ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
fai_sol มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 12/11/2012 ตอบ: 24
|
ตอบ: Sun Dec 09, 2012 10:16 am ชื่อกระทู้: ตะบัรรุก |
|
|
การตะบัรรุก แบบไหนบ้างที่เป็นที่อนุญาต ครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sun Dec 09, 2012 11:05 pm ชื่อกระทู้: Re: ตะบัรรุก |
|
|
fai_sol บันทึก: | การตะบัรรุก แบบไหนบ้างที่เป็นที่อนุญาต ครับ |
คำว่า "التبرك คือ طلب البركة หมายถึงการแสวงหาความจำเริญ
คำว่า "บะเรากัต หมายถึง ความดีอันมากมากมาย
เราจะให้ได้รับบะเราะกัต ก็ด้วยการทำอิบาดะฮ การดุอา การปฏิบัติตนอยู่ในคำสอน เพราะ ผู้เพิ่มพูนความดีงามอันมากมากมายคืออัลลอฮ ตะอาลา เช่นดุอาที่ขึ้นต้นว่า
اللهم بارك لنا
โอ้อัลลอฮ โปรดประทานความจำเริญให้แก่เรา.... _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Thu Nov 07, 2013 8:14 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
การตะบัรรุก (การแสวงหาหาความดี) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
หนึ่ง ตะบัรรุก มัชรูอฺ (ตะบัรรุกที่ถูกบัญญัติใว้)
สอง ตะบัรรุก บาฏิล (ตะบัรรุกที่เป็นเท็จหรือเป็นโมฆะ)
การตะบัรรรุกที่เป็นสิ่งที่มีบัญญัติไว้เช่น
หนึ่ง ตะบัรรุกด้วยการแสดงด้วยวาจา ,การกระทำ และด้วยแสดงรูปแบบ
เช่น การอ่านอัลกุรอ่าน ,การศึกษาหาความรู้ศาสนา และการรับประทานอาหารพร้อมกัน
เช่น ท่านนบี ศอ็ลฯกล่าวว่า
اجتمعوا على طعامكم ، واذكروا اسم الله عليه ، يباركْ لكم فيه.
พวกท่านจงรวมตัวกันบน(การรับประทาน)อาหารของพวกท่านและจงกล่าวพระนามของอัลลอฮบนมัน
,พวกท่านจะได้รับบะเราะกัตในมัน
รายงานโดย อบูดาวูด
การรับประทานอาหารร่วมกันและการกล่าวพระนามของอัลลอฮ การรับประทานแบบนั้นจะได้รับบะเราะกัต(การเพิ่มพูดความดีจากอัลลอฮ)
สอง - การตะบัรรุกสถานที่ เช่น ไปละหมาดที่มัสยิดอัลหะรอม ,มัสยิดนะบะวีย หรือ มัสยิดอัลอักศอ ดังท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า :
;لَا تُشَدُّ الرِّحَالُ إِلَّا إِلَى ثَلَاثَةِ مَسَاجِدَ المَسْجِدِ الحَرَامِ، وَمَسْجِدِ الرَّسُولِ صلى الله عليه وسلم، وَمَسْجِدِ الْأَقْصَى
ความว่า ไม่มีการตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะเดินทาง ยกเว้นการเดินไปยังมัสยิดสามแห่ง มัสยิดอัล-หะรอม มัสยิดเราะสูล และมัสยิดอัล-อักศอ (มุตตะฟะกุนอะลัยฮฺ : อัล-อัล-บุคอรีย์ย์ 1189 และมุสลิม 1397)
3. การตะบัรรุกด้วยวิธีการที่ศาสนาบัญญัติไว้ เช่น ท่านนบี ศอลฯ สอนให้เลียนิ้วและภาชนะที่เศษอาหารติดอยู่ เมื่อรับประทานอาหาร
عَنْ جَابِرٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَمَرَ بِلَعْقِ الأَصَابِعِ وَالصَّحْفَةِ وَقَالَ : إِنَّكُمْ لاَ تَدْرُونَ فِي أَيِّهِ الْبَرَكَةُ
มีรายงานจากท่านญาบิร (ร่อดิยัลลอฮุอันฮุ) ว่า ท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล.) ได้สั่งให้เลียอาหารที่ติดอยู่ที่นิ้วมือและภาชนะให้หมด โดยท่านนบีกล่าวว่า พวกท่านไม่รู้หรอกว่า ในอาหารตรงไหนที่มีความจำเริญ(บะเราะกัต)อยู่- รายงานโดยมุสลิม
4. ตะบัรรุก ด้วยอาหาร หรือ เครื่องดื่ม ที่ศาสนาได้สอนว่ามีความจำเริญเช่น ผลมะกอก เป็นต้น
ดังหะดิษ
كُلُوا الزَّيْتَ وَادَّهِنُوا بِهِ فَإِنَّهُ مِنْ شَجَرَةٍ مُبَارَكَةٍ"
พวกท่านจงกินผลมะกอก และจงชโลมน้ำมันด้วยมัน เพราะแท้จริงมันเป็นส่วนหนึ่งจากต้นไม้ที่ได้รับความจำเริญ(บะเราะกัต
- أي: الزيتون- رواه الترمذي (4/285) ، وابن ماجه (2/1103) ، وانظر "السلسلة الصحيحة"(379).
เช่น การดื่มน้ำซัมๆ
เช่นนบี ศอ็ลฯกล่าวว่า
"إِنَّها -أي ماء زمزم - مُبَارَكَةٌ، إِنَّهَا طَعَامُ طُعْمٍ).
แท้จริงมัน (หมายถึงน้ำซัมซัม)นั้น เป็นสิ่งที่ได้รับความจำเริญ(บะเราะกัต),แท้จริงมัน เป็นอาหารที่บำรุงร่างกาย-รายงานโดยมุสลิม
5. ตะบัรรุก(แสวงหาบะเราะกัต)ด้วยบรรดาเวลา ที่ศาสนาได้เจาะจงไว้ เช่น เดือนเราะมะฎอน ,คืน อัลเกาะดัร เป็นต้น
สอง ตะบัรรุกบาฏิล (ตะบัรรุที่ไม่ถูกต้อง) หรือ ตะบัรรุกมัมนูวะ (ตะบัรรุกถูกห้าม)
- ตะบัรรุก ด้วยสถานที่ที่ศาสนบัญญัติไม่ได้ระบุไว้ เช่น ตะบัรรุก ด้วยการลูบมะกอมอิบรอฮีม ,การจูบประตูมัสยิด เป็นต้น
- ตะบัรรุกด้วยสถานที่ที่นบีเคยนั่ง หรือ เคยละหมาด หรือ ได้ทำสัตยาบัน เป็นต้น
عَنْ نَافِعٍ، قَالَ: " بَلَغَ عُمَرَ بْنَ الْخَطَّابِ أَنَّ نَاسًا يَأْتُونَ الشَّجَرَةَ الَّتِي بُويِعَ تَحْتَهَا، قَالَ: فَأَمَرَ بِهَا فَقُطِعَتْ "
รายงานจากนาเฟียะ กล่าวว่า อุมัร บิน อัลคอฏฏอ็บ ได้ทราบข่าวว่า บรรดาผู้คน ไปยังต้นไม้ที่(ท่านรซูลุลลอฮ)เคยมีการทำสัตยาบันใต้ของมัน เขา(นาเฟียะ)กล่าวว่า แล้วเขา(อุมัร) ได้สั่ง ตัดต้นไม้นั้นเสีย- มุศอ็นนิฟ อิบนิอบีชัยบะฮ หะดิษหมายเลข 7371 _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Thu Nov 07, 2013 8:16 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
มาดูฟัตวาข้างล่าง
الحمد لله، والصلاة والسلام على رسول الله ، وبعد:
لا يوجد شيء من آثار النبي صلى الله عليه وسلم- وكل من
يدعي شيئاً من ذلك فهو كاذب يريد أن يخدع أتباعه ،
وآثاره صلى الله عليه وسلم- التي مست جسده الشريف يجوز التبرك بها ، ولكنها لا توجد اليوم ،
أما تراب قبره فلا يجوز أخذ شيء منه ، ولو جاز وأخذ منه كل مسلم أو عشر المسلمين لانكشف القبر وظهر جسده الشريف صلى الله عليه وسلم- وهذا إيذاء له صلى الله عليه وسلم- وليس تبركاً.
والله الموفق.
المجيب د.أحمد بن سعد بن حمدان الغامدي
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮ และขอให้พรและความสันติสุขจงประสบแด่รซูลุลลอฮ
ไม่มีสิ่งใดจากบรรดาร่องรอยของนบี ศอ็ลฯ ถูกพบ (ในปัจจุบัน)และทุกคนที่อ้างสิ่งใดๆจากดังกล่าวนั้น เขาคือ คนโกหก เขาประสงค์จะหลอกลวงผู้ที่ตามนบี และบรรดาร่องรอยของนบี ศอ็ลฯ ที่ได้สัมผัสกายอันทรงเกียรติของท่านนบีนั้น อนุญาตให้ตะบัรรุก(แสวงหาบะเรากัต)ด้วยมันได้ แต่ ปัจจุบัน ไม่มีแล้ว สำหรับดินหลุมศพของท่านนบีนั้น ไม่อนุญาตให้สิ่งใดๆจากมันถูกเอามา และถ้า อนุญาต และมุสลิมทุกคนหรือบรรดาหมู่ชนมุสลิม เอามาจากมัน แน่นอน หลุมศพนั้นก็จะเปิดออกและร่างกายอันทรงเกียรติ(ของนบี ศอ็ลน)ก็จะปรากฏและนี้คือ การสร้างความเดือดร้อนให้แก่ นบี ศอ็ลฯ และไม่ใช่เป็นการตะบัรรุก - วัลลอฮุลมุวัฟฟิก
ตอบโดย ดร.อะหมัด บิน สะอดฺ บิน หัมดาน อัลฆอมิดีย์
http://www.traidnt.net/vb/traidnt2010020/ _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Thu Nov 07, 2013 8:17 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
มาดฟัตวาเพิ่มเติม
أغلب ما يذكر ويحفظ في بعض المتاحف وغيره مما ينسب إلى رسول الله من سيف أو عصا أو غير ذلك فكلام كثير من المحققين والمؤرخين وغيرهم أنه لا أصل له، وليس عليه أي دليل، ومن ثم فينبغي للإنسان أن يحذر من تصديق مثل هذه الأشياء فضلاً عن التبرك بها مع عدم ثبوتها
ส่วนใหญ่สิ่งที่ถูกกล่าวถึงและที่ถูกรักษาไว้ใน พิพิธภัณฑ์ และอื่นจากนั้น จากสิ่งที่เกี่ยวข้องกับรซูลุลลอฮ เช่น ดาบ ,ไม้เท้า หรืออื่นจากนั้น คำพูดของบรรดาผู้ได้รับการรับรองและนักประวัติศาสตร์ส่วนมากและอื่นจากพวกเขา ว่า แท้จริง ไม่มีที่มาสำหรับมัน และไม่มีหลักฐานใด ยืนยันบนมัน และด้วยเหตุนี้ สมควรแก่บรรดาผู้คน จะต้องระวัง การเชื่อ/ยอมรับ เช่นบรรดาสิ่งต่างๆเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับการทำการตะบัรรุกด้วยมัน ทั้งๆที่ไม่มีความแน่นอนของมัน (ว่าเป็นของแท้)
http://ar.islamway.net/fatwa/33777
เราจะเห็นมีคนนำ ดาบนบี ผมนบี แหวนนบี และอื่นๆที่เกียวกับท่านนบี ศอ็ลฯ แต่สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้การยืนยันว่าของนบีจริง เพียงแต่บอกต่อๆกันเท่านั้น _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Nov 05, 2014 12:13 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ท่านโต๊ะครูรอฟิก อัดวะฮบีย์ ซุนนะฮจอมปลอมเสียเมามันว่า วะฮบีย์ หุกุมคนที่ทำการตะบัรรุกว่า ชิริก
ขอชี้แจงว่า การตะบัรรุก หรือ การขอความเจริญจากอัลลอฮ ด้วยบุคคลและร่องรอยของบุคคลคลนั้น เราไม่ได้ค้านเกี่ยวกับการตะบัรรุกต่อท่านนบี แต่กับคนอื่นเราไม่เห็นด้วย ดังหลังฐานข้างล่าง
อิหม่ามอัชชาติบีย์กล่าวว่า
الصحابة رضي الله عنهم بعد موته عليه الصلاة والسلام لم يقع من أحد منهم شيء من ذلك بالنسبة إلى من خلفه، إذ لم يترك النبي صلى الله عيه وسلم بعده في الأمة أفضل من أبي بكر الصديق رضي الله عنه، فهو كان خليفته، ولم يفعل به شيء من ذلك، ولا عمر رضي الله عنه، وهو كان أفضل الأمة بعده، ثم كذلك عثمان، ثم علي، ثم سائر الصحابة الذين لا أحد أفضل منهم في الأمة، ثم لم يثبت لواحد منهم من طريق صحيح معروف أن متبركا تبرك به على أحد تلك الوجوه أو نحوها ـ يقصد التبرك بالشعر والثياب وفضل الوضوء ونحو ذلك ـ، بل اقتصروا فيهم على الاقتداء بالأفعال والأقوال والسير التي اتبعوا فيها النبي صلى الله عيه وسلم ، فهو إذا إجماع منهم على ترك تلك الأشياء
บรรดาเศาะหาบะฮ (ร.ฎ)นั้น หลังจากที่นบี ศอ้ลฯ เสียชีวิต ก็ไม่ได้มีสิ่งใดๆ เกิดขึ้นจากคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขา จากดังกล่าว(จากการตะบัรรุก) ด้วยการอ้างผู้ที่อยู่ยุคหลังจากท่านนบี ขณะที่ท่านนบี ศอ็ลฯ ไม่ได้ทิ้งไว้ ในอุมมะฮนี้ หลังจากท่านได้เสียชีวิต ที่ประเสริฐ ไปกว่า อบีบักรฺอัศศิดดีก (ร.ฎ) โดยที่เขาเป็นเคาะลิฟะฮของท่านนบี และไม่มีสิ่งใดถูกปฏิบัติกับเขา(อบูบักร) จากดังกล่าว (หมายถึงการตะบัรรุก) และ ไม่ได้ถูกปฏิบัติกับท่านอุมัร(ร.ฎ) โดยที่ท่านอุมัร เป็นอุมมะฮที่ประเสริฐ รองจากเขา(รองจากอบูบักร) ต่อมาก็ในทำนองเดียวกัน อุษมาน ,อาลี และบรรดาเศาะหาบะฮอื่นๆที่ไม่มีใครประเสริฐกว่าพวกเขาในอุมมะฮนี้ ต่อมา ไม่มีการยืนยัน สำหรับคนหนึ่งคนใดจากพวกเขา จากสายรายงานที่เศาะเฮียะ ที่เป็นที่รู้จัก ว่า ผู้ที่ทำการตะบัรรุก(ผู้เอาบะกัต) ได้ทำการตะบัรรุก กับเขา บนวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือในทำนองนั้น เจตนา ทำการตะบัรรุก(ขอความจำเริญ) ด้วยผม ,เสื้อผ้า ,น้ำเหลือจากการการอาบน้ำละหมาด และในทำนองนั้น แต่ทว่า พวกเขาได้พอเพียง บนการปฏิบัติตาม การกระทำและคำพูด และดำเนินตาม ที่พวกเขาได้ปฏิบัติตามนบี ศอ็ลฯ ในมัน ดังนั้น มันคือ มติเอกฉันท์จากพวกเขา(เหล่าเศาะหาบะฮ) บนการละทิ้งบรรดาสิ่งต่างๆดังกล่าวนั้น -อัลเอียะติศอม ๑/๓๑๐
.
หลังจากท่านนบี ศอลฯ เสียชีวิต ก็ไม่มีเศาะหาบะฮคนใด ทำการตะบัรรุก กับอบูบัก ,อุมัร ,อุษมาน ,อาลี และเหล่าสาวกที่สำคัญๆเลย แต่ทว่า พวกเขาพอเพียงอยู่กับการเจริญรอยตามสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติตามนบี ศอลฯ ดังนั้น การละทิ้งจากการขอบะกัต(ตะบัรรุก) กับบุคคลที่นอกเหนือจากนบี จึงเป็นอิจญมาอฺจากเหล่าเศาหาบะฮ _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Nov 05, 2014 11:38 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ก่อนอื่นขอชี้แจงก่อนว่า ประเด็นการตะบัรรุกกับท่านนบี ศอ็ลฯ นั้น ได้เกิดขึ้นจริง แต่นั้นคือ สิ่งที่เฉพาะสำหรับนบี
อิบนุเราะญับกล่าวว่า
وكذلك التبرك بالآثار؛ فإنما كان يفعله الصحابة رضي الله عنهم مع النبي صلى الله عليه وسلم ولم يكونوا يفعلونه مع بعضهم ببعض ولا يفعله التابعون مع الصحابة، مع علو قدرهم. فدل على أن هذا لا يفعل إلا مع النبي صلى الله عليه وسلم مثل: التبرك بوضوئه وفضلاته وشعره وشرب فضل شرابه وطعامه.
และในทำนองเดียวกันนั้น การตะบัรรุก(การขอความจำเริญ) ด้วยบรรดาร่องรอย ความจริงปรากฏว่า บรรดา เศาะหาบะฮ (ร.ฎ) ได้กระทำมัน(ได้ทำการตะบัรรุก) กับท่านนบี ศอ็ลฯ โดยที่พวกเขา(เหล่าเศาะหาบะฮ)ไม่ได้ กระทำมัน (ไม่ได้ตะบัรรุก) ต่อกันและกัน ,บรรดาตาบีอีน ไม่ได้กระทำการตะบัรรุก ต่อเศาะหาบะฮ ทั้งที่พวกเขามีฐานะที่สูง ก็แสดงให้เห็นว่า กรณีนี้ (หมายถึงการขอบะเราะกัต) มันจะไม่ถูกปฏิบัติ นอกจาก ต่อท่านนบี ศอ็ลฯเท่านั้น เช่น การตะบัรรุก (เอาบะเราะกัต)ด้วยน้ำละหมาดนบี ,น้ำที่เหลือจากนบี ,เส้นผมนบี ,เครื่องดื่มนบี ,เครื่องดื่มที่เหลือของนบี และอาหารของท่าน
- อัลญะดีเราะฮ บิล อิซาอะฮ หน้า 46-47 ของอิบนุเราะฮญับ
- ข้างต้น อิบนุเราะญับได้ยืนยันว่า ในสมัยนบี ศอ็ลฯ บรรดาเศาะหาบะฮได้ทำการตะบัรรุก หมายถึงขอความจำเริญต่ออัลลอฮ ต่อ ตัวนบี เส้นผมนบี หรืออื่นๆของนบี ศอ็ลฯ แต่พวกเขาไม่ได้ทำการตะบัรรุกต่อเศาะบะฮด้วยกัน และพวกตาบิอีน ที่เป็นสานุศิษย์ ของเศาะหาบะฮ ก็ไม่ได้ทำการตะบัรรุก ต่อ เศาะหาบะฮ นี้แสดงถึงเป็นกรณีเฉพาะนบี
- ในกรณีที่อ้างว่า ดื่มเลือดนบี ก็เช่นกัน ก็เป็นกรณีเฉพาะ เพราะเลือดเป็นสิ่งหะรอมดื่ม และเป็นนะญิส ดังอายะฮต่อไปนี้
- إِنَّمَا حَرَّمَ عَلَيْكُمُ الْمَيْتَةَ وَالْدَّمَ وَلَحْمَ الْخَنزِيرِ وَمَا أُهِلَّ لِغَيْرِ اللّهِ بِهِ فَمَنِ اضْطُرَّ غَيْرَ بَاغٍ وَلاَ عَادٍ فَإِنَّ اللّهَ غَفُورٌ رَّحِيمٌ
- แท้จริง พระองค์ทรงห้ามพวกเจ้าเพียงแต่สัตว์ที่ตายเอง และเลือด และเนื้อสุกร และสัตว์ที่ถูกเปล่งเสียงที่มันเพื่ออื่นจากอัลลอฮ์ ดังนั้นผู้ใดที่อยู่ในสภาพคับขัน โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้และไม่เป็นผู้ละเมิดแล้ว แท้จริง อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|