การให้ความหมายคำ "อัลอีหม่าน" ว่าหมายถึง "การศรัทธา" นั้นยังไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะคำว่าศรัทธาหมายถึง
การเลื่อมใส หรือความเชื่อ แต่ "อัลอีหม่าน" คือการเชื่อด้วยใจ การกล่าวออกมาด้วยวาจา และรวมถึงการปฏิบัติเข้าไว้ด้วยกัน
เมื่อยังไม่มีภาษาไทยคำใดที่มีความหมายตรงตัว ฉะนั้นการให้ความหมาย "อัลอีหม่าน" ว่า "การศรัทธา" จึงเป็นเพียง
การขอยืมคำมาใช้เพื่อสื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจในระดับหนึ่งเท่านั้น
เรื่องการเชื่อด้วยใจ มนุษย์เราไม่สามารถที่จะชี้ชัดได้ว่าจริงหรือเท็จอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ภายในใจ ฉะนั้นในประเด็นนี้จึงต้อง
มอบหมายให้อัลลอฮฺเป็นผู้ตัดสิน
แต่มนุษย์เราสามารถที่จะกล่าวได้ว่า คนนั้นหรือคนนี้เป็นคนที่อีหม่าน หรือไม่อีหม่าน ก็ด้วยการพิจารณาจากคำพูดและการกระทำของเขา
โดยทั้งคำพูดและการกระทำของเขาจะต้องสอดคล้องกัน แต่หากคำพูดและการกระทำของเขาไม่ตรงกัน เช่นปากเขาบอกว่าเขาเป็นมุสลิม
ต่เขากราบเจว็ด อย่างนี้ให้เอาการกระทำของเขาเป็นข้อตัดสิน คือ เขามิได้เป็นผู้ศรัทธา พระองค์อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวว่า
"และมีคนอยู่ส่วนหนึ่งที่เขาจะกล่าวว่า เราศรัทธาต่ออัลลอฮฺและเชื่อเรื่องวันอวสาน หากแต่พวกเขาไม่ใช่ผู้ศรัทธา" (อัล-บะกอเราะฮฺ:8)
เหตุที่พระองค์อัลลอฮฺได้ตัดสินคนกลุ่มนี้ว่าไม่ใช่ผู้ศรัทธานั้นก็เพราะการกระทำของพวกเขาไม่ได้เป็นไปตามที่ปากเขาพูด โดยที่พระองค์
อัลลอฮฺได้นำเอาพฤติกรรมของพวกเขามาแฉว่า
"และเมื่อพวกเขาพบกับบรรดาผู้ศรัทธา พวกเขาก็กล่าวว่า เราศรัทธาแล้ว แต่เมื่อพวกเขาอยู่กับหัวโจกโดยลำพัง พวกเขาก็กล่าวว่า
พวกเราเป็นพวกเดียวกับพวกท่าน พวกเราเป็นผู้เย้ยหยันผู้ศรัทธาเท่านั้น" (อัล-บะกอเราะฮฺ:14)
ฉะนั้นคำพูดและการกระทำของคนที่อีหม่านจะต้องสอดคล้องกันและหากคำพูดกับการกระทำไม่ตรงกัน ก็ให้เอาการกระทำเป็นข้อตัดสิน
ส่วนเรื่องหัวใจของเขานั้นจะศรัทธาหรือไม่ มอบให้เป็นสิทธิ์แด่อัลลอฮฺ
หากจะมีผู้กล่าวว่า การกล่าวคำปฏิญาณตน (อัชฮะดุอันลาอิลา ฮะอิ้ลลัลลอฮฺ ว่าอัชฮะดุอันน่ะมูฮำมะดัรรอซูลุลลอฮฺ) ยังไม่เป็นการเพียงพอ
หรือ? ขอตอบว่า ยังไม่พอ เพราะคำปฏิญาณตนเพียงอย่างเดียวยังไม่พอที่จะชี้ชัดว่าเขาคือคนอีหม่าาน พระองค์อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า
"อาหรับชนบทกล่าวว่า พวกเราศรัทธาแล้ว (มูฮำหมัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า พวกท่านยังมิได้ศรัทธา แต่พวกท่านต้องกล่าวว่า เรารับ
อิสลามแล้ว" (อัล-หุญุรอต:14)
ด้วยเหตุนี้การกล่าวคำปฏิญาณตนจึงเป็นเพียงการบ่งบอกว่า เขาคือผู้น้อมรับอิสลามหรือเป็นมุสลิมนั่นเอง ซึ่งเขาได้รับสิทธิอันชอบธรรม
ตามข้อกำหนดของอิสลาม ท่านนบีมูฮำหมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
"ฉันถูกใช้ให้สู้รบกับผู้ที่ทำลายอิสลามจนกว่าเขาจะปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การสักการะนอกจากอัลลอฮฺ พวกขาศรัทธา
ต่อฉัน และสิ่งที่ฉันนำมา แต่เมื่อเขากล่าวคำนี้แล้ว เลือดของพวกเขา ทรัพย์สินของพวกเขา ก็เป็นที่ต้องห้ามแก่ฉัน นอกจากสิทธิอันชอบ
ธรรมแห่งอิสลามและบัญชีพวกเขาอยู่ ณ ที่อัลลอฮฺ" (รายงานโดย อบีฮุรอยเราะฮฺ บันทึกโดย มุสลิม กีตาบุ้ลอีหม่าน หะดีษที่ 31)
แม้ว่าบุคคลที่กล่าวคำปฏิญาณตนแล้ว จะได้รับสิทธิหรือสถานะความเป็นมุสลิมก็ตาม แต่การที่จะบอกว่าเขาคือผู้ศรัทธา หรือเป็นมุอฺมินนั้น
ยังต้องขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของเขาด้วย ในกรณีที่เขาละเลยข้อกำหนดของศาสนา หรือกระทำสิ่งที่ฝ่าฝืนข้อบัญญัติของศาสนา เขาจะยัง
ไม่ถูกเรียกว่า "มุอฺมิน" หากต่เขาเป็น "มุสลิมอาศียฺ" หรือมุสลิมที่ประพฤติชั่วนั่นเอง ท่านนบีมูฮำหมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
"คนที่เป็นมุอฺมินเขาจะไม่ละเมิดประเวณีในขณะที่เขาเป็นมุอฺมิน คนที่เป็นมุอฺมินจะไม่ลักโขมยในขณะที่เขาเป็นมุอฺมิน"
(รายงานโดย อิบนุ อับบาส บันทึกโดย บุคอรี กีตาบุ้ลฮุดู๊ด หะดีษที่ 6284)
สงวนลิขสิทธิ์โดย © Moradokislam.org All Right Reserved.