อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[อิลยาส]

ชัยคุล้อิสลาม อินนุ ตัยมียะฮฺ กล่าวไว้ในหนังาอของท่าน ชื่อว่า อิติฎออุสสิรอติ้ลมุสตะกีม เล่ม1 หน้า 320

" การเลียนแบบมุชริกีนส่งผลให้เกิดความรักใคร่พวกเขาในจิตใจผู้ศรัทธาฉันใด ความรักที่จะติดตามพวกเขาก็จะถูกแสดงออกมาภายนอกฉันนั้น"

[อิลยาส]

เชคคุลอิสลาม อิบนุ ตัยมิยะฮฺ กล่าวไว้ในหนังสือของท่านเช่นเดียวกันว่า
"เดิมๆแล้วงานหรือเทศการของพวกมุชริกีนที่จัดขึ้นมาตั้งอยู่บนหลักการสองหลัก คือ ชุบฮะฮฺ(ข้อคลุมเครือ) และชะฮฺวะฮฺ(เรื่องของอารมณ์) ซึ่งทั้งหมดคืองานที่โมฆะทั้งสิ้น มันเริ่มต้นด้วยการสมัครสมานอย่างรวดเร็ว แต่จบลงด้วยความปวดร้าว"

อิกติฎอฺ ซิรอติ้ลมุสตะกีม เล่ม 1หน้า 429

[อิลยาส]

ส่วนโทษอันมหันต์ที่ไปร่วมงานที่มีคุณลักษณะดังกล่าวคล้ายกับการกระทำของพวกมุชริกีน เช่น นำสตรีมาออกร้านขายของ จำหน่ายคูปอง ชมการประกวด เอาสตรีหน้าใสมาประจำโต๊ะบริจาค
ตบท้ายด้วยการบรรยายเรื่องศาสนา โดยอาจาน ทั้งหลาย งานเช่นนี้หรือจะหาบะร่อกะฮฺ งานเช่นนี้หรือ จะหาการอภัยโทษ วะอิญาซุบิลลาฮฺ

ชาวสลัฟปติบัดในการบรรยายแต่ละครั้ง แยกหญิง แยกชาย เป็นสัดส่วน
ส่วนท่านนบี กล่าวไว้
ความว่า "ห้ามสตรีออกนอกบ้านเว้นแต่จะมีผู้ปกครองไปด้วย" บุคคอรี มุสลิม

[อิลยาส]

แล้วจานำมาเสนอเพิ่มเติมครับ พอดีมีทุระ ไปทะลุ

[อิลยาส]

เกี่ยวกับการปะปนระหว่างหญิง ชาย(อิคติลาต) เช่นตามสถานที่ศึกษาอิสลาม ตามงาน และกิจกรรมต่างๆ ซึ่งท่านนบียฺได้สำทับ และเตือนถึงอันตรายดังกล่าวไว้อย่างมากมายก่ายกอง
นักวิชาการ ชาวสลัฟโปรดได้ตระหนักถึงหะดีษนี้ด้วย
ท่านนบียฺกล่าวไว้

حَدَّثَنَا عَلِيُّ بْنُ إِسْحَاقَ، أَنْبَأَنَا عَبْدُ اللَّهِ يَعْنِي ابْنَ الْمُبَارَكِ، أَنْبَأَنَا مُحَمَّدُ بْنُ سُوقَةَ، عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ دِينَارٍ، عَنِ ابْنِ عُمَرَ، أَنَّ عُمَرَ بْنَ الْخَطَّابِ، رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ خَطَبَ النَّاسَ بِالْجَابِيَةِ فَقَالَ قَامَ فِينَا رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مِثْلَ مَقَامِي فِيكُمْ فَقَالَ اسْتَوْصُوا بِأَصْحَابِي خَيْرًا ثُمَّ الَّذِينَ يَلُونَهُمْ ثُمَّ الَّذِينَ يَلُونَهُمْ ثُمَّ يَفْشُو الْكَذِبُ حَتَّى إِنَّ الرَّجُلَ لَيَبْتَدِئُ بِالشَّهَادَةِ قَبْلَ أَنْ يُسْأَلَهَا فَمَنْ أَرَادَ مِنْكُمْ بَحْبَحَةَ الْجَنَّةِ فَلْيَلْزَمْ الْجَمَاعَةَ فَإِنَّ الشَّيْطَانَ مَعَ الْوَاحِدِ وَهُوَ مِنْ الِاثْنَيْنِ أَبْعَدُ لَا يَخْلُوَنَّ أَحَدُكُمْ بِامْرَأَةٍ فَإِنَّ الشَّيْطَانَ ثَالِثُهُمَا وَمَنْ سَرَّتْهُ حَسَنَتُهُ وَسَاءَتْهُ سَيِّئَتُهُ فَهُوَ مُؤْمِنٌ‏

" ไม่มีการปะปนระหว่างหญิง ชาย นอกเสียจากว่าชัยฏอนคือบุคคลที่สาม " อะหมัด / ติรมีย์ซีย์

หะดีษตรวจทานโดยท่านหากิม อัลบานีย์กล่าวว่า สายสืบหะดีษซอฮีฮฺ จากหนังสือ มิชกาตอัลมะศอเบี๊ยะฮฺ เล่มที่2 หน้า 935 พิมพ์ที่ ห้องสมุดอิสลาม ณ กรุงเบรุต ประเทศเลบานอล

[อิลยาส]

การจัดงานรวมตัว หรือรวมนำใจสมทบทุน หรือรวมตัวนั้น ส่วมากแร้วคิดว่ามันเป็นเรื่อง
มุอามะลาต แต่ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อิสลามได้วางตัวบทไว้อย่างชัดเจน ในเรื่องของการจัดงานรื่นเริง สังสป็รรค์ และพีธีต่างๆ " เป็นเรื่องของกฎระเบียบของการอิบาดะฮฺ(มะซาอิลอัซชัรอีย์ยะฮ์
อัตตะอับบุดดีย์ยะฮฺ) ซึ่งไม่อนุมัติให้ผู้หนึ่งผู้ใดต่อเติม หรือตัดทอนในเรื่องดังกล่าว ดังที่ได้กล่าวเปิดประเดนมาตั้งแต่ช่วงต้น ครับ ฉนั้นจึงไม่เป็นที่อนุมัตในการสร้างตัวบทขึ้นมาเอง หากมิได้มีคำสั่งจากอัลลอฮฺ และรซูลของพระองค์ ซึ่งก่อนหน้าอิสลามจะเกดที่นครมักกะฮฺ การจัดงาน และพิธิการต่างก้อมีอยู่แล้วอย่างมากมาย แต่อิสลาม มายกเลิก และทำลายจนหมดสิ้น โดยให้เหลือแต่วันรื่นเริง สองงาน คือ อีดทั้งสอง ยิ่งไปกว่านั้นบรรดาซอหะบะฮฺทุกๆท่าน ได้ต่อต้านงานรื่นเริง และพิธิกรรมต่างๆมาโดยตลอด ครับ

[อิลยาส]

وَحَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ نُمَيْرٍ، حَدَّثَنَا اَبِي، حَدَّثَنَا عَبْدُ الْمَلِكِ بْنُ اَبِي سُلَيْمَانَ، عَنْ عَطَاءٍ، عَنْ جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ، قَالَ شَهِدْتُ مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم الصَّلاَةَ يَوْمَ الْعِيدِ فَبَدَاَ بِالصَّلاَةِ قَبْلَ الْخُطْبَةِ بِغَيْرِ اَذَانٍ وَلاَ اِقَامَةٍ ثُمَّ قَامَ مُتَوَكِّئًا عَلَى بِلاَلٍ فَاَمَرَ

بِتَقْوَى اللَّهِ وَحَثَّ عَلَى طَاعَتِهِ وَوَعَظَ النَّاسَ وَذَكَّرَهُمْ ثُمَّ مَضَى حَتَّى اَتَى النِّسَاءَ فَوَعَظَهُنَّ وَذَكَّرَهُنَّ فَقَالَ ‏"‏ تَصَدَّقْنَ فَاِنَّ اَكْثَرَكُنَّ حَطَبُ جَهَنَّمَ ‏"‏ ‏.‏ فَقَامَتِ امْرَاَةٌ مِنْ سِطَةِ النِّسَاءِ سَفْعَاءُ الْخَدَّيْنِ فَقَالَتْ لِمَ يَا رَسُولَ اللَّهِ قَالَ ‏"‏ لاَنَّكُنَّ تُكْثِرْنَ الشَّكَاةَ وَتَكْفُرْنَ الْعَشِيرَ ‏"‏ ‏.‏ قَالَ فَجَعَلْنَ يَتَصَدَّقْنَ مِنْ حُلِيِّهِنَّ يُلْقِينَ فِي ثَوْبِ بِلاَلٍ مِنْ اَقْرِطَتِهِنَّ وَخَوَاتِمِهِنَّ ‏.‏

ท่านนบียของเราได้ทำรูปแบบการบริจาคทานให้เป็นแบบอย่างแก่ประชาชาติของท่าน ซึ่งมันช่างแตกต่างกับพวกเราเสียนี่กระไร

"ข้าพเจ้าได้ร่วมละหมาดอีดกับท่านนบี โดยเริ่มนมาซก่อนคุตบะฮฺ ไม่มีอาซาน และอิกอมะฮฺ
ต่อมาท่านได้ขึ้นคุตบะฮ์ท่านได้เอามือของท่านท้าวหลังท่านบิลาล นบีได้ย้ำให้เหล่าซอหะบะฮ์ยำเกรงต่ออัลลอฮฺ และให้เชื่อฟังพระองค์ เมื่อเสร็จจากการคุตบะฮ์ของฝ่ายชาย ท่านก้อมาคุตบะฮ์ให้ฝ่ายหญิงฟัง จนมาถึงเรื่องการบริจาคเงินทอง เพราะเหล่าสตรีส่วนมากจะอยู่ในนรก จึงมีสตรีที่รอยชำที่แก้มท่านหนึ่ง กล่าวขึ้นมาท่ามกลางเหล่าสตรีทั้งหลายว่า โอ้นบีเพราะเหตุใดนางเหล่านั้นจึงอยู่ในนรกเล่า? ท่านตอบว่า "เพราะนางชอบฟ้อง ชอบลืมบุณคุณสามีตนเอง " นางเหล่านั้นจึงได้พากันถอดแหวน และต่างหู
โยนมาเพื่อบริจาคจนกระทั่งสิ่งของที่บริจากเตมผ้าท่านบิลาล / มุสลิม นาซาอีย์ ดาริมีย์ บัยหะกีย์ อะหมัด


ปัจจุบันนักวิชาการสลัฟต่างในต่างประเทศยังคงใช้วิธินี้เพื่อเรียกร้องในการบริจาคครับ

[addullslam]

เป็นอันว่าห้ามจัดงานรวมน้ำใจและมีการบรรยายของอาจารย์ต่างๆ
ประกาศ ห้ามหาปัจจัยในการเผยแผ่ศาสนาอิสลามด้วยวิธีนี้
ห้ามอาจารย์ต่างๆขึ้นบรรยายศาสนาอิสลามในงานนี้
ท่านอิลยาส มีวิธีที่จะมาทดแทนในสิ่งที่ได้ขาดไปได้ไหมครับ
ผมขึ้นรถเมลทุกวันบางวันขึ้นไปพบมุสลีมะฮฺ รถแน่นต้องยืน
เบียดกันเป็นการปะปนระหว่างหญิงและชาย ท่านมีทางออกที่ดีกว่านี้
ไหมครับแต่อย่าบอกว่าให้เดินไปหรือให้ซื้อรถเก๋งนะครับ
เรามุสลิมส่วนใหญ่จน และอีกเรื่องหนึ่ง โรงเรียนจัดให้มีผู้ปกครองประชุม
ผู้ปกครองต้องนั่งอยู่ในที่ๆจัดไว้ในกลุ่มของห้องนั้นๆ
เราก็ต้องนั่งปนเปลกันระหว่างชายและหญิง ก็ผิดอีก
แต่ทางออกในสิ่งดังกล่าว ท่านอิลยาสจะหาทางออกให้ได้ไหมครับ
หรือไม่ต้องไปเรียนให้ลูกหลานมุสลิม อยู่แต่ในบ้าน
อย่างนี้ก็เข้าทางยะฮูดีและนัซรอนีย์ที่วางแผนให้พวกเราโง่
สุดท้ายผมยังยื่นข้อเสนอเดิมๆ และจะไปร่วมงานรวมน้ำใจ
ที่มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม และขอเชิญพี่น้องสมาชิกทุกท่าน
ได้ร่วมกันบริจาคในหนทางของ อัลลอฮฺ และรับฟังการบรรยาย
ในหัวข้อที่กำหนดไว้โดยพร้อมเพียงกัน ท่านนบี กล่าวว่า
ที่ใดมีการบรรยายสั่งสอนศาสนา มะลาอิกะฮฺจะกลางปีกทั้งสอง
ปกคลุม .. เราทุกคนรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำและเราก็มีความรู้พอที่จะตัดสิน
ว่าสิ่งใดสมควรหรือไม่สมควร อย่าลืมเสาร์นี้ที่มรดกอิสลาม

[อิลยาส]

เอางี้สิครับ ทำใจให้กว้าง รับหลักการก่อน แร้วก้อพยายามสุดความสามารถ ที่เหลืออิสติคฟาร
แต่ถ้าสมมุติว่าในเบื้องต้นเรานั้นไม่ยอมรับเงื่อนไขในอิสลามตั้งแต่ตอนนี้ แร้วความรู้ที่หามาได้
มันก้อมีแต่เอามาสนองอารมณ์ครับ แล้วเรื่องทั้งหมดมิได้พูดกล่าวว่าไปยังตัวบุคคล หรือกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด หากเพียงแต่ว่า การตักเตือนนั้นยังประโยชน์แก่ผู้มีอีมาน

[อิลยาส]

ส่วนที่ว่าแต่ละคนมีความรู้คิดเองได้นั้น อะไรคือบรรทัดฐาน อื่นจากแนวทางสลัฟจาปลอยภัยได้อย่างไร

[อิลยาส]

ไม่เคยคิดห้ามการบรรยายศาสนา
ไม่เคยคิดห้ามการเสียสละเงินเพื่อศาสนา
ไม่เคยคิดให้คนหนุ่มสาวมุสลิมโง่งม
เพียงหวังให้เจริญตามบรรชนเท่านั้นเอง ครับ

ขออัลลอฮ์ทรงประทานความเข้าใจในอิสลามดั่งที่นบียได้มาอธิบาย และบรรพชนได้ยึดถือปติบัดกันมา วัสลาม