ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - เหลือเชื่อ !!! เสื้อเรารักนบีเป็นบิดอะห์
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
เหลือเชื่อ !!! เสื้อเรารักนบีเป็นบิดอะห์
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 16, 17, 18 ... 25, 26, 27  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
adeel
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 172


ตอบตอบ: Mon May 01, 2006 4:30 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.......โอ้โฮ้.....เรื่องแดง.....ความแตกดังโพล๊ะ........

ขอบคุณบังอะสันมากครับที่เอาความจริงมาตีแผ่

พวกเขาโกหกใส่นาบียังไม่พอ ยังรวมหัวกันโกหกใส่ท่านอุมัรด้วยนะนี่

ทำไมพวกเขากล้าทำขนาดนี้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Mon May 01, 2006 12:33 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

:o นายอะดีล

--- -แล้ว..อะดีล ดีใจเป็นนักหนา จนออกแร้งเต้นกามาให้เห็น

ลูกพี่ข้าสุดยอดผุดประเด็น ที่เลือกเน้นคำหักล้างอย่างสะใจ

ฮ้าๆๆๆๆ

Rolling Eyes เป็นที่รู้กันว่า วะฮาบีย์นั้น ชอบหมกเหม็ดเป็นอาชีพ ทัศนะของเขานั้นยึดถืออยู่กับรูปแบบเดิมแบบสุดโต่งและไม่มีความยืดหยุ่น ในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้และไม่ยอมรับทัศนะใดทั้งสิ้นโดยเฉพาะการอิจญมาอ์หรือการมุตะญิดของบรรดาอุลามะในสายอื่นทั้งที่มีหลักฐานมากล่าวอ้าง
ทัศนะแคบๆของพวกเขาสิ่งใดที่ไม่มีในสมัยนบีทุกอย่างคือบิดอะหมด และบิดอะนั้นคือ ฎอลาละอย่างเดียว ไม่มีฮาสานะ แม้ว่าเป็นการกระทำจากซฮอาบะก็ตามนี่คือจุดด้อยของวะฮาบีย์สลัฟพันธ์เทียมมีอย่างเดียวคักๆๆๆๆ

จะเห็นว่าสำหรับการนำหลักฐานมาให้นั้น ย่อมไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับเขา
ไม่ว่าหลักฐานจากซอฮาบะ หลักฐานจาก ตาบีน หรือจากสลัฟ ถ้าหากว่ามันไม่สอดคล้องกับทัศนะของตนเอง นอกจากหลักฐานนั้นต้องมาจาก อุลามะในสายวะฮาบีย์เท่านั้น
ดังนั้นการอิจญฺมาอ์ของบรรดาซอฮาบะฮ์ทั้งหมด ไม่เป็นที่ยอมรับถ้าหากว่ายืนอยู่ต่างทัศนะกับพวกเขา แม้กระทั่งการกระทำของซอฮาบะ วะฮาบีย์นั้นยึดถือเป็นบางคนตามคำอ้างของเขา ซึ่งพวกเขามักจะอ้างเสมอว่า---สิ่งใดที่เขาเหล่านั้น(ซอฮาบะ)กระทำและขัดแย้งกับแนวทางของวะฮาบีย์เขาก็จะพูดว่า มันเป็นเพียงแค่บางส่วนของซอฮาบะฮ์ ดังเช่น ซอฮาบะฮ์บางส่วนได้กระทำการทำบุญให้อาหารเป็นทานแก่มัยยิด มันเป็นการกระทำของสะลัฟระดับซอฮาบะฮ์ และเมื่อซอฮาบะฮ์กระทำ ก็ย่อมหมายถึงว่า พวกเขาไม่ได้คิดฝ่าฝืนคำสั่งของเข้าใจ ท่านนบี(ซ.ล.) ห้ามการเลี้ยงอาหารเป็นทานแก่มัยยิดไม่ใช่หรือครับ

หลักฐานจากผู้รู้ข้างล่างนี้น่าจะเป็นสิ่งยืนยันให้พี่น้องวะฮาบีย์ได้เข้าใจ

อัล-หาฟิซ อิบนุเราะญับ ได้กล่าวเอาไว้ ในหนังสือ "ฟัฎลุอิลมิสสลัฟ" หน้า 31 ว่า "สำหรับสิ่งที่ชาวสลัฟ เห็นชอบว่าให้ทิ้งมัน ดังนั้น ไม่อนุญาตให้นำมันมาปฏิบัติ เพราะว่าพวกเขา(สะลัฟ)จะไม่ทิ้งมัน นอกจาก เขารู้ว่าเขา(ท่านนบี)ไม่ได้ปฏิบัติมัน"

ดังนั้น เมื่อซอฮาบะฮ์ได้ปฏิบัติการทำอาหารเป็นทานซอดาเกาะฮ์ ก็เพราะว่าพวกเขารู้ว่าท่านนบี(ซ.ล.)เคยยอมรับมันใช่ใหมครับ??? และถ้าหากท่านนบี(ซ.ล.)ห้าม พวกเขาก็ย่อมไม่กระทำมัน?? แต่นี่ซอฮาบะฮ์ทำ ก็เพียงพอแล้วสำหรับการชี้ให้เห็นว่า "การทำบุญเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นทานซอดาเกาะฮ์" เป็นสิ่งที่อนุญาติให้กระทำได้!!!

และยิ่งไปกว่านั้น ท่านอุมัรก็สั่งเสียให้กระทำอาหารเลี้ยง ซึ่งแน่นอนว่า มันเป็นการเลี้ยงเพื่อเป็นทาน ไม่ใช่เลี้ยงคนที่รวมตัวกันเพื่อปลอบใจอย่างแน่นอน และไม่ได้ขัดกับหะดิษของท่านญะรีร และมันก็ไม่ได้ขัดกับหะดิษของท่านนบี [U]ในการทำอาหารให้แก่ครอบครัวญะฟัรโดยที่ท่านนบีไม่ได้เคยห้ามในการเลี้ยงทำบุญเพื่อเป็นทาน
ดังนั้น สิ่งที่ท่านนบีไม่ได้ห้ามย่อมไม่ใช่สิ่งที่หะรอมเสมอไป โดยเฉพาะท่านอุมัรเองก็ได้ทำแบบอย่างเอาไว้ ซึ่งมันก็เป็นซุนนะฮ์ ที่ท่านนบีใช้ให้เราตามท่านอุมัรและท่านอบูบักรหลังจากฉันเสียชีวิต และท่านร่อซูลยืนยันว่า อัลเลาะฮ์ทรงทำให้ลิ้นของท่านอุมัรพูดในเรื่องสัจจะธรรมความจริง ดังนั้น การสั่งเสียของท่านอุมัรก่อนตายว่าให้ทำบุญเลี้ยงอาหารเป็นทาน 3 นั้น จึงเป็นสิ่งไม่ใช่บิดอะฮ์ไม่ใช่สิ่งที่หะรอม อย่างที่วะฮาบีย์เข้าใจ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ท่านอัล-หาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวไว้รายงาน จากท่าน อะหฺมัด บิน มะนีอฺ ซึ่งเขาได้กล่าวรายงานไว้ใน มุสนัดของเขาว่า

عن الأحنف بن قيس قال : كنت أسمع عمر يقول : لا يدخل أحد من قريش فى باب إلا دخل معه ناس ، فلا أدرى ما تأويل قوله حتى طعن عمر فأمر صهيبا أن يصلى بالناس ثلاثا ، وأمر أن يجعل للناس طعاما فلما رجعوا من الجنازة جاءوا وقد وضعت الموائد ، فأسك الناس عنها للحزن الذى هم فيه فجاء العباس بن عبد المطلب ، فقال : ياأيها الناس قد مات...الحديث

" รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า "คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงการตีความคำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาด(ญะนาซะฮ์)สามรอบด้วยกัน และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คน ดังนั้น ในขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดสำหรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้ตนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็มา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้ว....." สายรายงาน "หะซัน" ดู หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 198 หะดิษที่ 709

ท่าน มุหัดดิษ ชัยค์ หะบีบ อัร-เราะหฺมาน อัล-อะซ่อมีย์ กล่าว วิจารณ์ว่า หะดิษนี้ สายรายงาน หะซัน (ดี) ท่านอัลบูซิรีย์ กล่าวว่า ในสายรายงานนี้ มี อลี บิน ซัยด์ บิน ญัดอาน และที่สมบูรณ์ของหะดิษนั้น คือ.... ท่าน อัลอับบาส บิน อบีฏอลิบกล่าวว่า

فقال يا أيها الناس قد مات رسول الله عليه وسلم فأكلنا بعده وشربنا ومات أبو بكر فأكلنا بعده وشربنا أيها الناس كلوا من هذا الطعام فمد يده ومد الناس أيديهم فأكلوا فعرفت تأويل قوله ) كذا فى الإتحاف

" ดังนั้น ท่านอัล-อับบาส บิน อับดุลมุฏฏอลิบกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริง ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว แล้วเราก็ทำการรับประทานและดื่มหลังจากนั้น และท่านอบูบักร ก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว และเราก็ทำการรับประทานและดื่มหลักจากนั้น โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย พวกท่านจงรับประทานจากอาหารนี้เถิด ดังนั้น ท่านอับบาสก็ยื่นมือของท่าน และบรรดาผู้คนที่ยื่นมือของพวกเขา แล้วก็พวกเขาก็ทำการรับประทาน ดังนั้น ฉัน (คือ อัลอะหฺนัฟ บิน ก๊อยซฺ) จึงรู้การตีความคำพูดของท่านอุมัร" และได้รายงานเช่นเดียวกันนี้ อยู่ในหนังสือ อัลอิตหาฟ " ดู หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 198 - 199

Rolling Eyes นี่คือแบบอย่างของท่านอุมัร(รด) ที่ส่งเสริมให้ทำบุญเป็นทาน ไม่ใช่ทำอาหารเลี้ยงคนปลอบใจ ดังนั้น บังอะสันคงเข้าใจระหว่าง เลี้ยงอาหารคนที่รวมตัวปลอบใจ กับเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นทาน นะครับ ซึ่งมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และหลักฐานนี้ชี้ให้เห็นว่า ซอฮาบะฮ์สมัยของท่านร่อซูล ซอฮาบะฮ์สมัยของท่านอบูบักริน(รด) ก็มีการเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นทานด้วย สมัยของท่านอุมัร(รด)ก็อย่างนั้น ท่านอัลอับบาส(รด)ก็เชิญชวนมารับประทานกัน ซึ่งมันไม่ใช่เป็นการรับประทานของพวกที่ปลอบใจ แต่รับประทานอาหารตามคำสั่งเสียของท่านอุมัร และการรับประทานอาหารนั้นย่อมเป็นทานผลบุญไปยังท่านอุมัรเพราะท่านได้สั่งเสียเอาไว้ ซึ่งมันไม่ค้านกับหะดิษของท่านฏอวูส ที่รายงานว่า บรรดาซอฮาบะฮ์ชอบการให้อาหารเป็นทานแก่มัยยิด

จะเห็นว่า......อัสสุนนะฮ์เคาะลิฟะฮ์อัรรอชิดีนที่ปรากฏนั้น" ขณะท่านนบีเสียชีวิตก็มีการรับประทานอาหาร ตอนท่านอบูบักรเสียชีวิตก็ยังมี และตอนที่ท่านอุมัรเสียชีวิตก็ยังทำ แล้วบรรดาซอฮาบะฮ์เคาะลิฟะฮ์อัรรอชิดีน และบรรดาซอฮาบะฮ์ท่านอื่นๆเหล่านี้ ไม่เข้าใจเรื่องศาสนาดอกหรือครับจึงกล้าฝ่าฝืนคำสั่งท่านนบีโดยการกล้าทำสิ่งที่ ไม่มีรูปแบบจากท่านนบีมาก่อนและกล้าอุตริกรรมกระทำบิดอะอฎอลาละอีก ไปทำในสิ่งที่นบีหรือค้นคิดสิ่งนี้ขึ้นมาตามอำเภอใจ หรือว่าหลังจากนบี(ซล)จากไปแล้ว ซอฮาบะเหล่านั้นคิดว่า ศาสนาของพระองค์ยังไม่สามบูรร์หรือว่าท่านนบีเป็นผู้บกพร่องในการทำแบบฉบับให้เห็นต่างๆนาๆ หลังจากท่านบี

คุณกล้าฮูกมไหมละว่า ระดับซอฮาบะ กล้ากระทำสิ่งเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอัลลออ์และรอซุล
คุณกล้าฮูกมไหมละว่า การกระทำของท่านฎอวุสคนในยุคตาบีอีน เป็นคนมุสา และกล้าฝ่าฝืนคำสั่ง โดยที่ปฏิบัติสิ่งนี้ขึ้นมาเองโดยไม่มีแบบอย่าง
คุณอะดีล..ตอบหน่อยเดะ??? ถ้าคุณเป็นผู้รู้จริง


_________________

www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Mon May 01, 2006 1:00 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.......โอ้โฮ้.....เรื่องแดง.....ความแตกดังโพล๊ะ........

ขอบคุณบังอะสันมากครับที่เอาความจริงมาตีแผ่

พวกเขาโกหกใส่นาบียังไม่พอ ยังรวมหัวกันโกหกใส่ท่านอุมัรด้วยนะนี่

ทำไมพวกเขากล้าทำขนาดนี้

นี่คือ คำพูดนายอะดีลผู้ทีปฏิเสธว่าไม่ไดเดินตามแนวทางของท่านอิบนุตัยมียะและ ท่าน มูฮำมัดบินอับดุลวะฮาบของวะฮาบีย์ ด้วยหลักฐานที่ฝ่ายวะฮาบีย์นำมาจากผู้รู้ในสายของเขาอีกทีเพื่อจะนำมาหักล้าง และก็ไดเผล นายอะดีลปลื้มใจหน้าแดงฮ้าๆๆๆ

นั้นคือ
وعن الأحنف بن قيس قال كنت أسمع عمر بن الخطاب رضي الله عنه يقول لا يدخل رجل من قريش من باب إلا دخل معه أناس فلا أدري ما تأويل قوله فأمر صهيبا أن يصلي بالناس ثلاثاً وأمر أن يجعل للناس طعاماً تلك الثلاث الأيام حتى يجتمع أهل الشورى على رجلٍ فلما رجعوا من الجنازة جاءوا وقد وضعت الموائد فأمسك الناس للحزن الذي هم فيه فجاء العباس بن عبد المطلب فقال يا أيها الناس قد مات رسول الله صلى الله عليه وسلم فأكلنا وشربنا بعده ومات أبو بكر رضي الله عنه فأكلنا وشربنا بعده أيها الناس كلوا من هذا الطعام فمد يده ومد الناس أيديهم فأكلوا فعرفت تأويل قوله . رواه الطبراني وفيه علي بن زيد وحديثه حسن ، وبقية رجاله رجال الصحيح

รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า "คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงความหมาย คำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาดผู้คนสามวัน และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คนในสามวันดังกล่าวว่า จนกว่า บรรดาคณะที่ปรึกษา ได้ลงมติ ต่อคนคนหนึ่ง แล้วขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดสำหรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้คนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็มา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้ว ...แล้วพวกเรากินและดื่มหลังจากท่าน และอบูบักร(ร.ฎ) ได้ตายไปแล้ว แล้วพวกเราได้กิน ได้ดื่มหลังจากท่าน แล้วพวกเราได้กิน ได้ดื่ม หลังจากท่าน โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย จงกินอาหารนี้เถิด แล้วเขา ได้ยื่นมือของเขา และผู้คนทั้งหลายก็ได้ยื่นมือของพวกเขา แล้วพวกเขาก็รับประทานกัน ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงรู้ ความหมายคำพูดของท่าน(อุมัร) – รายงานโดย อัฏฏอ็บรอนีย และในสายรายงานหะดิษนี้ มี อาลี บุตร เซด ซึ่ง หะดิษของเขานั้น อยู่ในระดับที่ดี และบรรดาผู้รายงานที่นอกเหนือจากเขานั้น เป็นบรรดาผู้รายงานที่ถูกต้อง
مجمع الزوائد / ج: 5 ص : 195
.....................
แล้วจุดใหน คือ หลักฐานว่า กินอาหารบ้านผู้ตาย ในขณะนั้นท่านอุมัรยังไม่ตาย แต่ก็ได้รับาดเจ็บสาหัส จึงให้มีคนทำหน้าที่นำละหมาดผู้คนแทน จนกว่าจะมีการลงมติว่าจะให้ใครเป็นผู้นำ นายมุหัมหมัดจอมดีเดือดครับ พวกที่ท่านบิดเบื่อนหรือเปล่าที่แปล คำว่า “عمر فأمر صهيبا أن يصلى بالناس ثلاثا
แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาด(ญะนาซะฮ์)สามรอบด้วยกัน “
...............
พวกท่านพยายามสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับการเลี้ยงอาหารที่บ้านผู้ตาย ทั้งที่ความจริง แปลว่า
ท่านอุมัรได้ใช้ให้สุฮัยบ์นำละหมาด(ฟัรดู)แก่ผู้คนเป็นเวลา สามวัน มาดูหะดิษ เพิ่มเติมซิครับท่าน


นี่คือความหมายที่บิดเบือนในตัวบทของสายรายงานที่วะฮาบีย์มักจะชอบแก้ไขและเพิ่มเติมหรือตัดตอนหรือไม่ก็ให้ความหมายผิดๆ

พี่น้องครับ
ตรงนี้คือความไม่เข้าใจของผู้นำเสนอตัวบทนี้เลย

มาดูตัวบทข้างล่างครับโดยอุละมะด้านฮาดีสอย่างท่าน
ท่านอัล-หาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวไว้รายงาน จากท่าน อะหฺมัด บิน มะนีอฺ ซึ่งเขาได้กล่าวรายงานไว้ใน มุสนัดของเขาว่า

عن الأحنف بن قيس قال : كنت أسمع عمر يقول : لا يدخل أحد من قريش فى باب إلا دخل معه ناس ، فلا أدرى ما تأويل قوله حتى طعن عمر فأمر صهيبا أن يصلى بالناس ثلاثا ، وأمر أن يجعل للناس طعاما فلما رجعوا من الجنازة جاءوا وقد وضعت الموائد ، فأسك الناس عنها للحزن الذى هم فيه فجاء العباس بن عبد المطلب ، فقال : ياأيها الناس قد مات...الحديث

" รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า "คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงการตีความคำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาด(ญะนาซะฮ์)สามรอบด้วยกัน และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คน ดังนั้น ในขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดสำหรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้ตนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็มา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้ว....." สายรายงาน "หะซัน" ดู หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 198 หะดิษที่ 709

ท่าน มุหัดดิษ ชัยค์ หะบีบ อัร-เราะหฺมาน อัล-อะซ่อมีย์ กล่าว วิจารณ์ว่า หะดิษนี้ สายรายงาน หะซัน (ดี) ท่านอัลบูซิรีย์ กล่าวว่า ในสายรายงานนี้ มี อลี บิน ซัยด์ บิน ญัดอาน และที่สมบูรณ์ของหะดิษนั้น คือ.... ท่าน อัลอับบาส บิน อบีฏอลิบกล่าวว่า

فقال يا أيها الناس قد مات رسول الله عليه وسلم فأكلنا بعده وشربنا ومات أبو بكر فأكلنا بعده وشربنا أيها الناس كلوا من هذا الطعام فمد يده ومد الناس أيديهم فأكلوا فعرفت تأويل قوله ) كذا فى الإتحاف

" ดังนั้น ท่านอัล-อับบาส บิน อับดุลมุฏฏอลิบกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริง ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว แล้วเราก็ทำการรับประทานและดื่มหลังจากนั้น และท่านอบูบักร ก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว และเราก็ทำการรับประทานและดื่มหลักจากนั้น โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย พวกท่านจงรับประทานจากอาหารนี้เถิด ดังนั้น ท่านอับบาสก็ยื่นมือของท่าน และบรรดาผู้คนที่ยื่นมือของพวกเขา แล้วก็พวกเขาก็ทำการรับประทาน ดังนั้น ฉัน (คือ อัลอะหฺนัฟ บิน ก๊อยซฺ) จึงรู้การตีความคำพูดของท่านอุมัร" และได้รายงานเช่นเดียวกันนี้ อยู่ในหนังสือ อัลอิตหาฟ " ดู หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 198 - 199


จะเห็นว่า ในตัวบทนี้ ท่านอุมัรได้สั่งเสียในขณะที่ท่านถูกลอบทำร้ายและก่อนเสียชีวิต ครับท่นนได้สั่งเสียไปก่อนหน้านั้น ไม่ใช่ว่าท่านบาดเจ็บ แล้วเชิญผู้คนมากินอาหารที่บ้านของท่านในขระที่ท่านบาดเจ็บหนัก แต่เป็นการสั่งลฃาก่อนหน้านั้น และเรื่องนี้ถูกเล่าจาก ท่านอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ มาอีกทอด ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในครั้งนั้น

จะเห็นว่า ในตัวบททั้งสองกระแสนั้น จะบอกถึงการกลับมา จากการฝังมัยยิตของท่านอุมัร(รด)แล้ว ซึ่งบรรดาซอฮาบะกลับมาก็เห็นว่าอาหารได้ถูกจัดไว้ให้กับบรรดาซอฮาบะเรียบร้อยแล้ว

แต่ด้วยความท้อแท้หรือโศรกเศร้าของท่านอุมัร (รด) ผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่มีประโยชน์ต่ออัลอิสลามและเป็นคอลีฟะที่เด็ดเยวในสมัยนั้น บรรดาซออาบะจึงไม่อยากที่จะนับประทานอาหารที่จัดไว้
ในครั้งนั้น
แต่ก็ไม่ใช่ป็นการปฏิเสธว่า การจัดสำหรับอาหารในการจัดเลี้ยงทำบุญ(ซอดาเกาะให้แกมัยยิดในสมัยนั้นไม่มี ตรงกันข้ามกลับเป็นที่สุนัต(ชอบให้กระทำ กับบรรดดาซออาบะในสมัยนั้นและสืบทอดมายังตาบีอีย อย่างที่ท่นฎอวุส ได้รายงานถึงการกระทำในสมัยซอฮาบะมาให้เราได้รับทราบจนถึงทุกวันนี้

ดังนั้น เหตุผลของวะฮาบีย์ที่ฮูกมถึงการกระทำในการชอบที่ให้มีการช่วยเหลือเจ้าภาพของ
มัยยิตไม่ว่ารูปแบบไหนนั้น เป็นบิดอะนั้น ถือว่า เป็นคำพูดที่ไร้หลักฐาน และเป็นการใสร้ายการกระทำทีมีมาในอดีต กาลแล้ว


wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon May 01, 2006 8:08 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เรียน konyakroo
อยากจะบอกว่า การวิจารณ์นั้น ต้องมาจากหลักฐาน ไมใช่มาจากมันสมองของอันธพาล ไม่รู้สึกละอายใจตัวเองบ้างหรือ ที่มาวิจารณ์ของคุณอื่นโดยที่ตัวเองไม่เคยนำเสนออะไรเลย ไม่ใช่ดูถูก แต่..ควรจะเข้ามาอ่านดีกว่า al-azhary และ al-farook เขาอาจจะมีหลักฐานอะไรมาเพิ่มเติม คุณควรจะรอ แต่ที่น่าตำหนิคือ ชอบส่งอันธพาลเข้ามาด่าคนหนั้นคนนี้ แล้วคลับภูมิใจ ว่ามีคนคอยด่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตน

อัสสลามุอะลัยกุ้ม น้องๆผู้ดูแลเว็บบอร์ด
สบายดีอยู่หรือ ว่างๆส่งขอความมาทักทายบังอะสันบ้างก็ได้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Mon May 01, 2006 9:50 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เรื่องทำบุญเป็นท่านแก่มัยยิดนั้น น้องอัลฟารูกได้ทำการแก้ไขคำแปลและสำนวนเรียบเรียงใหม่เรียบร้อยแล้ว เพื่อจะลงเวปไซท์ นักศึกษาอะฮลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ในวันที่ 3 เดือน 6 ที่จะถึงนี้ เรียบร้อยแล้วครับ

ท่านอัล-หาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวไว้รายงาน จากท่าน อะหฺมัด บิน มะนีอฺ ซึ่งเขาได้กล่าวรายงานไว้ใน มุสนัดของเขาว่า

عن الأحنف بن قيس قال : كنت أسمع عمر يقول : لا يدخل أحد من قريش فى باب إلا دخل معه ناس ، فلا أدرى ما تأويل قوله حتى طعن عمر فأمر صهيبا أن يصلى بالناس ثلاثا ، وأمر أن يجعل للناس طعاما فلما رجعوا من الجنازة جاءوا وقد وضعت الموائد ، فأسك الناس عنها للحزن الذى هم فيه فجاء العباس بن عبد المطلب ، فقال : ياأيها الناس قد مات...الحديث

" รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า "คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงการตีความคำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาดฟัรดูสามวันด้วยกัน (ตรงนี้ น้องเขาได้แก้ไขไว้เรียบร้อยแล้ว โดยยึดหนังสือ อัฏก่อบะก๊อต อัลกุบรอของท่านสะอัด เกี่ยวเหตุการที่ท่านอุมัรถูกลอบแทง ) และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คน ดังนั้น ในขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดสำหรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้ตนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็มา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้ว....." สายรายงาน "หะซัน" ดู หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 198 หะดิษที่ 709

แต่ประเด็นสำคัญ มันอยู่ที่เรื่องการ ทำอาหารเป็นทาน ให้แก่ผู้ที่ล่วงลับครับ

_________________
ต่อต้านวะฮาบีย์บิดอะฮ์พันธ์ใหม่
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Mon May 01, 2006 10:04 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นายอะสันกล่าวว่า
ถ้าจะอ้างว่า หะดิษฏอวูส เป็น หะดิษมัรฟัวะ มุรซัล ก็ไม่สามารถเอามาเป็นหลักฐานได้อยู่ดี เป็นหะดิษมุรซัล ซึ่งเป็นประเภทของหะดิษเฎาะอีฟ หะดิษมุรซัลคือ หะดิษที่ เล่าโดย ตาบิอีน โดยสืบไม่ถึงท่าน นบี ศอลฯ
والمرسل في الأصل ضعيف مردود ، لفقده شرطا من شروط المقبول ؛ وهو إتصال السند ، وللجهل بحال الراوي المحذوف ؛ لاحتمال أن يكون المحذوف غير صحابي ، وإذا كان ذلك ؛ احتمل أن يكون ضعيفا ، وإذا كان ثقة ؛ احتمل أن يكون روى عن تابعي آخر يكون ضعيفا . وإنما ترك الأكثرون الاحتجاج به ، لعدم الطمأنينة إليه للاحتمال المذكور
หะดิษมุรสัลนั้น ในหลักเดิมนั้น เฎาะอิฟ ไม่ถูกรับรอง เพราะมันขาดเงื่องไข จากบรรดาเงื่อนไขที่ได้รับการรับรอง คือ สายสืบต่อเนื่อง และเนื่องจาก ไม่รู้สถานภาพของผู้รายงานที่ถูกตัดออกไป เพราะเป็นไปได้ว่า ผู้ที่ถูกตัดออกไปนั้น ไม่ใช่เศาะหาบะอ และเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เป็นไปได้ว่า เขาผู้นั้น(ผู้ที่ถูกตัดออกไป) เฎาะอิฟ (หลักฐานอ่อน)และ เมื่อปรากฏว่า เขาผู้นั้นเชื่อถือได้ ก็เป็นไปได้ว่า มันถูกถูกรายงานมาจากตาบิอีนอีกคน ที่เฏาะอีฟ และความจริง นักวิชาการส่วนมาก ได้ละทิ้ง การเอามัน(หะดิษมุรซัล) มาอ้างอิงเป็นหลักฐาน เนื่องจากไม่มั่นใจ ต่อมัน เนื่องจากการคาดคะเนดังกล่าวว่า – ตัยสีรมุศเฏาะละหหะดิษ หน้า 71
......................
ข้อความของ หะดิษฎอวูสที่กล่าวว่า “และพวกเขามีความชอบที่จะทำการเลี้ยงอาหารแทนจากพวกเขา ในเจ็ดวัน" จึงไม่ทราบว่า “พวกเขาดังกล่าวชื่ออะไรบ้าง” หรือมีใครบ้าง จึงเป็นปริศนา ดำมืดอยู่
قال النووي في التقريب : « ثم المرسل حديث ضعيف عند جماهير المحدثين ، وكثير من الفقهاء وأصحاب الاصول
อันนะวาวีย์ ได้กล่าวไว้ใน อัตตะรีบว่า “ต่อมา อัลมุรสัล เป็นหะดิษเฎาะอีฟ ในทัศนะนักหะดิษส่วนใหญ่ และอุลามาอฟิกฮส่วนมาก และ บรรดานักวิชาการอุศูลุดดีน – ตัดรีบบุรรอวีย เล่ม 1 หน้า 198
อิหม่ามมุสลิม กล่าวไว้ในคำนำเศาะเหียะมุสลิมว่า
والمرسل من الروايات في أصل قولنا وقول أهل العلم بالاخبار ليس بحجة
และหะดิษมุรซัลนั้น เป็นส่วนหนึ่งจาก บรรดารายงาน ซึ่ง ในรากฐานแห่งทัศนะของเราและนักวิชาการหะดิษ นั้น เอามาเป็นหลักฐานไม่ได้ - เศาะเหียะมุสลิม เล่ม 1 หน้า 30
อิบนุศเศาะละห ได้กล่าวไว้ในคำนำหนังสือของท่านว่า
ثم اعلم أن حكم المرسل حكم الحديث الضعيف ، إلا أن يصح مخرجه بمجيئه من وجه آخر
หลังจากนั้น พึงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริง หุกุมของหะดิษมุรซัลนั้น คือ หุกุมหะดิษเฎาะอีฟ เว้นแต่ว่า ที่มาของมันนั้นถูกต้องด้วยการนำมันมาจากสายรายงานอื่น - มุกอ็ดดิมะฮ อิบนิศเศาะลาห หน้า 136


ผมขอกล่าวว่า

นายอะสันกำลังหลอกลวงผู้อ่านวะฮาบีย์ตาดำๆอีกแล้วครับ โดยไปเอาเรื่องหะดิษมุรซัลที่พาดพิงไปยังท่านนบี มาโยงปน กับเรื่อง หุกุ่ม มัรฟั๊วะมุรซัล ที่ตาบิอีนรายงานการกระทำของซอฮาบะฮ์

หะดิษมุรซัล คือ หะดิษที่ตาบิอีนรายงานพาดพิงยังถึงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) โดยไม่ได้กล่าวซอฮาบะฮ์ ซึ่งหุกุ่มหะดิษมุรซัลนี้ ถือว่าฏออีฟ นอกจาก หะดิษมุรซัลของท่าน สะอีด บิน อัลมุซัยยับ และหะดิษมุรซัลที่มีรายงานอื่นสนับสนุน เป็นต้น

แต่หะดิษของท่าน ฏอวูส ไม่ใช่เป็นหะดิษมุรซัล และไม่ใช่เป็นหะดิษที่อ้างถึงท่านนบี จนกระทั้งนายอะสันหลอกลวงผู้อ่าน เอาไปเหมารวมเป็นหะดิษมุรซัล(ที่รายงานถึงท่านนบี)ที่หุกุ่มว่าฏออีฟ

และหะดิษของท่านฏอวูสนี้ รายงานเล่าถึงการกระทำของบรรดาซอฮาบะฮ์ด้วยสายรายงานที่ซอฮิห์และมีน้ำหนัก และการที่ตาบิอีนเล่าถึงบรรรดาซอฮาบะฮ์นี้ มันฏออีฟด้วยหรือครับนายอะสัน
ทำไมนักหะดิษถึงกล่าวว่า หะดิษของท่านฏอวูสนี้ สายรายงานมีน้ำหนัก และมีสายรายงานที่ซอเฮี๊ยะหฺตามที่ท่านอิบนุหะญัรกล่าวไว้ ทำไมไม่หุกุ่มว่าฏออีฟ เหมือนกับที่นายอะสันยกเมฆหลอกลวงมาล่ะครับ ???

ซึ่งท่านอิบนุหะญัรได้ทำการกล่าวอธิบายไว้อย่างละเอียดละออแล้ว ซึ่งมีดังนี้

ومن ثم صح عن طاووس أيضاً أنهم كانوا يستحبون أن يطعم عن الميت تلك الأيام وهذا من باب قول التابعى كانوا يفعلون ، وفى قولان لأهل الحديث والأصول ( احدهما) أنه أيضاً من باب المرفوع وأن معناه كان الناس يفعلون ذلك فى عهد النبى صلى الله عليه وسلم ويعلم به ويقرأعليه (والثانى) أنه من باب العزو غلى الصحابة دون إنتهائه غلى النبى صلى الله عليه وسلم وعلى هذا قيل أنه اخبار عن جميع الصحابة فيكون نقلا عن الإجماع وقيل عن بعضهم ورجحه النووى فى شرح مسلم وقال الرافعى مثل هذا اللفظ يراد به أنه مشهوراً فى ذلك العهد من غير نكير... فإن كنت لم كرر الإطعام سبهة أيام دون التلقين ، قلت لأن مصلحة الإطعام متعدية وفائدة للميت أعلى إذ الإطعام عن الميت صدقة وهى تسن عنه إجماعاً

ท่านอัล-หาฟิซฺอิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวว่า " ได้มีสายรายงานที่ซอฮิหฺเช่นกัน จากท่าน ฏอวูส ว่า บรรดาซอฮาบะฮ์นั้น ได้ทำการเลี้ยง(ให้)อาหารแทนจากมัยยิด ใน 7 วันดังกล่าว และคำกล่าวนี้ เป็นคำกล่าวของตาบิอีย์ ว่าบรรดาซอฮาบะฮ์ได้กระทำสิ่งดังกล่าว และในคำกล่าวของตาบิอีย์นี้ ได้มีอยู่ 2 ทัศนะด้วยกันจากคำกล่าวของนักปราชญ์หะดิษและอุซูลุลฟิกห์

1. คำกล่าวของตาบิอีย์นี้ (คือท่านฏอวูส) อยู่ในบทการรายงานที่ มัรฟั๊วะ คือไปถึงสมัยของท่านนบี(ซ.ล.) ซึ่งความหมายของมันก็คือ บรรดาซอฮาบะฮ์ทั้งหลายได้กระทำการเลี้ยง(ให้)อาหาร ในสมัยของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) โดยที่ท่านร่อซูลทราบในสิ่งดังกล่าว หรือถูกบอกให้ทราบต่อท่านนบี(ซ.ล.)

2. คำกล่าวของตาบิอีย์นี้ผคือท่านฏอวูส) อยู่ในเรื่องของการอ้างถึงบรรดาซอฮาบะฮ์เท่านั้น โดยไม่ถึงท่านนบี(ซ.ล.) เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงถูกกล่าวว่า คำกล่าวของตาบีอีย์(คือท่านฏอวูส) เป็นการบอกเล่าจากบรรดาซอฮาบะฮ์ทั้งหมด ดังนั้น คำกล่าวของท่านฏอวูสนี้จึงเป็นการ ถ่ายทอดถึงมติของบรรดาซอฮาบะฮ์ และบางทัศนะกล่าวว่า ถ่ายทอดเพียงบางส่วนของซอฮาบะฮ์ ซึ่งเป็นทัศนะที่อิมามอันนะวาวีย์ได้ให้น้ำหนักเอาไว้ใน ชัรหฺมุสลิม และอิมามอัรรอฟิอีย์ ได้กล่าวเช่นเดียวกับคำนี้ ซึ่งจุดมุ่งหมายก็คือ การเลี้ยง(ให้)อาหารนั้น เป็นสิ่งที่แพร่หลายในสมัยของซอฮาบะฮ์ดังกล่าว โดยไม่ได้ถูกตำหนิแต่ประการใด...หากท่านกล่าวว่า เพราะเหตุใด การเลี้ยง(ให้)อาหารถึงต้องทำซ้ำกันถึง 7 วัน โดยที่ไม่ต้องอ่านตัลกีน 7 วัน ฉันขอกล่าวว่า เพราะผลประโยชน์ของการเลี้ยง(ให้)อาหารนั้น มันมีประโยชน์สูงกว่าและแผ่ไปถึงมัยยิดได้มากกว่า เพราะการเลี้ยง(ให้)อาหารแทนจากมัยยิดนั้น เป็น ซ่อดาเกาะฮ์(บริจาคทาน) ซึ่งมันเป็น สุนัติ โดยมติเอกฉันท์... " ดู หนังสือ อัล-ฟะตาวา อัล-ก๊อบรอ อัลหะดีษะฮ์ ของท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ เล่ม 2 หน้า 30 - 31

และการที่นายอะสันกล่าวว่า

ข้อความของ หะดิษฎอวูสที่กล่าวว่า “และพวกเขามีความชอบที่จะทำการเลี้ยงอาหารแทนจากพวกเขา ในเจ็ดวัน" จึงไม่ทราบว่า “พวกเขาดังกล่าวชื่ออะไรบ้าง” หรือมีใครบ้าง จึงเป็นปริศนา ดำมืดอยู่

ผมขอกล่าวว่า

คุณอะสันเล่นหลักการหะดิษแบบตลกอีกแล้วครับ พอมีตาบิอีนที่ทรงคุณธรรม(ฏอวูส) ได้รายงานบอกว่า บรรดาซอฮาบะฮ์ชอบทำอาหารให้แก่มัยยิด นายอะสันก็ยกเมฆตั้งคำถามว่า "ไม่รู้ว่าซอฮาบะฮ์ชื่ออะไรบ้าง" เพื่อที่จะกล่าวอ้างว่า มันเป็นปริศนาดำมืด ทั้งที่ท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยษะมีย์และท่านอิบนุหะญัรอัลอัสเกาะลานีย์ไม่เคยถามกันอย่างนี้ การที่ไม่กล่าวชื่อนั้น ถือว่าไม่เป็นโทษอะไรในการซอฮิหฺของการรายงาน อย่างเช่นหะดิษของท่านญะรีร ท่านกล่าวว่า "พวกเรา" ก็ไม่ได้กล่าวว่าใครบ้าง และชื่ออะไรบ้าง?? ก็ไม่เห็นว่ามีแมวที่ใหนจะมาถามอย่างนี้ อะสันครับ หากจะพิจารณาหลักหะดิษนั้น ก็เอาให้มันอยู่ในหลักการของวิชาการหะดิษหน่อยซิครับ ไม่ใช่เอาหลักวิชากู !!

_________________
ต่อต้านวะฮาบีย์บิดอะฮ์พันธ์ใหม่
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Mon May 01, 2006 10:10 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นายอะสันกล่าวว่า

เพราะเหตุนี้เองที่ หะดิษฏอวูสจึงไม่มีใครเอามาอ้างอิง สนับสนุน นอกจาก ท่านอัล-หาฟิซฺอิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ แต่ท่านคงไม่ได้หมายถึงพิธีกรรมแบบกินบุญคนตาย ที่เป็นอยู่อย่างปัจจุบันแน่นอน อุลามาอฟิกฮ ส่วนท่านเป็นอย่างไรนั้น เราไม่บังอาจไปจาบจ้วงท่าน เพราะท่านก็มีบุญคุณต่อโลกอิสลาม

ผมขอกล่าวว่า

นายอะสันต้องแยกแยะระหว่าง การทำอาหารเพื่อเป็นทานแก่ผู้ตาย และการอ่านอัลกุรอาน ซิกิร อิสติฆฟาร และการขอดุอาอ์แก่มัยยิดกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย(ที่วะฮาบีย์เรียกมันว่าพิธีกรรม)

เราต้องสนทนาประเด็นการทำอาหารเป็นทานแก่ผู้ตายก่อนว่ามันได้หรือไม่? หากคุณหักล้างหลักฐานในการกระทำของสะลัฟไม่ได้ก็อย่าไปลามถึงเรื่องการ อ่านอัลกุรอาน ซิกิร อิสติฆฟาร และการขอดุอาอ์ให้แก่ผู้ตาย เพราะมันจะเป็นการเลี่ยงประเด็น

หะดิษท่านฏอวูสนี้ เรามันไม่ได้ชี้ถึงการกินบุญบ้านคนตายเหมือนที่วะฮาบีย์ชอบเอามาพูด แต่เรานำมันมาเป็นหลักฐานในเรื่อง "การทำอาหารเป็นทานแก่ผู้ตาย" เท่านั้น ส่วนประเด็นการกระทำที่บ้านครอบครัวผู้ตายนั้น มันก็อีกประเด็นหนึ่ง

วะฮาบีย์มักจะมักง่ายโดยพูดว่า "กินบุญบ้านคนตาย" แต่ที่ถูกต้องนั้นต้องกล่าวว่า "กินบุญบ้านครอบครัวผู้ตาย" เพราะเมื่อเราตายไปแล้วนั้น ก็ไม่มีอะไรเป็นของสมบัติของผู้ตายแล้ว ดังนั้นการพูดว่า "กินบุญบ้านคนตาย"นั้น คือคำพูดของผู้ที่ไม่เข้าใจศาสนา และวะฮาบีย์อะสันพูดมาว่า "กินบุญคนตาย" พูดแบบนี้ มันเป็นคำพูดของคนไร้ความเข้าใจในเรื่องศาสนา พูดออกมาแบบแก้โง่ไปวันๆ

นอกจากท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยษะมีย์ อ้างหะดิษท่านฏอวูส ในการอนุญาติให้หรือทำอาหารเพื่อเป็นทานแก่มัยยิดแล้ว ท่านอิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ อะมีรุลมุอ์มินีนในวิชาหะดิษ ก็ได้กล่าวยอมรับเรื่องการทำอาหารเป็นทานให้แก่ผู้ตาย โดยตั้งหัวข้อบท ที่กล่าวหะดิษของท่านอุมัร และท่านฏอวูส "การทำอาหารแก่ผู้ตาย" แล้วนายอะสันจะมาโกหกได้อย่างไรว่า ท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยษะมีย์ท่านเดียวเท่านั้น อย่าลืมท่านอิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ด้วยซิครับ และหะดิษของท่านฏอวูสนี้ ท่านอะหฺมัด อิบนุ หัมบัลก็รายงานเอาไว้ด้วยเช่นกัน

ดังนั้น หะดิษของ ท่านอุมัร และท่านฏอวูสนี้ เป็นหลักฐานที่อนุญาติให้ทำการเลี้ยงอาหารเป็นทานแก่ผู้ตาย นะครับคุณอะสัน

นายอะสันกล่าวว่า

อยากจะบอกว่า การวิจารณ์นั้น ต้องมาจากหลักฐาน ไมใช่มาจากมันสมองของอันธพาล ไม่รู้สึกละอายใจตัวเองบ้างหรือ ที่มาวิจารณ์ของคุณอื่นโดยที่ตัวเองไม่เคยนำเสนออะไรเลย ไม่ใช่ดูถูก แต่..ควรจะเข้ามาอ่านดีกว่า al-azhary และ al-farook เขาอาจจะมีหลักฐานอะไรมาเพิ่มเติม คุณควรจะรอ แต่ที่น่าตำหนิคือ ชอบส่งอันธพาลเข้ามาด่าคนหนั้นคนนี้ แล้วคลับภูมิใจ ว่ามีคนคอยด่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตน
อัสสลามุอะลัยกุ้ม น้องๆผู้ดูแลเว็บบอร์ด
สบายดีอยู่หรือ ว่างๆส่งขอความมาทักทายบังอะสันบ้างก็ได้

ผมขอกล่าวว่า

สิ่งที่บังคนอยากรู้กล่าวมาทั้งหมดนั้น ดีมากเลยครับ เพราะมันเป็นการสรุปเข้าใจอีกครั้ง และการที่วะฮาบีย์สนทนาซ้ำไปซ้ำมาอย่างคุณอะสันนั้น พวกเราเองก็ยังไม่บ่นถึงขนาดนี้ แต่เวลาบังคนอยากรู้เข้ามาสนทนาชี้แจงตอกย้ำอีกครั้ง นายอะสันกลับหูร้อน สงสัยแพ้ตะบะบังคนอยากรู้ ฮ่าๆๆ บังคนอยากรู้ครับ เข้ามาสนทนาเรื่อยๆเถอะครับ เพราะว่ามันเป็นผลดีมั๊กๆ คุณอะสันครับ ไอ้เรื่องด่าอะไรนั้น คุณลองไปสำรวจแฟนคลับวะฮาบีย์เถิดครับ อย่ามาใส่ร้ายบังคนอยากรู้เลย คุณเองไม่ใช่หรือที่กล่าวว่า พวกเราเหมือนหมา เป็นผีหรือเป็นเปรต แล้วพวกแฟนคลับวะฮาบีย์บางคนก็มาเข้าด่าเปรตกับพวกเราอีก โดยตักลีดตามแบบอย่างของ [B]คุณอะสันวะฮาบีย์จรจัดในถ้อยคำ [/B]

ยังไงบรรดาผู้ที่ดูแลเวป ก็อย่านิ่งเฉยซิครับ ส่งข้อความทักทาย เยินยอ คุณอะสันเขาบ้าง เพราะเขาอุตสาห์สนทนาแทนพวกวะฮาบีย์ทั้งหลายแล้ว แต่นั่นแหละครับคุณอะสัน ผลงานทั้งหมดตั้งแต่เริ่มแรกในการสนทนากับน้องๆนักศึกษานั้น คุณทำให้วะฮาบีย์ขายหน้าอับอาย สร้างผลงานโดยไม่เป็นที่พอใจให้กับวะฮาบีย์โดยรวม กั๊กๆๆ ยังไงผู้ดูแลเวปก็ส่งกำลังใจไปให้นายอะสันด้วยน่ะครับ ฮ่าๆ

_________________
ต่อต้านวะฮาบีย์บิดอะฮ์พันธ์ใหม่
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Mon May 01, 2006 10:11 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นายอะดีลกล่าวว่า

จะได้ปิดประเด็นเรื่องกินบุญบ้านคนตายซะที

ผมขอกล่าวว่า

จะปิดประเด็นนี้ให้โง่ทำไม? ฮ่าๆๆ ผมไม่ยอมให้ปิดง่ายๆหรอกน่ะจะบอกให้ เพราะกำลังเข้าทาง....กั๊กๆๆ

_________________
ต่อต้านวะฮาบีย์บิดอะฮ์พันธ์ใหม่
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Mon May 01, 2006 10:20 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เรามาทำการ อัลกุรอาน ซิกรุลเลาะฮ์ อิสติฆฟาร เลี้ยงอาหารเป็นทาน และขอดุอาอ์ให้แก่มัยยิด เพื่อเผาผลาญบรรดหัวใจของพวกวะฮาบีย์กันเถิด......
_________________
ต่อต้านวะฮาบีย์บิดอะฮ์พันธ์ใหม่
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon May 01, 2006 10:33 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นาย konyakroo อ้างมั้วนิ่มว่า
จะเห็นว่า ในตัวบทนี้ ท่านอุมัรได้สั่งเสียในขณะที่ท่านถูกลอบทำร้ายและก่อนเสียชีวิต ครับท่นนได้สั่งเสียไปก่อนหน้านั้น ไม่ใช่ว่าท่านบาดเจ็บ แล้วเชิญผู้คนมากินอาหารที่บ้านของท่านในขระที่ท่านบาดเจ็บหนัก แต่เป็นการสั่งลฃาก่อนหน้านั้น และเรื่องนี้ถูกเล่าจาก ท่านอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ มาอีกทอด ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในครั้งนั้น
จะเห็นว่า ในตัวบททั้งสองกระแสนั้น จะบอกถึงการกลับมา จากการฝังมัยยิตของท่านอุมัร(รด)แล้ว ซึ่งบรรดาซอฮาบะกลับมาก็เห็นว่าอาหารได้ถูกจัดไว้ให้กับบรรดาซอฮาบะเรียบร้อยแล้ว
……………
ตอบ
นาย konyakroo ครับ นายมีหน้าที่มากลบขี้พวกเดียวกันอยู่ตลอด นายควรจะรู้จักตัวเองให้มากกว่านี้ จะบอกนายนิดหนึ่งว่า มีตอนหนึ่ง ที่ท่านอุมัร ได้สั่งเสียกับท่าน อับดุลลอฮ บุตรชาย ก่อนท่านเสียชีวิตว่า
يا عبد الله بن عمر انظر ما علي من الدين فحسبوه فوجدوه ستة وثمانين ألفا أو نحوه قال إن وفي له مال آل عمر فأده من أموالهم وإلا فسل في بني عدي بن كعب فإن لم تف أموالهم فسل في قريش ولا تعدهم إلى غيرهم فأد عني هذا المال
โอ้ อับดุลลอฮ บุตรชาย ของอุมัร จงดูเถิดว่า มีหนี้สินอะไรบ้างเหนือฉัน พวกเขาจงพากันคิดหนี้สิน แล้วพบว่า มันมีถึงแปดหมื่นหกพัน หรือ ใกล้เคียงกันนั้น ท่านอุมัร ได้กล่าวว่า ถ้าทรัพย์สินตระกูลอุมัร มีเพียงพอที่จะชดใช้หนี้สินแล้ว ก็ให้ท่านนำทรัพย์สินของพวกเขามาชดใช้ และถ้าไม่พอ ก็จงขอความช่วยเหลือ จากตระกูลอะดีย์ บุตร กะอับ และถ้าหากทรัพย์สินของพวกเขาไม่พอใช้หนี้ ก็จงขอความช่วยเหลือจาก ชาวกุเรช และอย่าข้ามพวกเขา ไปขอความช่วยเหลือผู้อื่น และจงใช้ทรัพย์สินนี้ ชดใช้หนี้แทนฉัน ....
رواه البخاري (3497) عن عمرو بن ميمون في قصة موت عمر بن الخطاب
.............................
นี้คือ แบบอย่างของท่านอุมัร ก่อนตายก็ให้ความสำคัญกับการชดใช้หนี้ เพราะตามบทบัญญัตนั้น การชดใช้หนี้ ต้องมาก่อน การแบ่งมรดก แต่ นาย konyakroo ให้ความสำคัญ กับการกินบุญคนตาย ใหนลองเอาคำพูดของท่านอุมัร ที่สั่งเสียว่า ให้ทำอาหารเลี้ยงผู้คน อุทิศผลบุญให้ผู้ตายหน่อย ครับท่าน ให้จะจะ ชัดชัด ..นะครับ ท่านสะลัฟแท้.. จำใส่หัวเอาไว้..ถ้าไม่เกรงจะเกิดความสับสนแก่ผู้อ่าน ฉันไม่เข้ามาคุยกับอันธพาลอย่างพวกคุณให้เสียเวลาหรอก จะบอกให้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Mon May 01, 2006 10:54 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นายอะสันกล่าวว่า

นาย konyakroo ครับ นายมีหน้าที่มากลบขี้พวกเดียวกันอยู่ตลอด นายควรจะรู้จักตัวเองให้มากกว่านี้ จะบอกนายนิดหนึ่งว่า มีตอนหนึ่ง ที่ท่านอุมัร ได้สั่งเสียกับท่าน อับดุลลอฮ บุตรชาย ก่อนท่านเสียชีวิตว่า
يا عبد الله بن عمر انظر ما علي من الدين فحسبوه فوجدوه ستة وثمانين ألفا أو نحوه قال إن وفي له مال آل عمر فأده من أموالهم وإلا فسل في بني عدي بن كعب فإن لم تف أموالهم فسل في قريش ولا تعدهم إلى غيرهم فأد عني هذا المال
โอ้ อับดุลลอฮ บุตรชาย ของอุมัร จงดูเถิดว่า มีหนี้สินอะไรบ้างเหนือฉัน พวกเขาจงพากันคิดหนี้สิน แล้วพบว่า มันมีถึงแปดหมื่นหกพัน หรือ ใกล้เคียงกันนั้น ท่านอุมัร ได้กล่าวว่า ถ้าทรัพย์สินตระกูลอุมัร มีเพียงพอที่จะชดใช้หนี้สินแล้ว ก็ให้ท่านนำทรัพย์สินของพวกเขามาชดใช้ และถ้าไม่พอ ก็จงขอความช่วยเหลือ จากตระกูลอะดีย์ บุตร กะอับ และถ้าหากทรัพย์สินของพวกเขาไม่พอใช้หนี้ ก็จงขอความช่วยเหลือจาก ชาวกุเรช และอย่าข้ามพวกเขา ไปขอความช่วยเหลือผู้อื่น และจงใช้ทรัพย์สินนี้ ชดใช้หนี้แทนฉัน ....
رواه البخاري (3497) عن عمرو بن ميمون في قصة موت عمر بن الخطاب
.............................
นี้คือ แบบอย่างของท่านอุมัร ก่อนตายก็ให้ความสำคัญกับการชดใช้หนี้ เพราะตามบทบัญญัตนั้น การชดใช้หนี้ ต้องมาก่อน การแบ่งมรดก แต่ นาย konyakroo ให้ความสำคัญ กับการกินบุญคนตาย ใหนลองเอาคำพูดของท่านอุมัร ที่สั่งเสียว่า ให้ทำอาหารเลี้ยงผู้คน อุทิศผลบุญให้ผู้ตายหน่อย ครับท่าน ให้จะจะ ชัดชัด ..นะครับ ท่านสะลัฟแท้.. จำใส่หัวเอาไว้..ถ้าไม่เกรงจะเกิดความสับสนแก่ผู้อ่าน ฉันไม่เข้ามาคุยกับอันธพาลอย่างพวกคุณให้เสียเวลาหรอก จะบอกให้

ผมขอกล่าวว่า

นายอะสัน วะฮาบีย์จรจัดในถ้อยคำ กล่าวว่าบังคนอยากรู้มากลบ...." คุณน่ะ ฟังไม่ได้ศัพย์แล้วจับมากระเดียด การอ้างหลักฐานนั้น มีต้องดูหลักฐานทั้งหมด ไม่ใช่จับมาหลักฐานเดียว แล้วขี้โม้ โวยวายตามหลักวิชากู

ท่านอัล-หาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวไว้รายงาน จากท่าน อะหฺมัด บิน มะนีอฺ ซึ่งเขาได้กล่าวรายงานไว้ใน มุสนัดของเขาว่า

عن الأحنف بن قيس قال : كنت أسمع عمر يقول : لا يدخل أحد من قريش فى باب إلا دخل معه ناس ، فلا أدرى ما تأويل قوله حتى طعن عمر فأمر صهيبا أن يصلى بالناس ثلاثا ، وأمر أن يجعل للناس طعاما فلما رجعوا من الجنازة جاءوا وقد وضعت الموائد ، فأسك الناس عنها للحزن الذى هم فيه فجاء العباس بن عبد المطلب ، فقال : ياأيها الناس قد مات...الحديث

" รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า "คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงการตีความคำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาดฟัรดูสามวันด้วยกัน (ตรงนี้ น้องเขาได้แก้ไขไว้เรียบร้อยแล้ว โดยยึดหนังสือ อัฏก่อบะก๊อต อัลกุบรอของท่านสะอัด เกี่ยวเหตุการที่ท่านอุมัรถูกลอบแทง ) และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คน ดังนั้น ในขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดสำหรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้ตนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็มา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้ว....." สายรายงาน "หะซัน" ดู หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 198 หะดิษที่ 709

เราลองมาพิจารณากันครับ

เรื่องนี้ของมัยยิดนั้น ก็อีกเรื่องหนึ่งที่วายิบบนเราต้องทำการชดใช้แก่มัยยิดและจะนำมรดกของมัยยิดที่มีหนี้ต้องชดใช้อยู่นั้น ทายาทจะเอามาทำบุญเป็นทานเลี้ยงอาหารย่อมไม่ได้ แต่ท่านอุมัรได้สั่งให้ท่านสุฮัยบ์ ทำการอาหารเลี้ยง ซึ่งท่านสุฮัยบ์นั้น ก็ไม่ได้เป็นครอบครัวของท่านอุมัร ก็ชี้ให้เห็นว่า ผู้อื่นสามารถทำอาหารให้แก่ครอบครัวมัยยิดได้ แต่การสั่งเสียให้ทำอาหารนี้ มันจะเป็นทานหรือไม่เป็นทานนั้น เราต้องดูซ่ะก่อนว่า การทำอาหารเลี้ยงนั้น มันบาปหรือเปล่า? ไม่เลยครับ แต่ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ได้ผลบุญเสียอีกในการเลี้ยงอาหาร และมันก็ยังเป็นทานซอดาเกาะฮ์อีกด้วย และหะดิษซอฮิหฺและมีน้ำหนักของท่านฏอวูสที่รายงานการกระทำของบรรดาซอฮาบะฮ์นั้น ก็ชัดเจนแล้วครับ ว่าทำการให้และเลี้ยงอาหารเป็นเพื่อทานอันมีผลประโยชน์แก่มัยยิด นายอะสันก็อย่ายกสิ่งที่นอกเรื่องมาลบล้างการกระทำการซอฮาบะฮ์เลยครับ เพราะยกมายังไงก็แค่ยกเมฆมาประกอบแบบนอกเรื่องเท่านั้นเอง ฮ่าๆ

_________________
ต่อต้านวะฮาบีย์บิดอะฮ์พันธ์ใหม่
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Mon May 01, 2006 11:13 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เรามาทำการล้อมวง อ่านอัลกุรอาน ซิกรุลเลาะฮ์ อิสติฆฟาร เลี้ยงอาหารเป็นทาน และขอดุอาอ์ให้แก่มัยยิด เพื่อเผาผลาญบรรดหัวใจของพวกวะฮาบีย์กันเถิด......
_________________
ต่อต้านวะฮาบีย์บิดอะฮ์พันธ์ใหม่
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Tue May 02, 2006 1:10 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เรามาปราบอีแร้งที่หาประโยชน์จากศพคนตายกันเถอะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Tue May 02, 2006 10:52 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

[font=Tahoma]salam น้องมูฮำมัด


[color=darkblue]บังฮะซันดีใจ ได้ทีขี่ทับผม หวังจะเหยียบเสียให้จม สมดั่งใจ

แค่คำผิดที่พิมพ์พลาด ไม่ตั้งใจ ด้วยถ้อยคำ ทิ่มตำใจไร้ผู้ดี

บังขอบใจมุฮำมัด เป็นนักหนา ที่เข้าใจเจตนา ของบังดี

ความผิดพลาด มนุษย์เรานั่นย่อมมี แต่การไร้ความปราณี ซิ Exclamation ไม่งาม

-------แก้ไขบางถ้อยคำที่ทำให้บังฮะซันเข้าใจผิด ซึ่งกระผมลืมตรวจทาน------------------
--จะเห็นว่า ในตัวบทนี้ ท่านอุมัรได้สั่งเสียในขณะที่ท่านถูกลอบทำร้ายและก่อนเสียชีวิต ครับท่านนได้สั่งเสียไปก่อนหน้านั้น ไม่ใช่ว่าท่านบาดเจ็บ แล้วเชิญผู้คนมากินอาหารที่บ้านของท่านในขระที่ท่านบาดเจ็บหนัก แต่เป็นการสั่งลาก่อนหน้านั้น และเรื่องนี้ถูกเล่าจาก ท่านอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ มาอีกทอด ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในครั้งนั้น

--จะเห็นว่า ในตัวบททั้งสองกระแสนั้น จะบอกถึงการกลับมา จากการฝังมัยยิตของท่านอุมัร(รด)แล้ว ซึ่งบรรดาซอฮาบะกลับมาก็เห็นว่าอาหารได้ถูกจัดไว้ให้กับบรรดาซอฮาบะเรียบร้อยแล้ว

แก้เป็น---จะเห็นว่า ในตัวบททั้งสองกระแสนั้น จะบอกถึงการกลับมา จากการฝังมัยยิตแล้ว ซึ่งบรรดาซอฮาบะกลับมาก็เห็นว่าอาหารได้ถูกจัดไว้ให้กับบรรดาซอฮาบะเรียบร้อยแล้ว

มาดูประเด็น บังฮะซันจุดพลุขึ้นมาหวังจะกลบความผิดตัวเองว่า ไม่มีแบบอย่างการกระทำหรือคำสั่งของซอฮาบะของท่านนบี ที่อนุญาติให้เชื้อเชิญญาติและพี่น้องมุสลิมมาร่วมกันทำบุญ (ซอดาเกาะ) ช่วยเหลือที่บ้านของญาติผู้ตาย

Rolling Eyes ดังนั้นประเด็นไม่ได้อยู่ที่ การกล่าวว่าท่านอุมัร(รด)เสียชีวิตในครั้งนั้น ตามที่บังฮะซันเข้าใจว่า
ตามเนื้อบทฮาดีส ที่น้องมูฮำมัดเอามาจากน้องอัลฟารุคนำมาถ่ายทอดอีกที ซึ่งก็ได้รับการตรวจทานและแก้ไขแล้วนั้น

แต่ประเด็นหลักคือในตัวบท นั้นได้เล่าถึงสิ่งที่บรรดาซอฮาบะของท่านนบีได้ปฏิบัติกันหลังจากที่พวกเขากลับจากการฝังมัยยัตแล้วต่างหาก

แต่วะฮาบีย์แบบบังฮะซันต้องการที่จะเบี่ยงเบนประเด็นโดยมุ่งให้พี่น้องร่วมอุดมการณ์เดียวกันได้เข้าใจว่า สิ่งทีผมได้นำเสนอนั้น มันเป็นการเปิดโอกาสในเรื่องปากเรื่องท้อง ที่มุ่งแต่จะหากินกับซากศพบ้างหรือเบียดเบียนคนยากจนบ้างหรือสนับสนุนให้กิน โดยเน้นย้ำทเพื่อให้พี่น้อง เข้าใจแบบเบี่ยงเบนว่าท่านอุมัร(รด)ได้เสียชีวิตแล้วจากการลอบแทง

Rolling Eyes ทั้งที่ในตัวบทฮาดีสก็ได้ยืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่า
การกระทำของบรรดาซอฮาบะนั้น เป็นการกระทำที่สืบทอดกันมา ตลอด แม้กระทั่ง ท่านฎอวุสเองก็ยังยืนยันการกระทำของท่านเหล่านั้น และเป็นฮาดีสที่มีน้ำหนัก
แต่วะฮาบีย์อย่างบังฮะซันกลีวเสียหน้าให้กับนักศึกษาจากสถาบัน ไคโร และเรียนรู้ถึงสี่มัสหับ คือแถมยังเบื้องลึก เบื้องหลังของมัสหับวะฮาบีย์อย่างหมดเปลือก ว่าแท้จริงแล้ว ทัศนะของวะฮาบีย์ที่เผยแพร่ในเมืองไทยภายใต้การสนับสนุนของ กษัตริย์ซาอุนั้น มันคือ มัสหับของอีหม่ามดาวุดซฮีรีย์ปะปนกับแนวความคิดของพวกมุญัสสิมะอ์ ที่มีอกีดะหรือเอียะติกอดที่เพี้ยนๆ
โดยคิดไปว่า อัลลออ์นั้นทรงคล้ายกับมนุษย์และมีที่นั่ง มีเท้าวาง ทั้งสองมีมือและอีกหลายๆอย่างฯลฯ อ้างจากหนังสือ อะกะดะของคนสลัฟอัสซอและห์
----วะฮาบีย์นั้นมีอะกีดะที่ต่างกับท่านผู้รู้อย่างอีหม่ามทั้ง4 ไม่ว่าการแบ่งเตาฮีดที่มี3 ประเภท อ้างอ้างจากหนังสือ อะกะดะของคนสลัฟอัสซอและห์
ซึ่งไม่เคยมีในอดีตและยุคของคนสลัฟตัวจริง แต่มันเป็นบิดอะฎอลาละที่หลอกลวงพี่น้องบ้านเรามาตลอดด้วยถ้อยคำที่แอบอ้าง ถึงคนสลัฟฮ้าๆๆ

ท่านอัล-หาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวไว้รายงาน จากท่าน อะหฺมัด บิน มะนีอฺ ซึ่งเขาได้กล่าวรายงานไว้ใน มุสนัดของเขาว่า

عن الأحنف بن قيس قال : كنت أسمع عمر يقول : لا يدخل أحد من قريش فى باب إلا دخل معه ناس ، فلا أدرى ما تأويل قوله حتى طعن عمر فأمر صهيبا أن يصلى بالناس ثلاثا ، وأمر أن يجعل للناس طعاما فلما رجعوا من الجنازة جاءوا وقد وضعت الموائد ، فأسك الناس عنها للحزن الذى هم فيه فجاء العباس بن عبد المطلب ، فقال : ياأيها الناس قد مات...الحديث

" รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า "คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงการตีความคำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาดฟัรดูสามวันด้วยกัน (ตรงนี้ น้องเขาได้แก้ไขไว้เรียบร้อยแล้ว โดยยึดหนังสือ อัฏก่อบะก๊อต อัลกุบรอของท่านสะอัด เกี่ยวเหตุการที่ท่านอุมัรถูกลอบแทง ) และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คน ดังนั้น ในขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดาสำรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้ตนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็มา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้ว....." สายรายงาน "หะซัน" ดู หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม
หะดิษนั้น คือ.... ท่าน อัลอับบาส บิน อบีฏอลิบกล่าวว่า

فقال يا أيها الناس قد مات رسول الله عليه وسلم فأكلنا بعده وشربنا ومات أبو بكر فأكلنا بعده وشربنا أيها الناس كلوا من هذا الطعام فمد يده ومد الناس أيديهم فأكلوا فعرفت تأويل قوله ) كذا فى الإتحاف

" ดังนั้น ท่านอัล-อับบาส บิน อับดุลมุฏฏอลิบกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริง ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว แล้วเราก็ทำการรับประทานและดื่มหลังจากนั้น และท่านอบูบักร ก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว และเราก็ทำการรับประทานและดื่มหลักจากนั้น โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย พวกท่านจงรับประทานจากอาหารนี้เถิด ดังนั้น ท่านอับบาสก็ยื่นมือของท่าน และบรรดาผู้คนที่ยื่นมือของพวกเขา แล้วก็พวกเขาก็ทำการรับประทาน ดังนั้น ฉัน (คือ อัลอะหฺนัฟ บิน ก๊อยซฺ) จึงรู้การตีความคำพูดของท่านอุมัร" และได้รายงานเช่นเดียวกันนี้ อยู่ในหนังสือ อัลอิตหาฟ " ดู หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 198 - 199

Crying or Very sad ดังนั้นสิ่งที่ผมได้นำเสนอไปแล้วนั้น มันสอดคล้องกับเนื้อหาฮาดีสทุกประการ
แต่วะฮาบีย์สลัฟพันธ์เทียมนั้น ไม่ยอมเปิดหัวใจรับรู้แบบอย่างจากซอฮาบะของท่านนบีเลย มุ่งแต่จะขัดขาผู้อื่นที่นำเสนอความจริง...และเมื่อความจริงถูกปรากฏ หน้าที่ของวะฮาบีย์คือ ตั้งรับและสอดแทรกคำถามด้วยความไม่รู้หรือหวังจะล้มกระดานนี้เท่านั้น คักๆๆๆ

----ดูซิพี่น้องผมกล่าวว่าอย่างไร----
แต่ด้วยความท้อแท้หรือโศรกเศร้าของท่านอุมัร (รด) ผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่มีประโยชน์ต่ออัลอิสลามและเป็นคอลีฟะที่เด็ดเดี่ยวในสมัยนั้น บรรดาซออาบะจึงไม่อยากที่จะนับประทานอาหารที่จัดไว้
ในครั้งนั้น
แต่ก็ไม่ใช่ป็นการปฏิเสธว่า การจัดสำหรับอาหารในการจัดเลี้ยงทำบุญ(ซอดาเกาะ)ให้แกมัยยิดในสมัยนั้นไม่มี ตรงกันข้ามกลับเป็นที่สุนัต(ชอบให้กระทำ กับบรรดดาซออาบะในสมัยนั้นและสืบทอดมายังตาบีอีน อย่างที่ท่านฎอวุส ได้รายงานถึงการกระทำในสมัยซอฮาบะมาให้เราได้รับทราบจนถึงทุกวันนี้

ดังนั้น เหตุผลของวะฮาบีย์ที่ฮูกมถึงการกระทำในการชอบที่ให้มีการช่วยเหลือเจ้าภาพของ
มัยยิตไม่ว่ารูปแบบไหนนั้น เป็นบิดอะนั้น ถือว่า เป็นคำพูดที่ไร้หลักฐาน และเป็นการใสร้ายการกระทำทีมีมาในอดีต กาลแล้ว

สุดท้ายพี่น้องและน้องผู้ดูและเว็บลองพิจราณาคำพูดหรือพฤติกรรมของท่านอาจารย์ผู้มีความรู้ที่พูดเสียดสีต่อ นักศึกษา จากอิยิปต์ซิครับแล้วลองมาตัดสินว่า

ที่อ้างว่าดำเนินชีวิตแบบคนยุคสลัฟ ที่ดินตาม กิตาบุลลออ์และซุนนะนบีนั้นมันเป็นอย่างไร

-------------------เรามาปราบอีแร้งที่หาประโยชน์จากศพคนตายกันเถอะ-----------------------------------

ผมขอกล่าวว่า วะฮาบีย์อย่างบังฮะซันนั้นไม่มีวันเข้าใจต่อรายงานและเนื้อหาฮาดีสข้างบนนี้เลยตราบจนวันตาย ถ้าไม่คิดที่จะเปิดประตูแห่งการยอมรับที่มาของหลักฐานนี้ก่อน..

และอัลลออ์จะไม่ทรงเปลี่ยแปลงผู้หนึ่งผู้ใดก่อน ถ้าเขาไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน

wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Tue May 02, 2006 1:52 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam บังคนอยากรู้

ช่วงปิดเทอมนี้ พวกเรามีโครงการจะทำการตรวจทานหนังสือฟุตหุลบารีย์อธิบายซอฮิหฺอัลบุคอรีย์ ของท่านอัลหาฟิซฺอิบนุหะญัร ระหว่างฉบับที่ อินบาซฺ ตรวจทานวิจารณ์และฉบับดั้งเดิมที่อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ได้ตีพิมพ์เอาไว้ เพื่อลองตรวจสอบการบิดเบือนที่เกิดขึ้นนะครับ เป็นชิ้นงานพิเศษในเชิงวิชาการ ที่ เป็นโครงการบังอัลฟารูกนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจะได้ความรู้ด้วยนะครับ หากบังมาร่วมวงกับเราด้วยก็จะดีไม่น้อยเลยทีเดียว

ว่างๆผมจะมาสนทนาเป็นเพื่อนนะครับ ช่วงนี้อ่านหนังสือกันคิ้วขมวดเลยครับ

wassalam

อัล-อัซฮะรีย์

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 16, 17, 18 ... 25, 26, 27  ถัดไป
หน้า 17 จากทั้งหมด 27

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.14 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ