อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[AntiRafidah]

ณ แหล่งส่องสุมรอฟิเฏาะแห่งหนึ่ง

รอฟิเฏาะ A : "เอ็งรู้เปล่า ข้าเข้าไปสนทนาในเว็บวะฮาบีมา? ขอบอกว่าสุดยอด"

รอฟิเฏาะ B : "เฮ้ย จริงเหรอวะ เอ็งเก๋าใช้ได้กว่าพวกข้าพอตัวว่ะ พวกข้าส่วนใหญ่ไม่กล้า แล้วสุดยอดไงวะ?"

รอฟิเฏาะ A : "ก็สุดยอดที่ข้าโดนวะฮาบีจับติดว่าตักกียะห์โกหกหมกเม็ด กับพลิกลิ้นได้ตั้งไม่รู้กี่รอบน่ะสิวะ สุดยอดจริงๆ"

รอฟิเฏาะ B : "................"

[AntiRafidah]

[israya]

บังครับ บอกไว้แล้วใช่ไหมว่า กติกาของบังคือ ไม่คุยเรื่องหลักฐานมุตอะ บังจะลบออก

[asan]

ปรากฏในตำราชีอะฮ

عن موسى بن عبدالملك عن رجل قال: سألت أبا الحسن الرضا عليه السلام عن إتيان الرجل المرأة من خلفها في دبرها فقال أحلتها آية من كتاب الله تعالى قول لوط عليه السلام: "هؤلاء بناتي هن أطهر لكم" فقد علم أنهم لا يريدون الفرج

รายงานจากมูซา บิน อับดุลมาลิก จากชายคนหนึ่ง กล่าวว่า "ฉันได้ถาม อบูอัลหะซัน อัรริฎอ อะลัยฮิสสลาม(อิหม่ามคนที 8 ของชีอะฮ) เกี่ยวกับ การร่วมเพศกับภรรยาในทวารหนักทางด้านหลัง แล้วเขากล่าวตอบว่า " โองการหนึ่งจากคำภีร์ของอัลลอฮ ได้อนุญาตมัน คือ คำพูดของลูฏ อะลัยฮิสสลามที่ว่า

هؤلاء بناتي هن أطهر لكم" فقد علم أنهم لا يريدون الفرج

“กลุ่มชนของฉันเอ๋ย! เหล่านี้คือลูกสาวของฉัน พวกนางนั้นบริสุทธิ์สำหรับพวกท่าน" แท้จริง เป็นที่รู้กันว่า พวกเขา(กลุ่มชนลูฏ)ไม่ได้ต้องการ อวัยวะเพศ" - อัลอิบติศอร เล่ม 3 หน้า 243
.......
ดังที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่า ผมไม่ให้ราคากับสิ่งหลักฐานที่ชีอะฮ เข้ามาโพสต์ เพราะเป็นสิ่งที่มาจากอิหม่ามที่พวกเขาอุปโลกน์ขึ้น ซึ่ง ผู้ถูกอุปโลกน์ไม่ได้รับรู้ใดๆ เพราะคำพูดข้างต้นขัดแย้งกับคำพูดของท่านนบี ที่ห้ามร่วมเพศภรรยาทางทวารหนักดังหะดิษ รายงานจากอบีฮรัยเราะฮ(ร.ฎ) ว่า

قال رسول الله صلى الله عليه وسلم: "من أتى كاهنا فصدقه بما يقول أو أتى امرأته حائضا أو أتى امرأته في دبرها فقد بريء مما أنزل على محمد صلى الله عليه وسلم

รซูลุลลอฮ ผู้ใดไปหาหมอทำนาย แล้วเชื่อในสิ่งที่เขาพูด หรือ ร่วมเพศกับภรรยาของเขา ขณะมีประจำเดือน หรือ ร่วมเพศกับภรรยาของเขาทางทวารหนักของนาง แน่นอน เขาได้ปลีกตัว(หมายถึงปฏิเสธ) จากสิ่งที่ถูกประทานแก่มุหัมหมัด (1)

ยิ่งไปกว่านั้น ตำราชีอะฮยังกล่าวเรื่องเท็จแก่ท่านนบี ว่า

وقال سيد العالم صلى الله عليه وسلم: (من تمتع من امرأة مؤمنة فكأنه زار الكعبة سبعين مرة

นายแห่งสากลโลก กล่าวว่า " ผู้ใดทำมุตอะฮกับผู้หญิงผู้ศรัทธาคนหนึ่ง ก็เหมือนเขาได้เยี่ยมกะบะฮ 70 ครั้ง (2)

.....................

(1) ) مسند أبي داود،كتاب الكهانة والتطير،ص545
(2) رسالة المتعة لمحمد الباقر المجلسي، ص16.

[asan]

[สับสน]

ชีอะได้ไปลงกระทู้ในเว็บมุสลิมไทย สงสัยล่อเป้าไว้เพื่อขอกำลังสนับสนุน

เห็นก็อปไปแค่บางส่วน สงสัยเจอทางตัน จึงต้องใช้เล่กลไปเกณฐ์ ชีอะในเว็บมุสลิมไทย

จะรอดูฉากต่อไปครับ สู้ๆครับบัง

[israya]

นักวิชาการนั้น เมื่อถกปัญหาวิชาการใดๆแล้ว ย่อมมีข้อยุติ จึงจะเรียกว่า เป็นผู้มีสติปัญญา และเป็นผู้ศรัทธา

เคารพกฏเกณฑ์ รู้แพ้รู้ชนะ เหมือนนักกีฬา ไม่ใช่ว่ากูแพ้ไม่ได้ ความเห็นของกู
จะต้องชนะ ใครจะมาชนะกูไม่ได้

อย่างนั้น คือคนโง่ ไม่มีความคิด เป็นคนพาโล หรืออันธพาล ระราน ดุจความประพฤติของเด็กจรจัดบางคนหยาบคาย จะไม่มีใครอยากคบหาสมาคม

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ เราถกกันในประเด็นมุตอะ กับมิสยาร ท่ามกลางปัญหาอุปสรรคต่างๆมากมายที่แทรกซ้อนเข้ามาขัดขวาง ทำลายบรรยากาศ และสมาธิ โดยสมุนของบัง

บังและสมุนยืนกรานว่า มุตอะไม่มีในอิสลาม อัลลอฮ์รอซูลไม่เคยอนุญาต มุตอะเป็นหลักการของพวกบ้ากาม พวกชีอะรอฟีเฎาะฮ์

อุตริคิดของชั่วๆขึ้นมาสนองอารมณ์ทางเพศของตนเอง และ.........และต่างๆ นานา

ผมได้ชี้แจงเสนอหลักฐานให้เป็นที่ปรากฏ จนในที่สุดบังและสมุนเริ่มยอมรับว่า มีหลักฐานว่ามุตอะในประวัติศาสตร์สมัยนบีจริง แต่ถุกยกเลิกไปแล้ว

หลังจากที่บังได้พลั้งพลาด นำเสนอหลักฐาน มุตอะ ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ผมจึงได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การยอมรับว่าถูกยกเลิกนั่ น

คือ การยอมรับขั้นหนึ่งแล้วว่า มุตอะ มีในสมัยท่านนบีมาก่อนจริง แล้วได้ถูกยกเลิกทีหลัง และในที่สุดก็มาพบหลักฐานในตำรามากมายหลายเล่ม

ระบุว่า ผู้สั่งยกเลิกมุตอะ คือ ท่านอุมัร บิน ค็อฏฏ็อบ ดังมีหลักฐานปรากฏคำพูดของท่านอุมัรเอง ในตำราหลายเล่มของซุนนะ และตรงกับอีกหลายเล่มของชีอะ ดังนี้

: تفسير الرازي 2|167، شرح معاني الاثار 374، سنن البيهقي 6|207، بداية المجتهد 1|346 المحلّى 7|107، أحكام القرآن ـ للجصّاص ـ 1|279، شرح التجريد

ตำราทุกเล่มเหล่านี้ จะมีบันทึกคำพูดตอนหนึ่งของท่านอุมัร บิน ค็อฏฏ็อบว่า

«متعتان كانتا على عهد رسول الله وأنا أنهى عنهما وأعاقب عليهما»

มุตอะทั้งสองประเภทนั้น(ทั้งฮัจญ์ตะมัตตุอ์และนิกาห์มุตอะ) เคยมีในสมัยของท่านรอซูลุลลอฮ์
และฉันได้สั่งห้าม ทั้งสองสิ่งนั้น และกำหนดโทษไว้แก่สองสิ่งนั้น


ผมคิดว่า นับจากนี้ ไปเราถือว่า เราสองฝ่าย น่าจะได้ข้อยุติในปัญหานี้ระหว่างเราแล้ว เพราะได้มีการเปิดเผยหลักฐานกันชัดเจนแล้ว

ผมเข้าใจว่า ในทัศนะของพี่น้องซุนนะ ท่านอุมัร เป็นคนสำคัญสูงสุดอย่างไร จึงไม่ขอวิจารณ์ล่วงล้ำก้ำเกินมากไปกว่านี้ เพราะหลักความเชื่อขอเราตรงนี้ แตกต่างกัน และไม่อำนวยให้เราวิเคราะห์เสวนาต่อจากตรงนี้ไปได้อีก เว้นแต่จะหยิบยกกระทู้ใหม่ขึ้นมาเท่านั้น

ไม่ใช่กลัวว่า บังฮะซันจะไม่ยอมรับเรื่องมุตอะ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ และคงไม่มีสาวชีอะคนไหนตกลงใจจะทำมุตอะกับบังฮะซัน ฉะนั้นบังและสมุน ไม่ต้องกลัว สบายใจไดผมรับรอง

ต่อนี้ไป ทั้งบังอะซันและสมุน ควรจะต้องยุติ การลบหลู่ชีอะ และหลักการมุตอะ ยุติเรื่องป้ายร้าย และทำลาย โจมตี หรือประณาม หลักการนี้ ตั้งแต่นี้ไป

ถ้าหากบังยังหยามหยันเยาะเย้ย ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด สังคมท่านผู้อ่านคงร่วมกันสาปแช่งและประณามบังเอง

[israya]

asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา



เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 1878


ตอบ: Sun Oct 11, 2009 12:24 am ชื่อกระทู้:

--------------------------------------------------------------------------------

israya บันทึก:
บังครับ บอกไว้แล้วใช่ไหมว่า กติกาของบังคือ ไม่คุยเรื่องหลักฐานมุตอะ บังจะลบออก


แล้วที่นำคุตบะฮปลอมของท่านอาลี ใส่ร้ายเคาะลีฟะฮท่านอื่นว่าไม่ปฏิบัติตามสุนนะฮนบี มันเกี่ยวกับมุตอะฮหรือ
_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม

ขอความกรุณาบังอะซัน อย่าได้พาลมากไปกว่านี้เลยครับ

[AntiRafidah]

[AntiRafidah]

เรื่องของเรื่องมุตอะคือ ด้วยเหตุอยากมุตอะจนตาลาย
จึงทำให้รอฟิเฏาะชีอะห์อ่านอัลกุรอานไม่เข้าใจ แล้วมั่วเอาเอง

[israya]

ความจริงลำพังการถกปัญหาความเชื่อที่ต่างกัน ไม่ใช่ว่าจะทำกันไม่ได้ ถ้าหากต่างฝ่ายต่าง

เคารพกฎกติกา และอย่าให้คนขาดข้อมูลในกระทู้เข้ามาตีรวน โขมงโฉงเฉง ก่อความวุ่นวาย จน

ทำให้เสียบรรยากาศ


Israya กับ บังอะซันและสมุนบริวารได้เริ่มเปิดประเด็นอีกครั้ง หลังจากเจอมรสุมหนักใน

หน้ากระดาน และทั้งสองฝ่ายได้เริ่มถกปัญหาเรื่องมุตอะกับมิสยารกันต่อไปเพื่อค้นหาความจริง


เราตกลงกันแล้วว่า อย่าได้นำเอาความรู้สึก ความเห็นส่วนตัวของเราเองเข้ามาเกี่ยวข้อง

กับสองหลักการนี้ ทั้งมุตอะและมิสยาร เพราะใน ความเป็นจริงแล้ว การเสวนาปัญหาศาสนา ทุก

ฝ่ายจะต้องไม่นำเอาความเห็นส่วนตัวมาตัดสิน


ต้องแยกเรื่องให้ออก ต้องแยกความเห็นส่วนตัวหรืออารมณ์ กับหลักชะรีอัตออกจากกัน

จนกระทั่งการถกในรอบวันศุกร์ที่ผ่านมา (๙ ตุลาคม) การเสวนาก็มาถึงจุดที่ทุกฝ่ายยอมรับด้วย

หลักฐานในมือของตัวเองว่า การมุตอะ ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว และประเด็นการถกเถียงก็ได้

ขมวดมาถึงจุดชี้ขาดกันว่า การยกเลิกนั้น เป็นไปอย่างถูกต้องชอบธรรมหรือไม่


อัลลอฮ์หรือรอซูลที่เป็นผู้สั่งยกเลิก ถ้าหากพิสจณืได้ว่า อัลลอฮ์ และรอซูล สั่งยกเลิก ทุกอย่าง

ก็จบ บังอะซันและสมุนจะได้เป็นนักปราชญ์ระดับโลก ISRAYA จะเสนอให้มีการจารึกชื่อใน

ประวัติศาสตร์ (จะมีชื่อในหนังสือริญาลสำหรับคนในรุ่นต่อไปได้ศึกษา)


แต่ประเด็นการยกเลิกยังติดค้างในประเด็นที่ว่า ถ้าหากกล่าวว่า โองการเกี่ยวกับการหย่า

ร้าง ถูกประทานมาทดแทนและยกเลิกอายะเกี่ยวกับมุตอะ ตามที่มีบางริวายะอ้าง ซึ่งจะได้คำ

ตอบว่า อัลลอฮ์ยกเลิก


ก็จะเกิดปัญหาทางวิชาการตามมาว่า อายะการหย่าร้างและอื่นๆที่นำมาเสนอนั้น ล้วน

ได้ถูกประทานมาก่อน ควบคู่กับหลักการให้นิกาห์เป็นสามีภรรยาตามปกติ ดังที่รู้กันอยู่ มิใช่อา

ยะที่ถูกประทานลงมาทีหลังเพื่อยกเลิก อายะที่ถูกประทานมาก่อนจะยกเลิกอายะที่ถูกประทานมา

ทีหลังได้อย่างไร


ในที่สุด ISRAYA ได้เปิดเผยหลักฐานให้ปรากฏว่า ผู้สั่งยกเลิกมุตอะนั้น ที่แท้คือ ท่านอุ

มัร โดยมีตำราหลายเล่มที่ฝ่ายซุนนะบันทึกยอมรับเป็นพยานหลักฐาน


นับจากนั้น ISRAYA ถือว่า ได้ข้อยุติแล้ว สำหรับการนำเสนอว่า มุตอะถูกสั่งยกเลิก ที่

เหลือนอกนั้น มอบให้เป็นหน้าที่ของสังคมพิจารณาและศึกษากับผู้รู้ของตนเองต่อไป


โดย ISRAYA คิดว่า น่าจะยุติการนำเสนอความเห็นในประเด็นนี้ต่อไป ที่ยังเหลือก็คือ

โจทย์และคำถามเกี่ยวกับมิสยาร ที่กำลังฮิตติดอันดับโลก และโฉ่ฉาวคาววงการเว็บทั่วโลกอยู่ใน

ขณะนี้ ท่านจะมีคำตอบให้กับ ISRAYA บ้างหรือไม่ ?


ISRAYA ไม่ทราบว่าหลักการมุตอะที่เลวร้ายในทัศนะของพวกท่าน ได้ถูกพวกชีอะนำไป

โฆษณาหาคู่เล่นมุตอะตามหน้าเว็บไซต์ เหมือนกับ การเล่นมิสยาร ที่กำลังนำเสนอให้เล่นเป็น

ล่ำเป็นสันในทุกวันนี้หรือไม่ ? ทำให้บางคนคลางแคลงใจว่า พวกท่านกำลังดิสเครดิตการเล่น

มุตอะ เพื่อดึงลูกค้าเข้าสู่ตลาดการเล่นมิสยารของพวกท่านหรืออย่างไร ?


พวกท่านแสร้งแสดงตนทำเป็นพ่อพระ เคร่งศีล ในขณะที่มีหลายเว็บไซต์ของโลกอาหรับ

ภายใต้การชี้นำของอุละมาของพวกท่าน ทำให้มีผู้หญิง ผุ้ชายออกมาประกาศหาคู่เล่นมิสยารกัน

อย่างเสรี ไม่รู้ว่าสังคมเหล่านั้นของวาฮาบีเองจะสำส่อนทางเพศไปถึงไหน ? โปรดให้คำตอบของ

ท่านแก่เราบ้างเถิด (โปรดงดเว้นความเห็นส่วนตัว)

[asan]

[asan]

เพิ่มเติม

แล้วเราจะคุยรู้เรื่องกันได้อย่างไรล่ะ น้องสาว israya ในเมื่อคัมภีร์ที่อยู่ในมือของน้อง ต่างกับคัมภีร์ที่อยู่ในมือของเราชาวซุนนีย์ สิ่งที่พิสูจน์ว่า เรามีคัมภีร์คนละเล่มคือ

عن جابر ، قال : سمعت أبا جعفر عليه السلام يقول ; ما ادعى أحدٌ من الناس أنّه جمع القرآن كلّه كما أُنزل إلاّكذّاب ، وما جمعه وحفظه كما أنزله الله تعالى إلاّ علي بن أبي طالب عليه السلام والاَئمّة من بعده عليهم السلام

จากญาบีร กล่าวว่า " เขาได้ยินญะอฺฟัร อะลัยฮิสสลาม กล่าวว่า " ไม่มีคนใดอ้างว่า เขาได้รวบรวมอัลกุรอ่านไว้ทั้งหมด เว้น แต่ เขาคือ จอมโกหก ,ไม่มี(ผู้ใด)รวบรวมและท่องจำ มัน ตามที่อัลลอฮตะอาลาได้ประท่านลงมา นอกจากอาลี บิน อบีฎอลิบ อะลัยฮิสสลาม และบรรดาอิหม่าม(อะลัยฮิมุสสลาม) หลังจากท่าน เท่านั้น - ดู อัลกาฟีย์ เล่ม 1 หน้า 228 และ บะศออิรุดดัรญาต เล่ม 2 หน้า 213
...........
พี่น้องผู้อ่านครับ แบบนี้ คุยกับน้องชีอะฮรู้เรื่องได้อย่างไร เพราะเราคัมภีร์คนละเล่มกัน

[dabdulla]

อาจารย์อะซัน

ผมขอเสียมารยาทนิดนึง คือไม่อยากให้คนที่ไม่เข้าใจนั้นคิดว่า เราไม่เอาลูกหลานของ
ท่านอาลี หรือที่ชีอะห์เรียกพวกเขาว่า 11 อีหม่าม (อีกหนึ่งอีหม่ามเป็นเรื่องปรำปรา)

เราอะห์ลุสซุนนะห์ รักลูกหลานของท่านนบีทุกๆ ท่าน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
แต่สิ่งที่ชีอะห์อ้างถึงบรรดาลูกหลานของท่านอาลีนั้น เป็นเรื่องโกหกและแอบอ้างขึ้นมา
เพราะตำราที่อ้างถึงบรรดาอีหม่ามของพวกเขา ถูกเขียนหลังจากบรรดาอีหม่าม 300 ปี

[AntiRafidah]