การศรัทธาของคนเรานั้นมีเพิ่มและลดอยู่ตลอดเวลา มิได้หมายความว่าผู้ที่ได้ศรัทธาจะรักษาระดับการศรัทธาไว้ได้เช่นนั้นตลอดไป
อาจจะมีมากหรือมีน้อยเป็นบางเวลา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่จะทำให้หัวใจของเขาแปรปรวน เช่นการชัดนำจากชัยตอน หรือการเอา
อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเป็นใหญ่ อย่างนี้เป็นต้น พระองค์อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวว่า
"แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาคือ ผู้ที่เมื่ออัลลอฮฺได้ถูกกล่าวถึง หัวใจของพวกเขายอมสยบ และเมื่อโองการต่างๆของพระองค์ได้ถูกอ่าน
แก่พวกเขา มันจะเพิ่มพูนการศรัทธาแก่พวกเขายิ่งขึ้น" (อัล-อัมฟาล:2)
ผู้ที่อีหม่าน หรือผู้ศรัทธาที่แท้จริงนั้นเขาจะน้อมรับคำสั่งของอัลลอฮฺและคำสั่งของรอซูลไว้เหนือสิ่งอื่นใด และจะไม่มอบความรัก
ที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ผู้ใดมากไปกว่าความรักที่มีต่ออัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ ท่านนบีมูฮำหมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
"คนใดก็ตามในหมู่พวกเจ้าจะยังไม่เป็นผู้ที่อีหม่านอย่างแท้จริง จนกว่าฉันจะเป็นที่รักยิ่งของเขามากกว่า พ่อแม่ของเขา มากกว่าลูกของเขา
และคนอื่นทั้งหมด" (รายงานโดยอนัส บันทึกโดย บุคอรี กีตาบุ้ลอีหม่าน บทที่ 8 หะดีษที่ 15)
และเมื่อการศรัทธาของคนเราไม่คงที่โดยมีทั้งเพิ่มและมีทั้งลด แต่สิ่งที่ผู้ศรัทธาต้องระวังก็คือ อย่าให้การศรัทธาเพิ่มจนเกินระดับ และอย่า
ให้ลดจนหมดสภาพความเป็นมุสลิม
เช่น ความรักที่มีต่อท่านรอซูล จนกระทั่งศรัทธาว่านบีมูฮำหมัดคือพระเจ้า เหมือนอย่างที่ชาวนะศอรอ
ศรัทธาว่านบีอีซาคือพระบุตร หรือความเชื่อของกลุ่มซูฟีที่อ้างว่า อัลลอฮฺแบ่งภาคสิงสถิตย์อยู่ในสิ่งต่างๆ ฉะนั้นพวกเขาจึงกราบไหว้ทุกอย่าง
โดยอ้างว่าเขากราบอัลลอฮฺ อย่างนี้สิ้นสภาพการเป็นมุสลิม
แล้วเราจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้การศรัทธาเพิ่มหรือลดจนสิ้นสภาพการเป็นมุสลิม คำตอบก็คือการศรัทธาตามคำสอน ตามตัวบทหลักฐาน
มิใช่การศรัทธาโดยยึดถืออารมณ์เป็นใหญ่
การศรัทธาตามคำสอนนั้น ก็คือการศรัทธาในสิ่งที่ท่านรอซูลนำมาบอกทั้งหมด โดยไม่เลือกศรัทธาเฉพาะบางเรื่องแล้วปฏิเสธบางเรื่อง
แต่หากเป็นที่ว่าเช่นนี้ก็ถือว่ายังไม่ได้ศรัทธา พระองค์อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวว่า
"พวกเจ้าจะศรัทธาเฉพาะบางส่วนของคัมภีร์และจะปฏิเสธอีกบางส่วนกระนั้นหรือ" อัล-บะกอเราะฮฺ:85)
สงวนลิขสิทธิ์โดย © Moradokislam.org All Right Reserved.