ส่งข้อความโดย : ชีอะฮ์
ถึงIRF ที่กล่าวว่า - 1. ไอ้โง่เอ๋ย เรื่องของการนับอายะฮฺ ตามตรรกะแล้ว ไม่คนละประเด็นเรื่องกุรอานครบไม่ครบ!
คือซุนนะฮฺน่ะเชื่อว่ากุรอานเล่มนี้น่ะครบแน่ ตัวอักษรครบแน่ แต่ใครจะนับแบบไหน แบ่งอายะฮฺยังไงนั่นอีกเรื่องนึง
กุรอานที่ซุนนะฮฺเชื่อน่ะ มีตัวอักษรเท่ากันแหละ ตั้งแต่"อัลฮัมดฺ" ถึง "นาส"
(หรือบ้างจะเริ่มนับ "บิสมิลลาหฺ" ไปด้วยก็ไม่เป็นไร)
ยกตัวอย่าง ผมพูดว่า "วันนี้ฉันไปโรงเรียนแต่เช้ารถติดจังเลยการบ้านก็ยังทำไม่เสร็จคุณครูตีแน่เลยต้องเอาของเพื่อนมารีบลอกแล้ว"
เอ้า ทีนี้ที่ผมพูดไป ใครจะนับประโยคยังไงล่ะ? จะแบ่งประโยคยังไงดี?
คนที่หนึ่งแบ่งว่า "วันนี้ฉันไปโรงเรียนแต่เช้า (1) รถติดจังเลยการบ้านก็ยังทำไม่เสร็จคุณครูตีแน่เลย (2) ต้องเอาของเพื่อนมารีบลอกแล้ว (3)"
คนนี้แบ่งได้ 3 ประโยค
ส่วนอีกคนนึงแบ่งแบบนี้
"วันนี้ฉันไปโรงเรียนแต่เช้า (1) รถติดจังเลย (2) การบ้านก็ยังทำไม่เสร็จ (3) คุณครูตีแน่เลย (4) ต้องเอาของเพื่อนมารีบลอกแล้ว (5)"
เอ้า! คนนี้แบ่งได้ 5 ประโยค
นี่แหละครับ ตัวอักษรเหมือนเดิมเลย แต่นับประโยคได้ไม่เท่ากัน
ซึ่งประเด็นการนับอายะฮฺกุรอาน ที่ฝ่ายชีอะฮฺกำลังกวนให้ขุ่นก็คือแบบนี้แหละครับ!
กุรอานน่ะ ตัวอักษรเท่ากัน ตรงกัน แต่เรื่องของการนับ อันนี้ล่ะฝ่ายซุนนะฮฺแต่ละคนเขาแบ่งนับอายะฮฺได้ต่างกัน
แต่กรณีที่ฝ่ายซุนนะฮฺเราโจมตีชีอะฮฺเรื่อง ชีอะฮฺบอกกุรอานไม่ครบ อันนี้คนละประเด็นกับที่เราพูดเลย เราหมายถึงว่าชีอะฮฺเชื่อว่า กุรอานยังมีตัวอักษรอื่นนอกเหนือจากนี้อีก! แค่นี้มันถูกตัดออกไป!
นี่แหละประเด็นที่เราพูด ..ซึ่งยุคใหม่นี้นี่ พ่อแม่เลี้ยงลูกดีครับ ไม่ได้ให้แทะหญ้ากินแน่นอน
ดังนั้นมุขนี้ที่ชีอะฮฺใช้ ต่อไปฝ่ายชีอะฮฺใช้ไม่ขึ้นแล้วครับ
แต่ถ้าทางชีอะฮฺกลุ่มนี้ ที่เรากำลังสนทนาอยู่ด้วย เป็นชีอะฮฺคณะใหม่ที่เชื่อว่ากุรอานครบ
ไม่มีเกินจากนี้ กุรอานเล่มเดียวกับของซุนนะฮฺเลย สมบูรณ์แน่นอน
.. อันนี้เราก็ไม่ไปเอาความเชื่อกลุ่มอื่นมายัดเยียดให้กลุ่มคุณแน่นอน (ไม่เหมารวม)
2. ตกลงถ้าเอ็งเชื่อว่าครบ เอ็งก็ไม่ต้องกวนให้ขุ่น ไม่ต้องย้อนสิว่า เอ๊ะฝ่ายซุนนะฮฺก็บอกไม่เท่ากันหนิ! ก็เพราะถ้าเอ็งถามแบบนี้เนี่ย เดี๋ยวคนจะสงสัยว่า เอ..ตกลง แสดงว่าเอ็งก็เชื่อว่าไม่ครบล่ะสิ! (ว่าง่ายๆคือนึกจะเล่นมุข แต่มุขที่ใช้มันดันมาฆ่าตัวเอง!)
>>>>
นี่แหละครับ ต่อไปนี้ปัญญาชน ชนผู้มีปัญญาจะคิดเท่าทันสิ่งเหล่านี้ได้หมดแล้วครับ
(เอ้าถึงไหนแล้ว เข้าเรื่องต่อ)
ส่งข้อความโดย : IRF
No. : 13087
ข้อความ: ว่าจะส่งหลักฐานชีอะฮ์ไปให้ท่านIRFและเด็กอนุรักษ์ได้ชมสักหน่อย
แต่ดันมีพวก ลิ่วล้อ ออกมา แสดงตัวแบบกองเชียร์
พล่ามพูดไปเรื่อยๆนะจ๊ะ มีปากมีมือ ถ้าไม่เมื่อย ก็โพสต์เข้ามาเรื่อยๆนะจ๊ะ
ผมจะได้อ่านเวปนี้บ้าง เวปอื่นบ้างสลับไปเรื่อยๆ
เพราะผมไม่สะเทือนหรอกกับ การเย้ายวนกวนใจของพวกท่าน เรื่องปะกะติจ้า
คือว่า หนุกดีอะ รู้สึกอบอุ่นที่มีคนอุตส่าถามถึงบ่อยๆ
ไปล่ะ อีกสองสามชั่วโมง ค่อยเวียนมาดูใหม่นะคร๊าบ
555555555555555555555555555555555555555555555555555555
ผู้ส่ง: ชีอะฮ์ : IP : 203.144.187.18
--------------------------------------------------------------------
ใครมั่งที่เป็นกองเชียร์ผมเนี่ย?
ไหนคุณชีอะฮฺ ช่วยแจ้งรายชื่อให้ผมทราบซิ ผมหาไม่เจอ
ถ้าหาเจอจะดีใจจังว่ามีกองเชียร์ด้วย
แต่ถ้าให้ดีใจกว่าคือมีคนต่อต้านครับ ไม่รู้สงสัยโรคจิต
เพราะอะไรที่มันเป็นความจริง มนุษย์ส่วนใหญ่(ของโลก)ย่อมต่อต้าน
ส่งข้อความโดย : IRF
No. : 13098
ข้อความ: ไม่ขัดกันได้ไง อันหนึ่ง บอกไม่ยกเลิก อันหนึ่งบอกยกเลิก ยังงงี้เรียกว่าคล้อยตามไม่ใช่ขัดกันเหรอ
แปลยังไง ก็ยังคงเห็นขัดกัน
ผู้ส่ง: ผู้ติดตาม : IP : 124.120.161.122
---------------------------------------------------------------
อ๋อ เข้าใจแล้วครับ
ดังนั้นขอสรุปอีกนิดให้ชัดตรงหะดีษที่ท่านยกมาแล้วกัน
หะดีษซอเฮี้ยะฮฺที่บอกว่านบีไม่ได้ห้ามมุตอะฮฺ
ส่วนอีกหะดีษท่านอะลีย์รายงานว่านบียกเลิกมุตอะฮฺ
ถามว่าหะดีษขัดกันมั๊ย?
พอดีคุณเด็กอนุรักษ์ ตอบแบบมุขๆเพื่อจะเขย่าอะกีดะฮฺของชีอะฮฺ
ว่าตกลงระหว่าง "อะหฺลุลบัยตฺ"(ท่านอะลีย์)กับ"ซอฮาบะฮฺ" จะเลือกเชื่อสายรายงานจากใคร? เขย่าดูเล่นบ้างว่าชีอะฮฺจะเชื่ออะหฺลุลบัยตฺหรือซอฮาบะฮฺ
.......
แต่ทีนี้ผมไม่ขอตอบมุขๆนะ คืองี้ครับคุณเด็กอนุรักษ์ ชีอะฮฺไม่มีอะกีดะฮฺให้เราเขย่าหรอกครับ
ชีอะฮฺเชื่อศรัทธาในการสร้างเรื่องของเขาเองมากกว่า (เอาคำแอ๊ดคาราบาวไปว่าใส่ชีอะฮฺน่ะเหมาะเหม็งเลย)
ถามว่าหะดีษขัดกันมั๊ย?
...ผมบอกถ้า "หะดีษนบี" กับ "หะดีษนบี" น่ะมันไม่ขัดกันครับ (ขีดเส้นใต้ตรง "นบี")
...ทีนี้ขอถาม ไม่ได้นอกเรื่อง แต่จะโยเข้ามา
และเดี๋ยวหาว่าไม่ยอมตอบ ..ก็คำถามที่ผมจะถามนี่แหละคือคำตอบ (เดี๋ยวถ้าไม่เข้าใจจะมาอธิบายซ้ำ)
ขอถามว่า
นางอะอิชะฮฺกล่าวว่า "ใครที่บอกท่านนบียืนปัสสาวะ เขาโกหก"
นางอะอิชะฮฺรายงายจากสิ่งที่พบเห็นนบี แต่คำถามคือ
> นี่คือหะดีษนบีหรือเปล่า?
..
ตอบครับ ว่านี่คือหะดีษนบีหรือเปล่า?
ส่งข้อความโดย : ชีอะฮ์
ถึงIRF ที่กล่าวว่า - 1. ไอ้โง่เอ๋ย เรื่องของการนับอายะฮฺ ตามตรรกะแล้ว ไม่คนละประเด็นเรื่องกุรอานครบไม่ครบ!
คือซุนนะฮฺน่ะเชื่อว่ากุรอานเล่มนี้น่ะครบแน่ ตัวอักษรครบแน่ แต่ใครจะนับแบบไหน แบ่งอายะฮฺยังไงนั่นอีกเรื่องนึง
กุรอานที่ซุนนะฮฺเชื่อน่ะ มีตัวอักษรเท่ากันแหละ ตั้งแต่"อัลฮัมดฺ" ถึง "นาส"
(หรือบ้างจะเริ่มนับ "บิสมิลลาหฺ" ไปด้วยก็ไม่เป็นไร)
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ชีอะฮ์ตอบบ้างนะ - ก็ท่านคงโง่มาก่อนสิครับ เพราะถ้าท่านกับผมเชื่อตรงกันว่า
อัลกุรอานสมบูรณ์ ชีอะฮ์ก็ตอบไปแล้วหลายครั้งหลายหนว่า ตั้งแต่บาอ์บิสมิลลาฮ์จนถึงตัวซีน อันนาส ชีอะฮ์เชื่อว่าสมบูรณ์
ส่วนไอ้คนโง่แบบพวกท่านที่ถามชีอะฮ์ว่า อัลกุรอ่านของชีอะฮ์สมบูรณ์ไหม
ก็ถามเกือบทุกวัน รวมทั้งตัวท่านด้วย
ชีอะฮ์ก็ตอบเกือบทุกวัน แล้วใครล่ะที่โง่เง่าจุดประเด็นนี้ขึ้นมาไม่เลิกลา
ก่อนว่าตนอื่น ดูตัวเองก่อน
ถ้าท่านบอกว่า สมบูรณ์ ชีอะฮ์บอกว่าสมบูรณ์ ก็จบสิจะพล่ามทำไม
และที่สำคัญเริ่มส่อแสดงกริยาคำพูดแบบเสียดสีออกมาอีกแล้วนะ
ทีแรกขอให้ชีอะฮ์พูดดีๆพูดแบบวิชาการ พอทำตาม เริ่มส่อสันดานของตัวเอง
ส่งข้อความโดย : ชีอะฮ์
เห็นฝ่ายสุนนะอยากได้หลักฐานเรื่องนิกะฮ์มุตอะฮ์ของชีอะฮ์
ผมก็ส่งให้อ่านแล้ว ดังนี้
////////////////////////////////////////////////////////////
นิกะฮ์มุตอะฮ์ในฟิกฮ์ของชีอะฮ์ถือว่า อนุญาตให้ทำได้ และไม่ฮะร่าม ดังนี้ :
1-ท่านอิม่ามบาเก็รและท่านอิม่ามญะอ์ฟัร ซอดิกล่าวว่า :
إن رسول الله ( صلى الله عليه وآله ) أحل المتعة ولم يحرمها حتى قبض .
แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)อนุญาตให้ทำมุตอะฮ์ได้ และท่านไม่เคยสั่งห้ามทำมุตอะฮ์จนท่านเสียชีวิต
หนังสือวะซาอิลุชชีอะฮ์ เล่ม21 หน้า16 ฮะดีษที่26371
2-
عن أبي سارة قال : سألت أبا عبدالله ( عليه السلام ) عنها ، يعني المتعة ، فقال لي : حلال
จากอบี ซ้ารเราะฮ์เล่าว่า : ฉันได้ถามท่านอบาอับดิลละฮ์(นามแฝงของท่านอิม่ามญะอ์ฟัร) ถึงเรื่องทำมุตอะฮ์ ? ท่านตอบฉันว่า : ฮะล้าล
จากหนังสือวะซาอิลุชชีอะฮ์ เล่ม21 หน้า8 ฮะดีษที่26363
//////////////////////////////////////////////////////////////
แล้วจะมาพล่ามกันให้ยืดยาวกันทำไมอีกครับ
สรุปสั้นๆ
ฝ่ายสุนนะบอกว่า มุตอะ ฮะร่าม ตามหลักฐานของสุนนะ
ก็จบ สุนนะทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำ
ฝ่ายชีอะฮ์มีหลักฐานบอกว่า มุตอะฮ์ ฮะล้าลให้ทำได้ ส่วนชีอะฮ์คนไหนจะทำหรือไม่ทำก็เรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม
แล้วจะมาว่าชีอะฮ์ทำไม หากชีอะทำมุตอะฮ์โดยที่หากหลักฐานของชีอะเองมาตอบไม่ได้ อันนั้นน่าประนาม และผมเองก็ไม่ควรเข้ามาชี้แจง
อย่าเสียเวลามาบอกชีอะฮ์เลยว่า มุตอะฮ์ฮะร่าม
ยกเว้น ชีอะฮ์ทำมุตอะฮ์โดยไร้หลักฐาน อันนี้ค่อยประนามนะครับคุณ IRF
ส่งข้อความโดย : ชีอะฮ์
ถึงIRF
มีฝ่ายสุนนะบางท่าขอร้องว่าให้สุนนะและชีอะ สนทนากันด้วยความสุภาพและอย่าใช้วาจาเสียดสี
แต่ผมรู้สึกว่าคุณจะเริ่มก่อนนะครับ เช่นคำว่า ไอ้โง่เอ๋ย ต๊อง โรคจิต
หากผมใช้บ้างอย่าตำหนิผมนะครับ เพราะคนอย่างผม ก็ไม่ยอมให้ใครมาใช้นิสัยหยาบกับผม โดยที่ผมจะทนพูดเพาะอยู่ฝ่ายเดียว
หากคุณยังส่อเสียดแบบนี้บ่อยๆ อย่ามาว่าผมทีหลังนะครับ
นี่ผมเตือนสติพวกคุณก่อนนะครับ
ส่งข้อความโดย : ชีอะฮ์
หากการสนทนาของเรามันทำให้คุณเกิดบันดาลโทสะ
เราพักเรื่องนี้ไว้ก่อน เอาไว้พอคุณอารมณ์ดีๆค่อยมาสนทนากันต่อก็ได้
ผมเข้าใจความตั้งใจของคุณครับ
ส่งข้อความโดย : ผู้ติดตาม
""""""""""" อ่านข้างล่างนี้ให้เข้าใจ แล้วควรตั้งประเด็นให้อยู่ในร่องในรอย หหรือแย้งกลับมาให้อยู่ในประเด็น ไม่ใช่ออกทะเลเลอะเทอะ""""""""""""""
ฝ่ายสุนนะกล่าวว่า การนิกะฮ์มุตอะฮ์ ถือว่าฮะร่าม โดยมีหลักฐานมาจากฮะดีษ
แต่ชีอะฮ์ได้ค้านหลักฐานของสุนนะที่นำมาแสดง ด้วยเหตุผลดังนี้
:
1- ซูเราะฮ์อันนิสาอ์ อายัตที่24 ประทานลงมาที่มะดีนะฮ์เรื่องอนุญาติให้นิกะฮ์มุตอะฮ์ได้ และไม่เคยมีอายัตใดในกุรอานลงมายกเลิกเรื่องนิกะฮ์มุตอะฮ์
2- ชีอะฮ์ไม่ยอมรับในทัศนะที่สุนนะนำฮะดีษมายกเลิกฮุก่มจากกิตาบุลเลาะฮ์
3- ฮะดีษที่สุนนะนำมาแสดงว่ามุตอะฮ์ถูกยกเลิก ไปค้านกับฮะดีษบุคอรีที่กล่าวว่านบี(ศ)ไม่เคยยกเลิกมุตอะฮ์จนเสียชีวิตดังนี้คือ
:
واخرج البخاري عن عمران بن حصين قال : نزلت آية المتعة في كتاب الله ففعلناها مع رسول الله
ولم ينزل قرآن يحرمها ، ولم ينه عنها حتى مات قال رجل برأيه ما شاء
รายงานจากอิมรอน บินหุศ็อยนฺกล่าวว่า :
อายะฮ์มุตอะฮ์ถูกประทานลงมาในกุตาบุลเลาะฮ์ แล้วพวกเราได้ทำมัน กับท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ศ) ไม่เคยมีอัลกุรอานลงมายกเลิกมัน และท่านร่อซู้ล(ศ)ก็ไม่เคยห้ามมัน จนท่านตาย มีชายคนหนึ่งพูดตามความคิดของเขาสิ่งที่ประสงค์
ฮะดีษบุคอรีบทนี้ แสดงว่านบี(ศ)ไม่ได้ห้ามมุตอะฮ์ตลอดกาล เพราะคำว่า ร่อซู้ลไม่ได้ห้ามจนเสียชีวิต แสดงว่าฮุก่มนี้ ยังอนุญาตให้ทำได้
4- ฝ่ายสุนนะกล่าวว่า เหตุที่มีซอฮาบะฮ์บางกลุ่มยังทำมุตอะฮ์และบางกลุ่มหยุดทำเพราะว่า กลุ่มที่ทำยังไม่เคยได้ยิน ฮะดีษที่นบี(ศ)สั่งห้าม
ในทำนองเดียวกันฮะดีษบุคอรีบทนี้รายงานโดยท่านอิมรอน บินหุศ็อยนฺ ซึ่งเป็นซอฮาบะฮ์ที่มีชีวิตอยู่มาจนถึงสมัยการปกครองของท่านอะลี จากหลักฐานดังฮะดีษบทนี้
روي البخاري في الصحيح في كتاب الصلاة عن عمران بن الحصين قال : صليت مع علي صلاة كنا نصليها مع رسو ل الله (ص)
รายงานจากบุคอรีในกิบาบุศศ่อลาตจากอิมรอน บิน หุศ็อยนฺ เล่าว่า : ฉันได้ละหมาดกับท่านอะลี ซึ่งเป็นละหมาดเดียวกันกับที่ฉันเคยละหมาดมันกับท่านรอซูลลุลลอฮ์(ศ)..
ในเมื่ออิมรอนได้รายงานฮะดีษบทที่ว่าท่านนบีไม่เคยสั่งห้ามเรื่องมุตอะจนท่านนบีตาย ซอฮาบะฮ์ที่ได้ยินก็ต้องเชื่อตามอิมรอนด้วย หากสุนนะอ้างว่าท่นอิมรอนอาจไม่เคยได้ยินฮะดีษที่ท่านนบีสั่งห้ามที่คอยบัรและที่วันเปิดเมืองมักกะฮ์นั้นมี ขอสังเกตดังนี้คือ
ในยุคท่านอุมัรเป็นคอลีฟะฮ์ได้ให้ความไว้วางใจท่านอิมรอนถึงกับแต่งตั้งให้ไปเป็นโต๊ะกอฎี(ผู้พิพากษาด้านฟัตวาศาสนา)ที่เมืองบัสเราะฮ์ประเทศอิรัก ซึ่งประชาชนที่นั่นต่างได้รับความรู้มากมายจากท่านอิมรอน แค่ฮาดิษบทเดียวที่อ้างว่าท่านไม่ได้ยิน เป็นการวิเคราะห์ที่อ่อนเกินไป
การไปเอาฮะดีษที่เกิดขึ้นในสมัยท่านนบี(ศ)สั่งห้ามตอนคอยบัรมา เพื่ออ้างว่า ซอฮาบะฮ์บางคนยังทำมุตอะฮ์มาจนถึงยุคท่านอุมัร เพราะซอฮาบะฮ์บางคนไม่เคยได้ยินนั้น
ถามว่าตอนวันเปิดเมืองมักกะฮ์ ซอฮาบะฮ์โดยส่วนมากก็ได้ยินกันทั้งหมดเรื่องนบีสั่งห้ามมุตอะฮ์ แม้แต่ผู้ที่เข้ารับอิสลามไหม่วันนั้นก็ได้ยิน กล่าวคือเป็นเรื่องที่ แพร่หลาย ถ้าจะมาอ้างว่าซอฮาบะฮ์ส่วนน้อยที่ไม่ได้ยินคำสั่งห้าม ก็เป็นไปไม่ได้หรือที่คนส่วนมากกลับปล่อยให้เรื่องนี้คาราคาซังมาถึงยุคท่านอุมัร
นี่เป็นเพียงการนำเอาหลักฐานต่างๆทางฝ่ายสุนนะมาสนทนาและวิเคราะห์กันเท่านั้น เพื่อชี้ให้เห็นว่า หลักฐานที่อ้างว่าการ อมุตอะฮ์ได้ถูกยกเลิกนั้นเป็นเรื่องที่ขัดกันเองทำให้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ต่อไปนี้ชีอะฮ์ขอนำเสนอฮะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์(อ)ที่ซ่อฮี๊ห์มาแสดงว่า :
นิกะฮ์มุตอะฮ์ในฟิกฮ์ของชีอะฮ์ถือว่า อนุญาตให้ทำได้ และไม่ฮะร่าม ดังนี้ :
1-ท่านอิม่ามบาเก็รและท่านอิม่ามญะอ์ฟัร ซอดิกล่าวว่า :
إن رسول الله ( صلى الله عليه وآله ) أحل المتعة ولم يحرمها حتى قبض .
แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)อนุญาตให้ทำมุตอะฮ์ได้ และท่านไม่เคยสั่งห้ามทำมุตอะฮ์จนท่านเสียชีวิต
หนังสือวะซาอิลุชชีอะฮ์ เล่ม21 หน้า16 ฮะดีษที่26371
2-
عن أبي سارة قال : سألت أبا عبدالله ( عليه السلام ) عنها ، يعني المتعة ، فقال لي : حلال
จากอบี ซ้ารเราะฮ์เล่าว่า : ฉันได้ถามท่านอบาอับดิลละฮ์(นามแฝงของท่านอิม่ามญะอ์ฟัร) ถึงเรื่องทำมุตอะฮ์ ? ท่านตอบฉันว่า : ฮะล้าล
จากหนังสือวะซาอิลุชชีอะฮ์ เล่ม21 หน้า8 ฮะดีษที่26363
ส่วนกรณีฮะดีษที่ท่านอะลีกล่าวว่า :
لولا أن عمر نهى عن المتعة ما زنى إل شقي
หากไม่เป็นเพราะท่านอุมัรสั่งห้ามทำมุตอะฮ์ จะไม่มีใครทำซีนาเลยนอกจากคนไม่ดี
ฮะดีษบทนี้สงสัยคุณเด็กอนุรักษ์คงเข้าใจอะไรผิดหรือก้แกล้งไขสือ เพราะตามความหมายแปลตามตัว ท่านอะลีกล่าวว่า หากแม้นว่าอุมัร ไม่สั่งห้ามเรื่องมุตอะฮ์
คือไม่อนุญาตให้ผู้คนทำมุตอะฮ์ คงไม่มีมุสลิมคนใดไปทำซีนา เพราะยังมีมุตอะฮ์เป็นทงออกสุดท้าย นอกจากคนเลวจริงๆที่ขนาดมีมุตอะฮืแล้วยังไปทำซีนาอีก
เพราะฉะนั้นฮะดีษบทนี้ท่านอะลีได้ตำหนิท่านอุมัร ไม่ใช่เห็นด้วยกับท่านอุมัร
ส่วนกรณีที่กล่าวว่าชีอะฮ์ทำไมไม่ยอมรับฮะดีษที่ท่านอะลีรายงานว่าท่านนบีสั่งห้ามมุตอะฮ์ที่คอยบัร สาเหตุเพราะว่า คนรายงานตามหลักมุศเตาะละฮุลฮะดีษเป็นค่อบัรวาเฮ็ด (มีผู้รายงานเพียงคนเดียว)ในขณะที่ไม่มีผู้ใดรายงานฮะดีษนี้เลย ด้วยเหตุนี้บุคอรีจึงไม่ได้นำฮะดีษบทนี้ออกรายงานไว้ในหนังสือซ่อฮี๊ห์ของเขาเอง นี่คือเหตุผลสำคัญที่ชีอ๊ะไม่ยึดฮาดิษนี้เป็นสิ่งที่มีน้ำหนัก
ขอชี้แจงว่า ชีอะฮ์ที่เข้ามาไต่ถามเรื่องหลักฐานมุตอะฮ์จากสุนนะฮ์ไม่ได้หมายความว่า กำลังจะยอมรับหลักฐานของพวกสุนนะฮ์ ที่ยกมาอ้างอิง
เพราะชีอะฮ์มีหลักฐานเรื่องมุตอะฮ์จากตำราของชีอะฮ์อยู่แล้ว อย่าว่าแต่เรื่องมุตอะฮ์เลย ทั้งเรื่องอะกีดะฮ์และอะห์กามทั้งหมดชีอะฮ์ก้ไม่จำเป็นต้องอาศัยตำราสุนนะฮ์ในการวินิจฉัย
จากหลักฐานที่ได้นำมาแสดงทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ก็เพียงพอแล้วที่ยืนยันถึงการนิก๊ะมุตอะฮ์ว่าเป็นสิ่ง""ฮาล้าล""ในทัศนะของอิสลาม ส่วนสุนนะจะว่า "" ฮาหร่าม""ก็เป็นเรื่องฟิกฮ์ของสุนนะ แต่ข้อยืนยันของฝ่ายชีอ๊ะนั้นมีหลักฐานจากอัลกรุอ่านและฮาดิษจากบรรดาอะลุลบัยต์ที่ชัดแจ้งว่า อัลลอฮ(ซบ) และรอซูล(ศ) และลูกหลานนบี อนุมัติให้ทำนิกะมุตอะฮ์ได้จนถึงวันกิยามัติ
หมายเหตุ......นี่คือหลักฐานเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ยืนยันเบื้องต้นว่า การมุตอะฮ์เป็นสิ่งถูกต้องในอิสลาม
ส่งข้อความโดย : IRF
No. : 13135
ข้อความ: หากการสนทนาของเรามันทำให้คุณเกิดบันดาลโทสะ
เราพักเรื่องนี้ไว้ก่อน เอาไว้พอคุณอารมณ์ดีๆค่อยมาสนทนากันต่อก็ได้
ผมเข้าใจความตั้งใจของคุณครับ
ผู้ส่ง: ชีอะฮ์ : IP : 203.144.187.18
-------------------------------------------------------------
คงจะเดาอารมณ์ผิดซะล่ะมั้งครับ?
ซุนนะฮฺไม่ได้ปลูงฝังเรื่องอุดมการณ์ไว้เป็นจุดเด่นของศาสนาครับ
ดังที่คุณบอกว่าผมบันดาลโทสะ คงจะไม่ใช่ล่ะมั่งครับ
คงจะเป็นคุณซะมากกว่า แล้วก็เอาความรู้สึกคุณยัดให้ผมซะงั้น (อย่าเด่าไปสิว่าผมอารมณ์ขึ้นเหมือนคุณ)
ผมเข้าใจดีครับว่าชีอะฮฺนั้นคิดว่าตนนั้นฉลาดหลักแหลม (ซอฮาบะฮฺทะเลาะกัน ตูเลยเป็นชีอะฮฺซะเลย)
การที่จะมีใครไปบอกว่าโง่นั้น เขาไม่ยอม มันจึงเกิดโทสะเป็นธรรมดา (แล้วก็เอามาโบ้ยให้ผม)
ดังนั้นคุณก็กลับไปสงบสติอารมณ์นะครับ จะได้ตั้งหลักถูก
เรารู้ได้ไงครับว่าคุณไม่พอใจ? เกิดโทสะจากคำพูดของผม ..
ก็ข้อความนี้ไงครับ ...
ส่งข้อความโดย : ผู้ติดตาม
ออกทะเลเก้ ๆกัง ๆ
ไม่รับฟังใด ๆสิ้น
หลักฐานไม่ถูกใจไม่ได้ยิน
บ้าบิ่นเปิ่นบ๊องเลยปั่นป่วน
แย้งประจักษ์ด้วยหลักการ
หรือวิชาการใด ๆล้วน
ไม่เอาหรอกหนาพาเรรวน
เลยก่อกวนดีกว่าช่างน่าอาย
อาการแบบนี้มีมาแต่เริ่มต้น
เป็นอาการของคนที่ไม่หาย
คิดว่าคงพาตาย
เชิญตามสบายเถิดพ่อคุณ
ส่งข้อความโดย : IRF
No. : 13132
ชีอะฮ์ตอบบ้างนะ - ก็ท่านคงโง่มาก่อนสิครับ เพราะถ้าท่านกับผมเชื่อตรงกันว่า
อัลกุรอานสมบูรณ์ ชีอะฮ์ก็ตอบไปแล้วหลายครั้งหลายหนว่า ตั้งแต่บาอ์บิสมิลลาฮ์จนถึงตัวซีน อันนาส ชีอะฮ์เชื่อว่าสมบูรณ์
ส่วนไอ้คนโง่แบบพวกท่านที่ถามชีอะฮ์ว่า อัลกุรอ่านของชีอะฮ์สมบูรณ์ไหม
ก็ถามเกือบทุกวัน รวมทั้งตัวท่านด้วย
ชีอะฮ์ก็ตอบเกือบทุกวัน แล้วใครล่ะที่โง่เง่าจุดประเด็นนี้ขึ้นมาไม่เลิกลา
----------------------------------------------
ผมก็บอกไปแล้วไงครับ ค่อนข้างชัดเจน
(ใช้คำให้ชัดอีกนิด) ชีอะฮฺบางส่วนก็มีเชื่อว่ากุรอานเล่มนี้ยังไม่ครบ ถูกตัดออกไป
คุณจะปฏิเสธไม่ได้ว่ามีบางกลุ่มเชื่อแบบนั้นจริง แถมเปิดเผยด้วย มีตำราด้วย
(ไม่เกี่ยวกับประเด็น 17000 อายะฮฺ ที่เราผ่านพ้นกันไป อันนั้นผมเข้าใจรับทราบความเชื่อคุณแล้ว)
แต่สำหรับกลุ่มคุณ ผมก็เคลียร์แล้วไง ..ผมรู้ว่าสำหรับชีอะฮฺกลุ่มคุณ คุณก็เชื่อเหมือนเราว่ากุรอานครบถ้วน
ฟังให้เข้าใจสิ ถ้าไม่มีอารมณ์โทสะซะก่อนย่อมเข้าใจที่ผมพูด
ก็เหมือนกับซุนนะฮฺนี่แหละ มีหลากก๊กหลายกลุ่ม หลายมัซหับ
ทางของชีอะฮฺก็เช่นกัน ก็มีหลายก๊กหลายกลุ่มเช่นกัน
ดังนั้น ผมแยกแยะออกครับ ว่าชีอะฮฺกลุ่มคุณ เชื่อว่ากุรอานครบ
ส่วนชีอะฮฺกลุ่มอื่นมีเชื่อว่ากุรอานถูกตัดออกไป ..
ฉะนั้นถ้าผมจะโจมตีว่าชีอะฮฺเชื่อว่ากุรอานไม่ครบ ถูกตัดออก ผมก็จะไม่เหมารวมไปที่กลุ่มคุณครับ
ไม่ต้องห่วง เราจะใช้คำว่า ชีอะฮฺบางกลุ่ม อุละมาอฺบางคน ตำราบางเล่ม.. ทำนองนั้นเป็นต้นครับ
ดังนั้นถ้าฉลาด ต้องฟังให้เข้าใจ
ว่าผมไม่ยัดเยียด สิ่งที่ไม่ใช่ของคุณ เอาไปใส่ให้คุณแน่นอน
ส่งข้อความโดย : IRF
คุณผู้ติดตาม นี่ก็ไม่จำเป็นต้องติดตามมาในเวลาเดียวกับคุณชีอะฮฺหรอกนะครับ
(ติดตามใกล้ชิดอะไรกันขนาดนั้น ถึงขนาดแทรกผมโพสต์ ฟังยังไม่ได้ศัพท์เลย)
ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่กุเรื่องใส่ร้ายพวกคุณประเด็นเรื่องกุรอานแน่นอน
ยอมรับรู้รับฟังครับว่า ชีอะฮฺกลุ่มคุณเนี่ยเชื่อว่ากุรอานครบ
เพียงแต่ที่ผมใช้คำว่า "โง่" อันนั้นหมายถึงมุข
มุขเรื่องการนับอายะฮฺน่ะเลิกเถอะครับ .. อย่างที่ว่าไปแหละ ข้เกียจพูดซ้ำ
เดี๋ยวโกรธแล้วจะทำให้เสียบรรยากาศวิชาการหมด
ดังนั้นชีอะฮฺจะนำเสนอวิชาการอะไรมาก็เชิญต่อเลยครับ (ถ้าหายเสียอารมณ์แล้วเชิญต่อ)
แล้วอย่าลืมที่ผมถามด้วย โดยเฉพาะคุณ "ผู้ติดตาม" น่ะ
..........
ว่านางอะอิชะฮฺบอกว่า "ใครบอกว่านบียืนปัสสาวะ เขาโกหก"
คำถามคือ เป็นหะดีษนบีหรือเปล่า?
ตอบด้วยครับ
ส่งข้อความโดย : อยากรู้จัง
เกิดเอะใจตี๊ดเดียวน่ะนะ ว่า หลักฐานจากชีอะฮฺนั้นรายงานจากท่านอิหม่ามญะอฺฟัร จากท่านรซูล
ถามว่า อิหม่ามญะอฺฟัรอยู่สมัยเดียวกับท่านรสูลหรือ ?
ทำไมไม่เป็นรายงานจากตาบิอีน จากเศาะหาบะฮฺ จากท่านนบี
หลักฐานที่คุณเอามา ใช้ได้หรือเปล่า ?
แล้วทำไมคุณไม่เอารายงานจากท่านอาลี ซึ่งอยู่สมัยเดียวกับท่านรสูลเล่าเออ
ส่งข้อความโดย : ชีอะฮ์
ถึงท่านIRF No. : 13139
---------------------------------------------------------------
คุณกล่าวว่า - ผมก็บอกไปแล้วไงครับ ค่อนข้างชัดเจน
(ใช้คำให้ชัดอีกนิด) ชีอะฮฺบางส่วนก็มีเชื่อว่ากุรอานเล่มนี้ยังไม่ครบ ถูกตัดออกไป
คุณจะปฏิเสธไม่ได้ว่ามีบางกลุ่มเชื่อแบบนั้นจริง แถมเปิดเผยด้วย มีตำราด้วย
(ไม่เกี่ยวกับประเด็น 17000 อายะฮฺ ที่เราผ่านพ้นกันไป อันนั้นผมเข้าใจรับทราบความเชื่อคุณแล้ว)
แต่สำหรับกลุ่มคุณ ผมก็เคลียร์แล้วไง ..ผมรู้ว่าสำหรับชีอะฮฺกลุ่มคุณ คุณก็เชื่อเหมือนเราว่ากุรอานครบถ้วน
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ตอบ- โอเคทีนี้ผมรับทราบ งั้นต่อไปนี้คงไม่มีใครโพสต์เข้ามาถามชีอะฮ์กลุ่มผมว่า เชื่ออัลกุรอ่านสมบูรณ์อีกนะครับ
เป้นอันว่า เรื่องอัลกุรอานสมบูรณ์ไม่สมบูรณ์ ผมกับท่านเราเคลียกันแล้วนะ
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ทีนี้ประกาศมายังท่านสุนนะทั้งหลายว่า เวลาบอกว่าชีอะบอกว่าอัลกุรอานไม่สมบูรณ์ ก็กรุณาบอกกลุ่มชีอะนั้นให้ชัดเจนนะจ๊ะ อย่าเหมารวมตามทีคุณIRFแนะนำไว้
ส่งข้อความโดย : ชีอะฮ์
ถึงคุณอยากรู้จังNo. : 13143
ข้อความ: เกิดเอะใจตี๊ดเดียวน่ะนะ ว่า หลักฐานจากชีอะฮฺนั้นรายงานจากท่านอิหม่ามญะอฺฟัร จากท่านรซูล
ถามว่า อิหม่ามญะอฺฟัรอยู่สมัยเดียวกับท่านรสูลหรือ ?
ทำไมไม่เป็นรายงานจากตาบิอีน จากเศาะหาบะฮฺ จากท่านนบี
หลักฐานที่คุณเอามา ใช้ได้หรือเปล่า ?
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ตอบ - ขอให้คุณลองอ่านรายงานสองฮะดีษนี้อีกครั้งนะครับ
1-ท่านอิม่ามบาเก็รและท่านอิม่ามญะอ์ฟัร ซอดิกล่าวว่า :
إن رسول الله ( صلى الله عليه وآله ) أحل المتعة ولم يحرمها حتى قبض .
แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)อนุญาตให้ทำมุตอะฮ์ได้ และท่านไม่เคยสั่งห้ามทำมุตอะฮ์จนท่านเสียชีวิต
หนังสือวะซาอิลุชชีอะฮ์ เล่ม21 หน้า16 ฮะดีษที่26371
2-
عن أبي سارة قال : سألت أبا عبدالله ( عليه السلام ) عنها ، يعني المتعة ، فقال لي : حلال
จากอบี ซ้ารเราะฮ์เล่าว่า : ฉันได้ถามท่านอบาอับดิลละฮ์(นามแฝงของท่านอิม่ามญะอ์ฟัร) ถึงเรื่องทำมุตอะฮ์ ? ท่านตอบฉันว่า : ฮะล้าล
จากหนังสือวะซาอิลุชชีอะฮ์ เล่ม21 หน้า8 ฮะดีษที่26363
/////////////////////////////////////////////////////////////////
ผมจะลำดับสายรายงานให้คุณนะครับ
6-อิม่ามญะอ์ฟัร อัซซอซอดิก เป็นบุตรชายของ
5-อิม่ามบาเก็ร เป็นบุตรชายของ
4-อิม่ามอะลีซัยนุลอาบิดีน บุตรชายของ
3-อิม่ามฮุเซน ลูกชายของ
ท่านหญิงฟาติมะฮ์บุตรสาวของท่านนบี(ศ)นะครับ
อิม่ามฮุเซนเป็นทั้งอะฮ์ลุลบัยต์นบี และซอฮาบะฮ์
ส่วนลำดับที่4-5 ก็เป็นตาบิอีนไงครับ
พอมาถึงอันดับ6 ก็ตาบิอุต ตาบิอีนครับ
ทีนี้ตาสว่างหรือยังครับว่าคนรายงานสองฮะดีษนี้เป็นใคร ?
ส่งข้อความโดย : ชีอะฮ์
ถึงคุณอยากรู้จังNo. : 13143
ที่ชีอะฮ์อ้างอิงเรื่องอะกีดะฮ์และฟิกฮ์ไปยังอะฮ์ลุลบัยต์(อ) เพราะชีอะฮ์ถือว่าอะฮ์ลุลบัยต์(อ)เป็นหลักฐาน (ฮุจญะฮ์)ด้านศาสนาหลังจากท่านนบี(ศ)จากไป รองจากอัลกุรอ่าน
ตามวจนะที่ท่านนบี(ศ)กล่าวว่า : แท้จริงฉันได้มอบสิ่งสำคัญสองประการไว้ในหมู่พวกท่าน คือกิตาบุลเลาะฮ์และอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน
( قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : إني تارك فيكم الثقلين ما إن
تمسكتم بهما لن تضلوا بعدي ، أحدهما أعظم من الآخر : كتاب الله حبل ممدود من السماء إلى الأرض . عترتي أهل بيتي ، ولن يفترقا حتى يردا علي الحوض ، فانظروا كيف تخلفوني فيهما )
رواه الترمذي - ج 13 ص 200 بسنده عن زيد بن أرقم ، وبسند آخر عن أبي سعيد.
คุณจะยึดกิตาบุลเลาะฮ์กับสุนนะฮ์ ผมก้ไม่ได้ว่าอะไร
แต่ชีอะฮ์ขอยึดกิตาบุลเลาะฮ์ กับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)ก็อย่ามาว่ากัน
เท่านี้เรื่องก็จบใช่ไหมครับคุรอยากรู้
ส่งข้อความโดย : ผู้ติดตาม
ชีอ๊ะชัดเจนแจ่มชัดยิ่งกว่าชัด
ส่องจรัสเรื่องประกายไปทุกหน
ท้าทายไพร่ฟ้าประชาชน
ทุกมณทลแห่งหล้าที่ราวี
ยึดหลักวิชาการมาต้านโต้
ใช่เพียงโชว์คารมผสมสี
ทุกอย่างใคร่ครวญถ้วนวาที
บ่งชี้หลักฐานการสนทนา
ทุกประเด็นเข็ญเคี่ยวอย่างเข้มข้น
ขุดค้นเพื่อประกาศศาสนา
ชี้แจงแถลงใขสิ่งค้างคา
สว่างจ้าถ้อยธรรมที่สำแดง
เพียงท่านหมั่นคำนึงพึงพินิจ
อย่าออกฤทธิ์กระหน่ำด้วยกำแหง
หลีกห่างทางร้ายให้ยุแยง
ก็เห็นแจ้งแจ่มกระจ่างสว่างธรรม
ส่งข้อความโดย : Nool_Taliban
"แต่ชีอะฮ์ขอยึดกิตาบุลเลาะฮ์ กับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)ก็อย่ามาว่ากัน"
ชีอะฮฺ รักอลียฺ แต่ชีอะฮฺ ไม่รักนบี
ส่งข้อความโดย : ผู้ติดตาม
ไม่รักนบี แล้วจะรักอลี ได้รึ
รักนบี แต่ไม่รัก อลี นะสิ คือปัญหาหล่ะ
คำว่ารัก อะลุลบัยต์ นะมะเข้าใจรึไงจ๊ะ
ส่งข้อความโดย : เด็กอนุรักษ์
ผมเผลอไปแป๊บเดียว กกลับมาดูอีกที..โอ้โฮ้..อะไรกันนักกันหนา ย้ายกันไปเรื่องไหนแล้วนี่
เรื่องมุตอะฮ์ที่คุยค้างกับผมไว้ยังเลอะเทอะไม่พออีกหรือชีอะฮ์เอ๋ย
คุณ ผู้ติดตาม ก็ยังอุตสาห์เอาความเลอะเทอะนี้มาฉายซ้ำอีกเหมือนจะประจานชีอะฮ์เอง
คงจะยังไม่ได้อ่านละซิ
ข้อความที่ชีอะฮ์ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าฮะดีษขัดกันนั้น
ก็ท่านอิมรอนเขารายงานว่า นบีไม่ได้ห้ามเรื่องมุตอะตุ้ลฮัจญ์จนตาย
แต่ชีอะฮ์เอามาเป็นหลักฐานว่า นบีไม่ห้ามนิกะฮ์มุตอะฮ์จนตาย
เอาคนละเรื่องมาแอบอ้างก็ขายขี้หน้าพอแล้วนะ ยังจะมาร่ายกลอนแก้เกี้ยวอีกว่า
ชีอ๊ะชัดเจนแจ่มชัดยิ่งกว่าชัด
ส่องจรัสเรื่องประกายไปทุกหน
แต่ผมแต่งให้ใหม่ตามข้อเท็จจริงว่า
.....ชีอะฮ์มั่วยิ่งกว่าดับเบิ้ลมั่ว.....
.....ยังอ้างตัวว่าแจ่มชัดจรัสแสง.....
มั่วอย่างไรก็อ่านข้อความต่อไปนี้จะได้ไม่ต้องก๊อปที่ชีอะฮ์สรุปมั่วไว้เอามาฉายซ้ำ
ชีอะฮ์ขอแก้ไข เอามาโพสต์ใหม่อีกรอบก็ยังเลอะเทอะเหมือนเดิม
ผมอุตสาห์ไกด์ให้เห็นแนวแล้วว่า
ฮะดีษบุคอรีที่ชีอะฮ์นำมาอ้างว่า นบีไม่เคยยกเลิกมุตอะฮ์จนเสียชีวิตนั้นหมายถึงมุตอะตุ้ลฮัจญ์ (متعة الحج ) คือการทำฮัจญ์แบบตะมัตตัวอ์ หรือจะหมายถึงมุตอะตุ้ลนิซาอ์ ( منعة النساء ) การสมสู่ชั่วคราว แต่ชีอะฮ์ก็ไม่ใส่ใจ ยังตะแบงหัวชนฝาว่ามันค้านกัน
ลองเอาตัวบทมาทวนกันดูอีกทีคือ
:
واخرج البخاري عن عمران بن حصين قال : نزلت آية المتعة في كتاب الله ففعلناها مع رسول الله
ولم ينزل قرآن يحرمها ، ولم ينه عنها حتى مات قال رجل برأيه ما شاء
รายงานจากอิมรอน บินหุศ็อยนฺกล่าวว่า :
อายะฮ์มุตอะฮ์ถูกประทานลงมาในกิตาบุลเลาะฮ์ แล้วพวกเราได้ทำมัน กับท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ศ) ไม่เคยมีอัลกุรอานลงมายกเลิกมัน และท่านร่อซู้ล(ศ)ก็ไม่เคยห้ามมัน จนท่านตาย มีชายคนหนึ่งพูดตามความคิดของเขาสิ่งที่ประสงค์
ชีอะฮ์ได้เอาตัวบทฮะดีษนี่มาเป็นหลักฐานยันว่า นบีไม่เคยยกเลิกมุตอะฮ์ แล้วก็อธิบายยำใหญ่ จนกระทั่งวิจารณ์ไปถึงตัวผู้รายงานคือท่านอิมรอน ว่าเคยละหมาดร่วมกับท่านอาลีด้วย โน้น..ว่าเข้าไปนั่น
แต่เรามาดูข้อเท็จจริงกันหน่อยคือ ฮะดีษต่อไปนี้จะเป็นตัวเฉลย
قال عمران بن حصين نزلت آية المتعة فى كتاب الله يعنى متعة الحج وأمرنا بها رسول الله صلى
الله عليه وسلم ثم لم تنزل آية تنسخ آية متعة الحج ولم ينه عنها رسول الله صلى الله عليه وسلم
حتى مات قال رجل برأيه بعد ما شاء
อิมรอนบินฮุศอย์ (คนเดียวกับที่ชีอะฮ์นำมาอ้าง) รายงานว่า โองการเกี่ยวกับมุตอะฮ์ในคัมภีร์ของอัลลอฮ์หมายถึง มุตอะตุ้ลฮัจญ์ ได้ถูกประทานลงมา และท่านรอซูลุ้ลเลาะฮ์ก็ใช้ให้พวกเราปฏิบัติ แล้วก็ไม่มีอายะฮ์ใดถูกประทานลงมาเพื่อยกเลิกโองการเกี่ยวกับมุตอะตุ้ลฮัจญ์เลย และท่านนบีก็ไม่เคยห้ามการทำฮัจญ์แบบตะมัตตัวอ์จนกระทั่งตาย ชายคนหนึ่งพูดตามความคิดของเขาสิ่งที่ประสงค์ ซอเฮียะฮ์มุสลิม เลขที่ 2158
เอ้า...ไงหลักฐานเด็ดของชีอะฮ์ที่ว่านบีไม่เคยห้ามมุตอะอ์จนตาย ถึงได้กลายเป็นเรื่องมุตอะตุ้ลฮัจญ์ คือการทำฮัจญ์แบบตะมัตตัวอ์ไปได้
แหม...ชีอะฮ์อุตส่าห์ตะแบงหัวชนฝา อธิบายชักแม่น้ำทั้งห้า ลงทุนทิ้งการรายงานของท่านอาลีแล้วเชียวนะ แต่กลับไปคว้ามาอ้างผิดอีกเรื่องซะอีก..เฮ้อ..
ส่งข้อความโดย : เด็กอนุรักษ์
และนี่ก็คืออีกหนึ่งความเลอะเทอะ อ่านซะคุณ "ผู้ติดตาม" แล้วจะได้เปลี่ยนคำกลอนของคุณใหม่ว่า
ชีอะฮ์มั่วยิ่งกว่าดับเบิ้ลมั่ว
ยังอ้างตัวว่าแจ่มชัดจรัสแสง
..................................................
ไม่เข้าใจว่าทำไมชีอะฮ์ชอบมั่ว เลอะเทอะจนบอกไม่ถูก ลองดูข้อความที่ชีอะอ์สรุปมาซิ
ส่วนกรณีที่กล่าวว่าชีอะฮ์ทำไมไม่ยอมรับฮะดีษที่ท่านอะลีรายงานว่าท่านนบีสั่งห้ามมุตอะฮ์ที่คอยบัร สาเหตุเพราะว่า คนรายงานตามหลักมุศเตาะละฮุลฮะดีษเป็นค่อบัรวาเฮ็ด (มีผู้รายงานเพียงคนเดียว)ในขณะที่ไม่มีผู้ใดรายงานฮะดีษนี้เลย
ผมพูดตั้งแต่แรกแล้วว่า ชีอะฮ์เอาฮะดีษของซุนนะฮ์มาอ้างแต่ไม่เอามาตรฐานตรวจสอบของชาวซุนนะฮ์ เพียงใช้อารมณ์ของตัวเองเป็นมาตรฐาน ฉะนั้นจึงเอาเฉพาะที่อยากจะเอาเท่านั้น เห็นได้จากคำพูดที่ว่า ตามหลักมุศตอละฮุลฮะดีษ ก็ไม่ทราบว่าไปคว้าตำราเล่มไหนมาอ้าง มุสตอละฮ์ของชาวซุนนะฮ์เล่มไหนละที่บอกว่าค่อบัรวาเฮ็รรับไม่ได้ นี่ก็มั่วอีกแล้ว ลองอ่านข้อความต่อไปนี้ดูนะ
قال أبو عيسى حديث علي حديث حسن صحيج والعمل علي هذا عند أهل العلم من أصحاب النبي صلى الله عليه
وسلم وغيرهم وانما روي عن ابن عباس شئ من الرخصة في المتعة ثم رجع عن قوله حبث أخبر عن النبي صلى
الله عليه وسلم وأمر أكثر أهل العلم على تحريم المتعة وهو قول الثوري وابن المبارك والشافعي وأحمد واسحاق
อบูอีซา (อิหม่ามติรมีซีย์) กล่าวว่า ฮะดีษที่ท่านอาลีรายงานเรื่องมุตอะฮ์สตรีนั้นเป็นฮะดีษฮะซันซอเฮียะฮ์ นักวิชาการได้เอาฮะดีษบทนี้ถือปฏิบัติทั้งจากซอฮาบะฮ์ของนบีและคนอื่นๆ แต่มีรายงานว่า อิบนิอับบาสเคยผ่อนปรนเรื่องมุตอะฮ์สตรี แต่หลังจากนั้นก็กลับคำใหม่ ด้วยเพราะถูกรายงานให้ทราบ (ท่านอาลีเป็นผู้รายงานให้อิบนิอับบาสทราบเอง) เกี่ยวกับคำห้ามของท่านนบี และนักวิชาการส่วนมากถือว่าห้าม (ฮ่ารอม) มุตอะฮ์สตรี นั่นคือคำของท่านเซารีย์,อิบนุมาบาร๊อก,อิหม่ามชาฟีอี,อิหม่ามอะห์หมัด,และท่านอิสฮาก สุนันอัตติรมีซีย์ เลขที่ 1040
นี่แหละที่ผมบอกว่าบทสรุปของชีอะฮ์ สรุปได้เลอะเทอะมาก...เฮ้อ...
ส่งข้อความโดย : เด็กอนุรักษ์
และก็นี่คือความโกหกกระล่อนไปวันๆ
นอกจากชีอะอ์จะคว้าฮะดีษคนละเรื่องเอามามั่วเป็นหลักฐาน และอ้างมุสตอละฮ์อย่างมั่วๆแล้ว ชีอะฮ์ยังชอบโกหกอีกด้วย โกหกกันดิบๆ เลยละ ลองดูข้อความต่อไปนี้ซิ
ด้วยเหตุนี้บุคอรีจึงไม่ได้นำฮะดีษบทนี้ออกรายงานไว้ในหนังสือซ่อฮี๊ห์ของเขาเอง นี่คือเหตุผลสำคัญที่ชีอ๊ะไม่ยึดฮาดิษนี้เป็นสิ่งที่มีน้ำหนัก
เพิ่งจะรู้ว่าชีอะฮ์ก็เชื่อบุคคอรีด้วย แต่โกหกเยอะไปหน่อยนะชีอะฮ์ โกหกกันดื้อๆ ได้ยังงัย นี่เอามาให้ดูอีกทีจากซอเฮียะฮ์บุคคอรี
عن علي بي أبي طا لب رضى الله عنه أن رسول الله صلى الله عليه وسلم نهى عن متعة النساء
يوم خيبر وعن أكل الحمر الأنسية
ท่านอาลีรายงานว่า แท้จริงท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ได้ห้ามมุตอะฮ์สตรีในวันคอยบัร และห้ามกินเนื้อลาบ้าน จากซอเฮียะฮ์บุคคอรี เลขที่ 3894
ไม่ใช่ว่าผมจะไม่นำคำรายงานจากซอเฮียะฮ์บุคคอรีมาแสดงนะ ลองกลับไปดู No. :13094
...เฮ้อ...กระล่อนจริงๆ
เอ้าแต่งกลอนให้ใหม่เป็นภาพจริงที่ไม่ใช่ภาพโชว์
ชีอะฮ์มั่วยิ่งกว่าดับเบิ้ลมั่ว
ยังอ้างตัวว่าแจ่มชัดจรัสแสง
ส่งข้อความโดย : เด็กอนุรักษ์
แล้วที่คุณ "ผู้ติดตาม" พูดว่า
ไม่รักนบี แล้วจะรักอลี ได้รึ
รักนบี แต่ไม่รัก อลี นะสิ คือปัญหาหล่ะ
แต่ปัญหาของชีอะฮ์ขณะนี้คือ ทิ้งอาลีแล้วไปเอาคำรายงานของอิมรอนที่กล่าวกันคนละเรื่องมากลบคำรายงานของท่านอาลีว่า ท่านนบีห้ามมุตอะฮ์สตรี อย่างนี้รักอาลีหรือ
ส่งข้อความโดย : เด็กอนุรักษ์
ไหนลองพูดความจริงมาหน่อยซิคุณชีอะฮ์
คำพูดของคุณที่ว่า
ด้วยเหตุนี้บุคอรีจึงไม่ได้นำฮะดีษบทนี้ออกรายงานไว้ในหนังสือซ่อฮี๊ห์ของเขาเอง นี่คือเหตุผลสำคัญที่ชีอ๊ะไม่ยึดฮาดิษนี้เป็นสิ่งที่มีน้ำหนัก
เพราะชีอะฮ์มีหลักฐานเรื่องมุตอะฮ์จากตำราของชีอะฮ์อยู่แล้ว อย่าว่าแต่เรื่องมุตอะฮ์เลย ทั้งเรื่องอะกีดะฮ์และอะห์กามทั้งหมดชีอะฮ์ก้ไม่จำเป็นต้องอาศัยตำราสุนนะฮ์ในการวินิจฉัย
ข้อความทั้งสองของคุณข้างต้นนี้ มันขัดกัน
ที่คุณไม่เอาเพราะคุณตรวจสอบแล้วว่าฮะดีษบุคคอรีบทนี้เป็นสิ่งไม่มีน้ำหนัก (ตามความเข้าใจมั่วๆของคุณ)
หรือว่าคุณไม่เอาเพราะคุณมีหลักฐานจากตำราของคุณอยู่แล้ว
ถ้าเช่นนั้นคุณยกฮะดีษบุคคอรี (ที่เป็นกันคนละเรื่อง) มาคัดค้านทำไม เพราะที่คุณยกมาคุณก็ไม่ได้เอา เหมือนดังที่คุณพูดว่า ชีอะฮ์ที่เข้ามาไต่ถามเรื่องหลักฐานมุตอะฮ์จากสุนนะฮ์ไม่ได้หมายความว่า กำลังจะยอมรับหลักฐานของพวกสุนนะฮ์ ที่ยกมาอ้างอิง คุณนะแหละชีอะฮ์ที่ยกฮะดีษบุคคอรีคนละเรื่องมามั่วๆหลอกชาวบ้านทั้งที่คุณก็ไม่ได้เชื่อในบุคคอรี
แล้วไหนคุณพูดตอนแรกว่าคุณบริสุทธิ์ใจที่จะสนทนา
คุณเก็บซ่อนกลอุบายของคุณไม่มิดใช่ไหม
คำพูดของคุณจึงเผยธาตุแท้ชีอะฮ์ให้คนอื่นได้เห็น
ส่งข้อความโดย : ชีอะฮ์
หากคุณอยากรู้จังถามชีอะว่า :ใครคือครอบครัว(อะฮ์ลุลบัยต์)ของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) ?
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ชีอะฮ์ตอบ-
و عن عمر بن أبي سلمة ربيب النبي ( صلَّى الله عليه و آله ) قال : لما نزلت هذه الآية على النبي ( صلَّى الله عليه و آله ) : { ... إِنَّمَا يُرِيدُ اللَّهُ لِيُذْهِبَ عَنكُمُ الرِّجْسَ أَهْلَ الْبَيْتِ وَيُطَهِّرَكُمْ تَطْهِيرًا } في بيت أم سلمة ، فدعا فاطمة و حسناً و حسيناً ، و علي خلف ظهره ، فجللهم بكساء ، ثم قال : " اللهم هؤلاء أهل بيتي ، فأذهب عنهم الرجس وطهرهم تطهيراً " .
قالت أم سلمة : و أنا معهم يا نبي الله ؟
قال : " أنت على مكانك و أنت على خير "
จากอุมัร บิน อบี สะละมะฮ์บุตรบุญธรรมของทานนบี(ศ)เล่าว่า :
ตอนที่อายะฮ์นี้ประทานลงมาให้ท่านนบี(ศ)คือ : อันที่จริงอัลเลาะฮ์ทรงต้องการที่จะขจัดความโสมมออกไปจากพวกเจ้า อะฮ์ลุลบัยต์ และทรง(ต้องการ)จะชำระล้างพวกเจ้าให้สะอาดบริสุทธิ์ (บทที่33 :33)
(โองการนี้ได้ประทานลงมาที่)บ้านของท่านหญิงอุมมุ สะละมะฮ์
ดังนั้นท่านนบี(ศ)ได้เรียก
(( ฟาติมะฮ์ ฮาซัน ฮุเซน และอาลี ))
มาอยู่ด้านหลังของท่าน แล้วท่านได้คลุมพวกเขาด้วยผ้า((กิซาอ์))
จากนั้นท่านนบี(ศ)กล่าวว่า :
โอ้อัลเลาะฮ์ พวกเขาเหล่านี้คือ
ครอบครัว(อะฮ์ลุลบัยต์)ของฉัน
ขอพระองค์โปรดขจัดความโสมมออกไปจากพวกเขา และโปรดชำระล้างพวกเขาให้สะอาดบริสุทธิ์ด้วยเถิด
ท่านหญิงอุมมุ สะละมะฮ์(ผู้เป็นภรรยาท่านหนึ่งของนบี)กล่าวว่า : ขอให้ฉันได้อยู่ร่วมกับพวกเขาด้วยเถิดโอ้ท่านศาสดาแห่งอัลเลาะฮ์ ?
ท่านนบี(ศ)ตอบว่า : เธออยู่ตรงที่ของเธอเถิด และเธออยู่บนความดีอยู่แล้ว
(จากหนังสือสุนันติรมีซี กิตาบตัฟสีรกุรออ่าน เล่ม5 หน้า 351 ฮะดีษที่3105
และในกิตาบ อัลมะนากิบ บาบมะนากิบ อะฮ์ลุลบัยต์ เล่ม5 หน้า663 ฮะดีษที่3781 พิมพ์ที่เบรุต เลบานอน )
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
อะฮ์ลุลบัยต์(ครอบครัว)ของท่านนบี(ศ)คือ อาลี ฟาติมะฮ์ ฮาซันและฮุเซน
ตามฮะดีษบทนี้ หรืออาจมีฮะดีษอื่นๆรายงาน ที่แตกต่างไปกว่านี้ก็ว่ากันไป
ส่งข้อความโดย : ชีอะฮ์
ถึงเด็กอนุรักษ์ No. : 13156
ข้อความ: ไหนลองพูดความจริงมาหน่อยซิคุณชีอะฮ์
คำพูดของคุณที่ว่า
ด้วยเหตุนี้บุคอรีจึงไม่ได้นำฮะดีษบทนี้ออกรายงานไว้ในหนังสือซ่อฮี๊ห์ของเขาเอง นี่คือเหตุผลสำคัญที่ชีอ๊ะไม่ยึดฮาดิษนี้เป็นสิ่งที่มีน้ำหนัก
เพราะชีอะฮ์มีหลักฐานเรื่องมุตอะฮ์จากตำราของชีอะฮ์อยู่แล้ว อย่าว่าแต่เรื่องมุตอะฮ์เลย ทั้งเรื่องอะกีดะฮ์และอะห์กามทั้งหมดชีอะฮ์ก้ไม่จำเป็นต้องอาศัยตำราสุนนะฮ์ในการวินิจฉัย
ถ้าเช่นนั้นคุณยกฮะดีษบุคคอรี (ที่เป็นกันคนละเรื่อง) มาคัดค้านทำไม เพราะที่คุณยกมาคุณก็ไม่ได้เอา เหมือนดังที่คุณพูดว่า ชีอะฮ์ที่เข้ามาไต่ถามเรื่องหลักฐานมุตอะฮ์จากสุนนะฮ์ไม่ได้หมายความว่า กำลังจะยอมรับหลักฐานของพวกสุนนะฮ์ ที่ยกมาอ้างอิง คุณนะแหละชีอะฮ์ที่ยกฮะดีษบุคคอรีคนละเรื่องมามั่วๆหลอกชาวบ้านทั้งที่คุณก็ไม่ได้เชื่อในบุคคอรี
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ชีอะตอบ - ผมบอกแต่ต้นแล้วนะครับว่า อยากดูหลักฐานเรื่องมุตอะจากฝ่ายสุนนะก่อนว่าเป็นอย่างไร และจะวิเคราะห์ตามไปด้วยกัน หลังจากได้ข้อสรุป
จากนั้นผมจะยกหลักฐานของชีอะฮ์ ให้ฝ่ายสุนนะฮ์ดูบ้างเป็นการแลกเปลี่ยน
แล้วผมก็ได้ทำตามที่ผมบอกไว้แล้ว
ทำไมสิ่งที่ให้ไปยังไม่พอใจอีกหรือครับ เลยมาโวยวายกับผมไม่เลิกลา
ขนาดคุณIRF บอกว่าให้ผมจบเรื่องอายัตกุรอ่าน ผมยังบอกว่าจบ
นี่ผมส่งหลักฐานมุตอะของชีอะไปให้ดูแล้วยังไม่ยอมจบ ของขึ้นหรือครับ
ส่งข้อความโดย : เด็กอนุรักษ์
เปลี่ยนเรื่องแล้วหรือคุณชีอะฮ์
คุณจะจบเรื่องมุตอะฮ์ผมก็ไม่ว่า
แต่คุณจะให้มันจบลงด้วยความอัปยศที่คุณแสดงไว้อย่างนั้นหรือ
ส่งข้อความโดย : เด็กอนุรักษ์
ไม่ใช่ของขึ้น แต่จบไม่บอก
จะหลอกกันอีกแล้วหรือ
ส่งข้อความโดย : ฟูยัก
ไอเวลลล..ปายถายนา ไป๊...
ส่งข้อความโดย : คนน่ารัก
อะไรมันจะเลวร้านขนาดนี้...........................ชาวชีอะจ้า เปิดใจสักนิด ลองเปิดใจกว้างๆๆนะ อัลลอฮฺไม่รักผู้ทรมานตนเอง...............
ชาวชีอะ วันนี้ทานข้างยังจะ
ชาวชีอะ วันนี้ละหมาดยังจะ
สุดท้ย ชาวชีอะ ปีนี้ไปทำฮัจที่ใหนหรอ อีหร่านหรือว่าซาอุหละ...
ชาวชีอะ ท่านเปิดใจและใจเย็นๆๆรับน้ำดื่มเย็นๆๆสักแก้ว...........และมาเปิดใจศึกษาหาข้อเท็จจริง .........
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ส่งข้อความโดย : เด็กอนุรักษ์
เอ้า..จบเป็นจบ
ผู้อ่านอยากรู้ก็ย้อนไปอ่านเองละกัน
ไม่สรุปอะไรละ เขาด่าไล่ให้ไปไถนาแล้ว
แถม "ฟูยัก" อีกต่างหาก ฮ้าๆๆๆ
ไปละ บ้าย..บาย..ชีอะฮ์เอ๋ย
สงวนลิขสิทธิ์โดย © Moradokislam.org All Right Reserved.