ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
ismaeel.munna มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 26/08/2008 ตอบ: 2
|
ตอบ: Tue Sep 02, 2008 4:29 pm ชื่อกระทู้: อยากใด้ผลบุญมากๆ |
|
|
ผมอยากรู้ว่าในเดือนรอมฏอนนี้ควรทำตัวอยางไรเพื่อให้ใด้รับผลบุญมากๆ : [align=right][al |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Tue Sep 02, 2008 5:09 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
[align=center]
เพียงแค่ท่านละหมาดและถือศีลอดอย่างมีความศรัทธาและสมบูรณ์ ก็มากเพียงพอแล้วนะครับ หากท่านต้องการซึ่งผลบุญมากๆดั่งที่ตั้งใจ
แต่อย่าให้บกพร่องด้วยกับความผิดเล็กๆน้อยๆแล้วกันนะครับ ..อินชาอัลลอฮ
มาดูกัน ว่าผลบุญที่ท่านจะได้รับมีเพียงไร
ความประเสริฐของการละหมาดตะรอวี๊ห์
عَنْ أَبِيْ هُرَيْرَةَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قاَلَ : قاَلَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمِ : " مَنْ قاَمَ رَمْضاَنَ إِيْماَناً وَاحْتِساَباً غُفِرَلَهُ ماَ تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ
ความว่า จากอบี ฮุรอยเราะห์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่าท่านรอซูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)กล่าวว่า "ผู้ใดที่ละหมาดในเดือนรอมฎอนด้วยความศรัทธา (ต่อคำสั่งและสัญญาของอัลลอฮฺ)รวมทั้งคาดหวังผลตอบแทนจากพระองค์ แน่แท้พระองค์จะทรงอภัยโทษต่อบาปต่างๆ ที่ผ่านมา"
(มุตตะฟะกุน อะลัยห์ : บุคอรี 2/252 และมุสลิม 1/523)
คำอธิบายหะดิษ
การงานที่ศาสนาอิสลามส่งเสริมให้บรรดามุสลิมกระทำในเดือนรอมฎอน คือ การละหมาดในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นการละหมาดตะรอวี๊ห์ และผลการตอบแทนในการปฏิบัตินั้นยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่าการประกอบอิบดะฮ์ประเภทอื่นๆ ที่ใช้ให้ปฏิบัติในเดือนรอมฎอน เช่น การถือศีลอด เพราะต่างได้รับการสัญญาว่าจะได้รับการอภัยโทษในบาปที่กระทำมา เฉกเช่นเดียวกับการตอบแทนที่ได้สัญญาแก่คนที่ปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์ในค่ำคืนอัลเกาะดัรในด้านการได้รับอภัยโทษ ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความมั่นใจของเราต่อคำสั่งของอัลลอฮ์ รวมทั้งความบริสุทธิใจในการปฏิบัติอะมัลดังกล่าวด้วย
ส่วนหุก่มของการละหมาดตะรอวีห์นั้น บรรดาอุลามาอ์ได้ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า เป็นสุนัตสำหรับชายและหญิง และใช้ให้ปฏิบัติทั้งในรูปแบบญะมาอะห์หรือในลักษณะต่างคนต่างทำ แต่การปฏิบัติในรูปแบบญะมาอะห์จะมีความประเสริฐมากกว่า
บทเรียนจากหะดีษ
1. ความประเสริฐของเดือนรอมฎอนและอิบาดะฮฺกิยามุลลัยล์ในเดือนรอมฎอน
2. มีความมั่นใจต่อคำสั่งของอัลลอฮฺ และความบริสุทธิ์ใจในการประกอบอิบาดะฮฺนั้นถือว่าเป็นเงื่อนไขหลักของการได้มาซึ่งการตอบแทนจากอัลลอฮฺ (หมายถึงอัลลอฮฺจะทรงพิจารณาถึงความบริสุทธิ์ใจในการประกอบอิบาดะฮฺของบ่าว)
3. เราะมัตของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์จะให้อภัยต่อบาปต่างๆ ที่ผ่านมาแก่ผู้ที่ดำรงละหมาดในค่ำคืนเดือนรอมฎอน
บาปที่ผ่านไปได้รับการอภัยโทษ
عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ رَضِىَ اللهُ عَنْهُ أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمْ قَالَ:" مَنْ صَامَ رَمَضَانَ إِيْمَاناً وَاحْتِسَاباً غُفِرَلَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ" رواه البخارى 4/221 ومسلم 760
ความหมาย จากอบีฮุรอยเราะห์ เราะฏิยัลลอฮุอันฮุ ท่านรอซูล กล่าวว่า "ผู้ใดที่ถือศีลอดเดือนรอมฏอนด้วยความศรัทธาและบริสุทธิ์ และมุ่งหวังผลบุญจากการถือศีลอดเขาจะได้รับการอภัยบาปของเขาที่ผ่านมา" (หะดีษรายงานโดยอัลบุคอรีย์ 4/221 และมุสลิม 760)
คำอธิบายหะดีษ
คำว่า "إِيْمَاناً" คือ การอี๊ติก็อดต่อหน้าที่ในการถือศีลอดอย่างเต็มเปี่ยม ส่วนคำว่า "احْتِسَاباً" คือ การวิงวอนขอผลบุญจากอัลลอฮ ซุบฮานะหุวะตะอาลา
อัลเคาะฏอบีย์ กล่าวว่า "احْتِسَاباً" หมายถึง การตั้งใจ นั่นคือ การที่เขาถือศีลอดอันเนื่องจากหวังเพื่อได้รับผลบุญที่เกิดจากจิตใจที่บริสุทธิ์และยินยอม ขณะเดียวกันเขาจะไม่มีความรู้สึกหนักใจในการถือศีลอดและไม่รู้สึกว่าเวลาในการถือศีลอดนั้นนานเกินไป [ฟัตฮุ อัล-บารีย์ 4/114]
อัส-สุยูฏีย์กล่าวว่า คำว่า "إِيْمَاناً" หมายถึง การยินยอมให้การถือศีลอดเป็นฟัรดูเหนือเขาและเป็นสิทธิที่เป็นวาญิบและเป็นหนึ่งในรุก่นอิสลาม ยังเป็นส่วนหนึ่งของกระทำที่อัลลอฮให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ผลบุญและผลตอบแทน [ตุหฺฟะตุลอะห์วะซีย์ 3/361]
อิหม่ามอันนะวะวีย์กล่าวว่า อะมั้ลอิบาดะห์ทุกอย่างที่สามารถไถ่จากบาปต่างๆ เมื่อตรงกับบาปต่างๆ (ไม่ว่าจะเป็นบาปใหญ่หรือบาปเล็ก) บาปนั้นก็จะถูกลบล้างไป ซึ่งบาปเล็กก็จะถูกลบไป ส่วนบาปใหญ่ก็จะให้เบาบางลง หากอิบาดะห์ต่างๆ มิใช่เป็นสาเหตุของการยกระดับ (ดะรอญะห์) ในสวรรค์
อิบนุ มุนซิรกล่าวว่า การให้อภัยนั้นจะคลอบคลุมถึงบาปทุกอย่าง ทั้งที่เป็นบาปใหญ่และบาปเล็ก
บทเรียนจากหะดีษ
1. กล่าวถึงความประเสริฐของการประกอบอิบาดะห์คือ การถือศีลอด
2. ผู้ที่ถือศีลอดอย่างแท้จริงนั้นจะได้รับการอภัยโทษจากบาปต่างๆ ที่ผ่านไป
3. การถือศีลอดที่แท้จริงเกิดจากความศรัทธาต่อคำสั่งของอัลลอฮ และหน้าที่ในการถือศีลอด พร้อมทั้งหวังในผลบุญจากพระองค์
4. ในภาพรวมแล้ว หะดีษนี้จะกล่าวถึงบาปทั้งที่เป็นบาปใหญ่และบาปเล็กจะได้รับการอภัยจากอัลลอฮ แต่ทัศนะของนักวิชาการเห็นว่าการอภัยโทษนั้นเจาะจงเฉพาะที่เป็นบาปเล็กเท่านั้น ส่วนบาปใหญ่จะเบาบางลงเท่านั้น
5. การอภัยโทษจากอัลลอฮนับเป็นความโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่ที่สุ ดแด่บ่าวของพระองค์
-----------------
หวังเพียงอย่างยิ่งว่า พี่น้องทั้งหลายจะตระหนัก จะพิจารณาและทบทวนตัวเองอยู่เสมอว่า เราละหมาดตามใคร เราละหมาดอย่างไร เราละหมาดถูกต้องไหม อิริยาบทเป็นอย่างไร สอดคล้องไหมกับสิ่งที่อัลลอฮว่า รอซูลว่าครับ
หรือเราเพียงก้มๆเงยๆ เพื่อให้ผ่านพ้น เพื่อให้เสร็จสิ้น เพื่อให้รับรู้กับตัวเอง กับเพื่อนๆว่า เราละหมาดแล้ว เราเสร็จแล้วครับ
ที่สำคัญ ตะรอเวียะห์ หาใช่เป็นอิบาดะห์ที่เราจะละหมาดที่ไหนก็ได้ จะละหมาดอย่างไรก็ได้ไม่ แต่เป็นอิบาดะห์ที่ต้องการความสมบูรณ์ ความคุชัวะ ความถูกต้อง ที่ไม่ใช่แบบก้มๆ เงยๆอย่างรวดเร็ว อย่างรีบด่วน เหมือนบางมัสยิดที่เป็นอยู่ในสังคมปัจจุบัน
ดังนั้น
น่าเสียดายนะ หากคืนนี้ ท่านเลือกมัสยิดที่ละหมาดอย่าง ก้มๆ เงยๆ อย่างรวดเร็ว อย่างรีบด่วนครับ
เพราะท่านมิใช่ต้องการให้ผ่านพ้นใช่ไหม ต้องการให้เสร็จเร็วๆใช่ไหม แต่ท่านต้องการผลบุญที่เกิดจากการนอบน้อมอย่างมีคูชัวะ อย่างตั้งใจที่จะขอขอดุอาร์ต่างๆ จริงไหมครับ...พี่น้อง
พี่น้องครับ
อดทนนะ อดทน อย่าเบื่อกับอิบาดะที่ท่านทำเลยครับ...เพราะฟิรดาวส์ของท่านอยู่แค่เอื้อม...
อินชาอัลลอฮ
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
sautee มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 10/09/2008 ตอบ: 2
|
ตอบ: Wed Sep 10, 2008 1:37 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
you right . somewhere there were warshiper of allah about 2.30 finished i felt confu se
with leader. why he was leader so fast .Somebody toldme he was herry go home watched serieus on tv .no wonder! |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
อับดุล128 มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2008 ตอบ: 15
|
ตอบ: Wed Sep 17, 2008 2:30 pm ชื่อกระทู้: จริงหรือ |
|
|
ละหมาดตะรอวีร์ มีคุณค่าจริง แต่วิธีการทำไม่ถูกต้อง ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่า
ลองนึกดูสิครับ ละหมาดตะรอวีร์ เป็นฟัรดู หรือ สุนัต
หากเป็นสุนัตแล้วมี การทำแบบยุมอัตได้ด้วยหรือ เพราะละหมาดสุนัตที่อนุญาตให้ทำญุมอัต มี เพียง ละหมาดอีด ทั้งสอง ไม่ใช่หรือ
แล้วบ้านเราทำแบบยุมอัตไม่รู้ว่าถูกไหม ลองหาหลักฐานมาดูกัน นะครับ
บอก กันตรง ๆ ผมไม่ชอบเลย การรายงานฮาดิษของ อาบูฮูรอยเราะห์ เพราะหมอนี่ปั้นน้ำเป็นตัวเก่ง รายงานฮาดิษเพื่อ รับใช้ มูอาวียะห์ พวก อูบัยยะห์ทั้งนั้น ใครอยากรู้เกี่ยวกับประวัติ และฮาดิษที่เพี้ยน ผมมีให้ดู อย่างน้อย 40 ฮาดิษเป็นอย่างน้อยที่เพี้ยนสมควรถูกลงโทษมากกว่า |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Sep 17, 2008 5:10 pm ชื่อกระทู้: Re: จริงหรือ |
|
|
อับดุล128 บันทึก: |
บอก กันตรง ๆ ผมไม่ชอบเลย การรายงานฮาดิษของ อาบูฮูรอยเราะห์ เพราะหมอนี่ปั้นน้ำเป็นตัวเก่ง รายงานฮาดิษเพื่อ รับใช้ มูอาวียะห์ พวก อูบัยยะห์ทั้งนั้น |
ผมว่า คนที่ปั้นน้ำเป็นตัว ก็คือ คุณอับดุล 128 นี่แหละครับ ]
อินชาอัลลอฮว่างๆจะนำเสนอเพื่อจะชี้ให้เห็นว่าชีอะฮแบบนายอับดุล 128 ปั้นน้ำเป็นตัวใส่ร้ายสาวกของท่านนบี ไม่เว้นแม้กระทั่งในช่วงเดือนเราะมะฎอน _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Thu Sep 18, 2008 6:21 am ชื่อกระทู้: Re: จริงหรือ |
|
|
อับดุล128 บันทึก: |
บอก กันตรง ๆ ผมไม่ชอบเลย การรายงานฮาดิษของ อาบูฮูรอยเราะห์ เพราะหมอนี่ปั้นน้ำเป็นตัวเก่ง รายงานฮาดิษเพื่อ รับใช้ มูอาวียะห์ พวก อูบัยยะห์ทั้งนั้น ใครอยากรู้เกี่ยวกับประวัติ และฮาดิษที่เพี้ยน ผมมีให้ดู อย่างน้อย 40 ฮาดิษเป็นอย่างน้อยที่เพี้ยนสมควรถูกลงโทษมากกว่า |
คุณอับดุล128 ครับ คำพูดของคุณที่กล่าวหาท่านอบูฮุรัยเราะฮว่า
อับดุล128 บันทึก: |
ผมไม่ชอบเลย การรายงานฮาดิษของ อาบูฮูรอยเราะห์ เพราะหมอนี่ปั้นน้ำเป็นตัวเก่ง
|
เป็นคำพูดที่มุสลิมไม่ควรจะพูด และ ถ้าคุณเป็นมุสลิมจริง ย่อมไม่มีคำพูดแบบนี้ออกจากปากคุณ
ท่านอบูฮูรัยเราะฮ(ขออัลลอฮทรงโปรดปรานแก่ท่าน) กล่าวว่า
قلت يا رسول الله اني لأسمع منك حديثا كثيرا أنساه. قال صلى الله عليه وسلّم ابسط رداءك فبسطته، ثم قال: ضمه الى صدركفضممته، فما نسيت شيئا بعد ذلك
ข้าพเจ้ากล่าวว่า "โอ้รซูลุลลอฮ แท้จริงข้าพเจ้าได้ยินหะดิษจากท่านมากมาย แล้วข้าพเจ้าก็ลืมมัน ,ท่านรซูลุลลอฮ จึงกล่าวว่า "ท่านจงปูผ้าห่มของท่าน"แล้วข้าพเจ้าก็ปูมัน หลังจากนั้นท่านนบี กล่าวว่า "จงรวบมันไว้กับอกของท่าน แล้วข้าพเจ้าก็ได้รวบมัน แล้วข้าพเจ้าไม่เคยลืมสิ่งใดเลยหลังจากนั้น" - รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม
.......
ด้วยดุอาของท่านนบี ท่านอบูฮุรัยเระฮ จึงเป็นสาวกคนหนึ่งที่จำหะดิษมากที่สุดคนหนึ่ง แต่กลับถูกนายอับดุล 128 ชีอะฮหลงทางกล่าวหาว่า "เป็นคนชอบปั้นน้ำเป็นตัว "นะอูซุบิลละฮ _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
อับดุล128 มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2008 ตอบ: 15
|
ตอบ: Thu Sep 18, 2008 9:56 am ชื่อกระทู้: ท่าน asan |
|
|
ข้าพเจ้ากล่าวว่า "โอ้รซูลุลลอฮ แท้จริงข้าพเจ้าได้ยินหะดิษจากท่านมากมาย แล้วข้าพเจ้าก็ลืมมัน ,ท่านรซูลุลลอฮ Solallah จึงกล่าวว่า "ท่านจงปูผ้าห่มของท่าน"แล้วข้าพเจ้าก็ปูมัน หลังจากนั้นท่านนบี Solallah กล่าวว่า "จงรวบมันไว้กับอกของท่าน แล้วข้าพเจ้าก็ได้รวบมัน แล้วข้าพเจ้าไม่เคยลืมสิ่งใดเลยหลังจากนั้น
จากฮาดิษข้างบน
ท่านลองดู ฮาดิษที่ท่าน ยกมาสิท่าน มันเป็นเรื่องที่อาบูฮูรอยเราะห์เล่ามาเองไม่ใช่หรือ บอกว่าตัวเอง แบบนั้น แบบนี้ ใคร ก็บอก ได้ มันเป็นไปได้อย่างไร ที่ชาวระเบียงอย่างอาบูฮูรอยเราะห์ จะรายงานฮาดิษมากมายขนาดนั้น (เอาฮาดิษ ที่ท่านอาบูบัก ท่านอูมัร ท่าน อาลี )รวมกันยังมากกว่า เป็นเท่าตัว แล้ว ยังมีรายงานฮาดิษตั้งแต่ ตนเอง ยังไม่เข้ารับอิสลามเลยด้วยซ้ำ แปลกจริง นะท่าน บางเหตุการณ์ที่เมกะ แต่อาบูฮุรอยเราะห์ อยู่มะดีนะห์ ยังรายงานได้อีกหรือ
หากไม่เพราะการรายงานฮาดิษ เพื่อตอบสนอง พวก อูมัยยะห์ แล้ว ฉไน คนอย่างอาบูฮุรอยเราะห์ จะได้รับเกียรติอันนี้ เพราะท่านอุมัรเอง ก็เคยทำโทษอาบูฮุรอยเราะห์ตอนเป็ฯเจ้าเมือง บาเรน และได้ปลดออก การทำโทษถึงขั้นเลือดตกยางออก ข้อหานำเงินส่วนรวมไปใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย คนแบบนี้ ผม ไม่คิดหรอกนะว่าเป็นคนที่นับถือสักเท่าไหร่
ไว้ให้พวกญามาอะ ตัฆลีก อ่าน เพื่อหวังผลตอบแทนดีกว่า ไม่ใช่หรือท่าน |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Thu Sep 18, 2008 2:52 pm ชื่อกระทู้: Re: ท่าน asan |
|
|
อับดุล128 บันทึก: |
จากฮาดิษข้างบน
ท่านลองดู ฮาดิษที่ท่าน ยกมาสิท่าน มันเป็นเรื่องที่อาบูฮูรอยเราะห์เล่ามาเองไม่ใช่หรือ บอกว่าตัวเอง แบบนั้น แบบนี้ ใคร ก็บอก ได้ มันเป็นไปได้อย่างไร ที่ชาวระเบียงอย่างอาบูฮูรอยเราะห์ จะรายงานฮาดิษมากมายขนาดนั้น |
.....
อบูฏอ็ลหะฮ บิน อุบัยดฺอัลกอรชีย์ สาวกคนหนึ่งที่ท่านนบี สัญญาว่าจะได้เข้าสวรรค์ ก็ให้การรับรองว่า สิ่งที่อบูฮุรัยเราะฮ รายงานนั้น ท่านได้ยินมาจากท่านรวูลุลลอฮ จริง ดังข้อความตอนหนึ่งว่า
فلا نشك إلا أنه سمع من رسول الله صلى الله عليه وسلم ما لم نسمع ولا نجد أحدا فيه خير يقول على رسول الله صلى الله عليه وسلم ما لم يقل
ดังนั้น เราไม่สงสัย ว่าแท้จริงเขา(อบูฮุรัยเราะฮ)ได้ยินมาจากรซูลุลลอฮ สิ่งซึ่งเราไม่เคยได้ยิน และเราไม่เคยพบคนหนึ่งคนใดที่มีความดีงาม จะกล่าวอ้างท่านรซูลุ้ลลอฮ สิ่งซึ่งท่านไม่ได้กล่าว - รายงานโดย อัตติรมิซีย์ เล่ม 13 หน้า 226 และ อัตตาริคอัลกะบีร ลิลบุคอรี เล่ม 3 หน้า 113
ท่านอุบัย บิน กะอับ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู ก็ได้เป็นพยานยืนยันว่า สิ่งที่ท่านอบูฮุรัยเราะฮรายงานนั้น มาจากท่านนบี ดังคำพูดของท่านที่ว่า
إن أبا هريرة كان جريا على أن يسأل رسول الله صلى الله عليه وسلم عن أشياء لا يسأله عنها غيره
แท้จริงอบูฮุรัยเราะฮนั้น เขาได้ติดตามไถ่ถามรซูลลลอฮ เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ โดยที่คนอื่นจากเขาไม่ได้ถามเกี่ยวกับมัน - รายงานโดย มุสนัดอิหม่ามอะหมัด เล่ม 5 หน้า 139
...........
และยังมีเศาะหาบะฮคนอื่นๆอีกที่ให้การเป็นพยาน อินชาอัลลอฮ จะนำเสนอในโอการต่อไป และตอนนี้สิ่งนายอับดุล 128 ต้องทำคือ การเตาบะฮต่ออัลลอฮ ที่ใส่ร้ายเศาะหาบะฮใกล้ชิดท่านรซูลุลลอฮ _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|