ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
issarin มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 20/01/2006 ตอบ: 5
|
ตอบ: Fri Jan 20, 2006 9:33 am ชื่อกระทู้: เรียนถามปัญหาศาสนาครับ |
|
|
อัสลามมุอะลัยกุม
ผมขอเรียนถามดังนี้ครับ
คำว่า"ศาสนา" ตรงกับคำว่า"ดีน" ในพระมหาคุมภีร์อัลกุรอ่านใช่ไหมครับ ผมขอทราบความหมายของคำๆนี้ว่ามีความหมายกว้างขวางครอบคลุมเพียงใดครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
yah_ya มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 22/12/2004 ตอบ: 12
|
ตอบ: Fri Jan 20, 2006 11:17 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ว่าอลัยกุมุสลาม
คุณ issarin ลองอ่านบทความนี้ดูครับ อาจจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย
กำเนิดศาสนา
หรือรอท่านอื่นๆมาชี้แนะต่อไป..
_________________ islam is my life.. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
issarin มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 20/01/2006 ตอบ: 5
|
ตอบ: Fri Jan 20, 2006 11:50 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อัสลามมุอะลัยกุม
ผมเข้าไปอ่านตามที่คุณyah-yaแนะนำแล้วก็มีความเข้าใจดีขึ้น
ผมเป็นผู้เข้ามารับอิสลามในภายหลังโดยความศรัทธา ได้มีความรู้สึกถึงคำว่า "อิสลาม" น่าจะมีความหมายมากกว่าที่จะเป็นเพียงศาสนาที่มีความหมายว่า"เครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจเท่านั้น"(ตามที่ได้ยินบ่อยๆจากศาสนาเดิม)
เพราะผมศรัทธาต่ออิสลามก็เพราะว่าอิสลามคือแนวทางดำรงชีวิตที่ถูกต้อง ปลอดภัยในโลกนี้และหนทางที่จะนำไปสู่ความจำเริญในโลกหน้า
เหมือนกับว่าเป็นธรรมนูญของชีวิตสำหรับมนุษย์ทุกคน
ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ศาสนา เพราะศาสนาอื่นก็มีให้นับถือใช่ไหม
แต่อิสลามนั้นไม่ใช่มีเพื่อให้เลือกนับถือตามที่คนต้องการตามความรู้สึกหรืออารมณ์ หรือบรรพบุรุษสืบทอดกันมา
แต่อิสลามเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ที่จะต้องมี
เพราะผู้ที่กำหนดสิ่งนี้หรือแนวทางนี้มาให้มนุษย์ คือผู้ที่สร้างมนุษย์ขึ้นมา
แต่คนทั่วไปจะเข้าใจอิสลาม ว่าเป็นเหมือนศาสนาอื่นๆ
ผมจึงรู้สึกว่าไม่น่าจะแปลออกมาโดยใช้คำว่า ศาสนา เท่านั้นเอง
แต่ก้ไม่รู้ว่าจะใช้คำใดที่สูงส่งและสำคัญยิ่งกว่า คำว่าศาสนา นะครับ
ไม่รู้คิดมากไปหรือเปล่า
แต่ก็รู้สึกจริงๆว่าอิสลามไม่ใช่เช่นนั้น ทำให้เวลาอ่านศาสนาเปรียบเทียบ
เขาพูดถึงศาสนานั้นศาสนานี้จึงหงุดหงิดเสมอ
ยิ่งได้รู้ว่า ยูดาย หรือ คริสต์ ไม่ได้มีอยู่จริง ถูกคนอุปโลกขึ้น
ที่จริงมีแต่อิสลาม(การยอมตนฯ)เท่านั้น รอซูลฯ ท่านก่อนๆก็นำแต่อิสลามมา
คือเรียกร้องสู่พระเจ้าองค์เดียว ใช่ไหม
จึงรู้สึกว่าไม่อยากให้จัดอิสลามเข้ากลุ่มศาสนาของโลก อะไรทำนองนี้
เพราะอิสลามสำคัญยิ่งกว่านั้น
หากมีสิ่งใดจะแนะนำก็ยินดีรับฟังทุกท่านนะครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
addullslam มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004 ตอบ: 672
|
ตอบ: Sat Jan 21, 2006 9:55 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ยินดีได้รู้จัก การเข้ามารับอิสลามของคุณนับว่าดีกว่าผม
เป็นความจริงที่คำว่า อิสลาม มีความหมายมากกว่านี้มาก
ในคำว่า ศาสนา นั้นเป็นนามเหมือนกับคำว่า มนุษย์
ซึ่งก็มี มากมาย เช่น ชาย หญิง ชนชาติ ผิวพรรณ และอื่นๆ
อีกมากมาย ถ้าเอ่ยคำว่ามนุษย์ ก็เป็นที่รู้กันว่า คือ อะไร
ศาสนา คำนี้ก็เช่นกัน แต่แก่นแท้ของเราก็คือ อิสลาม
ถ้าเราไม่ใส่คำว่า ศาสนา คนทั่วไปก็เข้าใจว่าหมายถึงอะไร
ส่วนคำว่า ศาสนาไหนก็เหมือนกันนั้น เป็นพื้นฐานเบื้องต้นของการยอมรับ
แต่รายละเอียดของแต่ละศาสนา ไม่เหมือนกันแน่นอน
การอ่านศาสนาเปรียบเทียบทำให้เราจิตใจโอนเอน ไม่อ่านจะดีกว่า
ผมเองก็ไม่เคยอ่านเลย เราได้ตัดสินด้วยตัวเองแล้วว่า ศาสนาไหน
เป็นที่ยอมรับของเรา นั้นคือข้อเปรียบเทียบ
คุณ issarin ไม่ต้องไปกังวลในเรื่อง กลุ่มศาสนาของโลก
มันก็เหมือนกับคำว่า มนุษย์บนโลกนี้ อะไรทำนองนี้
แต่ที่สำคัญที่เราจะต้องไม่พอใจ หรือหงุดหงิด ก็น่าจะเป็นการเขียนของ
มุสลิมเอง เช่น ใช้คำว่า ศาสดา แทนคำว่า ศาสนทูต คุณก็ต้องเข้าใจเช่นผม
ว่า ศาสดา นั้นหมายถึงอะไร
เมื่อมีผู้นำคำว่าศาสนาไปใส่นำหน้าคำว่า อิสลาม คุณไม่พอใจ นั่นเป็นความรัก
อย่างมากในศาสนาอิสลามที่คุณมีอยู่ เหมือนเรารักอะไรสักอย่างหนึ่งก็ไม่ยอมให้
ใครมาแตะต้อง หรือ ของคุณก็เหมือนของคนอื่น ในทำนองนั้น
ยินดีได้รู้จัก ผู้เข้ารับอิสลามใหม่ เหมือนผม แต่การเข้ารับอิสลามของคุณดีกว่า
มีอะไรสงสัยเชิญถามกันได้นะครับ เราหัวอกอันเดียวกัน
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
AlGhuraba มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004 ตอบ: 226
|
ตอบ: Sun Jan 22, 2006 9:27 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สลาม คุณ issarin
ยินดีที่ได้รู้จักครับ และถ้าได้รู้จักมากกว่านี้ จะยิ่งยินดีมากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะฉะนั้นจะกรุณาแนะนำตัวเพิ่มเติมอีกสักหน่อยจะได้มั้ยครับ เราต้องการรู้จักกันในฐานะพี่น้องมุสลิม เพื่อมาช่วยกันจรรโลงศาสนาของอัลลอฮฺ ร่วมภาคภูมิใจในพระเมตตาที่อัลลอฮฺทรงประทานอิสลามมาให้ และทรงกรุณาให้เราได้เข้ามาอยู่ใต้ร่มธงเดียวกัน
เริ่มจากอะไรดีล่ะ?....
สาเหตุที่เข้ารับอิสลาม ดีมั้ยครับ
ขอรอฟังด้วยใจจดจ่อ
-------------------
คุณ addullslam
อย่างคุณน่ะ ไม่เรียกว่า ใหม่แล้วละครับ
ชั่วโมงบินขนาดนี้...ยกให้เป็น กัปตันเบอร์ 1 ได้สบายๆเลยละ หรือจะเป็น ครูฝึก ดี?
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
AbdurRahman มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 26/07/2005 ตอบ: 185
|
ตอบ: Sun Jan 22, 2006 2:07 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คิดเห็นเหมือนผมเลยครับ กับความยิ่งใหญ่ของคำว่าอิสลาม
แต่ที่นี่มีกลุ่มคนซึ่งได้ตั้งชื่อความหมายว่าอิสลามได้ตายไปแล้วจึงได้ทิ้งมรดกไว้ให้พวกเค้ามาอนุรักษ์
ดีนแห่งอัลเลาะฮ์อัซซะวะญัลตายลงแล้วกระนั้นหรือ เศร้าๆๆ
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
รอยยา มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: 20/02/2004 ตอบ: 78
|
ตอบ: Sun Jan 22, 2006 3:19 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คุณอับดุลเราฮฺมาน ไม่เข้าท่าซะแล้ว
ทำไมตีความชื่อมูลนิธินี้ให้ผิดเพี้ยนไป คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ไม่สบายก็น่าไปกินยานะคะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
AbdurRahman มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 26/07/2005 ตอบ: 185
|
ตอบ: Mon Jan 23, 2006 9:37 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สงสัยจะไม่เข้าท่าจริงๆครับ
ลูกเรือเลยอดพักผ่อนกัน
น้องรอยยาอ่านกระทู้แล้วน้องรอยยาจะเรียกกระทู้นี้ว่าเป็นการโจมตีหรือปล่าวครับ
สงสัยและไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันในบางคราว
ทำไงได้ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่า "คน" หรือ
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
addullslam มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004 ตอบ: 672
|
ตอบ: Tue Jan 24, 2006 9:02 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ คุณ alghuraba
หลาน abdurraman ก็อย่าไปพูดเรื่องชื่อเว็บอีก
คำว่ามรดกนั้น มีส่วนหนึ่งที่หมายถึงทรัพย์ของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว
อีกส่วนหนึ่ง หมายถึง วิชาการ ความรู้ ความสามารถ ที่สืบทอดกันมา
จากชนรุ่นก่อนๆ ก็เรียกว่ามรดกได้เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น
ท่านนบี กำลังแบ่งมรดกอยู่ที่มัสยิด " ในขณะนั้นท่านก็ยังไม่ตายครับ
ฉนั้นความหมายในที่นี้ คำว่า อนุรักษ์มรดกอิสลาม ก็หมายความได้ว่า
" อนุรักษ์ หมายถึง รักษาให้สืบต่อไป " มรดกอิสลาม หมายถึง
" วิชาการ ความรู้ ความสามารถ ในด้านอิสลาม "
จึงรวมความได้ว่า " รักษาให้สืบต่อไป วิชาการ ความรุ้ ความสามารถในด้านอิสลาม
ก็ขอให้หลาน abdurraman อย่าไปกล่าวถึง ชื่อเว็บอีก นะจะคนดี
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
AbdurRahman มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 26/07/2005 ตอบ: 185
|
ตอบ: Tue Jan 24, 2006 12:29 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ครับบังครับ ไม่อยากจะเป็นหรอกครับบังคนดีน่ะมันโหลเกินไปครับ ผมอยากจะเป็นคนที่ดีที่สุดเพราะศาสนาเราสอนให้พวกเราเป็นคนที่ดีที่สุดไม่ใช่แค่คนดีเหมือนศาสนาอื่นๆ แต่ก็ยังไม่สำเร็จซักทีเหอๆ สรุปคือคนดียังไม่เห็นแววเลย แหะๆจะเป็นคนดีที่สุดซะแหล่ว
ติดใจนิดนึงครับบังที่บังว่า ท่านนบี กำลังแบ่งมรดกอยู่ที่มัสยิด พอดีผมอาจจะความรู้น้อยครับแบบว่าเป็นกบในกะลาอย่างที่น้องหน้าทื่อได้ประณามผมเอาไว้อะไรทำนองนั้น คืออ่านยังไม่เจออะครับที่บังว่า มรดก มรดกของนบีหรือว่าทรัพย์เชลยกันครับบัง ที่ท่านนบี ได้ทำการแบ่งในมัสยิดขณะนั้น
ยังไงทีมงานน่าจะอธิบายนะบังเพราะผมต่อว่าทีมงานแต่ทีมงานไม่เคยชี้แจงมา บังลองฟังเค้าชี้แจงก่อนดีไม้ครับบัง ยังไงผมก็เคารพคำวินิจฉัยของบังอยู่แล้วครับ
คือความรู้สึกผมนะครับอาจไม่ได้เกิดกับทุกคน ผมรู้สึกทันทีว่า คำว่ามรดกอิสลามคือคำที่ดูถูกอิสลามอย่างร้ายแรง คนอื่นอาจไม่รู้สึกแต่ผมฟังแล้วไม่รู้สึกดีเลยครับบัง เหมือนคำเรียกชาวฟิลิสตีน ความหมายของคำทำให้พวกเขาเป็นดังคำเรียกเช่นนั้น ชื่อดีก็มีบรอกัตนะบัง ถ้าชื่อหน้าทื่อดูยังไงก็ทื่อนะบัง อิอิ
Abdurahman Ibn Abdullah Ibn Ibraheem
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
addullslam มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004 ตอบ: 672
|
ตอบ: Wed Jan 25, 2006 9:39 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ในขณะเดียวกันท่านอบู ฮุรอยเราะฮฺ รักท่านร่อซูล ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมอย่างมาก
ท่านก็รักวิชาความรู้และถือว่าการแสวงหาวิชาความรู้นั้นเป็นความปรารถนาที่ท่านหวังที่จะได้บรรลุถึงอีกด้วย
ท่านซัยดฺ อิบนิ ซาบิด ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า " ครั้งหนึ่งขณะที่ฉัน(หมายถึงซัยดฺ) อบูฮุรอยเราะฮฺ และสหาย
ของฉันอีกคนหนึ่งกำลังนั่งวิงวอนต่ออัลลอฮฺ และรำลึกถึงพระองค์ในมัสยิด ทันใดนั้น ท่านร่อซูล ศ็อลลัลอฮุ
อะลัยฮิวะซัลลัม ได้เข้ามาในมัสยิดและเดินเข้ามายังเราจนกระทั่งมาอยู่ร่วมกับพวกเรา พวกเขาจึงหยุดเงียบ
ท่านร่อซูลกล่าวว่า จงกระทำสิ่งที่พวกท่านกำลังทำกันอยู่ต่อไปเถิด
ฉันกับสหายของฉันจึงได้วิงวอนต่ออัลลอฮฺ ท่านอบีฮุรอยเราะฮฺ และท่านร่อซุลก็ได้ยินดุอาอฺของเราและกล่าวว่า
อามีน (ข้าแต่อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงรับดุอาอฺด้วยเถิด)
หลังจากนั้นท่านอบูฮุรอยเราะฮฺก็ขอดุอาอฺสำหรับตัวท่านเองโดยกล่าวว่า " ข้าแต่อัลลอฮฺ ข้าพระองค์ขอต่อพระองค์
ในสิ่งที่สหายของข้าพระองค์ทั้งสอง(หมายถึงท่านซัยดฺและสหายของซัยดฺ) ขอต่อพระองค์ และข้าพระองค์
ขอต่อพระองค์ซึ่งวิชาความรู้ที่ไม่ถูกลืม "
เมื่อท่านร่อซูล ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ยินดุอาอฺของท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ท่านกล่าวว่า " อามีน "
(ข้าแต่อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงรับดุอาอฺด้วยเถิด) พวกเรา(ซัยดฺกับสหายของเขา) กล่าวว่า
พวกเราขอต่ออัลลอฮฺเช่นเดียวกัน ซึ่งวิชาความรู้ที่ไม่ถูกลืม
ท่านร่อซูลกล่าวว่า " อบูฮุรอยเราะฮฺนำหน้าพวกท่านแล้ว กล่าวคือ อบูฮุรอยเราะฮฺได้ขอและอัลลอฮฺทรงรับดุอาอฺของเขาแล้ว "
ดังที่ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺชอบการแสวงหาความรู้สำหรับตัวเอง ท่านก็ชอบให้ผู้อื่นแสวงหาวิชาความรู้เช่นเดียวกัน
ดังเรื่องราวต่อไปนี้
ครั้งหนึ่งท่านอบูฮุรอยเราะฮฺได้เดินผ่านตลาดของเมืองมะดีนะฮฺ และได้มองเห็นประชาชนจำนวนมากกำลังง่วนอยู่กับ
การซื้อขายในตลาด ในสภาพที่สนใจเรื่องดุลยามากกว่าเรื่องศาสนา ท่านจึงหยุดและกล่าวปราศัยแก่เขาเหล่านั้น
ซึ่งมีใจความว่า " โอ้ชาวมะดีนะฮฺทั้งหลาย พวกท่านไร้ความสามารถเหลือเกิน " คนที่มาร่วมชุมนุมฟังคำปราศัยของท่าน
กล่าวว่า " มีอะไรหรือ? ที่ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺเห็นว่าพวกเราไร้ความสามารถ ? "
ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺกล่าวว่า มรดกของท่านร่อซูล ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กำลังถูกแบ่ง และท่านทั้งหลายมัวแต่สนใจ
กับการซื้อขายที่นี่ พวกท่านจงรีบไปรับส่วนแบ่งของพวกท่านจากมรดกของท่านร่อซูล เหมือนกับคนอื่นบ้างซิ
พวกเขากล่าวว่า และมรดกนั้นอยู่ที่ไหน โอ้ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ท่านตอบว่า ในมัสยิดของท่านร่อซูล
พวกเขาจึงรีบไปที่มัสยิด และท่านอบูฮุรอยเราะฮฺยังคงยืนอยู่ที่เดิม จนกระทั่งพวกนั้นกลับมา
และเมื่อพวกเขาเห็นท่านจึงกล่าวแก่ท่านว่า โอ้ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ แท้จริงเราไปยังมัสยิดและเข้าไปข้างในแต่ไม่พบสิ่งใด
ที่กำลังถูกแบ่งเลย ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺได้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านไม่เห็นใครในมัสยิดเลยกระนั้นหรือ ?
พวกเขากล่าวว่า หามิได้ เราเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังละหมาดอยู่ และกลุ่มหนึ่งกำลังอ่านกุรอาน และอีกกลุ่มหนึ่ง
กำลังเรียนบัญญัติศาสนา
ท่านอบู ฮุรอยเราะฮฺ ตอบว่า " นี้แหละคือมรดกของ ท่านร่อซูล ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม "
นับตั้งแต่อบูฮุรอยเราะฮฺได้มาอาศัยอยู่กับท่านร่อซูล ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ณ นครมะดีนะฮฺ ท่านได้อุทิศชีวิตของท่าน
เพื่อแสวงหาวิชาความรู้ และอยู่กับท่านร่อซูลเป็นประจำ ซึ่งท่านต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะท่านเป็นคนยากจน
ท่านต้องพึ่งพาอาศัยการเลี้ยงดูของท่านร่อซูลเหมือนกับคนอื่นๆ ที่มีสภาพยากจนเช่นเดียวกับท่าน แต่ท่านอยู่ในสภาพเช่นนี้
ไม่นานนัก เนื่องจากฐานะของมุสลิมในด้านปัจจัยดีขึ้นเรื่อยๆ ท่านได้รับส่วนแบ่งบางส่วนจากรายได้ที่มุสลิมได้มา
ทำให้ท่านมีที่อยู่อาศัย และแต่งงานมีครอบครัว
แต่การเปลี่ยนแปลงจากสภาพที่เป็นอยู่นี้ ก็ไม่ได้ทำให้ท่านลืมตัว ลืมชีวิตในอดีตของท่าน ซึ่งเต็มไปด้วยความยากลำบาก
ท่านมักจะพูดถึงอดีตของท่านอยู่เสมอ โดยกล่าวว่า
" ฉันได้เติบโตมาในสภาพที่เป็นเด็กกำพร้า ได้อาศัยอยู่กับท่านร่อซูลในสภาพที่เป็นผู้ขัดสนยากจน และเคยเป็นลูกจ้างของ
หญิงคนหนึ่ง ชื่อยุศเราะฮฺ บินติ ฆ็อซวาน แต่แล้วอัลลอฮฺก็ได้ทรงความเมตตากรุณาให้ฉันได้แต่งงานกับหญิงคนนี้
ดังนั้นมวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ผู้ซึ่งยกฐานะฉันด้วยศาสนาอันเที่ยงธรรม(หมายถึงให้ผู้ชายเป็นผู้ดูแล
ผู้หญิง แม้ว่านางจะเคยเป็นนายของเขามาก่อน) ชีวิตของท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ หลังจากที่ท่านได้แต่งงานไปแล้วก็มิได้ทำให้
ท่านละทิ้งการแสวงหาวิชาความรู้ ท่านกลับเพิ่มความสนใจมากขึ้น และขยันในการทำอิบาดะฮฺอีกด้วย
ท่านถือศิลอดในเวลากลางวัน และท่านละหมาดตะฮัจญุจในเวลากลางคืนเป็นประจำ ท่านจะทำตะฮัจญุจ 1 ใน 3
ช่วงแรกของกลางคืน เมื่อเสร็จแล้วท่านจะปลุกภรรยาของท่านทำตะฮัจญุจ 1 ใน 3 ช่วงที่สอง และหลังจากนั้นภรรยาของท่าน
ก็จะปลุกลูกสาวของนางให้ตื่นทำตะฮัจญุจ 1 ใน 3 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของกลางคืน
การกระทำของท่านอบูฮุรอยเราะฮฺกับภรรยาและลูกเป็นการกระทำที่แสดงให้เห็นว่า
" การทำอิบาดะฮฺตลอดคืนภายในบ้านของท่านนั้นไม่เคยขาดตอนเลย "
ท่านที่สนใจอ่านต่อได้จาก
http://www.az-sunnah.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=9&page=2 |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
issarin มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 20/01/2006 ตอบ: 5
|
ตอบ: Wed Feb 08, 2006 3:53 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
AlGhuraba บันทึก: | สลาม คุณ issarin
ยินดีที่ได้รู้จักครับ และถ้าได้รู้จักมากกว่านี้ จะยิ่งยินดีมากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะฉะนั้นจะกรุณาแนะนำตัวเพิ่มเติมอีกสักหน่อยจะได้มั้ยครับ เราต้องการรู้จักกันในฐานะพี่น้องมุสลิม เพื่อมาช่วยกันจรรโลงศาสนาของอัลลอฮฺ ร่วมภาคภูมิใจในพระเมตตาที่อัลลอฮฺทรงประทานอิสลามมาให้ และทรงกรุณาให้เราได้เข้ามาอยู่ใต้ร่มธงเดียวกัน
เริ่มจากอะไรดีล่ะ?....
สาเหตุที่เข้ารับอิสลาม ดีมั้ยครับ
ขอรอฟังด้วยใจจดจ่อ
-------------------
คุณ addullslam
อย่างคุณน่ะ ไม่เรียกว่า ใหม่แล้วละครับ
ชั่วโมงบินขนาดนี้...ยกให้เป็น กัปตันเบอร์ 1 ได้สบายๆเลยละ หรือจะเป็น ครูฝึก ดี?
|
ผมเพิ่งเข้ามาหลังจากหายไปจะช้าเกินไปไหมนี่
ผมเป็นนักแสวงหาครับ เป็นลูกชาวนายากจน
เห็นใจสงสารคนทุกข์ยากคนไม่มีความรู้ที่ถูกเอาเปรียบเสมอ
ผมจึงเกลียดคนหลอกลวง อุปโลกความเร้นลับขึ้นมา
ซ้ำเติมผู้คนที่หัวใจอ่อนแอขาดที่พึ่ง
ผมมักปฏิเสธและเกลียดความงมงาย การเชื่อถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆนานา
เกลียดมันเกาะกุมจิตใจคนอ่อนแอให้ตกเป็นทาสมัน
นี่คือพื้นฐานความคิดผม
ผมรู้จักอิสลามจากเพื่อนในมหาลัย
มีความทึ่งในจริยาวรรตอันเยี่ยมยอดของเพื่อน(การถือศีลอด)
ความอยากรู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้คนเราอดทนได้ถึงเพียงนี้(ถือศีลอด)
สังคมฟุ้งเฟ้อแต่เพื่อเราเรียบง่ายจริงๆ มันตรงใจที่เราแสวงหามาก
ความเรียบง่าย ความอดทน ไม่มีความงมงายให้เห็น
ต่อมาได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม
แต่ยังไม่มั่นใจเท่าไรเพราะเราถูกฝังแบบเก่าๆในหัวเรื่องการวิวัฒนาการ
มันเข้าใจยากเรื่องพระเจ้าสร้างมนุย์
และการปฏิบัติตนของมุสลิมบางคนก็ทำให้ไม่มั่นใจได้
แต่เพื่อนบอกว่าให้ดูที่ศาสนาอย่าดูที่คน
แต่ได้ไตร่ตรองและหาหนังสือมาอ่านมากขึ้น
ได้เห็นจุดสว่างขึ้นในจิตใจว่าเราเข้าใกล้สิ่งที่แสวงหา
คำดำรัสหลายคำจากอัลกุรอ่านมันพุ่งตรงมาที่หัวใจ
เช่น "....และพวกเจ้าจงอย่าตาย เว้นแต่พวกเจ้าจะอยู่ในสภาพแห่งผู้สวามิภักดิ์(ต่ออัลลอฮ์)เท่านั้น" เป็นต้น
มันเหมือนกับว่าคำพูดนี้เป็นคำสั่งเด็ดขาดอย่างนี้มาจากใคร
ใครจะกล้าพูดอย่างนี้ต่อหน้ามนุษย์
เราคิดไตร่ตรองว่าจะต้องมีความหมายอยู่เบื้องหลังแน่
แล้วถ้าเราไม่ได้เป็นผู้ภักดีต่ออัลลอฮ์แต่ตายไปเสียก่อนล่ะ เราจะเจอกับอะไร
ยิ่งขวนขวายหาความหมายมากขึ้นก็ยิ่งประจักษ์
ทุกสิ่งมันมีคำตอบหมดเลย ตั้งแต่เรื่องจักรวาล
วิทยาศาสตร์ ชีวิตมนุษย์ สิ่งเร้นลับ ฯลฯไม่มีความขัดแย้งใดๆ
มั่นใจมากต่อแนวทางนี้ จึงกล่าว"ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์........."
ที่จริงมีความรักต่อเพื่อนมากเหมือนกันคิดว่าจะใช้ชีวิตร่วมกัน
แต่มีเหตุแห่งการถูกกีดกันจึงไม่ได้แต่งงานกัน ก็เสียใจมากนะ
แต่ก็เข้าใจความเป็นพ่อแม่ของเพื่อนที่ไม่มั่นใจว่าลูกของตนจะไปตลอด
รอดฝั่งไหมกับคนที่มาเข้ารับอิสลามที่ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด เพราะมีตัวอย่าง
กับลูกหลานเขาอยู่
แม้ว่าศาสนา(ตามแบบความคิดพ่อแม่ของเพื่อน)จะเป็นสิ่งกีดขวาง
ความรัก แต่ไม่ได้มีความโกรธเคืองหรือหันหนีต่อศาสนาเลย
คิดเสมอว่าพระเจ้าได้ส่งเพื่อนมาเป็นทางนำเราสู่แนวทางที่ถูกต้อง
และเป็นการทดสอบต่อความมั่นคงของการศรัทธา
ปัจจุบันได้แต่งงานกับหญิง(พุทธ)และเธอก็มาเข้ารับอิสลามอย่างปิติยิ่ง
ด้วยความเมตตาของอัลลอฮ์ มีลูกสาว 1 คน
หมายเหตุ มุสลิมะฮ์เพื่อนเราคนนั้นเธอได้แต่งงานกับคนพุทธที่เข้ามารับอิสลาม
และมีศรัทธา มีลูกๆหลายคน อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ขออัลลอฮ์โปรดปราณครอบครัวเธอ
จบ.
ที่จริงมีเรื่องราวปลีกย่อยอีกมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิต การได้รับความเมตตาจากอัลลอฮ์
การถูกทดสอบอย่างมากมาย ซึ่งแทบไม่เชื่อชีวิตตัวเอง
การรับอิสลามรู้สึกเหมือนเกิดใหม่ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
issarin มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 20/01/2006 ตอบ: 5
|
ตอบ: Wed Feb 08, 2006 4:03 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สลามทุกท่าน
เขียนไปแล้วมาอ่านอีกที
มันอาจย่นย่อเกินไปนะแต่เขียนออกมาจากความรู้สึกจริงๆ
ที่จริงมันมีอะไรอีกมาก แต่ว่าเขียนไม่ค่อยเก่ง
เลยออกมาแบบทื่อๆหน่อย ชอบนั่งคุยกันมากกว่า
เอาไว้คุยกัยเรื่อยๆคงจะได้บอกเล่ากันอีก แต่ว่าไม่มีความรู้
เลยกลัวว่าพูดอะไรผิดไปจะไม่ดีนะยังไงก็แนะนำด้วย
หากอะไรไม่เหมาะสม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
yah_ya มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 22/12/2004 ตอบ: 12
|
ตอบ: Wed Feb 08, 2006 4:18 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ได้อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลย
และในหัวใจมันมีความสุขยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก..
อัลฮัมดุลิ้ลลาห์...ที่ได้เกิดมาเป็นมุสลิม... _________________ islam is my life.. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
อับดุรเราะฮ์มาน มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: 14/02/2006 ตอบ: 56
|
ตอบ: Tue Feb 14, 2006 4:09 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
เรียน ท่านผู้อาวุโส addullslam (น่าจะเขียนว่าAbdulslamหรือปล่าวนะครับ)
ตามที่ท่าน อ้างถึง ท่านอบู ฮุรอยเราะฮฺ ตอบว่า " นี้แหละคือ"มรดกของ ท่านร่อซูล"ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม "
สรุปก็คือยังไม่พบคำว่า "มรดกอิสลาม"ถูกต้องนะครับผู้อาวุโส
ทำไมถึงใช้"มรดก"กับ"อิสลาม" ไม่ได้ ค่อยๆคิดกันนะครับ เพราะผมอาจจะไม่ได้เข้ามาง่ายๆ เล่นแบนทั้งไอพีเลย
คิดกันง่ายๆครับ ถ้า "มรดกอิสลาม" ไพเราะและมีความหมายดีจริงๆ เราจะต้องพบคำๆนี้ในรายงานฮาดิษของบุคคลสำคัญๆในอิสลาม แต่จนบัดนี้ คำนี้ก็ยังไม่ได้ถูกค้นพบ (ผมอาจจะค้นไม่ถึง)
แต่คำเขียนที่น่ากลัวและไม่สมควรอีกหลายคำยังคงอยู่ในสังคมเราไม่ว่าจะเป็น
"มุสลิมสายกลาง"
"มูฮำหมัดมหาศาสดาเอกของโลก"
"การเผยแพร่ศาสนาอิสลาม"
ซึ่งแน่นอนว่าคำเหล่านี้ยังมีการใช้อยู่เสมือนเป็นสิ่งที่ถูกต้องเฉกเช่นเดียวกับ "มรดกอิสลาม"
ยังรอชี้แจงครับ "ชี้แจง" (ไม่ใช่"จ้องแบน"นะ )
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|