ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
kurt มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 05/07/2009 ตอบ: 8
|
ตอบ: Sun Jul 05, 2009 2:57 pm ชื่อกระทู้: นบีของซุนนี่ เป็นคนมีชะฮ์วัตสูง |
|
|
นบีของซุนนี่ เป็นคนมีชะฮ์วัตสูง ขาดความสำรวมตน
17337 - حَدَّثَنَا عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ مَهْدِيٍّ عَنْ مُعَاوِيَةَ يَعْنِي ابْنَ صَالِحٍ عَنْ أَزْهَرَ بْنِ سَعِيدٍ الْحَرَازِيِّ قَالَ سَمِعْتُ أَبَا كَبْشَةَ الْأَنْمَارِيَّ قَالَ
كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ جَالِسًا فِي أَصْحَابِهِ فَدَخَلَ ثُمَّ خَرَجَ وَقَدْ اغْتَسَلَ فَقُلْنَا يَا رَسُولَ اللَّهِ قَدْ كَانَ شَيْءٌ قَالَ أَجَلْ مَرَّتْ بِي فُلَانَةُ فَوَقَعَ فِي قَلْبِي شَهْوَةُ النِّسَاءِ فَأَتَيْتُ بَعْضَ أَزْوَاجِي فَأَصَبْتُهَا فَكَذَلِكَ فَافْعَلُوا فَإِنَّهُ مِنْ أَمَاثِلِ أَعْمَالِكُمْ إِتْيَانُ الْحَلَالِ
อบูกับชะฮ์ อัลอันมารีเล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ได้นั่งอยู่กับบรรดาเศาะหาบะฮ์ของท่าน แล้วท่านได้เดินเข้าไป(ในบ้าน) จากนั้นท่านก็ออกมาข้างนอก และท่านได้อาบน้ำมา
พวกเราจึงถามว่า โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือ ??? ท่านตอบว่า ใช่แล้ว (เมื่อกี้) มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านฉันไป หัวใจของฉันเลยเกิดความต้องการ(ทางเพศ)กับสตรีขึ้นมาทันที ฉันก็เลยเข้าไปหาภรรยาบางคนของฉัน แล้วหลับนอนกับนาง...
มุสนัดอิหม่ามอะหมัด หะดีษที่ 17337
ดูตัวบทหะดีษที่เวป
hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?hnum=17337&doc=6
قال شعيب الأرنؤوط : صحيح لغيره وهذا إسناد حسن
เชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏีกล่าวว่า เป็นหะดีษเศาะหิ๊หฺ
คำถามสำหรับซุนนี่ ท่านนบีมุฮัมมัดมีกิเลสสูงถึงขั้นที่ว่า พอเห็นสตรีเดินผ่านก็เกิดอยากขึ้นมาทันทีทันใดเลยหรือ
หรือว่าท่านถูกใส่ร้าย ??? หรือว่าซุนนี่ต้องการประณามนบีมุฮัมมัด ???
อัลลอฮ์ ตะอาลาตรัสว่า
قُلْ لِلْمُؤْمِنِينَ يَغُضُّوا مِنْ أَبْصَارِهِمْ وَيَحْفَظُوا فُرُوجَهُمْ ذَلِكَ أَزْكَى لَهُمْ إِنَّ اللَّهَ خَبِيرٌ بِمَا يَصْنَعُونَ
จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แก่บรรดามุอฺมิน ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ และให้พวกเขารักษาทวารของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ บท อันนูร : 30
ในตัฟสีรอัดดุรรุลมันษูร (ของอิมามสุยุฏีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ) 7/283 :
- อิบนุ อับบาส กล่าวว่า
: ให้ลดสายตาจากสิ่งที่อารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขาถวิลหา อันเป็นสิ่งที่อัลลอฮฺไม่ชอบ
- เกาะตาดะฮฺ กล่าวว่า
: หมายถึง ให้ลดสายตาจากสิ่งที่ไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกเขา
อิบนุตัยมิยะฮฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า :
อัลลอฮฺตะอาลา ทรงใช้ให้ลดสายตาลง ซึ่งการลดสานตานั้นมี 2 ประเภท คือ
1.ลดสายตาจากเอาเราะฮฺ และสิ่งที่ก่อให้เกิดอารมณ์
2.ลดสายตาลงจากเสน่ห์และความงามภายในตัวสตรีที่สามารถแต่งงานกันได้ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
AntiRafidah มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 05/06/2009 ตอบ: 120
|
ตอบ: Sun Jul 05, 2009 9:15 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ตกลงพระเจ้าของซุนนีย์ กับพระเจ้าของชีอะห์คนละองค์กันใช่มั้ยครับ?
ตกลงนบีของซุนนีย์ กับนบีของชีอะห์เป็นคนละคนกันใช่มั้ยครับ?
แล้วที่เอาหะดีษของซุนนีย์มาแสดงนี่ อธิบายตามความเข้าใจของซุนนีย์รึเปล่า?
ที่โพสต์นี่ ตกลงจะโจมตีซุนนีย์ หรือจะโจมตีอัลลอฮฺ กับนบีฯ กันแน่?
อย่างนี้น่ะไม่มีใครเขาเรียกมุสลิมเเล้วครับ เขาเรียกศาสนาชีอะห์มันก็สมควรแล้ว |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Mon Jul 06, 2009 7:58 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
นะอูซุบิลลาฮ
การที่พวกชีอะห์กล่าวหาซุนนีย์อย่างนี้แหล่ะ ที่ทำให้หัวใจของพวกเขากระด้าง
เมื่อพวกเขาพูด ก็จะโกหกแบบไม่ละอาย
และเมื่อถูกถามความจริง พวกเขาก็จะปิดบัง และคิดว่าเป็นเรื่องดี
ความกระด้างในหัวใจของพวกชีอะห์ ทำให้พวกเขาละหมาดแล้วต้องตบเข่า
เพื่อตำหนิยิบรีล ที่นำวะฮีย์มาให้ผิดคน
และการที่พวกชีอะห์ ยึงดึงดันในการปฏิเสธนั้น ก็เป็นสิ่งที่ทำให้กุรอ่านสูงส่งขึ้น
เพราะเมื่ออัลลอฮปิดหัวใจใครแล้ว เขาก็ไม่เห็นทางใดๆ อีกต่อไป
_______________________________________________________
ขอความสันติ ความเอ็นดูเมตตาจากอัลลอฮ
ทรงมีแด่ท่าน คอลิฟะห์อีหม่ามอูมัร
ผู้เป็นทั้งสหาย ศอฮาบะห์ และพ่อตาท่านนบี
และเป็นผู้ที่ ชัยตอน จะไม่เดินร่วมกับท่าน ในทางที่ท่านเดิน
และชีอะห์ก็จะไม่ร่วมเดินกับท่าน ในทางท่านเดิน |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Jul 08, 2009 9:51 am ชื่อกระทู้: |
|
|
หะดิษที่ชีอะฮนำมาอ้างเพื่อกล่าวหาท่านนบี มีข้อความทั้งหมดดังนี้
حَدَّثَنَا عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ مَهْدِيٍّ عَنْ مُعَاوِيَةَ يَعْنِي ابْنَ صَالِحٍ عَنْ أَزْهَرَ بْنِ سَعِيدٍ الْحَرَازِيِّ قَالَ سَمِعْتُ أَبَا كَبْشَةَ الْأَنْمَارِيَّ قَالَ
كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ جَالِسًا فِي أَصْحَابِهِ فَدَخَلَ ثُمَّ خَرَجَ وَقَدْ اغْتَسَلَ فَقُلْنَا يَا رَسُولَ اللَّهِ قَدْ كَانَ شَيْءٌ قَالَ أَجَلْ مَرَّتْ بِي فُلَانَةُ فَوَقَعَ فِي قَلْبِي شَهْوَةُ النِّسَاءِ فَأَتَيْتُ بَعْضَ أَزْوَاجِي فَأَصَبْتُهَا فَكَذَلِكَ فَافْعَلُوا فَإِنَّهُ مِنْ أَمَاثِلِ أَعْمَالِكُمْ إِتْيَانُ الْحَلَالِ
อบูกับชะฮ์ อัลอันมารีเล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ได้นั่งอยู่กับบรรดาเศาะหาบะฮ์ของท่าน แล้วท่านได้เดินเข้าไป(ในบ้าน) จากนั้นท่านก็ออกมาข้างนอก และท่านได้อาบน้ำมา
พวกเราจึงถามว่า โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือ ??? ท่านตอบว่า ใช่แล้ว (เมื่อกี้) มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านฉันไป หัวใจของฉันเลยเกิดความต้องการ(ทางเพศ)กับสตรีขึ้นมาทันที ฉันก็เลยเข้าไปหาภรรยาบางคนของฉัน แล้วหลับนอนกับนาง...แล้วในทำนองนั้นแหละ พวกท่านจงปฏิบัติ เพราะส่วนหนึ่งจากบรรดาการงานที่ดีที่สุด ของพวกท่านคือ การปฏิบัติสิ่งที่หะลาล(หมายถึงการร่วมหลับนอนกับภรรย)
มุสนัดอิหม่ามอะหมัด หะดีษที่ 17337
หะดิษข้างต้นแสดงถึงความเป็นมนุษย์ปุถุชนของท่านรซูลุลลฮ ที่มีอารมณ์เมื่อพบเห็นเพศตรงกันข้าม และท่านได้ป้องกันตนเองจากฟิตนะฮที่อาจจะเกิดขึ้นโดย กลับไปหาภรรยาและร่วมหลับนอนกับนาง และท่านได้แนะนำเหล่าสาวกให้แก้ปัญหาเช่นนี้ เมื่อเกิดอารมณ์ เวลาพบเห็นหญิงอื่น ซึ่งไม่ได้หมายความว่า เป็นการจงใจที่จะไปดูผู้หญิง แต่เป็นการพบเจอโดยบังเอิญ แต่
ชีอะฮเมื่อเกิดกำหนัดเขาสามาถที่จะสนองตอบอารมณ์ของเขาด้วยการตกลงหาความสุขชั่วคราวกับผู้หญิงได้ ซึ่งเขาเรียกว่า นิกะหมุตอะฮ คือทำการตกลงกับผู้หญิงเพื่อหาความสุขกันชั่วคราว หรือซีนาชั่วคราวได้
عَنْ جَابِرٍ أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ رَأَى امْرَأَةً فَأَتَى امْرَأَتَهُ زَيْنَبَ وَهِيَ تَمْعَسُ مَنِيئَةً لَهَا فَقَضَى حَاجَتَهُ ثُمَّ خَرَجَ إِلَى أَصْحَابِهِ فَقَالَ إِنَّ الْمَرْأَةَ تُقْبِلُ فِي صُورَةِ شَيْطَانٍ وَتُدْبِرُ فِي صُورَةِ شَيْطَانٍ فَإِذَا أَبْصَرَ أَحَدُكُمْ امْرَأَةً فَلْيَأْتِ أَهْلَهُ فَإِنَّ ذَلِكَ يَرُدُّ مَا فِي نَفْسِهِ
รายงานจากญาบีรว่า แท้จริงรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วนางทำให้ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมเกิดความพอใจ แล้วท่านนบีได้ไปหาท่านหญิงซัยหนับ ในขณะที่นางกำลังฟอกหนังอยู่ แล้วท่านได้สำเร็จความตอ้งการ(หมายถึงร่วมหลับนอน)กับนาง ต่อมาท่านได้ออกมายังเหล่าสาวกของท่าน แล้วกล่าวว่า แท้จริงผู้หญิงนั้น เข้ามาในรูปของชัยฏอนและกลับไปในรูปของชัยฏอน เมื่อคนใดในหมู่พวกท่านเห็นผู้หญิง แล้วนางทำให้เขาเกิดความพึงพอใจ ดังนั้นเขาจงไปหาภรรยาของเขา เพราะแท้จริงการกระทำดังกล่าวนั้น มันจะยับยั้งสิ่งที่อยู่ในใจของเขา (1)
..
(1)
أخرجه مسلم ( 6 / 129 - 130 ) و أبو داود ( 2151 ) و البيهقي ( 7 / 90 )
و أحمد ( 3 / 330 ، 341 ، 348 ، 395 )
..
ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) ได้กล่าวว่า
وَمَعْنَى الْحَدِيثِ : أَنَّهُ يُسْتَحَبُّ لِمَنْ رَأَى امْرَأَةً فَتَحَرَّكَتْ شَهْوَتُهُ أَنْ يَأْتِيَ امْرَأَتَهُ أَوْ جَارِيَتَهُ إِنْ كَانَتْ لَهُ ، فَلْيُوَاقِعْهَا لِيَدْفَعَ شَهْوَتَهُ ، وَتَسْكُنَ نَفْسُهُ ،
และความหมายของหะดิษ คือ แท้จริง ชอบให้ผู้ที่เห็นผู้หญิง แล้วทำให้เกิดอารมณ์ ให้เขาไปหาภรรยาหรือ ทาสหญิงของเขาหากนางเป็นของเขา แล้วร่วมหลับนอนกับนาง เพื่อที่จะขจัดอารมณ์ใคร่ของเขา ,ทำให้จิตใจของเขาสงบ
.. - ดู ชัรหุมุสลิม บาบุลนิกะห อธิบายหะดิษ หมายเลข 1403
คำว่า ว่า แท้จริงผู้หญิงนั้น เข้ามาในรูปของชัยฏอนและกลับไปในรูปของชัยฏอน
หมายถึง เมื่อผู้ชายเห็นผู้หญิงก็จะทำให้เกิดอารมณ์ ซึ่งอาจจะชักนำไปสู่ฟิตนะฮได้ เป็นการอุปมา ไม่ได้หมายถึง ผู้หญิงเป็นชัยฏอน
.
การเกิดอารมณ์ปรารถนาหรือ อารมณ์ใคร่ เมื่อพบเห็นสตรีที่สวยถูกตาต้องใจ นั้น เป็นธรรมชาติที่พระเจ้าได้สร้างไว้ให้แก่มนุษย์ และ เหตุการณ์ที่เกิดกับท่านรซูลลุลลอฮ ก็เพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่อุมมะฮ ในการที่จะปกป้องตนเองจากฟิตนะฮ แต่
ชีอะฮกลับกล่าวหาว่า ท่านรซูลลุลลอฮ มีอารมณ์อารมณ์เพศรุนแรง ,นะอูซุบิลละฮ
ส่วนอายะฮที่ว่า
อัลลอฮ์ ตะอาลาตรัสว่า
قُلْ لِلْمُؤْمِنِينَ يَغُضُّوا مِنْ أَبْصَارِهِمْ وَيَحْفَظُوا فُرُوجَهُمْ ذَلِكَ أَزْكَى لَهُمْ إِنَّ اللَّهَ خَبِيرٌ بِمَا يَصْنَعُونَ
จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แก่บรรดามุอฺมิน ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ และให้พวกเขารักษาทวารของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ บท อันนูร : 30
...............
อายะฮข้างต้น ชีอะฮบิดเบือน เพราะ อายะฮข้างต้นห้ามเรื่องการเจตนามองผู้หญิง ไม่ใช่ให้ปิดตาเพื่อไม่ให้เห็นผู้หญิง
เพราะท่านนบี ได้กล่าวแก่ท่านอาลี(ร.ฎ)ว่า
لا تتبع النظرة النظرة ، فإنما لك الأولى وليست لك الأخرى
ท่านจงอย่าติดตามการมองครั้งแรกด้วยการมองครั้งต่อไป แท้จริงการมองครั้งแรกเท่านั้นสำหรับท่าน
และการมองครั้งต่อไปไม่ใช่สำหรับท่าน"
(บันทึกโดยอะหฺมัด 23071)
.............
ผมไม่ค่อยมีเวลามากนัก จึงอาจจะไม่ให้รายละเอียดมากนัก แต่ก็ผู้อ่านพอจะมองออกว่า ชีอะฮมีเจตนาบิดเบือนเพื่อโจมตีซุนนีย์อย่างไร
.........
والله أعلم _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Mhm.Rasheed มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 16/02/2009 ตอบ: 7
|
ตอบ: Wed Jul 08, 2009 11:52 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ชีอะฮฺชอบที่จะบิดพลิ้วหรือใส่ร้ายคำสอนต่างๆชาวสุนนะฮฺอยู่เสมอ โดยที่ทุกครั้งจะไม่เอาคำอธิบายอย่างละเอียดมาใช้ ใช้เพียงแค่ทำผู้คนให้เหมือนกระต่ายตื่นตูม แต่ไม่เคยที่จะบอกว่า เออศาสนากูก็กล่าวแรงกว่าอีก อย่างเช่นที่อุลามะอฺพวกมันได้กล่าวร้ายให้กับท่านนบีไว้ต่างๆ ทำไมหล่ะไม่เอามาบอกกับชาวบ้านบ้าง โอ้ชาวชีอะฮฺผู้ด่าทอ อัลลอฮฺ ท่านนบี ศอฮาบัต และศอฮาบียะฮฺตราบจนผู้ดำเนินตามทางเหล่านั้น ท่านบอกสิว่าเรากับท่านมันคนละศาสนากันไม่เกี่ยวข้อง ท่านกล้าไหมล่ะ ???????????????? กล้าไหมที่จะเอาคำสอนที่บอกไว้ว่า บทสรุปก็คือ พวกเราไม่มีส่วนร่วมใดๆกับพวกเขาในเรื่องของพระเจ้าและนบี รวมถึงเรื่องของอิหม่าม ที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกเขากล่าวว่า แท้จริงองค์อภิบาลของพวกเขาคือผู้ที่มีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมเป็นนบีและมีอบูบักร์เป็นค่อลีฟะห์หลังจากนั้น และพวกเราจะไม่กล่าวถึงพระเจ้าองค์นี้และนบีท่านนี้ ทว่าพวกเราจะกล่าวว่า แท้จริงพระเจ้าผู้ซึ่งมีอบูบักร์เป็นค่อลีฟะห์สืบต่อจากนบีของพระองค์นั้น ไม่ใช่พระเจ้าของพวกเรา และนบีคนดังกล่าวนี้ก็ไม่ใช่นบีของพวกเรา
จากหนังสือ อัลอันวารุนัวอ์มานียะห์ โดย เนียะอ์มะตุ้ลลอฮ์ อัลญะซาอิรีย์ ภาคที่ 2 หน้าที่ 278
ดังนั้นศาสนาชีอะฮฺคือศาสนาชีอะฮฺและสำหรับอิสลามคืออิสลาม มิได้เกี่ยวกับศาสนาชีอะฮฺอิหม่ามสิบสองแต่ประการใด.................
**********ยิว คริสต์ และชีอะฮฺอิหม่ามสิบสองคือศัตรูของกู************************************** |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|