ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
adeel มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 172
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 2:10 am ชื่อกระทู้: |
|
|
คุณอะดีล ผู้รักนบีแต่เพียงลมปาก ไปใหนแล้ว ทำไมไม่สนทนาชี้แจงสิ่งที่ผมและบังอัลฟารูกได้นำเสนอไป ซึ่งหากคุณไม่ชี้แจงสนทนาเรื่องความรักตามซอฮาบะฮ์คือการรักท่านนบี(ซ.ล.)ที่เรานำเสนอไปแล้ว จึงไม่ผิดอะไรทั้งนั้น หากที่กล่าวว่า" คุณอะดีลรักนบีแค่ลมปาก"
al-azhary ถามหาทำไม จะโชว์หลักฐานรึ ผมก็เฝ้ารอมาหลายวันว่า เมื่อไหร่หนอจะเอาหลักฐานมาแสดงให้เห็นสักที แต่ก็ไม่เห็นจนแล้วจนรอด แต่ที่ได้เห็นคือข้อหาว่าผมรักนาบีแต่เพียงลมปาก
อยากถามเหลือเกินว่าคนไม่ทำเมาลิดรักนาบีแต่เพียงลมปากรึ ฮ้าๆๆ ถ้าเช่นนั้นซอฮาบะฮ์ ตาบีอีน อิหม่ามทั้งสี่ คงรักนาบีแต่เพียงลมปากอย่างที่อัลอัซฮารีย์พูดกระมั้ง แต่คนที่รักนาบีต้องจัดเมาลิด ฮึๆๆ แต่ว่าเมาลิดริม เมาลิดกลางนี้นะ สูตรของใครดีที่สุด เพราะหลายสุเหร่า,หลายมุเก่มก็หลายสูตร ทำไม่เหมือนกัน หรือแล้วแต่ใครจะคิดเอา ไปปรุงผสมสูตรกันเอาเอง เอาโน้นนิด เอานี่หน่อยมายำรวมกัน นี่แหละสูตรรักนาบีของพวกบิดอะฮ์ ฮ้าๆๆ เอิกๆๆ
al-azhary จะให้ชี้แจงเรื่องความรักของซอฮาบะฮ์ที่มีต่อนาบี แหม...อุตสาห์ไม่พูดถึงแล้วนะ ยังจะงัดขึ้นมาอีก สงสัยจะมีหลักฐานมาโชว์ละมั้ง ลองย้อนกลับไปดูก่อนซิว่า อัลฟารูกแสดงอะไรไว้
al-farook กล่าวว่า
แล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่างเราและบรรดาซอฮาบะฮฺ (ร.ฏ.) ? ซึ่งเป็นความแตกต่างอันเป็นปัญหาที่มาครอบงำเราและต้องทนทุกข์กันในปัจจุบันนี้ ท่านทั้งหลายพึงทราบเถิด ความแตกต่างอันเดียวนั้นก็คือ บรรดาหัวใจของบรรดาซอฮาบะฮฺของร่อซูลุลเลาะฮฺ(ซ.ล.)นั้น เต็มเปรี่ยมไปด้วยความรักต่ออัลเลาะฮฺและร่อซูลของพระองค์ แต่หัวใจของพวกเรา ส่วนมากจะเต็มเปรี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อ ดุนยา ความปารถนาและสิ่งเพลิดเพลินของมัน
นี่เป็นข้อความที่อัลฟารูกรำพันหว่านล้อมไว้ในช่วงแรกๆ และผมก็ตอบว่า
ใช่ครับ...หัวใจของซอฮาบะฮฺเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อท่านร่อซูล ถึงขนาดตายแทนได้เลย
แต่ถ้าเราจะรักท่านรอซูลก็ควรเอาเยี่ยงอย่างซอฮาบะฮ์ไม่ใช่หรือ แต่ทำไมเราถึงไปเอาเยี่ยงอย่างของคนอื่นมาแสดงความรักด้วยเล่า หรือว่าสุดยอดในของความรักต้องแบบอย่างที่เราทำ ไม่ใช่แบบอย่างของซอฮาบะฮฺใช่ไหม
อัลลอฮ์ ตะอาลากล่าวว่า
บรรดาบรรพชนรุ่นแรกในหมู่ผู้อพยพ (ชาวมุฮาญีรีนจากมักกะฮฺ) และในหมู่ผู้ให้ความช่วยเหลือ (ชาวอันศ้อรมะดีนะฮฺ) และบรรดาผู้ดำเนินตามพวกเขาด้วยการทำดีนั้นอัลลอฮฺทรงพอพระทัยในพวกเขา และพวกเขาก็พอใจในพระองค์ด้วย (9/11 ความหมายโดยสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ)
ยังจำคำถามได้อยู่ไหมที่ผมถามว่า
ยังมีผู้อื่นที่แสดงความรักได้ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าซอฮาบะฮ์อย่างนั้นหรือ ขอดูหลักฐานหน่อย
.................................แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบ.......................................
แต่ผมและผู้อ่านก็สรุปได้แล้วว่า ไม่มีใครแสดงความรักนาบีได้ดียิ่งกว่าซอฮาบะฮ์
นอกจากนี้ผมยังได้กล่าวแก่อัลฟารูกว่า ถ้าคุณไม่มีหลักฐานมาแสดงผมก็ขอให้คุณกลับไปเอาเยี่ยงอย่างของบรรดาซอฮาบะฮ์ ที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงรับรองไว้แล้วว่า พระองค์พอพระทัยในพวกเขา รวมถึงบรรดาผู้ที่ดำเนินตามพวกเขาด้วย คุณไม่อยากเป็นบุคคลที่อัลลอฮ์พอพระทัยอย่างนั้นหรือ
ไม่มีคำตอบครับ ไม่มีคำตอบจริงๆ มีแต่คำย้อนศรในทำนองว่า
เอ็งว่าพวกข้าไม่ตามซอฮาบะฮ์แล้วพวกเอ็งละตามซอฮาบะฮ์หรือปล่าว แล้วก็ยกตัวอย่างร่ายมายืดยาวว่า
ท่านอบู อัยยูบ อัลอันซารีย์ ท่านได้นอนกอดกุบูรของท่านนบี เพราะท่านคิดถึงคนึงหา แล้วอะดีลจะตามใหม? เพื่อจะได้รักนบีตามแบบฉบับของซอฮาบะฮ์
ท่านอิบนุอุมัร ได้ทำการเอามือลูลมิมบัรของท่านร่อซูล แล้วคุณจะทำตามซอฮาบะฮ์ใหม? เพื่อจะรักท่านร่อซูลอย่างแท้จริง
ท่านอิบนุมัสอูดได้ใช้ให้มีการเล่าประวัติเรื่องราวของท่านร่อซูลในทุกๆวันพฤหัสบี แล้วอะดีลจะทำตามใหม? เพื่อจะได้มีความรักต่อท่านร่อซูลตามแบบฉบับของซอฮาบะฮ์
เมื่อท่านอิบนุ อุมัรเดินทาง ท่านจะหยุดและละหมาดสถานที่ที่ท่านนบี(ซ.ล.)เคยละหมาด เนื่องจากคิดถึงมีความรักต่อท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) แล้วคุณจะทำตามใหม? หรือว่าเป็นชิริก
ผมเนี่ย ก็อยากรู้เหมือนกันว่า คุณรักท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ เพียงลมปากหรือเปล่า? คุณอ้างตามซอฮาบะฮ์เพื่อแสดงความรักต่อท่านนบี(ซ.ล.)เพียงลมปากหรือเปล่า? น่าคิดเหมือนกันน่ะ กับการสนทนากับนักถามที่มีความรักต่อท่านนบีเพียงแค่ลมปาก
พวกเขาไม่ตอบคำถามและไม่แสดงหลักฐานว่า ยังมีคนอื่นที่แสดงความรักได้ดียิ่งกว่าซอฮาบะห์ แต่พวกเขาคิดว่าได้ย้อนศรแล้วคงสะใจมั้ง แต่ผมดูว่าไร้เดียงสา สู้อุตสาห์ไม่เอ่ยถึงแล้ว แต่พวกเขาดันงัดความเขลาขึ้นมาโชว์ทำนองว่า
เอ็งว่าพวกข้าไม่ตามซอฮาบะฮ์ พวกเอ็งก็ไม่ตามเหมือนกัน มันเป็นคำตอบที่น่าเวทนาจิงจิ้ง ฮ้าๆๆเอิกๆๆ
แต่ที่ผมถามรวมๆไว้ว่า เอาเรื่องเหล่านี้ไปเปรียบเทียบเพื่อจะบอกว่าเมาลิดทำได้งั้นรึ ถ้าอย่างนั้นลองเอาพิธีกรรมเมาลิดที่ทำกันมาแสดงให้ดูหน่อยซิ จะได้รู้ว่ามันเหมือนกันไหม เอาไปเปรียบเทียบเลียบเคียงแบบมั่วนิ่มหรือปล่าว ถ้าเหมือนกันจะได้บอกว่าซอฮาบะฮ์ก็ทำเมาลิด
ไม่มีคำตอบ......เงียบอีกเช่นเคย......ถ้าเข้ามาจะตอบว่า...สามวาสองศอกอีกหรือปล่าวละเนี่ย ฮ้าๆๆเอิกๆๆ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
adeel มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 172
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 2:50 am ชื่อกระทู้: |
|
|
al-azhary กล่าวว่า
ดังนั้น การเสวนาเรื่องเมาลิด ก็ขออยู่ในเชิงวิชาการจริงๆ แล้วเราก็จะได้รู้ว่า วะฮาบีย์หรืออะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ที่ออกอาการเฉไฉ เลี่ยงประเด็น ลงคู และเข้าป่าก่อนกัน ฮ่าๆ ผู้อ่านก็ต้องรอดูสทนาว่าฝ่ายใดจะอยู่ในวิชาการมากกว่า
แหม...ผ่านมาแล้วตั้งหลายหน้า ไม่รู้ว่าใครลงคูเข้าป่า ตอบได้แต่สามวาสองศอก
ซอฮาบะฮ์ไม่ได้ทำ ตาบีอีนไม่รู้เรื่อง อิม่ามฮานาฟี อิหม่ามมาลีกี อิหม่ามชาฟีอี อิหม่ามฮัมบาลี ก็ไม่ได้สอน แล้วยังอ้างตัวเองว่าเป็นอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ เอ้...สังกัดอิหม่ามไหนละนี่ สงสัยจะอิหม่ามโคมัยนี่มั้ง ฮ้าๆๆเอิกๆๆ
คนไม่ทำเมาลิดถูกกล่าวหาเป็นวะฮาบีย์ แต่อิหม่ามชาฟีอีก็ไม่ทำเมาลิดนี้นะเป็นวะฮาบีย์ด้วยอะเป่า
อ้อ..แล้วคำว่า เสวนาเชิงวิชาการนะ อยากรู้เหมือนกันว่า หลักฐานไม่มี แล้วจะแสดงวิชาอะร้าย ฮ้าๆๆ เอิกๆๆ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
al-farook มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005 ตอบ: 297 ที่อยู่: อียิปต์
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
al-farook มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005 ตอบ: 297 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 9:53 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ท่านผู้อ่านที่เคารพทั้งหลายครับ การสนทนาในช่วงนี้ เรายังไม่ต้องการคุยกันเรื่องหลักฐานครับ เพราะนั้นคือประเด็นหลัง แต่ตอนนี้ เราขอคุยเน้นเรื่องหลักการหรือหลักพื้นฐานของแต่ละฝ่ายกันก่อน แล้วค่อยเข้าเรื่องกัน คือเข้ามา[color=red] เจาะยาง พลางๆก่อนนะครับ เพราะมันเพิ่งเริ่มยกแรกเองครับ ยังไงผู้สนทนาวะฮาบีย์ก็อย่ารีบร้อนเอาหลักฐานไปเลยนะครับ ใจเย็นๆ เพราะเรื่องหลักฐานนั้น มันจะตามมาโดยอัตโนมัติแหละครับ - เรียนเพื่อให้ทราบ - [/color]
อัล-ฟารูก _________________ นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
al-farook มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005 ตอบ: 297 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 10:15 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้างจากบังอะสัน
قال الحسن البصري لا يصح القول إلا بعمل، ولا يصح قول وعمل إلا بنية، ولا يصح قول وعمل ونية إلا بالسنة
อัลหะซัน อัลบัศรีย กล่าวว่า คำพูดนั้น ใช้ไม่ได้ นอกจาก ด้วยการปฏิบัติ คำพูดและการกระทำ จะใช้ไม่ได้ นอกจากด้วยการเนียต และคำพูด การกระทำ และ การเนียต จะใช้ไม่ได้ นอกจาก ด้วยการปฏิบัติตามสุนนะฮ ชัรหุเอียะติกอด อะฮลิสสุนนะฮ ของท่านลาละกาอีย์ เล่ม 1/57
วิจารณ์
คำกล่าวของท่าน อัลหะซันอัลบะซอรีย์นี้ ก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องการทำเมาลิดรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.)นี่ครับ เพราะการทำเมาลิดก็คือ การอ่านอัลกุรอาน การอ่านและเล่าประวัติของท่านนบี(ซ.ล.) มีการซอลาวาต และมีการเลี้ยงอาหารเป็นทาน โดยมีเจตนา รำลึก มีความปีติ ชุกูร กับท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ซึ่งเป็น ของขวัญกำนัล เป็นเนี๊ยะมัต และเราะหฺมัต แก่บรรดาสากลโลกทั้งหลาย คำว่าซุนนะฮ์นั้น ไม่ใช่หมายถึง การกระทำของท่านนบี(ซ.ล.)เพียงอย่างเดียว แต่มันรวมถึง คำพูด และการยอมรับของท่านนบี(ซ.ล.)ด้วย ทำชุโกรเนี๊ยะมัตในวันเกิดของท่านนบี(ซ.ล.) นั้น มีซุนนะฮ์ในเชิงคำพูดได้กล่าวไว้ ซึ่งรายละเอียดยังไม่ถึงครับ
อ้างจากบังอะสัน
ويقول ابن رجب فكما أن كل عمل لا يراد به وجه الله تعالى فليس لعامله فيه ثواب فكذلك كل عمل لا يكون عليه أمر الله ورسوله فهو مردود على عامله، وكل من أحدث في الدين ما لم يأذن به الله ورسوله فليس من الدين في شيء
และอิบนุเราะญับกล่าวว่า ในทำนองเดียวกัน แท้จริง ทุกการกระทำ ที่ไม่ได้ตั้งจุดประสงค์เพื่ออัลลอฮ (ซ.บ) ดังนั้น ผลบุญจะไม่ได้แก่ผู้กระทำมัน ในนั้น แล้วในทำนองเดียวกัน ทุกการกระทำ ที่ไม่ปรากฏคำสั่งของอัลลอฮ และรซูลของพระองค์ บนมัน มันก็ถูกตีกลับไปยังผู้กระทำมัน และทุกผู้ที่ อุตริสิ่งใหม่ในศาสนา สิ่งซึ่ง อัลลอฮและรซูลของพระองค์ ไม่ได้อนุญาต ด้วยมัน ดังนั้น ก็ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของศาสนา แม้แต่น้อย ญามิอุลอุลูมวัลหิกัม เล่ม 1 หน้า 176
วิจารณ์
การทำเมาลิดก็คือ การอ่านอัลกุรอาน การอ่านและเล่าประวัติของท่านนบี(ซ.ล.) มีการซอลาวาต และมีการเลี้ยงอาหารเป็นทาน โดยมีเจตนา รำลึก มีความปีติ ชุกูร กับท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ซึ่งเป็น ของขวัญกำนัล เป็นเนี๊ยะมัต และเราะหฺมัต แก่บรรดาสากลโลกทั้งหลาย นั้น เป็นสิ่งที่อัลเลาะฮ์และร่อซูลุเลาะฮ์(ซ.ล.) อนุญาติ ครับ
อ้างอิงจากบังอะสัน
ท่านญุนัยด อัลบัฆดาดีย์ กล่าวว่า
من حضر مولد الرسول وعظم قدره، فقد فاز بالإيمان
ผู้ไดที่มาร่วมงานเมาลิดรซูล และให้ความสำคัญกับ ฐานะของท่าน แน่นอน เขาจะประสบความสำเร็จด้วยความศีทธา - อิอานะฮฯ เล่ม 3 หน้า 364
..............
ข้างต้นก็เป็นการสนับสนุนเมาลิด พร้อมกับให้การรับรองว่า จะประสบความสำเร็จ (หมายถึงได้เข้าสวรรค์และปลอดภัยจากนรก) ทั้งที่ ไม่มีหะดิษแม้แต่บทเดียวก็ไม่มี มายืนยัน หรือ ส่งเสริมการจัดเมาลิดเลย
วิจารณ์
ท่านอิมาม ญุนัยด์ อัลบุฆดาดีย์ (ร.ฏ.) นั้น เป็นอุลามาอ์ซูฟีย์ ที่ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ให้การยอมรับ แต่ทำไมบังอะสันถึงจำกัดหลักการของวะฮาบีย์ไปหุกุ่มหลักการของท่านญุนัยดฺ
การทำเมาลิดก็คือ การอ่านอัลกุรอาน การอ่านและเล่าประวัติของท่านนบี(ซ.ล.) มีการซอลาวาต และมีการเลี้ยงอาหารเป็นทาน โดยมีเจตนา รำลึก มีความปีติ ชุกูร กับท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ซึ่งเป็น ของขวัญกำนัล เป็นเนี๊ยะมัต และเราะหฺมัต แก่บรรดาสากลโลกทั้งหลาย นั้น ต้องอยู่ในนรกตามที่วะฮาบีย์ชอบหุกุ่มหรือผู้อื่นใช่ใหม??? _________________ นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
al-farook มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005 ตอบ: 297 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 10:16 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้างจากบังอะสัน
น้อง อัลอัชอารีย์ อ้างคำพูดของอิหม่ามชาฟิอีย์ เพื่อส่งเสริมงานเมาลิด
อิมามอัชชาฟิอีย์(ร.ฏ.) กล่าวว่า
كل ما له مستند من الشرع فليس ببدعة فلو لم يعمل به السلف
"ทุกๆสิ่งที่มีสิ่งที่อิงถึงหลักศาสนา มันย่อมไม่เป็นบิดอะฮ์(ที่ลุ่มหลง) ถึงแม้นว่า สะลัฟไม่เคยปฏิบัติด้วยกับมันก็ตาม" ดู หนังสือ อิตกอน อัลซ๊อนอะฮ์ ฟี ตะหฺกีก มะอฺนา บิดอะฮ์ ของท่าน มุหัดดิษ ชัยค์ อัลฆุมารีย์ หน้า 14 ตีพิพม์ มัตตักอัลกอฮิเราะฮ์ ปี ฮ.ศ. 1426 - ค.ศ. 2005
วิจารณ์
คำกล่าวของอิมามชาฟิอีย์(ร.ฏ.)นี้ ผมอ้างมาก่อนแล้ว และอ้างอิงเพื่อให้รู้ว่าทัศนะของอิมามอัช-ชาฟิอีย์นั้น คือ สิ่งที่สะลัฟไม่ได้กระทำไม่ใช่บิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงเสมอไป ก็เท่านั้น แต่บังอะสันกลับร้อนตัวไปเอง กลัวว่า เราจะเอาคำกล่าวของอิมามอัชชาฟิอีย์ที่เป็นสะลัฟไปสนับสนุนเรื่องทำเมาลิดรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.)ที่สะลัฟไม่เคยทำ เพราะว่าท่านอิมามอัช-ชาฟิอีย์กล่าวว่าสิ่งที่ไม่สลัฟไม่เคยทำย่อมไม่เป็นบิดอะฮ์??? นี่เขาเรียกว่าหลักการโดยรวมครับ ไม่ใช่เจาะจงเกี่ยวกับเรื่องเมาลิด แต่หากการทำเมาลิดรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.) เข้าไปอยู่"หลักการ"ของอิมามอัชชาฟิอีย์ ก็คงช่วยไม่ได้อะน่ะ _________________ นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
al-farook มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005 ตอบ: 297 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 10:23 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้างจากบังอะสัน
وَإِن تُطِعْ أَكْثَرَ مَن فِي الأَرْضِ يُضِلُّوكَ عَن سَبِيلِ اللّهِ إِن يَتَّبِعُونَ إِلاَّ الظَّنَّ وَإِنْ هُمْ إِلاَّ يَخْرُصُونَ
[6.116] และหากเจ้าเชื่อฟังส่วนมากของผู้คนในแผ่นดินแล้ว พวกเขาก็จะทำให้เจ้าหลงทางจากทางของอัลลอฮ์ พวกเขาจะไม่ปฏิบัติตามนอกจากการนึกคิดเอา เอง และพวกเขามิได้ตั้งอยู่บนสิ่งใดนอกจากพวกเขาจะคาดคะเนเอาเท่านั้น - อันอาม/116
.........
อายะฮข้างต้นชี้ให้เห็นว่า คนส่วนมากไม่ใช่มาตรฐานวัดความถูกผิด ถ้ารักนบีจริง ก็ควรจะฟื้นฟูสุนนะฮของท่าน ไม่ใช่ฟื้นฟูบิดอะฮ
วิจารณ์
นั่นแน่! บังอะสัน อายะฮ์ใหนที่สาว่าจะเข้ามากับอารมณ์ตนเอง ก็ยกแบบลืมหูลืมตาเลยนะครับ ท่าน ชัยค์ อัศศอบูนีย์ กล่าวตัฟซีรบุคคลส่วนมากนี้ว่า
أى إن كثيرا من الكفار المجادلين
"คือมากมายจากบรรดาคนกาเฟรที่ทำการโต้เถียง" ดู ซ๊อฟวะตุตตะฟาซีร เล่ม 1 หน้า 415
ผมหวังว่า บังอะสันคงไม่เอาบรรดาอุลามาอ์นักหะดิษทั้งหลาย ไปเปรียบเทียบเหมือนกับพวกกาเฟรหรอกนะครับ? ฮึฮึ
ทัศนะของนักปราชญ์อิสลามแห่งโลกอิสลาม (ชื่ออุลามาอ์ที่เป็นตัวสีดำ คือผู้ที่สนับสนุนเรื่องเมาลิด , อุลามาอ์ที่ตัวอีกษรสีน้ำเงิน คือผู้มีทัศนะที่เป็นกลาง , และผู้ที่มีอักษรสีแดงคือผู้ที่ปฏิเสธครับ) โปรดดูต่อไปนี้
1. ท่านอัชชาฏิบีย์ الشاطبي ( ชีวิต ปี 590 ฮ.ศ.)
2. ท่านอิบนุ อัลเญาซีย์ ابن الجوزى(ปี 597 ฮ.ศ.)
3. ท่านอบูอัลค๊อฏฏอบ อิบนุ ดิฮียะฮ์أبو الخطاب ابن دحية ( ปี 633 ฮ.ศ.)
4. ท่านอัลหาฟิซฺ อัศสะคอวีย์ الحافظ السخاوي( ปี 634 ฮ.ศ.)
5. ท่านอบู ชามะฮ์ อาจารย์ของอิมามนะวาวีย์ أبو شامة ( ปี 665 ฮ.ศ.)
6. ทานอิมาม อันนะวาวีย์ النووي( ปี 676 ฮ.ศ.)
7. ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ ابن تيمية ( ปี 728 ฮ.ศ.)
8. ท่านอัลฟากิฮีย์ الفاكهاني( ปี 734 ฮ.ศ.)
9. ท่านอิบนุญะมาอะฮ์ ابن جماعة ( ปี 733 ฮ.ศ.)
10. ท่านอิบนุ ซัยยิดินนาสابن سيد الناس ( ปี 734 ฮ.ศ.)
11. ท่านอิบนุ อัลหาจญฺ อัลมาลิกีย์ ابن الحاج المالكي ( ปี 737 ฮ.ศ.)
12. ท่าน ตะกียุดีน อัลซุบกีย์ تقي الدين السبكي ( ปี 756 ฮ.ศ.)
13. ท่านอิบนุกะษีร ابن كثير ( ปี 774 ฮ.ศ.)
14. ท่านอิบนุรอญับ إبن رجب ( ปี 795 ฮ.ศ.)
15. ท่านอัลหาฟิซฺ อัลอิรอกีย์الحافظ العراقي ( ปี 806 ฮ.ศ.)
16. ท่านอิบนุ อัลญัซฺริ ابن الجزري ( ปี 833 ฮ.ศ.)
17. ท่านอิบนุ นาซิรุดดีน อัดดิมิชกีย์ ابن ناصر الدين الدمشقي( ปี 842 ฮ.ศ.)
18. ท่านอิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ابن حجر العسقلاني ( ปี 852 ฮ.ศ.)
19. ท่านอัศสะยูฏีย์ السيوطي ( ปี 911 ฮ.ศ.)
20. ท่านอัลกุศฏุลลานีย์القسطلاني ( ปี 923 ฮ.ศ.)
21. ท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ابن حجر الهيتمي ( ปี 974 ฮ.ศ.)
22. ท่าน มุลลา อะลีย์ อัลกอรีย์ملا علي القاري ( ปี 1014 ฮ.ศ.)
23. ท่านอัลบัรซันญีย์البرزنجي ( ปี 1177 ฮ.ศ.)
24. ท่านอะหฺมัด อัลอะรูซีย์ أحمد العروسي( ปี 1208 ฮ.ศ.)
25. ท่านอิบนุอาบิดีน ابن عابدين( ปี 1252 ฮ.ศ.)
26. ท่านอะหฺมัด ซัยนีย์ ดะหฺลาน أحمد زيني دحلان ( ปี 1304 ฮ.ศ.)
27. ท่านอบู อัฏฏอยยิบ ชัมชุลฮัก อัลอะซีม อาบาดีย์ أبو الطيب شمس الحق العظيم أبادي ( ปี 1329 ฮ.ศ.)
เราจะสังเกตุได้ว่า นักบรรดาอุลามาอ์นักหะดิษ المحدثين หรือ الحفاظ ส่วนมากของโลกอิสลามวินิจฉัยว่าการทำเมาลิดรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.) นั้นเป็นที่อนุญาติ เช่น ท่านอิมามหาฟิซฺ อิบนุ อัลเญาซีย์ , ท่านอิมามอัลหาฟิซฺ อัลศะคอวีย์, ท่านอิมามอัลหาฟิซฺ อันนะวาวีย์, ท่านอิมามอัลหาฟิซฺ ตะกียุดดีนอัศศุบกีย์ , ท่านอิมามอัลหาฟิซฺ อิบนุกะษีร, ท่านอิมามอัลหาฟิซฺ อิบนุร่อญับ , ท่านอิมามอัลหาฟิซฺ อัลอิรอกีย์ , ท่านอิมามอัลหาฟิซฺ อิบนุ อัลญัซฺรีย์ , ท่านอิมามอัลหาฟิซฺ อิบนุนาซิรุดดีน อัดดิมิขกีย์ , ท่านอิมามอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัศเกาะลานีย์ , ท่านอิมามอัลหาฟิซฺ อัศสะญูฏีย์ , ท่านอิมามอัลหาฟิซฺ อัลกุศตุลลานีย์ , ท่านอิมามอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลฮัยษะมีย์ ฐ , ท่านอิมามอัลหาฟิซฺ มุลลา อะลี อัลกอรีย์
บรรดาอุลามาอ์หนักหะดิษ ผู้แบกรับซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) ไม่ทำตามซุนนะฮ์กับแล้วหรือ?
บรรดาอุลามาอ์หนักหะดิษ ผู้แบกรับซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) ไม่ทำตามสิ่งที่อัลเลาะฮ์และร่อซูลอนุญาติแล้วหรือ?
บรรดาอุลามาอ์หนักหะดิษ ผู้แบกรับซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) ทำบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงตามทัศนะของวะฮาบีย์หรือ?
บรรดาอุลามาอ์นักหะดิษ ผู้แบกรับซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) เป็นพวกที่คาดเดาหรือครับ?
บรรดาอุลามาอ์นักหะดิษ ผู้แบกรับซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) เป็นพวกที่ฟื้นฟูบิดอะฮ์หรือครับ?
บรรดาอุลามาอ์นักหะดิษ ผู้แบกรับซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) ทำให้พวกเราหลงจากแนวทางของอัลเลาะฮ์หรือครับ?
บรรดาอุลามาอ์นักหะดิษ ผู้แบกรับซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) เป็นผู้ที่ไม่รักท่านนบีจริงๆหรือครับ? _________________ นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
al-farook มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005 ตอบ: 297 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 10:42 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้างจากบังอะสัน
وقال حذيفة بن اليمان ـ رضي الله عنه كل عبادة لم يتعبد بها أصحاب رسـول الله صلى الله عليه وسلم فلا تتــعـبـدوا بـها؛
และท่านหุซัยฟะฮ บุตร อัลยะมาน (ร.ฎ)กล่าวว่า ทุกอิบาดะฮ ซึ่ง บรรดาเศาะหาบะฮของท่านรซูลุ้ลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ได้ทำอิบาดะฮด้วยมัน ดังนั้น พวกท่านอย่าทำบาดะฮด้วยมัน อัลเอียะติศอม เล่ม 1 หน้า 386
วิจารณ์
การทำเมาลิดก็คือ การอ่านอัลกุรอาน การอ่านและเล่าประวัติของท่านนบี(ซ.ล.) มีการซอลาวาต และมีการเลี้ยงอาหารเป็นทาน โดยมีเจตนา รำลึก มีความปีติ ชุกูร กับท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ซึ่งเป็น ของขวัญกำนัล เป็นเนี๊ยะมัต และเราะหฺมัต แก่บรรดาสากลโลกทั้งหลาย นั้น เป็นสิ่งที่ซอฮาบะฮ์เคยทำกันครับ และไม่มีซอฮาบะฮ์ท่านใดให้การปฏิเสธสิ่งเหล่านี้เลย
กออิดะฮ์หนึ่งที่วะฮาบีย์ชอบนำมาใช้และอธิบายเข้าฝ่ายตน คือ
الأصل في العبادة التوقف أو التحريم
"แรกฐานเดิมในเรื่องอิบาดะฮ์นั้น คือการหยุด หรือห้าม (ปฏิบัติจนกระทั้งมีหลักฐานที่มาบัญญัติ)"
แล้วบังอะสัน ก็เข้าใจ ไปว่า บิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ก็รวมอยู่ใน อิบาดะฮ์ที่ไม่มีที่มา หรือหลักฐานมาบัญญัติ จึงหุกุ่มมันเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงทั้งหมด ทั้งที่บรรดาซอฮาบะฮ์ที่ยึดมั่นและเคร่งครัดในการเจริญรอยตามท่านนบี(ซ.ล.) ก็ไม่ได้เข้าใจอย่างบังวะฮาบียและบังอะสัน แล้วความเข้าใจอย่างถูกต้องการ القاعدة นี้นั้น มันคืออะไรกัน ซึ่งความจริงแล้ว ความหมายของมันก็คือ
أنه لا يجوز التقرب إلى الله تعالى بعمل ليس له مستند شرعي.
"ไม่อนุญาติให้ทำการสร้างความใกล้ชิด ต่ออัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ด้วยการปฏิบัติ ที่ไม่มีหลักฐานที่มาของหลักศาสนา"
แต่บิดอะฮ์หะสะนะฮ์นั้น มีหลักฐานที่มาของหลักศาสนา หากเราทำการตรวจสอบที่มาในหลักวิชาการฟิกห์นั้น คือ
หลักฐานที่มา ตามหลักของศาสนา มี อยู่ 2 ประเภท
1. مستند إجمالى หลักฐานที่มาแบบสรุป คือ
هو: الأحكام الشرعية الأصليَّة المكتَسَبة من أدِلتها الإجمالية
คือ บรรดาหุกุ่มต่างๆของศาสนา ที่เป็นรากฐานที่ถูกนำมาจาก บรรดาหลักฐาน(ของหุกุ่มต่างๆ)แบบสรุป
เช่นอนุญาติให้ทำการส่งเสริม ให้มีวโรกาศต่างๆในการกระทำคุณงามความดี ที่ได้รับมาจาก การส่งเสริมการกระทำคุณงามความดี ของท่านร่อซูล(ซ.ล.) ในคือ ลัยละตุลเกาะดัร เนื่องจากเป็นคืนที่อัลกุรอานได้ประทานลงมา การเฉลิมฉลองส่งเสริมให้กระทำคุณงามความดี เนื่องในวโรกาศวันเกิดของท่านนบี(ซ.ล.) ด้วยการถือศีลอดในวันจันทร์ การเฉลิมฉลองส่งเสริมให้มีการกระทำคุณงามความดี เนื่องในวโรกาศวันที่ท่านบีมูซา อะลัยฮิสลาม ได้รอดพ้นจากเงื้อมมือของฟิรอูน ด้วยการถือศีลอดในวัน อาชูรออ์ พร้อมกับการที่ท่านนบี(ซ.ล.) ก็ไม่ได้ห้ามให้เราในการเฉลิมฉลองส่งเสริมในการกระทำความดี ด้วยวโรกาศอื่นๆ นอกเสียจากมันเป็นการส่งเสริมในสิ่งที่เป็นภัยพิบัติที่ขัดกับหลักศาสนา และนบี(ซ.ล.)ก็ไม่ได้กล่าวว่า วายิบ ต้องทำการส่งเสริมในการกระทำความดี ด้วยการเฉลิมฉลองวโรกาศดังกล่าว ด้วย
2. مستند تفصيلي หลักฐานที่มาแบบรายละเอียด
هو: الأحكام الشرعية الفرعيَّة المكتسبة من أدلتها التفصيلية
คือ บรรดาหุกุ่มของศาสนาในข้อปลีกย่อยที่ได้รับมาจาก บรรดาหลักฐานที่อยู่ในเชิงรายละเอียด
เช่น หุกุ่มของบรรดาอิบาดะฮ์ต่างๆ ที่ศาสนาได้ระบุไว้เป็นการเฉพาะมันแล้ว เช่นการละหมาดต่างๆ การถือศีลอด ทำฮัจญี ซะกาต การเชือดสัตว์ และอื่นๆ
ดังนั้น เรื่องบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ จึงไม่คัดค้านขัด القاعدة ที่บังอะสันว่ามาเลย แต่ยิ่งไปกว่านั้น บิดอะฮ์หะสะนะฮ์กลับเข้าไปอยู่ภายใต้ القاعدة ดังกล่าว ด้วยสาเหตุ 2 ประการ
1. ท่านนบี(ซ.ล.)ส่งเสริมให้ ริเริ่มการกระทำขึ้นมา ก็แนวทางที่ดี ที่สอดคล้องและไม่ขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์
من سن في الإسلام سنة حسنة فله أجرها وأجر من عمل بها بعده من غير أن ينقص من أجورهم شيء ومن سن في الإسلام سنة سيئة كان عليه وزرها ووزر من عمل بها من بعده من غير أن ينقص من أوزارهم شيء
" ผู้ใด ที่ได้ริ่เริ่มทำขึ้นมา ในอิสลาม กับหนทางที่ดี แน่นอน ผลตอบแทนของมัน ก็มีให้แก่เขา และผลตอบแทนของผู้ที่ได้ปฏิบัติด้วยกับมัน จากหลังเขา(เสียชีวิตไปแล้วก็ได้กับเขา) โดยไม่มีสิ่งใดลดลงไปเลย จากผลการตอบของพวกเขา และผู้ใด ทีได้ริเริ่ม(อุตริ)ทำขึ้นมา ในอิสลาม กับหนทางที่เลว แน่นอน บาปของมันก็ตกบนเขา และบาปของผู้ที่ปฏิบัติมัน จากหลักเขา(เสียชีวิตไปแล้วก็ตกบนเขา) โดยไม่มีสิ่งใดบกพร่องลงไปเลย จากบรรดาบาปของพวกเขา" (รายงานโดย ท่านอิมาม มุสลิม ไว้ในซอเฮี๊ยะหฺของท่าน หะดิษที่ 1017)
และท่านนบี(ซ.ล.) ก็สั่งห้ามให้ริเริ่มกระทำขึ้นมาใหม่กับสิ่งที่เลว ดังที่ท่านนบี(ซ.ล.)กล่าวว่า
كل بدعة ضلالة
"ทุกบิดอะฮ์นั้น ลุ่มหลง"
หมายถึง ทุกบิดอะฮ์ ที่ขัดกับหลักศาสนานั้น ย่อม ลุ่มหลง และประเด็นของหะดิษเหล่านี้ เราก็ได้อธิบายรายละเอียดไปแล้ว อัลฮัมดุลิลลาห์
2. บิดอะฮ์ที่วางอยู่บนหลักการของหุกุ่มศาสนา หากบิดอะฮ์นั้น อยู่ในหุกุ่มวายิบ ก็ถือว่าเป็นบิดอะฮ์ที่วายิบ และบิดอะฮ์ที่อยู่ในมาตรฐานของหะรอม ก็เป็นบิดอะฮ์ที่หะรอม.....(ซึ่งเราได้นำเสนอไปแล้ว)
ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า
ท่าน อัล-บัซฺซฺาร ได้รายงานจาก อบี อัดดัรดาอ์ ว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)กล่าวว่า
وما أحل الله فى كتابه فهو حلال وما حرم فهو حرام ، وما سكت عته فهو عفو ، فأقبلوا من الله عافيته ، فإن الله لم يكن لينسى شيئا ، ثم تلا ( وما كان ربك نسيا)
قال البزار : إسناده صالح، وصصه الحاكم
"สิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงอนุมัต (คือ สิ่งวายิบ สุนัติ และมุบะฮ์) ในคำภีร์ของพระองค์นั้น คือสิ่งที่หะลาล (จนถึงวันกิยามะฮ์) และสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม (คือ หะรอม และมุกโระฮ์ ด้วยหนทางแบบสรุป หรือรายละเอียด) นั้น คือสิ่งที่ห้าม (จนถึงวันกิยามะฮ์) และสิ่งที่พระองค์ทรงนิ่งจากมัน (คือสิ่งที่ ยาอิซฺ อนุญาติให้กระทำได้) ย่อมเป็นการอนุโลมให้ ดังนั้น พวกท่านตอบรับการผ่อนปรนของพระองค์เถิด เพราะแท้จริงแล้ว อัลเลาะฮ์ไม่ทรงเคยลืมเลย จากนั้นท่านร่อซูลได้อ่านอายะฮ์ที่ว่า "และพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น ไม่ทรงลืม" ท่านอัล-บัซฺซฺารกล่าวว่า หะดิษนี้ ดี และท่านหะกิมถือว่า หะดิษนี้ซอฮิหฺ
ข้อควรระวัง
บังอะสัน โปรดอย่าสับสนระหว่าง การจำกัด คุณลักษณะของอิบาดะฮ์ تحديد الوصف และการจำกัดของขนาดของอิบาดะฮ์ تحديد المقدار ในเรื่องของอิบาดะฮ์ เพราะหลักการศาสนาได้จำกัด คุณลักษณะของอิบาดะฮ์ เช่น การละหมาด คือ เริ่มด้วยการตักบีร และ จบด้วยการให้สลาม ด้วยมีบรรดา ลักษณะและรุกุ่นต่างๆของการละหมาด แต่หลักการของศาสนาก็ไม่ได้ จำกัด บรรดาอะมัลที่อยู่ในความหมายแบบกว้างๆ ที่อนุญาติให้กระทำได้ เช่น การอ่านอัลกุรอาน การกล่าวสรรญเสริญอัลเลาะฮ์ และการกล่าวซิกรุลเลาะฮ์ เป็นต้น และเฉกเช่นเดียวกัน คือ หลักศาสนา ได้จำกัดบรรดาละหมาดฟัรดู ด้วยบรรดาร่อกะอัตต่างๆไว้เรียบร้อยแล้ว และได้จัดกำเวลาของละหมาดห้าเวลาไว้พร้อมสรรพ และได้กำหนดการละหมาดสุนัตร่อวาติบหลังละหมาดห้าเวลาแล้ว แต่ว่า หลักศาสนา ไม่ได้จำกัด จำนวนหรือขนาดของอิบาดะฮ์ที่เป็นสุนัต ที่สมัครใจกระทำ และไม่ได้กำหนดเวลาเอาไว้
วะฮาบียืก็ได้อุตริกรรมบิดอะฮ์ในเรื่องอิบาดะฮ์หลายอย่างเช่นเดียวกันที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่เคยกระทำ บรรดาซอฮาบะฮ์ไม่เคยกระทำ และบรรดาตาบิอีนก็ไม่เคยกระทำ อาธิเช่น
1.รวมผู้คนให้ตามอิมามคนเดียวในละหมาดตะฮัดญุดหลังละหมาดตะรอวิหฺ ในมัสยิดหะรอมและมัสยิดมะดีนะฮ์และอื่นๆ
2. อ่านดุอาอ์ค่อตัมอัลกุรอานในละหมาดตะรอวิหฺและในละหมาดตะฮัดญุดก็เช่นกัน
3. เจาะจงคำคืนที่ 28 หรือ 29 ของเดือนรอมาดอนเพื่อทำการค่อตัมอัลกุรอานในมุสลิมหะรอมและมัสยิดมะดีนะฮ์และอื่นๆ
4. จะมีคนกล่าวก่อนละหมาดตะรอวิหฺว่า ( صلاة القيام أثابكم الله )
5. การแบ่งเตาฮีดออกเป็น 3 ประเภท คือเตาฮีดรุบูบียะฮ์ เตาฮีดอุลูฮียะฮ์ และเตาฮีดอัสมาอฺวะซิฟาต ทั้งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้ระบุกล่าวไว้เลยในการเผยแพร่อิสลาม บรรดาซอฮาบะฮ์สักคนก็ไม่ได้กล่าวเอาไว้ บรรดาตาบิอีนก็ไม่เคยรู้เรื่อง ตาบิอิตตาบิดอีนก็ไม่เคยกล่าวเอาไว้ และบรรดาอิมาม ซาฟิอีย์ อิมามหะนาฟีย์ อิมามมาลิกีย์ อิมามหัมบาลีย์ ก็ไม่เคยรู้เรื่องเลยกับการแบ่งเตาฮีดนี้
ดังนั้น การกระทำของวะฮาบีย์กับสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่เคยกระทำนั้น มันย่อมค้านหลักการหลักการของวะฮาบีย์เองที่ว่า
الأصل في العبادة التوقف أو التحريم
ทั้งที่วะฮาบีย์เชื่อว่าทุกสิ่งในเรื่องอิบาดะฮ์ที่ท่านนบี(ซ.ล.)และบรรดาซอฮาบะฮ์ไม่เคยกระทำนั้น เป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง แต่สงสัยว่าวะฮาบีย์คงถูกได้รับอนุญาติอย่างอิสระในการบัญญัติในเรื่องศาสนาขึ้นมาเองได้ โดยแนวทางอื่นจากวะฮาบีย์บัญญัติไม่ได้?? หรือว่าหากคนอื่นทำบิดอะฮ์แล้วลุ่มหลงตกนรก แต่หากวะฮาบีย์ทำนั้นจะผลบุญการตอบแทน??!!!
ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ คำว่า อิบาดะฮ์นั้น ก็คือ "การภักดีและการยอมมอบตนต่ออัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ในการกระทำสิ่งที่เป็นฟัรดู สุนัติ หรือสิ่งที่มุบาห์โดยพร้อมกับมีการเหนียตเจตนาเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) โดยอยู่ภายใต้พื้นฐานและหลักการของศาสนา"
ดังนั้น การอ่านประวัติและเรื่องราวของท่านนบี(ซ.ล.)เกี่ยวกับวันประสูตรและเหตุการณ์อื่นๆของท่านนั้น มันคือการตออัต(ภักดี) ที่ผนวกไว้ซึ่งการตอกย้ำให้บรรดามุสลิมีนทราบเกียตริของท่านนบี(ซ.ล.) โดยปลูกฝังความรักและการให้เกียตริต่อท่านนบี(ซ.ล.)ให้อยู่ในบรรดาหัวใจของมุสลิมีน ไม่ว่าจะด้วยสื่อในรูปแบบใดก็ตามที่เหมาะสมในแต่ละยุคสมัย ดังนั้น หลักการอิสลามไม่ได้ห้ามรูปแบบหรือวิธีการในรูปแบบใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศ แต่ละท้องที่ โดยที่รูปแบบดังกล่าวนั้น ต้องไม่ไปค้านหรือขัดกับหุกุ่มของศาสนาหรือตัวบทที่ถูกระบุเอาไว้แล้ว ตามหลักอุซูลุลฟิกห์ที่บรรดานักปราชญ์แห่งโลกอิสลามวางไว้นั้น คือ الوسائل لها حكم المقاصد "บรรดาสื่อ(ในการกระทำ)นั้น สำหรับมันแล้ว คือหุกุ่มของบรรดาเจตนา(ในกระทำ)" ดังนั้น เมื่อการกระทำมีเป้าหมายหรือมีเจตนาที่อยู่ในหลักการของศาสนา ก็ย่อมไม่มีช่วงโหว่ใดๆที่จะไปสู่การทำบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงเหมือนกับที่วะฮาบีย์ชอบโพทนา
ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ เมื่อเราได้ดำเนินอยู่แนวทางดังกล่าวนี้ เราพบว่า الأصل في العبادة التوقف أو التحريم นั้น เช่นการละหมาดซุบหฺ 4 ร่อกะอัต การละหมาดอัสริ 6 ร่อกะอัต การถือศีลอดฟัรดูในเดือนอื่นจากร่อมะฏอน การทำฮัจญฺอื่นจากเดือนทำฮัจญี ที่มาจากเรื่องอิบาดะฮ์หลักๆของศาสนา แต่อิบาดะฮ์ที่อยู่ในประเด็นข้อปลีกย่อยที่มีรากฐานจากหลักการของศาสนานั้น การวินิจฉัย (อิจญฺฮาด) ย่อมเข้ามามีบทบาทอย่างไม่ต้องสงสัย ตัวอย่างเช่น
ท่านอัซซะฮะบีย์ กล่าวไว้ใน หนังสือ ซิยัร อะลาม อันนุบะลาอ์ว่า
قال عبد الله بن الإمام أحمد بن حنبل : كان أبى يصلى كل يوم ثلاثمئة ركعة ، فلما مرض من تلك الأسواط أضعفته فكان يصلى كل يوم وليلة مئة وخمسين ركعة
"ท่านอับดุลเลาะฮ์ บุตร ท่านอิมามอะหฺมัดบินหัมบัล กล่าวว่า บิดาของฉันเคยละหมาด 300 ร่อกะอัต ทุกวัน แต่เมื่อขณะที่ท่านป่วยจากการถูกโบยดังกล่าว ท่านจึงทำการละหมาดเพียง 150 ร่อกะอัต ในหนึ่งวันและหนึ่งคืน " ดู ซิยัร อะลาม อันนุบะลาอ์ เล่ม 11 หน้า 212
ท่าน อบู นุอัยม์ ได้รายงานไว้ว่า
وكان لأبى هريرة رضى الله عنه خيط فيه ألف عقدة لا ينام حتى يسبح به
"ท่านอบูหุรอยเราะฮ์(ร.ฏ.) มีเชื่อกด้ายที่มีหนึ่งพันปุ่ม เขาจะไม่นอน จนกระทั้งทำการตัสบีห์ด้วยกับมัน" ดู หนังสือ อัลหุลยะฮ์ เล่ม 1 หน้า 383
ได้รับการยืนยันด้วยบรรดาสายรายงานที่ซอฮิหฺ ว่า " ท่านอิบนุมัสอูด(ร.ฏ.) ได้ทำการเจาะจงในช่วงเย็นของวันพฤหัสบดี เพื่อทำการกล่าวเล่าถึงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) " รายงานโดย ท่านอิบนุ ชัยบะฮ์ ไว้ในหนังสือ อัลมุซ๊อนนัฟ เล่ม 8 หน้า 565 , ท่านอัลหากิม รายงานไว้ในหนังสือ อัลมุสตัดร๊อก เล่ม 1 หน้า 111 , ท่านอัลฏ๊อบรอนีย์ ได้รายงานไว้ในหนังสือ มั๊วะญัมอัลกะบีร เล่ม 9 หน้า 123 ,
ดังนั้น ท่าอย่าไปหลงกลกับหลักการความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องอิบาดะฮ์ของวะฮาบีย์ ที่วางกฏขึ้นมาเพื่อทำการหุกุ่มแนวทางอื่นโดยอธรรม! _________________ นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Konyakroo มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006 ตอบ: 244
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 11:11 am ชื่อกระทู้: |
|
|
นายน่าดีด(หัว)
คุณยังมีพฤติกรรมที่ระรานเหมือนเดิมนะครับ นิสัยที่ชอบกัดหางตัวเอง อย่างนี้ไม่มีในผู้รู้ศาสนาหรอกครับ แต่มันไปอยู่ในนิสัยคนอันตพาล แบบไม่มีเหตุผลนะครับ คุณน่าจะละทิ้งนิสัยที่ต่ำต้อยแบบนี้นะ ผมขอแนะนำให้
การเป็นผู้สนทนาที่ดีนั้นต้องฟังเหตุผลจากผู้ร่วมสนทนาก่อน ไม่ใช่พอเริ่มลงสนามคุณก็โวยวายฟ้องกรรม ฟ้องท่านผู้ชม ให้ตัดสินแพ้ ต่อผู้เข้าร่วมเสียแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้เล่นเลย
และที่คุณเอาคำแปลของหนังสือสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับมาอ้างอิงนั่นคุณไม่อายเขาบ้างหรือที่คุณขโมยคำแปลเขามาบังหน้าแล้วมาวิจาร์เรื่องการทำเมาลิด สื่อให้คนอื่นเข้าใจผิด
ทางที่ดีคุณน่าจะฟังน้องนักศึกษาให้จบเสียก่อนแล้ว นำหลักฐานจากค่ายวะฮาบีย์มาหักล้างค่ายชาฟีอีทีหลัง แต่นี่คุณเล่นค้านขัดขวางตั้งแต่ยกเเรกเลย
ผมเสนอให้คุณนั่งอ่านเฉยอยู่ที่บ้านอย่างเดียวดีกว่า เพราะเท่าที่ผ่านมาผมไม่เห็นคุณพูดหรือนำหลักฐานมาอ้างอิงในคำหักล้างแม้สักอันเดียว
หรือบังฮะซันจะว่าอย่างไร กับนิสัยวะฮาบีย์นายน่าดีด(หัว) ตนนี้ เอาให้เป็นกลางสักหน่อยซี่บังฮะซัน(รูปหล่อ) ที่เวลาผมพูดแบบไม่อ้างหลักฐานบังก็ว่าผมต่างๆนาๆและพอผมยกหลักฐานในแนวทางของผม บังก็ยังออกมาเบรคว่า ไม่เห็นด้วย และเป็นบิดอะบ้างฯ แถมลบได้เกือบทุกครั้ง
แล้วนายน่าดีดมันทำอยู่ละบัง มันไม่มีเนื้อและน้ำเลยเ แถมส่งกลิ่นเหม็นเหมือนตอนที่ออกมาจากหลุมใหม่ๆ อย่างไงอย่างงั้นแหละ ปล่อยไว้ไม่ได้นะครับ นิสัยแบบนี้นะ อันตพาลครองเว็บวะฮาบีย์นะครับ ขอบอกๆๆๆ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาดูคำพูดของนายน่าดีด(หัว)กันบ้าง
---แต่ถ้าเราจะรักท่านรอซูลก็ควรเอาเยี่ยงอย่างซอฮาบะฮ์ไม่ใช่หรือ แต่ทำไมเราถึงไปเอาเยี่ยงอย่างของคนอื่นมาแสดงความรักด้วยเล่า หรือว่าสุดยอดในของความรักต้องแบบอย่างที่เราทำ ไม่ใช่แบบอย่างของซอฮาบะฮฺใช่ไหม
ตอบนายน่าดีด(หัว)
คุณพูดผิดครับแถมไม่เคลียร์ เลย ---คุณต้องพูดว่า** ถ้าเรารักท่านรอซุล้ เราก็ต้องเอาแบบอย่างท่านรอซุล้ครับผม*** แต่ถ้ารักซอฮาบะ ก็ต้องเอาแบบอย่างซอฮาบะ ครับ
แต่ผมข้องใจคุณตรงที่ว่า
ซฮอาบะเพราะซอฮาบะนั้น มีหลายคน คุณจะเลือกเอาตามแบบอย่างทั้งหมดหรือเจาะจงบางคนครับ ตรงนี้ วะฮาบีย์นายน่าดีดหัวช่วย ตอบให้เคลียร์ด้วย..อย่าหนีประเด็นอีกละ
แล้วขอถามกลับว่า
U]แต่ถ้าเราจะรักท่านรอซูลก็ควรเอาเยี่ยงอย่างซอฮาบะฮ์ไม่ใช่หรือ
แล้วที่ปากคุณได้แต่พูดออกแต่ลมปากว่า ตามท่านนบี และตามซอฮาบะนั้นจริงแค่ไหนครับ
---
มาดูครับ พี่น้องทั้งหลาย
จะเห็นได้ว่า การตักลีดตามแนวทางมัสหับของคุณอะดีลวะฮาบีนั้นก็ผิดตั้งแต่เริ่มแล้ว
เพราะมัสหับหรือแนวทางที่คุณอ้างว่ามาจากสลัฟนั้นมันไม่มีในสมัยท่านนบี และซออาบะรวมทั้ง ชนสลัฟเลย แต่คุณนั้นตามอุลามะยุคหลังในศตวรรษที่7 ต่างหาก อย่างนี้ จะบอกว่าตามท่านนบีและซอฮาบะได้อย่างไร ในเมื่อในสิ่งที่คุณตักลีดนั้นมัน ไม่มีแบบอย่างชนรุ่นก่อนเขาทำกัน
เลย อย่างนี้แหละเขาถือว่าเป็นสิ่งอุตริกรรมขึ้นมาเอง ที่ไม่มีแบบอย่างชนรุ่นก่อน และเป็นบิดอะฎอลาละ ที่น่าตำหนิ
อีกอย่าง การที่ผู้รู้ในวะฮาบีย์แบ่งเตาฮีดออกเป็น3 ประเภทนั้น มันถือว่าเป็นการกระทำที่ล้าหน้าอัลลอฮและรร้อซุลและบรรดาซออาบะหรือตาบีอีน ตาบีอิตตาบีอน และคนในยุคสลัฟอย่างชัดเจน
เพราะไม่พบหลักฐานการแบ่งเตาฮีดแบบนี้เลย และยังไม่เป็นที่ยอมรับจากอุลามะที่มีชื่อเสียงจาก4 มัสหับ จนถึงทุกวันนี้
วะฮาบีย์อย่างนายอะดีลเอาการตักลีดนั้มาได้อย่างไร ใครเป็นคนรับผิดชอบในเรื่องการแบ่งเตาฮีดอัลรูบียะ เตาฮีด อัลอูลูฮียะ เตาฮีดอัสมาวัสซีฟาต
อุลามะทั้ง4 มัสหับนั้นไม่เคยรับรู้การกระทำแบบนี้มาก่อน
อยากถามว่านายน่าดีด(หัว) ที่ยอมรับหลักการนี้นั้น มันมีหลักฐานที่มาจากกิตาบุลลออ์ซุนนะนบีที่คุณย้ำนักหนาว่า สอง สิ่งนี้เท้านั้นที่คุณทำตามและยึดถือ...
แล้วที่บิดอะที่สร้างขึ้นมานี้ ที่ผมอ้างถึงนั้น คุณเอามาจากไหนละ ตอบมาด้วยฮ้าๆๆๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 1:13 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
al-farook กล่าวว่า
ยกแรกเองครับ ยังไงผู้สนทนาวะฮาบีย์ก็อย่ารีบร้อนเอาหลักฐานไปเลยนะครับ ใจเย็นๆ เพราะเรื่องหลักฐานนั้น มันจะตามมาโดยอัตโนมัติแหละครับ - เรียนเพื่อให้ทราบ - [/color]
................
ตอบ
หลักฐานคือ อะไรครับน้อง ในเมื่อ เป็นที่รู้กันอยู่ว่า ท่านนบีและเหล่าสาวกไม่ได้จัดงานงานหรือ พิธีเมาลิด หรือ จะเอาแบบหาอาไหล่มาประกอบ เช่น ที่นำเอามาอ้างอิงในเรื่องทำบุญคนตาย เช่น น้อง al-azhary กล่าวว่า
การทำเมาลิดก็คือ การอ่านอัลกุรอาน การอ่านและเล่าประวัติของท่านนบี(ซ.ล.) มีการซอลาวาต และมีการเลี้ยงอาหารเป็นทาน โดยมีเจตนา รำลึก มีความปีติ ชุกูร กับท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ซึ่งเป็น ของขวัญกำนัล เป็นเนี๊ยะมัต และเราะหฺมัต แก่บรรดาสากลโลกทั้งหลาย นั้น เป็นสิ่งที่ซอฮาบะฮ์เคยทำกันครับ และไม่มีซอฮาบะฮ์ท่านใดให้การปฏิเสธสิ่งเหล่านี้เลย
.................
นี้คือ ข้ออ้าง อยากถามว่า ที่ว่า เศาะฮาบะฮไม่ปฏิเสธ ในสมัยเศาะหาบะฮ จัดงานเมาลิดหรือ เปล่า คิดจะมาเจาะยาง หรือ รู้นะว่าจะเอาอะไรมาอ้าง ทำไปเถอะ ไม่ใครห้ามคุณได้ แต่มันไม่ได้เป็นเรื่อง ศาสนาที่มาจากอัลลอฮและรซูล และ ให้ไปผลิตบุญเอาเองก็แล้วกัน เพราะท่านนบีไม่ได้รับรองไว้ แบบนี้เขาเรียกว่า บิดอะฮประยุกต์ เอาของคริสต์ มาประยุกต์กับของอิสลาม หรือ บิดอะฮสลัดผัก เอาโน้นนิด เอานี้หน่อย มาผสมกัน แล้วกลายเป็นรูปแบบอิบาดธขึ้นมา
.............................
ผู้อ่านที่เขามีปัญญา เมื่ออ่าน เขาจะรู้เองว่า ไอ้ที่อ้างว่า เป็นชาวอะฮลิสสุนนะอวัลญะมาอะฮ แล้วให้ร้ายว่า ฝ่ายตรงข้ามว่า ถือลัทธิวะฮบีย์ นั้น มันจริงหรือ ตอแหล |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
adeel มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 172
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 10:42 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
al-farook เข้ามาสั่งการว่า
น้องอัลอัซฮะรีย์ กรุณาช่วยจัดการกับคนที่รักนบีแต่ปากด้วยนะ
ถ้าไม่ทำเมาลิด คือคนรักนาบีแต่เพียงปากละก้อ ฮ้าๆๆๆ อิหม่ามทั้ง 4 (อิหม่ามฮานาฟี,อิหม่ามมาลิกี, อิหม่ามชาฟีอี และอิหม่ามฮัมบาลี) ก็เจอข้อหารักนาบีแต่เพียงปากด้วยละซี แล้วจะจัดการกับอิหม่ามทั้ง 4 ยังไงละ เอิกๆๆ
โอ้โฮ้ ตั้งหัวข้อเองว่า สนทนาเชิงวิชาการ ตอนนี้โยนวิชาอะไรให้อัลอัชฮารีย์จัดการหว่า
สงสัยจะออกลูกนักเลงแบบกระทู้ที่แล้วว่า ตบบั้งหูสลบคาตีน
โอ๊ะๆ โต๊ะใจหมดเลย กลัวๆๆ จิงจิ้ง ฮ้าๆๆเอิกๆๆ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
adeel มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 172
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 10:47 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
al-farook กล่าวว่า
การสนทนาในช่วงนี้ เรายังไม่ต้องการคุยกันเรื่องหลักฐานครับ เพราะนั้นคือประเด็นหลัง แต่ตอนนี้ เราขอคุยเน้นเรื่องหลักการหรือหลักพื้นฐานของแต่ละฝ่ายกันก่อน
หลักฐานไม่ใช่หลักการ และหลักการไม่ใช้หลักฐานหรือขอรับนายหัว ทราบแล้วเปลี่ยน
แต่จะว่าเมาลิดเป็นหลักการ แต่ก็ไม่มีหลักฐาน
อิหม่ามทั้งสี่ไม่รู้เรื่องเลย หรือว่า
หลักฐานจากอิหม่ามโคมัยนี่
ฮ้าๆๆเอิกๆๆ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
adeel มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 172
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 10:54 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อยากถาม al-farook ว่ามั่วนิ่มหรือเปล่าว ที่อ้างว่า
การทำเมาลิดก็คือ การอ่านอัลกุรอาน การอ่านและเล่าประวัติของท่านนบี(ซ.ล.) มีการซอลาวาต และมีการเลี้ยงอาหารเป็นทาน โดยมีเจตนา รำลึก มีความปีติ ชุกูร กับท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ซึ่งเป็น ของขวัญกำนัล เป็นเนี๊ยะมัต และเราะหฺมัต แก่บรรดาสากลโลกทั้งหลาย นั้น เป็นสิ่งที่อัลเลาะฮ์และร่อซูลุเลาะฮ์(ซ.ล.) อนุญาติ ครับ
โอ้โฮ้..กล้าตบท้ายว่าอัลเลาะฮ์และร่อซูลุเลาะฮ์(ซ.ล.) อนุญาต
เมาลิดคือการอ่านอัลกุรอาน
เมาลิดคือการอ่านและเล่าประวัตินาบี
เมาลิดมีการซอลาวาต
เมาลิดมีการเลี้ยงอาหาร
เมาลิดคืออันไหนกันแน่ หรือว่าเอาทุกอย่างรวมกัน กลายเป็นเมาลิด สูตรรวมได้มายังไงเล่า
แต่เมาลิดของ al-farook ไม่มีบัรซันยี ไม่มีการสวดหัวรวมก่อนกินอาหาร ฮ้าๆๆ
หมกเม็ดหรือปล่าว สูตรเมาลิดแบบไทยๆ นี้ถ้าไม่มีบัรซันยีก็ไม่เซาะฮ์เมาลิดซะด้วย ฮ้าๆๆ
แต่การเอาหลายอย่างรวมกัน แล้วบอกว่ามันเป็นเมาลิดนี้นะ พิธีกรรมนี้นะมาจากสำนักใด
หรือว่ามั่วๆไป เอาโน้นนิดเอานี่หน่อยรวมกัน แล้วตบท้ายว่าเป็นสิ่งที่อัลเลาะฮ์และร่อซูลุเลาะฮ์(ซ.ล.) อนุญาต
ถ้าอย่างนั้นโชว์อัลกุรอานสักต้นหรือฮาดีสสักบท ที่บอกว่าอนุญาต
ถ้าไม่มีก็อย่าอ้างมั่วๆ ดิ ใจถึงจัง ฮ้าๆๆเอิกๆๆ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
adeel มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 172
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 11:12 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
นายคนอยารู้ฟ้องบังอะสันว่า
ผมมีนิสัยเป็นอันธพาล ระราน นิสัยชอบกัดหางตัวเอง (ด่าผมเป็นตัวอะไรหว่า)
และยังกล่าวหาว่า มันไม่มีเนื้อและน้ำเลยเ แถมส่งกลิ่นเหม็นเหมือนตอนที่ออกมาจากหลุมใหม่ๆ อย่างไงอย่างงั้นแหละ ปล่อยไว้ไม่ได้นะครับ นิสัยแบบนี้นะ อันธพาลครองเว็บวะฮาบีย์นะครับ ขอบอกๆๆๆ
ถ้าบังอะสันจะลบที่ผมพูดไว้ก็ไม่ว่า แต่ขอความเป็นธรรมด้วยครับ
บังอะสันและผู้ชมโปรดพิจารณาเถอะครับ
ผมยังไม่ได้ด่าใครเลย แต่เขาด่าผมอยู่โครมๆ แล้วบอกว่าถูกแกล้ง โอ้ย...มึนตึ๊บ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 11:15 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อีกอย่าง การที่ผู้รู้ในวะฮาบีย์แบ่งเตาฮีดออกเป็น3 ประเภทนั้น มันถือว่าเป็นการกระทำที่ล้าหน้าอัลลอฮและรร้อซุลและบรรดาซออาบะหรือตาบีอีน ตาบีอิตตาบีอน และคนในยุคสลัฟอย่างชัดเจน
เพราะไม่พบหลักฐานการแบ่งเตาฮีดแบบนี้เลย และยังไม่เป็นที่ยอมรับจากอุลามะที่มีชื่อเสียงจาก4 มัสหับ จนถึงทุกวันนี้
Konyakroo ตอบ: Tue May 16, 2006 11:11 am ชื่อกระทู้:
...........
ตอบ
การแบ่งหัวข้อของรายวิชา โดยพิจารณาจากเนื้อหา เพื่อให้ง่ายต่อการเรียนรู้ มันเกี่ยวอะไรกับบิดอะฮ ในศาสนาล่ะครับ ในทำนองเดียวกับการแบ่ง อายะฮอัลกุรอ่าน เป็นมักกียะฮ เป็นมะดะนียะฮ ในวิชาอุซูลตัฟสีร โดยการพิจารณาจากการประทานลงมาก่อนและหลังจากฮิจญเราะฮ ทั้งนี้ เพื่อให้การศึกษาง่ายขึ้น ส่วนวิชาเตาฮิด ที่แบ่ง เป็น 3 ประเภทนี้ แหละ อุลามามัซฮับชาฟิอี ชาวอินโดนิเซีย คือ เช็คอับดุลกอเดร อันมันดีลีย ได้ถ่ายทอดเป็นภาษามาลายู ในหนังสือ ชื่อ "อะเนาะกุนจีชัรฆอ" ซึ่งได้มีการศึกษากันแพร่หลายตามปอเนาะที่เมืองไทย และปัจจุบัน หนังสือที่พวกคุณว่า การแบ่งเตาฮิดเป็นสามประเภท นี้แหละ การเป็นรายวิชาที่มีการสอนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามเกือบทุกแห่ง ผมเคยเรียนปอเนาะจอแม(หรือ โรงเรียนดรุณศาสตร์ อ.สายบุรี ชั้นซานาวีย์ วิชาเตาฮิดสะลัฟ ก็เรียนหนังสือ กิตาบุตเตาฮีด ของมุหัมหมัด บิน อับดุลวะฮฮับ ไม่เห็นใครเขาต่อต้าน แปลกใจเหมือนกัน ที่มีคนอ้างว่าเป็นนักศึกษาไคโร สองคนนี้แหละที่ออกมาโจมตี เพราะฉะนนั้น จะพูดอะไร น่าจะใช้สมองส่วนบน คิดเสียก่อนนะครับน้อง konyakroo
............... |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|