ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
ซารียา-ณ-เชียงราย มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 25/02/2006 ตอบ: 1
|
ตอบ: Sat Feb 25, 2006 9:42 am ชื่อกระทู้: ซุนนี กับ ชีอะห์ ต่างกันอย่างไรส่วนใหญ่คนไทยนับถือนิกายไหน |
|
|
ซุนนี กับ ชีอะห์ ต่างกันอย่างไรส่วนใหญ่คนไทยนับถือนิกายไหน ทำไมในอิสราเอลอิสลามต้องทำร้ายกันเองเพราะนิกายหรือ?? |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
matt มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 254 ที่อยู่: usa
|
ตอบ: Mon Feb 27, 2006 1:45 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ตามหลักการของศาสนาอิสลามที่บัญญัติไว้ในอัลกุรอาน แล้ว ทั้ง ซุนนี กับ ชีอะห์ นี้ มีสิ่ง ที่ เหมือนกัน ในหลักการศรัทธา ที่ผิดไปจากหลักการที่แท้จริง ของ ศาสนาอิสลาม ที่ ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สั่งสอนและปฏิบัติ ให้ดูเป็น ตัว อย่าง ทั้งสองนิกายนี้ นอกจากจะถือพระเจ้าองค์เดียวแล้ว ยังยึดถือ บุคคล เป็นที่ตั้ง และ ตั้งคัมภีร์ เล่มใหม่ขึ้นมา ใช้คู่เคียง กับอัลกุรอาน
ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนและ ปฏิบัติให้ มุสลิม ปฏิ บัติตาม หลัก การที่ แท้จริงของ อิสลาม คือการ นับถือพระเจ้าองค์เดียว และอัลกุรอาน เป็นหลักปฏิบัติเท่านั้น ท่าน รอซูล ทุกๆ ท่าน รวมทั้ง ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม สอนหลักบัญญัติ ประ การ แรก ของ อิสลาม คือ ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮุ
เราจะเห็นว่า การปฏิบัติตามหลักศรัทธาที่ บัญญัติไว้ในอัลกุรอาน และตาม ซุนนะ ของ ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น คือ ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮุ เวลา ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอน ผู้ใด หรือปฏิบัติ เพื่อ เป็นตัวอย่าง ต่อ บรรดามุสลิม ท่าน จะกล่าว ว่า ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮุ เท่านั้น
เมื่อ ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พยายามที่จะสอน และ เชิญชวนให้ ลุงของ ท่านผู้ซึ่ง ที่กำลัง ป่วยหนัก ให้ เข้าใจและรู้จักพระเจ้าองค์เดียวนั้น ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนลุงของท่าน ให้รับ การ ยอม สักการะบูชา ต่อพระเจ้าองค์เดียว โดย ท่านกล่าวว่า ลาอิลา ฮาอิล ลัล ลอฮุ และ ทุกๆครั้งที่ท่านกล่าวเทศนา ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะกล่าวว่า ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮุ ซึ่งเป็น คำปฏิญาน ที่ถูกต้องตามหลักการของศาสนาอิสลาม ตาม ซุน นะห์ ของท่านรอซูล แต่ ทั้ง ซุนนี และ ชีอะห์ กลับ ต่อเติม คำปฏิญาน ฃอง ท่านศาสน ฑูต มุฮัม มัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไปคนละทาง สองทาง
พระเจ้าสอนให้เรารักและเชื่อฟัง ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยการปฏิบัติ ตาม ข่าวสาร และ สิ่งที่ท่าน ปฏิบัติ เกี่ยวกับข่าวสาร(อัลกุรอาน)ที่ท่าน รับมา ไม่ใช่ปฎิบัติ ตามเรื่อง บอก เล่าที่เกี่ยวกับ เขากล่าว หรือ เล่าว่า เกี่ยวกับ ตัวท่าน
ศาสนาอิสลามไม่มีนิกาย การที่มุสลิมแตกแยกออกเป็นนิกาย เป็นกลุ่มและคณะนั้น ผิดหลักการ ของอิสลาม เป็นการฝ่าฝืน บัญญัติ ของ พระเจ้า ทั้งนี้ เพราะว่า ศาสนา อิสลาม เป็นของ มนุุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ ศาสนาอิสลามถูกส่งมาเพื่อจะแนะนำ ให้ มวล มนุษยชาติ ทุก เผ่าพันธุ์ รู้จัก ประโยคที่ว่า ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮุ เพื่อที่จะยึดมั่น ในพระเจ้าองค์เดียวกัน เพื่อแนะนำให้รู้จักและเข้าถึงผู้สร้างสรรพสิ่งและสิ่งมีชีวิตต่างๆในจักวาล
พระเจ้าองค์เดียว ทรงบัญญัติ ไว้ในอัลกุรอานว่า
2:62. แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ที่เป็นยิว และบรรดาผู้ที่เป็นคริสเตียน และอัศ-ซอบิอีน ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก และประกอบสิ่งที่ดีแล้ว พวก เขาก็ จะได้รับรางวัลของพวกเขา ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา และไม่มี ความหวาดกลัวใด ๆ แก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ
5:69. แท้จริงบรรดาผู้ที่ศรัทธา และบรรดาผู้ที่เป็นยิว และพวกซอบิอูน และบรรดา ผู้ ที่เป็น คริสต์นั้น ผู้ใดที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันปรโลกและ ประกอบ สิ่งที่ดีงามแล้ว ก็ไม่ มีความ กลัวใด ๆ แก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่สียใจ
จากอายะ อัลกุรอานทั้งสองอายาตนี้ แสดง ให้เห็นว่า ศาสนาอิสลามยอมรับ ทั้งชาว ยิว และ คริสเตียน ตลอดทั้ง ผู้ใดก็ตามที่ มีความศรัทธาต่อ พระเจ้าองค์เดียว, เชื่อใน วัน ปร โลก, ปฏิบัติตัว และ ดำเนิน ชีวิตอย่าง มีคุณธรรม
อิสลาม ไม่ได้สอน ให้มุสลิมเป็นศัตรู กับยิว หรือ คริสเตียน, แต่บรรดาอาจารย์สอนศาสนาบางท่าน พยายามอย่างยิ่ง ที่ จะสอนไปในทาง ตรงกันข้าม
เราจะสังเกตุได้ว่า มุสลิมส่วนใหญ่ที่สังกัดนิกาย เข้าใจว่า ศาสนาอิสลามนั้นเป็น เฉพาะ ของเขา แต่ ละนิกาย เท่านั้น ถ้าผู้ใดไม่ทำตาม หลักการ ที่กลุ่มหรือนิกาย นั้นๆ ตั้ง ไว้ จะไม่ ใช่มุสลิม
การที่มุสลิมไม่ปฏิบัติและเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว แตกแยกออกเป็นนิกาย ต่างๆ กับทั้ง สร้าง ข้อ ห้าม ข้อปฏิบัติขึ้นมาใหม่ นอกเหนือไปจากหลักการที่ บัญญัติไว้ในอัลกุรอาน เชื่อ บุคคล มาก กว่า พระเจ้า ทำให้เกิดการแตกความสามัคคี แต่ถ้ามุสลิมปฏิบัติตาม ที่ ท่านศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ มุสลิมจะไม่แตก แยก กัน และทำลายกันเอง ดังที่จะเห็นอยู่ในสังคม โลกใน ปัจจุ บันนี้
มูฮัมมัด อี. ยูซุบ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Mon Feb 27, 2006 2:12 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
เมื่อ ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พยายามที่จะสอน และ เชิญชวนให้ ลุงของ ท่านผู้ซึ่ง ที่กำลัง ป่วยหนัก ให้ เข้าใจและรู้จักพระเจ้าองค์เดียวนั้น ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนลุงของท่าน ให้รับ การ ยอม สักการะบูชา ต่อพระเจ้าองค์เดียว โดย ท่านกล่าวว่า ลาอิลา ฮาอิล ลัล ลอฮุ และ ทุกๆครั้งที่ท่านกล่าวเทศนา ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะกล่าวว่า ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮุ ซึ่งเป็น คำปฏิญาน ที่ถูกต้องตามหลักการของศาสนาอิสลาม ตาม ซุน นะห์ ของท่านรอซูล แต่ ทั้ง ซุนนี และ ชีอะห์ กลับ ต่อเติม คำปฏิญาน ฃอง ท่านศาสน ฑูต มุฮัม มัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไปคนละทาง สองทาง
..........................
ตอบ
อาจารย์ matt คร้าบ เรื่องที่ท่านเล่ามาไม่ได้กล่าวไว้ในอัลกุรอ่าน เช่น คำว่า
ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พยายามที่จะสอน และ เชิญชวนให้ ลุงของ ท่านผู้ซึ่ง ที่กำลัง ป่วยหนัก ให้ เข้าใจและรู้จักพระเจ้าองค์เดียวนั้น ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนลุงของท่าน ให้รับ การ ยอม สักการะบูชา ต่อพระเจ้าองค์เดียว โดย ท่านกล่าวว่า ลาอิลา ฮาอิล ลัล ลอฮุ
แต่ระบุไว้ในอัลหะดิษ แล้วที่ท่านอ้างอิง ท่านกำลังอ้างอิงจากหะดิษนะคร้าบ ก็ในเมื่อท่านบอกว่า หะดิษเชื่อถือไม่ได้ ให้ตามอัลกุรอ่านอย่างเดียว ผมงงกับจุดยืนของท่านครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
matt มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 254 ที่อยู่: usa
|
ตอบ: Tue Feb 28, 2006 10:36 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อาจารย์ asan ครับ ผมยังไม่ได้ตอบอาจารย์เรื่อง การส่ง "ข่าวสารของพระเจ้า" อาจารย์อย่าใชัคำนำหน้าชื่อผม ว่า อาจารย์เลยครับ เพราะทั้ง คุณและผมก็เข้าใจดี ว่า ผมอยู่ในสถานะอย่าง ไร? ผมไม่เคย สอนศาสนา แต่ชอบที่จะ ชี้จุด ให้เห็นว่า สิ่งที่บางท่าน ศรัทธา อยู่ในขณะนี้ มันออกจะหลุด ไป จากหลักการที่แท้จริง ของอิสลาม
เรื่องที่อาจารย์ คัดค้าน ในคำตอบ ของผม ในกระทู้นี้ ถูกต้องที่สุดตามที่อาจารย์ แย้งว่า เอามาจาก "อัลหะดีษ" ผมตั้งใจ จะนำมาอ้างทั้งนี้ จากการ ตาฟซีรฺ อัลกุรอาน ตอน 2 ของ อาจารย์ ฟารีด เพนดี้ ท่านนำ หะดีษ บทนี้ มาเล่า ว่า " ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พยายามที่จะสอน และ เชิญชวนให้ ลุงของ ท่านผู้ซึ่ง ที่กำลัง ป่วยหนัก ให้ เข้าใจและรู้จักพระเจ้าองค์เดียวนั้น
ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนลุงของท่าน ให้รับ การ ยอม สักการะบูชา ต่อพระเจ้าองค์เดียว โดย ท่านกล่าวว่า ลาอิลา ฮาอิล ลัล ลอฮุ " โดยไม่มีชื่อผู้ใดต่อเติมมา ไม่ว่าจะเป็นศาสนฑูตท่านใดก่อนหน้าท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทั้งนี้เพราะว่า ศาสนฑูตทุกๆท่านได้รับคำรับรองจากพระเจ้าอยู่แล้ว และเมื่อเรามีศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว เราก็ต้องยอมรับผู้ที่พระเจ้าแต่งตั้งให้เป็นศาสนฑูตเช่นกัน
เหตุที่นำมาอ้างนี้ ก็เพราะ ว่า จะยกตัวอย่างให้เห็นว่า แม้แต่ ตำราที่ เป็นเรื่องบอกเล่า ก็ยัง ยืนยัน ว่า "ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอน "ชะหะดะ" ว่าอย่างไร? แม้แต่บรรดาผู้ที่ศรัทธาในหะดีษของบุคอรีและมุสลิม และอื่นๆ ยังไม่ปฏิบัติตาม คำสอนของตนเอง จะเห็นว่า ชะหะดะ ของท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ต่าง จาก ที่ซุนนีย์และชีอะมุสลิมปฎิบัติ กัน ในปัจจุ บัน
เมื่อสองเดือนที่แล้ว ผมกลับมา กทม นั่งคุยกับบรรดา เพื่อนๆ พี่น้องมุสลิมด้วย กัน แถว บางมด เขาเล่าถึงการแตกแยกขอ งมุสลิม ในเมื่องไทย มีอาจารย์บางท่าน ขึ้นกล่าวบรรยาย คนฟังไม่ถูกใจ ก็ ไล่ตีกันจนหัวหูแตกไปตามๆ กัน อาจารย์ไปเมืองนอก(อรับ) กลับมาก็สอน กัน แตกต่างกันออกไป อย่าง เช่น ที่ ถกเถียงกันอย่างยืดยาว อยู่ใน เวบนี้ แต่ ไม่มีเนื้อหาใจความที่ จะแสดงให้เห็นว่า ศาสนาอิสลามสอน เนื้อหามากกว่า เรื่องราว ในประวัติศาสตร์
ผมอยากเห็นการสอนศาสนาให้ถูกหลักการที่แท้จริง ที่เราเฃื่อใน ลาอิลา ฮาอิล ลัล ลอฮุ
แต่ มุสลิมเรายังมีอิทธิพลของ คริสต์, พราหมณ์ และ พุทธศาสนา มาครอบงำอยู่ โดย พยายาม ที่จะ " Idolize " ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ให้อยู่ในฐานะ ที่นอกเหนือไปจาก หน้าที่ๆแท้จริงของท่าน
การรักและเชื่อฟังท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ใช่การแสดงออก โดยการ คร่ำครวญว่า รักท่านมากน้อยอย่างไร และเท่าใด แต่อยู่ที่การแสดงออกโดยการปฏิบัติ ตามคำสอนของท่านที่รับโองการมาจากพระเจ้า เราควรจะแสดงให้ชาวโลกเขาเห็นและเข้าใจ ให้ถูกต้อง ว่าท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีความเมตตากรุณา ต่อมวลมนุษย์อย่างไร? มีความสุภาพอ่อนโยนอย่างไร และมีความยุติธรรมอย่างไร
เราควรสอนศาสนาอิสลามในทาง Positive thinking สอนให้มุสลิมสนใจในวิทยาการที่ พระเจ้าประทานมา ทั้งทางวิทยาศาสตร์และ การสังคมศึกษา เพื่อที่เราจะได้ไม่งมงายในการ มีศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียวโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง ลาอิลา ฮาอิล ลัล ลอฮุ เหตุผลที่เราจะต้องเชื่อใน ลาอิลา ฮาอิล ลัล ลอฮุนั้น เพื่อให้เรา มีสมาธิและสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตอย่างแน่วแน่ไม่วกแวก ไปจากแนวทางที่พระองค์บัญญัติไว้ และปฏิบัติภาระกิจทางศาสนาอย่างถุกต้อง, ความมีศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างแท้จริง ทำให้เราสนใจและคันคว้าหาความจริง จากสิ่งที่พระองค์ ทรงประทานมาให้ เช่น การศึกษาทางชีวะวิทยา, ทางฟิสิกส์, ทางเคมี และอื่นๆ ตลอดทั้งวิชา "ทำบุญทำทานต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน" นอกเหนือไปจาก การเรียนวิชา "กินบุญ" แต่เพียงอย่างเดียว
เราจะต้อง เข้าใจให้ถูกต้องว่า ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ประกาศศาสนาอิสลามในสมัยนั้น ท่านนำของใหม่มาสอนคนที่ งมงายในวัตถุ และบางครั้งก็อยู่ในระหว่าง การทำสงคราม บางสิ่งบางอย่างที่ท่านทำ อาจจะเหมาะสม สำหรับเหตุการณ์ ในสมัยนั้น และสิ่งแวดล้อม เช่นนั้น แต่อาจจะไม่ สามารถจะนำมาใช้ในปัจจุบันได้ แต่ถ้าสถานะการ ในปัจจุบัน กลับกลายไปเช่นในยุคนั้นอีก เราก็อาจจะนำวิธีการนั้นๆ มาใช้อีกได้
เช่นการมีภรรยาได้ มากกว่า 1 คน บัญญัติในอัลกุรอานระบุไว้ ว่ามีได้ไม่เกิน 4 คน เพื่อแก้ไขสถานะการสิ่งแวดล้อมในสมัยนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่า ในเหตุการปกติที่ผู้หญิง ได้รับสิทธิและความคุ้มครอง เท่าเทียม ผู้ชายแล้ว ในสมัยนี้ แล้ว เราจะต้อง มีให้ครบ 4 คน อัลกรุอานระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ข้อความในอัลกุรอานมีทั้ง บัญญัติและ สุภาษิตเปรียบเทียบ จะต้องใช้สมอง และความคิด ทั้งความรู้ ในการทำความเข้าใจ อัลกุรอาน
ผมกล่าวเช่นนี้ใครจะเกลียดและโกรธผมก็แล้วแต่ท่าน, ท่านจะต้องใชัความคิดเอาเอง เพราะเวลานี้ เหตุการณ์ ในปัจจุบัน ได้แสดงให้เห็นว่า เราจะใช้วิธีการสอนศาสนาอิสลามแบบ ดั้งเดิม ซึ่ง สอนให้มุสลิม แตกแยกออกจากสังคม เดินถอยหลัง แทนที่จะเป็นผู้นำสังคม ของโลกปัจจุบัน จะทำอะไรที่เกี่ยวกับศาสนา แม้แต่ สิ่งซึ่งเป็นหน้าที่ๆ มุสลิมจำเป็น จะต้องกระทำโดยตรง ต่อพระเจ้า และต่อมนุษบ์ด้วยกัน ก็หวังอย่างเดียวคือผลตอบแทนจากพระเจ้า ว่าจะได้ผลบุญมากน้อยเท่าไร? ทุกอย่างที่ทำทำเพื่อหวังผลตอบแทนและรางวัล แต่ไม่ได้กระทำ เนื่องจากความศรัทธาที่แท้จริงต่อ พระเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น ให้สมกับคำปฎิญาณที่ว่า ลาอิลา ฮาอิล ลัล ลอฮุ
แมทท์ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
dabdulla มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Wed Mar 01, 2006 4:16 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อิสลามมีภรรยาได้ไม่เกิน 1 คนตามที่คุณแมทท์ฟัตวา
แล้วให้ผู้ชาย ไปดู ผู้หญิงใส่ชุดว่ายน้ำได้ เพราะไม่ถือว่าอุจจาดตา ตามที่คุณฟัตวาด้วยหรือเปล่าครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
matt มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 254 ที่อยู่: usa
|
ตอบ: Wed Mar 01, 2006 10:23 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
"เวลา และสถานที่"
ในสังคมปัจจุบัน ทั้งสังคมไทย และ สังคมตะวันตก การแต่งกายของ แต่ละสังคม จะแตก ต่าง กัน ออกไป แล้วแต่ วัฒนธรรม และ ขนบ ธรรมเนียม ประเพณีและ สภาพ ภูมิ ศาสตร์ และสิ่ง แวดล้อม ในแต่ละสังคม ก็มีระเบียบแบบแผน และกฏหมาย ว่า ขีด จำกัด ของการแต่งตัว ให้ ถูกเวลาและสถานที่ ว่าควร จะแต่งอย่างไรจึงจะไม่ถึง จุด ที่เรียกว่า ไม่ สุภาพ เรียบร้อย และไม่ ปิดบัง สิ่งสงวน หรือ ร่างกายบางส่วนที่ไม่ประสงค์ จะให้ผู้ใด เห็น, ซึ่งขัดกับระเบียบ สังคม ใน เรื่อง เวลา และสถานที่
ในปัจจุบันคุณหนีไม่พ้นสิ่งแวดล้อม เหล่านี้หรอก คุณจะบังคับเพศหญิง ในสังคม ปัจจุ บัน ให้ เดินคลุมมุ้ง ไปไหนมาไหน เพื่อป้องกันไม่ให้ คุณมอง เห็นหน้าตา ของ เขา เหล่า เพื่อ ป้องกันอารมณ์ ใคร่ ของ คุณ นั้น มัน เป็นไปไม่ได้หรอก ครับ ผมจะไม่ กล่าว อะ ไร ถึงเรื่องการแต่ง กายของเพศหญิง เพราะกล่าวมามากแล้ว
ถ้าคุณนั่งเรือไปตามคลอง ปากลัด คุณจะเห็นหญิงนุ่งกระโจมอก อาบน้ำ ตามท่า หน้าบ้าน ถ้าคุณ ไปตามโรงแรม ใหญ่ๆ หรือ ชายทะเล คุณจะเห็น เขานุ่ง ฺ BIKINI, ขณะที่ คุณ dabdulla และ มุสลิม ทั้งหลาย ใช้ คอมพิวเตอร์ มี pop up ภาภโป้ขึ้นมา โดยที่ ไม่ได้ตั้งใจ Serch เลย, คุณจะทำอย่าง ไร? ถ้าคุณไม่มีการควบคุมอารมณ์ของคุณ, คุณจำ เป็น ต้อง มีภรรยาเพิ่มขึ้น ทุกๆ ครั้ง ที่ เกิดอารมณ์ ใคร่กระนั้นหรือ? โดยเหตุนี้ พระเจ้า พระองค์ จึงทรง ออกบัญญัติ ที่ 30 ของ ซูเราะฮฺ อันนูรฺ มาให้เพศชายสำหรับ เตือนใจ ทุกครั้งที่ ประสพเหตุการ เหล่านั้น
อารมณ์ แห่ง ความใคร่ นั้น มันเกิดและเริ่ม ต้น จาก ผู้ มอง และ ไป จ้องดูเขา, เมื่อ ผู้มองเห็น การ แต่งกายของหญิง เป็นเช่นไร ก็ควรจะลดสายตาลงต่ำ และควบ คุมความใคร่ ของ ตน เอง ไว้
ในอัลกุรอานบอกไว้อย่างชัดเจน ใน ซูเราะฮฺ อันนูรฺ อายะที่30
30. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแก่บรรดามุอ์มิน ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ(*1*) และให้พวกเขารักษาทวารของพวกเขา(*2*) นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา(*3*) แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ
(1) คือให้ระงับการมองหญิงแปลกหน้าที่ไม่เป็นมะห์รอม
(2) คือรักษาทวารของพวกเขาให้พ้นจากการทำซินา และเปิดเผยสิ่งที่ไม่ควรเปิดเผย
เนื่องจาก การทำซินา มีสาเหตุมาจาก ความคิดที่เลวทราม ของผู้มอง ผู้ซึ่ง เป็นผู้ ที่อ่อน แอ ไม่สามารถที่จะ ควบคุมอารมณ์ ใคร่ได้ พระเจ้า พระองค์ ทรงรอบรู้ อารมณ์ ของ เพศชาย ที่มีอารมณ์ ชั่วและความอ่อนแอ ในการควบคุมจิตใจ ในเรื่อง เพศไม่ได้ บัญญํตินี้ จึงถูก ส่งมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคนั้น ผู้หญิง ถูก จำกัดสิทธิทุกๆทาง ทุกอย่าง อยู่ใน อำนาจของผู้ชาย
ในอิสลามการอนุญาตให้มีภรรยาได้ไม่เกิน 4 คน นั้น ไม่ใช่ให้ มีภรรยา มาก เพื่อ สำ หรับ บำบัดความใคร่ของสามี ผมว่าคุณ dabdulla ไม่ เข้ า ใจ ความหมาย ที่แท้จริง ถ้าคุณเข้าใจเงื่อนไขและสภาพสังคมของ คนในสมัยนั้น นั้น คุณก็จะเข้าใจ ว่า ความ จริง แล้ว ในปัจจุบัน เราไม่สามารถจะนำเอา บัญญัตินี้มาใช้ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า อัลกุรอาน ไม่ทัน ต่อเหตุการ ณ์ แต่ ถ้าเมื่อใดก็ตาม ถ้าสภาพสังคม ในปัจจุบัน เพศหญิง ได้รับ ความ ไม่ ยุติ ธรรม แล้ว เราจึง สามารถที่จะนำ บัญญัตินี้ กลับมา ใช้ ได้อีก
อิสลามสอนให้ผู้ชายรู้จักสำรวม อารมณ์ใคร่ และระมัดระวัง มรรยาทในการ เข้าสังคม ที่มี สตรีร่วมอยู่ด้วย อิสลามไม่ได้สนับสนุนการมีภรรยามากกว่า 1 คน, เพื่อให้ไว้ เป็นผู้บำเรอ ความ ใคร่ ให้กับสามี ในขณะที่ภรรยาคนอื่น มีรอบเดือน หรือ เพื่อบำบัด ความ ใคร่ เพื่อที่จะต้องไม่ไป เที่ยว โรง นวด หรือ ไปหาหญิงโสเภณี, ตามที่อาจารย์ สอนศาสนา บาง ท่าน ให้เหตุผลไว้
เรื่อง สภาพสังคมในปัจจุบัน คุณ dabdulla จะต้อง ทำใจครับ จะปล่อยให้ ใจของ คุณอ่อน แอไม่ได้ คุณจะต้องจำใส่ใจ ซูเราะฮฺ อันนูรฺ อายะที่30 ไว้ ถ้ามุสลิมชายทุกๆ ท่านทำได้เช่นนี้, คุณก็ไม่ต้องไปบังคับล่อหลอก ในเรื่อง ได้บุญ ถ้า ผู้หญิง เดิน คลุมมุ้ง ปิดตากัน, เพียงแค่แต่งกายให้สุภาพ ปกคลุม ส่วนยั่วยุกามรมณ์ ของเพศ ชาย เท่านั้น ก็เพียงพอ และให้เหมาะสมในสภาพภูมิศาสตร์บ้านเรา
พระเจ้าสร้าง มนุษย์ ให้แตกต่าง จากสัตว์ โลก อย่างอื่น ก็ คือ การมีความคิด ไตร่ ตรอง ในเรื่องศีลธรรมและจรรยาธรรม แม้แต่สัตว์ บางประเภทมัน ยังสมสู่กัน ตาม ฤดู กาล ถ้าพระเจ้าให้คำสอนคำเตือนไว้ เราไม่ปฏิบัติตาม เราจะ ไปโทษ สิ่งยั่วยวน ไม่ได้ ครับ
ตัวอย่างเช่น ถ้า เด็กๆ กินทอฟฟี่ แล้วฟันพุ เราจะสั่งปิดโรงงาน ทำ ทอฟฟี่ ไม่ได้ แต่ เราจะต้อง ให้ความ รู้ต่อเด็ก ให้เข้าใจถึง ข้อดีข้อเสีย ของทอฟฟี่ ถ้าเราหักห้ามใจ ใน เรื่อง ความใคร่เพียง แค่ มอง เห็นเส้นผมบนศรีษะหญิงแล้ว เราก็ไม่ดีไปกว่า สัตว์โลกชนิดอื่นๆ
เราเป็นมนุษย์ และเป็นผู้ที่นับถือศาสนา ที่ มีบัญญัติ ควบคุมในเรื่อง นี้ คุณ ต้อง อ่านบัญญัติ ของพระเจ้า ให้เข้าใจ ว่า พระองค์ ทรง ให้ความยุติธรรมในเรื่องการแต่งกายทั้ง หญิงและชายไว้อย่างไร? ถ้าไม่มีอะไรจะปกคลุมร่างกายเลย พระองค์ก็ทรงให้ข้อยกเว้น โดย กล่าวไว้ มีความหมายว่า เครื่องปกปิดร่างกายอะไรก็ไม่ดี เท่าความมี ศีลธรรมจริยาธรรมที่ดี และ มีศรัทธาที่ แน่วแน่ต่อพระเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น ลาอิลา ฮาอิล ลัล ลอฮุ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
matt มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 254 ที่อยู่: usa
|
ตอบ: Wed Mar 01, 2006 10:34 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
แก้ไขประโยคที่ว่า:
"ถ้าเราหักห้ามใจ ของเราไม่ได้ ใน เรื่อง ความใคร่เพียง แค่ มอง เห็นเส้นผมบนศรีษะหญิงแล้ว เราก็ไม่ดีไปกว่า สัตว์โลกชนิดอื่นๆ" |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
dabdulla มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Thu Mar 02, 2006 1:05 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สำหรับผมอาจจะไม่ได้มองอย่างคุณแมทท์นะครับ
การที่อิสลามให้ผู้หญิงคลุมฮิญาบ นั้นก็เพื่อไม่ให้สังคมเกิดกระทำอย่างง่าย และในขณะเดียวกัน ศาสนาก็ใช้ให้ผู้ชายทำการถือศีลอด ที่เป็นสุนัต
คนต่างศาสนิกนั้น เขาแต่งชุดบิกินี ผมว่ามันไม่แปลกหรอกครับ ก็เขาไม่ใช่อิสลาม แต่ผมกำลังพูดถึง อิสลามของเรา ไม่ใช่คนต่างศาสนิกนะครับ
ผมอยากถามคุณแมทท์หน่อยว่า การที่บุรุษเพศ มีความต้องการทางเพศ กับเพศต่างข้ามนั้น มันเป็นความผิดตรงใหน ถ้าคุณมองผู้ชายด้วยกันแล้วมีความรู้สึกทางเพศ นั่นแหละ ฟ้ากำลังจะผ่าลงบนก้นคุณ
อิสลามนั้นให้ทางออก กับบรรดาผู้ศรัทธา โดยการถือศีลอด และการปกป้องผู้หญิง เพื่อไม่ให้สังคมทำผิดอย่างง่าย
ในสังคมที่มีการปะปนกันทั้งอิสลามและต่างศาสนิกนั้น ยิ่งทำให้ผมชื่นชมในความเป็นอิสลามมากยิ่งขึ้น
เวลาผมไปเดินซุปเปอร์มาเก็ต ผมมองดูผลไม้หลากหลายชนิดในกระบะ เวลาที่ผมจะต้องเลือกผลไม้เหล่านั้น ไปให้กับพ่อแม่ ผมมักจะเลือกของดีๆเสมอ ซึ่งคุณแมทท์ ก็สามารถเลือกได้ คือ จะไม่ ส่งห่อหุ้มปกคลุมมัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สิ่งนั้นถูกทนุถนอมมาอย่างดี
เวลาที่ผมจะเลือกคูครอง ผมก็ใช้หลักการนี้เหมือนกันครับคุณแมทท์ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
matt มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 254 ที่อยู่: usa
|
ตอบ: Fri Mar 03, 2006 1:10 am ชื่อกระทู้: |
|
|
คุณคงไม่ถือ ถ้าผมให้สลามคุณ dabdulla:
ผม มีความ รู้สึกว่า คุณเป็นคนดีทีเดียว และมาจาก ครอบ ครัวที่ดี คุณ เชื่ออย่าง ไรก็ ปฏิบัติ ไปเช่นนั้น เป็นทางดีที่สุด, แต่ถ้าคุณมี เวลาและ ศึกษาดู ว่า ศาสนา อิสลาม เรา นั้น มีส่วนดีที่จะนำมา เป็นประโยชน์ ต่อ สังคมมนุษย์ ที่ยังไม่เข้าใจ หลัก การฃอง อิสลาม และ ต้อง การที่จะ เข้าใจ เราจะมีวิธี การอธิบาย ได้ อย่างไร โดย ที่ไม่ เป็นการ ดูถูกเหยียด หยาม ศาสนาอื่น เป็นหน้า ที่ของ มุสลิมทุกๆ คน ที่จำเป็น จะต้อง ทำหน้าที่ เผยแพร่ ศาสนา อิสลาม สืบต่อจาก ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม
ด้วยความรักในความสุภาพของคุณ ผมขอคุยในเรื่องนี้ ให้คุณเข้าใจทัศนะของผม ผมคิดว่าเรื่อง ความรักและการเลือกคู่ครอง ในสมัยปัจจุบันนี้ ไม่มีการบังคับ และจับคู่กันแล้ว การเลื่อกคู่ครองเป็นสิ่งที่สำคัญและยากมาก สำหรับ บุคคลทั้งสองเพศ และต่างกัน มากกับ การ นำผลไม้มาฝาก คุณพ่อคุณแม่เรา
การเลือกคู่ครอง เป็น การเลือกผลไม้มาทานเอง (ถ้าจะเปรียบเทียบในทำนองที่คุณว่า) ก่อนอื่น ผลไม้ต้องเป็นผลไม้พันธ์ที่ ยิ่งแก่ยิ่งหวาน ยิ่งแก่เท่าใด ก็ต้องยิ่งหวานขึ้นมากๆ, แต่ถ้า คุณเลือกผลไม้ที่ ยิ่งแก่ยิ่งเปรี้ยว และยิ่งแก่ ยิ่ง เหม็น เช่นลูกยอ คุณจะลำบากตอน อายุมากขึ้น เรา จะ ทราบได้อย่างไร ว่า ผลไม้ ชนิดใด ที่จะมีคุณสมบัติ ยิ่งแก่ยิ่งหวาน วิธีการง่ายๆ ก็คือ ดูจาก ผลแก่ ของผลไม้ชนิดนั้น ซึ่ง ตรงกับสุภาษิตไทยเรา ที่ว่า ดูนางให้ดู คุณแม่..ถ้าจะดู ให้แน่ๆ ต้องดูถึงคุณยาย
ผมเข้าใจว่าคุณคงหมายถึง ผลไม้ที่มี สิ่งหุ้มห่อย่อม เป็นสิ่งที่ได้รับการทนุถนอม เป็นอย่างดี และเป็นสิ่งที่สมควรจะ นำไปฝาก คุณพ่อคุณแม่
การมองเพศตรงข้าม อย่างสุภาพ ไม่เป็นสิ่งหวงห้าม (แต่เมื่อใดก็ตามที่การมองทำให้เกิดอารมณ์ ที่ไม่สุภาพขึ้นมา ก็นึกถึง อายะ24:30ไว้,) ทั้งนี้ เพราะเพศหญิง เขาก็ ต้อง การให้ เพศตรงข้ามสนใจอยู่แล้ว, แต่ถ้าคุณ เห็น แต่ดวงตาสองคู่ปริบๆ โผล่ออก มาจาก ผ้าคลุมสีดำ คุณจะทราบได้อย่างไร ว่า เขาเป็นผู้หญิง ชนิดใด คุณตามไปถึงบ้าน เขา ก็ไม่ยอม ออกมาจากกระโจม ให้คุณเห็นเรื่อนร่าง และคุณจะทราบได้อย่างไร ว่า เป็น ผู้ หญิง ชนิด ใด ศาสนาใด
ถ้าคุณไปพบใน ตะวันออกกลาง หรือในอเมริกาและยุโรป เขาอาจจะเป็น คริสเตียน ก็ได้ ถ้าใน บาง ประเทศ คุณยิ่งไม่มีทาง เห็นและทราบว่า เป็นหญิงชนิดใด เพราะ ผู้หญิงที่รับจ้าง แต่ง งาน ชั่วคราว(มุตตะ) ก็คลุมร่างกายหมดเช่นกัน เครื่องแต่งกายไม่ได้ประกัน ความดีและคุณภาพของมุสลิมและฃองผู้ใดเลย
ในสมัยนี้ชายและหญิงต้องเลือกคู่ครองเอง ไม่มีการคลุมถุงชน เหมือนในสมัยก่อน นั้น ทั้งชายและหญิงจะต้องมี การสมาคมกันให้ถูกเวลาและสถานที่ และความเหมาะสมของสถานที่ๆ ผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ไม่ขัดข้อง, ถ้าไม่เห็นหน้าเห็นตากันแล้ว ก็เป็นการยาก
ถ้า คุณจะเปรียบเป็นผลไม้ ผมก็ไม่ทราบว่า คุณจะกล้านำผลไม้นั้น ไปบ้าน หรือไม่ เปิดถุงมา แทนที่จะเป็น อินทผลัม ที่ยิ่งแก่ยิ่งหวาน กลับกลายเป็นลูกยอ สีเขียวอ่อน ดูสวยงาม (แต่ยัง ไม่แก่จัด) แล้วคุณจะว่าอย่างไร? เมื่อถึงเวลาที่ ลูกยอ นั้นแก่จัด
แมทท์ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
mahdisaudi มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004 ตอบ: 381
|
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
kakashi มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 07/04/2008 ตอบ: 1
|
ตอบ: Mon Apr 07, 2008 9:50 am ชื่อกระทู้: |
|
|
คุณ matt ใช่คนเดียวกับ แมทท์ในพันทิพหรือเปล่าครับ เห็นตอบแปลกๆ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
Nazi มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 27/03/2008 ตอบ: 6
|
ตอบ: Mon Apr 07, 2008 10:17 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เข้ามาดู |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
bawon มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 17/08/2008 ตอบ: 6
|
ตอบ: Sun Aug 17, 2008 9:57 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
kakashi บันทึก: | คุณ matt ใช่คนเดียวกับ แมทท์ในพันทิพหรือเปล่าครับ เห็นตอบแปลกๆ |
คนเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัยครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
|