ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
สันติ มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 09/09/2004 ตอบ: 9
|
ตอบ: Tue Apr 01, 2008 3:08 pm ชื่อกระทู้: ทำไมญามะอะฮ์ตับลีค |
|
|
ทำไมญามะอะฮ์ตับลีค จึงบอกว่า ใครไม่ออกธุดงส์40วัน 4เดือนไม่ได้รับหิดายะฮ์ ผมคิดว่า ท่านนบีมุหัมมัดก็ไม่ได้ออก ซอหะบะฮ์ก็ไมได้ออกมุมินก็ไม่ได้ออกแล้วญามะอะฮ์ตับลีคมันด่าใครครับ ไม่เห็นจะมีใคร จะออกรับแทนเลย |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
สันติ มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 09/09/2004 ตอบ: 9
|
ตอบ: Sun Apr 06, 2008 7:50 am ชื่อกระทู้: ทำไมญามะอะฮ์ |
|
|
ผมคิดว่า นักวิชาการ ควรจะตอบคำถามนี้นะครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Mon Apr 07, 2008 12:03 am ชื่อกระทู้: Re: ทำไมญามะอะฮ์ตับลีค |
|
|
สันติ บันทึก: | ทำไมญามะอะฮ์ตับลีค จึงบอกว่า ใครไม่ออกธุดงส์40วัน 4เดือนไม่ได้รับหิดายะฮ์ ผมคิดว่า ท่านนบีมุหัมมัดก็ไม่ได้ออก ซอหะบะฮ์ก็ไมได้ออกมุมินก็ไม่ได้ออกแล้วญามะอะฮ์ตับลีคมันด่าใครครับ ไม่เห็นจะมีใคร จะออกรับแทนเลย |
.................
ปล่อยให้เขาอ้างไปเถอะครับ เพราะการได้รับการชี้นำทางที่ถูกต้อง(ฮิดายะฮอิรชาด)นั้น เกิดจากการศึกษาอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮและการประทานความศรัทธาให้บังเกิด(ฮิดายะฮเตาฟิก)นั้น เป็นสิทธิของอัลลอฮ คำว่า"ใครไม่ออกธุดงส์40วัน 4เดือนไม่ได้รับหิดายะฮ์ " เป็นการอ้างโดยไม่มีหลักฐาน เขาไม่ได้ด่าใครหรอกครับ แต่เกิดจากความไม่รู้เท่านั้นเอง
......
วัสสลาม _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
สันติ มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 09/09/2004 ตอบ: 9
|
ตอบ: Mon Apr 07, 2008 6:36 pm ชื่อกระทู้: นอกรีต |
|
|
คุณasanครับการที่พวกญามาอะฮ์ตับลีค บอกใครไม่ออก30วัน-4เดือนไม่ได้รับหิดายะห์นั้นเป็นความเชื่อ-เป็นอะกีดะห์ของพวกเขานะครับผมว่าไม่ใช่เขาไม่เข้าใจหรอกครับ แต่เป็นการจงใจประนามผู้ที่ไม่ออก30วัน-4เดือนมากกว่า ผมคิดว่าเรควรจะออกมาต่อต้านพวกนอกรีตมากกว่า |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
คนที่เดินผ่าน มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 13/02/2006 ตอบ: 104 ที่อยู่: jaseen_muslim@hotmail.com
|
ตอบ: Tue Apr 29, 2008 10:49 am ชื่อกระทู้: |
|
|
...อัสลามุอะลัยกุม ว่าร่อมาตุลลอฮ ว่าบ่าร่อกาตุฮ...
...สิ่งที่กลุ่มญะมาอะฮฺตับลีฆโดนโจมตีนั้นคือเรื่องของ อากีดะห์(ความเชื่อ)...
...กลุ่มญะมาอะฮฺตับลีฆมักจะอ้างเรื่องการเรียกร้อง เชิญชวนคนผู้คนไปละหมาดที่มัสยิด ไปฟังบายานนั้น ไม่ใช่เรื่องดีหรือ และผิดตรงไหน...
...การไปพบปะเยี่ยมเยือน พี่น้องมุสลิมเชิญชวนคนผู้คนไปละหมาดที่มัสยิดนั้นไม่ผิดอะไรหรอก แต่ผิดตรง เวลาบายานแล้วสอนในแนวทางศูฟีร์ อากีดะห์(ความเชื่อ) ต่างหาก...
...พอโน้วน้าวได้ก็ชวนไปออก ตับลีฆ...
...เป็นความเชื่อต่างๆที่ไม่ได้มาจากกิตาบุลลอฮและซุนนะห์ ซึ่งหาหลักฐานไม่ได้ แต่นำไปเชื่อปฏิบัติกันอย่างเป็นตุเป็นตะ...
...ยกตัวอย่างเช่น การทำ เญาละฮ์ หรือการออกฆัสต์ หมายถึงการ พบปะเยี่ยมเยือน..
..."การออกไปพบปะผู้คนนั้น อย่ามองซ้ายมองขวา อย่าเด็ดดอกไม้ ใบไม้ สิ่งที่ถูกสร้างบนพื้นดินและในน้ำ ร่วมอภัยให้แก่เรา"...
..."เรียกผู้คนมาที่มัสยิดมาฟังบายานสิ่งที่อยู่บนฟากฟ้า สิ่งที่อยู่บนพื้นดิน จะขออิสติกฟารให้แก่เรา"...
...เงื่อนไขจำเป็นที่ผู้ออกไปพบปะ หรือเชิญชวนผู้อื่น การออกฆัสต์ นั้น โดยผู้ออกฆัสต์จะต้องทำ...
...สามสิ่งสำคัญคือ (1)ซีกีร์ หมายถึง ระลึกถึงอัลลอฮ์ (ซบ.), (2) ฟีกีร์ หมายถึง คิดให้คนได้รับฮีดายะฮ์จากอัลลอฮฺ (ซบ.) (3) ซาบาร์ หมายถึง อดทนหากมีการแสดงออกอาการรังเกียจไม่ต้อนรับ หรือแม้แต่เยาะเย้ย เราก็ต้องอดทน ...
...ถ้ากรณีที่ญะมาอะฮฺตับลีฆไปเชิญชวนผู้คนทั่วไป แต่บรรดาผู้คนปฏิเสธคำสอนของพวกเขา ญะมาอะฮฺตับลีฆก็จะถือว่าคนเหล่านั้นยังไม่พบกับสัจธรรม เช่น ...
...ผู้รู้และผู้อาวุโสบางท้องที่ไม่สนใจหรือเอ็ดดูเรา ก็อย่าไปคลางแคลงในความสุจริตใจของท่านเหล่านั้น "...
..."ขอให้ถือว่า แก่นแท้จริงของการตับลีฆยังไม่ได้เป็นที่แจ่มแจ้งแก่ท่านเหล่านั้น ...
...ไม่เป็นไร เราต้องให้อภัยเขา เพราะเขายังมิได้รับฮิดายะฮฺ (ทางนำ) ...
...เป็นความเข้าใจผิดเสียนี่กระไรที่จะคิดว่า ถ้าผู้ฟังไม่คล้อยตามการอบรมของเรา เรากลับถือว่าเป็นความล้มเหลวของเรา ที่จริงนั่นเป็นความล้มเหลวของผู้ฟังต่างหาก ไม่ใช่เรา เพราะว่าเขาเหล่านั้นไม่ได้ให้การคารวะและยอย่องคำสอนทางศาสนาของพวกเขาเอง...
...ผู้ร่วมงานจำต้องเข้าใจด้วยว่า ถ้าไม่มีผู้ใดในท้องที่ใดยอมรับในการตับลีฆหรือดะอฺวะฮฺของเรา ก็จงอย่าได้ท้อถอยและเป็นทุกข์" ...
..."ขอให้เข้าใจว่า เรากำลังเจริญรอยตามหน้าที่ของบรรดานบีทั่วๆ ไปและของท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลฯ โดยเฉพาะ ใช่ว่าทุกคนจะมีโชคดีที่จะได้รับการทดลองอย่างหดหู่ใจเช่นเรา...
...ถ้ากลุ่มญะมาอะฮฺตับลีฆ อ้างว่าเรากำลังเจริญรอยตามหน้าที่ของบรรดานบีทั่วๆ ไปและของท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลฯ บอกได้เลยคำสอนเหล่านี้ล้วนโกหกทั้งสิ้น และหลอกตัวเองเพื่อให้กำลังใจกันเอง...
....หากคำสอนเหล่านี้เป็นเรื่องของศาสนา ขอให้กลุ่มญะมาอะฮฺตับลีฆ ยกหลักฐานให้ดูหน่อยว่าใครเป็นคนพูด เรื่องของ ฮิดายะห์นั้น เป็นเรื่องของพระองค์อัลลอฮ เพียงผู้เดียว...
...ถ้าเราศึกษาศาสนาและปฏิบัติตามสิ่งที่มาจากอัลกุรอานและฮาดีษ ตรงนี้ต่างหากที่อัลลอฮจะให้ทางนำในชีวิตแก่เรา และจะไม่หลงทาง ...
...ไม่ใช่ว่ามีคนมาชวนไปออก ถ้าเราไม่ไปก็แสดงว่าเราไม่ได้รับทางนำ บรรดาซอฮาบะห์ยุคสลัฟหรือคอลัฟ ตลอดจน อิหม่ามเจ้าของมัสฮับทั้งหลาย หรือ อุลามาทั้งหลาย อิหม่ามมัสยิดฮะรอม ที่มักกะห์ก็ไม่ได้ออก ตับลีฆ จาริก แสดงว่าคนเหล่านี้ไม่ได้รับทางนำใช่ไหม ก็ในเมื่อกลุ่มญะมาอะฮฺตับลีฆนั้น เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาเมื่อ ร้อยกว่าปีมานี้เอง ...
...แล้วเวลาผ่านมา 1400 ปี บรรพชนยุคก่อน คนเหล่านั้นไม่ได้รับสัจธรรมหรือ...
...จะเห็นได้ว่าคำสอนและความเชื่อของกลุ่มญะมาอะฮฺตับลีฆนั้น เป็นเรื่องหลงผิดทั้งสิ้น...
...วัสลามุอะลัยกุม ว่าร่อมาตุลลอฮ ว่าบ่าร่อกาตุฮ...
เครดิต เนื้อหาเพิ่มเติม www.mureed.com |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
อับดุลฟัตตะหฺ มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 19/09/2008 ตอบ: 22
|
ตอบ: Fri Sep 19, 2008 11:36 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ระวังๆครับ ไปว่าตับลีฆเขา เดี๋ยวมีคนมาปกป้อง เขาเหล่านั้นจะด่าเราเอาอีกครับ
เรื่องแบบ นี้ ผลดีมีบ้าง แต่ผมว่า อะกีดะหฺเพี้ยนๆของเขาเนี่ย น่ากลัวสุดๆ
ดูแนวๆว่าเริ่มเพ้อเจ้อ ไปแนวๆนั่งทางใน (มาพูดแบบนี้เดี๋ยวพันธมิตรเขาด่าเราอีก)
คำพูดคำจาของพวกตับลีฆแย่ๆ เน้นเฉพาะแย่ๆนะครับ พวกนี้ก็พูดจาหยาบคายนะครับ
กึ่งๆดูถูกคนไม่ออกตับลีฆอยู่ตลอดเวลาเลย พวกนี้จะมีความรู้ที่แท้ส่วนนึง
และก็มีความรู้มั่วๆปนเปส่วนนึง พอไปท้วงเขา เขาจะเอาเรื่องแท้มาพูด
ลองเราเผลอ นิทานการนั่งทางในไปหานบีก็จะมาเล่าให้เราฟังอีก
ในเรื่องของตับลีฆนั้นเป็นแค่ แนวทางหนึ่งในการ ดะวะหฺเรียกร้องสู่อิสลาม ในทัศนของผม
แล้วการดะวะหฺอย่างอื่นที่ดีก็มี เช่น เวปไซต์ทางศาสนา หนังสือทางศาสนาต่างๆ
การทำเช่นนี้ทำให้เรายังทำหน้าที่ในครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์ ผมว่าแบบนี้ดูดีกว่าเยอะ
(เดี๋ยวพันธมิตรอ้างอีกว่า ตับลีฆที่ทำงานส่งเงินเลี้ยงครอบครัวก็มี) เอาเถอะครับ
ยังไงๆ ผมก็แอนตี้ตับลีฆพอสมควรนะครับ แต่ว่าผมมองเขาดีอยู่อย่างนึงนะครับ
อันนี้ที่พบเองที่มัสยิดที่บ้าน คือถ้าไม่มีตับลีฆ ก็ถือว่าคนมาละหมาดนั้นน้อยนิดมาก
ถือว่าพวกเขายังทำให้มัสยิด ยังคงเป็นสถานที่ประกอบอิบาดะหฺ ไม่ปล่อยรกร้าง
เขายังให้เป็นที่สั่งสอน ตักเตือนทางศาสนา (หากเอานิยายเพ้อฝันออกไป คนเหล่านี้
ผมจะมองว่าดีในระดับนึงเลย แต่ก็ตำหนิพวกเขาในข้อที่ไม่ค่อยทำงานทำการ
ทิ้งลูกทิ้งเมียน่ะครับ เฉพาะที่ทำเช่นนี้นะครับ เดี๋ยวผมโดนหาว่าเหมารวม)
แต่อย่างที่อาจารย์ท่านนึงว่า นำแดงที่ฮะล้าลพอเอาเหล้าหยดนึงผสม มันก็ฮะรอมในตัวครับ
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Mr.shot บุคคลทั่วไป
|
ตอบ: Sat Sep 20, 2008 5:28 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เรื่องแบบนี้เป็นปัญหาส่วนบุคคลนะครับ ผมคิดว่าเราไม่น่าจะพาดพิงถึงองค์กรหรือกลุ่มคณะนะครับ เราน่าจะคุยหรือตักเตือนเรื่องเหล่านี้กันอย่างสร้างสรรค์มากกว่านะครับ อย่าลืมฮิกมัตซิครับเมื่อเราเจอปัญหาเหล่านี้ อย่าให้นัฟซูเข้าแทรกนะครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|