อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[bintiyazid]

ขอถามว่า ที่คุณอารีฟีน แสงวิมาน al-azhary เขียนท้ายบทในหนังสือ "จีบก่อนแต่ง"
ว่าท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุได้ขอดูตัวลูกสาวของท่านอาลี ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ อุมมุกุลซูม โดยการ
เปิดดูต้นขาของนาง เป็นความจริงหรือไม่คะ เขาเขียนไว้แบบนี้
"บางทัศนะบอกว่าให้ดูที่ต้นขาได้ เช่น ท่านอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวแก่ท่านอะลี
ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุว่าต้องการสู่ขออุมมุกุลซูมบุตรสาวของท่าน แล้วท่านอะลี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ก็ส่ง
บุตรสาวไปยังท่านอุมัร เพื่อเป็นการดูตัว ท่านอุมัรจึงเปิดดูที่ต้นขาของนาง และบางทัศนะก็บอกว่าอนุญาตให้มองนางได้ซึ่งส่วนที่เผยออกมาในขณะทำงานบ้าน แต่บางทัศนะบอกว่าให้มองได้ทั่วร่างกายนอกจากอวัยวะเพศซึ่งเป็นทัศนะที่อ่อนต่อหลักฐาน"
เขาเขียนไว้เท่านี้ไม่ได้อ้างอิงว่าหลักฐานมาจากที่ใดคะ ช่วยตอบด้วยคะ ตอนนี้สับสนมาก
ว่าการดูตัวสำหรับผู้ที่จะแต่งงานขอบเขตแค่ไหนที่เหมาะสม?

[asan]

[asan]

เพิ่มเติม

وهذه الرواية ضعيفة ، فقد ضعّفها الشيخ الألباني في سلسلة الأحاديث الضعيفة في تخريج الحديث (1273)
؛ لأنها مِن رواية أبي جعفر الباقر ، وهو لم يُدرك زمان عليّ رضي الله عنه ، فضلا عن أن يُدرك زمان عمر رضي الله عنه ، فالقصة مُنقطِعة
และรายงานนี้ เฎาะอีฟ เพราะเช็คอัลบานีย์ ได้ระบุในหนังสือ สิลสิละฮ อัลอะหาดิษ อัฎเฎาะอีฟะฮ ในการ วิจารณ์หะดิษ หมายเลข (1273)ว่ามันเป็นหะดิษเฎาะอีฟ เพราะ มาจากรายงาน อบีญะอฺฟัร อัลบากีร ทั้งๆที่เขาไม่ได้อยู่ในสมัยของอาลี(ร.ฎ) ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้อยู่ในสมัยของอุมัร(ร.ฎ) ดังนั้นเรื่องราวนี้ ขาดตอน
http://al-ershaad.com/vb4/showthread.php?t=6385

[AlGhuraba]

السلام عليكم

เพิ่งทราบครับว่ามีเรื่องแบบนี้
ขอบคุณ คุณ asan ที่นำหะดีษมาให้ดูกันเป็นหลักฐาน
ขนาดหะดีษ ก็เฎาะอีฟแล้ว เอาไปเขียนเผยแพร่ยิ่งบิดเบือนต่อไปอีก
เพราะในหะดีษที่อ้างนั้นใช้คำว่า “فكشف عن ساقها، - เปิดหน้าแข้งของนาง”
แต่ในหนังสือฉบับนั้นกลับบอกว่า “เปิดดูต้นขาของนาง”

ซึ่งจากที่คุณ asan อ้างถึงทรรศนะที่ว่า เปิดมือเพื่อดูว่าพิการหรือไม่ ผมก็เลยคิดต่อไป การดูเท้าก็น่าจะเป็นไปด้วยเหตุผลเดียวกัน ซึ่งในสำนวนอรับเราก็มักจะพบคำว่า เปิดหรือเลิกหน้าแข้งในหลายๆรายงาน เช่นในสมรภูมิรบที่บรรดาผู้หญิงวิ่งไปมาโดยผ้านุ่งเลิกขึ้นมาถึงหน้าแข้ง อะไรทำนองนี้ เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าหะดีษนี้จะไม่เฎาะอีฟ ก็ยังพอมีเหตุผลที่รับฟังได้ว่า เจตนานั้นคือดูเท้า แต่เขาใช้สำนวนว่า เปิดหน้าแข้ง และอีกประการหนึ่ง โดยที่เท้าก็เป็นเอาเราะฮฺหนึ่งสำหรับผู้หญิง นั่นหมายความว่า ผู้หญิงทั่วไปก็จะใส่ถุงเท้ากัน ในกรณีนี้ไม่ได้บอกว่า ถอดถุงเท้าของนางด้วย....ก็น่าจะ ok นะ


เพราะฉะนั้นในประเด็นนี้ผมไม่ได้ติดใจเรื่องเนื้อหาว่าดูหรือไม่ดู
แต่คิดว่า ต้องเตือนคนเขียนหนังสือเล่มนั้นครับ ที่บิดเบือนจนความหมายเดิมเปลี่ยนไปไกลลิบ
ใครรู้จัก...ฝากอะมานะฮฺไปเตือนด้วยนะครับ
-------------------------------
อัลฆุเราะบาอ์

[bintiyazid]

ญาซากัลลอฮุคอยรอนคะ ที่ให้ความกระจ่างคะ

[asan]

ดร. อับดุลหัย ยูซูฟ หัวหน้าภาควิชาวัฒนธรรมอิสลาม มหาลัยคาร์ตูม กล่าวว่า

وأما الأثر الوارد عن عمر رضي الله عنه فقد رواه عبد الرزاق وسعيد بن منصور أن عمر بن الخطاب رضي الله عنه خطب إلى علي ابنته أم كلثوم؛ فذكر له صغرها؛ فقال: أبعث بها إليك فإن رضيت فهي امرأتك؛ فأرسل بها إليه، فكشف عن ساقها؛ فقالت: لولا أنك أمير المؤمنين لصككت عينيك. وواضح من هذا السياق أن عمر رضي الله عنه كشف عن ساقها باعتبارها زوجة لا مخطوبة؛ لأن علياً أباها رضي الله عنه قد أذن له في نكاحها إن ارتضاها، والله تعالى أعلم

สำหรับหะดิษที่รายงานจากอุมัร บิน อัลคอฏฏอ็บ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู ซึ่งรายงานโดย อับดุรรอซซากและสะอีด บิน ญุบัยรฺ ว่า "ท่านอุมัร ได้ขอหมั้นลูกสาวของท่านอาลี ที่ชื่อ อุมมุลกัลษูม โดยมีผู้กล่าวแก่เขาว่า นางยังเล็กอยู่ แล้วท่านอาลีจึงกล่าวว่า “ฉันจะส่งนางไปให้ท่าน หากท่านพอใจ แล้วนางก็จะเป็นผู้หญิงของท่าน แล้วท่านอาลีก็ส่งนางไป เขาจึงเปิดดูหน้าแข้งของนาง นางจึงกล่าวขึ้นว่า “ หากท่านไม่ได้เป็นผู้นำแห่งศรัทธาชน ดิฉันก็จะทิ่มตาทั้งสองของท่าน และ จากความหมายนี้ เป็นที่ชัดเจนว่า ท่าน อุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮู ได้เปิดหน้าแข้งของนาง โดย พิจารณาว่านาง คือ ภรรยา ไม่ใช่หญิงที่ถูกสู่ขอ เพราะบิดาของนาง (คือ อาลี)เราะฎิยัลลอฮุอันฮู ได้อนุญาตให้แก่เขา(อุมัร) ในการแต่งงานกับนางแล้ว หากเขาพอใจนาง - วัลลอฮุตะอาลาอะอฺลัม
http://www.meshkat.net/new/contents.php?catid=10&artid=101526
........

[maliksn]