อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[hameedah]

ในหะดีษมีกล่าวไว้มากมาย ถึงเครื่องหมายต่างๆ ที่ชี้ล่วงหน้าของวันอวสานของโลกและจักรวาล ส่วนหนึ่งนั้นคือ ท่านอานัสกล่าวว่า “ท่านรสูลุลลอฮ ได้กล่าวว่า “ส่วนหนึ่งแห่งเครื่องหมายของยามอวสาน (คือวันสิ้นโลก) นั้นคือ ความรู้จะถูกถอนออกไป และความโง่งมงายจะมาตั้งรกรากแทน” (จากอัล-บุคอรี บทที่ 3 กิตาบุลอิลมิ บาบที่ 21)
และท่านอับดิลลาฮฺ อิบนิอัมร์ กล่าวว่า “ท่านรสูลุลลอฮ กล่าวว่า อัลลอฮมิทรงเอาความรู้ออกไปโดยริบเอาไปจากปวงบ่าว (คือมนุษย์) แต่ทรงเอามันออกไปโดยการเอาคนมีความรู้ออกไปเสีย ดังนั้น เมื่อพระองค์มิทรงให้ผู้มีความรู้คนใดเหลืออยู่ ผู้คนก็จะเอาคนโง่มาเป็นหัวหน้า พวกเขา (คนโง่) จะถูกถามปัญหาต่าง ๆ และพวกเขาจะตัดสินโดยไม่มีความรู้ ตัวเองก็หลงผิด และทำให้คนอื่นหลงผิดด้วย” (คัดจากมิชกาตุลมะฮอบิห บทที่ 2 กิตาบุลอิลมิ หะดีษที่ 206 จากอัลบุคอรีและมุสลิม)
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮ ได้กล่าวว่า “ท่านรสูลุลลอฮ ได้กล่าวว่า “คนแรกที่ถูกตัดสินในวันถูกให้ฟื้นขึ้น คือ คนที่ตายเป็นซะฮีด เขาจะถูกนำมา และ อัลลอฮได้ทรงเตือนเขาได้รำลึกถึงความโปรดปรานที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่เขา เขาก็ได้ยอมรับรู้ พระองค์จะตรัสว่า เจ้าได้ทำอะไรบ้างที่แสดงการกตเวทีในข้อนั้น ชายคนนั้นจะตอบว่า ข้าพระองค์ได้ต่อสู้ในวิถีทางของพระองค์จนวายชีวิต อัลลอฮจะตรัสว่า เจ้าโกหก เจ้าได้ต่อสู้เพื่อประชาชนจะได้เรียกเจ้าเป็นวีรบุรุษ แล้วแน่นอนพวกเขาก็ได้เรียกเช่นนั้น และจะมีดำรัสให้ลากโดยไถหน้าเขา จนถูกโยนลงสู่ไฟ (นรก)

ต่อมาชายผู้ที่ได้เล่าเรียนและสั่งสอนวิชาความรู้ และอ่านอัลกุรอ่านจะถูกนำมา และอัลลอฮ ได้ทรงเตือนให้เขารำลึกความโปรดปรานที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่เขา เขาก็ได้ยอมรับรู้ พระองค์จะตรัสว่า เจ้าได้ทำอะไรบ้างที่แสดงการกตเวทีในข้อนั้น ชายคนนั้นจะตอบว่า ข้าพระองค์ได้เล่าเรียนและสั่งสอน และอ่านอัลกุรอานเพื่อ (วิถีทาง) ของพระองค์ อัลลอฮจะตรัสว่า เจ้าโกหก เจ้าได้เล่าเรียนและสั่งสอนเพื่อปวงชนจะได้เรียกเจ้าเป็นผู้รู้ (อาลิม) และเจ้าอ่านกุรอานเพื่อจะได้ถูกเรียกเป็นนักอ่าน (กอรีย์) แล้วแน่นอนพวกเขาก็ได้เรียกเช่นนั้นแล้วจะมีคำสั่งให้ลากโดยไถหน้าเขาจนถูกโยนลงสู่ไฟ (นรก)

ต่อมาชายผู้ที่อัลลอฮทรงให้เขามีความมั่งคั่ง และผู้ที่พระองค์ได้ทรงให้มีทรัพย์สินทั้งหลายทุกชนิดจะถูกนำมา และอัลลอฮได้ทรงเตือนให้เขารำลึกความโปรดปรานที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่เขา เขาก็ได้ยอมรับรู้ พระองค์จะตรัสว่า เจ้าได้ทำอะไรบ้างที่ได้แสดงการกตเวทีในข้อนั้น ชายคนนั้นจะตอบว่า ข้าพระองค์มิได้ละทิ้งที่จะบริจาคอย่างเหลือหลายในทางของพระองค์ยังกิจการต่าง ๆ ที่พระองค์ได้ทรงอนุมัติให้บริจาค อัลลอฮจะตรัสว่าเจ้าโกหก เจ้าได้กระทำเพื่อปวงชนจะได้เรียกเจ้าเป็นคนใจบุญ แล้วแน่นอน พวกเขาก็ได้เรียกเช่นนั้น แล้ว จะมีคำสั่งให้ลากโดยไถหน้าเขาจนถูกโยนลงสู่ไฟ (นรก)” (คัดจากมิชกาตุลมะศอบิห บทที่ 2 กิตาบุลอิลมิ หะดีษที่ 205 จากมุสลิม)

ตามหะดีษนี้ จึงเห็นได้ว่า คุณธรรมอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจมนุษย์นั้น เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง พิจารณาลักษณะของบุคคลประเภทที่สอง ได้แก่คนโอหังยกตนเอง หรืออวดรู้ เขาได้เล่าเรียนและสอนคนอื่น เพื่อจะได้มีคนยกย่องเยินยอว่าเขามีความรู้มาก และดีเยี่ยมที่สุด ไม่มีใครสู้ได้ และคนที่ยกย่องเยินยอเขาก็คือ พวกเบาปัญญาเท่านั้นเอง เพราะความรู้ที่ถ่ายทอดแก่มนุษย์โดยมีความอิจฉาและจองหองแฝงอยู่นั้น มิเป็นความรู้ที่มีความเจริญ

และได้กล่าวถึงผู้ที่เรียนการอ่านอัลกุรอ่าน เพื่อจะได้อ่านโดยท่วงทำนองที่ไพเราะซาบซึ้งโดยเขามิได้คำนึงถึงความหมายและการปฏิบัติตามนั้น คนเช่นนี้ ทำเพื่อจะได้มีคนเรียกเขาเป็นนักอ่านหรือนักกอรีย์

ผู้ใดก็ตามที่ไม่มีเจตนาบริสุทธิ์ในการงานของตนผู้นั้นย่อมได้ตามนั้น กล่าวคือมีสำหรับเขา ซึ่งมายาของโลกนี้เท่านั้น และพลาดไปจากเขาซึ่งความโปรดปรานในปรโลก

โดยมิต้องสงสัย การศึกษาตามหลักการของอิสลามนั้น คือ การเรียนรู้ในหลักธรรมและหลักปฏิบัติ ศาสนกิจ พร้อมทั้งศึกษาวิชาการต่าง ๆ ตามความสามารถของแต่ละคน ดังที่อัลลอฮได้ตรัสเตือนมนุษย์ว่า 13:11 “แท้จริงอัลลอฮมิทรงเปลี่ยนแปลงสภาพของประชาชาติใด จนกว่าพวกเขาเปลี่ยนแปลงสภาพของพวกเขาเอง”

[hasan]

อื้มๆๆ[fade]

[yoohoo]

ยังไม่อยากให้พบผู้มีความรู้ (อาลิม) ตามที่ปรากฏในรายงานฮะดีษข้างต้นตอนนี้เลย เพราะมันจะทำให้ยามอวสานนั้นมาถึงอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้น ก็จงพึงสังวรณ์เอาไว้ให้มากๆ เถอะนะ อย่าให้ความรู้ที่ได้มานั้นมาทำลายความเป็นเอกภาพและภราดรภาพแห่งอิสลามเลย ขอให้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมานั้น ยังประโยชน์ต่อหมู่พี่น้องมุสลิม และเพื่อนมนุษย์ด้วยเถอด อย่าให้เป็นเพียงแค่เอาชนะให้ได้จากอคติที่ตนมีเลย อามีน ยาร็อบบั้ลอาละมีน!