ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Mon Feb 27, 2006 3:21 am ชื่อกระทู้: |
|
|
บังมุหัมมัด เข้ามาทีไร กระดานเสวนาต้องร้อนรุ่มกันทุกที ผมเข้ามาดูแล้ว ขำเลยครับ ที่บังมุหัมมัดแกยังรักษารูปแบบการสนทนาของตนเองไว้อย่างเหนียวแน่น แต่ผมอยากออกความเห็นกับบังมุหัมมัดว่า โปรดยกเว้นบังอะสันของผมสักคน เพราะบังเขาอวุโสแล้ว และเกรงว่าจะขาดผู้ร่วมสนทนาฝ่ายของวะฮาบีย์อีก แล้วพวกเราจะสนทนาชี้แจงกับใครละ
อ้างอิงจากบังอะสัน
อย่าเอาความคิดหัวโบราณที่ว่า อุลามาอยุคกอ่นเท่านั้นที่เก่ง อุลามาอฺยุคหลัง ไม่เก่ง มันล้าสมัยแล้วอย่ามาอ้างเลยนะจ้ะ
ตอบ
หากบังอะสันและคณะ เชื่ออย่างนี้ก็ดีนะครับซิครับ ซึ่งมันเป็นเจตนารมณ์ของเราเลยครับ และผมเองก็เคยชี้บอกกล่าวจุดยืนไปแล้ว ในหน้าแรก ของกระทู้นี้ ในภาคที่หนึ่ง ซึ่งผมเคยกล่าวไปว่า
" ดังนั้น ความเข้าใจของบรรดามุจตะฮิดนั้น ไม่ว่าจะเป็น สะลัฟ หรือ เคาะลัฟ ก็ถูกพิจารณาได้ว่าเป็นหลักชาเราะอฺสำหรับคนเอาวามทั่วไปที่ไม่สามารถเข้าใจอัลกุรอานและซุนนะฮฺโดยตรงได้ และมติอิจญฺมาอฺของบรรดามุจตะฮิด ไม่ว่าจะเป็นยุคสะลัฟ หรือเคาะลัฟ นั้น ถูกพิจารณาว่าเป็นหลักชาเราะอฺ เป็นหลักฐานตามหลักชาริอะฮฺได้ แต่สิ่งที่อื่นจากนั้นย่อมถือว่าไม่ถูกต้อง!!
ได้มีหะดิษที่ซอเฮียะฮฺโดยการสนับสนุนจากสายรายงานอื่น มีความว่า
مثل أمتى مثل المطر ، لا يدرى أوله خير أم أخره
" ประชาชาติของฉัน อุปมาดังสายฝน โดยที่ไม่รู้ว่าฝนช่วงแรกหรือช่วงหลังที่ดีกว่ากัน " รายงานโดยอิมามอะหฺมัด เล่ม 3 หน้า 130 และท่านตัรมิซีย์ เล่ม 5 หน้า 152 ฮะดิษที่ 2869
และการที่เราอ้างอิง หะดิษ และความเข้าใจหะดิษของอุลามาอ์สะลัฟ และอุลามาอ์ผู้มีภูมิธรรม ในยุคก่อน มายืนยันบังอะสันและคณะนั้น ก็เพราะว่า คณะวะฮาบีย์ของบังอะสัน อ้างว่า ตามสะลัฟ อ้างว่าจะตามความเข้าใจของสะลัฟ พอเราพูดอะไร ก็จะมีคำพูดออกมาว่า สะลัฟเขาทำหรือเปล่า สะลัฟเข้าใจกันอย่างนี้หรือเปล่า? การแบ่งบิดอะฮ์มีในยุคสะลัฟหรือเปล่า? อะไรอย่างเงี๊ย...
แต่ผมก็แปลกใจเหมือนฟ้าผ่าลงบนกระหม่อมของผม เมื่อบังอะสันได้แอบคำกล่าวและความเข้าใจของอุลามาอ์ปัจจุบัน ที่ขัดแยังกับอุลามาอ์ยุคก่อนและส่วนมากจากอุลามาอ์ปัจจุบัน แล้วก็มาบอกว่า การที่เราคิดว่า อุลามาอ์ยุคก่อนเก่งว่านั้น มันเป็นความคิดที่โบราน แต่เวลาเราอ้างอุลามาอ์ยุคนี้ ดันไปมีคณะฝ่ายของบังอะสันอาจจะท้วงว่า เขาไม่ใช่สะลัฟ... แต่เวลาเรายกอ้างอิงสะลัฟและเชื่อว่าสะลัฟเข้าใจเก่งกว่า บังอะสันก็กลับบอกว่า มันเป็นความคิดโบราน ฮ๋า ฮ๋า แบบนี้เขาเรียกว่า ไม่มีจุดยืน ลมพัดไปทางใหน ก็ไปทางนั้น คือให้มีทางไปก็แล้วกัน จะสะดุดเท้าตนเอง ก็ไม่สนใจ ขอให้รอดไว้ก่อนว่างั้นเถอะ
แต่พออุลามาอ์ของเรายุคปัจจุบันเข้าใจตัวบทอย่างนั้น อย่างนี้ บังอะสันก็ดันไม่ยอมรับอีก และบอกว่ามันเป็นบิดอะฮ์ ดังนั้น เมื่อเราพยายามยกอ้างอิงจากอุลามาอ์สะลัฟ และบรรดาอุลามาอฺผู้มีภูมิธรรมบังอะสันยังไม่ให้การยอมรับ แล้วมันมีประโยชน์อะไรกับเราล่ะ หากเราได้ยกทัศนะของบรรดาอุลามาอ์ปัจจุบันของเรามาเสนอ
แล้วบังอะสันก็ยกอ้างจาก อิบนุตัยมียะฮ์ แล้วถ้าผมบอกไปบ้างว่า "เฮ้ยยยยย อุลามาอ์ที่ยุคหลังจากอิบนุตัยมียะฮ์ ที่เก่งกว่า แจ๋วกว่า ก็มีมากมาย คำกล่าวของอิบนุตัยมียะฮ์ฟังไม่ขึ้นหรอก" บังอะสันได้ยินอย่างนี้ ก็หูร้อนอีก
สรุปว่า ในตามทัศนะของเรานั้น บังอะสันจะยกอุลามาอ์ใหนมาก็ได้ เพราะสำคัญที่หลักฐาน หากหลักฐานฟังขึ้น เราก็จะรับพิจารณา แต่นี่บังอะสัน ยกอ้างมากี่คนๆ ก็ถูกเราหักล้างหลักฐานได้อยู่ร่ำไป จนบังอะสันเจอทางตัน เลยจำใจต้องถามพวกเราว่า " ยกหะดิษที่ชัดๆมาสักบทจากท่านนบีมาสักบทที่เศาะเหียะที่ท่านนบีบอกว่า อนุญาตให้คิดบิดอะฮที่ดี ให้ชัดๆ มาเลย " แต่พวกเราเอง ก็อยากจะถามเหมือนกันแหละว่า "มีหะดิษใดบ้างที่ ห้ามการกระทำสิ่งที่อุตริขึ้นมาใหม่ที่ดี" ? แต่เราไม่ถามอย่างนั้น เนื่องจากเรามีหลักฐานแน่นเปรี๊ยะอยู่แล้ว
และบังอะสันสมควรเข้าใจว่า เรากำลังคุยในประเด็นฟิกห์ ซึ่งคำว่า "ฟิกฮ์" นั้น ตามหลักภาษาหมายถึง "ความเข้าใจ" คือเราต้องทุ่มเทความเข้าใจในในการวินิจฉัยตัวบท หากเราจะเอาฮุกุ่มแต่ละอย่างที่ต้องมีหะดิษบอกมาอย่างชัดๆเลยนั้น หนังสือฟิกห์ หรือกฏหมายอิสลาม ก็คงมีฮุกุ่มที่รวบรวมได้แค่หนังสือเล่มเดียว เงินที่เราฝากธนาคาร แล้วเขาให้เพิ่มเรามานั้น มีหะดิษใหนบ้างหรือ ที่ชัดๆเจนเลยบอกว่ามันหะรอม? อันนี้ย่อมไม่มี แต่ต้องใช้ความเข้าใจของตัวบทมาพิจารณา การประกันชีวิตนั้น มีตัวบทชัดๆใหมว่ามันหะรอม อันนี้ก็ไม่มี แต่ต้องใช้ความเข้าใจหรือวินิจฉัยจากตัวบท ดังนั้น หากบังอะสันจะใช้คำถามที่ว่า "มีหะดิษบอกให้ทำบิดอะฮ์หะสะนะฮ์แบบชัดๆใหม" มาตัดสินนั้น ผมว่า คนมุสลิมกินเงินที่ธนาคารเพิ่มมาให้แน่ๆ เพราะเขาใช้หลักการแบบบังอะสันที่ว่า "มีหลักฐานจากนบี(ซ.ล.)ชัดๆใหม ที่บอกว่ามันหะรอม" มีหะดิษบอกชัดๆใหมว่า ให้ทำลายร่องรอยต่างๆของท่านนบี(ซ.ล.) ? แบบนี้มันจะพังได้นะครับ หากคนพาล เขาจะนำคำถามแบบสไตย์บังอะสันมาใช้ในเรื่องศาสนาเนี่ย
และขอบใจ เรื่อง การนำเสนอหลักฐานจากอัลกุรอาน ที่ยอมรับและชี้ถึงการมีบิดอะฮ์ที่ดี มาด้วย คำว่า "อัรรอฮฺบานียะฮ์" ที่เป็นบิดอะฮ์ที่ดี ตามทัศนะของบนีอิสรออีลนั้นที่อัลกุรอานรับรองไว้นั้น มันมี 3 ความหมายตามทัศนะของพวกเขา มีอยู่ 1 ความหมายที่อิสลามปฏิเสธ และอีกสองความหมายที่อิสลามไม่ได้ปฏิเสธ รายละเอียดเป็นอย่างไร ก็โปรดติดตาม ผมต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อนครับ
พอบังอัล-ฟารูกเข้ามา สหาย ก็หายหน้ากันไปหมด เพราะคิดว่า บังอัล-ฟารูกสนทนาคนเดียวก็พอ บังคนอยากรู้ครับ แบบนี้บังอัลฟารูกก็เหนื่อยอะดิ ฮ่าๆ _________________ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Mon Feb 27, 2006 11:41 am ชื่อกระทู้: |
|
|
น้อง al-azhary กล่าวว่า
และบังอะสันสมควรเข้าใจว่า เรากำลังคุยในประเด็นฟิกห์ ซึ่งคำว่า "ฟิกฮ์" นั้น ตามหลักภาษาหมายถึง "ความเข้าใจ" คือเราต้องทุ่มเทความเข้าใจในในการวินิจฉัยตัวบท หากเราจะเอาฮุกุ่มแต่ละอย่างที่ต้องมีหะดิษบอกมาอย่างชัดๆเลยนั้น หนังสือฟิกห์ หรือกฏหมายอิสลาม ก็คงมีฮุกุ่มที่รวบรวมได้แค่หนังสือเล่มเดียว เงินที่เราฝากธนาคาร แล้วเขาให้เพิ่มเรามานั้น มีหะดิษใหนบ้างหรือ ที่ชัดๆเจนเลยบอกว่ามันหะรอม? อันนี้ย่อมไม่มี
...........................................
ตอบ
อีกแล้วคร้าบท่าน ที่นี้เล่นไปเอาดอกเบี้ยจากธนาคาร มาอ้างหลักฐาน เพื่อ ดำรงไว้ซึ่ง บิดอะฮ เลยน้ะ...ฮะฮา น้องบ่าวครับ เมื่อมีหะดิษระบุชัดอยู่แล้วว่า كل بدعة ضلالة ทุกบิดอะฮ เป็นการหลงผิด ดังนั้น ทางรอดของเราคือ อย่าไปสนใจเรื่องบิดอะฮ และพยายามรักษา สุนนะฮ ที่ชัดเจนอยู่แล้ว แค่นี้ก็จบ การประกอบศาสนกิจ ให้ถือเอาแบบอย่างของท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เพียงแค่นี้ก็พอแล้ว ทำไมต้องเอาบิดอะฮ มาทำผักชีโรยหน้าด้วย ..ฮะฮา แล้วเมื่อเรียนจบมา น้องมีเป้าหมายอะไร (จงกาเครื่องหมาย ถูก ในช่องว่าง หน้าข้อที่เห็นว่า เป็นเป้าหมายของตน)
1. ............แก้ไขความไม่ถูกต้องในเรื่องศาสนา ให้เป็นไปตามแนวทางสะลัฟ
2. ............ลาภยศ ตำแหน่ง และ ความนิยมจากชาวบ้าน
.
น้อง al-azhary กล่าวว่า
" คือเราต้องทุ่มเทความเข้าใจในในการวินิจฉัยตัวบท หากเราจะเอาฮุกุ่มแต่ละอย่างที่ต้องมีหะดิษบอกมาอย่างชัดๆเลยนั้น หนังสือฟิกห์ หรือกฏหมายอิสลาม ก็คงมีฮุกุ่มที่รวบรวมได้แค่หนังสือเล่มเดียว
...................................
ตอบ
เอ้า..อย่างนี้ก็มีด้วย อยากได้หนังสือหลายเล่ม ที่สอดใส้ความเห็นเข้าไป แล้ว เอาบิดอะฮมาปรุงแต่ง มาเสริมให้มากเล่ม ฮะฮา.. เล่มเดียว คงจะไม่เต็มตู้โชว์ซิท่า
เงินที่เน้อง al-azhary กล่าวว่า
เราฝากธนาคาร แล้วเขาให้เพิ่มเรามานั้น มีหะดิษใหนบ้างหรือ ที่ชัดๆเจนเลยบอกว่ามันหะรอม
................
ตอบ
อีกแล้วครับท่าน ศิษย์อัลอัซฮาร เอาอีกแล้ว |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al_katsir มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 27/12/2005 ตอบ: 9
|
ตอบ: Mon Feb 27, 2006 1:24 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อยากให้ อัลอัซฮารียะฮฺ ทั้งหลาย
อธิบายเกี่ยวกับ สะบาบุนนุศูม ของฮาดิษ من سن في الاسلام เพิ่มเติมน่ะครับ
โดยเฉพาะส่วนของ อิมามนาวาวีย์
รู้สึกยังไม่เคลียร์ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Tue Feb 28, 2006 4:52 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เรามาลองตั้งคำถาม และตอบ เกี่ยวกับหะดิษ
من سن في الإسلام سنة حسنة فله أجرها وأجر من عمل بها بعده من غير أن ينقص من أجورهم شيء ومن سن في الإسلام سنة سيئة كان عليه وزرها ووزر من عمل بها من بعده من غير أن ينقص من أوزارهم شيء
1. คำว่า سنة ทั้งสองคำในหะดิษนี้ หมายถึงซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) หรือไม่ ?
ตอบ ไม่ใช่ เนื่องจากนบี(ซ.ล.) ไม่มีซุนนะฮ์ประเภทที่เลว ดังนั้น ซุนนะฮ์ในหะดิษนี้ หมายถึงในเชิงภาษา หมายถึงแนวทาง
2. คำว่า سن ในหะดิษนี้ หมายถึง "การฟื้นฟู" หรือไม่ ?
ตอบ ไม่ใช่ เพราะว่า ไม่มีซุนนะฮ์ที่เลว سنة سيئة ที่นบี(ซ.ล.) ใช้ให้ฟื้นฟู
3. คำว่า سن ในหะดิษนี้ หมายถึงการริเริ่มกระทำขึ้นมา หรือไม่ ?
ตอบ ใช่ เนื่องจากมันความหมายที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ดังที่เราได้กล่าวอธิบายมาแล้ว
4. คำว่า سنة ทั้งสองคำในหะดิษนี้ หมายถึง หนทาง หรือ แนวทางหรือไม่ ?
ตอบ ใช่ เนื่องจากมันไม่ใช่หมายถึงซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.)ในเชิงศาสนา
5. การรวมผู้คนละหมาดตะรอวิหฺ 20 ร่อกะอัต ท่านอุมัร เป็นคนริเริ่มทำแนวทางนี้ขึ้นมา หรือไม่ ?
ตอบ ใช่ เพราะละหมาด ตะรอวิหฺ 20 ร่อกะอัตนั้น นบี(ซ.ล.) ไม่กำหนดทำเอาไว้
6. การรวมคนละหมาดตะรอวิหฺ 20 ร่อกะอัต เป็นแนวทาง(ซุนนะฮ์) ที่ดีหรือไม่ ?
ตอบ เป็นแนวทางที่ดี سنة حسنة เพราะมันเป็นแนวทางของเคาะลีฟะฮ์ผู้ทรงธรรม ที่อยู่ภายใต้หลักการของศาสนา และบรรดามุสลิมให้การเห็นชอบ
7. แนวทางที่ดี ที่ท่านอุมัรริเริ่มนี้ เป็นซุนนะฮ์หรือไม่ ?
ตอบ เป็น เพราะท่านนบี(ซ.ล.)เรียกมันว่าซุนนะฮ์ ของเคาะลีฟะฮ์ผู้ทรงธรรม
8. แล้วเราจะเรียกมันว่าบิดอะฮ์ที่ดีได้หรือไม่ ?
ตอบ เรียกได้ เพราะท่านอุมัร เอง ก็เรียกมันว่า "บิดอะฮ์ที่ดี"
9. แล้วบิดอะฮ์ที่ดี ที่ท่านอุมัรเรียกนี้ เกี่ยวกับเรื่องศาสนาหรือไม่ ?
ตอบ เกี่ยวกับเรื่องศาสนา เพราะมันเกี่ยวกับเรื่อง ละหมาดตะรอวิหฺ
10. แล้วคำว่า บิดอะฮ์ที่ดีที่ท่านอุมัร เรียกนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนา หรือดุนยา ?
ตอบ เกี่ยวกับเรื่องศาสนา เพราะไม่มีใครหรอกที่เรียก การละหมาดตะรอวิหฺว่า เป็นเรื่องของดุนยา _________________ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Tue Feb 28, 2006 5:23 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้างอิงจากบังอะสัน
เหตุนี้ บังจึง สู้ตาย เพราะประเพณีบางอย่างเอาศาสนามาเกี่ยวข้อง
ตอบ
ผมว่าวะฮาบีย์มากกว่า ที่ไปกล่าวหาว่า ผู้อื่นเอาเรื่องประเพณีมาเกี่ยวกับศาสนา เพื่อต้องการหาเรื่องหุกุ่มผู้อื่น
อ้างอิงจากบังอะสัน
และอีกถ้อยคำหนึ่งของท่าน
ولا يقول بما استحسن، فإن القول بما استحسن شيء يحدثه لا على مثال سبق". (الرسالة 504).
และ เขาจะไม่กล่าว(อ้างทัศนะ) ในสิ่งที่เห็นว่าดี นั้น คือ สิ่งที่ถูกอุตริขึ้นมาใหม่ โดยไม่มีแบบอย่างมากอ่น
- ดู อัรริสาละฮ หน้า 504
ตอบ
แล้วทำไมบังอะสันถึงไม่เข้าใจคำกล่าวของอิมามอัชชาฟิอีย์ให้ทั้งหมดละครับ สิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น ท่านอิมามกล่าวอธิบายไว้ว่า
1. อิมามอัช-ชาฟิอีย์ (ร.ฏ.)
สิ่งที่ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น มี 2 ประเภท
(1) สิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ ที่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน ซุนนะฮ์ คำพูดที่ถูกรายงานมา และอิจญฺมาอ์ สิ่งที่นี้ย่อมเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง
(2) สิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่จากคุณงามความดี ที่ไม่ขัดกับอันหนึ่งอันใด(ที่กล่าวมาแล้ว)นี้ และนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่โดยไม่ถูกตำหนิ
ท่านอุมัรได้กล่าว เกี่ยวกับ(การรวม)ละหมาดตะรอวิหฺ ว่า
نعمت البدعة هذه
"เป็นบิดอะฮ์ที่ดี คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้"
หมายความว่า"การละหมาดตะรอวิหฺในคืนร่อมาฏอนนี้ คือสิ่งที่ทำขึ้นมาใหม่โดยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเมื่อมีการกระทำมาแล้ว ก็ไม่เป็นการค้านให้กับสิ่งที่กล่าวมา " และสายรายงานนี้ ซอเฮี๊ยะห์ ดู หนังสือ มะนากิบ อัช-ชาฟิอีย์ เล่ม1 หน้า 468 - 469
ท่านอบู นุอัยม์ ได้นำเสนอรายงานอื่นอีก ไว้ในหนังสือ หิลยะตุลเอาลิยาอ์ เล่ม 9 หน้า 113 ว่า "ท่านอิมามอัช-อัชชาฟิอีย์ กล่าวว่า บิดอะฮ์นั้น มี 2 ประเภท คือบิดอะฮ์ที่ถูกสรรเสริญ และบิดอะฮ์ที่ถูกตำหนิ ดังนั้น สิ่งที่สอดคล้องกับซุนนะฮ์ ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกสรรญเสริญ และสิ่งที่ขัดกับซุนนะฮ์ ย่อมเป็นสิ่งที่น่าตำหนิ และอิมามชาฟิอีย์ ได้อ้างหลักฐานด้วยคำกล่าวของท่านอุมัร(ร.ฏ.) เกี่ยวกับ ละหมาดตะรอวิหฺในเดือนรอมฏอนที่ว่า
نعمت البدعة هذه
"เป็นบิดอะฮ์ที่ดี คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้"
อ้างอิงจากบังอะสัน
ชอย้ำด้วยคำพูดของอิบนิตัยมียะฮอีกครั้ง
"السنة هي ما قام الدليل الشرعي عليه بأنه طاعة لله ورسوله، سواء فعله رسول الله صلى الله عليه وسلم أو فعل على زمانه، أو لم يفعله ولم يفعل على زمانه، لعدم المقتضي حينئذ لفعله أو وجود المانع منه، فما سنّه الخلفاء الراشدون ليس بدعة شرعية ينهى عنها، وإن كان يسمى في اللغة بدعة فكونه ابتدئ
อัสสุนนะฮ คือ สิ่งที่มีหลักฐานทางศาสนบัญญัติ มายืนยัน ว่า มันเป็นการภักดีต่ออัลลอฮ และรซูลของพระองค์ แม้ว่าท่านรซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ปฏิบัติในสมัยของท่านหรือไม่ปฏิบัติก็ตาม เนื่องจาก ไม่มีความจำเป็นที่จะปฏิบัติในเวลานั้น หรือ มีอุปสรรคมาขัดขวาง ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่ เคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน ทำแบบอย่างเอาไว้ มันไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ ที่ต้องห้าม และหากปรากฏว่า มันถูกเรียกในทางด้านภาษาว่า บิดอะฮ มันก็มี(ความหมายว่า) เ ริ่มต้น มัจญมัวะฟะตาวา เล่ม 21 หน้า 317
ตอบ
คำพูดของอิบนุตัยมียะฮ์นี้ บังอัลฟารูกได้โต้ตอบชี้แจงไปแล้วนะครับ ยกมาทำไมอีก เพราะสิ่งที่บังอะสันต้องทำก็คือ ไปหักบ้างคำกล่าวของบังอัล-ฟารูกที่ทำการวิจารณ์คำพูดของอิบนุตัยมียะฮ์ก่อนโน้น และก็พวกเราถามบังอะสันแล้วไงว่า บิดอะฮ์ในเชิงภาษาแบ่งออกเป็น บิดอะฮ์หะสะนะฮ์ และบิดอะฮ์ ซัยยิอะฮ์ ตามที่อิบนุตัยมียะฮ์ยอมรับไว้นั้น บังอะสันยอมรับหรือเปล่า? ตอบแค่นี้ก็ไม่ได้ หากตอบมาว่าได้ เรื่องก็จบ แต่บังอะสันไม่กล้าตอบ ฮะ ฮ่า ฮ้า
อ้างอิงจากบังอะสัน
พวกวะฮบีย์ที่คุณเรียกจะลดน้อยลงหรือ เปล่าเลย เพิ่มทุกวัน ไม่เชื่อ ลองกลับมาดูที่เมืองไทย ช่วงนี้มีงานการกุศลบ่อย
ตอบ
ไม่มีใครหน้าใหนหรอก ที่จะพูดจริงว่า แนวทางของตนเองลดลง มีแต่พูดโปรโหมต กันว่าพวกตัวเองเพิ่มขึ้น แล้วทำไมถึงเพิ่มขึ้นครับบังอะสัน? ซึ่งพวกชีอะฮ์เองพวกเขาก็ว่า พวกของตนเองเพิ่มขึ้น ที่เพิ่มชีอะฮ์เพิ่มขึ้นนั้นจริงหรือไม่?และเป็นเพราะอะไรครับบังอะสัน ? บังอะสันตอบคำถามของจากการเพิ่มของพวกชีอะฮ์อย่างไร ? เราก็ขอตอบเหตุการเพิ่มของวะฮาบีย์อย่างนั้นแหละครับ และอีกอย่างหนึ่ง พวกคริสต์ก็เพิ่มขึ้นด้วยนะครับในเมืองไทยของเรานะ บังอะสันครับพวกคริสต์เพิ่มขึ้นเพราะอะไร ? เราก็ขอตอบเหตุการเพิ่มของวะฮาบีย์อย่างนั้นด้วยครับ ฮ้า _________________ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Tue Feb 28, 2006 5:26 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้างอิงจากบังอะสัน
ถ้าผมจำไม่ผิด นอ้งอัล-อัลอัชอะรีย์ ได้เคยอ้างอายะนี้ มาสนับสนุนบิดอะฮ ที่ว่า หะสะนะฮ
: (...وَرَهْبَانِيَّةً ابْتَدَعُوهَا مَا كَتَبْنَاهَا عَلَيْهِمْ إِلاَّ ابْتِغَاء رِضْوَانِ اللَّهِ فَمَا رَعَوْهَا حَقَّ رِعَايَتِهَا فَآتَيْنَا الَّذِينَ آمَنُوا مِنْهُمْ أَجْرَهُمْ وَكَثِيرٌ مِّنْهُمْ فَاسِقُونَ (27)) الحديد .
ส่วนการถือสันโดษนั้น เรามิได้บัญญัติมันขึ้นมาแก่พวกเขา (เว้นแต่) พวกเขาประดิษฐ์มันขึ้นมา เพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮ์ แต่พวกเขามิได้เอาใจใส่เท่าที่ควรจะกระทำมัน กระนั้นก็ดี เราก็ได้ประทานรางวัลของพวกเขาแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเขา แต่ส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน
..................................
ทั้งที่อายะฮข้างต้น เป็นเรื่องชะรีอัตของนบีก่อนๆ ส่วนปัจจุบัน แม้ว่า ให้เราศรัทธาในบรรดาคัมภีร์ แต่เราในฐานะอุมมะฮนบีมุหัมหมัด เรามีหน้าที่ปฏิบัติตามชะรีอัตของท่านเท่านั้น ดังหะดิษ
كان النبي يبعث إلى قومه خاصة، وبعثت إلى الناس عامة ) أخرجه البخاري ومسلم.
ปรากฏว่านบี(อื่นๆ)นั้น ถูกส่งมายัง กลุ่มชนของเขาโดยเฉพาะ และ ฉันถูกส่งมา ยังมนุษย์ทั้งหมด บันทึกโดย บุคอรีและมุสลิม
ตอบ
เสมือนกับสิ่งที่ถูกรายงานจาก ท่านอิมาม อิบนุ อัล-อะรอบีย์ อัลมาลิกีย์ (ไม่ใช่ ชัยค์ อักบัร อิบนุ อะรอบีย์ ที่เป็นซูฟีย์) ว่า "แท้จริง ความหมาย อัรเราะฮ์บานียะฮ์ ในอายะฮ์นี้ บ่งถึง 3 ความหมายด้วยกัน
1- ปฏิเสธ(การแต่งงาน)กับสตรี
2- สร้างที่พักอาศัยส่วนตัว เพื่อปลีกวิเวก
3- เดินทางท่องไปบนผืนแผ่นดิน
และสิ่งที่ถูกยกเลิก ในศาสนาอิสลามของเรานั้น คือข้อแรก สำหรับข้อที่ 2 และ 3 นั้น เป็นสิ่งที่สุนัตให้กระทำในช่วงยุคสมัยที่มีความเสื่อมโทรม (ดู หนังสือ อะหฺกาม อัลกุรอาน ของท่าน อิบน อัลอะร่อบีย์ เล่ม 4 หน้า 1744)
และมีหะดิษ รายงานจากท่าน อบูสะอีด อัล-ค๊อดรีย์ (ร.ฏ.) เขากล่าวว่า
يوشك أن يكون خير مال المسلم غنما يتبع بها شغف الجبال ومواقع القطر يفر بدينه من الفتن
"ท่านร่อซูลุเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า จะใกล้แล้วซิ ที่ทรัพย์สินของมุสลิมที่ดีที่สุด คือแพะ ที่เขาได้เอาติดตามไปบนยอดเขา และบรรดาหุบเขา ในสภาพที่เขาได้หนีจากบรรดาฟิตนะฮ์ เนื่องด้วยสาเหตุจากศาสนาของเขา" รายงานโดย อิมาม อัล-บุคอรีย์ (ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 1 หน้า 19 และ หนังสือ อัตตัจญฺรีด อัศศะเรี๊ยะหฺ ฮะดิษที่ 19 หน้า 18 )
หะดิษนี้ ได้ให้การยอมรับ จากการปฏิบัติด้วยกับอายะฮ์นี้ ในความหมายที่ 2 และ 3 และหะดิษนี้ ก็อยู่ในตำแหน่งในการอธิบายอัลกุรอาน อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า "และเราได้มอบคำตักเตือน(อัลกุรอาน)แก่เจ้า เพื่อเจ้าจะได้ชี้แจงแก่มวลมนุษย์ ในสิ่งที่ถูกบัญญัติไว้แก่พวกเขา" (อันนะหฺลิ 44)
หมายเหตุ
ประเด็นของเราตรงนี้ เราไม่เน้นในเรื่องหุกุ่มเรื่อง อัรระฮ์บานียะฮ์ แต่เราเน้นในเรื่อง อัลกุรอานได้ยอมรับ ในเรื่องบิดอะฮ์ที่ดีเช่นกัน ก็เท่านั้นเอง ฮ้า ฮ่า _________________ นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Tue Feb 28, 2006 7:06 am ชื่อกระทู้: |
|
|
น้อง al-azhary กล่าวว่า
2. คำว่า سن ในหะดิษนี้ หมายถึง "การฟื้นฟู" หรือไม่ ?
ตอบ ไม่ใช่ เพราะว่า ไม่มีซุนนะฮ์ที่เลว سنة سيئة ที่นบี(ซ.ล.) ใช้ให้ฟื้นฟู
.................................
ตอบ
อีกแล้ว ครับท่าน นี้คือ การตั้งคำถามของคนปัญญาออ่น แน่นอน ไม่มีสุนนะฮที่เลว ที่ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สอนให้ฟื้นฟู เพราะท่านถูกส่งมาเพื่อสอนให้คนทำดี และ ละเว้นจากความชั่ว และ ในทำนองเดียวกัน ท่านไม่ได้สอนให้คนทำบิดอะฮ เพราะท่านบอกว่า
: إياكم ومحدثات الأمور ، فإن كل محدثة بدعة ، وإن كل بدعة ضلالة . رواه الإمام أحمد وغيره .
พวกท่านพึงระวังสิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่ แท้จริงทุกสิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ และแท้จริง ทุกบิดอะฮนั้น เป็น การหลงผิด - รายงานโดย อิหม่ามอะหมัด และคนอื่นจากท่าน |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
ซุกกรี มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 06/01/2006 ตอบ: 26
|
ตอบ: Tue Feb 28, 2006 9:55 am ชื่อกระทู้: มัสหับ |
|
|
บังหะสัน
ผมนั่งเฝ้าการเสวนาของบังกับนักศึกษา อัลฮัรซัร มานาน
ขอวิจารณ์บังสักนิด......
--- ตั้งแต่ น้องอัลฮัชฮารีเปิดกระทู้ เรื่องบิดอะห์ ตั้งแต่ต้น โดยอธิบายคำนิยามแหละความหมาย จากหลักฐานต่างๆ เช่น จากตำราต่างๆที่ยกมา หรือประทานุกรม ของศัพท์ ในคำๆนี้
...ผมๆว่า บังไม่เข้าใจและไม่ยอมเปิดใจในความหมายที่นักวิชาการหรืออุลามะต้นๆที่ได้ให้ความหมายไว้ เพื่อให้เราๆท่านๆได้เรียนรู้เเละศึกษา ในการดำเนินชีวิต บังนั้น ละทิ้งและไม่รับในการให้ความหมายใดๆจากบรรดาอุลามะ ไม่ว่าในสายไหนนอกจากยึดมั่นในสายที่ตัวเองยึดถือ
ผมรู้สึกหดหู่มาก กับการตะอัศสุบของบังและแนวทางของวะฮาบีย์ที่ไม่ยอม ประนีประนอมหรือรับการมุตะญิดของบรรดาผู้มีความรู้ในยุคสลัฟ โดยไม่ยอมตีความใดๆ ไม่ว่า เรื่องการ อัลอัสติวาห์ ในคุณลักษณะของ
อัลลออ์ และหลายๆอย่าง จนทำให้การเสวนาเรื่องดังกล่าวต้องถูกปิดลง ทั้งๆที่ มะสหับของอีหม่ามทั้งสี่นั้นยอมรับในเรื่องนี้ แต่วะฮาบีย์กลับเตะถ่วงไม่ยอมรับรู้คุณลักษณะของอัลลอฮ์ ทั้งที่เป็นสิ่งวายิบที่ต้องเรียนรู้
****ด้วยความที่ยึดติดกับแนวทาง ของตัวเอง ไม่ยอมปรับความเข้าใจใดๆกับทัศนะอื่น แถมยังคอยมุ่งโจมตี ใส่ร้ายแนวทางอื่นในทางลับหลัง และเมื่อแนวทางอื่นพยายามปรับความเข้าใจในความคิดที่ตนเองเข้าใจผิด กลับหาว่า เป็นการชักชวนตนและสหายให้กระทำในสิ่งที่ตนโจมตีว่าผิด ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา การอธิบายบนหลักฐานของแนวทางที่ตกเป็นจำเลย ขอนำมาจาก จากตำราของบรรดาผู้ที่นักวิชาการส่วนมากในโลกให้การยอมรับ แต่ก็ไม่เป็นผล จากการสังเกตุการตอบคำถามครั้งแล้วครั้งเล่า บังหะสันก็จะบิดเบือนและหลีกเลี่ยงจนไม่สามารถหักล้างสิ่งที่ฝ่ายที่ตกเป็นจำเลยยกมาได้สักครั้ง แต่บังยังคงตอบไม่ตรงประเด็น และเฉไวกไปเวียนมาแบบนี้ตลอด
แม้กระทั้ง ความไม่เข้าใจในคำว่าบิดอะห์ และไม่รู้ว่าบิดอะห์นั้นเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้ มันเป็นจุดด้อยของบังเอง ที่ไม่ไม่ยอมอ่านหรือทำความเข้าใจในสิ่งที่ผู้ที่ตกเป็นเป้าโจมตี นำเสนอมา ทางที่ดี ผมว่าบังหะสันนั้น น่าจะให้ผู้อื่นในทีมงานบังมาร่วมเสวนาบ้าง
การร่วมเสวนาเพื่อสร้างความเข้าใจนั้นไม่ใช่เพื่อชักชวนในการทำสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ที่ไม่มีในศาสนาหรือบดอะห์ในความหมายของมัน...
แต่เวลาบังตอบกระทู้กลับมา บังยังคงแต่ใช้คำว่าบิดอะห์อยู่ตลอดโดยที่บังขาดความเข้าใจเรื่องนี้อยู่มาก ดังฮาดีสนี้ที่บังยอมยกมาบ่อยครั้ง จนนับได้เป็น10ๆรอบแล้ว
: إياكم ومحدثات الأمور ، فإن كل محدثة بدعة ، وإن كل بدعة ضلالة . رواه الإمام أحمد وغيره
.พวกท่านพึงระวังสิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่ แท้จริงทุกสิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ และแท้จริง ทุกบิดอะฮนั้น เป็น การหลงผิด - รายงานโดย อิหม่ามอะหมัด และคนอื่นจากท่าน
------และฮาดีสนี้ บังก็ให้ความหมายว่า ทุกๆบิดอะห์คือการหลงผิดที่ผิดพลาดทุกอย่าง...
บังหะสันครับ บังจบอะไรมา ครับ อจ.ที่สถาบันบังเรียนเมื่อก่อนนั้นเขาไม่ได้ สอนและให้ความหมายในคำนิยามต่างๆหรอกหรือครับ เพื่อที่จะอธิบายให้กับลูกศิษย์ บางคนที่ไม่มีความรู้...หรือว่า เมื่อมีคำๆหนึ่งเปล่งเสียงออกมาแล้ว สถาบันของบัง ก็สอนให้เอาตามความหมายนั้น ไม่ต้องแปล ไม่ต้องอธิบายความหมายหรือขยายความอีกแล้ว อะไรละครับบัง แม้กระทั้งภาษาไทยยังต้องแปลยังต้องให้ความหมายกับรากศัพท์ เพื่อให้เกิดความกระจ่าง
แต่วะฮาบีย์กลับไม่ยอมรับในความหมายใด ทั้งที่ บางคำในอัลกรุอานก้ต้องอาศัยการให้คงวามหมาย เพื่อให้บ่าวของอัลลออ์ได้เข้าใจในอรรถรสของคำๆนั้น โดยผ่านท่านนบี และอัลฮาดีสเองบางบทก็ยังต้องให้ความหมายเลย....อัลลอฮ์นั้นลงโองการมาเพื่อให้เราๆท่านไปเพื่อปฏิบัติ โดยมีท่านนบีเป็นผู้ทำหน้าที่เป็นแบบอย่างให้กับเราได้เห็นและกระทำตาม แต่บรรดาศอฮาบะของท่านก็คือผู้ที่ได้รับทางนำจากอัลลออ์เช่นกัน ดังนั้นการอธิบายอัลกรุอานหรืออัลฮาดีสที่ผ่านมา จะเห็นว่าท่านเหล่านั้นก็ไดทำหน้าที่แจกแจงพร้อมให้ความหมายแทนท่านนบีก็มีมาก เช่น ท่นอบูบักร์(รด)( ท่านอุมัร (รด)ท่านอุษมาน(รด) ท่านอาลี(รด) ท่านอิบนุมัสอุด(รด) ท่านซัลมาน (รด) ท่านมูอาวิยะบินอบูซุฟยานและคนอื่นๆ ฯลฯ หลายๆท่าน ที่กล่าวมานั้แม้ระดับความรู้จะไม่มีความรู้ไม่เท่ากันทุกคน แต่ก็ถือว่าท่านนบีรับรองเขา ในการปฏิบัตินั้น และท่านยังกำชับให้เราตามซุนนะของซอฮาบะอีกด้วย
ผมฉงนใจบังมาก กับคำอ้างและเข้าใจว่า...ทุกบิดอะห์คือการหลงผิด
แล้วความหมายทีประทานุกรมอาหรับ ที่ชื่อ อัลมุตะมัด ที่น้องนักศึกษาและคนอยากรู้ยกมา โดยที่แปลคำว่า บิดอะคือ กิจกรรมที่ถูกประดิษฐ์และริเริ่มมันขึ้นมา โดยไม่มีตัวอย่าง นั้น
บังเอามันไปทิ้งไว้ไหนละครับ...บังไม่ยึดตามความหมายที่นักวิชาการเหล่านี้หรอกหรือครับ
ผมเห็นเวลาบังหะสันพูดตอบโต้ทุกครั้งบังก็จะพูดว่านั้นคือบิดอะนี้คือบิดอะ ทั้งๆทั่บังนั้นใช้คำไม่ถูกเลย บังครับ เพราะอะไรหรือครับ บังจึงไม่ขยอมรับคำๆนี้ หรือกลัวเสียหน้า กากที่สวมยี่ห้อโลโก้ วะฮาบีย์หรือครับ ถอกดออกเสียเถอะครับ มันเป็นหน้ากากทของปีศาจแห่งความกักขะครับมันถูกใช้หลอก และให้ผู้คนหลงผิด และมันพยายามที่จะปิดกั้นความรู้ ที่ถูกต้องนะครับ
ผมมีฮาดีสบทหนึ่งซึ่งนำมาทั้งบทเลยครับให้บังลองอ่านดู
ท่านบีกล่าวว่า
----ฉันขอเตือนท่านทั้งหลายให้พึงยำเกรงต่ออัลลออ์ ท่านจงเชื่อฟังและภักดีต่อผู้ปกครองแม้เขา จะเป็นทาสผิวดำจากเอธิโอเปีย แน่นอนใครมีชีวิตอยู่ต่อไปหลังจากฉัน เขาจะได้เห็นความขัดแย้งอย่างมากมาย ดังนั้นท่านทั้งหลายจงพึงยึดมั่นในแบบฉบับของฉัน(ในสิ่งที่ท่านได้พบ)และแบบฉบับของผู้ปกครองที่ฉลาดล้ำ(คุละฟาอิรรอซีดีน) ผู้ที่ได้รับทางนำ ท่านจงยึดถือไว้ให้มั่นและจงกัดมันไว้ด้วยฟันกราม ท่านทั้งหลายจงพึงระวังเรื่องอตริกรรมต่างๆ เพราะแท้จริง บิดอะห์ทุกอย่างย่อมเป็นเรื่องหลง----สุนันอะบูดาวู้ด เล่ม4 หน้า 201)
จากฮาดีสบทนี้ ถ้าดูเผินๆแล้วก็แค่ท่านนบีตักเตือนเรา...ว่าให้เรานั้น ยำเกรงาต่ออัลลออ์(ซบ).....คำว่าตักวาหรือยำเกรงคำๆนี้ยังต้องถูกให้ความหมายเลยบัง เพราะแนนอนในพี่น้องเรานั้นไม่ใช่จะเข้าใจเท่าเทียมกันทุกคน แม้คำว่าตักวาคำนี้ ที่ไม่ใด้ป็นภาษาเดิมของพี่น้องมุสลิมประเทศไทยของเรา ฉนั้นเราก็ต้องสร้างความเข้าใจโดยการถอดความหมายจากภาษาอหรับ และเเปลเป็นภาษาไทย และจากภาษาไทยก็ยังต้องอธิบายให้กับพี่น้องของเราโดยละเอียดอีกว่าว่า ยำเกรง หมายถึงอะไรอย่างแบบไหน เพราะนี้เป็นการสร้างความยำเกรงกับอัลลออ์(ซบ)
ผู้ทรงสร้างเรามา มันแตกต่างกับการยำเกรง ต่อท่านนบี/ ต่อซอฮาบะ /ต่ออุลามะ/ต่อโครู บาอาจารย์/ต่อพ่อแม่ ต่อผู้อาวุโส หรือเพื่อนฝูงที่ฐานะหรือบารมีที่สูงกว่าเรา
ไม่ใช่จะเอาความหมายของคำว่ายำเกรงคำนี้ไปใช้ได้ทั่วทุกแห่งได้ซะเมื่อไหร่ละครับ
ดังนั้นการสรุปหรือชี้ชัดว่า คำนั้นคือ คือสิ่งที่ให้ความหมายในตัวอักษรแล้ว อย่างนี้ถือว่าผิพลาดเรื่องความเข้าใจมากครับ การสร้างความเข้าใจในความหมายนั้นมันต้องเริ่มต้นด้วยการศึกษาแอศัยการหใความหมายของบรรดาและผู้สันทัดกรณีในเรื่องนั้น ไม่ใช่ว่าใครพูดอะไรตีความหมายอย่างไร ฉันก็ตักลีดตามหมด ฌดยไม่มีหลักฐานที่มา
และจากข้อความที่ขีดเส้นที่สอง นั้นบังจะเข้าใจอย่างไรละครับที่ท่านนบีสั่งเอาไว้ว่า หลังจากท่านจากไปแล้ว
และท่านพึ่งยึดมั่นแบบฉบับของผู้ปกครองที่ฉลาดล้ำ (คุละฟะอิรรอซีดีน)ผู้ที่รับทางนำ.....
ผมว่า บังหะสันก็ต้องตอบว่า ...บังจะยอมรับในสิ่งที่เขาเหล่านั้นได้ปฏิบัติมาแล้วเท่านั้นเพราะท่านบีให้การยอมรับและเห็นการกระทำตอนท่านมีชีวิต..ใช่ไหมครับ....
ถ้างั้น ฮาดีสข้างต้นที่บอกว่า หลังจากฉัน จะหมายความว่าอย่างไรละบัง นี่ก็แสดงว่า บังไม่ยอมรับใหมครับ เพราะที่ท่าน อุมัร(รด)กระทำการรวมละหมาดตะรอวิห์มนั้นท่านนบีก็ไมได้อยู่นี้ครับ
การรวบรวมอัลกรุอ่านฯลฯสมัยท่านอบูบักริน ท่านอุมัร ท่านอุษมาน(รด) ก็ถือว่าท่านเหล่านั้นฝ่าฝืนท่านนบีทุกคนซิครับ....
และข้อความขีดเส้นที่3 ผมว่าบังหะสัน คิดยังไงๆๆอยู่นะ และที่บังถือว่าทุกบิดอะนั้นคือสิ่งที่ผิด บังจะไม่ยอมรับการแบ่งแยกเป็น2 บิดอะที่ดีและที่เลวเลยหรือ ทั้งๆที่ อิหม่ามทั้ง4 และบรรดาอุลามะของเขาได้ยอมรับในสิ่งนี้แล้ว....
ฉะนั้นขอเตือนบังอีกครั้งนะครับ เพื่อการเสวนาที่ให้ถูกประเด็น...ต่อไปขอย้ำว่าถ้าจะพูดเรื่องบิดอะห์
----บังต้องอ้างและเอามาจากต้องเอามาจากความหมายทีประทานุกรมอาหรับเท่านั้นนะครับเพื่อให้การพูดคุยของเราเป็นไปทิศทางเดียวกันที่แปลคำว่า[color=darkblue] บิดอะคือ กิจกรรมที่ถูกประดิษฐ์และริเริ่มมันขึ้นมา โดยไม่มีตัวอย่าง [/
ไม่เช่นนั้นผมถือว่า บังนั้น...จะหมดความน่าเชื่อถือในความรู้ที่บังนำเสนอทุกประเด็นที่นำมาหักล้าง เรื่องบิดอะห์ ของบังเอง....เพราะเราถือว่าพูดกันคนละเรื่อง
 |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Tue Feb 28, 2006 12:36 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ข้อความของ คุณชุกรี
ตั้งแต่ น้องอัลฮัชฮารีเปิดกระทู้ เรื่องบิดอะห์ ตั้งแต่ต้น โดยอธิบายคำนิยามแหละความหมาย จากหลักฐานต่างๆ เช่น จากตำราต่างๆที่ยกมา หรือประทานุกรม ของศัพท์ ในคำๆนี้
...ผมๆว่า บังไม่เข้าใจและไม่ยอมเปิดใจในความหมายที่นักวิชาการหรืออุลามะต้นๆที่ได้ให้ความหมายไว้ เพื่อให้เราๆท่านๆได้เรียนรู้เเละศึกษา ในการดำเนินชีวิต บังนั้น ละทิ้งและไม่รับในการให้ความหมายใดๆจากบรรดาอุลามะ ไม่ว่าในสายไหนนอกจากยึดมั่นในสายที่ตัวเองยึดถือ
.............................................................
ตอบ
ก่อนอื่น ต้องขอแนะนำว่า เวลาคนอื่นเขาไม่เห็นด้วยกับเรา นั้น อย่ามองว่า เขาไม่เข้าใจศาสนา แต่เราต้องกลับมามองตัวเองด้วยว่า ตัวเองเข้าใจศาสนา ดีแค่ใหน และการกล่าวอ้างอุละมาอ นั้น อุลามาอเหล่านั้น เข้าใจและมี การทำบิดอะฮ เหมือนกับที่ตัวเองสนับสนุนชาวบ้านให้ทำหรือ เปล่า พวกคุณเวลาทำบิดอะฮ มักจะอ้างว่า เป็นแนวทาง(มัซฮับ)ของอิหม่ามชาฟิอี ขอให้จำใส่หัวไว้อย่างหนึ่งว่า ศาสนา ที่มาจากอัลลอฮ และรซูลของพระองค์นั้น มันเข้าใจง่าย ดังที่อัลกุรอ่านระบุไว
وَمَا جَعَلَ عَلَيْكُمْ فِي الدِّينِ مِنْ حَرَجٍ
และพระองค์มิได้ทรงทำให้เป็นการลำบากแก่พวกเจ้าในเรื่องของศาสนา - อัลหัจญ/78
แต่ที่ยาก เพราะเกิดจาก ศาสนาจอมปลอมที่พวกคุณอุตริขึ้นมา แอบอ้าง ว่า เป็นคำสอนอิสลาม คำว่า ศาสนา อิสลาม คุณยังไม่เข้าใจเลย และคุณยัง ไม่เข้าใจเลยว่า อุลามาอฺ อยู่ในฐานะอะไร คุณ ไม่เข้าใจเลย ว่า الشارع (ผู้บัญญัตฺศาสนา)นั้น เป็นสิทธิของผู้ใด มิหนำซ้ำยังเอาศาสนาของอัลลอฮ มาแบ่งสายอีก มาชาอัลลอฮ แค่พวกคุณ บอกว่า ในด้านฟิกฮ เราสังกัดชาฟีอีย์ ในด้านอะกีดะฮ เราสังกัดอบูฮะซัน อัลอัชอะรี แค่นี้ ก็เห็นทะลุถึงลำไส้ของพวกคุณ และ ทะลุไปถึง อาจารย์ที่สอนพวกคุณด้วย ที่จริง ไม่อยากพูดแรง แต่..เมื่อ คุณไม่ให้เกียรติ ผมก็ไม่เกรงใจเหมือนกัน
ข้อความของ คุณชุกรี
บังหะสันครับ บังจบอะไรมา ครับ อจ.ที่สถาบันบังเรียนเมื่อก่อนนั้นเขาไม่ได้ สอนและให้ความหมายในคำนิยามต่างๆหรอกหรือครับ เพื่อที่จะอธิบายให้กับลูกศิษย์ บางคนที่ไม่มีความรู้...หรือว่า เมื่อมีคำๆหนึ่งเปล่งเสียงออกมาแล้ว สถาบันของบัง ก็สอนให้เอาตามความหมายนั้น ไม่ต้องแปล ไม่ต้องอธิบายความหมายหรือขยายความอีกแล้ว อะไรละครับบัง แม้กระทั้งภาษาไทยยังต้องแปลยังต้องให้ความหมายกับรากศัพท์ เพื่อให้เกิดความกระจ่าง
.
ตอบ
เรื่อง จบอะไรมาไม่สำคัญ หรอกครับ ต่อให้จบสูงแค่ใหน มีความรู้มากแค่ใหน หากไม่เข้าใจ คำว่า ศาสนาของอัลลฮ ก็ไม่ต่างอะไรกับ คนตาบอดในที่แจ้ง คำว่า รู้ หมายถึง รู้ที่ตรงกับข้อเท็จจริง คำว่า โง่ อวิชา คือ รู้แต่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง นิยามนี้ลองไปอ่านดู จากหนังสือ อุศูลุลฟิก ชื่อ อัลลุมะฮฺ (اللمع ) เพราะฉะนั้น อย่าเอาความรู้มาอวดเลยครับ
ข้อความของ คุณชุกรี
สถาบันของบัง ก็สอนให้เอาตามความหมายนั้น ไม่ต้องแปล ไม่ต้องอธิบายความหมายหรือขยายความอีกแล้ว อะไรละครับบัง แม้กระทั้งภาษาไทยยังต้องแปลยังต้องให้ความหมายกับรากศัพท์ เพื่อให้เกิดความกระจ่าง
.
ตอบ
นี่แสดงความโง่ ออกมาได้อย่างไร มีที่ใหน สอนอัล-กุรอ่านและ หะดิษ ห้ามแปล แต่...ที่เราห้าม คือ ทำตัวเป็นทนายหัวหมอ นำเอาอัลกุรอ่านและ หะดิษ ไปตีความตามอารมณ์ของตน เพื่อ สนับสนุนบิดอะฮ ที่เข้ามาเพิ่มเติมในศาสนา เป็นการล้ำหน้าอัลลอฮ และ รซูลของพระองค์
.............................
ไม่มีอะไรจะอ้างแล้วใช่ใหม จึงเข้ามาด่า อุลามาอมีมากมาย ยกมาเลย ในเมื่อ คุณคิดว่า อุลามมาอ บัญญัตฺหุกุมศาสนาได้ ฮะฮา (ผมไม่อยากจะโต้ตอบ คำพูดแบบคนสิ้นคิด ของคุณชุกรี เสียเวลา) |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
al-azhary มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
fais มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 01/09/2005 ตอบ: 84
|
ตอบ: Tue Feb 28, 2006 4:56 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ผมยังสงสัยว่าบรรดาซอฮาบัตจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ไม่หน้อพวกเขาได้เข้าสวรรค์กัน
เฉพาะเรื่องคำนิยามเราก็เสียเวลาพูดกันวกไปวกมาหลายชั่วโมงแล้ว
ทำไมเราไม่สรุปการกระทำ การยอมรับ คำกล่าว การแนะนำ ต่างๆของท่านนบี
มันได้สรุปลงเมื่อมี อาญาตที่เกี่ยวกับว่า ศาสนานั้นได้สมบุรณ์แล้วได้ประทานลงมา
และก็ยังมีอีกช่วงหนึ่งที่ท่าน รอซูล ยังไม่ได้เสียชีวิต ท่าน อีหม่ามบ้านผมกล่าวว่า มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะกระทำอีบาดะห์นอกเหนือจากคำสังของอัลเลาะห์และรอซูล คนนี้ก็เป็นอูลามะห์เหมือนกันนะครับ แล้วแถวๆบ้านคุณละมีอูลามะห์กันหรือเปล่า
 |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
ซุกกรี มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 06/01/2006 ตอบ: 26
|
ตอบ: Tue Feb 28, 2006 5:40 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คุณอัลอัชฮารีครับ
ผมก็เป็นคนโง่คนหนึ่งในสายตาบังเช่นเดียวกับน้องครับ
ตอบ
นี่แสดงความโง่ ออกมาได้อย่างไร มีที่ใหน สอนอัล-กุรอ่านและ หะดิษ ห้ามแปล แต่...ที่เราห้าม คือ ทำตัวเป็นทนายหัวหมอ นำเอาอัลกุรอ่านและ หะดิษ ไปตีความตามอารมณ์ของตน เพื่อ สนับสนุนบิดอะฮ ที่เข้ามาเพิ่มเติมในศาสนา เป็นการล้ำหน้าอัลลอฮ และ รซูลของพระองค์
แต่คนโง่แบบผม ไม่จมปลักอยู่กับความคิดตื้นๆเหมือนคนบางที่อวดว่าตัวเองฉลาดนะครับคุณอัล-อัชฮารี เที่ยวประกาศสรรพคุณตังเองว่าแนวทางตัวเองนั้นมีแต่คนเพิ่มขึ้น ผมละตลกมากๆในคำพูดของบังหะสัน อ้างมาได้ ผมไม่สนใจหรอกครับถ้าเพิ่มที่คิดแต่ปรีมาณแต่ไม่มีความรู้เอ้ยไม่มีคุณภาพ ไอ้พวก นายก นายฮ นายวัวนายควายก็เพิ่มได้ เพราะคนพวกนั้น ไม่ต้องการความยุ่งยาก และขี้เกียจ ตามการตีความหมายของบรรดาอุลามะ เพราะมันยุ่งยาก แถมขี้เหนียวอีกด้วย ปีๆหนึ่งไม่ยอมทำบุญเลีย้งคนจนๆบ้างทั้งที่ฐานะก็ดี เเม้จะทำบุญเลี้ยงคนยากคนจนที่บ้านยังไม่กล้าทำ วันก่อนผมยังเอะใจบังที่คนอยากรู้บอกว่า บางคนมีการทำบุญเมื่อขึ้นบ้านใหม่โดยชวนคนอยากจนมารับประทานอาหารที่บ้าน แถมได้บุญกุศลด้วยถ้ามีเจตนาดี แต่บังเอาอะไรมาพูดว่าเจตนาดีอย่างเดียวไม่พอต้องมีในศาสนาด้วย ผมละงง ซุนนะท่านนบีไม่มีหรือครับที่สอนให้เราๆท่านให้ชักเรื่องชวนคนลำบากมารับประทานอาหารนะครับ แล้วทำไมต้องเป็นบดอะด้วย นี่แหละการไม่เข้าใจความหมาย คุณอัลอัชฮารีครับ วะฮาบีย์เขาเป็นแบบนี่แหละครับข้างบ้าน เพราะกลัวเป็นบิดอะนี้แหละเลยไม่กล้าทำบุญทำทานอะไร ......
ดังนั้นพวกบอดอๆนั้นก็จะตามผู้ที่มักง่ายในการสั่งสอนอะไรง่ายๆไม่ต้องตีความหมายหรือแจกแจงของผู้รู้แม้ว่าคำๆนั้นจะไม่ชัดเจนก็ตาม เพราะถือว่า ฉันก็รู้เองได้....
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจกับความหมายว่า บิดอะนั้นก็ยังไม่รู้อยากรู้ในคำนิยามนี้เลย
ทั้งที่การรู้ความหมายของผู้ร่วมสนทนานั้นมันเป็นประโยชน์ต่อตัวเองมาก เพื่อจะได้แก้ประเด็นและชี้แจงพร้อมยกหลักฐาน แต่นี่ดันพูดกลับไปกลับมา พอผมเข้ามาเตือนก็โกรธ นี่หรือครับผู้รู้ยุคหลังที่ฉลาดล้ำ กว่าผู้รู้ยุคก่อน ช่างน่าสงสารจริงๆไ หลงตัวเองจนไม่รู้ว่าพูดอะไรลงไป เขาดูกันเกือบทั่วทุกมุมนะครับ เว็บนี้นะ
เพื่อนๆผมยังชอบเลย เปิดดูเกือบทุกวัน เพราะบี้กันไปบี้กันมาสนุกมากๆ แต่นักศึกษานั้นได้รับความเชื่อถือมากว่า บังหะสันมากๆครับ
วัสลามคุณอัลอัชฮารีย์และนักศึกษาชาวอียิปต์ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
ซุกกรี มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 06/01/2006 ตอบ: 26
|
ตอบ: Tue Feb 28, 2006 9:54 pm ชื่อกระทู้: มัสหับ |
|
|
บังหะสัน
บังกล่าวว่า
ก่อนอื่น ต้องขอแนะนำว่า เวลาคนอื่นเขาไม่เห็นด้วยกับเรา นั้น อย่ามองว่า เขาไม่เข้าใจศาสนา แต่เราต้องกลับมามองตัวเองด้วยว่า ตัวเองเข้าใจศาสนา ดีแค่ใหน และการกล่าวอ้างอุละมาอ นั้น อุลามาอเหล่านั้น เข้าใจและมี การทำบิดอะฮ เหมือนกับที่ตัวเองสนับสนุนชาวบ้านให้ทำหรือ เปล่า พวกคุณเวลาทำบิดอะฮ มักจะอ้างว่า เป็นแนวทาง(มัซฮับ)ของอิหม่ามชาฟิอี
แฮะๆๆทำเป็นโมโห เอ้าเป็นงั้นไป หามิได้ครับที่ยกมาข้างบนไม่ได้อ้างอิงว่าเป็นผมเป็นผู้ประเสริฐเข้าใจและรู้ศาสนากว่าใครหรอกครับ เพียงแต่พูดให้บังได้ตระหนักในสิ่งที่กำลังพิพาทอยู่แค่นั้น ก็ในเมื่อบังและสหายว่า แนวทาสงของอัชชาฟีอิสนับสนุนให้พี่น้องทางบ้านทำบิดอะไม่ใช้หรือ แล้วสมญานามว่า พวกอะลุ้ลบิดอะ หรือบอดอแห่งบิดอะห์บ้าง คำๆนี้มาจากไหนละครับบัง แล้วพอมีผู้มีความรู้เช่นนักศึกษาและเพื่อนๆเข้ามาชี้แจง บังก็ไม่ยอมรับปรับความเข้าใจในคำๆนี้ ทั้งๆที่เรากำลังปรับความเข้าใจในคำๆนี้เสียก่อนแต่บังเล่นไม่รับรู้ใดๆ ตั้งแต่เปิดโรงแล้ว แล้วจะสร้างความเข้าใจกันได้อย่างไรละบังหะสัน
ถามอีกครั้งว่าบังจะยึดถือความหมายในประทานุกรมอาหรับเล่มต่างที่ยกมาหรือไม่....หรือถ้าบังมีเล่มอื่น ไหนลองยกมาอ้างบ้างซิครับ คำว่า บิดอะนั้นมันหมายถึงอะไร กันแน่แล้วเราจะหาหลักฐานมาว่ากันอีกที
บังครับไม่มีใครหรอกครับ..ที่เข้าใจศาสนาได้ดีที่สุด เท่ากับเจ้าของศาสนา แม้กระทั่งผมและบัง แต่ผมหยิบยกตัวอย่างคำนี้มาเพราะ...ผม อ่านและติดตามมนานานแล้ว บังหะสันก็ไม่ยอมรับในความหมายนี้ มันเลยพูดกันไม่จบเสียที
แถมบังบยังพาดพิงถึงอุลามะ เอ้าบัง เป็นไปได้ แล้วบังไม่ยอมรับอุลามะเลยหรือครับ ก็อุลามะนี้แหละเป็นผู้ที่แบ่งบิดอะ ออกเป็น2 คือบิดอะหาสานะและ บิดอะซัยยิอะห์ เราเป็นแค่นำมันมาถ่ายทอดเท่านั้น แต่ผมก็ยังแปลกใจอีกว่า เวลา บังนำหลักฐานมาหักล้างบังก็อาสัยหลักฐานจากอุลามะเหมือนกันนี่ครับ
บังเริ่มมีน้ำโหแล้วบังว่า
ขอให้จำใส่หัวไว้อย่างหนึ่งว่า ศาสนา ที่มาจากอัลลอฮ และรซูลของพระองค์นั้น มันเข้าใจง่าย ดังที่อัลกุรอ่านระบุไว
وَمَا جَعَلَ عَلَيْكُمْ فِي الدِّينِ مِنْ حَرَجٍ
และพระองค์มิได้ทรงทำให้เป็นการลำบากแก่พวกเจ้าในเรื่องของศาสนา - อัลหัจญ/78
ตอบ..โอเคครับ และบังก็อย่าเอาอายะห์นี้มาทำให้หลักการและฮูกมที่อัลลออ์แบบมักง่ายและลวกๆกับแนวทางของบังซิครับ ไม่ใช่ว่าพอเหฌ็นอายะนี้แล้ว เอาเถอะว่า ผู้รู้ก็ผู้รู้เถอะฉันไม่ถามปัญหาอะไรแล้ว เพราะอายะนี้บอกแล้วว่า مَا جَعَلَ عَلَيْكُمْ فِي الدِّينِ مِنْ حَرَجٍ ฉันก็ปฏฺบัติเองได้ อย่างนี้เขาไม่เรียกมักง่ายแต่เขาเรียก โง่แล้วอวดฉลาด และฉลาดในเรื่องโง่ๆ
บังกล่าวต่อว่า
แต่ที่ยาก เพราะเกิดจาก ศาสนาจอมปลอมที่พวกคุณอุตริขึ้นมาแอบอ้าง ว่า เป็นคำสอนอิสลาม คำว่า ศาสนา อิสลาม คุณยังไม่เข้าใจเลย และคุณยัง ไม่เข้าใจเลย
ตอบ...อันนี้ อัลลอฮ์ทรงรู้ดีว่าผู้ที่พูดคำนี้นั้นไม่ได้แตกต่างอะไรกับผู้ที่จมปลักกับความหลงผิด
---- อุลามาอฺ อยู่ในฐานะอะไร คุณ ไม่เข้าใจเลย ว่า الشارع (ผู้บัญญัตฺศาสนา)นั้น เป็นสิทธิของผู้ใด มิหนำซ้ำยังเอาศาสนาของอัลลอฮ มาแบ่งสายอีก มาชาอัลลอฮ แค่พวกคุณ บอกว่า ในด้านฟิกฮ เราสังกัดชาฟีอีย์ ในด้านอะกีดะฮ เราสังกัดอบูฮะซัน อัลอัชอะรี แค่นี้ ก็เห็นทะลุถึงลำไส้ของพวกคุณ และ ทะลุไปถึง อาจารย์ที่สอนพวกคุณด้วย ที่จริง ไม่อยากพูดแรง แต่..เมื่อ คุณไม่ให้เกียรติ ผมก็ไม่เกรงใจเหมือนกัน
โอ้โห.ทั้ง.ลมและควันออกทางสองรูหูเละรูจมูกลย ....น้องอัลอัชฮารี น้องอัลฟารุกน้องมูฮำมัด คนอยากรู้คุณมุสลิมช่วยอาบังด้วย...บังครับยิ่งบังพูดบังยิ่งเข้าป่าแล้วนะครับ ใครละครับแบ่งศาสนาเป็นสายๆ ท่านอีหม่าม ทั้ง4 หรือมัสหับดาวุดซอฮีรีครับ....มาชาอัลลอฮ์..
แนวทางอีหม่ามชาฟีอีครับใม่ใช่ต้องสักัดและยึดติดกับมัสหับแต่มันแค่จำเป็นต้องมีครับผม
อะกีดะของอาชาอีเราะครับ บังพูดไม่หมด เพราะเรานั้นเรียนรู้ซีฟัตของอัลลออ์ด้วยครับ แล้วไงครับเป็นบิดอะหรือครับอาบัง ฮาๆๆๆ
 |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Tue Feb 28, 2006 10:09 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
นายชุกรีกล่าวว่า
แนวทางอีหม่ามชาฟีอีครับใม่ใช่ต้องสักัดและยึดติดกับมัสหับแต่มันแค่จำเป็นต้องมีครับผม
อะกีดะของอาชาอีเราะครับ บังพูดไม่หมด เพราะเรานั้นเรียนรู้ซีฟัตของอัลลออ์ด้วยครับ แล้วไงครับเป็นบิดอะหรือครับอาบัง ฮาๆๆๆ
..................
ตอบ
ที่ว่า จำเป็นต้องมี อยู่ในรุกนอิสลามข้อที่เท่าไหร่ครับ ฮะฮา
นายชุกรีกล่าว
ถามอีกครั้งว่าบังจะยึดถือความหมายในประทานุกรมอาหรับเล่มต่างที่ยกมาหรือไม่....หรือถ้าบังมีเล่มอื่น ไหนลองยกมาอ้างบ้างซิครับ คำว่า บิดอะนั้นมันหมายถึงอะไร กันแน่แล้วเราจะหาหลักฐานมาว่ากันอีกที
.....................
ตอบ
ปทานุกรมเป็นคัมภีร ของนบีท่านใดครับ จึงพยายามเอาปทานุกรมมาเป็นหลักฐานทำบิดอะฮ ฮะฮา
นายชุกรี กล่าวว่า
ผมไม่สนใจหรอกครับถ้าเพิ่มที่คิดแต่ปรีมาณแต่ไม่มีความรู้เอ้ยไม่มีคุณภาพ ไอ้พวก นายก นายฮ นายวัวนายควายก็เพิ่มได้ เพราะคนพวกนั้น ไม่ต้องการความยุ่งยาก และขี้เกียจ ตาม
การตีความหมายของบรรดาอุลามะ
..................
ตอบ
มาชาอัลลอฮ.... แบบนี้ก็มีด้วย แปลกมนุษย์ ชอบความยุ่งยาก ชอบการตีความของอุลามาอ ทำไม่ไม่เพิ่ม กะลิมะฮชะฮาดะฮ อีกสักประโยคละ ยังมีหน้ามาสอนเขาอีก ฮะฮา |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
|