ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
ซานดี มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 07/04/2006 ตอบ: 7
|
ตอบ: Sun Apr 09, 2006 6:08 pm ชื่อกระทู้: เมื่อดวงอาทิตย์ขึ่นทางทิตตะวันตก |
|
|
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ่นทางทิตย์ตะวันตก
ฉันรู้ว่า เป็นคำพยากรณ์ของท่านศาสดามูฮัมมัอ(ศ) ที่ว่า เป็นวันที่ประตูการขออภัยโทษถูกปิดลง ความหมายของดวงอาทิตย์ขึ่นทางทิตตะวันตก คือ เมื่อชาวตะวัยตกได้รับแสงสว่าง และชาวตะวันออกกลับได้รับความมืด ในที่นี้ให้ความหมายว่า ชาวตะวันตกเริ่มได้รับทางนำ คือยอมรับศาสนาอิสลาม แต่มันสายไปแล้ว เมื่อประตูการขออภัยโทษถูกปิดลง แต่ชาวตะวันออกกลับตรงกันข้าม เมื่อพวกเขาเริ่มออกห่างจากแนวทางที่เที่ยงตรง
ใครพอที่จะเพิ่มเติมข้อมูลจากเดิมบ้างค่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
อับดุรเราะฮ์มาน มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: 14/02/2006 ตอบ: 56
|
ตอบ: Wed Jul 26, 2006 1:07 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ข้อมูลคงได้ไปแล้วนะครับ จากบังอาแสน
ขอรบกวนแก้คำนิดนึงครับ ว่า"ฉันรู้ว่า เป็นคำพยากรณ์ของท่านศาสดามูฮัมมัอ(ศ)"
คำว่า"พยากรณ์" ถ้าเป็นกริยาแปลว่าคำทำนาย หรือคาดการณ์ ถ้าเป็นนาม คือชื่อคัมภีร์โหราศาสตร์ว่าด้วยการ"ทำนาย"
บ่อยครั้งที่ท่านร่อซู้ล พูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และบ่อยครั้งที่ผู้คนชอบพูดว่าเป็นไปตาม "คำทำนาย"ของท่าน
ผมว่าเราอยู่ในประเทศที่ผูกพันกับคำว่า"ทำนาย""ทายทัก" มากเกินไปจึงยืมคำว่า "พยากรณ์"มาเหมารวมกับคำพูดของท่านร่อซู้ล
เอาเป็นว่า ผมอยากจะให้เราเปลี่ยนคำว่า "พยากรณ์" เพราะฟังแล้วออกไปในแนวทางพ่อมดหมอผียังไงไม่รู้ ข้อสำคัญคำว่า "พยากรณ์" มีความหมายในทางลบเพราะ มีโอกาสที่จะไม่เกิดเหตุการณ์นั้นๆขึ้นตามคำพยากรณ์
โดยขอให้พวกเราเปลี่ยนเป็นคำว่า
คำ "บันทึกเหตุการณ์ในอนาคต" โดยท่านร่อซู้ล เพราะทุกสิ่งที่ท่าน พูดเอาไว้นั้นต้องเกิดขึ้นอย่าง"แน่นอน"ครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
AlGhuraba มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004 ตอบ: 226
|
ตอบ: Wed Jul 26, 2006 8:58 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ความหมายของดวงอาทิตย์ขึ่นทางทิตตะวันตก คือ เมื่อชาวตะวัยตกได้รับแสงสว่าง และชาวตะวันออกกลับได้รับความมืด ในที่นี้ให้ความหมายว่า ชาวตะวันตกเริ่มได้รับทางนำ คือยอมรับศาสนาอิสลาม แต่มันสายไปแล้ว เมื่อประตูการขออภัยโทษถูกปิดลง แต่ชาวตะวันออกกลับตรงกันข้าม เมื่อพวกเขาเริ่มออกห่างจากแนวทางที่เที่ยงตรงความหมายของดวงอาทิตย์ขึ่นทางทิตตะวันตก คือ เมื่อชาวตะวัยตกได้รับแสงสว่าง และชาวตะวันออกกลับได้รับความมืด ในที่นี้ให้ความหมายว่า ชาวตะวันตกเริ่มได้รับทางนำ คือยอมรับศาสนาอิสลาม แต่มันสายไปแล้ว เมื่อประตูการขออภัยโทษถูกปิดลง แต่ชาวตะวันออกกลับตรงกันข้าม เมื่อพวกเขาเริ่มออกห่างจากแนวทางที่เที่ยงตรง
-------------------------
เป็นคำอธิบายที่อันตรายมากครับ
ในอิสลามไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แยกข้างเป็นชาวตกหรือชาวออก ชาวเหนือหรือชาวใต้ มนุษย์ทั้งหมดเป็นบ่าวที่อัลลอฮฺทรงสร้าง ซึ่งพระองค์ทรงจำแนกด้วยศรัทธา.... อีมานฝ่ายหนึ่ง กับ กุฟุร-ชิริก์-ฟาสิกฺ-ซอลิม อีกฝ่ายหนึ่ง
ไม่ว่าตะวันออกหรือตะวันตกล้วนเป็นของอัลลอฮฺซึ่งไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด ไม่ว่าใครจะไปตั้งรกราก ภูมิลำเนา ปลูกเหย้า สร้างเพิงหมาแหงนอยู่ส่วนใดของโลก ศรัทธาเท่านั้นที่เป็นข้อแตกต่าง
قُل لِّلّهِ الْمَشْرِقُ وَالْمَغْرِبُ يَهْدِي مَن يَشَاءُ إِلَى صِرَاطٍ مُّسْتَقِيمٍ
จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่าทิศตะวันออกและทิศตะวันตกนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น พระองค์จะทรงแนะนำผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไปสู่ทางอันเที่ยงตรง (2:142)
لَّيْسَ الْبِرَّ أَن تُوَلُّواْ وُجُوهَكُمْ قِبَلَ الْمَشْرِقِ وَالْمَغْرِبِ وَلَـكِنَّ الْبِرَّ مَنْ آمَنَ بِاللّهِ وَالْيَوْمِ الآخِرِ وَالْمَلآئِكَةِ وَالْكِتَابِ وَالنَّبِيِّينَ وَآتَى الْمَالَ عَلَى حُبِّهِ ذَوِي الْقُرْبَى وَالْيَتَامَى وَالْمَسَاكِينَ وَابْنَ السَّبِيلِ وَالسَّآئِلِينَ وَفِي الرِّقَابِ وَأَقَامَ الصَّلاةَ وَآتَى الزَّكَاةَ وَالْمُوفُونَ بِعَهْدِهِمْ إِذَا عَاهَدُواْ وَالصَّابِرِينَ فِي الْبَأْسَاء والضَّرَّاء وَحِينَ الْبَأْسِ أُولَـئِكَ الَّذِينَ صَدَقُوا وَأُولَـئِكَ هُمُ الْمُتَّقُونَ
หาใช่คุณธรรมไม่ การที่พวกเจ้าผินหน้าของพวกเจ้าไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกแต่ทว่าคุณธรรมนั้นคือผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันปรโลก และศรัทธาต่อมลาอิกะฮ์ ต่อบรรดาคัมภีร์และนะบีทั้งหลาย และบริจาคทรัพย์ทั้งๆ ที่มีความรักในทรัพย์นั้น แก่บรรดาญาติที่สนิทและบรรดาเด็กกำพร้า และแก่บรรดาผู้ยากจนและผู้ที่อยู่ในการเดินทาง และบรรดาผู้ที่มาขอและบริจาคในการไถ่ทาส และเขาได้ดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และชำระซะกาต และ(คุณธรรมนั้น) คือบรรดาผู้ที่รักษาสัญญาของพวกเขาโดยครบถ้วน เมื่อพวกเขาได้สัญญาไว้ และบรรดาผู้ที่อดทนไนความทุกข์ยาก และในความเดือดร้อน และขณะต่อสู้ในสมรภูมิ ชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่พูดจริง และชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่มีความยำเกรง (2:177)
สภาพวันกิยามะฮฺ เป็นอะไรที่มันโหดร้าย หนักหนา สาหัส รุนแรง และน่าสะพรึงกลัวอย่างชนิดที่เรียกว่า สุดขีด เกินคำบรรยาย ส่วนหนึ่งจากที่อัลลอฮฺทรงเผยให้เราได้รับรู้คือ....
يَوْمَ تَرَوْنَهَا تَذْهَلُ كُلُّ مُرْضِعَةٍ عَمَّا أَرْضَعَتْ وَتَضَعُ كُلُّ ذَاتِ حَمْلٍ حَمْلَهَا وَتَرَى النَّاسَ سُكَارَى وَمَا هُم بِسُكَارَى وَلَكِنَّ عَذَابَ اللَّهِ شَدِيدٌ
วันที่พวกเจ้าจะเห็นมันคือ แม่นมทุกคนจะตกตะลึงลืมสิ่งที่นางกำลังให้นมแก่ลูกอ่อน และหญิงตั้งครรภ์ทุกคนจะคลอดลูกที่อยู่ในครรภ์ของนางออกมา และเจ้าจะเห็นมนุษย์อยู่ในสภาพมึนเมา ทั้ง ๆ ที่พวกเขามิได้เมา แต่ว่าการลงโทษของอัลลอฮ์นั้นรุนแรงยิ่งนัก (22:2)
และสิ่งที่ท่านนบีบอกไว้เพิ่มเติมถึงสภาพความรุนแรงและน่าตระหนกตกใจในวันนั้นยังมีอีกมาก การที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกจะเป็นสัญญาณสุดท้ายของมันซึ่งเมื่อเหตุการณ์นั้นอุบัติขึ้นแล้ว เป็นอันว่า ปิดประตูเตาบะฮฺ !
عن أبي هريرة
أن رسول الله صلى الله عليه وسلم قال لا تقوم الساعة حتى تقتتل فئتان عظيمتان يكون بينهما مقتلة عظيمة دعوتهما واحدة وحتى يبعث دجالون كذابون قريب من ثلاثين كلهم يزعم أنه رسول الله وحتى يقبض العلم وتكثر الزلازل ويتقارب الزمان وتظهر الفتن ويكثر الهرج وهو القتل وحتى يكثر فيكم المال فيفيض حتى يهم رب المال من يقبل صدقته وحتى يعرضه عليه فيقول الذي يعرضه عليه لا أرب لي به وحتى يتطاول الناس في البنيان وحتى يمر الرجل بقبر الرجل فيقول يا ليتني مكانه وحتى تطلع الشمس من مغربها فإذا طلعت ورآها الناس يعني آمنوا أجمعون فذلك حين
لا ينفع نفسا إيمانها لم تكن آمنت من قبل أو كسبت في إيمانها خيرا
อบูฮุร็อยเราะฮฺรายงานว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอฺะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า วันกิยามะฮฺจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่า (1)สองกลุ่มใหญ่จะเข้าประหัตประหารกันอย่างมากมายมหาศาล ต่างฝ่ายต่างก็เรียกร้องไปสู่สิ่งเดียวกัน และจนกว่า (2)จะมีดัจญาลจอมโกหกมากมายปรากฏขึ้นประมาณ 30 ตัว แต่ละตัวต่างก็อ้างตนเป็นรอซูลของอัลลอฮฺ และจนกว่า (3)วิชาความรู้จะถูกเก็บไป (4)จะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นบ่อยครั้ง (5)เวลาจะสั้นลง (6)จะมีการฟิตนะฮฺดกดื่น (7) อัลฮัรญ์ คือการเข่นฆ่าประหัตประหารกันจะเกิดขึ้นอย่างมากมาย และจนกว่า(8)จะมีทรัพย์สมบัติล้นเหลือในหมู่พวกท่านถึงขั้นที่ว่าเจ้าของทรัพย์วิตกกังวลว่าจะมีใครรับการบริจาคของเขาบ้างไหม จนกระทั่งเมื่อเขาเอาทรัพย์ไปมอบให้ใคร ผู้ที่ถูกมอบจะตอบกลับมาว่า ฉันมิได้ต้องการมันเลย และจนกว่า(9) ผู้คนจะแข่งกันสร้างอาคารสูง และจนกว่า (10)ชายคนหนึ่งที่เดินผ่านหลุมศพของอีกคนหนึ่ง จะรำพึงว่า ให้ฉันไปอยู่แทนที่เขาซะก็จะดี(คืออยากตายให้มันรู้แล้วรอดไป ไม่ต้องผจญกับชีวิตบนโลกอีกต่อไป) และจนกว่า ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางตะวันตก ครั้นเมื่อมันขึ้นมาให้ผู้คนทั้งหลายได้เห็นปรากฏการณ์นั้น พวกเขาทั้งหมดจึงเพิ่งจะอีมานศรัทธา ซึ่งนั่นแหละ คือเวลาที่(อัลลอฮฺทรงตรัสว่า)... การศรัทธาของคนใดคนหนึ่งที่มิได้ศรัทธามาก่อนหน้านั้น หรือมิได้แสวงหาความดีใด ๆ ไว้ในการศรัทธาของเขา มันจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดแก่เขาอีกแล้ว (6:158)
.. (บุคอรี : อัลฟิตัน)
ข้อความในหะดีษใช้คำชัดเจนว่า ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก (تطلع الشمس من مغربها ) ก็ต้องหมายถึง ไอ้เจ้าลูกไฟดวงโตที่เราเห็นมันลอยเท้งเต้งอยู่กลางฟ้านั่นแหละ ส่วนที่เอาความรู้ความเข้าใจไปเปรียบว่าเป็นแสงสว่างนั้นส่วนมากจะใช้คำว่า นูร (النور ) ซึ่งเป็นคนละความหมายกันกับดวงอาทิตย์
ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกนี้ แน่นอน ย่อมต้องเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เกินจินตนาการ ดังนั้น ถ้ามันอุบัติขึ้นเมื่อใด ย่อมต้องสร้างความระส่ำอย่างหนักแก่มนุษย์โลก รวมทั้งสรรพสัตว์ทั้งหลาย ความตื่นตระหนกและหวาดกลัวสุดๆจะเข้าเกาะกุมหัวใจทุกดวงในเวลานั้นอย่างแน่นอน นั่นจึงมิใช่เป็นการแจ้งข่าวที่เลื่อนลอยหรือเป็นอะไรที่ต้องตีความให้มัน soft ไปกว่าวิกฤติการณ์จริงที่จะเกิดขึ้นเลย
เราได้พบในอีกหะดีษหนึ่งซึ่งน่าจะให้ความชัดเจนในเรื่องนี้ได้ดีขึ้น
عن أبي ذر رضي الله عنه قال
قال النبي صلى الله عليه وسلم لأبي ذر حين غربت الشمس أتدري أين تذهب قلت الله ورسوله أعلم قال فإنها تذهب حتى تسجد تحت العرش فتستأذن فيؤذن لها ويوشك أن تسجد فلا يقبل منها وتستأذن فلا يؤذن لها يقال لها ارجعي من حيث جئت فتطلع من مغربها فذلك قوله تعالى
والشمس تجري لمستقر لها ذلك تقدير العزيز العليم
อบูซัรร์ รายงานว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอฺะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวแก่อบูซัรร์ตอนที่ดวงอาทิตย์กำลังตกว่า ท่านรู้หรือเปล่าว่ามันไปไหน? ฉันตอบว่า อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์เท่านั้นที่รู้ดียิ่ง ท่านกล่าวว่า มันไปสุญูดอยู่ใต้อะรัชแล้วก็รอที่จะขออนุญาต(ที่จะไปขึ้นต่อ) แล้วมันก็ได้รับอนุญาต และจวนจะถึงเวลาแล้วที่มันไปสุญูดแล้วจะไม่ถูกรับ มันขออนุญาตก็ไม่ได้รับอนุญาต แต่จะมีกล่าวแก่มันว่า เจ้าจงกลับไปตรงที่ที่เจ้ามา และจงขึ้นทางทิศตะวันตก นั่นแหละคือที่อัลลอฮฺทรงตรัสว่า และดวงอาทิตย์นั้นมันโคจรตามวิถีของมัน นั่นคือการกำหนดของพระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง (36:38)
สภาพก่อนถึงวันนั้นจะมีขั้นตอนต่างๆมากมาย จนถึงเวลาที่ท่านนบีอีซาลงมา ซึ่งในที่สุดหลังจากนั้น ประชากรโลกจะตระหนักถึงศาสนาที่แท้จริงและอิสลามจะโดดเด่นขึ้นเหนือประชาชาติทั้งหลาย ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจะพากันเข้ารับอิสลาม แต่ก็คงยังมีเหลือบ้างที่ดื้อด้านสุดๆ พวกนี้แหละคือ พวกสุดท้ายที่เหลืออยู่จนได้พบกับปรากฏการณ์วิกฤตินั้น เพราะก่อนหน้านั้นอัลลอฮฺจะทรงให้ผู้ศรัทธาตายไปก่อน เหลือแต่พวกเลวๆเพื่อเผชิญกับอะซาบสุดท้ายของพระองค์บนโลกนี้
ดังนั้น การตีความว่าเป็นเรื่องของชาวตะวันตก-ชาวตะวันออก ผมจึงเห็นว่าห่างไกลจากข้อมูลอื่นๆที่ท่านนบีให้ไว้ครับ
วัลลออฮุอะอฺลัม!
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|