ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - เขาว่าอุละมาซุนนะลอกการบ้านชีอะฮ์มา มุตอะกับมิสยาร นะ
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
เขาว่าอุละมาซุนนะลอกการบ้านชีอะฮ์มา มุตอะกับมิสยาร นะ
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 14, 15, 16 ... 27, 28, 29  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
สับสน
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 03/09/2009
ตอบ: 13


ตอบตอบ: Wed Oct 14, 2009 9:34 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ผมไม่รู้เรื่องอะไรกับเค้าหรอกครับ แต่ผมเห็นคุนisraya กล่าวว่า

"ฉะนั้น ในมุมมองของชีอะ ถือว่า มุตอะยังอนุญาตให้กระทำได้อยู่เสมอ ถ้าใครจะทำ และการยกเลิกของท่านอุมัร ไม่มีผลแต่อย่างใด "

สมมุติว่าท่านนบีไม่ได้ยกเลิกจิงๆหละก็ การที่ท่านอุมัรยกเลิก เราก็ต้องยกเลิกเช่นกัน เพราะมีหลายกระแสมากๆที่ให้ตามท่านอุมัร ไม่ว่าจะเป็นฮาดิษที่ว่า

"พวกเจ้าจงตามอบูบักรและอุมัรหลังจากฉัน" หรือจะเป็นฮาดิษที่ว่า"หลังจากฉันจงตามคอลีฟะรอซีดีน" และอื่นๆอีก ประมานนี้

(แต่ที่รู้ๆคือท่านนบีได้ยกเลิกไปแล้ว ดังหลักฐานที่บังอซันยกมานั้นแหละครับ)
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Oct 14, 2009 9:37 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

israya บันทึก:
นี่พวกคุณยังคิดไม่ออกหรือ ว่าทำไมผมชอบยกหลักฐานจากตำราของพวกคุณนัก จะบอกให้ ก็เพราะผมเคยเรียนมาแล้วนะซีครับ ผมเคยคร่ำอยู่กับตำราพวกนี้มาก่อน และมากกว่าพวกคุณ ถามทำไมแบบนี้ก็ไม่รู้ ถามให้อายเด็ก ? ว่า

เราแทบไม่เห็นคุณอ้างหลักฐานอะไรใดๆ ในเรื่องมุตอะมาจากตำราของคุณเองเลยครับ
เห็นมีแต่อ้างจากตำราเราตลอดๆ]


ผมก็งงอยู่เหมือนว่า คุณเข้าใจสิ่งที่คุณเรียนแค่ใหน จึงเห็นเรื่อง การซีนา เป็นเรื่องถูกต้อง และเป็นเรื่องประเสริฐ หรือว่า เพราะ คำสอนชีอะ ง่ายกว่า เพราะสามารถทำตัวเป็นจิ้งจกก็ได้โดยอาศัยหลักตากียะฮ

เรื่อง มุตอะฮ ปรากฏว่า ในตำราชีอะฮเองก็มีระบุว่า ห้าม เช่นกัน แต่ คุณกลับเอามันมายัดก้นเอาไว้ไม่เปิดเผย เพราะคุณมีความเชื่อเรื่อง อนุญาตให้ปกปิดความจริงได้ เพื่อความปลอดภัยของลัทธิชีอะฮ
ทบทวนอีกที่ เพราะคุณมองไม่เห็นหะดิษบทนี้

ن علي عليه السلام قال: حرم رسول الله صلى الله عليه وآله يوم خيبر لحوم الحمر الأهلية ونكاح المتعة).

แท้จริง อาลี อะลัยฮิสสลาม กล่าวว่า "รซูลุลลอฮ Solallah วาอาลิฮี ได้ห้ามเนื้อลาบ้านและการนิกะห์มุตอะฮในวันที่ทำสงครามคอ็ยบัร - (1)
..........
(1) التهذيب،ج2،ص186،الاستبصار،ج3،ص142.
.............


โคมัยนี วิรบุรุษของชีอะฮ กล่าวว่า

والأقوى والأظهر جواز وطء الزوجة مع الدبر

และ(ทัศนะ)ที่แข็งแรงที่สุดและ ชัดเจนที่สุด คือ อนุญาตให้ร่วมเพศกับภรรยา ทางทวารหนักได้
- ตะหรีร อัลวะสีละฮ เล่ม 2 หน้า 241

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Oct 14, 2009 10:07 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

israya บันทึก:
หลักฐานในตำราของซุนนะในเรื่องนี้ มีมากครับ เพราะเป็นปัญหาที่ถกเถียงกัน หลังจากสมัยท่านอุมัร จึงมีการบันทึกกันหลากหลาย แต่สรุปก็คือ อุมัรยกเลิกไปแล้ว ทำไงดี ประกาศให้ยกเลิกกันเลยต่อไป หรือว่า แล้วแต่ใครจะเลิก หรือจะไม่เลิก ก็ตามใจ ให้เปิดทางไว้กว้างๆ จะให้ผมยกมาแสดงให้ดูทั้งหมดไหมครับ ยังพอมี

.........

คุณพยายามอ้าง ท่านอุมัร ว่าเป็นผู้ยกเลิก แต่คุณไม่สนใจหะดิษที่ระบุว่าท่านนบี Solallah ได้ห้ามไปแล้วเพราะคุณชอบเล่นมุตอะฮ ว่างั้นเถอะ ข้างล่างในตำราชีอะฮที่ห้ามคุณไม่สนใจหรอกใช่ไหม

وسئل جعفر بن محمد ( الأمام الصادق ) عن المتعة فقال : ( ماتفعله عندنا إلا الفواجر )

มีผู้ถามญะอฟัร บิน มุหัมหมัด (อิหม่ามศอดิก) เกี่ยวกับมุตอะฮ เขากล่าวว่า " ไม่มีผู้ใดทำมัน ณ ที่เรา เว้นแต่บรรดาคนเลว - บิหารุลอัลวาร ของมัจญลิสีย์อัชชีอีย์ เล่ม 100 หน้า 318

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Oct 14, 2009 11:04 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

israya บันทึก:

قال ابن حزم:
«وقد ثبت على تحليلها بعد رسول الله جماعة من السلف، منهم من الصحابة: أسماء بنت أبي بكر وجابر بن عبدالله وابن مسعود وابن عباس ومعاوية ابن أبي سفيان وعمرو بن حريث وأبو سعيد الخدري وسلّمة ومعبد ابنا أميّة بن خلف.
โปรดดูหนังสือ المحلّى 9|519.

ผู้ปฏิบัติตามท่านอุมัร ในการห้ามมุตอะ ก็คือพรรคพวกบางคนเช่น อับดุลลอฮ์ บิน ซุเบร แต่เขาได้ยืนยันในคำกล่าวว่า มุตอะนั้นอนุญาต (เป็นหลัการตามอัลกุรอานและสุนนะ)โดยบรรดาผู้รู้ของศอฮาบะฮ์


แล้วอิบนุหัซมิน เอาสิ่งนั้นเป็นหลักฐานหรือเปล่าครับ เปล่าเลย ..มาดูอิบนุหัซมิน เขาสรุปซิครับ

وَنَقْتَصِرُ مِنْ الْحُجَّةِ فِي تَحْرِيمِهَا عَلَى خَبَرِ ثَابِتٍ - وَهُوَ مَا رُوِّينَاهُ مِنْ طَرِيقِ عَبْدِ الرَّزَّاقِ عَنْ مَعْمَرٍ عَنْ عَبْدِ الْعَزِيزِ بْنِ عُمَرَ بْنِ عَبْدِ الْعَزِيزِ عَنْ الرَّبِيعِ بْنِ سَبْرَةَ الْجُهَنِيِّ عَنْ أَبِيهِ قَالَ : " خَرَجْنَا مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ " فَذَكَرَ الْحَدِيثَ وَفِيهِ فَقَالَ " سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَلَى الْمِنْبَرِ يَخْطُبُ وَيَقُولُ : { مَنْ كَانَ تَزَوَّجَ امْرَأَةً إلَى أَجَلٍ فَلْيُعْطِهَا مَا سَمَّى لَهَا ، وَلَا يَسْتَرْجِعْ مِمَّا أَعْطَاهَا شَيْئًا ، وَيُفَارِقْهَا ، فَإِنَّ اللَّهَ قَدْ حَرَّمَهَا عَلَيْكُمْ إلَى يَوْمِ الْقِيَامَةِ

และเราจะสรุปหลักฐานในการห้ามมัน(ห้ามนิกะหมุตอะฮ)ให้สั้นลง บนรายงานที่แน่นอน คือ สิ่งที่เราได้รายงานมันจากสายรายงานของอับดุรรอซซาก จาก มุอฺมัร จากอับดุลอะซีด บิน อุมัร บิน อับดุลอะซีซ จากรอเบียะ บิน สับเราะฮ อัลญุฮันนีย์ จากบิดาของเขาว่า " เราได้ออกไปพร้อมกับรซูลุลลอฮ Solallah แล้วเขาได้ระบุหะดิษ โดยที่ในหะดิษนั้น เขากล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้ยินรซูลุลลอฮ Solallah อ่านคุตบะฮบนมิมบัร โดยกล่าวว่า "ผู้ใดทำการแต่งงานกับผู้หญิง จนถึงเวลาหนึ่ง(ที่ได้กำหนดไว้) แล้วเขาได้มอบสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ให้แก่นาง และเขาไม่ขอคืนสิ่งใดจากสิ่งที่เขามอบให้แก่นาง และเขาได้แยกกับนาง ดังนั้นแท้จริง อัลลอฮ ได้ทรงห้ามมัน(การนิกะหชั่วคราวดังกล่าว) แก่พวกท่านตราบจนวันกิยามะฮ" - ดูอัลมะหัลลา ของอิบนุหัซมิน เล่ม 9 หน้า 130
......
สรุปว่า คุณ israya อ้างตำรา อิบนุหัซมิน แบบหมกเม็ด เพราะสุดท้าย อิบนุหัซมิน ก็ไม่ได้มีทัศนะชอบเล่นมุตอะฮ แต่ท่านได้ระบุหลักฐานที่แน่นอนว่า การนิกะห์ชั่วคราวนั้น ท่านนบี Solallah ได้ห้ามไว้

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AntiRafidah
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 05/06/2009
ตอบ: 120


ตอบตอบ: Thu Oct 15, 2009 2:17 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

โอ อะไรกันครับ คุณรอฟิเฎาะ israya หน้าโง่
ดูคุณรีบร้อนตอบ แบบอยากให้ข้ามมาหน้าเพจใหม่เร็วๆ จังเลย

ตอบมา ก็ตอบแบบทำซื่อบื้อมองไม่เห็นฮะดีษที่ท่านอาลีอิมามของคุณรายงานเองจากท่านนบี
ว่าห้ามนิกะมุตอะไปตั้งนานแล้ว
แต่ยังหน้าโง่ใส่ความท่านอุมัรว่าเป็นผู้ห้ามเองอยู่เหมือนเดิม

จึงใคร่นำมาแสดงให้ผู้เข้าชม ได้เห็นข้อความจากหน้าที่แล้วอีกครั้งดังนี้





AntiRafidah บันทึก:
israya บันทึก:

ในศอฮีฮ์ มุสลิม มีการตั้งบาบไว้บาบหนึ่งชื่อ نكاح المتعة และหนงสืออ่นอีกหลายเล่ม ระบุหลักฐานยืนยันชัดเจนถึงเรื่องการยกเลิกหลักการมุตอะโดยท่านอุมัร เป็นฮะดีษยาว ความจริง ผมเองไม่ปรารถนาจะกล่าวต่อไป แต่ในเมื่อพวกคุณต้องการจะพิสูจน์หลักฐานข้อนี้ ผมก็ยินดีจะ[B]เสนอหลักฐานสักบางประการوعن عطاء، عن جابر بن عبدالله: «استمتعنا على عهد رسول الله صلى الله علي
ه [وآله] وسلّم وأبي بكر وعمر، حتى إذا كان في آخر خلافة عمر استمتع عمرو بن حريث بامرأة ـ سماها جابر فنسيتها ـ فحملت المرأة، فبلغ ذلك عمر، فدعاها فسالها فقالت: نعم......
فذلك نهى عنها


รายงานจากอะฏอ จากท่านญาบิร บิน อับดิลลาฮ์ กล่าวว่า พวกเราได้ทำการมุตอะในสมัยท่านรอซูล(ศ)และอะบูบักร์และอุมัร จนกระทั่งเมื่อล่วงเข้าสู่ปลายสมัยคอลีฟะฮ์ของท่านอุมัร อัมร์ บิน ฮะรีษ ได้ทำมุตอะกับหญิงคนหนึ่ง (ท่านญาบิรได้เอ่ยชื่อนาง แต่ฉันลืมมันไปแล้ว) ดังนั้นผู้หญิงคนนั้นได้ตั้งท้องแล้วข่าวนี้ได้ยินไปถึงท่านอุมัร แล้วท่านก็ได้เรียกนางมา แล้วได้ถามนาง ดังนั้น นางได้กล่าวว่า ใช่แล้ว.......ดังนั้นด้วยเหตุนี้เอง ท่านจงสั่งห้าม”
ได้โปรดดู หนังสืออ้งอิงต่อไปนี้ประกอบ ก่อนใช้ความโง่เขลา หยิบโน่นฉวยนี่มากลบเกลื่อน

(1) كذا في شرح التجويد للقوشجي، بحث خلافة عمر.
(2) صحيح مسلم باب نكاح المتعة 6|127 بشرح النووي هامش القسطلاني، مسند أحمد 3|304، سنن البيهقي 7|237، والقصّة هذه في المصنف لعبد الرزاق 7|
[/B]





ยังคงไม่ตอบคำถามที่ถามไว้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะถามไถ่ไว้กี่ครั้งก็ตาม แล้วยังหาว่าเราหยิบโน่น
ฉวยนี่มากลบเกลื่อน ซึ่งในความจริงแล้ว เป็นรอฟิเฎาะ israya เสียมากกว่าที่ไป
หยิบยกฮะดีษของเราเองมากลบเกลื่อนอย่างหน้าด้าน หน้าโง่ และโง่เขลา

คุณไปยกฮะดีษมาจากบาบนิกะฮฺมุตอะมา แล้วทำไมคุณหน้าด้านยกมาเพียงหะดีษเดียวล่ะครับ

แล้วหะดีษที่ท่านอาลีอิมามของคุณรายงานเองว่าท่านนบีศ็อลล็อลลอฮูอลัยฮีว่าซัลลัมบอกว่ายกเลิกมุตอะแล้ว
คุณเอาไปไว้ที่ไหน? ทำไมไม่ยกมาด้วย?





asan บันทึก:
عَنْ عَلىِ بْنِ أَبِىْ طَالِبِ رَضِىَ اللهُ عَنْهُ أَنَّ رَسُوْلَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ نَهَى عَنْ مُتْعَةِ الْنِسَاءِ يَوْمَ خَيْبَرَ وَعَنْ أَكْلِ لُحُوْمِ الْحُمُرِ الاِنْسِيَّةِ
รายงานจากท่านอาลี บินอะบีฎอลิบ รอฏิยัลลอฮุอันฮุ แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮิ ห้ามนิกะฮฺสตรีชั่วคราวเมื่อวันคอยบัร และห้ามกินเนื้อลาบ้าน- บันทึกหะดีษโดยบุคอรีย์ หะดีษลำดับที่ 3979 และมุสลิม หะดีษลำดับที่ 1407


จากท่านอัรเราะบีอฺ บุตรของสับเราะฮฺเล่าว่า

أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ نَهَى عَنْ الْمُتْعَةِ وَقَالَ أَلا إِنَّهَا حَرَامٌ مِنْ يَوْمِكُمْ هَذَا إِلَى يَوْمِ الْقِيَامَةِ صحيح مسلم 2509

แท้จริง[color=1154FF]ท่านรสูลุลลอฮฺห้ามการแต่งงานแบบชั่วคราว[/color] และกล่าวเพิ่มเติมว่า พึงทราบเถิดว่า แท้จริงการแต่งงานแบบชั่วคราวนั้นถือว่าต้องห้าม (หะรอม) จากวันนี้ (เป็นต้นไป) ของพวกท่านจนกระทั่งถึงวันกิยามะฮฺ (วันสิ้นโลก)” บันทึกโดยมุสลิม ลำดับหะดีษที่ 2509




มิหนำซ้ำ ในตำราของพวกคุณเองก็มีระบุห้ามไว้



asan บันทึก:

น้องบ่าวชีอะฮ อิสรายา ลองอ่านข้างล่าง

محمد بن الحسن بإسناده عن محمد بن أحمد بن يحيى، عن أبي جعفر، عن أبي الجوزاء، عن الحسين بن علوان، عن عمرو بن خالد، عن زيد بن علي، عن آبائه عن علي عليه السلام قال: " حرّم رسول الله صلى الله عليه وآله يوم خيبر لحوم الحمر الأهلية ونكاح المتعة

มุหัมหมัด บิน อัลหะซัน ด้วยสายรายงานของเขา จากมุหัมหมัด บิน อะหมัด บิน ยะหยา จากอบียะอฺฟัร จาก อบี อัลเญาซาอฺ จาก อัลหุซัยน์ บิน อุลวาน จากอัมริน บิน คอลิด จาก เซด บิน อาลี จาก บิดาของเขา จาก อาลี อะลัยฮิสสลาม กล่าวว่า " รซูลุลลอฮ Solallah วะอาลิฮี ได้ห้ามเนื้อลาบ้านและการนิกะหฺมุตอะฮ - ดู วะสาอิลุชชีอะฮ ของท่านหุรอัลอามิลีย์ อัชชีอีย์ เล่ม 14 หน้า 441 หะดิษหมายเลข 32 บทว่าด้วยเรื่อง นิกะห หัวข้อเรื่อง นิกะหมุตอะฮ

...........

ข้างต้น นักวิชาการคนสำคัญของชีอะฮเอง ได้รายงานว่า ท่านอิหม่ามอาลีบอกว่า ท่านนบี Solallah ห้ามการนิกะหฺมุตอะฮ แต่..ไม่มีใครออกมาเปิดเผย เพราะถือหลักตะกียะฮ (ปิดบังอำพรางเพื่อความอยู่รอด) เพราะฉะนั้น น้องบ่าวควรใช้วิจารณญานให้ดี ก่อนที่จะสายเกินแก้


-----------------------------

ما رواه أحمد بن محمد بن أبي الحسن عن بعض أصحابنا يرفعه إلى أبي عبد الله (ع) قال: لا تتمتع بالمؤمنة فتذلها

สิ่งที่รายงานโดยอะหมัด บิน มุหัมหมัด บิน อบีอัลหะซัน จากบางส่วนของสหายของเรา เขาได้อ้างมันว่า อบีอับดุลลอฮ (อ)กล่าวว่า " ท่านอย่านิกะหมุตอะฮ กับหญิงผู้ศรัทธา เพราะท่านจะทำให้นางต่ำต้อย - ดู ตะซีบุลอะหกาม เล่ม 7 หน้า 253 หมายเลข 1089 หะดิษที่ 14 (1)
---------
(1)تهذيب الأحكام ج7ص 253 رقم 1089 حديث 14 - باب في تفصيل أحكام النكاح
.........
แสดงว่า มีเหมือนกันคำสอน ชีอะฮ ห้ามมุตอะฮกับสตรีมุสลิมะฮ แล้วสตรีต่างศาสนามุตอะฮได้หรือครับน้อง israya






ฉนั้น การไปอ่านมาแค่ฮะดีษเดียว แล้วนำมาเสนอพร้อมสรุป จึงถือได้ว่า

เป็นการสรุปสุดชุ่ยที่สุดแห่งการสรุป จากรอฟิเฎาะชีอะห์ israya






นี่เป็นอีกครั้งที่เราเปิดโปงได้ว่า รอฟิเฎาะชีอะห์นั้นหมกเม็ดอย่างไร



เห็นคุณไม่ตอบที่ผมถามไว้ ผมเลยขอถามเพิ่มเติมเลยแล้วกันว่า

ทำไมคุณรอฟิเฎาะ israya ถึงยกฮะดีษมาเพียงแค่ฮะดีษเดียวแล้วสรุป โดยไม่ยกฮะดีษอื่น
ในบ้าบเดียวกันมาแสดงด้วย นั่นเพราะคุณต้องการโกหกหมกเม็ดใช่หรือไม่?


อ่านมาแค่นิดเดียวแล้วสรุป ช่างชุ่ยสุดๆ จังเลยนะรอฟิเฎาะชีอะห์เนี่ย





แล้วก็ในกระทู้เรื่องหลักฐานสูญูดบนดิน คุณเขียนไว้ว่า



israya บันทึก:


โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ทำไมพวกเจ้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่กระทำบาปใหญ่ที่สุด คือการที่พวกเจ้าพูด ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่กระทำ





แต่พอในกระทู้นี้คุณกลับเขียนว่า


israya บันทึก:

ถ้ายังงั้นผมก็บอกคุณได้เหมือนกัน ว่ามุตอะ พวกผมไม่เกี่ยว ญาติผม ตัวผม ไม่เคยทำ ถ้าผมบอกพวกคุณอย่างนี้ จะทำให้พวกคุณคิดกับผมอย่างไร ?



อ้าวเฮ้ย อะไรกันเนี่ย คุณมาเขียนเรื่องมุตอะเสียมากมาย
แต่สุดท้ายตัวเองก็ไม่เคยทำอย่างที่ตัวเองพูดหรือเขียนเลยเหรอครับ?



อ้าว อย่างนี้ที่คุณบอกว่าบาปใหญ่ในทัศนะของคุณ คือพูดในสิ่งที่ไม่กระทำ
ก็เข้าตัวคุณรอฟิเฎาะ israya เองสิครับเนี่ย โอโห
Laughing Laughing Laughing



รวมคำถามของผมที่รอฟิเฎาะ israya ยังใบ้กินตอบไม่ได้

1.จากหน้า 13 ข้อความ 2

AntiRafidah บันทึก:

แล้วก็คุณรอฟิเฏาะ israya ครับ ที่คุณเขียนว่า คนที่โทรหาคุณ บอกว่าข้อความคุณน่าเชื่อถือ
ถ้าไม่ติดคำว่าชีอะ เขาจะยอมรับทันที แสดงว่าเขาน่าจะเป็นมุสลิม ไม่ใช่รอฟิเฏาะ ผมเลยสงกะสัยว่า


เขาได้เบอร์โทรศัพท์คุณมาแต่หนแห่งไหน ตำบลใดครับ ถึงได้โทรหาคุณได้?

ถ้าบอกว่าเขาคนนั้น คือ firdawz หรือรอฟิเฏาะด้วยกันเองละก็ โอโห จบกัน โกหกว่ารอฟิเฏาะด้วยกันเองเป็นซุนนี



2.หน้า 14 ข้อความ 2

AntiRafidah บันทึก:

คุณบอกว่า
"ถูกประทานมาทดแทนและยกเลิกอายะเกี่ยวกับมุตอะ"


งั้นคงต้องถามคุณก่อนว่าอายะไหนกันที่เป็นอายะเกี่ยวกับอนุญาติมุตอะ? ถ้าคุณอ้างอายะที่ 24
พออ่านแล้วไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่อง "เงื่อนไข" ตามที่คุณอ้างเลยครับ เกี่ยวกับเรื่องสินตอบแทน
ซึ่งก็คือมะฮัรที่จะมอบให้ฝ่ายหญิงต่างหาก



ถ้าคุณยกอายะที่เกี่ยวกับอนุญาติมุตอะมาไม่ได้ แล้วจะมาบอกได้อย่างไรว่า

"อายะที่ถูกประทานมาก่อนจะยกเลิกอายะที่ถูกประทานมา

ทีหลังได้อย่างไร
"



ก็ในเมื่อมันไม่เคยมีอายะที่อนุญาติมุตอะมาก่อน? จะมีก่อนมีหลังได้ไง? แล้วคุณรู้ได้ไงว่า
อายะไหนมาก่อน ไหนมาหลัง เอาความเข้าใจมาจากตำราเล่มใด หนังสือตัฟซีรเล่มไหน? หรือว่ามั่วสรุปเอาเอง?



แล้วนอกเหนือจากนี้ คุณน่าจะให้คำตอบอธิบายความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับคำว่าแสวงหามาด้วยทรัพย์ของพวกเจ้า
ในฐานะผู้แต่งงาน กับมิใช่ในฐานะผู้ล่วงประเวณีเสียด้วยนะ
เราจะได้มาลองเปรียบเทียบรูปแบบกันดูว่ามันเป็นยังไง



รีบปิดประเด็นชิ่งหนีไฟแลบอย่างนี้ ผมตั้งตัวไม่ทัน และผิดหวังในตัวคุณรอฟิเฏาะจังเลยครับ
Laughing Laughing Laughing



3.หน้า 14 ข้อความ 7

AntiRafidah บันทึก:

คุณไปยกฮะดีษมาจากบาบนิกะฮฺมุตอะมา แล้วทำไมคุณหน้าด้านยกมาเพียงหะดีษเดียวล่ะครับ

แล้วหะดีษที่ท่านอาลีอิมามของคุณรายงานเองว่าท่านนบีศ็อลล็อลลอฮูอลัยฮีว่าซัลลัมบอกว่ายกเลิกมุตอะแล้ว
คุณเอาไปไว้ที่ไหน? ทำไมไม่ยกมาด้วย?



4.หน้า 14 ข้อความ 7 เช่นเดียวกัน

AntiRafidah บันทึก:

ฉนั้น การไปอ่านมาแค่ฮะดีษเดียว แล้วนำมาเสนอพร้อมสรุป จึงถือได้ว่า

เป็นการสรุปสุดชุ่ยที่สุดแห่งการสรุป จากรอฟิเฎาะชีอะห์ israya






นี่เป็นอีกครั้งที่เราเปิดโปงได้ว่า รอฟิเฎาะชีอะห์นั้นหมกเม็ดอย่างไร



เห็นคุณไม่ตอบที่ผมถามไว้ ผมเลยขอถามเพิ่มเติมเลยแล้วกันว่า


ทำไมคุณรอฟิเฎาะ israya ถึงยกฮะดีษมาเพียงแค่ฮะดีษเดียวแล้วสรุป โดยไม่ยกฮะดีษอื่น
ในบ้าบเดียวกันมาแสดงด้วย นั่นเพราะคุณต้องการโกหกหมกเม็ดใช่หรือไม่?


อ่านมาแค่นิดเดียวแล้วสรุป ช่างชุ่ยสุดๆ จังเลยนะรอฟิเฎาะชีอะห์เนี่ย



5.หน้า 14 ข้อความ 9

AntiRafidah บันทึก:

เอ้อ ไหนๆ อาจารย์อะสันก็ถามเรื่องด้านล่างนี้ไปแล้ว


asan บันทึก:

น้องสาว israya ครับ ชาวสุนนีย์ไม่อ้างอะไรโง่ๆหรอก แต่ตอนนี้ อยากจะทราบว่า น้อง israya เคยเล่นมุตอะฮหรือยัง อย่าโกรธน่ะ เพราะของดีมิใช่หรือ



ผมก็เลยขอถามเพิ่มจากของเดิมเลยเเล้วกันว่า

ทำไมคุณและพ่อแม่พี่น้อง ญาติๆ ของคุณ หรือแม้แต่ภรรยาคุณและลูกๆคุณ(ถ้ามีเเล้ว) ถึงไม่เกี่ยว ไม่ไปทำมุตอะกันให้เยอะๆ
แบบสุดๆ ไปเลยล่ะครับก็ในเมื่อทัศนะของรอฟิเฎาะชีอะห์มันเป็นที่ฮาล้าล และเป็นของดีเสียขนาดนี้
ก็ต้องรีบขนกันไปทำสิครับ ไม่พาไปทำอย่างนี้ แสดงว่าไม่เชื่อว่าดีจริงนี่นา?




เอ๊ะ? หรือว่าพวกเขาจะไปทำกันมาแล้ว แต่ตักกียะห์ไม่บอกความจริงกับคุณ ก็เป็นได้นะ? Laughing Laughing Laughing




เฮ้อ เลี่ยงตอบคำถามข้อสงสัยแบบนี้ ไม่สมกับที่อ้างว่ารอฟิเฎาะชีอะห์เป็นอิสลามของแท้เลย Laughing Laughing Laughing
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Thu Oct 15, 2009 6:32 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ขอทบทวนประเด็นกันหน่อยนะ เรื่องมุตอะ ก่อนหน้านี้ พวกคุณยืนยันว่า ไม่เคยมีอนุญาตในอิสลาม ผมยกอายะกุรอาน พวกคุณก็เถียงด้วยความโง่เขลา จนในที่สุด พวกคุณก็ยอมรับว่า มุตอะเคยมีอนุญาตจริง แต่ทว่า เลิกไปแล้ว เช่น ฮะดีษว่าด้วยสงครามค็อยบัร

(ที่จริงยังมีหลักฐานว่ายกเลิกในสงครามอื่นๆด้วยครับ อิอิ ยกเลิกมากหน จนไม่รู้ว่า หนแหนกันแน่)

เราไม่ได้ถกเถียงกันว่า ถูกยกเลิกแล้วหรือยัง ? แต่เราถกเถียงกันว่า การยกเลิกนั้น ชอบธรรมหรือไม่ อัลลอฮ์รอซูลยกเลิก หรือใครยกเลิกกันแน่ ?

ผมมีหลักฐานชี้แจงว่าฮะดีษที่คุณยกมาว่ารอซูลยกเลิกนั้น ในตำราของพวกคุณเองแหละที่โต้แย้ง และบอกว่า ถูกปลอมขึ้นมาเพื่อปกป้องความผิดพลาดของท่านอุมัร ซึ่งเป็นคนยกเลิกตัวจริง

ผมจะค่อยๆยกหลักฐานจากตำราของพวกคุณมาพิสูจณ์ต่อไป แต่ขอสัญญาว่า อย่าลบกันนะครับ ผมเห็นความไม่ซื่อของพวกคุณหลายหน ไหนๆก็ต้องการจะให้ผมคุยต่อไป ก็ขอร้องว่า อย่าลบ ผมเขียนอะไรมา ใครว่าผิดตรงไหน ผมรับผิดชอบเอง และจะชี้แจงเองครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Thu Oct 15, 2009 6:47 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สิ่งที่ผมวิตกอยู่ก็คือ พวกคุณไม่ใช่นักวิชาการ แต่เป็นนักแชท เล่นไปวันๆ จะถกปัญหาศาสนา ให้ได้ข้อสรุปจริงๆอย่างไร ถ้าคิดจะค้านตามอารมณ์แบบพวกคุณนะครับ ค้านได้ไปทุกเรื่อง อัลกุรอานทั้งเล่ม พวกคุณก็สามารถค้านได้ ฉะนั้นขอเรียนถามว่า ผู้รู้ที่มีความรู้สูงกว่าพวกคุณ ในวงการของพวกคุณนี้ ยังพอมีอีกสักคน สองคนไหมครับ เอาที่คุยกันรู้เรื่องนะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
สับสน
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 03/09/2009
ตอบ: 13


ตอบตอบ: Thu Oct 15, 2009 7:12 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

israya กล่าวว่า เราไม่ได้ถกเถียงกันว่า ถูกยกเลิกแล้วหรือยัง ? แต่เราถกเถียงกันว่า การยกเลิกนั้น ชอบธรรมหรือไม่ อัลลอฮ์รอซูลยกเลิก หรือใครยกเลิกกันแน่ ?

********************************************************
เค้าบอกแล้วว่าท่านรซูลยกเลิกไปแล้ว อ้าว สมมุติอีกทีว่าคนที่ยกเลิกคือท่านอุมัร

คุนมาถามว่าชอบธรรมหรือไม่ ผมไบ้ให้2อย่างคือ ท่านนบีกล่าวว่าให้ตามคอลีฟะรอซีดีน (หนึ่งในนั้นคือท่านอุมัร)

และโองการอัลกุรอานก็มีระบุว่า ผู้ใดเชื่อฟังรซูล แน่นอนเขาก็เชื่อฟังอัลลอฮฺแล้ว เอ๊า ผมใบ้ให้แค่นี้ คิดออกยัง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Thu Oct 15, 2009 7:18 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

การเล่นมิสยารที่สังคมผู้รู้ระดับสูงของพวกคุณเปิดให้เล่นกันอยู่ ต่างหากครับ ไม่มีหลักฐานใดๆจากกุรอาน จากฮะดีษ และร่องรอย และไม่มีกลิ่นไอใดๆของเรื่องมิสยารในทุกสมัยคอลีฟะฮ์ และสงสัยมากอยากให้พวกคุณชี้แจงข้อความตรงนี้หน่อยครับ

คำถามจากสุภาพสตรี: ฉันอยากถามท่านเกี่ยวกับการแต่งงานที่เรียกในภาษาอาหรับว่า มิสยารฺ ฉันอยากให้ท่านอธิบายเรื่องนี้ในมุมมองของกฎหมายอิสลาม?

คำตอบจากอัลลามะ ดร. ยูซุฟ ก็อรฎอวีย์ของพวกท่าน: การแต่งงานแบบมิสยารฺควรจะได้รับการพิจารณาถึง “รูปแบบ” ความสัมพันธ์ตามกฎหมาย(อิสลาม)ระหว่างชายและหญิง โดยไม่ต้องสนใจถึงคำอธิบายใดๆภาพลักษณ์ต่างๆที่ผูกติดอยู่กับมัน วิธีตัดสินแบบนี้อิงอยู่กับหลักเกณฑ์ทางนิติศาสตร์อิสลามที่ว่า “เรื่องสำคัญยิ่งในพันธะต่างๆนั้น คือแรงจูงใจและนัยยะ มิใช่แค่ที่เป็นถ้อยคำหรือรูปลักษณ์”

ดร.ยูซุฟบอกว่า “การแต่งงานมิสยาร ควรจะได้รับการพิจารณาถึง “รูปแบบ” ความสัมพันธ์ตามกฎหมาย(อิสลาม)ระหว่างชายและหญิง” ทั้งๆที่วาฮาบีรู้ดีว่า การเล่นมิสยารนั้นไม่ใช่หลักการของอัลลอฮ์ แต่ผู้รู้ของพวกเขาบอกหน้าตาเฉยว่า “ควรจะได้รับพิจารณา” สังเกตเอาเองนะครับ
ไปบอกท่านด็อกเตอร์ของพวกคุณดีกว่าครับว่า ถ้าจะให้พิจารณาถึง“รูปแบบ” ความสัมพันธ์ตามกฎหมาย(อิสลาม)ระหว่างชายและหญิง กับการเล่นมิสยาของพวกท่าน ก็จะต้องให้จัดการลงโทษคนเล่นมิสยาร ฐานทำซินา ได้แล้วครับ

ดร.ยูซุฟบอกว่า “โดยไม่ต้องสนใจถึงคำอธิบายใดๆภาพลักษณ์ต่างๆที่ผูกติดอยู่กับมัน” แน่ะ เมื่อท่านดอกเตอร์ อุละมาของพวกคุณพูดเข้าข้างผู้ประกอบการเล่นมิสยารอย่างนี้ ลูกค้าทั้งหลายสบายใจได้ เพราะมิสยาร ไม่มีคำอธิบาย ไม่ต้องสนใจคำอธิบาย ใครอยากเล่นก็เล่นได้เลยหรือครับ ง่ายและสะดวกสมชื่อ ไม่ยากเย็นเหมือนมุตอะ เพราะมุตอะจำเป็นต้องมีคำอธิบาย
เพราะเป็นอย่างนี้นี่เอง พวกคุณจึงไม่มีคำอธิบายใดๆในเรื่องมิสยาร

ต่อไปนี้ โปรดควบคุมอารมณ์ให้ดีนะครับ ผมจะไล่ให้ดูหลักฐานต่างๆที่ว่าอุมัร เป็นคนยกเลิกมุตอะ แล้วให้พวกคุณโต้แย้งมาด้วยหลักฐานที่ว่า หลักฐานที่ผมยกมา ไม่เป็นความจริง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Thu Oct 15, 2009 7:25 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สับสนสมชื่อ ตอบคราวนี้เข้าที และสรุปได้ดีกว่าใครๆที่ผ่านมา

เค้าบอกแล้วว่าท่านรซูลยกเลิกไปแล้ว อ้าว สมมุติอีกทีว่าคนที่ยกเลิกคือท่านอุมัร

คุนมาถามว่าชอบธรรมหรือไม่ ผมไบ้ให้2อย่างคือ ท่านนบีกล่าวว่าให้ตามคอลีฟะรอซีดีน (หนึ่งในนั้นคือท่านอุมัร)

ความหมายของ บังสับสน คือ มุตอะเคยถูกอนุญาตมาก่อน แล้วท่านรอซูลสั่งยกเลิกทีหลัง ใช่ไหมครับ ?

ถ้าถูกอนุญาตมาก่อน ใครอนุญาตครับ ?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Thu Oct 15, 2009 7:35 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

وإن تابع عمر في تحريمه بعض القوم كعبدالله بن الزبير، لكن ثبت على القول بحلية المتعة ـ تبعاً للقرآن والسنة ـ أعلام الصحابة،
قال ابن حزم:
«وقد ثبت على تحليلها بعد رسول الله جماعة من السلف، منهم من الصحابة: أسماء بنت أبي بكر وجابر بن عبدالله وابن مسعود وابن عباس ومعاوية ابن أبي سفيان وعمرو بن حريث وأبو سعيد الخدري وسلّمة ومعبد ابنا أميّة بن خلف.

โปรดดูหนังสือ المحلّى 9|519.
ผู้ปฏิบัติตามท่านอุมัร ในการห้ามมุตอะ ก็คือพรรคพวกบางคนเช่น อับดุลลอฮ์ บิน ซุเบร แต่เขาได้ยืนยันในคำกล่าวว่า มุตอะนั้นอนุญาต (เป็นหลัการตามอัลกุรอานและสุนนะ)โดยบรรดาผู้รู้ของศอฮาบะฮ์
อิบนุฮิซัมกล่าวว่า แน่นอนชาวสะลัฟกลุ่มหนึ่งเชื่อถือว่า มุตอะ เป็นสิ่งฮะลาล หลังจากสมัยท่านรอซูล ส่วนหนึ่งจากพวกเขาคือ อัสมาอ์ บินต์ อะบูบักร และญาบิร บิน อับดุลลอฮ,อิบนุมัสอูด,อิบนุอับบาส,มุอาวียะฮ์ บิน อะบีซุฟยาน,อัมร์ บินฮารีส,อะบูสะอีด อัลคุดรีย์,วัลละมะและมุอับบัด บุตรของ อุมัยยะ บิน คอลัฟ (ขอให้การด่าทอที่พวกคุณเกริ่นกล่าวอยู่ตลอดมากับมุตอะ จงได้รับการเป็นพยานจากบุคคลเหล่านี้ด้วยนะครับ พวกคุณด่าประณามพฤติกรรมการทำมุตอะ ก็เท่ากับด่าประณามพวกเขาตลอดมา)

قال القرطبي : الروايات كلها متفقة على أن زمن إباحة المتعة لم يطل وأنه حرم ثم أجمع السلف و الخلف على تحريمها إلا من لا يلتفت إليه من الروافض

อิหม่ามอัลกุรฏูบีย์ กล่าวว่า บรรดารายงานทั้งหมดของมัน ได้รับการเห็นฟ้อง(จากนักวิชาการ)ว่า เวลาของการอนุญาตการทำมุตอะฮนั้น ไม่นานนัก และแท้จริงมันได้ถูกห้ามแล้ว และหลังจากนั้น ชาวสะลัฟ และเคาะลัฟ ได้มีมติเอกฉันท์ถึงการห้ามของมัน นอกจาก ผู้ที่มัน(การห้ามมุตอะฮ)ไม่ได้รับความสนใจแก่เขา จากบรรดาพวกเราะฟีเฏาะฮ - ดูฟัตหุลบารีย์ เล่ม 7 หน้า 78

وفي خبر: أن رجلاً قدم من الشام، فمكث مع امرأة الى ما شاء الله أن
يمكث، ثم إنه خرج، فاخبر بذلك عمر بن الخظاب، فارسل إليه فقال: ما حملك على الذي فعلته ؟ قال: فعلته مع رسول الله، ثم لم ينهانا عنه حتى قبضه الله. ثمّ مع أبي بكرفلم ينهانا حتى قبضه الله، ثمّ معك، فلم تحدث لنا فيه نهيا. فقال عمر: أما والذي نفسي بيده لوكنت تقدمت في نهي لرجمتك»


โปรดเปิดดูตำราที่อุละมาของพวกคุณยอมรับ كنز العمال 8|294

มีรายงานบอกเล่าว่า ชายคนหนึ่งเดินทางมาจากซีเรีย แล้วพักอยู่กับสตรีนางหนึ่ง ตามที่อัลลอฮ์ประสงค์จะให้เขาพักอยู่ได้

ดังนั้นอุมัร บิน ค็อฏฏ็อบได้ถูกบอกเล่าถึงเรื่องนี้ เขาจึงส่งคนไปตามเขามาแล้วถามว่า เจ้าถือหลักการอะไร ถึงได้กระทำในสิ่งนี้

เขากล่าวว่า เพราะฉันเคยกระทำมาในสมัยท่านรอซูลุลลอฮ์ จากนั้นท่านก็ไม่ได้ห้าม จนกระทั่งอัลลอฮ์รับชีวิตท่านไป

ต่อจากนั้น (ฉันก็ทำก็ได้ทำมุตอะ)กับสมัยของอะบูบักร แล้วท่านก็ไม่ได้ห้าม จนกระทั่งอัลลอฮ์รับชีวิตท่านไป หลังจากนั้น ก็ทำกับสมัยของท่าน ซึ่งท่านยังไม่ได้แจ้งว่าห้ามแก่เราในเรื่องนี้

สำหรับบังอะซัน นะครับ คุณบัง ยกหลักฐานปลอมที่ปกป้องท่านอุมัร ว่ายกเลิกตามที่ท่านนบียกเลิก คุณบังเชื่อฮะดีษที่ใส่ร้าย ทั้งท่านรอซูล ท่านอะบูบักร์ และบรรดาศอฮาบะที่ยังถือปฏิบัติกับหลักการมุตอะ เพียงแค่ต้องการจะปกป้องคนๆเดียว หรือครับ คิดดูให้ดีนะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AntiRafidah
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 05/06/2009
ตอบ: 120


ตอบตอบ: Thu Oct 15, 2009 7:47 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

israya บันทึก:

สับสนสมชื่อ ตอบคราวนี้เข้าที และสรุปได้ดีกว่าใครๆที่ผ่านมา

เค้าบอกแล้วว่าท่านรซูลยกเลิกไปแล้ว อ้าว สมมุติอีกทีว่าคนที่ยกเลิกคือท่านอุมัร

คุนมาถามว่าชอบธรรมหรือไม่ ผมไบ้ให้2อย่างคือ ท่านนบีกล่าวว่าให้ตามคอลีฟะรอซีดีน (หนึ่งในนั้นคือท่านอุมัร)

ความหมายของ บังสับสน คือ มุตอะเคยถูกอนุญาตมาก่อน แล้วท่านรอซูลสั่งยกเลิกทีหลัง ใช่ไหมครับ ?

ถ้าถูกอนุญาตมาก่อน ใครอนุญาตครับ ?






อ๊ะๆ อ้าว ก็ท่านนบีไง ท่านเคยอนุญาตผ่อนผันให้มุตอะมาก่อน
ในปีทำศึกอาวฏอส หลังจากนั้นท่านก็ได้ห้าม


อยู่ในบ้าบเรื่องการแต่งงานมุตอะของท่านมุสลิมนั่นแหละ ลองไปเปิดดูหรือยังเอ่ย?
หรือว่าจะใช้ความชุ่ยขั้นสุดยอดเหมือนเดิมด้วยการเปิดแค่ฮะดีษเดียวอีก? โอ้ ไม่น่าเลย

ถามคุณสับสนแบบนั้น คิดจะเล่นลูกไม้เดิมๆ อีกละสิ?
รอฟิเฎาะลองกลับไปเปิดดูมาก่อนแล้วกัน แล้วบอกด้วยว่าเจอฮะดีษที่ผมว่าหรือป่าว?

เดี๋ยวว่างๆ ค่อยเข้ามาดูคำตอบใหม่แล้วกัน
Laughing Laughing Laughing
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Thu Oct 15, 2009 8:35 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

وحدّثنا محمد بن عبدالله بن نمير، حدثنا أبي، حدثنا عبيدالله، عن ابن شهاب، عن الحسن وعبدالله ابني محمد بن علي، عن أبيهما، عن علي إنه سمع ابن عبّاس يلين في متعة النساء فقال: مهلا يا ابن عباس، فان رسول الله صلى الله عليه [وآله] وسلّم نهى عنها يوم خيبروعن لحوم الحمر الإنسية.

وحدثني أبو الطاهر وحرملة بن يحيى، قالا: أخبرنا ابن وهب، أخبرني يونس، عن ابن شهاب، عن الحسن وعبدالله ابني محمد بن علي بن أبي طالب، عن أبيهما أنه سمع عليّ بن أبي طالب يقول لابن عباس: نهى رسول الله صلى الله عليه [وآله] وسلم عن متعة النساء يوم خيبر وعن أكل لحوم الحمر الإنسية»(1).
ورووا في الصحاح وغيرها حديث التحريم في يوم خيبرعن أمير المؤمنين عليه السلام كذلك، لكن باختلاف في اللفظ كما سترى، ونكتفي هنا بما جاء عند البخاري ومسلم ؟

أخرج البخاري: «حدثنا مالك بن إسماعيل، حدثنا ابن عيينة أنه سمع الزهري يقول: أخبرني الحسن بن محمد بن علي وأخوه عبدالله عن أبيهما إن علياً رضي الله عنه قال لابن عباس: إن النبي صلى الله عليه [وآله] وسلّم نهى عن المتعة وعن لحوم الحمر الأهلية زمن خيبر»(2)

وأخرج مسلم: «حدّثنا يحيى بن يحيى، قال: قرأت على مالك، عن ابن شهاب، عن عبدالله والحسن ابني محمد بن علي، عن أبيهما، عن عليّ بن أبي طالب أن رسول الله صلى الله عليه [وآله] وسلّم. نهى عن متعة النساء يوم خيبر وعن أكل لحوم الحمر الإنسية.

وحدثناه عبدالله بن محمد بن أسماء الضبعي، حدثنا جويرية، عن مالك بهذا الإسناد وقال: سمع علي بن أبي طالب يقول لفلان: إنك رجل تائه، نهانا رسول الله. بمثل حديث يحيى عن مالك.

حدثنا ابوبكر بن أبي شيبة وابن نمير وزهير بن حرب جميعاً، عن ابن عيينة، قال زهير: حدثنا سفيان بن عيينة، عن الزهري، عن حسن وعبدالله ابني محمد بن عليّ، عن أبيهما، عن علي: أن رسول الله صلى الله عليه [وآله] وسلّم نهى عن نكاح المتعة يوم خيبر وعن لحوم الحمر الأهلية.


หลักฐานเหล่านี้ คัดจากศอฮีฮ์มุสลิม และศอฮีฮ์บุคอรี และนะซาอีย์ ความหมายทั้งหมด โดยสรุปรวมก็คือ เป็นฮะดีษที่ระบุว่า มุตอะได้ถูกยกเลิกไปแล้วในสงครามค็อยบัร ซึ่งฮะดีษเหล่านี้ จะมีรายงานว่ามาจากท่านอะลีด้วย

ประเด็นวิชาการ ที่ผมจะยกหลักฐานมานำเสนอต่อไปนี้ เรียกว่า นักดุลอะฮาดีษ (วิจารณ์ฮะดีษในเชิงวิชาการ) นั่นก็คือว่า จะทำการพิสูจน์ด้วยเหตุผลตามหลักวิชาฮะดีษว่า ฮะดีษเหล่านี้ทั้งหมดไม่ศอฮีฮ์อย่างไร

ถึงแม้จะมาจากสายสืบที่เรียกว่า ศอฮีฮ์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ศอฮีฮ์ที่เนื้อหาเสมอไป ขอได้โปรดพิจารณาด้วยจิตใจที่เป็นธรรม และอย่าใช้อารมณ์ ความรู้สึกส่วนตัวพาลกล่าวหากันนะครับ หวังว่าท่านผู้อ่านก็จะพิจารณาอยู่นะครับ


แต่ขอเรียนย้ำว่า ทุกคนมีเสรีภาพ ทางความคิด จะเชื่อหรือไม่เชื่อ เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ ผมไม่ได้บังคับ และมิได้ประณามคนที่ไม่เชื่อการวิเคราะห์ของผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Thu Oct 15, 2009 9:10 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ขอเรียนว่า ผมไม่ใช่อุละมา แค่เป็นคนที่สนใจตำราคนหนึ่งเท่านั้น และการตัดสินเรื่องหลักมุตอะ ก้ไม่ได้อยู่ที่ผม หากเป็นหลักปฏิบัติที่อนุญาตกันอยู่ในบรรดาชีอะทั่วโลก การที่ผมหรือใครๆเห็นด้วย ก็ไม่ได้ไปช่วยเสริมเติมความชอบธรรมอันใดให้แก่พวกเขาเลย เพราะพวกเขาเชื่ออย่างนั้นกันมาเป็นพันปีแล้ว ขณะเดียวกันการคัดค้านของใครต่อใคร ก็ไม่ได้ส่งผลอันใดกับพวกชีอะเลย เราแค่ถกกันเฉยๆ ออกกำลังกายให้สมองเท่านั้นเอง ต้องเข้าใจตามนี้ด้วยนะครับ
«: حدثنا إسحاق بن إبراهيم، أخبرنا يحيى بن آدم، حدّثنا ابراهيم بن سعد، عن عبدالملك بن الربيع بن سبرة الجهني، عن أبيه، عن جده، قال: أمرنا رسول الله صلى الله عليه [وآله] وسلّم بالمتعة عام الفتح حين دخلنا مكّة، ثمّ لم يخرج حتى نهانا عنها»(5)
โปรดดู (5) صحيح مسلم ـ بشرح النووي هامش القسطلاني ـ 6|127.

ท่านรอซูลสั่งเราให้ทำมุตอะในปีแห่งการพิชิตเมื่อเข้าสู่เมืองมักกะฮ์ หลังจากท่านก็ไม่ได้ออก จนกระทั่งได้ห้ามเราจากเรื่องนั้น

นี่เป็นอีกหนึ่งฮะดีษที่ไหลหลั่งพรั่งพรูออกมาเพื่อรับรองความชอบธรรมให้กับคำสั่งห้ามของท่านอุมัร แต่บังเอิญว่า มันขัดแย้งกับฮะดีษที่ยกมาก่อน ตรงที่ ฮะดีษก่อนๆระบุว่า มุตอะถูกยกเลิกไปแล้วในสงครามค็อยบัร แต่ฮะดีษนี้บอกว่าท่านนบีสั่งศอฮาบะฮ์ให้ทำมุตอะในปีเข้าพิชิตเมืองมักกะฮ์อีก แล้วหลังจากนั้น จึงได้มีการยกเลิก จะเห็นความขัดแย้งระหว่างความหมายของฮะดีษอย่างชัดเจนครับ

จะเชื่อได้หรือว่า ท่านรอซูล เป็นคนบกพร่อง ไม่เด็ดขาดในคำสั่งห้าม สิ่งที่ขัดกับหลักศาสนา เคยห้ามแล้วในสงครามค็อยบัร แต่หลังจากนั้นอีกสามปี กลับคำมาสั่งให้ทำ แล้วต่อมาสั่งให้อีกอีก
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Thu Oct 15, 2009 9:13 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

israya บันทึก:

ประเด็นวิชาการ ที่ผมจะยกหลักฐานมานำเสนอต่อไปนี้ เรียกว่า นักดุลอะฮาดีษ (วิจารณ์ฮะดีษในเชิงวิชาการ) นั่นก็คือว่า จะทำการพิสูจน์ด้วยเหตุผลตามหลักวิชาฮะดีษว่า ฮะดีษเหล่านี้ทั้งหมดไม่ศอฮีฮ์อย่างไร
ถึงแม้จะมาจากสายสืบที่เรียกว่า ศอฮีฮ์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ศอฮีฮ์ที่เนื้อหาเสมอไป ขอได้โปรดพิจารณาด้วยจิตใจที่เป็นธรรม และอย่าใช้อารมณ์ ความรู้สึกส่วนตัวพาลกล่าวหากันนะครับ หวังว่าท่านผู้อ่านก็จะพิจารณาอยู่นะครับ


อย่างไรก็ตาม ท่านต้องวิเคราะห์หะดิษข้างต้นที่อยู่ในตำราชีอะฮด้วยนะครับ คือ

ما رواه محمد بن يحيى عن ابى جعفر عن ابى الجوزا عن الحسين بن علوان عن عمرو بن خالد عن زيد بن علي عن آبائه عن علي عليهم السلام قال : حرم رسول الله صلى الله عليه وآله يوم خيبر لحوم الحمر الاهلية ونكاح المتعة
تهذيب الأحكام - الشيخ الطوسي ج 7 ص 251

ما رواه محمد بن أحمد بن يحيى عن أبي الجوزا عن الحسين بن علوان عن عمرو بن خالد عن زيد بن علي عن آبائه عن علي عليهم السلام قال : حرم رسول الله صلى الله عليه وآله لحوم الحمر الاهلية ونكاح المتعة
الاستبصار - الشيخ الطوسي ج 3 ص 142

محمد بن الحسن بإسناده عن محمد بن أحمد بن يحيى ، عن أبي جعفر ، عن أبي الجوزاء ، عن الحسين بن علوان ، عن عمرو بن خالد ، عن زيد بن على ، عن آبائه عن علي عليهم السلام قال : حرم رسول الله صلى الله عليه وآله يوم خيبر لحوم الحمر الاهلية ونكاح المتعة

وسائل الشيعة (الإسلامية) - الحر العاملي ج 14 ص 441

وسئل جعفر بن محمد ( الأمام الصادق ) عن المتعة فقال : ( ماتفعله عندنا إلا الفواجر ) . ( بحار الأنوار للمجلسي – الشيعي – ج 100 ص 318
..............

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 14, 15, 16 ... 27, 28, 29  ถัดไป
หน้า 15 จากทั้งหมด 29

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.26 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ