หลายครั้งที่ได้สอบถามทั้งมุสลิมเก่า และมุสลิมใหม่ว่า ศาสนาอิสลามมีองค์ประกอบอย่างไรบ้าง หรือมีโครงสร้างเช่นไร
ก็มักจะได้คำตอบที่แตกต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะตอบว่า คือการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย และไม่กินหมู
เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจที่มุสลิมไม่เข้าใจอิสลาม แล้วเราจะให้ผู้อื่นเข้าใจอิสลามได้อย่างไร ความจริงเรื่องการขลิบหนัง
หุ้มปลายอวัยวะเพศชาย และการไม่กินหมูนั้นเป็นเพียงข้อปลีกย่อยในคำสอนของศาสนาเท่านั้น
และวันนี้มุสลิมก็เอาเรื่องเล็ก
มาเป็นเรื่องใหญ่ มุสลิมให้ความสำคัญในเรื่องข้อปลีกย่อยมากกว่าเรื่องที่เป็นหลัก เช่นผู้ใดที่จะเข้ารับอิสลามก็ต้อง
ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศก่อน แล้วต่อมาก็กำชับว่า อย่ากินหมู แต่เรื่องที่เป็นหลักใหญ่ของศาสนาจริงๆ เรากลับเบาความ
ศาสนาอิสลามมีองค์ประกอบที่เป็น โครงสร้างหลัก 3 ประการ ดังต่อไปนี้
1.หลักความเชื่อ หรือที่เรียกว่า หลักอีหม่าน (รุก่นอีหม่าน)
2.หลักการปฎิบัติ หรือที่เรียกว่า หลักอิสลาม (รุก่นอิสลาม)
3.ความบริสุทธิ์ใจ หรือที่เรียกว่า หลักคุณธรรม (อัลเอียะฮฺซาน)
หลักทั้ง 3 ประการนี้ได้มาจากคำสอนของ ท่านนบีมูฮำหมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม จากรายงานหะดีษที่มีบันทึกอยู่ใน
ซอเฮียะฮฺมุสลิม ดังนี้
"ขณะที่เรากำลังอยู่กับท่านรอซูลในวันหนึ่ง มีชายผู้หนึ่งได้ปรากฎกายขึ้น เขาใส่อาภรณ์ที่ขาวสะอาด มีผมดำขลับ
โดยที่ไม่มีร่องรอยของการเดินทางปรากฏให้เห็น ไม่มีผู้ใดในหมู่เราที่รู้จักเขา จนกระทั่งเขาเข้ามานั่งเอาเข่าเกยกับเข่า
ของท่านนบี และเอามือทั้งสองวางลงบนหน้าตักของท่านนบีแล้วกล่าวว่า
"โอ้..มูฮำหมัด โปรดบอกฉันเกี่ยวกับอัลอิสลาม" ท่านตอบว่า "คือการปฏิญาณตนว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮฺ มูฮำหมัดรอซูลุ้ลลอฮฺ
และการดำรงละหมาด การบริจาคซะกาต การถือศิลอดเดือนรอมฎอน และการทำฮัจย์หากมีความสามารถจะไปได้"
ชายผู้นั้นกล่าวว่า "ท่านพูดถูกแล้ว" (ท่านอุมัร) กล่าวว่า เราแปลกใจเหลือเกินที่เขาถามแล้วยืนยันในคำตอบเสียเอง
เขาถามต่อไปว่า "โปรดบอกฉันเกี่ยวอัลอีหม่าน" ท่านนบีตอบว่า "คือการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ, ต่อมาลาอิกะฮฺ, ต่อคัมภีร์,
บรรดาศาสนฑูตขอพระองค์, วันอวสาน และศรัทธาในเรื่องการกำหนดความดีและความชั่วของพระองค์" ชายผู้นั้นกล่าวว่า
"ท่านพูดถูกแล้ว"
เขายังถามต่อไปอีกว่า "โปรดบอกฉันเกี่ยวกับอัลเอียะฮฺซาน" ท่านนบีตอบว่า "คือการที่ท่านจะต้องสักการะต่ออัลลอฮฺประหนึ่งว่า
ได้เห็นพระองค์ แม้ว่าท่านไม่เห็นพระองค์ก็ตาม แต่พระองค์ก็ทรงเห็นท่าน" (รายงานโดยท่าน อุมัร อิบนิค็อตต็อบ บันทึกอยู่ใน
ซอเฮียะฮฺมุสลิม กีตาบุ้ลอีหม่านบทที่1)
หลักทั้ง 3 ประการดังที่กล่าวมา จะต้องอยู่ควบคู่กัน จะขาดอันหนึ่งอันใดไปมิได้ เช่น คนที่ปฏิบัติศาสนาได้อย่างครบถ้วนแต่ความเชื่อ
ของเขาไม่ถูกต้อง ฉะนั้นการปฏิบัติของเขาก็ไร้ผล หรือคนที่เชื่อถูกแต่ปฏิบัติไม่ถูก ก็ไร้ผลเช่นเดียวกัน หรือคนที่เชื่อถูก ปฏิบัติก็ถูก
แต่ไม่มีความบริสุทธิ์ใจในความเชื่อหรือในการปฏิบัตินั้น งานของเขาก็ไร้ผลเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างของผู้ที่มีความเชื่อไม่ถูกต้องงานของเขาก็ไร้ผล เช่น คำตัดสินของท่านอิบนุ อุมัร เกี่ยวกับผู้ที่เชื่อเรื่องการกำหนดสภาวะการณ์
ผิดพลาด ดังนี้
"หากว่าคนใดในหมู่พวกเขามีทองประหนึ่งดังภูเขาอุฮุดแล้วเขาก็บริจาคมันไป อัลลอฮฺก็จะไม่รับการบริจาคจากเขาจนกว่าเขาจะศรัทธา
ในเรื่องการกำหนดสภาวะการณ์อย่างถูกต้องเสียก่อน" (ซอเฮียะมุสลิม กีตาบุ้ลอีหม่าน บทที่1)
ตัวอย่างของผู้ที่เชื่อถูกแต่ปฏิบัติไม่ถูก งานของเขาก็ไร้ผลดังนี้
ท่านอิบนุ อุมัรกล่าวว่า "ฉันเคยได้ยินท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า การละหมาดโดยไม่มีน้ำละหมาดนั้น
จะไม่ถูกตอบรับ และการบริจาคจากทรัพย์ที่ยักยอกมาจะไม่ถูกตอบรับเช่นเดียวกัน" (ซอเฮียะมุสลิม กีตาบุตตอฮาเราะฮฺ บทที่2)
ตัวอย่างของผู้ที่เชื่อถูกและปฏิบัติก็ถูกแต่ไม่มีความบริสุทธิ์ใจงานของเขาก็ไร้ผล ดังที่พระองค์อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวไว้ว่า
"และพวกเขามิได้ถูกใช้เพื่อสิ่งใด นอกจากเพื่อการสักการะต่ออัลลอฮฺอย่างผู้ที่บริสุทธิ์ใจ" (อัล-บัยยินะฮฺ:5)
สงวนลิขสิทธิ์โดย © Moradokislam.org All Right Reserved.