلا تعتدوها ، وحرم أشيياء فلا تنتهكوها، وسكت عن أشياء رحمة بكم من غير نسيان فلا تبحثوا عنها

"แท้จริง อัลเลาะฮ์ทรงกำหนดบรรดาฟัรดู ดังนั้นพวกเจ้าอย่าละเลยกับมัน และพระองค์ทรงวางขอบเขตต่างๆไว้ ดังนั้นพวกเจ้าก็อย่าละเมิดกับมัน และพระองค์ทรงห้ามกับประการต่างๆ ดังนั้น สูเจ้าก็อย่าละเมิดกับมัน และพระองค์ทรงไม่กล่าวจากบรรดาประการต่างๆ ก็เพราะเป็นความเมตตาต่อพวกเจ้า โดยที่ไม่ทรงลืมเลย ดังนั้นพวกเขาก็อย่าพิเคราะห์(ถาม)ถึงมันเลย"

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Mar 03, 2006 8:05 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

บังอะสันครับ ความจริง คืนนี้ ผมจะเข้ามาเปิดประเด็นปัญหาข้อปลีกย่อย หรือ ปัญหาคิลาฟียะฮ์ แต่ก็ยังไม่ให้คำตอบ น้องอัล-อัซฮะรีย์ ว่าจะเลื่อนประเด็นการสนทนาหรือไม่? เราก็จะสนทนาประเด็นหลักการ บิดอะฮ์หะสะนะฮ์และหลักการทำอิบาดะฮ์กันต่อไป ซึ่งผมเห็นว่าบังอะสันยังให้ความสำคัญกับมันอยู่ และผมก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะมันจะเป็นผลสืบเนื่องในการสนทนาปัญหาข้อปลีกย่อยด้วยนะครับ ดังนั้น บังอะสันคงไม่เข้าใจว่า พวกเราถ่วงเวลา หรอกนะครับ ซึ่งเราก็บอกเหตุผลไปแล้ว และบังก็อะสันก็เห็นด้วยใช่ป่ะล่ะ เพราะยังต้องการคุยเรื่องหลักการอยู่

คุณชุกกรีครับ بارك الله فيك

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته وطيباته

ผมเข้ามาคราวนี้ ก็ได้อ่านสิ่งที่คุณนำเสนอมาเพลินเลยครับ มันมีการเปรียบเปรยที่ดีและให้แง่คิดกับผู้อ่านเป็นอย่างมากเลย คุณเข้ามา โดยใช้คำว่า เข้ามาประเมินบังอะสัน ผมจึงคิดถึงเมืองไทยเลยครับ ตอนที่ผมกลับไปใหม่ๆ ผมก็เป็นครูเหมือนกัน ต้องประเมิณผลนักเรียน ต้องวางแผนการสอน ในช่วงนั้นหลักสูตรทางกระทรวงได้เปลี่ยนแปลงบ่อย ก็เลยต้องอบรมกันหลายครั้ง ก็เหนื่อยเหมือนกัน ทางกระทรวงส่งคนมาอบรมคณะครู และมีแผนการสอนหนึ่งบอกว่า "สอนนักเรียนให้มีความสุข" ได้ผมฟังแล้ว ยังขำกับตัวเอง เพราะผมคงสอนนักเรียนให้มีความสุขตลอดไม่ได้ เนื่องจากไม้เรียวติดมืออยู่ตลอด ผมมันคนโบรานนะครับ เลยต้องใช้ไม้ เพราะนักเรียนบางคนเกเรเหลือเกิน แต่ก็ผูกพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนดีครับ อยู่เมืองไทย ไม่ค่อยว่างเลยครับ ต้องไปโน้น ไปนี่ ไปเยี่ยมบ้านก็นานทีครั้ง จะเจอแม่ผม ก็ตอนท่านไปฟังผมปราศัยนั่นแหละ แต่เป็นครูได้สักพัก ก็ต้องขึ้นมาเรียนต่อ กลับกลายเป็นนักศึกษาเหมือนเดิม อัลหัมดุลิลลาห์ ตอนอยู่เมืองไทย ไม่ค่อยมีเวลาคนคว้าสักเท่าไหร่เลย เวลามีน้อยมาก พอผมขึ้นมาเรียนต่ออีกครั้ง จึงรู้ค่าของการเป็นนักศึกษามากขึ้น และพ่อแม่ต้องส่งเสียเล่าเรียนเหมือนเดิม


ได้มาเรียนครั้งนี้ จึงได้ความรู้เพิ่มอีกมาโข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้ที่ได้จากปากคำพูดขอ ง ชัยค์และศาสตราจารย์ ก่อนเรียนนั้นผมจะอ่านหนังสือก่อน บางครั้งตอนอ่าน ผมจะไม่เข้าใจ เช่นวิชาเตาเซาวุฟ แต่เวลาเข้าไปเรียน โดยที่ชัยค์อ่านเพียงให้ฟังเท่านั้นแหละ ผมกลับเข้าใจโดยไม่รู้ตัวเลย นั่นย่อมชี้เห็นถึงความสำคัญ ในการได้รับความรู้จากปากคำพูดของผู้ทรงความรู้ ดังนั้น ความรู้ย่อมไม่ใช่ของเราเลยแม้แต่น้อย แต่มันเป็นของอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) มันเป็นคุณลักษณะซีฟัตของพระองค์ พระองค์จะให้ผู้ใดก็ได้ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ดังนั้น คนเราเกิดมาจากท้องมารดาโดยไม่มีความรู้สิ่งใดเลย แต่ทำไมเมื่อเรารู้เดียงสา เรากลับได้รับความรู้ ได้รับการเรียนรู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็เพราะว่า อัลเลาะฮ์ทรงให้ความรู้แก่เรา หากความรู้เป็นของเราแล้ว แน่นอนว่า ตอนเป็นทารก เราก็รู้ได้แล้ว ดังนั้น ผู้ใดที่เชื่อยะเกนว่า ตนเองนี่แหละคือผู้มีความรู้ สามารถค้นคว้าหาความรู้เองได้ โดยไม่ยะเกนว่า ความรู้นั้นเป็นของอัลเลาะฮ์ โดยไม่กลับความรู้ที่เราได้มาไปหาเจ้าของ คืออัลเลาะฮ์ เขาก็ย่อมเป็นผู้ที่มีฮิญาบ ยังไปไม่ถึงอัลเลาะฮ์อย่างแท้จริง ซึ่งหากเรายะเกนและนำความรู้นั้นกลับไปหาอัลเลาะฮ์ผู้เป็นเจ้าของ เราก็จะรู้คุณกตัญญูในความโปรดปรานของพระองค์ที่มอบความรู้ให้แก่เรา เมื่อเรารู้คุณชุกูรกับพระองค์เช่นนี้ เราก็จะไปถึงอัลเลาะฮ์ และพระองค์ก็จะทรงรักเรา แล้วพระองค์ก็ทรงประทานเพิ่มความรู้ให้กับเราอีกอย่างคณานับไม่ถ้วน "หากพวกเจ้ารู้คุณ เราก็จะเพิ่มให้แก่พวกเจ้า"(อัลกุรอาน)

คุณชุกกรีครับ คำสลามที่ให้ไปนั้น สำหรับคุณโดยเฉพาะ โดยเพิ่มคำว่า وطيباته ผมไม่รู้ว่าเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงตามทัศนะของบังอะสันหรือเปล่าน่ะ เสียวหลังอยู่เหมือนกัน
Smile Smile

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Mar 03, 2006 10:17 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
น้อง al- farook ครับ ประประเด็นบิดอะฮ ในข้อปลีกย่อยได้เลย แต่ขอเอาประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในเมืองไทย เป็นอันดับแรก และ ขอให้ใช้อัล-กุรอ่าน อัสสุนนะฮ เป็นมาตรฐานในการตัดสิน ที่ต้องการแบบนี้ เพราะ หากปัญหาเหล่านี้ เป็นเรื่องใกล้ตัว อีกอยาก ขอให้คุยกันด้วยวิชาการ และ ด้วยบรรยากาสที่เป็นพี่น้องกัน ใครจะมาร่วมก็ได้ แต่อย่าเข้ามา ระบายอารมณ์
อยากได้ชื่อจริง ของ น้อง al-farook น้อง al-azhary น้อง ชุกรี ส่วน มุหัมหมัด และ คนอยากรู้ ถ้าลดการเป็นนักเลงหน่อยก็จะดี เพราะเราต่างก็คุยกันเรื่องศาสนา
อีเมล์ของบังที่ใช้ asan@muslimthai.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Mar 03, 2006 10:21 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แก้ไข

บังอะสันครับ ความจริง คืนนี้ ผมจะเข้ามาเปิดประเด็นปัญหาข้อปลีกย่อย หรือ ปัญหาคิลาฟียะฮ์ แต่ก็ยังไม่ให้คำตอบ น้องอัล-อัซฮะรีย์ ว่าจะเลื่อนประเด็นการสนทนาหรือไม่?
.................
ตอบ
salam
น้อง al- farook ครับ เปิดประเด็นบิดอะฮ ในข้อปลีกย่อยได้เลย แต่ขอเอาประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในเมืองไทย เป็นอันดับแรก และ ขอให้ใช้อัล-กุรอ่าน อัสสุนนะฮ เป็นมาตรฐานในการตัดสิน ที่ต้องการแบบนี้ เพราะ หากปัญหาเหล่านี้ เป็นเรื่องใกล้ตัว อีกอย่าง ขอให้คุยกันด้วยวิชาการ และ ด้วยบรรยากาสที่เป็นพี่น้องกัน ใครจะมาร่วมก็ได้ แต่อย่าเข้ามา ระบายอารมณ์
อยากได้ชื่อจริง ของ น้อง al-farook น้อง al-azhary น้อง ชุกรี ส่วน มุหัมหมัด และ คนอยากรู้ ถ้าลดการเป็นนักเลงหน่อยก็จะดี เพราะเราต่างก็คุยกันเรื่องศาสนา
อีเมล์ของบังที่ใช้ asan@muslimthai.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Mar 03, 2006 10:58 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

روى الطبراني بإسناد صحيح عن النبي أنه قال: ((ما تركت شيئاً يقربكم إلى الله إلا وأمرتكم به، وما تركت شيئاً يبعدكم عن الله إلا وقد نهيتكم عنه
รายงานโดยอัฏฏอ็บรอนีย์ด้วยสายสืบที่เศาะเฮียะ จากท่านนบีว่า ท่านกล่าวว่า ( ฉันไม่ได้ทิ้งสิ่งใดที่ทำให้พวกท่านใกล้ชิดกับอัลลอฮ นอกจากฉันได้ใช้พวกท่านไว้แล้ว และฉันไม่ได้ทิ้งสิ่งใดที่ทำให้ท่านห่างใกลจากอัลลอฮ นอกจากฉันได้ห้ามไว้แล้ว)
ดังนั้น แบบอย่างที่ท่านนบีได้ทำเอาไว้แล้ว มันสมบูรณ์แล้ว หน้าที่อุมมะฮของนบีคือ ปฏิบัติตาม ไม่ใช่มาเพิ่มเติม ในสิ่งที่ท่านนบีได้ทำแบบอย่างไว้ อีกประการหนึ่ง อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับเหล่าเศาะหาบะฮ เพราะพวกเขาย่อมเข้าใจในเจตนาของท่านนบี

วิจารณ์ (ของน้อง al-farook)

ซุบหานัลลอฮ์!! บังอะสัน ต้องการจะเอาหะดิษนี้ มาโยงกับเรื่องบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ที่มีรากฐานจากคำสั่งใช้ของท่านนบี(ซ.ล.)อีกแล้วหรือครับ ? หะดิษนั้น มีความถูกต้อง แต่ความเข้าใจของบังอะสันผิดอย่างสิ้นเชิง
......................................................................
ตอบ

อัลหั้มดุลิลละฮ บังเข้าใจถูกแล้วครับ คือ บังต้อง การจะบอกว่า สิ่งทีดีนั้นท่านนบีได้สอนและทำแบบอย่างไว้แล้ว สิ่งที่จะทำให้เราได้รับความโปรดปราณจากอัลลอฮนั้น ท่านนบีได้สอนไว้แล้ว ท่านนบีย่อมรู้ว่า อะไรอัลลอฮโปรดปราณ อะไร ที่อัลลอฮทรงกริ้ว เพราะท่านคือ ผู้ที่ได้รับวะหยูจากอัลลอฮ เรายืนอยู่บนจุดที่ท่านนบียืนอยู่ ก็พอเพียงแล้ว ทำไมต้องมาเพิ่มเติม

ท่านบีกล่าวว่า
إني لأعلمكم بالله عز وجل وأتقاكم له قلباً) . رواه ( أحمد ، برقم : 23183

แท้จริงฉัน ย่อมรู้เกียวกับอัลลอฮ(ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงสูงส่ง) ยิ่งกว่าพวกท่าน และฉันมีหัวใจที่ยำเกรงยิ่งกว่าพวกท่าน - รายงานโดย อะหมัด

คำพูดขออิหมามมาลิก อธิบายสิ่งที่บังกล่าวได้ดีที่สุดคือ

ما لم يكن يومئذ دينا فلا يكون اليوم دينا".
الاعتصام (1/49).
สิ่งใดที่ไม่ใช่ศาสนา ในวันนั้น ดังนั้น ในวันนี้ก็ไม่ใช่ศาสนา - อัลเอียะติศอม 6/46

....................................
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 22, 23, 24 ... 31, 32, 33  ถัดไป
หน้า 23 จากทั้งหมด 33

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.13 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ