ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - มัซฮับสะละฟีย์และมัซฮับทั้งสี่ (ภาคที่ 2)
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
มัซฮับสะละฟีย์และมัซฮับทั้งสี่ (ภาคที่ 2)
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 20, 21, 22 ... 31, 32, 33  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Tue Feb 28, 2006 10:17 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากบังอะสัน

เรื่อง เรื่องศาสนา หมายถึง กิจการทางศาสนาที่เกี่ยวการประกอบศาสนกิจ (อิบาดะฮ) มีหลักอยู่ว่า

الأصل في العبادات أنها محظورة إلا ما دل الدليل على كونها مشروعة ، قال تعالى : { أم لهم شركاء شرعوا لهم من الدين ما لم يأذن به الله

หลักเดิมในเรื่องอิบาดะฮนั้น มันถูกห้ามมิให้กระทำ นอกจากสิ่งที่มีลักฐาน แสดงบอกว่า มีบัญญัติใช้ให้กระทำ ดังที่อัลลอฮ(ซ.บ)ตรัสว่า “ หรือพวกเขามีบรรดาภาคี บัญญัติศาสนาให้แก่พวกเขา สิ่งซึ่งอัลลอฮมีทรงอนุญาต ด้วยมัน

วิจารณ์

หลักการนี้ คือเรื่องอิบาดะฮ์หลักๆ เช่นการละหมาด เพิ่มเป็น 6 เวลาไม่ได้ ทำฮัจญฺในเดือนอื่นจาก เดือนฮัจยีไม่ได้ ถือศีลอดวายิบอื่นจากเดือนร่อมาดอนไม่ได้ แน่เรื่องบิดอะฮ์หะสะนะฮ์(หรือซุนนะฮ์หะสะนะฮ์)นั้น ก็อยู่ภายใต้กรอบและหลักฐานของศาสนาเช่นเดียวกัน ดังนั้น หลักการที่บังอะสันอ้างอิงมานั้น มันอยู่ในประเด็นของบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง ที่ไม่มีรากฐานและหลักฐานมาจากศาสนา ไม่ใช่บิดอะฮฺหะสะนะฮ์ที่อยู่ในกรอบของหลักการและหลักฐานของศาสนา บังอะสันลองมาเข้าใจการกระทำของซอฮาบะฮ์ ว่ามันขัดกับหลักการของบังอะสันที่อ้างอิงมาหรือเปล่า?
ท่านอบูดาวูด ได้นำเสนอรายงาน จากท่าน อิบนุอุมัร ซึ่งท่านอิบนุอุมัรได้รายงาน การอ่านตะชะฮุด ของท่านนบี(ซ.ล.) ว่า

التحيات لله الصلوات الطيبات السلام عليك أيها النبى ورحمة الله وبركاته - قال إبن عمر : زدت فيها : ( وبركاته وأشهد أن محمدا عبده ورسوله

ดู หนังสืออธิบายสุนันของท่านอบีดาวูด ที่ชื่อว่า บัซฺลุลมัจญฺฮูด เล่ม 5 หน้า 293 - 294

ท่านผู้อ่านโปรดทำความเข้าใจกับเราดังนี้ครับ "ท่านอิบนุอุมัร(ขอโปรดพระองค์อัลเลาะฮ์ทรงพึงพอพระทัยต่อเขาและบิดดาของเขาและประทานความพึงพอพระทัยต่อเขาและบิดาของเขาด้วยเถิด) ได้ทำการรายงาน การอ่านตะฮียาตของท่านนบี(ซ.ล.)ซึ่งมันเป็นเรื่องอิบาดะฮ์ แต่ท่านอิบนุอุมัร ผู้ที่เป็นซอฮาบะฮ์ที่เคร่งครัดในการเจริญรอยตามท่านนบี(ซ.ล.)อย่างมากท่านหนึ่งจากบรรดาซอฮาบะฮ์ แต่ท่านอิบนุอุมัร ก็ทำการเพิ่มเรื่องอิบาดะฮ์มาจากตัวท่านเอง เช่นท่านอุมัรกล่าวว่า "ฉันเพิ่มในตะฮียาดกับคำว่า "วะบะรอกาตุฮู" และฉันเพิ่มคำว่า "วะหฺดะฮู ลา ชะรีกะละฮ์" ซึ่งเพิ่มเข้ามา โดยที่ไม่มีหลักฐานที่นบีสั่งใช้ การกระทำของท่านอิบนุอุมัรนี้

1. เป็นการเพิ่มเติมศาสนาและวางบทบัญญัติขึ้นมาใหม่ไหมครับ?

2. มันเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงเพราะท่านนบี(ซ.ล.)ไม่เคยทำไหมครับ?

3. แล้วมันเป็นการเพิ่มเติมที่เป็นการกระทำขึ้นมาใหม่ไหมครับ?

4. แล้วสิ่งที่ทำขึ้นมาใหม่นั้น ภาษาอาหรับเขาเรียกว่า "บิดอะฮ์" ไหมครับ?

5. แล้วทำไมท่านอิบนุอุมันจึงเพิ่มมันขึ้นมาเอง หรือว่ามันเป็นกระทำขึ้นมา"ที่ดี" เพราะอยู่ในกรอบศาสนา?

และนั่นคือความเข้าใจของท่านอิบนุอุมัรนั้น ก็คือ สิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้กระทำ ก็ย่อมไม่ถือว่าหะรอม นั่นคือความเข้าใจของซอฮาบะฮ์ ไม่ใช่ความเข้าใจของอุลามาอ์พี่น้องวะฮาบีย์!!!

ดังนั้น หลักการ القاعدة ที่บังอะสันยกมานั้น กรุณาอย่าลามปามถึงเรื่อง "บิดอะฮ์หะสะนะฮ์" (หากบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงนั้นไม่เป็นไร) ซึ่งหากบังอะสันเอาหลักการนั้น รวมถึงบิดอะฮ์หะสะนะฮ์แล้ว ท่านอิบนุอุมัร โดนเต็มๆเลยครับ วัลอิยาซุบิลลาห์ (ขออัลเลาะฮ์ทรงเมตตาและพึงพอพระทัยแด่ท่านอิบนุอุมัร และบิดาของท่าน คือท่านซัยยิดินาอุมัรด้วยเถิด และโปรดให้ทั้งสองพ้นจากหลักการโดยทางอ้อมของพี่น้องวะฮาบีย์ด้วยเถิด ยาร๊อบ)

อ้างจากบังอะสัน

มาดูหลักการในเรื่องอิบาดะฮ

أن العبادات مبناها على الشرع والاتباع، لا على الرأي والاستحسان والابتداع

แท้จริง การอิบาดะฮนั้น ต้องวางอยู่บน บทบัญญัติ และการปฏิบัติตาม ไม่ใช่ความเห็น ไม่ใช่คิดว่าดี และไม่ใช่การอุตริขึ้นมาใหม่

วิจารณ์

บังอะสันครับ บรรดาซอฮาบะฮ์มีเป็นแสนก็จริง แต่ซอฮาบะฮ์ที่อยู่ในระดับ ผู้วินิจฉัยได้นั้น มีประมาณ 130 คน (เกล็ดความรู้ครับ ผู้อ่านสมควรจำ) แล้วการวินิจฉัยของซอฮาบะฮ์ กับอิบาดะฮ์ที่อัลกุรอานและซุนนะฮ์ไม่ได้บอกไว้นั้น ก็คือสิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ยอมรับด้วย ซอฮาบะฮ์บางท่าน กระทำอิบาดะฮ์ขึ้นมาเองโดยอ่านซิกิรในละหมาด และท่านนบี(ซ.ล.)ยังไม่ทันให้การยอมรับเลย บรรดามะลาอิกะฮ์ก็แย่งกันบันทึกความดีเสียแล้ว ท่านบิลาล ได้ทำการกำหนดเวลาละหมาด สองร่อกะอัต เป็นประจำหลังอาบน้ำละหมาด และนบี(ซ.ล.)ยังไม่ให้การยอมรับเลย แต่อัลเลาะฮ์รับรองได้เข้าสวรรค์เสียแล้ว ท่านค่อบีบ ได้ทำการทำละหมาดสองร่อกะอัต ก่อนถูกประหาร ขึ้นมาเอง ท่านอิบนุอุมัร ได้ทำการเพิ่มเติมการอ่านตะชะฮุด ท่านอิบนุ มัสอูด ได้ทำการเพิ่มเติมตะชะฮุดขึ้นมาเอง แล้วแบบนี้ พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นพวกที่ตั้งภาคี และกำหนดศาสนาขึ้นมาเองหรือไม่? และเป็นอิบาดะฮ์ที่มมุษย์คิดขึ้นมาเองหรือไม่? มาชาอัลเลาะฮ์.... ดูเหมือนว่าหลักการของบังอะสันจะดี ที่ยกอายะฮ์ที่ถูกประทานแก่พวกกาเฟร มาอ้างพาดพิงกับเรา แต่เหมือนว่า จะโดนกับซอฮาบะฮ์เต็มๆ วัลอิยาซุบิลลาห์ !! หรือว่า บรรดาซอฮาบะฮ์ไม่เข้าใจ อายะฮ์ดังกล่าวนั้น ถึงต้องเพิ่มในสิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้ใช้ หรือว่า ซอฮาบะฮ์ อย่างท่าน ค่อบีบ ท่านอิบนุอุมัร ท่านอิบนุมัสอูดได้ทำอิบาดะฮ์ โดย ไม่ได้อยู่ บนหลักศาสนา على الشرع ไม่ได้อยู่บนการเจริญรอยตาม الاتباع แต่พวกเขาทำอิบาดะฮ์ขึ้นมา โดยใช้ความเห็น الرأي และคิดเองว่ามันเป็นสิงที่ดี الاستحسان หรือว่า ทำการอุตริกรรม الابتداع ในสิ่งที่ อัลกุรอานและซุนนะฮ์ไม่ใด้ใช้ ???

และที่สำคัญ พวกเขาไม่เข้าใจคำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.) ที่ว่า "ทุกๆบิดอะฮ์(ในศาสนา) นั้นลุ่มหลง" ดอกหรือ? ถึงได้อุตริทำอิบาดะฮ์ขึ้นมา หรือว่า การกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นมาใหม่ที่อยู่ในหลักการศาสนาทั่วไป คือสิ่งที่ดีและกระทำตามความเข้าใจของซอฮาบะฮ์

แล้วหลักการของบังอะสันที่ยกมานั้น เอาความเห็นมาจากใคร ? และเป็นหลักการของซอฮาบะฮ์หรือไม่? และความเข้าใจของซอฮาบะฮ์จริงๆนั้น มันเป็นอย่างไร? ซึ่งผมก็ได้อธิบายไปแล้ว เกี่ยวกับเรื่อง ซุนนะฮ์ ตักรีรียะฮ์ อัลหัมดุลิลลาห์

------------------------------

ท่านผู้อ่านครับ บังอะสันคิดว่า บิดอะฮ์หะสะนะฮ์นั้น คือ การทำกระเพิ่มเติมศาสนา คิดว่ามันเป็นการกระทำอิบาดะฮ์ที่ไม่มี أصل ที่มา จึงทำการฮุกุ่ม กับบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ เกี่ยวกับอิบาดะฮ์ ที่สะลัฟได้แบ่งไว้ อย่างวอดวาย ว่ามัน เป็น "บิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง" โดยยึด القاعدة จากบรรดาอุลามาอ์ที่ว่า

الأصل في العبادات أنها محظورة إلا ما دل الدليل على كونها مشروعة

"แรกฐานเดิมในเรื่องอิบาดะฮนั้น มันถูกห้ามมิให้กระทำ นอกจากสิ่งที่มีลักฐาน แสดงบอกว่า มีบัญญัติใช้"

หรือพูดอีกสำนวนหนึ่งจากอุลามาอ์ที่ว่า

الأصل في العبادة التوقف أو التحريم

"แรกฐานเดิมในเรื่องอิบาดะฮ์นั้น คือการหยุด หรือห้าม (ปฏิบัติจนกระทั้งมีหลักฐานที่มาบัญญัติ)"

แล้วบังอะสัน ก็เข้าใจ ไปว่า บิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ก็รวมอยู่ใน อิบาดะฮ์ที่ไม่มีที่มา หรือหลักฐานมาบัญญัติ จึงหุกุ่มมันเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงทั้งหมด ทั้งที่บรรดาซอฮาบะฮ์ที่ยึดมั่นและเคร่งครัดในการเจริญรอยตามท่านนบี(ซ.ล.) ก็ไม่ได้เข้าใจอย่างบังวะฮาบียและบังอะสัน แล้วความเข้าใจอย่างถูกต้องการ القاعدة นี้นั้น มันคืออะไรกัน ซึ่งความจริงแล้ว ความหมายของมันก็คือ

أنه لا يجوز التقرب إلى الله تعالى بعمل ليس له مستند شرعي.

"ไม่อนุญาติให้ทำการสร้างความใกล้ชิด ต่ออัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ด้วยการปฏิบัติ ที่ไม่มีหลักฐานที่มาของหลักศาสนา"

แต่บิดอะฮ์หะสะนะฮ์นั้น มีหลักฐานที่มาของหลักศาสนา หากเราทำการตรวจสอบที่มาในหลักวิชาการฟิกห์นั้น คือ

หลักฐานที่มา ตามหลักของศาสนา มี อยู่ 2 ประเภท

1. مستند إجمالى หลักฐานที่มาแบบสรุป คือ

هو: الأحكام الشرعية الأصليَّة المكتَسَبة من أدِلتها الإجمالية

คือ บรรดาหุกุ่มต่างๆของศาสนา ที่เป็นรากฐานที่ถูกนำมาจาก บรรดาหลักฐาน(ของหุกุ่มต่างๆ)แบบสรุป

เช่นอนุญาติให้ทำการส่งเสริม ให้มีวโรกาศต่างๆในการกระทำคุณงามความดี ที่ได้รับมาจาก การส่งเสริมการกระทำคุณงามความดี ของท่านร่อซูล(ซ.ล.) ในคือ ลัยละตุลเกาะดัร เนื่องจากเป็นคืนที่อัลกุรอานได้ประทานลงมา การเฉลิมฉลองส่งเสริมให้กระทำคุณงามความดี เนื่องในวโรกาศวันเกิดของท่านนบี(ซ.ล.) ด้วยการถือศีลอดในวันจันทร์ การเฉลิมฉลองส่งเสริมให้มีการกระทำคุณงามความดี เนื่องในวโรกาศวันที่ท่านบีมูซา อะลัยฮิสลาม ได้รอดพ้นจากเงื้อมมือของฟิรอูน ด้วยการถือศีลอดในวัน อาชูรออ์ พร้อมกับการที่ท่านนบี(ซ.ล.) ก็ไม่ได้ห้ามให้เราในการเฉลิมฉลองส่งเสริมในการกระทำความดี ด้วยวโรกาศอื่นๆ นอกเสียจากมันเป็นการส่งเสริมในสิ่งที่เป็นภัยพิบัติที่ขัดกับหลักศาสนา และนบี(ซ.ล.)ก็ไม่ได้กล่าวว่า วายิบ ต้องทำการส่งเสริมในการกระทำความดี ด้วยการเฉลิมฉลองวโรกาศดังกล่าว ด้วย

2. مستند تفصيلي หลักฐานที่มาแบบรายละเอียด

هو: الأحكام الشرعية الفرعيَّة المكتسبة من أدلتها التفصيلية

คือ บรรดาหุกุ่มของศาสนาในข้อปลีกย่อยที่ได้รับมาจาก บรรดาหลักฐานที่อยู่ในเชิงรายละเอียด
เช่น หุกุ่มของบรรดาอิบาดะฮ์ต่างๆ ที่ศาสนาได้ระบุไว้เป็นการเฉพาะมันแล้ว เช่นการละหมาดต่างๆ การถือศีลอด ทำฮัจญี ซะกาต การเชือดสัตว์ และอื่นๆ

ดังนั้น เรื่องบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ จึงไม่คัดค้านขัด القاعدة ที่บังอะสันว่ามาเลย แต่ยิ่งไปกว่านั้น บิดอะฮ์หะสะนะฮ์กลับเข้าไปอยู่ภายใต้ القاعدة ดังกล่าว ด้วยสาเหตุ 2 ประการ

1. ท่านนบี(ซ.ล.)ส่งเสริมให้ ริเริ่มการกระทำขึ้นมา ก็แนวทางที่ดี ที่สอดคล้องและไม่ขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์

من سن في الإسلام سنة حسنة فله أجرها وأجر من عمل بها بعده من غير أن ينقص من أجورهم شيء ومن سن في الإسلام سنة سيئة كان عليه وزرها ووزر من عمل بها من بعده من غير أن ينقص من أوزارهم شيء

" ผู้ใด ที่ได้ริ่เริ่มทำขึ้นมา ในอิสลาม กับหนทางที่ดี แน่นอน ผลตอบแทนของมัน ก็มีให้แก่เขา และผลตอบแทนของผู้ที่ได้ปฏิบัติด้วยกับมัน จากหลังเขา(เสียชีวิตไปแล้วก็ได้กับเขา) โดยไม่มีสิ่งใดลดลงไปเลย จากผลการตอบของพวกเขา และผู้ใด ทีได้ริเริ่ม(อุตริ)ทำขึ้นมา ในอิสลาม กับหนทางที่เลว แน่นอน บาปของมันก็ตกบนเขา และบาปของผู้ที่ปฏิบัติมัน จากหลักเขา(เสียชีวิตไปแล้วก็ตกบนเขา) โดยไม่มีสิ่งใดบกพร่องลงไปเลย จากบรรดาบาปของพวกเขา" (รายงานโดย ท่านอิมาม มุสลิม ไว้ในซอเฮี๊ยะหฺของท่าน หะดิษที่ 1017)

และท่านนบี(ซ.ล.) ก็สั่งห้ามให้ริเริ่มกระทำขึ้นมาใหม่กับสิ่งที่เลว ดังที่ท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวว่า

كل بدعة ضلالة

"ทุกบิดอะฮ์นั้น ลุ่มหลง"

หมายถึง ทุกบิดอะฮ์ ที่ขัดกับหลักศาสนานั้น ย่อม ลุ่มหลง และประเด็นของหะดิษเหล่านี้ เราก็ได้อธิบายรายละเอียดไปแล้ว อัลฮัมดุลิลลาห์

2. บิดอะฮ์ที่วางอยู่บนหลักการของหุกุ่มศาสนา หากบิดอะฮ์นั้น อยู่ในหุกุ่มวายิบ ก็ถือว่าเป็นบิดอะฮ์ที่วายิบ และบิดอะฮ์ที่อยู่ในมาตรฐานของหะรอม ก็เป็นบิดอะฮ์ที่หะรอม.....(ซึ่งเราได้นำเสนอไปแล้ว)

ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า

ท่าน อัล-บัซฺซฺาร ได้รายงานจาก อบี อัดดัรดาอ์ ว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)กล่าวว่า

وما أحل الله فى كتابه فهو حلال وما حرم فهو حرام ، وما سكت عته فهو عفو ، فأقبلوا من الله عافيته ، فإن الله لم يكن لينسى شيئا ، ثم تلا ( وما كان ربك نسيا)
قال البزار : إسناده صالح، وصصه الحاكم

"สิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงอนุมัต (คือ สิ่งวายิบ สุนัติ และมุบะฮ์) ในคำภีร์ของพระองค์นั้น คือสิ่งที่หะลาล (จนถึงวันกิยามะฮ์) และสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม (คือ หะรอม และมุกโระฮ์ ด้วยหนทางแบบสรุป หรือรายละเอียด) นั้น คือสิ่งที่ห้าม (จนถึงวันกิยามะฮ์) และสิ่งที่พระองค์ทรงนิ่งจากมัน (คือสิ่งที่ ยาอิซฺ อนุญาติให้กระทำได้) ย่อมเป็นการอนุโลมให้ ดังนั้น พวกท่านตอบรับการผ่อนปรนของพระองค์เถิด เพราะแท้จริงแล้ว อัลเลาะฮ์ไม่ทรงเคยลืมเลย จากนั้นท่านร่อซูลได้อ่านอายะฮ์ที่ว่า "และพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น ไม่ทรงลืม" ท่านอัล-บัซฺซฺารกล่าวว่า หะดิษนี้ ดี และท่านหะกิมถือว่า หะดิษนี้ซอฮิหฺ

ข้อควรระวัง

บังอะสัน โปรดอย่าสับสนระหว่าง การจำกัด คุณลักษณะของอิบาดะฮ์ تحديد الوصف และการจำกัดของขนาดของอิบาดะฮ์ تحديد المقدار ในเรื่องของอิบาดะฮ์ เพราะหลักการศาสนาได้จำกัด คุณลักษณะของอิบาดะฮ์ เช่น การละหมาด คือ เริ่มด้วยการตักบีร และ จบด้วยการให้สลาม ด้วยมีบรรดา ลักษณะและรุกุ่นต่างๆของการละหมาด แต่หลักการของศาสนาก็ไม่ได้ จำกัด บรรดาอะมัลที่อยู่ในความหมายแบบกว้างๆ ที่อนุญาติให้กระทำได้ เช่น การอ่านอัลกุรอาน การกล่าวสรรญเสริญอัลเลาะฮ์ และการกล่าวซิกรุลเลาะฮ์ เป็นต้น และเฉกเช่นเดียวกัน คือ หลักศาสนา ได้จำกัดบรรดาละหมาดฟัรดู ด้วยบรรดาร่อกะอัตต่างๆไว้เรียบร้อยแล้ว และได้จัดกำเวลาของละหมาดห้าเวลาไว้พร้อมสรรพ และได้กำหนดการละหมาดสุนัตร่อวาติบหลังละหมาดห้าเวลาแล้ว แต่ว่า หลักศาสนา ไม่ได้จำกัด จำนวนหรือขนาดของอิบาดะฮ์ที่เป็นสุนัต ที่สมัครใจกระทำ และไม่ได้กำหนดเวลาเอาไว้

หมายเหตุ

นี้คือข้อเขียนจาก บังอัล-ฟารูก ที่ฝากผมโพสท์ครับ

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Tue Feb 28, 2006 11:38 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ข้อความจาก น้อง al-azhary
التحيات لله الصلوات الطيبات السلام عليك أيها النبى ورحمة الله وبركاته - قال إبن عمر : زدت فيها : (وبركاته وأشهد أن محمدا عبده ورسوله
ดู หนังสืออธิบายสุนันของท่านอบีดาวูด ที่ชื่อว่า บัซฺลุลมัจญฺฮูด เล่ม 5 หน้า 293 - 294
ท่านผู้อ่านโปรดทำความเข้าใจกับเราดังนี้ครับ "ท่านอิบนุอุมัร(ขอโปรดพระองค์อัลเลาะฮ์ทรงพึงพอพระทัยต่อเขาและบิดดาของเขาและประทานความพึงพอพระทัยต่อเขาและบิดาของเขาด้วยเถิด) ได้ทำการรายงาน การอ่านตะฮียาตของท่านนบี(ซ.ล.)ซึ่งมันเป็นเรื่องอิบาดะฮ์ แต่ท่านอิบนุอุมัร ผู้ที่เป็นซอฮาบะฮ์ที่เคร่งครัดในการเจริญรอยตามท่านนบี(ซ.ล.)อย่างมากท่านหนึ่งจากบรรดาซอฮาบะฮ์ แต่ท่านอิบนุอุมัร ก็ทำการเพิ่มเรื่องอิบาดะฮ์มาจากตัวท่านเอง เช่นท่านอุมัรกล่าวว่า "ฉันเพิ่มในตะฮียาดกับคำว่า "วะบะรอกาตุฮู" และฉันเพิ่มคำว่า "วะหฺดะฮู ลา ชะรีกะละฮ์" ซึ่งเพิ่มเข้ามา โดยที่ไม่มีหลักฐานที่นบีสั่งใช้ การกระทำของท่านอิบนุอุมัรนี้
.........................................
ตอบ
คำว่า وبركاته وأشهد أن محمدا عبده ورسوله เป็นสำนวนที่ประกฎในหะดิษของ ท่านอิบนุมัสอูด และ ท่าน อิบนุอับบาส แล้วกล่าวหาว่า อิบนุอุมัรเพิ่มเติมอย่างไรละครับ ทำไมเหมือนกับที่ท่านนบีสอนละครับ โปรดดูข้างล่าง
ما روى عبد الله بن مسعود قال‏whistling#8207; ‏(‏علمنى رسول الله - صلى الله عليه وسلم- التشهد - كفى بين كفيه - كما يعلمنى السورة من القرآن‏whistling#8207; التحيات لله والصلوات والطيبات‏,‏ السلام عليك أيها النبي ورحمة الله وبركاته السلام علينا وعلى عباد الله الصالحين أشهد أن لا إله إلا الله‏,‏ وأشهد أن محمدا عبده ورسوله‏


ما روى ابن عباس قال‏: ‏ ‏(‏كان رسول الله - صلى الله عليه وسلم- يعلمنا التشهد كما يعلمنا السورة من القرآن فيقول‏whistling#8207; قولوا‏whistling#8207; التحيات المباركات الصلوات الطيبات لله‏,‏ سلام عليك أيها النبي ورحمة الله وبركاته سلام علينا وعلى عباد الله الصالحين أشهد أن لا إله إلا الله‏,‏ وأشهد أن محمدا رسول الله‏)‏ أخرجه مسلم والترمذي وقال‏whistling#8207; حديث حسن صحيح‏,‏ إلا أن في رواية مسلم ‏"‏ وأشهد أن محمدا عبده ورسوله
…………………..
อิหม่ามมุสลิม กล่าวว่า บรรดานักวิชาการ มีมติเห็นฟ้องกันเกี่ยวกับ ตะชะฮฮุด ที่รายงานโดยอิบนุมัสอูด เพราะบรรดาสาวกไม่ได้ขัดแย้งกัน - ดูฟิกฮ อัสสุนนะฮ เล่ม 1 หน้า 118-119 และ อัลมุฆนีย อิบนุ กุดามะฮ กิตาบุศเศาะละฮ


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย asan เมื่อ Mon Jul 16, 2012 3:26 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Mar 01, 2006 12:25 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ข้อความของ al-azhary
และฉันเพิ่มคำว่า "วะหฺดะฮู ลา ชะรีกะละฮ์" ซึ่งเพิ่มเข้ามา โดยที่ไม่มีหลักฐานที่นบีสั่งใช้ การกระทำของท่านอิบนุอุมัรนี้
........................
ตอบ
ในหนังสือ เอานุลมะฮบูด ชัรหสุนนันอบีดาวูด กล่าวว่า

وفي حديث ابن عمر عند الدارقطني إلا أن سنده ضعيف . ‏
(การเพิ่มเพิ่มคำว่า "วะหฺดะฮู ลา ชะรีกะละฮ์")ในหะดิษอิบนุอุมัร ที่รายงานโดย อัดดารุลกุฏนีย์ นอกจากว่า สายสืบของมันเฏาะอีฟ
ใหนบอกมาด้วยว่าหะดิษนี้ เศาะเหียะหรือไม่ และเป็นที่ยอมรับหรือเปล่า
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Wed Mar 01, 2006 1:13 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างอิงจากบังอะสัน

ในหนังสือ เอานุลมะฮบูด ชัรหสุนนันอบีดาวูด กล่าวว่า

وفي حديث ابن عمر عند الدارقطني إلا أن سنده ضعيف . ‏
(การเพิ่มเพิ่มคำว่า "วะหฺดะฮู ลา ชะรีกะละฮ์")ในหะดิษอิบนุอุมัร ที่รายงานโดย อัดดารุลกุฏนีย์ นอกจากว่า สายสืบของมันเฏาะอีฟ
ใหนบอกมาด้วยว่าหะดิษนี้ เศาะเหียะหรือไม่ และเป็นที่ยอมรับหรือเปล่า

ตอบ

ผมนะยังขำกับการ วิจารณ์หะดิษของบังอะสันเลยครับ คือวิจารณ์ให้เข้าตัวทั้งเพ อย่าหะดิษเกี่ยวกุนูต ยกแต่หะดิษฏออีฟมา ของซอเฮี๊ยะหฺล่ะก็ ไม่ยอมเอามา หะดิษละหมาด 20 ตะรอวิหฺก็อีกอย่าง ยกแต่ของฏออีฟมา สายรายที่ซอเฮี๊ยะหฺล่ะก็ ปกปิดซ่อนเร้นแน่นหนา กลัวทัศนะของตนเองจะพัง วันนี้บังอะสันมาวิจารณ์สายรายงาน จากท่านอิบนุ อุมัรอีกแล้วครับ แล้วมายกอ้างอิงว่า สายรายงานจากท่าน อัดดารุกุฏนีย์ นั้นฏออีฟ แล้วอยากถามบังอะสันหน่อยนะครับว่า สายรายงานจากท่านอิบนุอุมัรนี้ มีท่านอัดดารุกุฏนีย์ สายเดียวหรือ ที่รายงาน แล้วสายรายงานอื่นล่ะครับ ไม่นำเสนอมาบ้างหรือครับ? หรือว่าพอนำมาเสนอแล้ว กลัวจะมีสายรายงานที่ซอเฮี๊ยะหฺ ฮ่าๆๆ

อ้างอิงจากบังอะสัน

คำว่า وبركاته وأشهد أن محمدا عبده ورسوله เป็นสำนวนที่ประกฎในหะดิษของ ท่านอิบนุมัสอูด และ ท่าน อิบนุอับบาส แล้วกล่าวหาว่า อิบนุอุมัรเพิ่มเติมอย่างไรละครับ ทำไมเหมือนกับที่ท่านนบีสอนละครับ

ตอบ

ท่านอิบนุอุมัรกล่าวว่า
ท่านอบูดาวูด ได้นำเสนอรายงาน จากท่าน อิบนุอุมัร ซึ่งท่านอิบนุอุมัรได้รายงาน การอ่านตะชะฮุด ของท่านนบี(ซ.ล.) ว่า

التحيات لله الصلوات الطيبات السلام عليك أيها النبى ورحمة الله وبركاته - قال إبن عمر : زدت فيها : ( وبركاته وأشهد أن محمدا عبده ورسوله

ดู หนังสืออธิบายสุนันของท่านอบีดาวูด ที่ชื่อว่า บัซฺลุลมัจญฺฮูด เล่ม 5 หน้า 293 - 294

จากคำกล่าวของท่านอิบนุอุมรนี้ เราไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะวิจารณ์เรื่องคำต่างๆของการอ่านตะชะฮุด บังอะสันโปรดเข้าใจซิครับ เราต้องการพิจารณาคำของท่านอิบนุอุมัรที่ว่า "ฉันได้เพิ่มในมัน(ตะชะฮุด)" ซึ่งหมายถึง ท่านอิบนุอุมันได้เพิ่มเติมมา โดยไม่รู้มาจากท่านนบี(ซ.ล.) ดังนั้น การเพิ่มของท่านอิบนุอุมัร จึงเป็นการเพิ่มที่ไม่ได้มีมาจากท่านนบี(ซ.ล.)ในความเชื่อของท่านอิบนุอุมัร เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านอิบนุอุมัรจึงกล่าวว่า "ฉันได้เพิ่มในมัน" ดังนั้น เมื่อท่านอิบนุอุมัร ไม่รู้ว่าท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวอย่างนั้น และท่านอิบนุอุมัรก็เพิ่มมาจากตัวท่านเอง (ไม่ใช่ไปเอามาจากท่านอิบนุมัสอูด จากท่านอิบนุอับบาส) จึงชี้ได้ว่า ท่านอิบนุอุมัรได้ทำการเพิ่มมาเองในสิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกแก่ท่านอิบนอุมัร

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Mar 01, 2006 1:23 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เพิ่มเติม
จากหะดิษอิบนุอุมัรที่น้อง al-az-hary ยกมาอ้างว่า อิบนุอุมัรทำบิดอะฮนั้น มีนักวิชาการคนใดบ้าง ที่อ้างว่า อิบนุอุมัรทำบิดอะฮในกรณีนี้ ช่วยชี้แจงเพิ่มเติมด้วย
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Wed Mar 01, 2006 2:04 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างอิงจากบังอะสัน

จากหะดิษอิบนุอุมัรที่น้อง al-az-hary ยกมาอ้างว่า อิบนุอุมัรทำบิดอะฮนั้น มีนักวิชาการคนใดบ้าง ที่อ้างว่า อิบนุอุมัรทำบิดอะฮในกรณีนี้ ช่วยชี้แจงเพิ่มเติมด้วย

ตอบ

เราไม่เคยกล่าวว่า ท่านอิบนุ อุมัร ทำบิดอะฮ์ครับ แต่สิ่งที่เรานำเสนอไปนั้น เพียงเพื่อจะบอกกับบังอะสันว่า เรื่องอิบาดะฮ์นั้น กระทำได้ หากแม้ว่า ท่านนบี(ซ.ล.) ไม่ได้ทำไว้ และการทำอิบาดะฮ์นั้น หากมันเข้าไปอยู่ภายใต้หลักการของศาสนา แต่หากบังอะสันอ้างว่า การทำอิบาดะฮ์นั้น ต้องมีหลักฐานมาจากการกระทำของท่านนบี(ซ.ล.)เท่านั้น และหากไม่มีมาจากท่านนบี(ซ.ล.)ถือว่าเป็นบิดอะฮ์แล้ว บังอะสันกำลังเหมือนว่า ทำการหุกุ่มบรรดาซอฮาบะฮ์ด้วย ดังนั้นเรื่องกรณีหลักเดิมของการทำอิบาดะฮ์ ต้องมีหลักฐานใช้นั้น บังอะสันต้องทำความเข้าใจเสียไหม่ โดยอย่างเอาบิดอะฮ์หะสะนะฮ์เข้าไปรวมด้วย ดังที่บังอัล-ฟารูก อธิบายไปแล้ว


وعن الشعبي قال‏whistling#8207; كان ابن مسعود يقول بعد السلام عليك أيها النبي ورحمة الله وبركاته‏whistling#8207; السلام علينا من ربنا‏

رواه الطبراني في الكبير ورجاله رجال الصحيح‏

" รายงานจาก ท่านอัชชะอฺบีย์ เขากล่าวว่า ท่านอิบนุมัสอูด ได้กล่าวหลังจากอ่าน السلام عليك أيها النبي ورحمة الله وبركاته‏ (โดยเพิ่ม) ว่า السلام علينا من ربنا‏ " รายงานโดยท่าน อัฏฏ๊อบรอนีย์ ไว้ใน มั๊วะญัมอัลกะบีร และบรรดานักรายงานของท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์นั้น เป็นนักรายรายที่ซอเฮี๊ยะหฺ (ดู มัจญฺมะอฺ อัลซะวาอิด ของท่าน อัลฮัยษะมีย์ หะดิษที่ 2863)

บังอะสันครับ ท่านอิบนุมัสอูดเพิ่มด้วยครับ และอย่าลืมผ่านด่าน ในกรณีของท่านอิบนุมัสอูดด้วยนะครับ แค่ซอฮาบะฮ์คนเดียวก็เพียงพอสำหรับความเข้าใจชองเราแล้วล่ะครับ ฮ่า ฮ้า

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Mar 01, 2006 7:20 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

น้อง al-azhary กล่าวว่า
บังอะสันครับ ท่านอิบนุมัสอูดเพิ่มด้วยครับ และอย่าลืมผ่านด่าน ในกรณีของท่านอิบนุมัสอูดด้วยนะครับ แค่ซอฮาบะฮ์คนเดียวก็เพียงพอสำหรับความเข้าใจชองเราแล้วล่ะครับ ฮ่า ฮ้า
.........................................
ตอบ

ตอนนี้น้องและสหายพยายามถ่วงเวลา โดย พยามลากการกระทำของบรรดาเศาะหาบะฮบางท่าน มาอ้างเรื่องการเพิ่มเติมในศาสนา อันหมาย ถึง พยายามที่จะบอกว่า เพิ่มเติมบิดอะฮในศาสนาได้ถ้าเห็นว่าดี ซึ่ง เราพยายาม ยกบิดอะฮยี่ห้อไทยแลนด์ ที่ผู้รู้บ้านเราสร้างมา เพื่อมาคุยกัน แต่ น้องและสหายพยายามถ่วงเวลา อ้างนั้น อ้างนี่ ลากยาวถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ เรียกว่า ดิ้นสุดๆเลยล่ะ เพราะกล้วจะสูญเสียกล่องดวงใจ ฮะฮา
ส่วนการกระทำของเหล่าเศาะหาบะฮ เช่นอิบนุมัสอูด และอิบนุอุมัรนั้น หากสายสืบถูกต้อง
ย่อมถือว่า เป็นหะดิษมัรฟัวะ เพราะ นักวิชาการต่างก็มีมติยอมรับถ้อยคำในตะชะฮุด ที่รายงานมาจากท่านทั้งสอง และท่านทั้งสองจะต้องได้ยินจากท่านนบี เพราะรูปแบบของการอิบาดธนั้น เป็น สิ่งที่ต้องรอคำสังจากศาสนา และการกระทำของเหล่าเศาะหาบะฮ ก็ไม่ได้หมายถึงอนุญาตให้บุคคลทั่วไป อุตริบิดอะฮขึ้นมาในศาสนา


وأما ماورد عن أبن عمر وابن مسعود رضي الله عنهما في صيغ التشهد فهذا أن صح إسناده ، فهوا في حكم المرفوع إلى النبي صلى الله عليه وسلم ، والعلماء متفقون على أن جواز كل التشهدات التي وردت عن الصحابه ، لأنها كلها ----- أن صح الأسناد ---- محمولة على سماعها عن النبي صلى الله عليه وسلم ، لأن أفعال الصلاة وأقوالها توقيفية ، وما ورد عن الصحابه رضي الله عنهم في ذلك مع صحة إسنادة ، فهوا داخل في هذه القاعدة وليس هوا من الأحداث في الدين .

ومعلوم أن الصحابه كانوا من أشد الناس حرصاً على الأتساء بالنبي صلى الله عليه وسلم ، في كل أقواله وافعاله ، فكيف بالصلاة التي هيا أعظم أركان الدين فكانوا لا يفعلون شيئاً فيها إلا أقتداء به عليه الصلاة والسلام
http://www.ro3h.net/vb/showthread.php?p=61312
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ซุกกรี
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 06/01/2006
ตอบ: 26


ตอบตอบ: Wed Mar 01, 2006 9:15 am    ชื่อกระทู้: มัสหับ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

บังหะสันอย่าครับอย่าเสียเวลาตอบโต้กับผมเลยครับ...

ถ้าบังมีความรู้จริงๆเหมือนทีมนักศึกษาจากไคโร บังก็สมควรตอบคำถามหรือหาหลักฐานมาหักล้าง คำพูดเหล่านั้นดีกว่านะครับเพราะรู้สึกว่าจะบังค้างคำถามเขาตั้งมากมายแล้วนะ บังตอบไม่ได้หรือหมดภูมิปัญญาตัวเองแล้วหรือครับ ถ้างั้นบังก็หาตัวช่วยมาตอบแทนก็ได้นะครับ เพราะเท่าทีผมเช็คดูคร่าวๆประมาณ เกือบ20กว่าคำถามแล้วนะที่บังค้างและดองเอาไว้ บางคำถามก็ตอบไม่ตรงประเด็น และไม่เคลียร์ด้วย

อย่างน้อยประเด็นเรื่องบิดอะห์นี้..น่าจะหาข้อสรุปได้แล้ว...ว่าสิ่งที่ฝ่ายวะฮาบีย์ผู้เป็นโจทย์แล้วยื่นฟ้องต่อเอกองค์อัลลอฮ์ซุบฮาฮูนาวาตะอาลา ว่าผู้ที่อยู่แนวทางหรือผู้ที่ปฏิบัติตามคนสลัฟเช่น อุลามะอย่างท่านอีหม่ามชาฟีอี(รด)ทีมีความรู้ในการแจกแจงนั้น ชอบทำบิดอะห์(หรืออีกความหมายหนึ่งคือ ชอบกระทำการริเริ่มกิจกรรม
หรือประดิษฐ์สิ่งใหม่ขึ้นมาโดย ที่ไม่มีรากฐานจากศาสนามาก่อน) ให้ตกเป็นจำเลย ทั้งดุยาและอาคีเราะห์โดยเฉพาะในสายของพวกวะฮาบีย์ ที่ชอบโพนทนาป่าวประกาศว่า ลูกหลานอัชาฟีอีนั้นแท้จริงคือ อะล้ลบิดอะห์...
เรื่องแบบนี้ บังต้องหา หลักฐานมาพูด..ไม่ใช่ ไปยึดคำๆหนึ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจแล้วมาสาดโคลน
ใส่คนอื่นว่า การกระทำทุกอย่างถ้าท่านนบีไม่ได้กระทำด้วยตัวเองแล้ว ทุกอย่างเป็นบิดอะห์หมด
วาอิยาซูบิลลา..ไม่ใช่เพื่อความสะใจที่ต้องการใส่ร้ายผู้อยู่ต่างทัศนะจากตนเองให้สูญหายไปจากพิภพนี้

Idea บังครับ อย่าลืมตอบคำถาม ของ คุณอัล ฟารุก ของ คุณอัลอัชฮารีให้หมดก่อนละ...ว่างๆจะเข้ามาอ่านสิ่งที่บังยกมาหักล้างและจะให้คะแนนบังด้วยในฐานะที่เป็นครูเหมือนกัน

wassalam คุณอัลอัชฮารีย์และคณะนักศึกษา...
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Mar 01, 2006 12:05 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นายชุกรีกล่าว
ถ้าบังมีความรู้จริงๆเหมือนทีมนักศึกษาจากไคโร บังก็สมควรตอบคำถามหรือหาหลักฐานมาหักล้าง คำพูดเหล่านั้นดีกว่านะครับเพราะรู้สึกว่าจะบังค้างคำถามเขาตั้งมากมายแล้วนะ บังตอบไม่ได้หรือหมดภูมิปัญญาตัวเองแล้วหรือครับ ถ้างั้นบังก็หาตัวช่วยมาตอบแทนก็ได้นะครับ เพราะเท่าทีผมเช็คดูคร่าวๆประมาณ เกือบ20กว่าคำถามแล้วนะที่บังค้างและดองเอาไว้ บางคำถามก็ตอบไม่ตรงประเด็น และไม่เคลียร์ด้วย
……………………………………
ตอบ
เอ้า.. แล้วบิดอะฮต่างๆที่เราเคยถามซึ่งเกิดขึ้นในเมืองไทย หลายข้อ พวกคุณตอบมาบ้างไหม พวกคุณ ซื้อเวลา โดย อ้างนั้น อ้างนี่ พวกเคยบอกมาแต่ต้นแล้วว่า คุยกันไม่มีวันจบ เพราะมาตรฐานต่างกัน ผมเคยบอกหลายครั้งแล้วว่า ให้เอากติกา ตามทีอัลลอฮ(ซ.บ)สอนเอาไว้คือ

showيَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا أَطِيعُوا اللَّهَ وَأَطِيعُوا الرَّسُولَ وَأُولِي الْأَمْرِ مِنْكُمْ فَإِنْ تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللَّهِ وَالرَّسُولِ إِنْ كُنْتُمْ تُؤْمِنُونَ بِاللَّهِ وَالْيَوْمِ الْآخِرِ ذَلِكَ خَيْرٌ وَأَحْسَنُ تَأْوِيلًا[59]}[سورة النساء]


[4.59] ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และเชื่อฟังร่อซู้ลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮ์ และร่อซู้ล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง – ซูเราะฮอันนิสาอ/59

อิบนุกะษีร อธิบายว่า

فدل على أن من لم يتحاكم في مجال النـزاع إلى الكتاب والسنة ولا يرجع إليهما في ذلك، فليس مؤمنا بالله ولا باليوم الآخر.

ดังนั้น แสดงให้เห็นว่า แท้จริง ผู้ที่ไม่นำ ประเด็นขัดแย้ง กลับไปให้อัลกุรอ่าน และอัสสุนนะฮตัดสิน และไม่นำกลับไปยังทั้งสองนั้น ในเรื่องดังกล่าว ก็ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ และวันสุดท้าย - ตัฟสีรอิบนิกะษีร เล่ม 2 หน้า 336
.......................
ผมเคยพูดไว้หลายครั้งแล้ว พวกคุณไม่สนใจ ว่า ให้ตามกติกานี้ พวกคุณอ้างว่า ถูกล่าวหาว่า ทำบิดอะฮ คุณก็เอาเรื่อง ที่ถูกกล่าวหา มาคุยเป็นเรื่องๆไปซิครับ เพื่อแก้ข้อกล่าวหา โดยใช้กติกานี้ เป็นบรรทัดฐาน แต่พวกคุณไม่สนใจ พยายามลากยาว คุยกันเรื่องนิยาม ของคุณ นี่หรือ คนอีหม่านกับอัลกุรอ่าน เพราะเหตุนี้เอง ที่คนอื่นเขาไม่อยากคุยกับพวกคุณ เพราะเสียเวลา เพราะพวกคุณ สนทนาเรื่อง ศาสนา แต่พวกคุณทิ้งกติกาที่อัลลอฮให้ไว้ แล้วดุรังไปเอาโน่น เอา พอไม่มีใครมาสนทนาด้วย ก็หาว่าจนมุม ตอบไม่ได้
...............................................

ท่านอาจารย์(นำหน้าคำว่าอาจารย์เข้าไปด้วย เพราะบังอาจมาสอน)ชุกรี กล่าวว่า
โดยเฉพาะในสายของพวกวะฮาบีย์ ที่ชอบโพนทนาป่าวประกาศว่า ลูกหลานอัชาฟีอีนั้นแท้จริงคือ อะล้ลบิดอะห์...

ตอบ
ลูกหลานอิหม่ามชาฟิอีเลยหรือ ไม่อายบ้างหรือ ที่กล่าวอย่างนั้น แค่พวกคุณ เริ่มละหมาด พวกคุณก็ตอแหลเสียแล้ว ท่านอิหม่าม ชาฟิอีกล่าว”อุศอ็ลลี” ด้วยเหรือ แล้วที่พวกคุณกล่าว พวกคุณตามใคร นบี หรือ ชาฟีอีหรือ หรือ เศาะหาบะฮท่านใด ถ้าไม่มี แสดงว่า เป็นคำสอน ของใคร ใหนว่าตามชาฟิอี ผมเน้นที่เมืองไทย เพราะเป็นผลผลิตที่พวกคุณสร้างเอาไว้
ต้องประเด็นเหล่านี้มาคุยกัน พวกคุณเข้ามาเพื่อแก้แค้น ที่ถูกล่าวหาว่าทำบิดอะฮ แต่ประด็นที่ถูกกล่าวหา ไม่พยายามนำเสนอเพื่อแก้ข้อกล่าวหา มันอะไรกันครับ ชอบทะเลาะนักหรือ

.................................
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Mar 01, 2006 12:20 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นายชุกรีกล่าว
สิ่งที่ฝ่ายวะฮาบีย์ผู้เป็นโจทย์แล้วยื่นฟ้องต่อเอกองค์อัลลอฮ์ซุบฮาฮูนาวาตะอาลา ว่าผู้ที่อยู่แนวทางหรือผู้ที่ปฏิบัติตามคนสลัฟเช่น อุลามะอย่างท่านอีหม่ามชาฟีอี(รด)ทีมีความรู้ในการแจกแจงนั้น ชอบทำบิดอะห์(หรืออีกความหมายหนึ่งคือ ชอบกระทำการริเริ่มกิจกรรม
.......................................
ตอบ

เมื่อรู้ตัวว่าเป็นจำเลย ก็มาแก้ต่างซิครับ โดยนำเอากฏหมายของอัลลอฮและแบบอย่างท่านนบี มียืนยัน ว่า ตัวเองทำตรงกับกฏหมายของอัลลอฮและแบบอย่างท่านนบี อีกทั้ง สลัฟจริงหรือเปล่า ถ้าไม่จริง ก็คือ ไอ้ตอแหล ขังเสียให้เข็ด สองคำก็สลัฟ สามคำก็สลัฟ พวกคุณทำเมาลิดนบี อยากถามว่า สลัฟทำไหม ถ้าไม่ทำ ก็ตอแหลอีกนั้นแหละ คือ ต้อง ตรวจสอบกันอย่างนี้ ไม่ใช่คุยเรื่องนิยาม มาเป็นเดือนๆ เพื่อถ่วงเวลา แต่ถ้าอยากให้เปลืองหน้ากระดานเว็บ โดยสิ่งที่ไร้สาระ ก็ขอให้ละอายเจ้าบ้านบ้าง

................
ต้องขอมาอัฟ น้องอัล-อัซฮารี และ อัล-ฟารุก ด้วยที่แรงไป แต่ลูกน้องคุณบังอาจนัก
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Wed Mar 01, 2006 3:46 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างอิงจากบังอะสัน

ตอนนี้น้องและสหายพยายามถ่วงเวลา โดย พยามลากการกระทำของบรรดาเศาะหาบะฮบางท่าน มาอ้างเรื่องการเพิ่มเติมในศาสนา
บังอะสันกล่าวอีกว่า
لأنها كلها ----- أن صح الأسناد ---- محمولة على سماعها عن النبي صلى الله عليه وسلم
"เพราะทั้งหมด หากแม้ว่ามีสายรายงานที่ซอฮิหฺ ก็ถูกตีความว่า ได้ยินมาท่านนบี(ซ.ล.)"

ตอบ

บังอะสันอยู่เอาทัศนะของตน มาเข้าใจว่า บรรดาซอฮาบะฮ์ เพิ่มเติมในเรื่องศาสนา เนื่องจาก เรากล่าวว่า บรรดาซอฮาบะฮ์เพิ่มอิบาดะฮ์ที่อยู่ภายใต้หลักศาสนา ดังนั้น การเพิ่มอิบาดะฮ์นี้ย่อมไม่เป็ฯการเพิ่มเติมศาสนาแต่อย่างใด บังอะสันก็สมควรกลับไปทำความเข้าคำว่า الأصل فى العبادة التحريم ที่บังอัล-ฟารูก ได้ชี้แจงไปแล้ว และสมควรให้เกียตริซอฮาบะฮ์มากกว่านี้

หากบังวะฮาบีย์และบังอะสันอ้างว่า การเพิ่มอิบาดะฮ์ในที่อยู่ในหลักศาสนาอยู่แล้วของซอฮาบะฮ์นั้น คือตีความว่าได้ยินมาจากท่านนบี(ซ.ล.) แล้วทำไม ท่านอิบนุอุมัร ถึงบอกว่า "ฉันได้เพิ่มมัน"

ผมต้องไปเรียกก่อนครับ ว่างๆจะเข้ามาเคลียร์ ที่เหลือ อินชาอัลเลาะฮ์

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
ซุกกรี
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 06/01/2006
ตอบ: 26


ตอบตอบ: Wed Mar 01, 2006 3:55 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salamบังหะสันครับ
กรุณาซอบัซร์นิด เรื่องที่บังหะสันยกมาและอ้างว่าเป็นบิดอะในความเข้าใจนั้น มันใกล้จะถึงจุดไคลแม็กแล้ว ไม่ว่าเรื่ออูศอลลี เรื่องงานเมาลิด อย่าเพิ่งโจมตี.ครับ

ว่าแต่ว่า ที่ผมถามว่า บังนั้นจะช่วยตอบให้ผมและผู้ร่วมสนทนา ได้ชื่นใจสักนิดได้ไหมละว่า
บังเข้าใจ คำว่าบิดอะห์ ว่าอย่างไรหรือครับ....ช่วยตอบให้ดังๆอีกที ผมเห็นพูดกี่รอบๆบังก็ย้ำแต่และเหมารวมว่าทุกอย่างคือบิดอะ และทุกกิจกรรมนั้นคือการหลงผิด อะไรหรือครับ
ที่บังเข้าใจ ช่วยแยกมาด้วยครับ
บังครับบรรดาอุลามะที่มีความรู้ในอดีตนั้นเขาไม่มักง่ายที่จะเอาคำๆหนึ่งที่ไม่ได้รับการวินิฉัยในความหมายแล้วไปเที่ยวใส่ร้ายหรือฮูกมคนโน้นคนี้ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนคณะวะฮาบีย์บางคนหรอกครับ...
เป้นที่แน่นอนว่าอุลามะยุคก่อนย่อมดีกว่า บรรดาผู้ที่อ้างว่ารุในยุคหลังเป็นหลายพันเท่า เพราะเขาใช้เวลาทุ่มเทในงานศาสนา โดยไม่ได้หวังที่จะสร้างอุตริกรรมในแนวทางเพื่อประกาศสรรพคุณหรือโลโก้ตัวเองเลย เขาเหล่านั้นไม่ได้มีความรู้เพื่อมุ่งโจมตีแนวทางอื่นที่อยู่ตรงข้ามกับตนเลย แต่การทุ่มเทการเสียเวลาในการวินิจฉัยตัวบทหรือความหมายนั้นต้องอาศัยเวลานานมาก มิใช่มักง่ายที่จะเอาคำๆนั้นมาเพื่อสร้างนความฟิตนะให้สะใจกับอารมณ์ ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไมรู้ความหมายและไม่ยอมรับรู้ในความหมายนั้นๆ แต่เข้าประเภท ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับมากระเดียด .จึงไม่แปลกกับแนวความคิดของกลุ่มบางกลุ่มที่มีแต่ความสุดโต่งในด้านนึกคิด
โดยไม่แยกแยะและเรียนรู้ในความหมายของคำต่างๆ จะเห็นได้ว่า ...จากจุดๆนี้แหละที่ทำให้เกิดความแข็งกระด้างในแนวทางของตนที่ถือว่า ทางที่ตนอยู่เท่านั้นที่ปลอดภัย ในบางครั้งกลับยกอายะอัลกรุอานที่เป็นคำดำรัสของพระองค์ผู้ทรงของสูงสงมาสนับเข้าข้างตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยการให้ความหมายจากบรรดาผู้รู้ ทั้งที่ผู้รู้นั้นอัลลออ์ทรงสร้างลงมาก็เพื่อแจกแจงความรู้ในอัลกรุอานบางบทที่ผู้ไม่รู้ได้เข้าใจ ไม่ใช่ว่า คนรู้กับคนไม่รู้ก็มีสิทธิที่ยกอายะกรุอานได้เหมือนๆกันซะเมื่อไหร ถ้าเป็นเช่นั้น นายบอดอ ที่ไม่เคยรู้ว่า ความหมายในอายะกรุอานในการที่จะยกอะยะจากอัลกรุอานมาก็ทำได้ตลอด ทั้งที่ตัวเอง ไม่ได้เรียนรู้อะไร บางครั้งละหมาดก็ยังไม่ณึ้ด้วยว่ามีกี่เวลา มันจึงอันตรายมาก ที่มักง่าย ที่จะยกอายะกรุอาน เพื่อสนับสนุนตัวเองหรือฮูกมคนไหนคนใดแบบไร้ความคิด ไร้สติ
เช่นอายะนี้ บังกล่าว่า
وَالرَّسُولِ إِنْ كُنْتُمْ تُؤْمِنُونَ بِاللَّهِ وَالْيَوْمِ الْآخِرِ ذَلِكَ خَيْرٌ وَأَحْسَنُ تَأْوِيلًا[59]}[سورة النساء]


[4.59] ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และเชื่อฟังร่อซู้ลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮ์ และร่อซู้ล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง – ซูเราะฮอันนิสาอ/59
.
ที่ขีดเส้นใต้นี่ยังต้องให้ความหมายเลยครับบังสำหรับผูที่ไม่รู้หรือไม่ได้รำเรียนวิชาภาษาอาหรับ ฉนั้นการให้ความมาย กับตัวบทมันสำคัญที่สุด ไม่ใช่พอยกมาให้เห็นแล้วก็ไม่ต้องตีความหมายเลย อันนีเสียงมากๆ
สำหรับผู้ไม่รู้มันก็คงงงงวยว่าอะไรว่าผู้ศรัทธา และศรัทธาเป็นอย่างไร เชื่ออย่างไรต่ออัลลออ์ อัลลออ์เป็อย่างไรละ ถึงต้องเชื่อ เชื่อแบบไหน เชื่ออย่างไรกับรอซูล รอซูลคืออะไร เป็นยังไง

อีกหลายๆคำถามครับที่ต้องให้ความหมายกับอายะต่างๆ มันไม่เหมือนกายกอาหารเพื่อรับประทานนะครับ...ผมไม่ได้สอนบังแต่แค่บอกว่า อัลกรุอานนั้นไม่ใช่ใครก็นำมาใช้โดยมีความรู้หรือไม่มีความรู้ ไม่มีข้อยกเว้น
ขีดเส้นที่สองนี่ยิ่งหนัหหนาสากรรจ์ครับ ผมถามบังว่า ผู้ที่ไม่มีความรู้ไม่ได้เรีนยมาเลยหรือบอดอ เดิมๆนี่เขาจะทำอย่างไรครับ หรือจะให้เขาแก้ไขในความขัดแย้งตามประสาที่คนไม่มีความรู้
หรือบังหะสันจะให้เขาเหล่านั้น นำความรู้กลับไปหาอัลลอฮืกันเอง มาชาอัลลออ์ เป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเขานั้นยังไม่เคยที่จะรู้จักในซาตและซีฟัตของอัลลออ์เลย มและคุณลักษณะของอัลลออ์เขาก็ถูกปิดกั้นไม่ให้เรียนรู้ เพราะอ้างว่าเป็นบิดอะ เพราะถ้ารู้จักอัลลออ์แล้ว ก็จะถูกตราหน้าว่า ไม่เป็นการสมควร ลาอีลาฮาอิ้ลลัลลอฮ์..ดังนั้น...เป้อันว่าไม่จำเป็นต้องรู้จักต่อพระองค์ก็ได้..
อายะเเรกบอกว่าเมื่อเราศรัทธาแล้วเราก็จงเชื่อฟังต่อัลลอฮ์ แล้วการเชื่อ นั้นมันอยู่ในภาคการศรัทธา ที่มีในรูกนอีหม่าน ข้อที่1
แต่ที่บังบอกว่าเมื่อขัดแย้งกันก็ให้นำสิ่งนั้นกลับไปหาอัลลออ์ ไปหายังไงครับก็เมื่อนายบอดอนั้นยังไม่เรื่องเลยในเรื่องศาสนา อันตรายไหมครับ อ้างแบบมั้วนิ่มแบบนี้ ถ้าจะไปหาท่านรอซูล ก็ไปยังไงละเมื่อนายบอดอนั้นก็ไม่ได้ สนใจเรียนรู้ ประวัติท่นนบี หรือคำห้ามคำใช้ต่างๆ
ฉนั้น มันก็ต้แองอาศัย คนที่มีความรู้ ก็คืออุลามะหรือผู้ที่มีเข้าใจในการแจกแจงนั้นซิครับ
อัลลออ์ทรงสร้ามนุษย์มาในรูปแบบที่แตกต่างกัน ระดับความรู้ก็ย่อมแตกต่างกันโดยปริยาย

มาถึงเรื่องบิดอะ คำๆนี้ มันก็อาศัยการทอนความหมายของมันเช่นกัน ไม่ใหยิบยกมาทั้งดุ้น แล้วก็เที่ยวฮูกมคนโน้นคนนี้มั่วไปหมดทั้งมูเก็ม..
ที่มาหรือนิยามบิดอะนี้ บรรดาอุลามะเอาคำนี้มาจากท่านนบี ในฮาดีสที่บังลากไปลากมา จนหลายๆครั้งแล้วนั้นแหละ ดังนั้นเมื่อท่านนบี ไม่บอกชัดเจนว่า บิดอะหมายถึงอะไร บังก็อย่าลุกลนให้ความหมายเองซิครับ...
ทีนี้เราก็ต้องพึงอุลามะอีกรอบ ในการให้ความหมาย และมติของอุลามะระดับโลกยอมรับ ถึงแม้บังจะไม่ยอมรับเขาก็บอกและเขียนเป็นตำราหรือประทานุกรมหลายเล่มให้ความหมายคล้ายกันว่า ว่า บิดอะคือ สิ่งที่เขาประดิษฐ์ขึ้นมาโดยไม่มีตัวอย่างหรือรากฐานของศาสนาที่เพื่อไม่ให้เราๆท่านมั่วนิ่มในการใส่ร้ายผู้อื่น ทำบิดอะว่า นะครับ นะค่า
เห็นไหมว่าอุลามะมีคุณกับเรามากแค่ไหน..และเขาก็ถอดความหมายมาจากอัลกรุอานและอัลฮาดีสมาทั้งนั้น
ฉนั้นการที่ผมเข้ามาทัดทานบังนั้นไม่ใช่มาสอน แต่อยากให้กานสนทนามันเข้าเรื่องไม่ใช้กลับไปกลับมา และบังก็ยืนยันนั่งยันว่า บิดอะนั้นมันมีอย่างเดียว และทุกบิดอะมันคือการลุ๋มหลง
แม้กระทั้ง คุณอัลฟารุก คุณอัลฮํฮารี ยกตวัอย่างของ อิบนุตัยมียะมาให้บังเห็นแล้วว่า ท่านเองไม่ได้ปฏิเสะว่าบิดอะนั้นมีอย่างเดียวแต่ท่านยังยอมรับว่ามันมีทั้งดีและเลว บังสามารถค้นหาหลักฐาน ที่ผมกล่าวอ้างได้

บังครับซอฮาบะ ที่บังชอบอ้างและไม่ยอมรับการกระทำของซอฮาบะโดยทีท่านนบีไม่รู้มาก่อนถือว่าไม่ที่ยอมรับในกล่มวะฮาบีย์ อันนี้ก็แล้วแต่บัง แต่อย่าลืมว่าซอฮาบะทีมีระดับ ผู้วินิจฉัยได้นั้น มีประมาณ 130 คนเหมือนคุณอัลฟารุกกล่าวมาแล้ว แล้วการวินิจฉัยของซอฮาบะฮ์ กับอิบาดะฮ์ที่อัลกุรอานและซุนนะฮ์ไม่ได้บอกไว้นั้น
มันก็มีมากมาย ตัวอย่างผมจะยกมาจากที่คุณ อัล-ฟารุกยกมา บางสิงบางอย่างที่ท่านนบี(ซ.ล.)ยอมรับด้วย ก็มีซอฮาบะฮ์บางท่าน กระทำอิบาดะฮ์ขึ้นมาเองโดยอ่านซิกิรในละหมาด และท่านนบี(ซ.ล.)ยังไม่ทันให้การยอมรับเลย บรรดามะลาอิกะฮ์ก็แย่งกันบันทึกความดีเสียแล้ว
1.คือท่านบิลาล ได้ทำการกำหนดเวลาละหมาด สองร่อกะอัต เป็นประจำหลังอาบน้ำละหมาด และนบี(ซ.ล.)ยังไม่ให้การยอมรับเลย แต่อัลเลาะฮ์รับรองได้เข้าสวรรค์เสียแล้ว

2.ท่านค่อบีบ ได้ทำการทำละหมาดสองร่อกะอัต ก่อนถูกประหาร ขึ้นมาเอง ท่านอิบนุอุมัร ได้ทำการเพิ่มเติมการอ่านตะชะฮุด

3.ท่านอิบนุ มัสอูด ได้ทำการเพิ่มเติมตะชะฮุดขึ้นมาเอง แล้วแบบนี้ พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นพวกที่ตั้งภาคี และกำหนดศาสนาขึ้นมาเองหรือไม่? และเป็นอิบาดะฮ์ที่มมุษย์คิดขึ้นมาเองหรือไม่? มาชาอัลเลาะฮ์.... ดูเหมือนว่าหลักการของบังอะสันจะดี ที่ยกอายะฮ์ที่ถูกประทานแก่พวกกาเฟร มาอ้างพาดพิงกับเรา แต่เหมือนว่า จะโดนกับซอฮาบะฮ์เต็มๆ วัลอิยาซุบิลลาห์ !! หรือว่า บรรดาซอฮาบะฮ์ไม่เข้าใจ อายะฮ์ดังกล่าวนั้น ถึงต้องเพิ่มในสิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้ใช้

ฉนั้นบังจะตัดทิ้งการกระทำของซอฮาบะที่ยกมาทั้งหมดนี้ไม่ได้เลยครับ

Idea ไม่เช่นนั้น บังก็อาจจะคิดว่า ซอฮาบะฮ์ อย่างท่าน ค่อบีบ ท่านอิบนุอุมัร ท่านอิบนุมัสอูดได้ทำอิบาดะฮ์ โดย ไม่ได้อยู่ บนหลักศาสนา على الشرع ไม่ได้อยู่บนการเจริญรอยตาม الاتباع แต่พวกเขาทำอิบาดะฮ์ขึ้นมา โดยใช้ความเห็น الرأي และคิดเองว่ามันเป็นสิงที่ดี الاستحسان หรือว่า ทำการอุตริกรรม الابتداع ในสิ่งที่ อัลกุรอานและซุนนะฮ์ไม่ใด้ใช้ ???


อย่างนี้แล้วบังก็ต้อเปลี่ยนแปลงความคิดเสียใหม่นะครับ

wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Mar 01, 2006 4:30 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

น้อง al-azhary
บังอะสันก็สมควรกลับไปทำความเข้าคำว่า الأصل فى العبادة التحريم ที่บังอัล-ฟารูก ได้ชี้แจงไปแล้ว และสมควรให้เกียตริซอฮาบะฮ์มากกว่า
................................
ตอบ
เฮ้อ..วกกลับมาที่เดิมอีก น้องครับ บังรู้สึกอึดอัดเป็นที่สุด ถ้าพูดอย่างนี้ เคยบอกหลายครั้งแล้วว่า อย่าอ้างการกระทำของเศาะหาบะฮ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนบิดอะฮที่ปรากฏในเมืองไทยเราปัจจุบัน โดยคิดว่าดี บังต้องการให้เคลียข้อเท็จจริงตรงนี้ เพราะนี้คือต้นเรื่องที่พวกน้องบอกว่า ถูกกล่าวหาว่า เป็นพวกบิดอะฮ จึงอยากจะเอาสิ่งเหล่านี้ไปเทียบ กับ การกระทำยุคสลัฟ ว่า ตรงกันไหม เรื่องมันก็จบ เพราะเมื่อเราคัดค้าน ก็ถูกพวกของน้องว่า พวกวะฮบีย์ จำได้ว่า เคยมีคนให้ร้ายว่า พวกวะฮบี ร่วมมือ กับ ซะอุดี้ย เป็นพวกหัวรุนแรง เกี่ยวข้องกับปัญหาภาคใต้ นี้คือ ข้อมูลของพวกที่ต้องการทำลาย แต่ต่อมา ทาง สส. และ สว. เขาได้ชี้แจงว่า ไม่ใช่ เรื่องก็เงียบไป แล้วต่อมา อ. ดร.อับดุลลอฮ หนุ่มสุข ก็เขียนบทความเพื่อจี้แจงความเข้าใจออกมา ในหนังสือพิมพ์มติชน เพราะฉนั้นปัญหาเหล่านี้คือต้นเหตุ แต่พวกน้องพยายามเบี่ยงเบนประเด็น เหมือนกับ คนที่จบจากอัล-อัลอัซฮาร ส่วนหนึ่งทำแบบเดียวกัน โดยอ้างว่า กลัวชาวบ้านจะแตกแยก ซึ่งจริงๆแล้วคือ กลัวสูญเสียประโยชน์ และตำแหน่งที่ได้รับ เพราะเหตนี้แหละ บังได้ถามไว้สองข้อว่า เรียนเพื่ออะไร อย่าเลยครับ อย่าพยายามกล่าวหาว่า คนอื่นไม่ให้เกียรติเศาะหาบะฮซิครับ น้องและสหายพยายาม จะบอกให้บัง มายอมรับ ว่า มีบิดอะฮที่ดี แต่ โดยบอกว่า จริงๆแล้วเป็นสุนนะฮ บังก็พยายามดึงเรื่องมาเพื่อให้แคบขึ้นว่า ไอ้บิดอะฮต่างๆที่เมืองไทย เรา เป็นสุนนะฮจริงหรือไม่ ให้เอามาพูดกัน เป็นเรือง พวกน้องก็เลี่ยงไปหาเรื่องนิยาม วกไป เวียนมา อยู่อย่างนี้ มันอัดอั้นสุดๆ มิหนำซ้ำ บางครั้ง ก็มาดูถูกกัน เป็นอยู่อย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่ จะ จบ และแก้ปัญหาการขัดแย้งได้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Mar 01, 2006 4:39 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เสียเวลาอ่านครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Mar 01, 2006 4:48 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ไม่เช่นนั้น บังก็อาจจะคิดว่า ซอฮาบะฮ์ อย่างท่าน ค่อบีบ ท่านอิบนุอุมัร ท่านอิบนุมัสอูดได้ทำอิบาดะฮ์ โดย ไม่ได้อยู่ บนหลักศาสนา على الشرع ไม่ได้อยู่บนการเจริญรอยตาม الاتباع แต่พวกเขาทำอิบาดะฮ์ขึ้นมา โดยใช้ความเห็น الرأي และคิดเองว่ามันเป็นสิงที่ดี الاستحسان หรือว่า ทำการอุตริกรรม الابتداع ในสิ่งที่ อัลกุรอานและซุนนะฮ์ไม่ใด้ใช้ ???
อย่างนี้แล้วบังก็ต้อเปลี่ยนแปลงความคิดเสียใหม่นะครับ

ซุกกรี ตอบ: Wed Mar 01, 2006 6:55 pm
.....
แสดงว่า ที่ตอบไป และอธิบายไป ยังไม่เข้าไปในสมอง มาตั้งคำถามซ้ำอีก ว่า บิดอะฮคือ อะไร
บอกตรง ถ้ามาคุยสไตล์ชุกรี พอได้แล้วครับ เบื่ออ่าน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 20, 21, 22 ... 31, 32, 33  ถัดไป
หน้า 21 จากทั้งหมด 33

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.26 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ