ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
มุสลิมราตรี มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 20/09/2008 ตอบ: 5
|
ตอบ: Fri Sep 26, 2008 4:09 pm ชื่อกระทู้: ชีอะห์ไม่ใช่กาเฟรอย่างที่คุณคิด |
|
|
คุณกล้ามากที่รับผิดชอบในคำพูดของคุณ ที่กล่าวหาว่าชีอะห์เป็นกาเฟร คำว่ากาเฟรมีความหมายว่า ผู้ที่ปฎิเสธพระเจ้าไม่ใช่หรอคับ เข้าเรื่องเลยนะคับ ชีอะห์ไม่ใช่กาเฟรนะคับ คุณคงมีอคติกับพวกชีอะห์ที่ไม่ยอมรับอบูบักรใช่ไม่คับ ชีอะห์ พวกเขามีการละหมาด และนับถือพระเจ้าเพียงองค์เดียว แล้วยังจ่ายซะกาต ไปทำฮัจญ์ ฯลฯ นี่เหลือคับที่ว่าเป็นกาเฟร ชิอะห์ทำตามบทบัญญัติอิสลามถูกต้องแล้ว และยังรักลูกหลานนบีมากกว่า อบูบักรเสียอีก |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Fri Sep 26, 2008 5:00 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คุณรักลูกหลานนบี มากกว่าอบูบักรหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ
แต่ที่แน่ๆ ลูกหลานนบี รักท่านอบูบักร อมีรุ้ลมุมินีนครับ ไม่ใช่รักพวกคุณ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sat Sep 27, 2008 12:08 am ชื่อกระทู้: Re: ชีอะห์ไม่ใช่กาเฟรอย่างที่คุณคิด |
|
|
มุสลิมราตรี บันทึก: | คุณกล้ามากที่รับผิดชอบในคำพูดของคุณ ที่กล่าวหาว่าชีอะห์เป็นกาเฟร คำว่ากาเฟรมีความหมายว่า ผู้ที่ปฎิเสธพระเจ้าไม่ใช่หรอคับ เข้าเรื่องเลยนะคับ ชีอะห์ไม่ใช่กาเฟรนะคับ คุณคงมีอคติกับพวกชีอะห์ที่ไม่ยอมรับอบูบักรใช่ไม่คับ ชีอะห์ พวกเขามีการละหมาด และนับถือพระเจ้าเพียงองค์เดียว แล้วยังจ่ายซะกาต ไปทำฮัจญ์ ฯลฯ นี่เหลือคับที่ว่าเป็นกาเฟร ชิอะห์ทำตามบทบัญญัติอิสลามถูกต้องแล้ว และยังรักลูกหลานนบีมากกว่า อบูบักรเสียอีก |
.........
ที่ชีอะฮถูกตัดสินว่า กาเฟร เพราะอะไร ลองอ่านดูครับ
وعن الإمام أحمد أنه سئل عمن يشتم أبابكر وعمر وعائشة قال
ماأراه على الإسلام
และอิหม่ามอะหมัด เคยถูกถามเกี่ยวกับผู้ที่กล่าวให้ร้าย อบูบักรฺ ,อุมัรและท่านหญิงอาอิฉะฮ ,เขา(อิหม่ามอะหมัด)กล่าวว่า ฉันไม่เห็นว่าเขาผู้นั้น อยู่บน อัลอิสลาม บันทึกโดย อัลเคาะลาล ในอัสสุนนะฮ เล่ม 1 หน้า 499
อิหม่ามชาฟิอีย์ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
لم أر أحداً من أصحاب الأهواء أكذب في الدعوى، ولا أشهد بالزور من الرافضة
أخرجه ابن بطة في الإبانة الكبرى 2/545، واللالكائي في شرح أصول اعتقاد أهل السنة 8/457
ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นบุคคลใดจากพวกเจ้าอารมณ์ ที่โกหกในการกล่าวอ้างและ อ้างพยานเท็จยิ่งกว่าชีอะฮอัรรอฟิเฎาะฮ - บันทึกโดย อิบนุบัฏเฏาะฮ ในอัลอิบานะฮอัลกุบรอ เล่ม 2 หน้า 545 และ อัลลาลุกาอีย์ ใน ชัรหุอศูลิเอียะติกอ็ดอะฮลิสสุนนะฮ เล่ม 8 หน้า 457
อิหม่ามมาลิก(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
من سب أبا بكر جلد ، ومن سب عائشة قتل . قيل له : لم ؟ قال : من رماها فقد خالف القرآن
ผู้ใดด่าว่า อบูบักรฺ เขาถูก(จะถูกลงโทษด้วยการ)โบย และ ผู้ใดด่าท่านหญิงอาอีฉะฮ เขาถูกประหารชีวิต,มีผู้ถามเขาว่า ทำไมล่ะ? เขากล่าวว่า ผู้ใดกล่าวหานาง แน่นอนเขาขัดแย้งกับอัลกุรอ่าน ดู อัศศอริมุอัลมัสอูล หน้า 566 _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sat Sep 27, 2008 12:52 am ชื่อกระทู้: |
|
|
มุหัมหมัดอัลบากีร อัลมัจญลิสีย์ อุลามาอฺชีอะฮกล่าวว่า
أن أبابكر وعمر هما: فرعون وهامان
แท้จริง อบูบักรฺและอุมัร ทั้งสองคือ ฟีรเอานฺและฮามาน - ดู หนังสือ หักกุลยะกีน ของอัลมัจญลิสีย์ หน้า 367
.........
การนำอบูบักร์และอุมัร สาวกคนสำคัญของรซูลุ้ลลอฮ ไปเปรียบกับ ฟิรเอานฺ และฮามาน เสนาบดีของฟิรเอานฺ ซึ่งเป็นศัตรูอัลลอฮ แบบนี้ เป็นกุฟูรไหม ท่านราตรี _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
IRF มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 10/12/2005 ตอบ: 155
|
ตอบ: Sat Sep 27, 2008 6:27 am ชื่อกระทู้: |
|
|
กาเฟรฺคือคนที่ปฏิเสธพระเจ้าไมใช่หรือ..
คำตอบคือไม่ใช่เพียงเท่านั้นครับ
ยิวก็ไม่ได้ปฏิเสธพระเจ้า คริสต์ก็ไม่ปฏิเสธ แต่เขาปฏิเสธนบีมุฮัมมัด
ฉะนั้นยังมีอีกเงื่อนไขคือ ต้องศรัทธานบีมุฮัมมัดด้วย แค่นั้นหรือ..
คำตอบคือก็ยังไม่พอครับ
ศาสนาบาไฮเขาก็ศรัทธานบีมุฮัมมัด แต่ก็ถือเป็นกาเฟรฺ
ฉะนั้นยังมีอีกหลายกรณีครับ ที่ทำให้มุสลิมตกเป็นกาเฟรฺ
อ้อ..สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจนะครับ
ระหว่าง คนที่เป็นกาเฟรฺ แล้วเขาก็เป็นกาเฟรฺเนื่องจากยังไม่ศรัทธาในอิสลาม
กับอีกกรณีคือ คนที่เป็นมุสลิมแล้วตกเป็นกาเฟรฺ ..อันนี้ไม่เหมือนกันนะครับ
กาเฟรฺเดิมๆ เพียงแค่ศรัทธาว่าอัลลอฮฺมีองค์เดียว มุฮัมมัดเป็นรอซูล เท่านี้ก็ถือว่าเป็นมุสลิมแล้วครับ
ส่วนมุสลิมเดิม แล้วตกเป็นกาเฟรฺ อันนี้เกิดได้หลายกรณ๊
เช่น ปฏิเสธข้อหนึ่งข้อใดในศรัทธาหก ปฏิบัติห้า หรือปฏิเสธอักษรใดในกุรอาน หรือด่านบี หรือซอฮาบะฮฺ หรือตั้งใจหมิ่นอัลกุรอาน ฯลฯ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
IRF มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 10/12/2005 ตอบ: 155
|
ตอบ: Sat Sep 27, 2008 6:52 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้อ ..แล้วคุณไม่ดูตำรับตำราของชีอะฮฺมั่งล่ะครับ เค้าก็บอกว่าซุนนะฮฺเป็นกาเฟรฺ บอกวะฮาบีย์เป็นกาเฟรฺ บอกอะชาอิเราะฮฺเป็นกาเฟรฺ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Sat Sep 27, 2008 8:13 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ข้อความด้านล่างคัดมาจาก sunnahstudent.com เป็นเรื่องที่ชีอะห์กล่าวหาว่าซุนนะห์เป็นกาเฟร
______________________________________________________________________
เนื่องจาก ผู้รู้อันเป็นที่นับถือของชีอะฮ์ คือ ท่าน อัลมัจญฺลิซีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ บิหาร อัลอันวาร ว่า
اتفقت الإمامية على أن من أنكر أمامة أحد من الأئمة وجحد ما أوجبه الله له من فرض الطاعة فهو كافر ضال مستحق للخلود فى النار
"ชีอะฮ์อิมามียะฮ์มีมติสอดคล้องว่า ผู้ใดที่ปฏิเสธการเป็นอิมามบุคคลใดจากบรรดาอิมามทั้งหลาย และปฏิเสะสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติแก่เขาจากสิ่งที่จำเป็นต้องภักดี เขาย่อมเป็นกาเฟร ที่ลุ่มหลง สมควรอยู่ในนรกตลอดกาล" ดู ยุซฺที่ 23 หน้า 270
จากคำกล่าวนี้ เราพอสรุปได้ว่า ผู้ใดที่ปฏิเสธการเป็นอิมามบุคคลใดจากอิมาม 12 ย่อมเป็นกาเฟร ตกนรกตลอดกาลตามทัศนะของชีอะฮ์ อันนี้ ชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์โดนเต็มๆ
ท่าน อัล-มัจญฺลิซีย์ ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า
وقد وردت أخبار متواترة أنه لا يقبل عمل من الأعمال ألا بالولاية
"ได้มีบรรดาหะดิษมุตะวาติร(ตามทัศนะของชีอะฮ์) รายงานว่า อะมัล(ความดี)หนึ่ง จากบรรดาอะมัลทั้งหลาย จะไม่ถูกตอบรับ นอกจาก (ศรัทธา) ด้วยกับวิลายะฮ์(การเป็นอิมาม 12) " แหล่งอ้างอิงเดียวกัน ยุซฺที่ 7 หน้า 369
ดังนั้น อะฮ์ลิสซุนนะอ์วัลญะมาอะฮ์ทำความดีอะไร ย่อมไร้ค่าเหมือนพวกกาเฟรตามทัศนะของชีอะฮ์ โดยที่คุณงามความดีที่กระทำจะไม่ถูกตอบรับแต่อย่างใด นอกจากต้องศรัทธากับอิมาม 12
รุกุนอิสลาม หมายถึง องค์ประกอบในการเป็นมุสลิมนั้น มีอยู่ 5 ประการตามทัศนะของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
ท่านอิมามมุสลิม ได้รายงานถึงท่านญิบรีล(อะลัยอิสลาม)มาสอนเรื่องของศาสนาว่า
قال يا محمد أخبرنى عن الإسلام ، فقال رسول الله صلى الله عليه وسلم الإسلام : أن تشهد أن لا اله إلا الله وأن محمداَ رسول الله وتقيم الصلاة وتؤتى الزكاة وتصوم رمضان وتحج البيت ، إن إستطعت إليه سبيلا
"ท่านญิบรีลกล่าวว่า โอ้ มุฮัมมัด ท่านจงบอกข้าพเจ้า เกี่ยวกับอิสลาม ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า อัลอิสลาม คือ การกล่าวปฏิญานว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์และแท้จริงมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลเลาะฮ์ และท่านจงดำรงละหมาด จ่ายทานซะกาต ถือศีลอดรอมะฏอน และทำหัจญฺที่บัยตุลเลาะฮ์ หากท่านมีความสามารถกับการเดินทาง" รายงาน โดยมุสลิม
และตามสายรายงานของท่านอัลกุลัยนีย์ที่ซอฮิหฺ ได้รายงานรุกุ่นอิสลามตามทัศนะของชีอะฮ์ มี 5 ประการเช่นเดียวกัน ท่านอัลกุลัยนีย์ ได้รายงานถึง ซุรอเราะฮ์ จากท่านอบีญะฟัร(อัลบากิร อิมาม คนที่ 5) ท่านกล่าวว่า
بنى الإسلام على خمسة أشياء ، على الصلاة والزكاة والحج والصوم والولاية ، قال زرارة وأي شيئ من ذلك أفضل ؟ فقال : الولاية أفضل
"อิสลามนั้น ถูกสร้างอยู่บน 5 ประการ คือ การละหมาด ซะกาต ฮัจญ์ ศีลอด และวิลายะฮ์(อำนาจปกครองอิมามทั้ง 12) ซุรอเราะฮ์กล่าวว่า จากสิ่งดังกล่าวนั้น อันใหนที่ดีเลิศที่สุด(ของรุ่กุนอิสลาม) ท่านอบูญะฟัร กล่าวว่า อัลวิลายะฮ์ดีเลิศที่สุด" ดู หนังสือ อุซูล อัลกาฟีย์ บทว่าด้วยเรื่อง อิมามและกุฟร เล่ม 2 หน้า 17
จากหะดิษตามทัศนะของชีอะฮ์นี้ ชี้ให้เห็นว่า หากผู้ใดไม่ศรัทธาเรื่องอิมาม 12 เขาย่อมไม่ใช่มุสลิม แต่เมื่อผมได้อ่านหนังสือนะญุลบะลาเฆาะฮ์ ที่รวบรวม บรรดาคำกล่าว คำสุทรพจน์ และถ้อยคำวิทยปัญญาต่างๆ ของท่าน อิมามอะลี ซึ่งเป็นอิมามท่านที่ 1 ตามทัศนะของชีอะฮ์ ผมได้พบคำพูดของท่านอิมามอะลีที่กล่าวเกี่ยวกับรุกุ่นอิสลามที่ไม่ตรงกับแนวทางของชีอะฮ์ แต่กลับตรงกับแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
ท่านอิมามอะลี ได้กล่าวไว้ใน สุนทรพจน์ ที่ 109 ว่า
إن أفضل ما توسل به المتوسلون إلى الله سبحانه وتعالى : الإيمان به وبرسوله والجهاد فى سبيله فإنه ذروة الإسلام وكلمة الإخلاص فإنها الفطرة وإقام الصلاة فإنها الملة وإيتاء الزكاة فإنها فريضة واجبة وصوم شهر رمضان فإنه جنة من العقاب وحج البيت وإعتماره فإنهما بنفيان الفقر وترحضان الذنب
"แท้จริง สิ่งที่ผู้ทำให้เป็นสื่อ ได้ทำเป็นสื่อ(ภักดี)ไปยังอัลเลาะฮ์ ที่ประเสริฐสุด คือ การศรัทธาในอัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์ และการญิฮาดในวิถีทางของพระองค์ เพราะมันเป็นสุดยอดของอิสลาม และถ้อยคำอันบริสุทธิ์(สองกะลิเมาะฮ์ชะฮาดะฮ์) เพราะมันเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ และการดำรงละหมาด เพราะมันเป็นศาสนา และการจ่ายทานซะกาต เพราะมันเป็นสิ่งฟัรดูจำเป็น และการถือศีลอดในเดือนรอมะฏอน เพราะมันเป็นโล่ห์ป้องกันการลงโทษ และการทำฮัจญ์ที่บัยตุลเลาะฮ์และทำอุมเราะฮ์ เพราะทั้งสองจะไม่ทำให้ยากจนและลบล้างบาป.." ดู ชัรห์ นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ของ ท่าน อิบนุ อะบี อัลหะดีด เล่ม 2 หน้า 734
จากคำสุนทรพจน์ของท่านอิมามอะลี ได้ชี้ให้เห็นว่า ท่านได้กล่าวถึง ถ้อยคำอันบริสุทธิ์ คือ สองกะลิเมาะฮ์ชะฮาดะฮ์ ที่ใช้ให้ยอมรับในการศรัทธาต่ออัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์ กล่าวถึงเรื่องการละหมาด จ่ายซะกาต ถือศีลอดในเดือนรอมะฏอน และการทำฮัจญ์ โดยไม่ได้กล่าวถึงเรื่อง วิลายะฮ์หรืออิมามัตเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่มันสำคัญกว่าตามทัศนะของชีอะฮ์
อิมามัตตามทัศนะของชีอะฮ์นั้น เป็นหลักอุซูล(หลักพื้นฐาน)หนึ่ง จากหลักอุซูล(หลักพื้นฐานต่างๆ)ของศาสนา เพราะฉะนั้น เขาจะยังไม่เป็นผู้ศรัทธานอกจากต้องยึดมั่นการเป็นอิมามัต ยิ่งไปกล่าวนั้น การปฏิเสธเรื่องอิมามัตตามทัศนะของชีอะฮ์นั้น มีความเลวร้ายมากกว่าการเป็นปฏิเสธการเป็นนบี!!
ผู้รู้ของชีอะฮ์ คือ ท่านอัลฮิลลีย์ ได้กล่าวทัศนะของชีอะฮ์ไว้ว่า
الإمامة لطف عام ، والنبوة لطف خاص لإمكان خلو الزمان من نبي حي بخلاف الإمام ... وإن إنكار اللطف العام شر من إنكار اللطف الخاص
"อิมามะฮ์นั้น เป็นความเมตตาที่ครอบคลุม , และการเป็นนบีนั้น เป็นความเมตตาที่เฉพาะ เนื่องจากเป็นไปได้ที่ช่วงเวลาหนึ่งปราศจากนบีที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งแตกต่างจากอิมาม...และแท้จริงการปฏิเสธความเมตตาที่ครอบคลุม(อิมามัต) ย่อมชั่วร้ายกว่าการปฏิเสธความเมตตาที่เฉพาะ(การเป็นนบี)" ดู หนังสือ อัลอัลฟัยน์ ฟี อิมามะฮ์ อะมีรุลมุอฺมินีน เล่ม 1 หน้า 3
ข้อความดังกล่าวอ้างอิงจาก น้อง al-azhary
หลังจากที่ชีอะฮ์เชื่อว่า ผู้ที่ไม่เชื่อความเป็นอิมามคนใดจาก 12 ตามทัศนะของพวกเขา แน่นอนว่า ย่อมเป็นกาเฟร ตกนรกตลอดกาล อะมัลความดีจะไม่ถูกตอบรับ เพราะการปฏิเสธบรรดาอิมามของพวกเขานั้น ชั่วร้ายกว่าการปฏิเสธนบี และนั่นก็คือความเชื่อของชีอะฮ์ที่มีต่ออะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
แล้วคำกล่าวของท่าน อิมามฟัครุดดีน อัรรอซีย์ นั้น ถือว่าผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือไม่ ? ซึ่งท่านได้กล่าวว่า
17.อิหม่าม ฟัครุดดีน อัร-รอซีย์(ร.ฏ.) ท่านกล่าวว่า"บรรดาอุลามะอฺอะชาอิเราะห์ได้ทำการกล่าวกาเฟรกับพวกชีอะฮ์จากสามหนทางด้วยกัน
(1) พวกเขาได้กล่าวกุฟุรกับบรรดามุสลิมมีนระดับชั้นอวุโสคนสำคัญ ดังนั้นผู้ใดที่ทำการกล่าวกาเฟรกับมุสลิมคนหนึ่ง เขาก็ย่อมเป็นกาเฟรด้วย ท่านศาสนทูต(ซ.ล.)กล่าวว่า"ผู้ใดที่กล่าวกับพี่น้องของเขาว่า "โอ้ กาเฟร แน่นอนว่าคำกล่าวนั้นจำกลับไปสู่คนใดคนหนึ่งจากนั้นสอง" ดังนั้นจีงวายิบ(จำเป็น)ที่จำต้องกล่าวว่าพวกชีอะฮ์เป็นกาเฟร
(2) พวกชีอะฮ์ได้ทำการกล่าวกาเฟรกับชนกลุ่มหนึ่งที่ท่านร่อซุลลุลลอ ฮ์ได้กล่าวสรรญเสริญพวกเขาและให้เกียตริในสถานภาพของพวกเขา ดังนั้นการที่ชีอะฮ์ได้กล่าวกาเฟรกับพวกเขานั้น ย่อมเป็นการกล่าวโกหกมุสาต่อท่านร่อซูลลุลลอฮ์(ซ.ล.)
(3) ประชาชาติอิสลามได้มติเป็นเอกฉันท์บนการกล่าวกาเฟรกับผู้ที่ทำก ารกล่าวกุฟุรกับบรรดาซอฮะบะฮ์ระดับอวุโส"(หนังสือ นิฮายะฮฺ อัล-อุกูล หน้า212 ของท่าน อิหม่าม อัรรอซีย์)
แล้วชีอะฮ์เป็นกาเฟรหรือมุสลิมกันแน่??
_______________________________________________________________________ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Sat Sep 27, 2008 8:19 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ผมขอวางภาพนี้ แทนความหลงของชีอะห์ จากเวปเดิม โดยคุณ muhib |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|