อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[IRF]

ผมสังเกตมาหลายทีแล้วว่ามีปัญหาเรื่องการจัดการในเรื่องเวลา อย่างของอะตีกนี่เวลากำลังดีครับไม่ดึกเกินไป คือชุดใหญ่ชุดเดียวเลยหลังอีชา พอ 5 ทุ่มก็เลิก แต่ของอนุรักษ์ฯนี่หลายๆคนบ่นครับ ไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องการจัดบรรยายครับ แต่ไปประสบความสำเร็จในเรื่องจำนวนคนและรายได้ ณ เวลานี้มันฉุดไม่อยู่ มันดึงไม่ลง คนที่มีความรู้เริ่มหันมาติดตามผลงานของสื่ออนุรักษ์ฯมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะยอมรับว่าผู้คนชื่นชมในจุดยืนและอุดมการณ์การของอนุรักษ์ฯ ซึ่งต่างจากสลาฟิยูนอย่างเห็นได้ชัดว่าเดี๋ยวนี้คนเริ่มรู้แล้ว ถึงจะจัดงานครั้งใหญ่เลยก็มีคนไม่เกิน 300-400 คน เพราะเนื้อหาไม่ได้มีการเพิ่มพูนความรู้และอีหม่าน แต่ไปเน้นจุดยืนตรงเรื่องการยึดผู้หลักผู้ใหญ่ คนเก่าคนแก่ (แล้วหลักการก็คือจะว่ากันตามอาจารย์พวกเนี้ย) จะเป็นระบบลักษณะนั้น เพราะฉะนั้นแฟนๆก็จะเป็นกลุ่มเล็กๆกลุ่มเดิมๆ และนับวันๆมันก็ยิ่งแก่ชราขึ้นเข้าทุกวัน

แต่พอทางสื่ออนุรักษ์ฯคนมันเริ่มสนใจเยอะเข้า ก็ระวังจะหลงระเริงครับ เพราะคนเขาตั้งใจมาฟังบรรยาย ก็ต้องบริหารเวลาให้ดี ผมถามคนแก่บางคนบอกจะมาฟังฟาริดซะหน่อย..เขาว่างั้น แต่พอดึกๆไม่ไหวแล้ว กลับดีกว่า ยิ่งถ้ามีกิจกรรมนักเรียนเขาก็แห่กันกลับเลย คือถ้าเป็นงานของโรงเรียนมันก็ดีที่ให้นักเรียนมีกิจกรรม แต่ถ้าแบบนี้ขอให้มีบรรยายชุดเดียวพอ คือหลังอีชาปึ๊บ นักเรียนขึ้นแสดงเลย แล้วหลังจากนั้นให้มีบรรยายชุดเดียว ชุด A เลย พอ 5 ทุ่มกว่าๆนี่ปิดงานได้แล้ว

แต่ถ้าเป็นงานของสื่อฯเองจะมี 2 รอบได้ครับเพราะไม่มีเด็กมาแสดง ก็ให้มีชุด B แล้วก็ชุด A แต่ชุดแรกเนี่ยกำหนดเวลาให้ดีว่าจะพูดคนละกี่รอบ สมมุติ 4 คน พูดคนละ 2 รอบ อย่างนี้รอบละ 10 นาทีก็พอครับ อย่าให้ยื้อ แต่ถ้าจะรอบนึงยาวๆเลยก็เอาคนละรอบเดียวพอ แล้วสรุป แล้วชุดแรกนี่ไม่จำเป็นต้องชุด B อย่างเดียวครับ เอาอาจารย์ชุด A มาร่วมด้วย เพราะชุดแรกอยากให้เน้นเรื่องหลักการ เจาะเรื่องหลักการศาสนาอย่างเดียว ประเด็นไหน หัวข้อไหนเจาะกันด้วยวิชาการล้วนๆ แต่ชุดสองนี้จะเป็นพูดแบบเนื้อหาแบบฉายภาพกว้างๆ ปัญหาโดยรวม
อย่างเชคริฎอนี่แยกกับอ.ฟาริดมั่งก็ได้ครับ ให้เชคมาไว้ชุดแรกบ้าง เจาะเรื่องหลักการไป แต่ถ้าวันไหนจะให้เชคไว้รอบท้าย ก็ให้อ.ฟาริดมาอยู่รอบแรก หรืออ.รอชิกีน หรืออ.มุรีด แล้วแต่สับเปลี่ยนกัน รอบแรกจะได้ดูมีสาระน่าสนใจ และคนก็จะรอดูชุดหลังด้วย

เรื่องบรรยายก็แค่นั้นครับ ส่วนอีกเรื่องคืออยากให้แผนกขายคูปองนั้น จ้างผู้ชายมานั่งดีกว่าครับ ให้ค่าแรงไป ใครจะทำบุญไม่เอาค่าแรงก็ว่ากันไป อย่าเอาผู้หญิงมานั่งเลยครับ ล่อเป้าไปหน่อย แล้วพวกเธอก็แต่งตัวไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ผู้หญิงไว้อยู่แผนกหลบๆข้างใน อย่างงั้นดีกว่า

ส่วนวิดีโอนะครับ ผมว่าคนจะชอบดูวิดีโอมากกว่าฟังเทปหรือซีดีนะ แต่ทำออกมาไม่รู้ว่าจะขายได้หรือขาดทุน แต่ถ้าขายไม่ได้ก็แจกไปก็ได้ครับผมว่า คืออยากให้มีการถ่ายวิดีโอไว้เวลามีหัวข้อเด็ดๆ หรือจะเจาะด้านเนื้อหาวิชาการ ไม่ว่าจะชุดแรกชุดหลัง ถ้าถ่ายไว้จะดีมากครับ

ก็แนะไว้ไว้เท่านี้ครับ ..แล้วแต่จะพิจารณา

[ทีมงานสื่ออนุรักษ์]

ขอบคุณ..คุณ IRF ที่มีข้อเสนอแนะดีๆมาฝาก เป็นคำชี้แนะที่มีประโยชน์มากทีเดียว ญะซากัลลอฮุคอยร็อน

ขอชี้แจงให้ทราบดังนี้ครับ

1 – เรื่องของการจัดการบริหารเวลา เป็นข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจริงครับ และเป็นประเด็นที่คณาจารย์และคณะกรรมการของมูลนิธิฯ มีความกังวลอยู่ไม่น้อย ซึ่งการจัดงานของมูลนิธิฯในระยะหลังๆนี้ ทางฝ่ายวิชากรได้มอบหมายให้อาจารย์เสน่ห์ บีดิลและ พิธีกรบนเวทีทำหน้าที่ควบคุมเวลาให้เป็นไปตามกำหนดการ นอกจากนั้นฝ่ายวิชาการยังได้กำชับผู้ดำเนินการอภิปรายในแต่ละชุดให้คุมเวลาการนำเสนอของวิทยากรแต่ละท่านด้วย แต่ก็ได้ผลในระดับหนึ่งเท่านั้น
ฉะนั้นทางคณะกรรมการจึงได้พิจารณาแนวทางแก้ไข และข้อเสนอแนะของคุณ IRF นั้นก็เป็นประเด็นหนึ่งที่ทางคณะกรรมการฯ ได้เสนอเป็นแนวทางแก้ไขไว้แล้วครับ อย่างไรก็ตามหากคุณ IRF ยังมีคำแนะนำที่ดีๆ อีกก็เชิญเสนอแนะด้วยนะครับ

2 – เกี่ยวฝ่ายการเงินของงาน (รับบริจาคและขายคูปอง) ทางมูลนิธิฯได้ดำเนินการอยู่แล้วครับ โดยการจัดงานครั้งที่ผ่านมาก็มีโต๊ะรับบริจาคและขายคูปองแยกหญิงและชาย โดยฝ่ายหญิงมีคุณมาเรียม เรืองพานิช เป็นหัวหน้าทีม ส่วนฝ่ายชายมีคุณบัศรี เรืองพานิช เป็นหัวหน้าทีม แต่เมื่องานครั้งที่แล้วมีพี่น้องมาร่วมงานกันคับคั่ง อาจทำให้การบริการไม่ทั่วถึง ต้องขอมะอะมัฟไว้ด้วยครับ

อนึ่ง ที่มูลนิธิอนุรักษ์มรดกอิสลามนี้ มีสมาชิกเขตกลุ่มองค์กรมาใช้สถานที่มูลนิธิฯ จัดงานบ่อยครั้ง ซึ่งทางมูลนิธิฯจะได้กำชับเจ้าภาพในเรื่องดังกล่าวนี้ด้วยครับ

[natee]

เห็นด้วยกับคุณ IRF ค่ะ ที่ได้มีการเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดงานฯ โดยเฉพาะในเรื่องของการบรรยายศาสนธรรม เพราะ หัวใจของงานน่าจะอยู่ที่การบรรยายศาสนธรรม ฉะนั้นการดำเนินการใดๆ ในอันที่จะนำไปสู่การที่ผู้คนได้รับประโยชน์สูงสุดจากการบรรยายน่าจะเป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องต้องตระหนัก แม้ว่าเป้าหมายของงานฯ คือ รายได้ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้นะคะ ว่า รายได้ก็มาจากผู้มาร่วมงานนั่นเอง

พิธีการต่างๆ หากลดขั้นตอนลงได้ เพื่อให้ผู้คนได้มีโอกาสได้ฟังการบรรยายได้มากที่สุด ก็สมควรมีการพิจารณาด้วยนะคะ

และที่คุณ IRF คุณบอกว่า “แล้วชุดแรกนี่ไม่จำเป็นต้องชุด B อย่างเดียวครับ เอาอาจารย์ชุด A มาร่วมด้วย”

ไม่ทราบว่า การจำแนกคณาจารย์เป็นชุด A และชุด B ใช้อะไรเป็นตัวกำหนด นะคะ ดูๆ เหมือนเป็นการแบ่งเกรดคณาจารย์นะคะ ชุด A ก็ต้องคณาจารย์เกรด A มิน่าบางท่านถึงอยากอยู่ชุด A จังเลย ทั้งๆ ที่เจ้าภาพจัดให้อยู่ชุด B ก็ไม่วายจะอารัมภบทตัดพ้อต่อว่า จะขออยู่ชุดA ให้ได้