ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
IRF มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 10/12/2005 ตอบ: 155
|
ตอบ: Sun Apr 09, 2006 1:09 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คุณ alfarook ได้ใช้คำว่า "จนแล้วจนเล่า" พวกวะฮาบีย์ก็ยกอิบนุ มัสอูดมาอ้าง..แล้วก็บอกว่าฎออีฟ
ข้อแรกนะครับ ใครคนไหนบอกว่าฎออีฟ? ประวัติของผู้ที่มาชี้เป็นยังไง? ด้วยความเคารพ ผมไม่ได้ติดตามกระทู้คุณ มีงานเกี่ยวกับเรื่องวั่นๆเรื่องศาสนานี้แหละเยอมาก จึงตกข่าวครับ(อาจโพสต์ถามในสิ่งที่คุณอธิบายไปแล้ว)ช่วยอธิบายให้ทราบหน่อยครับว่า ใครระบุว่าเรื่องนี้ฎออีฟ แล้วใครมั่งที่ระบุว่าเรื่องนี้ซอเฮี้ยะฮฺ ..แล้วทีนี้แหละครับ ให้ผู้ตักลีด(พวกเราและคุณก็ไม่ใช่นักหะดีษ)จะได้เลือกกันล่ะครับว่าจะตามการวินิจฉัยของนักหะดีษท่านไหน
ประการต่อมา มีอีกหลายหะดีษครับ(กล่าวฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก)ที่หนุนยืนยัน เป็นความประจักษ์ชัดเจนว่านี่คือแนวทางความเข้าใจศาสนาของซอฮาบะฮฺ ว่าไม่สามารถอุตริ แต่งเอง หรือแต่งเติมพิธีกรรมใดๆขึ้นมาในศาสนาได้
แต่เอาล่ะครับ เรื่องนี้มันก็คุยกันคนละภาษา .. ยืนยันคำพูดเดิมครับ ฝ่ายที่ไม่ตะอัศศุบกลุ่มใด ไม่ยึดอนุรักษ์ประเพณีปฏิบัติของบรรพบุรุษหรือของสังคม ไม่ฝักใฝ่มัซหับ ..คนเหล่านี้ไม่มีควาจำเป็นต้องลำเอียงครับ ซื่อสัตย์ต่อการวินิจฉัยหะดีษ และการฟัตวา.. แต่ไอ้อีกฝ่ายที่ตะอัศศุบสิครับ มันเดินด้วยหลักการตรงๆไม่ได้ ..เพราะฉะนั้นมันจะฟัตวาอะไร จะวินิจฉัยอะไร จะปูกฎเกณฑ์อย่างไร..มันก็วิ่งเข้าหากลุ่ม หรือมัซหับ หรือไม่ก็ประเพณีของสังคม (เพื่อรองรับว่าการกระทำเหล่านี้ถูกต้อง) อย่างแน่นอน
ว่าง่ายๆคือกูไม่เลิกไง!! แล้วก็ไปเอาศาสตร์ความรู้ทางวิชาการมาปรับให้มันค้ำยันไว้ รองรับไว้ว่าถูกต้อง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
IRF มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 10/12/2005 ตอบ: 155
|
ตอบ: Sun Apr 09, 2006 1:14 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ทีนี้ประเด็นนั้นเราไม่สนใจและ ..คุณจะผิดจะถูกมันหมดความรับผิดชอบของเราละ
แต่จากกระทู้นี้เนี่ย ผมโพสต์ไว้เพื่อจะได้รับทัศนะเกี่ยวกับเรื่อง การเขียนข้อความ
มันจะเป็นการดีอย่างยิ่งครับ
ถ้าคุณalfarook มาชี้แจงว่า ในแง่มุมที่คุณร่ำเรียนมาแล้ว การสกรีนเสื้อเรานบี หรือข้อความเกี่ยวกัยศาสนา หรือจะตัดสติ๊กเกอร์ "อัลฮัมดุลลิลลาหฺ" หรือ ติดบทความแสดงถึงความรักต่อัลลอฮฺ ตามฝาผนังที่มุสลิมนิยมกัน
เหล่าเนี้ยมันมีหลักการรองรับอย่าง ผิดหรือไม่? เป็นบิดอะฮฺหรือไม่? อย่างไร
นี่แหละครับ ถ้าจะช่วยอธิบาย เออเราก็จะได้รู้ว่าอ๋อนี่ๆอีกมุมนึงอีกกลุ่มนึงเขามีวิชาการว่าไว้แบบนี้ เขาสอนแบบนี้ ..เราก็จะได้ความรู้ด้วย เอาให้เข้าประเด็นสิครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
IRF มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 10/12/2005 ตอบ: 155
|
ตอบ: Sun Apr 09, 2006 1:25 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
(เอ้า..ทีนี้ขอต่อเรื่องเดิมอีกหน่อย)
รู้ไต๋..
เมื่อได้รับการฟังบรรยายของคณาจารย์ตอบโต้ไปแล้ว (8 เม.ษ) เชื่อว่าทางอ.อิสหากและชมรม ต้องออกมาโต้แบบนี้ (ถ้าไม่ได้เข้ามาเจอข้อความดักทางนี่ซะก่อนน่ะนะ) อ.อิสหากจะมาแนวนี้ว่า
ตกลงตะกับโบรฺหรือไม่ตะกับโบรฺแน่ว่าเฮ่ย? เดี๋ยวบอกไม่ตะกับโบรฺ แต่เดี๋ยวก็ยกมาเรื่องตะกับโบรฺกับศัตรูในสงคราม เอาไงแน่ว่าเฮ่ย? นี่แก้ตัวน้ำขุ่นๆหรือเปล่า? ...ไม่ขุ่นครับ ชัดเลย!
จะอธิบายให้ฟัง ... เรื่องเสื้อเรารักนบีน่ะมันไม่ตะกับโบรฺแน่ๆ ข้อความนี้ไม่ได้สื่อเลยว่าเป็นการโอ้อวด แต่..หากใครจะใส่เพราะความโอ้อวดแล้วไซร้(ทำนองว่ากูนี่ก็คนนึงในหมู่คนรักนบี คนปกป้องนบีเว้ย!) นั่นก็เป็นเรื่องในใจของเขา ไปหุก่มไม่ได้
เช่นเดียวกันกับเสื้อชมรม สลาฟิยูน นั่นก็คือการแสดงจุดยืนว่าชมรมนั้นตามสลัฟฟุซซอและฮฺ ..หรือไม่ว่าจะเสื้อโฆษณาเว็บไซท์ safiyoon.org นั่นก็คือการดะอฺวะฮฺ ไม่ใช่โอ้อวด แต่เป็นการโฆษณาให้คนเข้าไปศึกษาหลักการศาสนาจากเว็บไซท์ นั่นก็คือการดะอฺวะฮฺ
ในเมื่อเป็นการดะอฺวะฮฺ นั่นก็คืออิบาดะฮฺ แสวงหาผลบุญจากอัลลอฮฺ แล้วไหนล่ะ?ไม่กลับไปดูล่ะว่านบีดะอฺวะฮฺยังไง?
นอกจากนี้มันยังไม่ใช่การโอหังตะกับโบรฺต่อมุสลิม ..แต่เป็นการแสดงความโอหังต่อมุชริกีน
ถ้าตรงนี้ถ้ามีใครเถียงมาว่าเฮ่ย นั่นมันเรื่องของสงคราม! อย่ายกมาอ้างมั่วสิ! ไม่งั้นก็เหมือนกับเอ็งไปว่าหุก่มละหมาดไปใส่หุก่มถือศีลอด เอาซะกาตไปใส่ฮัจญ์สิ! ...
พี่น้องครับ ใครเถียงแบบนี้ส่ายหน้าได้เลย.. ไอ้นี่เละแล้ว! เป๋แล้ว! ไอ้นี่เทียบเหตุการณ์ไม่เป็น! นั่นมันเรื่องของพิธีกรรม ..ละหมาดก็ไปดูหุก่มละหมาด ฮัจญ์ก็ไปดูหุก่มฮัจญ์ ไม่ต้องกิยาส! แต่นี้มันเรื่องของการแสดงความรู้สึก ..นี่แสดงว่าคนๆนี้ต้องไปศึกษาอุศูลลุดดีนมาใหม่! เพราะยังไม่รู้เลยว่า สถานการณ์ไหนต้องโกรธ สถานการณ์ไหนต้องดีใจ สถานการณ์ไหนต้องสะใจ สถานการณ์ไหนต้องเศร้า สถานการณ์ไหนต้องถ่อมตัว สถานการณ์ไหนต้องโอหัง บุคคลไหนก็รัก บุคคลไหนต้องเกลียด ..แล้วไอ้ความรู้สึกต่างๆเหล่าเนี้ย ไม่ใช่เรื่องของกายนะ ว่าจะต้องดูว่า ท่าไหน? มืออยู่ตรงไหน? เท้าวางยังไง? แต่มันเป็นเรื่องของความรู้สึก ..เอ้าแสดงออกมาเลย แต่อยู่ในกรอบนะ..และไอ้กรอบนี่แหละ ที่ว่าถ้าไม่รู้ก็ต้องเงียบ ไม่แน่ใจอย่าพูด หรือเคยมั่นใจแต่พูดผิด เอ้าก็แก้ใหม่!
ทีนี้ผมพูดผิดไปว่าถ้ามีคำว่า ฉัน แล้วจะตะกับโบรฺ จริงๆแล้วไม่เสมอไปครับ ขอแก้
เช่น.. อย่างตอนเนี้ย อเมริกาบอกวะฮาบีย์เป็นศัตรู เป็นตัวอันตราย เป็นผู้ก่อการร้าย (รัฐบาลเราก็เคยเชื่อ) เราก็เขียนเสื้อเลย (หรือติดป้ายหน้าบ้าน หรืออะไรก็แล้วแต่...) I am Wahhabi ฉันเป็นวะฮาบีย์!! กรณีนี้ล่ะได้ครับ หยามไง! โอหังว่ากูไม่กลัวเว่ย! ..ถามว่านี่คือสภาพของญาฮิลียะฮฺไหม? ..ไม่ใช่เลยครับ ไม่ได้ดูโง่ ไม่ได้ดูบ้าเลยครับ
นอกจากนั้นก็อาจจะมีการเถียงแบบไร้เหตุผล (อคติมันนำหน้าแล้วไง) ..เช่น แล้วที่ใส่เสื้อเนี่ยเดนมาร์คเห็นเหรอ? ที่ตะโกนด่าเขาเนี่ยเขาได้ยินเหรอ? ..พี่น้องครับ เลอะเทอะแน่ล่ะครับ มันชักจะเถียงมั่วไปใหญ่แล้ว
เรื่องตลก(แต่ขำไม่ออก)ก็ยังมีในหมู่นักวิชาการครับ
วันที่ 4 มีนาครับ เทปบันทึกไว้ชัดเจน อ.คอลิด (ไม่ใช่คอลิด ปู่ทองนะ) บอกว่า ถามจริงเถอะ เชื่อเหรอว่านั่นรูปนบี เคยเห็นเหรอ แล้วรู้ได้ไงว่ารูปนบี? อ้าว!! นี่แหละครับภูมิปัญญานักวิชาการ!! ก่อนหน้านี้เนี่ย เขาบอกเขาก็โกรธ ถ้ามีใครมาด่านบี และเหตุการณ์ครั้งนี้ก็โกรธ แต่ไม่ไปประท้วงเพราะหลักการทำไม่ได้..(เอ้าเชื่อครับ ว่าท่านโกรธจริง เจ็บช้ำจริงๆ และยอมรับในทัศนะที่แตกต่างครับว่าท่านไปร่วมไม่ได้) ..แต่ไปๆมาๆเรื่องนี้เขาอธิบายย้ำหลายครั้งว่า รูปนี้ไม่ใช่รูปนบี! เพราะไม่มีใครเคยเห็นนบี!! เอ้า ตกลงถ้าผมวาดรูปควายตัวนึง แล้วบอกนี่รูปพ่อมึง!!ไอ้และห์ ถามว่าไอ้และห์จะโกรธไหมเนี่ย? หรือไอ้และห์จะบอกว่านี่ควาย!!นี่ไม่ใช่พ่อกู! ...ใครคิดได้อย่างนี้ติงต๊องแล้วครับ เป็นคนไม่มีสามัญสำนึก ไม่มีเหตุผล (นี่ดีนะว่าผมไม่ยกตัวอย่างว่าเป็นท่านอาจารย์) หลอกตัวเองแล้วแบบนี้!! ทีแรกบอกโกรธที่เขาด่านบี ไปๆมาๆบอกทำนองว่าอย่าไปโกรธเลย นั่นไม่ใช่รูปนบี!! (สับสนในตัวนะครับแบบนี้) เอาล่ะผมเชื่อแหละครับด้วยกับอะกีดะฮฺและอีมานของท่าน ท่านรักนบีแน่นอน แต่ด้วยความอคติ การตะอัศศุบ มันทำให้สมองสับสนไปหมดแล้ว ความรู้สึกนึงมันบอกอีกแบบนึง แต่อีกความรู้สึกมันก็มาตีกันจนเละ!! ก็พูดมั่วๆออกมาอย่างนี้แหละครับ .. แล้วคนที่มีเหตุผล มีหลักการเขาไม่ฟังท่านหรอกครับ ก็มีแต่พวกตะอัศศุบนั่นแหละ ..พูดผิดพูดถูกกูเออออหมด!
อีกเรื่องนึงวันเดียวกัน อ.คอลิดบอกว่า แล้วจะไปด่าเดนมาร์คทำไม ด่าสถานทูตทำไม ด่าคนวาดการ์ตูนสิ!! จะไปญีฮาดกับเดนมาร์คน่ะ เขาเกี่ยวอะไร..เอาผิดเฉพาะคนวาดสิ!!
อื้มหืม!! นี่แสดงว่าไม่บกพร่องด้านข้อมูลข่าวสารก็บกพร่องด้านความเข้าใจศาสนา..
รัฐบาลเดนมาร์ค ผู้นำทุกหมู่เหล่า ประชาชนเดนมาร์คร่วมกันประกาศเป็นศัตรูกับอิสลามอย่างชัดเจน ร่วมกันเผากุรอาน รณรงค์ให้ทั่วโลกร่วมเผยแพร่การดูหมิ่นนบี ..ประชาชนส่วนน้อยเท่านั้นไม่เห็นด้วย ... แต่แน่นอนครับ เวลาประกาศญีฮาดเขาญีฮาดทั้งประเทศ ..(ถ้าไม่มีระบบคอลิฟะฮฺก็มีอนุโลมยังไง ..ว่ากันไปตามหลักการ) จะรบกับใคร..เปอร์เซียร์ ..ยะมัน.. แล้วแต่ เขาประกาศรบทั้งประเทศ แต่เงื่อนไขฆ่าใครได้ฆ่าใครไม่ได้นั่นต้องดูหุก่ม!
อิมามมัสญิดหะรอมเขาถึงกับร้องไห้ในคุตบะฮฺเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ..แล้วก็ไม่มีอุละมาอฺซักคนเดียวครับบนโลกนี้ที่บอกว่าเรื่องนี้ไม่ต้องโกรธ เพราะไม่ใช่รูปนบี!!ไม่เคยมีใครเห็นนบี!! ..แต่เรื่องวิธีการตอบโต้นั้น เขามีทัศนะแตกต่างกันไป ..ซาอุดีนี่ชัดเจนครับ ไม่มีชุมนุมประท้วง แต่มีบอยคอต บอยคอตซะจนเดนมาร์คต้องพิจารณาขอโทษ แต่ยังบอกยืนยันนะว่าเขาไม่ผิด และทำต่อไป ไม่ยุติการดูหมิ่นนบี ทุกวันนี้โลกมุสลิมบอยคอตซะจนบางบริษัทของเดนมาร์คต้องเชิญอุละมาอฺไปบรรยายศาสนาแล้ว รายการทีวีมีมุสลิมะฮฺสวมหิญาบเป็นแบบอย่างแล้ว ..
คอลิดว่าไงอีกครับ? ท่านบอกว่า บอยคอตแล้วบอยคอตให้จริงสิ!! ของกาเฟรฺน่ะซื้อทำไม? เสื้อกางเกง รถ เครื่องบิน ใช้ของเขาทำไม? อยู่ในไทยก็ของคนพุทธทั้งนั้น !!.. . อู้หูย!! นี่เป็นนักวิชาการระดับที่ทางชมรมให้ขึ้นเวทีบรรยายได้เนี่ย!!แต่ยังแยกแยะไม่ออกเลยว่า กาเฟรฺมีทั้งแบบที่เป็นศัตรู แล้วก็แบบที่ไม่เป็นศัตรู ..แล้วไปยกเอาไอ้ตอนนบีจำนำชุดเกราะกับยิว!! อู้หูย!!นี่อาการหนักเลยครับ ..ก็นั่นแหละครับหะดีษนั้น(และอีกหลายๆหะดีษเลย) บ่งบอกว่าการค้าขายกับกาเฟรฺนั้นฮาลาล .. อาหารกาเฟรฺทำ(ถ้าฮาลาล)ก็ฮาลาล.. แล้วมันเกี่ยวอะไรกับบอยคอตวะ? หรือคนที่เขาบอยคอตเขาบอกว่าหะรอม?
นี่แหละครับ เรื่องตลก น่าขำ! แต่ขำไม่ออก ..เพราะนักวิชาการเผยแพร่ความมั่วซั่วเหล่านี้สู่สาธารณชน ..ถ้าเข้าใจไปคนเดียวน่ะก็ยังไม่เดือนร้อน ..แต่นี่สอนให้ชาวบ้านเข้าใจอย่างนี้ด้วยล่ะยุ่ง!
และวันที่ 4 นี่แหละครับ อ.คอลิดเป็นเจ้าแรก ที่บอกว่าการทำเสื้อนี่เป็นการเอาศาสนามาหากิน ร้านไหนขายบอกให้เขาเก็บไป ...แหม้ ทีแรกก็นึกว่ามีอิทธิฤทธิ์หยั่งรู้หัวใจของผู้อื่น แต่ไปๆมาๆนี่ไม่รู้อะไรเลยครับ ด่ามั่วโดยไม่รู้เรื่องราวความเป็นไป ...คนที่ทำเสื้อเรารักนบีน่ะไม่ได้ขายที่ร้านไหนเป็นแฟชั่นหรอกครับ.. เขาทำไว้หารายได้พิมพ์หนังสือแจก 1.)อิสลาม กับคำถามที่คุณอยากรู้คำตอบ 1,000 เล่ม (สำหรับคนกาเฟรฺ) 2.)คู่มือเลือกตั้งฉบับผู้ศรัทธา 10,000 เล่ม + โปสเตอร์ (สำหรับมุสลิม) หัวหน้ากลุ่มแจ้งว่า ได้รับเงินจากการขายเสื้อ 30,000 บาท ค่าพิมพ์เกินงบครับ ที่เหลือช่วยกันออกเอง
เพราะฉะนั้นอ.คอลิด ต้องเตาบัตครับ กลับคำพูดซะ ..
แล้วถ้าเรื่องขายของเกี่ยวกับศาสนาคือการเอาศาสนามาหากิน ..พูดอย่างงี้แย่เลยครับ ฆ่าตัวตายชัดๆ คนที่มีเหตุผล มีหลักการเขาเลิกเคารพนับถือกันหมดแหละครับ นอกจากพวกหลับหูหลับตาตาม!! ..เสื้อผ้าเอย.. ชุดละหมาดเอย.. หนังสือเอย.. แหวนสลักถ้อยคำเกี่ยวกับศาสนา..ฯลฯ อย่างงี้ไม่บอกว่าเอาศาสนามาหากินล่ะครับ?
เพราะฉะนั้นจะเป็นนักวิชาการต้องระวังคำพูด ..แต่ถ้าวุฒิภาวะไม่พอก็ไม่ต้องขึ้นเวทีซะ ..ไม่ต้องออกวิทยุ..เอ้าเก่งภาษาอาหรับใช่มะ? ไปสอนเด็กตามโรงเรียนสิ ไปสอนภาษาสิ...อย่ามาขึ้นเวทีฟัตวามั่วๆ
เพราะฉะนั้นเรื่องของเรื่องคือการทำลาย อีกฝ่ายหนึ่งจะทำอะไรก็ตามล่ะ ถ้ามีช่องฉันจะทำลาย! ..แต่ไปๆมาๆมากๆเข้ามันก็จะทำลายตัวเองได้เหมือนกัน .. แล้วเวลาจะพูดนี่ชี้ไปเลยครับ ใครพูด เขาพูดว่าไง ไม่ใช่ยกนู่นยกนี่ชักแม่น้ำทั้งห้า แล้วก็มาจับอีกฝ่ายยัดเข้าไป ..คนฟังที่ไม่ทันหรือไม่รู้ข้อมูลอีกฝ่ายก็จะเข้าใจว่า..แหม้..พวกนู้นมันไม่รู้หลักการอะไรเลยเว้ย!! |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
มุหัมมัด มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005 ตอบ: 210
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
al-farook มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005 ตอบ: 297 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Mon Apr 10, 2006 4:54 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้างจากคุณไออาเอฟ
แล้วทีนี้แหละครับ ให้ผู้ตักลีด(พวกเราและคุณก็ไม่ใช่นักหะดีษ)จะได้เลือกกันล่ะครับว่าจะตามการวินิจฉัยของนักหะดีษท่านไหน
วิจารณ์
แล้วนักหะดิษคือใครรับ คุณไออาเอฟ หรือว่าอ่านหะดิษมากๆและตักรีจหะดิษมากๆ ก็เป็นนักหะดิษไปเสียแล้ว เช่น ท่าน(มัรหูม)อัลบานีย์ ถ้าแบบนี้ ผมก็เป็นนักหะดิษได้นะครับ แต่นักหะดิษนั้น มันมีความหมายมากกว่านั้น ผมเองยังไม่เคยรู้เลยว่า ท่านอัลบานีย์ มีอาจารย์เกี่ยวกับหะดิษ และได้รับอิญาซะฮ์ อิสนาด (สายรายงานสืบ) ถึงท่านนบีมุหัมมัด แต่มี"อิญาซะฮ์"ครับ
และสิ่งที่คุณนำเสนอมาเกี่ยวกับ เรื่องการสกรีนเสื้อนั้น ผมเองเข้ามา ก็อยากแค่อ่านเท่านั้น แต่คุณก็ยังพาลใปยังแนวทางอื่นที่คุณชอบทำ ก็เลยต้องถูกพวกเราท้วงติงและสนทนาคัดค้านบ้าง หวังว่าคุณคงไม่รำคาญนะครับ เนื่องจากมันมันจากตัวคุณเอง ผมว่า บังมุหัมมัด มันเหมาะสมในการสนทนากับคุณนะ
อัล-ฟารูก _________________ นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Mon Apr 10, 2006 8:51 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อัสลามุอลัยกุม คุณ มูฮำหมัดครับ
ดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาส สนทนากับคุณเป็นครั้งแรก
ผมไม่ได้กล่าวนะครับ ว่าทำต่อหน้ารูปเจว็ด และผมก็ไม่ได้คิดว่า เวปผู้จัดการจะโพสต์ โดนใจใคร และผมก็ไม่ใช่วะฮาบีย์ แต่ก็ไม่ได้ตามใครเป็นหลัก แต่เมื่อมีสิ่งที่ดีกว่านำมาเสนอก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลง
ปัญญาของผมมันบอกว่าสิ่งนี้ มันคัดค้าน ถึงคุณจะบอกว่าไม่บิดอะห์ แต่มันเหตุผลอะไรที่เราจะต้องไป ไปทำสิ่งนี้
นี่ผมหนีเสือ จากการฮุ่กุ่มว่าใครลงนรก แล้วต้องมาประกับจระเข้ โต๊ะครู ปากไวอย่างคุณหรอเนี่ย
ทำหน้าที่บนแนวทางที่ถูกต้องนะครับ ผมจะได้ปฎิบัติตาม คุณมูฮำหมัด |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Mon Apr 10, 2006 8:55 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ผมลืมบอกไปคุณมูฮำหมัดครับ
เขาเชิญมุสลิมไปกินบุญ แล้วต้องเชิญพุทธ เชิญพราหมณ์ไป เพราะเขาต้องการครอบคลุมพระเจ้าทั้งหมด ที่มีอยู่ในสากลจักรวาลใบนี้ ตามความเชื่อของเขา
เป็นผู้รู้ ใช้ปัญญาคิดด้วยนะครับ ประยุกต์จากหลักการ ในการกิยาส ตามที่คุณได้ร่ำเรียนมาด้วย ก็น่าจะดี |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Konyakroo มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006 ตอบ: 244
|
ตอบ: Mon Apr 10, 2006 12:10 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คุณไออาอฟ
2. คำว่า บิดอะฮฺ หรือ อุตริกรรม เป็นคำศัพท์เฉพาะ นักปราชญ์ซุนนะฮฺที่พูดถึงเรื่องนี้อย่างละเอียด เช่น อิมามชาฏิบียฺ หรือ อิมามอิบนิตัยมียะฮฺ ได้ให้คำนิยามคล้ายๆกันว่า [U]เป็นเรื่องประดิษฐ์ทางศาสนา ...ซึ่งมีลักษณะคล้ายลักษณะการกระทำที่ถูกต้อง(แต่มันไม่ถูกต้อง) และผู้กระทำมีจุดมุ่งหมายในการแสวงผลบุญด้วยอุตริกรรมนั้น คำนิยามนี้เป็นคำอธิบายที่รอบคอบและละเอียดมาก
วิจารณ์---
---คำตอบ..ข้างบนของไออาเอฟนั้น ยังไม่ชัดเจนครับ ที่บอกว่าบิดอะหรืออุตริกรรมนั้น เป็นคำศัพท์เฉพาะนักปราชญ์ซุนนะ อย่างเช่น อีหม่ามชาฏิบีย์ และอีหม่าม อิบนิตัยมียะคำตัดสินในคำพูดหรือคำยอมรับในความหมายของคำบิดอะของอีหม่ามที่นับถือและคุณยกมาอ้างนั้นไม่เพียงพอครับ...
เพราะการที่คุณจะเอาคนทั้งสองมาเป็นมาตรฐานในการให้ความหมายในคำว่าบิดอะนั้น ถือว่าไม่ถูกต้อง และท่านทั้ง 2 นั้นไม่ได้เป็นอุลมะฮาดีสหรือผู้รู้ซึ้งในอัลฮาดีสที่บรรดานักปราญช์
ฮาดีสให้การยอมรับ..และการให้ความหมายในคำๆนี้เป็นแค่คำพูดของหรือความเห็นเท่านั้นครับ..ที่ไม่ได้ยึดคำจากบรรดานักฮาดีสที่โลกยอมรับโดยตรง....
แต่คำนิยามในคำว่าบิดอะนั้นมันต้องเป็นที่รู้จักในนักปราญชน์สายของฮาดิสเท่านั้นครับ
โดยเฉพาะสมัยของท้นอีหม่ามทั้ง4ครับ นี่ถือว่า...บรรดาผู้รู้ในยุคสมัยนั้นให้การยอมรับครับ..
และคำว่าบิดอะคือกิจกรรมที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมา โดยตัวอย่างหรือที่มาจากรากฐานศาสนา.
จาก อัลมุตะมัด..
ไม่ใช่ยอมรับ เฉพาะการให้ความหมายของ อีหม่าม อิบนิตัยมียะและช่าฏิบีย์?เท่านั้นอีกอย่างท่านทั้งสองไม่ได้เป็นผู้มีความรู้มากมายและไม่ได้เป็นคนในยุคสลัฟแอย่างใด
ซึ่งจะเอาคำพูดที่ขัดแย้งกับอุลามะยุคก่อนไม่ได้โดยเฉพาะการวินิจฉัยหรือการให้ความเห็นในปัญหาด้านศาสนาครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
และคำพูดหรือคำกล่าวของ..เชคริฎอในเรื่องการให้ความหมายเรื่องบิดอะนั้นก็ถือว่าจะนำมายึดถือหรือตามไม่ได้เช่นเดียวกันครับ ...เพราะท่านไม่ได้เป็นนักมุฮาดีษีนแต่อย่างใดครับ ฮ้าๆๆๆ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Konyakroo มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006 ตอบ: 244
|
ตอบ: Mon Apr 10, 2006 12:41 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ทุกๆคน
ผมคนหนึ่งที่ไม่เชื่อเลยว่าคนที่มีความรู้ด้านศาสนาที่ถุกเชิญไปทีทำการพรรคปรชาธิปัตย์แล้วซอลาวาตท่านนบีต่อหน้าเจว็ด .
ผมว่าคนที่นำเรื่องนั้มาเป็นคนที่โกหกและใส่ร้ายผู้คนเหล่านั้นอย่างไม่มีเหตุผล
ในพรรคประชาธิปัตย์นั้นมีสส.และสว.เป็นมุสลิม ก็มานะครับ และคนที่เชิญเขาก้เป็นสส.หรือสว.มุสลิมด้วย เช่นท่านดร สุรินทร์ ท่าน ธารินทร์ ท่าน สรุเชษฐ์ ฯลฯเขาเหล่านั้นเป็นมุสลิมทั่เคร่งครัดในหลักศาสนา แต่เขาไม่ได้เป็นวะฮาบีย์เท่านั้น เพราะเขาตักลีดในแนวทางของ
อัชชาฟีอีย์(รฮ) และการทำบุญหรือการจัดเลี้ยงเขาก็แยกสถานที่นะครับ และเขาเหล่าสนั้นก็ระวังเรื่องฟิตนะเป็นพิเศษครับ..
ผมไม่ทราบว่า ผู้ที่นำเรื่องนี้มามีจุประสงค์อะไร..
ที่คุณดับดุลลากล่าว่า...เขาเชิญมุสลิมไปกินบุญ แล้วต้องเชิญพุทธ เชิญพราหมณ์ไป เพราะเขาต้องการครอบคลุมพระเจ้าทั้งหมด ที่มีอยู่ในสากลจักรวาลใบนี้ ตามความเชื่อของเขา
เป็นผู้รู้ ใช้ปัญญาคิดด้วยนะครับ ประยุกต์จากหลักการ ในการกิยาส ตามที่คุณได้ร่ำเรียนมาด้วย ก็น่าจะดี
ผมไม่ทราบว่าคุณนั้น มาจากหลุมไหนกันแน่ ที่คุณนั้นจะกินปูนร้อนท้องไปเสียหมด
----เขาจะเชิญใครศาสนาไหนก็เรื่องของเจ้าภาพนะครับ เขามีสิทธิเชิญได้
แต่ในความเข้าใจของผม สส.หรือสว.มุสลิมนั้นจะแบ่งงานกันรับผิดชอบไม่ว่าการจัดหาอาหารหรือการจัดทำพิธิกรรมในศาสนาของตนเองและในการเชิญ ใครเหล่านั้น เพราะสมาชิกพรรคมันมีอยู่หลายศาสนา แล้วมันผิดหรือครับ ถ้าแต่ละฝ่ายเขาต่างก็มีเงินอุดหนุนและทางพรรคเองก็เปิดกว้างในเรื่องนี้
ประเด็นมันอยู่ที่ว่าผู้รู้หรือผู้ที่ถูกเชิญเหล่านั้น เข้าไปร่วมพิธีกรรมกับศาสนาอื่นหรือไม่
หน้าที่ของผู้นำเรื่องนี้มา คือ คุณต้องหาหลักฐานที่ชี้ชัดว่า มีคนมุสลิมหรือผู้รู้ในมุสลิมได้กระทำอย่างนั้นจริงๆไม่ใช่ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับมากระเดียด จนกลายเป็นฟิตนะไม่รู้จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
และที่คุณว่า
ผมไม่ได้กล่าวนะครับ ว่าทำต่อหน้ารูปเจว็ด และผมก็ไม่ได้คิดว่า เวปผู้จัดการจะโพสต์ โดนใจใคร และผมก็ไม่ใช่วะฮาบีย์ แต่ก็ไม่ได้ตามใครเป็นหลัก แต่เมื่อมีสิ่งที่ดีกว่านำมาเสนอก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลง..
ตอบแต่การสือความหมายของคูณในบทสนทนามันชี้ให้เห็นว่าคุณเข้าใจอย่างนั้นฮ้าๆๆ
คุณออกตัวว่าไม่ใช่วะฮาบีย์ อ้างแล้วคุณเป็นใครครับ ถึงไม่มีแนวทางในการดำเนินชีวิต หรือว่าคุณละอายใจตัวเอง ฮ้าๆๆๆ
ปัญญาของผมมันบอกว่าสิ่งนี้ มันคัดค้าน ถึงคุณจะบอกว่าไม่บิดอะห์ แต่มันเหตุผลอะไรที่เราจะต้องไป ไปทำสิ่งนี้
คุณจะเอาปัญญาของคุณมาตจัดสินว่าเป็นบิดอะหรือไม่นั้นย่อมไม่ถุฏต้องครับเพราะเราคุยในเรื่องประเด็นของศาสนาอยู่นะครับ
นี่ผมหนีเสือ จากการฮุ่กุ่มว่าใครลงนรก แล้วต้องมาประกับจระเข้ โต๊ะครู ปากไวอย่างคุณหรอเนี่ย
ทำหน้าที่บนแนวทางที่ถูกต้องนะครับ ผมจะได้ปฎิบัติตาม คุณมูฮำหมัด
ทุกวันนี้มี...ตรงไหนที่คุณมูฮำมัดและนักศึกษากระทำแล้วมันผิดหริอไม่มีรูปแบบที่ถูกต้องละครับท่านคุณ... ดับดุลลา...
หรือไม่ถูกต้องในศาสนาอัลอิสลาม แต่ขอว่าคุณอย่าเอา แบบอย่าง ของวะฮาบีย์สลัฟพันธ์เทียม
หรือซุนนะของวะฮาบีย์มาเปรียบเทียบหรือฮูกมเรานะครับ คักๆๆๆ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
yoohoo มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: 17/02/2004 ตอบ: 65
|
ตอบ: Mon Apr 10, 2006 3:45 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
เอาเป็นว่า "อยู่หลังเจว็ด" "อยู่ด้านข้าง ๆ ของเจว็ด" "อยู่ห่างจากจเว็ดตั้ง 50 เมตร"ละกันดีมั้ยจะได้ถูกต้อง หรือเลี่ยงได้จากการกระทำเช่นนี้รึป่าว เพราะถ้าอยู่หน้าเจว็ดนั้นคงไม่ถูกต้องใช่มั้ย
ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่าการเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาเช่นนี้ถูกต้องใช่มั้ย จะได้ใช้เป็นบัญญัติบรรทัดฐานให้แก่มุสลิมอื่น ๆ ที่สามารถจะเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาเช่นนี้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ขอถามผู้รู้ทั้งสองฝ่ายอีกเช่นเคยละกันว่า เมื่อคุณพบเห็นสิ่งที่เป็นบิดอะห์ในฐานะของผู้ที่เป็นนักเผยแผ่ หรือกำลังจะเป็นนักเผยแผ่ศาสนา คุณจะ
1. ต่อต้าน คัดค้าน
2. เพิกเฉย ไม่ใส่ใจ
3. สนับสนุน เผยแผ่ต่อ ๆไป
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Konyakroo มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006 ตอบ: 244
|
ตอบ: Mon Apr 10, 2006 4:15 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
1.มองคนในแง่ดีไว้ก่อนครับ
2.มองเจตนาของเขาก่อนครับ
3.ดูการกระทำทางกาย ใจ วาจาที่แสดงออกว่าขัดกับบัญญัติขอ้ห้ามข้อใช้หรือไม่
ข้อสุดท้ายคือ ถ้ายังไม่ชัดเจน ก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินหรือฮูกมว่าคนนั้นผิดหรือถูก
และที่สำคัญต้องศึกษารายละเอียดในสิ่งที่ศาสนายินยอมหรือให้กระทำในเรื่องนี้ได้หรือไม่
สรุปแล้วคนที่เข้าใจอะไรโดยไม่มีความชัดเจน นั้น เขานั้นจำเป็นต้องรู้ในบทบัญญัติในหลักการของศาสนาอย่างท่องแท้เสียก่อนครับ..ถึงจะฮูกมใครเหล่านั้นได้
ซึ่งในบางครั้งการกระทำหรือพฤติกรรมนั้น ก็ไม่สามารถที่จะตัดสินเขาเหล่านั้นได้ว่าผิดหรือถูกได้
---------เพราะที่ตราบใดที่..คนที่ฮูกมหรือใส่ร้ายผู้อื่นนั้น ไม่ได้เข้าใจในนิยาม ในคำว่าบิดอะฮ์
มันก็ไม่แตกต่างอะไรกับ --------การสีซอให้ควายฟัง---------
เพราะสีไปก็ไม่รู้เรื่องครับ....แต่เรื่องเปิดเพลงเร่งให้ต้นไม้ออกผลผลิตนี่มันก็น่าคิดเนอะ..ฮิๆๆ
คำเตือน
เรื่องการฮูกมว่าคนั้นผิดคนนี้ถูก อาจเป็นอันตรายต่ออีหมานต่อเองครับ
ทางที่ดีควรอทำการศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียดครับ... |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
truth มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 10/04/2006 ตอบ: 5
|
ตอบ: Mon Apr 10, 2006 10:02 pm ชื่อกระทู้: truth |
|
|
การแสดงความรักต่อท่านนบีนั้นโดยตัวของมันเองแล้วเป็นเรื่องของศาสนาดังนั้นเราต้องแยกให้ออกเป็นประเด็นดังนี้
1. การแสดงความรักต่อท่านนบี ( ซึ่งเป็นเรื่องของศาสนาและศาสนาใช้ให้กระทำด้วย ) บวกกับ การทำเสื้อหรือเย็บปักถักร้อย หรือ สกรีนเสื้อ ซึ่งโดยตัวของมันเองแล้วเป็นเรื่องทางโลกไม่เกี่ยวกับศาสนาแต่อย่างใด และในขณะที่ทำเสื้อนี้ออกมาก็ไม่มีพิธีกรรมทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
2.การแสดงความต่อท่านนบี ( ซึ่งเป็นเรื่องของศาสนาและศาสนาใช้ให้กระทำด้วย ) บวกกับ การทำเมาลิดซึ่งการทำเมาลิดนั้นจะมีพิธีกรรมทางศาสนาเข้ามาผนวกด้วยเช่นการกล่าวสรรญเสริญนบีพร้อมๆกัน และพิธีกรรมอื่นๆที่เกี่ยวกับศาสนา ซึ่งข้อนี้แตกต่างจากข้อแรก ( ข้อ 1 ) ซึ่งไม่มีพิธีกรรมทางศาสนาใดๆทั้งสิ้นมาเกี่ยวข้องในขณะที่กำลังสกรีนเสื้อออกมา
3.การแสดงความต่อท่านนบี ( ซึ่งเป็นเรื่องของศาสนาและศาสนาใช้ให้กระทำด้วย ) บวกกับ การจัดงานที่เกี่ยวกับท่านนบีโดยไม่มีการเจาะจงวัน และไม่มีพิธีกรรมทางศาสนาใดๆเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นการจัดนิทัศการแสดงชีวประวัติของท่านศาสดา ซึ่งการจัดนิทัศการโดยตัวของมันแล้วเป็นเรื่องทางโลก ซึ่งข้อ 3 นี้ก็ต่างไปจากข้อที่ 2 ตรงที่ข้อ 3 นี้ไม่มีพิธีกรรมใดๆทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง
ในกรณีเช่นนี้ถ้าเราบอกว่า ข้อที่ 1 ทำไม่ได้เป็นบิดอะฮฺ ก็เทากับว่าเป็นการปฏิเสธข้อ 3 ไปในตัว แต่ถ้าเรายอมรับว่าข้อที่ 1 สามารถที่จะทำได้ก็เท่ากับว่าเรายอมรับ ข้อ 3 ไปในตัวเช่นกันว่าทำได้ ไม่เป็นบิดอะฮฺ ส่วนข้อที่ 2 นั้นทำไม่ได้แน่ เป็นบิดอะฮฺ เพราะ เอาเรื่องศาสนา ( ที่ศาสนาส่งเสริมให้กระทำ นั้นคือการรักท่านนบี ) มาบวกกับ เรื่องศาสนาที่ไม่มีแบบอย่างจากท่านนบีและซอฮาบะฮฺ (นั้นคือจัดเมาลิดและมีพิธรกรรมศาสนาต่างเข้ามาผนวก) เรื่องแรกเป็นสิ่งที่มีแบบอย่าง แต่เรื่องหลัง ( จัดเมาลิดและมีพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ) เป็นสิ่งที่ไม่มีแบบอย่าง พอมาผนวกเข้าด้วยกับจึงทำให้กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า บิดอะฮฺ
ทั้งสามข้อที่ยกมาเป็นสิ่งที่ บรรดาซอฮาบะฮฺสามารถกระทำได้โดยไม่มีปัจจัยอะไรมาขัดขวางไม่ให้กระทำ
เมื่อถึงตรงนี้ก็ลองอ่านอย่างพิจารณาดูก็แล้วกัน และ แยกให้ออกระหว่างเรื่องทางโลกโดยตัวของมันเอง กัน เรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาโดยตัวของมันเอง เช่น การเย็บปักถักร้อย โดยตัวของมันเองเป็นเรื่องทางโลก กับ การอ่านกุรอาน หรือการขอดุอาหรือการกล่าวสรรเสริญท่านศาสดา ซึ่งโดยตัวของมันเองเป็นเรื่องศาสนา ที่สำคัญคือแยกให้ออก |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
truth มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 10/04/2006 ตอบ: 5
|
ตอบ: Mon Apr 10, 2006 10:16 pm ชื่อกระทู้: truth |
|
|
การมานั่งรวมกันเป็นกลุ่มโดยตัวของมันเองแล้วไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาหรือพิธีกรรมทางศาสนา แต่ถ้ามานั่งรวมกันเป็นกลุ่มและอ่านอัลกุรอานต้นใดต้นหนึ่งเป็นการเฉพาะและมีพิธีกรรมอื่นๆทางศาสนาเข้ามาผนวกด้วย โดยกระทำกันเป็นการเฉพาะหรือเป็นกิจลักษณะ อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง โดยไม่มีรูปแบบการกระทำจากท่านนบีและซอฮาบะฮฺ การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นบิดอะฮฺแน่นอน เช่น การกินบุญคนตาย การ ทำอะกีเกาะฮฺให้เด็กและมีการอ่าน บัรซันยี ร่วมถึงพิธีกรรมทางด้านศาสนาอื่นๆ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Mon Apr 10, 2006 10:27 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อัสลามุอลัยกุม ครับ คุณ คนอยากรู้
ผมไม่จำเป็นที่จะต้องเดินตาม แนวทางของผู้ใด ถ้าหากสิ่งนั้นทำให้ผมต้องยึดติดอยู่กับมัน และไม่สามารถหันเห ออกไปได้ และก็ไม่ได้ละอายใจ อะไรทั้งสิ้น
ผมพร้อมในการเปลี่ยนแปลงตัวของผมเอง เมื่อมีหลักฐานที่ชัดเจนกว่า และถูกต้องกว่า
ไม่ใช่คุณคนเดียวที่รัก อุลามาอ์ แล้วชาวบ้าน ไม่มีใครเขารักเลย ผมย้ำหลายครั้งแล้ว
ผมไม่มีความสามารถในระดับของการไปฮุกุ่มคนโน้นคนนี้ได้หรอกครับ ผมอาศัยข้อมูลความรู้ที่มีอยู่มาปฎิบัติ
ถ้าคุณพิจารณาอย่างเป็นกลางไม่ได้ ผมว่าคุณกลับมาขายข้าวหมกดีกว่า อย่าเป็นเลยโต๊ะครูน่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Mon Apr 10, 2006 10:35 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อัสลามุอลัยกุม คุณคนอยากรู้
.. ที่คุณดับดุลลากล่าว่า...เขาเชิญมุสลิมไปกินบุญ แล้วต้องเชิญพุทธ เชิญพราหมณ์ไป เพราะเขาต้องการครอบคลุมพระเจ้าทั้งหมด ที่มีอยู่ในสากลจักรวาลใบนี้ ตามความเชื่อของเขา
เป็นผู้รู้ ใช้ปัญญาคิดด้วยนะครับ ประยุกต์จากหลักการ ในการกิยาส ตามที่คุณได้ร่ำเรียนมาด้วย ก็น่าจะดี
ผมไม่ทราบว่าคุณนั้น มาจากหลุมไหนกันแน่ ที่คุณนั้นจะกินปูนร้อนท้องไปเสียหมด
----เขาจะเชิญใครศาสนาไหนก็เรื่องของเจ้าภาพนะครับ เขามีสิทธิเชิญได้ ..
ผมไม่ได้มาจากหลุมเดียวกับคุณแน่นอน คุณคนอยากรู้
"เขาจะเชิญศาสนาใหนก็เรื่องเจ้าภาพ" เออดีเนอะตอบแบบขวานผ่าซาก |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|