อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[IRF]

อัลลอฮฺได้บอกในอัลกุรอานว่า (2:213) "..และไม่มีใครที่ขัดแย้งในคัมภีร์นั้น นอกจากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้นมา หลังจากที่บรรดาหลักฐานอันชัดเแจ้งได้มายังพวกเขาเหล่านั้น ทั้งนี้เพราะความอิจฉาริษยาในระหว่างพวกเขา.."

อัลลอฮฺสอนยิวหรือสอนเรา?
สอนมุสลิมเราผู้อ่านอัลกุรอานนี่แหละ ว่าไอ้ที่ทะเลาะกัน แตกแยกกันเพราะอิจฉา เห็นใครถูกต้องกว่าไม่ได้ เห็นใครได้ดีกว่าไม่ได้
เห็นๆอยู่ว่า เขาคือผู้ที่อยู่ในสัจธรรม แต่เราอิจฉา เพราะมันไม่ใช่เราที่ได้รับสัจธรรมนั้น (อย่างเช่นที่ยิวอิจฉาคนอาหรับที่อัลลอฮฺประทานรอซูลมาให้คนอาหรับ)

เช่นเดียวกัน วันนี้กลุ่มที่ได้ดิบได้ดีที่สุดในวงการอุละมาอฺโลกก็คือประเทศซะอุดีย์ อาระเบีย นับตั้งแต่ยุคเชคบินบาส เชคอุษัยมีนเป็นต้นมา ในวงจรนี้ก็ได้ผลิตอุละมาอฺชั้นดีๆของโลกเรื่อยมา ไม่ขายศาสนา ไม่ฟัตวาตามกระแสสังคมเหมือนอลี ญุมอะฮฺ(ที่มีหลายเรื่องก็ดี แต่หลายเรื่องก็แย่เกิน)

แน่นอนว่าชาวบ้านอววาม คนไม่เอารู้เอาชี้เรื่องศาสนา ก็คือคนมุสลิมส่วนใหญ่ของโลก (เอาไปเลยเราไม่เถียง) คนพวกนี้ใครจะลากจูงจมูกไปไหนก็ไป จะตกเป็นเหยื่อของบรรดากลุ่มบิดอะฮฺทั้งหลาย
แต่สำหรับคนส่วนน้อยที่มีความรู้ในศาสนา(แต่ก็ถือว่ามีจำนวนมากๆๆเช่นกัน) เขาจะถือว่าบรรดาอุละมาอฺของซะอุดีย์ เป็นที่ยอมรับในวงการวิชาการศาสนาทั่วโลก (เรานับเฉพาะผู้มีความรู้ทางศาสนา) พวกเขาได้อาศัยในบ้านเมืองนบี ละหมาดในบ้านเมืองนบี สอนศาสนาในบ้านเมืองนบี รักษาแนวทางของนบี .. ซึ่งก็แน่นอนว่ามันทำให้มีกลุ่มคนผู้อิจฉาริษยา อิจฉาผู้จ้องจะทำลาย โจมตีชื่อเสียงของพวกเขา และทำลายแนวทางสของพวกเขา

มันก็มีกลุ่มคนบางกลุ่ม สั่งสมอุดมการณ์ต่อต้านอุละมาอฺของซะอุดีย์ โดยป้ายชื่อให้เขาว่าวะฮาบีย์ ซึ่งเป็นชื่อที่คนอววามคนไม่รู้วงการศาสนาได้ยินแล้วก็กลัว (ที่ผมพบเจอ คนอาหรับเองส่วนใหญ่ก็ถูกสอนมาด้วยตำราอิบนุ ตัยมียะฮฺ,อิบนุ กะษีรฺ,เชคบินบาส,เชคอัลบานีย์) แล้วก็ทำให้คนมีอคติกับชื่อนี้

เทคนิคการโจมตีก็ไม่ได้มีอะไรมาก ก็แค่ไปหยิบตำราต่างๆที่กล่าวหาใส่ใคล้กลุ่มวะฮาบีย์และมุฮัมมัด อิบนุ อับดุลวะฮาบโดยเฉพาะ ตำราเหล่านี้ก็คือมาจากข้อมูลของฝ่ายอาณาอุษมาน ที่ไม่พอใจในการฟื้นฟูศาสนาของอิบนุ อับดุลวะฮาบ ซึ่งกุเรื่องราวเท็จๆใส่ไคล้อิบนุ อับดุลวะฮาบ หรือบ้างก็ไปหยิบข้อผิดพลาดบางประการของตัวท่านและลูกศิษย์ลูกหาของท่านมาโจมตี เอามาประติดประต่อเป็นเรื่องราว

และเมื่อมีการโจมตีกลุ่มซุนนะฮฺแบบนี้แล้ว ตัวเองก็ถือโอกาสเผยแพร่แนวทางของตน พวกซูฟีก็ยกหางฝ่ายตัวเองฉวยโอกาสเผยแพร่แนวทางตนเอง ส่วนฝ่ายอะชาอิเราะฮฺ ก็ฉวยโอกาสเผยแพร่แนวทางตนเอง ฝ่ายชีอะฮฺก็โจมตีวะฮาบีย์แล้วก็ฉวยโอกาสเผยแพร่แนวทางตนเอง พวกยิวอเมริกาก็โจมตีวะฮาบีย์แล้วก็ฉวยโอกาสสร้างความอ่อนแอให้กับสังคมมุสลิม
และเผยแพร่ลัทธิเซคิวล่าร์เข้าสู่โลกมุสลิม

ก็มีกลุ่มนักศึกษาที่ไปรับแนวคิดอุดมการณ์นี้มา และเนื่องจากการมีปมด้อยที่สั่งสม ในเรื่องการมีอคติต่อคณะใหม่ในเมืองไทยอยู่ก่อนแล้ว ก็ทำให้อุดมการณ์นี้มันเข้มแข็งขึ้น เราจะเห็นได้ว่าเขามาป่วนเว็บพวกเรา (ใช้วิธีสลับตัวกันเข้ามาป่วน ยกคำพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใช้ภาษาคารมดี แต่ด้อยวิชาการ) อีกทั้งยังทำเว็บของพวกเขาเองหลายเว็บเพื่อเผยแพร่แนวคิด

ตอนนี้กลุ่มนักศึกษาที่รับอุดมการณ์นี้มาเขารุมทึ้งไปกรูกันอยู่ที่

http://www.muslimthai.com/forum/index.php?topic=114.0

ซึ่งก็เป็นกลุ่ม นักเรียน บดอ ที่รุมโจมตีชาวซุนนะฮฺโดยการป้ายชื่อให้ว่า "วะฮาบีย์"
(กลุ่มนี้รับคำท้าผมว่า กลับมาจะขึ้นโต้วาทีกับฝ่ายเรา ซึ่งหากเขาไม่กลับคำพูดซะก่อน คราวนี้เชื่อว่าวิทยากร มรดกอิสลาม มีต้องรับคำเชิญการโต้วาทีนี้ด้วย)

แต่เป็นที่น่าแปลกใจคือ คนกลุ่มนี้กลับไม่กล้าให้คำตอบว่า นิยาม"วะฮาบีย์" นั้นคืออะไร เจาะจงไปที่กลุ่มไหน เพราะมีจุดประสงค์เพียงเพื่อแค่หาแนวร่วม ที่เกลียดชื่อ "วะฮาบีย์" เหมือนกัน (ถึงแม้อาจจะเข้าใจคำว่าวะฮาบีย์ไปคนละกลุ่ม คนละทิศทาง) แล้วก็ฉวยโอกาสเผยแพร่ แนวคิดบิดอะฮฺ ภายใต้การแอบอ้างชื่อสถาบันอัซฮัรฺ และอะชาอิเราะฮฺ ซึ่งไม่ได้มีอุดมการณ์แบบนี้แต่อย่างใด (ซึ่งอุละมาอฺดังๆหลายๆคนก็ร่วมงานกับอุละมาอฺซะอุดีย์และซีเรีย ฯลฯเป็นอย่างดี) อีกทั้งยังให้เกียรติซึ่งกันและกัน

นักศึกษากลุ่มนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ใด เพียงแต่ต้องการนำวิชาความรู้มาค้ำยันในสิ่งที่พวกพ้องคนตนที่เมืองไทยเป็นอยู่ปฏิบัติอยู่ (ซึ่งได้แก่สถาบัน บดอ ทั้งหลาย) และทำลายชื่อเสียงของฝ่ายซุนนะฮฺที่นับวันยิ่งโตเอาขยายเอาอย่างรวดเร็ว

จึงอยากเรียนมาให้กลุ่มมรดกฯ และองค์กรอื่นๆที่ร่วมเผยแพร่กิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺ ได้เร่งทำงานต่อไป และใช้เวลาในการโต้ตอบชี้แจงถึงฝ่ายนี้ ให้ประชาชนเข้าใจข้อเท็จจริงด้วย


.............................
**อีกประการหนึ่งเชคมุนัจญิดเตือนว่าไม่ให้โฆษณาหรือสนับสนุนเว็บพวกเขา**

[IRF]

ความเป็นจริงแล้ว เทคนิคการโจมตีกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ ดังนี้
1.สร้างความปั่นป่วน ความสับสนและความเข้าใจผิดให้แก่ผู้รับฟังที่เป็นเหยื่อ
2.นำเรื่องจริงมาปนกับเรื่องเท็จเพื่อสร้างภาพลบให้ฝ่ายตรงข้าม ด้วยข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามเอง
3.ฉวยโอกาสเผยแพร่ลัทธิหรือแนวคิดของตนไปด้วยในตัว


เทคนิคแบบนี้ก็คือเทคนิคเดียวกับที่บรรดาศัตรูของอิสลาม กำลังทำกันอยู่
บรรดาชาวตะวันตกที่มีแนวคิดต่อต้านอิสลาม เขาก็ใช้วิธีนี้
ในอดีตเขาจะไม่เรียกชื่อ ว่าศาสนา“อิสลาม” เพราะจะทำให้คนต้องการรู้คำแปลที่แปลว่า “สันติ หรือการยอมจำนนต่อพระเจ้า” (นั่นก็คือไม่ให้คนรู้ว่าเป็นศาสนาของพระเจ้าที่เขานับถือ)
แต่จะใช้ชื่ออื่นเพื่อเบี่ยงความสนใจของคนออกไป ว่า “muhammadism” หรือ “ลัทธิมุฮัมมัด”
แต่ปัจจุบันการสื่อสารมันเจริญขึ้น ลูกไม้นี้จึงใช้ไม่ได้ ...แต่จะใช้วิธีการโจมตีอิสลามแบบอื่น ก็คือแบบเดียวกับที่มุสลิมบิดอะฮฺใช้ในการโจมตีวะฮาบีย์
ก็คือ – สร้างความสับสนปั่นป่วนในข้อมูล เพื่อให้คนเข้าใจผิด – นำเรื่องจริงปนกับเรื่องเท็จ เพื่อสร้างภาพลบให้ฝ่ายตรข้าม – ฉวยโอกาสเผยแพร่ศาสนาของตน หรือลัทธิแนวคิดของตน (ไม่ว่าจะสังกัดลัทธิใดๆก็ตาม)

วิธีการนำเรื่องจริงกับเรื่องเท็จปนกัน และใส่ไคล้ต่ออิสลามก็เช่น
การนำภาพ กลุ่มก่อการร้าย(มุญาฮิดีน) ไปทำให้ดูน่ากลัว นำภาพการเชือดสัตว์ นำภาพกลุ่มชีอะฮฺที่เชือดกระบาลตัวเอง! นำภาพที่มุสลิมบางคนไปทำชั่วผิดหลักการศาสนา ..เอามาโยงประติดประต่อกัน เพื่อสร้างภาพให้อิสลามดูเป็นลัทธิประหลาดที่น่าเกลียดน่ากลัว
แล้วก็ตัดเอากุรอานและหะดีษบางท่อนไป ที่เกี่ยวกับการทำสงคราม การตัดมือ การประหารชีวิต(คนทำผิดและมุรตัด) ตัดต่อและก็ประติดประต่อร้อยเรียง ประกอบกับนำเรื่องเล่าของมุสลิมบางท้องถิ่น (อาจจะมีทั้งเรื่องจริงเรื่องเท็จ) เอาไปทำให้เป็นเรื่องเป็นราว ...

และนี่คือสิ่งที่กลุ่มต่อต้านซุนนะฮฺ กำลังทำอยู่ แอบอ้างตนเองว่าเป็นซุนนะฮฺอย่างแท้จริง (อย่าว่าแต่ใครเลย ชีอะฮฺก็อ้างเช่นนี้!) แล้วกลับเรียกชาวซุนนะฮฺในชื่ออื่น เพื่อเบี่ยงออกไปให้ผู้คนเข้าใจผิด

[IRF]

คำตักเตือน

สำหรับผู้ที่โต้แย้งกันในอินเตอร์เน็ต


คำถาม: มีเว็บไซต์ที่เปิดเวทีให้มีการสนทนากัน โดยมีผู้เข้าไปร่วมจำนวนมาก ขอให้ท่านช่วยให้คำนะศีฮะฮฺ(คำตักเตือน)แก่พวกเขา
ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าไปอ่านหรือเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย

คำตอบ: อัล ฮัมดุลิลลาฮฺ – การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮฺ – แน่นอนว่า ได้มีเว็บไซต์ที่เปิดให้มีการสนทนากันจำนวนมากในอินเตอร์เน็ต
แล้วก็ได้มีผู้เข้าไปเยี่ยมชมจำนวนมากเช่นกัน ต่อไปนี้คือคำนะศีฮะฮฺที่ขอมอบให้กับผู้ที่เข้าอ่านและผู้ที่เข้าเขียนข้อความไว้

- ขอให้มีหัวใจที่บริสุทธิ์เพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮุ วะ ตะอาลา ทุกๆคนจะต้องตาย และสิ่งที่มือของเขาได้เขียนไว้จะยังคงอยู่
ดังนั้น ขอให้เอาใจใส่ระมัดระวังในการที่จะเขียนสิ่งอื่นใดลงไป เว้นแต่เป็นสิ่งที่ท่านพอใจจะได้เห็นมันในวันกิยามะฮฺ และไม่มีความดีใดๆเลยในการงานหนึ่งๆ
ที่ไม่ได้มีเจตนาที่จะกระทำไปเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮุ วะ ตะอาลา

- สำหรับบุคคลทั่วไปที่ขาดความชำนาญ ก็ควรจะเลือกดูเว็บไซต์ที่ดีและมีประโยชน์ โดยให้หลีกเลี่ยงเว็บไซต์ของกลุ่มอุตริกรรม
(กลุ่มบิดเบือนหลักการอิสลาม) และเว็บไซต์ที่เลวอื่นๆ

- ให้ตัดขาดจากเว็บไซต์ของกลุ่มอุตริกรรมต่างๆ หรือเว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยเรื่องอุตริกรรม เพราะว่าการเข้าไปเปิดดูหรือการเข้าไปถกเถียงกันในนั้น
คือการช่วยให้ชีวิตให้แก่เว็บไซต์นั้นๆ ไม่อนุญาตให้ไปสร้างความมีชื่อเสียงให้แก่กลุ่มอุตริกรรม ไม่จำเป็นต้องไปพูดถึงพวกเขา สิ่งที่ต้องทำก็คือ
อย่าไปทำให้พวกเขามีความโด่งดัง บางทีวิธีการตอบโต้ของกลุ่มอะหฺลุซ ซุนนะฮฺ บางกลุ่มขัดแย้งกับจุดยืนนี้

ด้วยเหตุนี้ มุสลิมโดยทั่วๆไปจึงไม่ควรเข้าไปอ่านเว็บไซต์ของกลุ่มอุตริกรรม เพียงเพราะแรงจูงใจในการรักที่จะศึกษาหาความรู้
หรือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยปราศจากความรู้ แต่เขาควรที่จะปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของผู้ที่เหมาะสมเท่านั้น
แต่ก็ไม่เป็นไรในกรณีที่เขาได้นำเอาทรรศนะของกลุ่มอุตริกรรมนี้ไปปรึกษากับบรรดาผู้ทรงความรู้ จากนั้นเขาค่อยถ่ายทอดทรรศนะของผู้รู้เพื่อโต้แย้งพวกเขา

- ขอให้ตักเตือนสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาผสมปนเปกัน(ระหว่างทรรศนะที่ถูกต้องและหลงผิด) ว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้นำเนื้อหาของกลุ่มอุตริกรรมเข้ามา
หรือนำบทความที่หลงผิดเข้ามาเผยแพร่ในเว็บไซต์ที่เขาเป็นเจ้าของอยู่

- จำเป็นสำหรับบรรดาผู้แสวงหาความรู้(ทางศาสนา)ที่จะต้องช่วยเหลือพี่น้องของพวกเขาที่กำลังตอบโต้กลุ่มอุตริกรรม ซึ่งพวกเหล่านี้นั้นมีผู้คนจำนวนมากสนับสนุนอยู่
เมื่อคนหนึ่งคนใดในพวกเขาเหล่านี้ได้เขียนสิ่งใดไป ก็จะมีคนอีกจำนวนนับสิบๆเข้าตบมือให้(ชื่นชม)และยกย่องคนที่ได้แสดงความคิดเห็นนี้
พร้อมๆกับได้ด่าว่าคนที่เข้ามาโต้แย้งความคิดเห็น(ที่ผิดๆ)นี้

- มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องให้บรรดาชัยคฺ(อาจารย์ทั้งหลาย) นักเขียน และคนสำคัญอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในเวทีสนทนานี้

- ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะนำคนรู้เข้ามาร่วมด้วยโดยตรง เพราะเขาต้องเสียเวลาไปยุ่งอยู่กับมันเกินไปอย่างแน่นอน นับว่าเป็นการเพียงพอแล้ว
ที่จะนำศิษย์ที่เชื่อถือได้ของเขามาถ่ายทอดทรรศนะของอาจารย์ของเขา

- ต้องระมัดระวังจากการสูญเสียเวลาไป ปรากฏว่ามีบรรดาผู้แสวงหาความรู้จำนวนหนึ่งได้เสียเวลาไปอย่างมากมายกับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านเวทีของอินเตอร์เน็ต
ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องโต้แย้งทุกๆคนที่ตะโกนร้องออกมาและทรรศนะต่างๆที่ไร้ค่า เป็นการเพียงพอแล้วที่จะรับคำเตือนจากสิ่งที่
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะ ซัลลัม ได้กล่าวว่า “ส่วนหนึ่งของความดีงามของคนๆหนึ่งในอิสลามก็คือ ละทิ้งสิ่งที่ไม่มีความหมายสำหรับเขา”

- ต้องตระหนักถึงความสำคัญในการใช้เวลาสำหรับการให้การศึกษาแก่มุสลิมและการทำงานดะอฺวะฮฺเป็นอันดับแรกๆก่อนการโต้แย้งในเรื่องนั้นในเรื่องนี้
โดยให้ละทิ้งการโต้แย้งในสภาพเช่นนี้ เว้นแต่ต้องกระทำอันเนื่องจากมีบางคนจากกลุ่มอุตริกรรมได้ก่อกวนสร้างความคลุมเคลือหรือเล่าเรื่องเท็จ
แล้วไม่มีผู้ใดเข้ามาโต้แย้ง ในกรณีเช่นนี้ก็ให้เขาเข้าไปช่วยทำการโต้แย้งได้

- ต้องรู้ว่าการเข้าไปในเวทีการสนทนานั้น คือการเข้าไปปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากมายที่เขาไม่รู้จัก การที่แทบจะวางใจต่อคนที่ได้เขียนชื่อที่ไม่ใช่ชื่อจริงนั้นไม่ได้นั้น
ถือว่ากำลังอยู่ในสภาวะที่ไม่มีความไว้วางใจกันอย่างแท้จริง

- เราขอให้คำนะศีฮะฮฺต่อคนหนุ่มสาวที่กระตือรือร้นในการเอาตัวของพวกเขาไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ไม่มีความรู้เลยว่า
เป็นการเพียงพอแล้วที่จะนำดำรัสของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮุ วะ ตะอาลา เกี่ยวกับคำฟัตวาที่ไร้ความรู้ว่า

39:60 และวันกิยามะฮฺ เจ้าจะเห็นบรรดาผู้ที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ ใบหน้าของพวกเขาดำคล้ำ

- ขอให้ยึดกับมารยาททางชะรีอะฮฺ และการควบคุมลิ้นหรือการพูดคุย(ปากกาหรือการเขียนเป็นหนึ่งในลิ้นสองชนิด) อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮุ วะ ตะอาลา ได้ตรัสว่า

แท้จริงชัยฏอนนั้นมันยุแหย่ระหว่างพวกเขา แท้จริงชัยฏอนนั้นเป็นศัตรูที่เปิดเผยของมนุษย์

..................................................

ตอบโดย ชัยคฺ มุฮัมมัด ศอลิหฺ อัล มุนัจญิด

http://www.fityah.com/index.php?option=content&task=view&id=65&Itemid=70

[al-farook]

คุณไออาเอฟตั้งกระทู้นี้มาซ่ะ สวยหรูว่า "กลุ่มโจมตี"วะฮาบีย์"เขาทำงานกันเป็นทีม" ฮึฮึ บางครั้งบรรดาผู้ที่เข้ามาสนทนากับวะฮาบีย์แบบเฉียบขาดนั้น ไม่แน่เขาคือคนเดียวเท่านั้นก็เป็นได้นะ

[asan]

[beckmee]

แล้วมุสลิมเราจะโจมตีกันทำไม ครับ

เอาเวลาไปพัฒนาอิสลามไม่ดีกว่าหรือครับ อย่างหลายๆกระทู้แล้ว ผมอนาจใจ

มัวแต่เถียงกันในเรื่อง ที่ต่างคนต่างคิดว่าถูก มีหลักฐานรับรอง

เถียงกันทั้งชีวิตก็ไม่จบหรอกครับ คนสมัยก่อนในเมืองไทยเค้าเถียงกันรู้แพ้รู้ชนะกันไปแล้ว
คนสมัยหลังยัง เฮ้อ ไม่อยากจะใช้คำว่า ปัญญาอ่อน เถียงกันอีก

เผลอๆ ฟิตนะห์กันเนี่ย บาป ชัวร์กว่า บิดอะอ์ที่ยังเถียงไม่ยังไม่จบอีกนะครับ

จากใจเด็กมุสลิม อยากเห็นมุสลิมรักกัน

[เด็กน้อยๆ]

คุณ IRF เขียนไว้น่าสนใจดี อ่านแล้วเห็นภาพเลยแฮะ

คำว่า "วะฮาบี" น่ะ มุสลิมสาย บดอ. ถ้าเค้าตอบอะไรสายซุนนะฮ์ไม่ได้

เค้าก็ฮูกุ่มทันทีแหละ ว่าเป็นวะฮาบี

เฮ้อออ ประสบการณ์ตรง คุยด้วยแค่ยังไม่ถึง 5 นาที ผมก็โดนฮูกุ่มซะและ ว่าเป็นวะฮาบี

คำว่า "วะฮาบี" น่ะ ไม้เด็ด ของ บดอ.เค้าน่ะแหละ (ชีอะฮ์ก็เหมือนกัน)

แต่พอถามที่มาที่ไปของวะฮาบีทีไร....

ก็เห็นตอบกันไม่ได้ซะที อย่างนี้มันกล่าวหากันมั่วนี่ (หว่า)

[ฟารุก]

ไม่มีปัญหาสำหรับเราเลยครับ กับข้อกล่าวหาต่างๆยิ้มรับหมายถึง ไม่ทำให้เราโกรธ

[บังหมาน]

มาใหม่ครับ ผมก็เป็นอีกคนที่โดนโจมตี อย่าว่าแต่เพื่อนๆเลยครับ ในครอบครัว คนโดดเดี่ยว แต่อัลลอฮก็ ส่งศรีภรรยา มาให้กำลังใจอีกแรง แล้วครับ

[bashir]

ผมว่าคุณ ไออาเอฟ

น่าจะใช้ภาษาที่สุภาพกว่านี้นะครับ

พอไม่ ตรงกับแนวคิดตัว เองก็ บดอ

ผมว่าเขียนกันด้วยหลักฐานดีกว่านะครับ

ดีกว่าใช้คำแบบนี้

ใช้ฮิกมะฮฺดีกว่าใช้คำด่าครับ

[bashir]

[asan]

[quote="bashir"][quote="asan"]

[bashir]

[asan]

[bashir]

1)โจมตี ใส่ร้าย
2)เป็นพฤติกรรมของคนขี้ขลาด
3)เป็นพฤติกรรมของมุนาฟิก
4)อวดอ้าง
5)ยกตน

หลายดอกจังนะครับ