ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
natee มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004 ตอบ: 108
|
ตอบ: Tue Dec 07, 2004 9:40 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สำหรับการฟัตวาเรื่องอะหลุลกิตาบของฮาซัน เท่าที่ฟังจากรายการดังกล่าวมีดังนี้ค่ะ
ที่มีผู้สงสัยมากว่า เอ๊ะ! อาจารย์อะหลุลกิตาบเนี่ย ต้องเป็นพวกฝรั่งหรือเปล่า และก็ยะฮูดีน่ะต้องเป็นคนอิสราเอลหรือเปล่า ไม่ใช่ครับ ผมเรียนให้ทราบไปครั้งหนึ่งแล้ว ว่านะครับ ว่า คำว่า อิสลาม ยะฮูดี นัสรอนี เป็นชื่อของศาสนานะครับ ใครมารับนับถือก็เรียกว่าเป็นมุสลิม เป็นอาหรับยะฮูดี เป็นคนไทยยะฮูดี เป็นคนไทยคริสเตียน อาหรับคริสเตียน ไม่เกี่ยวเลยนะครับ คนละประเด็นกันนะครับ ดังนั้นการที่มีหนังสือบางเล่มนะครับ เห็นว่า ต้องเป็นยะฮูดี หรือเป็นนัสรอนีตระกูลนั้น ตระกูลนั้น ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่วินิจฉัย ไม่ใช่นบีมูฮำหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมพูด และไม่ใช่อัลกุรอาน อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
..............ที่บอกว่า อะหลุลกิตาบเป็นไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนี นั้น ผิดชัด เพราะ ตับเซ็รและฮาดีสทุกเล่มบอกว่า อะหลุลกิตาบคือ ยะฮูดีและนัสรอนี
พอเวลาเราไปยุโรปนั้น เราสบายมากเลยครับ ไปในกลุ่มประเทศคริสต์ นะครับ ให้เราแต่งงานกับหญิงของกลุ่มกาเฟรได้ 2 กลุ่ม นั่นก็คือ กลุ่มอะหลุลกิตาบ ซึ่งได้อธิบายไปแล้วว่า เป็นยะฮูดีและนัสรอนี อันนี้ก็เป็นความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ถ้าเราต้องจากไปอยู่ยุโรปนานๆ ถ้าหามุสลิมไม่ได้ ก็เราก็จะได้ไปแต่งงานกับคนเหล่านั้น ดังนั้นท่านต้องทราบนะครับว่า หลายคนน่ะไม่เข้าใจนะครับ หลายคนมาถามว่า อาจารย์จะแต่งได้ยังไง ในเมื่อมาอยู่กับเราแล้วเขาไม่ได้ละหมาด เขาไม่ละหมาด ท่านลืมไปแล้วหรือว่า อัลลอฮ์บอกให้แต่งน่ะ เขาไม่ได้เป็นมุสลิม ในกุรอานน่ะบอกชัดนะครับ ลัมยะกุนิ้ลละซีนะกะฟะรู มินอะห์ลิลกิตาบิ วัลมุชริกีนะมุงฟักกีน อัลลอฮ์บอกว่า บรรดาพวกปฏิเสธ บรรดากาเฟร ในหมู่อะหลุลกิตาบและมุชริกีน เห็นมั้ย นั่นหมายความว่า อะหลุลกิตาบน่ะเป็น กาเฟร แต่อัลลอฮ์ทรงอนุมัติให้เราแต่งได้ แต่งทั้งๆที่เขาน่ะเป็นกาเฟร |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
natee มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004 ตอบ: 108
|
ตอบ: Tue Dec 07, 2004 9:46 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คุณนพัฒน์คะ ที่คุณโพสต์ไว้ว่า
ซะละฟียูน :
อะห์ลุ้ลกิตาบคือยะฮูดและนะศอรอ เมื่อคำว่าอะห์ลุ้ลกิตาบหมายถึงยะฮูดและนะศอรอ เราคงตอบได้ทันทีว่าพวกเขายังคงมีอยู่ในปัจจุบัน และอาจจะยังคงมีอยู่ต่อไปอีกยาวนานพร้อมกับความผิดเพี้ยนที่พวกเขามีอยู่ (หนังสืออะห์ลุ้ลกิตาบคือใคร อ.อิสฮาก เล่ม 1 หน้าสิบสี่)
คุณchatree เขาไปเปิดกระทู้ใน muslimthailand โวยว่า "มรดกฯโกหกเป็นไฟ" แล้วนะคะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
นพัฒน์ มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 86
|
ตอบ: Wed Dec 08, 2004 1:48 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ขอบคุณ คุณ natee มากที่แจ้งเรื่องนี้ ผมเข้าไปดูในเว๊บที่คุณบอกแล้ว คุณ chatree เขาตั้งชื่อกระทู้ว่า มรดกโกหกเป็นไฟ ผมขอมะอัฟต่อท่านวิทยากรและสมาชิกมรดกทุกท่านด้วย ที่ถูกกล่าวหาว่า โกหก โดยถ้วนหน้า ทั้งๆที่ความจริงผมเป็นคนโพสต์ข้อความเพียงคนเดียว
คุณ chatree ได้ยกข้อความที่ผมโพสต์มาแสดง โดยพิมพ์ตัวใหญ่ข้อความสีแดงดังนี้
ซะละฟียูน :
อะห์ลุ้ลกิตาบคือยะฮูดและนะศอรอ เมื่อคำว่าอะห์ลุ้ลกิตาบหมายถึงยะฮูดและนะศอรอ เราคงตอบได้ทันทีว่าพวกเขายังคงมีอยู่ในปัจจุบัน และอาจจะยังคงมีอยู่ต่อไปอีกยาวนานพร้อมกับความผิดเพี้ยนที่พวกเขามีอยู่ (หนังสืออะห์ลุ้ลกิตาบคือใคร อ.อิสฮาก เล่ม 1 หน้าสิบสี่)
เขาลงกำกับท้ายข้อความว่า ตัวหนังสือตัวใหญ่สีแดงที่คุณ นพัฒน์ อ้างถึงนั้น ไม่มีในหนังสือของอ.อิสหาก
ความจริงผมไม่เคยมีอคติกับคุณ ชาตรี ประธานชมรมซะละฟียูน เลย แต่เมื่อท่านกล่าวหาเช่นนี้ทำให้เกิดควมรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย
ผมขอยืนยันว่า ข้อความนี้คัดลอกจากหนังสือของชมรมซะละฟียูนจริง ชื่อหนังสือ อะห์ลุ้ลกิตาบคือใคร ใครคืออะห์ลุ้ลกิตาบ ชุดที่หนึ่ง หน้าสิบสี่ ย่อหน้า 2 บรรทัดที่ 14 เป็นต้นไป ถ้าเพื่อนสมาชิกมีหนังสือนี้อยู่ในมือช่วยตรวจสอบ และยืนยันข้อความด้วยครับ ผมเชื่อว่าหนังสือดังกล่าวคงไม่ได้อยู่ในมือในมือผมคนเดียว |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
nes มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: Mar 12, 2004 ตอบ: 80 ที่อยู่: bkk
|
ตอบ: Wed Dec 08, 2004 3:27 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เจอแล้วครับผม มีข้อความที่คุณนพัฒน์ว่าจริงๆ
นายชาตรี เขาจะเอาอะไรของเขานะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
จัสมิน มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 20/01/2004 ตอบ: 34
|
ตอบ: Wed Dec 08, 2004 2:28 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ต้องขอมอัฟคุณ นพัฒน์ ด้วย ผมได้ทำการลบข้อความที่โพสท์ไว้ใน มุสลิมไทยแลนด์หมดแล้ว เนื่องจากเข้าใจผิดจากที่ท่านอ้างมาว่า ข้อความอยู่ในหน้าที่ 14 หนังสืออะห์ลุ้ลกิตาบเล่ม 1 ถ้าคุณมีเล่มที่แจกในวันงาน หมายถึงเล่มใหญ่ จะอยู่ในหน้าที่ 15 ตามตัวอย่างที่ผมได้นำมาลงให้ได้อ่านนี้ จากหลักฐานที่ผมมีอยู่เป็นต้นฉบับจะอยู่ในหน้า 15 ต้องขอมอัฟอีกครั้ง
ยินดีรับคำชี้แนะ เชิญคุณ นพัฒน์ ต่อได้เลยครับ
ปัจจุบันนี้ยังมีอะห์ลุ้ลกิตาบอยู่หรือไม่
เมื่อคำว่าอะห์ลุ้ลกิตาบหมายถึงยะฮูดและนะศอรอ เราคงตอบได้ทันทีว่าพวกเขายังคงมีอยู่ในปัจจุบัน และอาจจะยังคงมีอยู่ต่อไปอีกยาวนานพร้อมกับความผิดเพี้ยนที่พวกเขามีอยู่ อัลลอฮ์ทรงรับสั่งให้พวกเขายืนหยัดยึดมั่นในอัตเตารอตและอัลอินญี้ลโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องข่าวคราวการปรากฏของท่านนะบีมุฮัมหมัด ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังคงปกปิดเรื่องดังกล่าวไว้อีกทั้งบิดเบือนถ้อยคำที่บ่งชี้ถึงการมาของท่านนะบีมุฮัมหมัด ประวัติความเป็นมาของศ่อฮาบะห์ท่านหนึ่งที่ชื่อว่าซัลมาน อันฟาริซี่ เป็นการอธิบายได้อย่างดีในเรื่องดังกล่าวนี้ คือท่านซัลมานเคยเป็นมะยูซี ต่อมาศึกษาคัมภีร์อัลอินญี้ลและได้ศรัทธาต่อคัมภีร์ดังกล่าว ท่านทราบจากคัมภีร์ว่าจะมีนะบีคนสุดท้าย ท่านจึงออกค้นหานะบีคนสุดท้ายนี้จนกระทั้งได้ว่าจ้างอาหรับตระกูลกิลาบให้พามายังเมืองยัษริบ (ชื่อเดิมของเมืองมะดีนะห์) แต่อาหรับตระกูลดังกล่าวกลับนำท่านไปขายเป็นทาสแก่ชาวยะฮูดที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองยัษริบ (มะดีนะห์) ถึงกระนั้นก็ตามท่านก็ยังรอคอยการมาของนะบีคนดังกล่าวด้วยความอดทน เมื่อท่านนะบีมุฮัมหมัด ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อพยพจากมักกะห์มาสู่เมืองมะดีนะห์ ข่าวนี้เป็นที่รู้กันทั่วในหมู่ชาวยะฮูดที่อยู่ในตำบลกุบาอ์ ข่าวนี้ก็ทราบถึงท่านซัลมานด้วยเช่นกัน ซึ่งในขณะนั้นท่านกำลังขึ้นเก็บผลอินทผลัมให้แก่นายผู้เป็นชาวยะฮูดอยู่ ท่านดีใจจนลืมตัวจึงปล่อยมือและร่วงลงจากต้นอินทผลัม ในที่สุดท่านก็เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม เรื่องราวโดยละเอียดนั้นหาอ่านได้จากตำราประวัติท่านร่อซู้ล ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เช่น หนังสือซีเราะห์ของอิบนุฮิชาม เป็นต้น ที่กล่าวมายืดยาวนี้ก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า พวกเขาบิดเบือนและบิดพลิ้วต่อคัมภีร์ของพวกเขา แต่อาจมีบางส่วนที่ยังคงความถูกต้องอยู่ถึงยุคของนะบีและศ่อฮาบะห์เช่นเรื่องการบอกถึงการมาหรือการปรากฏของนะบีคนสุดท้าย
ปัจจุบันนี้เราพบว่าคัมภีร์ดังกล่าวยังมีผู้คนนับถืออยู่แต่ไม่แน่ใจเสียแล้วว่าเรื่องราวที่กล่าวถึงการปรากฏของนะบีคนสุดท้ายถูกลบเลือนหรือแก้ไขไปแล้วหรือไม่และนักวิชาการหลายท่านยืนยันว่าอัลอินญี้ลฉบับบัรนาบัสปรากฏข้อความชัดเจนระบุถึงการมาของท่านนะบีมุฮัมหมัด ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งเป็นนะบีคนสุดท้ายแต่อัลอินญี้ลที่ถูกแปลเป็นภาษาอื่นๆ ไม่ปรากฏว่ามีการกล่าวถึงฉบับบัรนาบัสเลย ถึงกระนั้นก็ตามบรรดาผู้นับถือคัมภีร์อัตเตารอตและอัลอินญี้นก็ยังมีอยู่ในปัจจุบันพร้อมกับความผิดเพี้ยนของเขาที่สืบทอดกันมาแต่ในอดีตและอาจมีความผิดเพี้ยนมากยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำไปในปัจจุบันนี้ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
นพัฒน์ มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 86
|
ตอบ: Thu Dec 09, 2004 3:50 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ข้อความที่ว่าคุณ chatree เป็นผู้โพ้สต์ไว้ใน muslimthailand แต่คุณจัสมินเข้ามาขอมะอัฟและตอบที่นี้ว่า ลบหมดแล้ว เหมือนคุณเป็นคนเดียวกัน ที่กล่าวเช่นนี้เพราะกลัวจะทักผิดคน
แต่ถ้าเป็นคุณชาตรีก็อยากจะสะกิดสักนิดว่า ในฐานะที่คุณเป็นประธานชมรมฯ คุณน่าจะเคลียร์ประเด็นที่วิทยากรของชมรมฯ คือ อ.ฮะซัน กับ อ.อิสฮาก ตอบไม่ตรงกันเรื่องคัมภีร์อัตเตารอตและอัลอิลญี้ลเปลี่ยนหมดหรือยัง โดย อ.ฮะซัน บอกว่าเปลี่ยนหมดแล้ว และ อ.อิสฮาก ตอนแรกก็บอกเปลี่ยนหมด แต่ทำหนังสือออกมาตอนหลังบอกว่า เปลี่ยนบางส่วน
อีกประเด็นคือเรื่องวะรอเกาะฮ์ ที่ อ.อิสฮาก กล่าวว่า เขายึดหลักตรีเอกานุภาพ (พระบิดา พระบุตร พระจิต) แต่ก็ไม่เสนอหลักฐาน ส่วนในหนังสือของ อ.ฟารีด ชี้แจงว่าไม่ใช่เช่นนั้น
จะอย่างไรก็ตาม หากคุณไม่ต้องการชี้แจงผมก็จะทยอยเสนอข้อความเปรียบเทียบของทั้งสองฝ่ายต่อไป อินชาอัลลอฮฺ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
nes มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: Mar 12, 2004 ตอบ: 80 ที่อยู่: bkk
|
ตอบ: Thu Dec 09, 2004 3:49 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
นายชาตรีไม่น่าวู่วาม ว่าคนอื่นเขาเสียๆหายๆ คนที่ถูกว่าเขาเสียหายดิ
นี่เป็นเหตุของฟิตนะห์ แต่ก็ยังดีที่ขอมะอัฟกัน ทีหลังก็จำไว้บ้าง อย่าวู่วาม
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
นพัฒน์ มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 86
|
ตอบ: Thu Dec 09, 2004 6:56 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
จากการพูดออกอากาศทางวิทยุของซะละฟียูนฟังความได้ว่า ยะฮูด และ นะศอรอ ทั้งหมดคืออะห์ลุ้ลกิตาบ แต่เมื่อทางซะละฟียูนได้ออกหนังสือมา ก็ไม่ได้แสดงหลักฐานว่า ทั้งหมดเป็นอะห์ลุ้ลกิตาบ ตามที่พูดไว้ หรือตามที่ อ.ฟารีดได้กล่าวว่า หลักฐานที่บอกว่ายะฮูดี นัศรอนี ส่วนหนึ่งเป็นอะห์ลุลกิตาบนั้น ผมได้นำเสนอแล้ว แต่หลักฐานที่บอกว่า ยะฮูดี นัศรอนี ทั้งหมดเป็นอะห์ลุลกิตาบ ผมยังไม่เห็น ถ้าใครมีหลักฐานก็ช่วยนำเสนอด้วย
ในทางตรงกันข้าม ซะละฟียูน กลับเสนอหลักฐานว่า ยะฮูดี นัศรอนี ที่เป็นอะห์ลุ้ลกิตาบต้องยึดคัมภีร์ด้วย ดังนี้
ซะละฟียูน : ในวันที่ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรอ่ซู้ลนั้นคัมภีร์ที่ยังหลงเหลืออยู่และมีคนนับถือคืออัตเตารอตและอัลอิลญี้ล ส่วนคัมภีร์อื่นๆนั้นไม่ปรากฏหลักฐานใดๆ ระบุว่ายังหลงเหลืออยู่อย่างชัดเจน อัลลอฮ์กล่าวว่า
(จงกล่าวเถิดมุฮัมหมัดว่า) โอ้ชาวคัมภีร์เอ๋ย พวกเจ้าทั้งหลายหาได้อยู่บนสิ่งใดไม่ (ในเรื่องของศาสนา) จนกว่าพวกเจ้าจะยืนหยัดยึดมั่นต่ออัตเตารอตและอัลอินญี้ล และสิ่งที่ถูกประทานแก่พวกเจ้าจากพระผู้อภิบาลของเจ้า (หนังสืออะห์ลุ้ลกิตาบคือใคร โดย อ.อิสฮาก เล่ม 1 หน้า 6) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
นพัฒน์ มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 86
|
ตอบ: Thu Dec 09, 2004 6:58 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
นอกจากนั้น อ.อิสฮาก ยังได้กล่าวไว้ในหนังสือเล่มเดียวกันนี้ว่า
ซะละฟียูน : ดังนั้นการที่ยะฮูดและนะศอรอจะแตกออกเป็นกี่กลุ่ม จึงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการที่พวกเขายังถูกเรียกว่าเป็นอะห์ลุ้ลกิตาบตราบใดที่พวกเขายังนับถือคัมภีร์ทั้งสองอยู่ หากพวกเขายังยึดถือคัมภีร์อัตเตารอตและอัลอินญี้ล และแม้แต่คัมภีร์ทั้งสองจะถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปแล้วบางส่วน พวกเขาก็คืออะห์ลุ้ลกิตาบตามความหมายที่ปรากฏในตัวบทหลักฐาน ไม่ว่าจะจากอัลกุรอ่าน อัซซุนนะห์ หรือจากคำพูดของบรรดาซะละฟุซซอและห์ ไม่ใช่จากคำอธิบายอย่างลมๆแล้งๆ ของใครบางคนในยุคเรา (หนังสืออะห์ลุ้ลกิตาบคือใคร อ.อิสฮาก เล่ม 1 หน้า 19 และ 20) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
จัสมิน มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 20/01/2004 ตอบ: 34
|
ตอบ: Thu Dec 09, 2004 7:41 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อัซซะละฟิยูน
อะห์ลุ้ลกิตาบคือยะฮูดและนะศอรอในวันที่ท่านร่อซู้ล ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้รับแต่งตั้งให้เป็นร่อซู้ลนั้น คัมภีร์ที่ยังหลงเหลืออยู่และยังมีคนนับถือคืออัตเตารอตและอัลอินญี้ล ส่วนคัมภีร์อื่นๆ นั้นไม่ปรากฏหลักฐานใดๆ ระบุว่ายังหลงเหลืออยู่อย่างชัดเจน อัลลอฮ์กล่าวว่า
( قل يا أهل الكتاب لستم على شيء حتى تقيموا التوراة والإنجيل وما أنزل إليكم من ربكم ) [ المائدة 68 ]
"โอ้ชาวคัมภีร์เอ๋ย พวกเจ้าทั้งหลายหาได้อยู่บนสิ่งใดไม่ (ในเรื่องของศาสนา) จนกว่าพวกเจ้าจะยืนหยัดยึดมั่นต่ออัตเตารอตและอัลอินญี้ล และสิ่งที่ถูกประทานแก่พวกเจ้าจากพระผู้อภิบาลของเจ้า" ( อัลมาอิดะห์ : 68)
คำว่าอะห์ลุ้ลกิตาบในโองการนี้คือบรรดาชาวคัมภีร์อัตเตารอตและอัลอินญี้ล เพราะอัลลอฮ์สั่งให้พวกเขายึดมั่นต่อคัมภีร์ทั้งสอง ทั้งนี้ในคัมภีร์ทั้งสองนั้นบ่งบอกถึงการปรากฏของท่านนะบีมุฮัมหมัด ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ผู้เป็นนะบีคนสุดท้าย ( ตัฟซีร อิบนุกะษีร เล่ม ๒ หน้า ๘๑) ท่านอิหม่ามชาฟิอีกล่าวว่า
قال الشافعي ولله عز وجل كتب نزلت قبل نزول القرآن المعروف منها ثم العامة التوراة والإنجيل وقد أخبر الله عز وجل أنه أنزل غيرهما ... أحكام القرآن
"คัมภีร์ต่างๆ ของอัลลอฮ์ อัซซ่า วะญั้ล ที่ได้ประทานมาก่อนหน้าอัลกุรอ่านนั้นมีมากมาย แต่ที่เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปคืออัตเตารอตและอัลอินญี้ล แน่นอนอัลลอฮ์ อัซซ่า วะญั้ล ทรงบอกอีกว่าพระองค์ได้ประทานคัมภีร์อื่นจากสองคัมภีร์ดังกล่าว " (อะห์กามุ้ลกุรอ่าน เล่ม ๒ หน้า ๕๔)
ดังนั้นอะห์ลุ้ลกิตาบแม้ตามความหมายทางภาษาจะครอบคลุมถึงชาวคัมภีร์ก่อนๆ ทั้งหมด แต่ในความหมายตามนัยของอัลกุรอ่านนั้น ระบุชัดว่าหมายถึงชาวคัมภีร์อัตเตารอตและอัลอินญี้ล ซึ่งก็คือพวกยะฮูดและพวกนะศอรอนั่นเอง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
จัสมิน มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 20/01/2004 ตอบ: 34
|
ตอบ: Thu Dec 09, 2004 7:54 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อัซซะละฟิยูน.
ความผิดเพี้ยนในอัลอินญี้ล
อัลอินญี้ลมีอยู่ด้วยกันสี่ฉบับคือ มัตทา (แมทธิว Metthew) , ยูฮะนา (จอห์น John ) , มัรกอส (มาร์ก Mark ) ลูกฺอ (ลูกา Luke) ชื่อเหล่านี้คือชื่อของผู้บันทึกคัมภีร์อัลอินญี้ล และมีเพียงสองท่านที่ทันยุคของนะบีอีซาคือ ยูฮะนา (จอห์น John ) , และมัตทา (แมทธิว Metthew) อัลอินญี้ลที่ถูกบันทึกโดยสี่ท่านนี้มีเนื้อหาที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถชี้ได้ว่าเล่มใดถูกต้อง
จากรายชื่อหนังสือพวกนี้ยืนยันได้ว่าปัจจุบันยังมีอยู่จริง จากโทรทัศท์ที่มีการแจกหนังสือฟรี "เพื่อชีวิต" ที่มีพรีเซ็นเตอร์ คนดัง ๆ หนังสือหน้าปกสีฟ้า ซึ่งยังมีการอ้างถึงพระเจ้าอยู่ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
รอยยา มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: 20/02/2004 ตอบ: 78
|
ตอบ: Thu Dec 09, 2004 8:40 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คนที่ไม่ถือคัมภีร์ เป็นอะฮฺลุลกิตาบ ด้วยหรือปล่าวคะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
natee มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004 ตอบ: 108
|
ตอบ: Thu Dec 09, 2004 9:21 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
จากที่คุณจัสมินยกมาเกี่ยวกับคัมภีร์เพี้ยนทั้งหลายแหล่นั้น ดิฉันขอนำเสนอในสิ่งที่ท่านอาจารย์ฟารีด ได้บอกไว้ในหนังสือเล่มที่ 1 ของท่านหน้า 16-17 ดังนี้
"คัมภีร์ที่ชาวยะฮูดี และนัศรอนี ยกร่างกันขึ้นใหม่ ครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งถูกเรียกว่า คัมภีร์ไบเบิลเก่า หรือไบเบิลใหม่ หรือคัมภีร์ตัลมูด และฯลฯ นั้นไม่ใช่คัมภีร์ของอัลลอฮ์ ไม่ใช่เตารอต มิใช่อินญีล แต่เป็นหนังสือที่พวกเขาเขียนกันขึ้นเอง แล้วอ้างว่ามันคือคัมภีร์จากพระเจ้า
พระองค์อัลลอฮ์ได้กล่าวว่า
فَوَيْلٌ ِلَّلذِيْنَ يَكْتُبُوْنَ الكِتَابَ بِأيْدِيْهِمْ ثُمَّ يَقُوْلُوْنَ هَذَا مِنْ
عِنْدِ اللهِ لِيَشْتَرُوا بِهِ ثَمَنًا قَلِيْلاً
ความวิบัติจงมีแด่ผู้ที่เขียนคัมภีร์ขึ้นเองด้วยมือของพวกเขา แล้วอ้างว่า มันคือคัมภีร์จากอัลลอฮ์ เพื่อพวกเขาจะได้นำมันไปแลกกับราคาเพียงเล็กน้อย ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 79
وَاِنَّ مِنْهُمْ لَفَرِيْقاً يَلْوُونَ اَلْسِنَتَهُمْ بِالْكِتَابِ لِتَحْسَبُوْهُ مِنَ
الكِتَابِ وَمَا هُوَ مِنَ الكِتَابِ وَيَقُوْلُوْنَ هُوَ مِنْ عِنْدِ اللهِ وَمَا
هُوَ مِنْ عِنْدِ اللهِ وَيَقُوْلُوْنَ عَلىَ اللهِ الكَذِبَ وَهُمْ يَعْلَمُوْنَ
และแท้จริง มีกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเขาที่บิดลิ้นของพวกเขาในการอ่านคัมภีร์ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจว่ามันมาจากคัมภีร์ ทั้งๆที่มันมิได้มาจากคัมภีร์ พวกเขาอ้างว่า มันมาจากอัลลอฮ์ ทั้งๆที่มันมิได้มาจากอัลลอฮ์ พวกเขากล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์ ทั้งๆที่พวกเขาก็รู้ดี ซูเราะห์อาลาอิมรอน อายะห์ที่ 78
เมื่อพระองค์อัลลอฮ์ได้ปฏิเสธว่าสิ่งที่พวกเขาเขียนขึ้นไม่ได้มาจากอัลลอฮ์ และมิได้เป็นคัมภีร์ของอัลลอฮ์ แล้วไฉนเลย ที่ผู้ศรัทธาจะไปให้การยอมรับ หรือทึกทักเอาว่า มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับคัมภีร์อัตเตารอต และคัมภีร์อินญีล ที่เป็นคัมภีร์ของอัลลอฮ์ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
นพัฒน์ มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 86
|
ตอบ: Fri Dec 10, 2004 12:35 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ดูเหมือนความเข้าใจของสองฝ่ายจะเริ่มใกล้เคียงกัน เมื่อทางซะละฟียูน ยืนยันในข้อเขียนว่า อะห์ลุ้ลกิตาบต้องยึดคัมภีร์ด้วย
ในขณะที่ทางมูลนิธิอนุรักษ์ ได้ยืนยันเรื่องนี้มาแต่แรก และจากข้อเขียนของ อ.ฟาริด ที่กล่าวว่า
มูลนิธิอนุรักษ์ :
ยะฮูดีและนัศรอนี ที่ยึดมั่นต่อคัมภีร์อัตเตารอด และอินญีล ถือว่าพวกเขา เป็นอะห์ลุลกิตาบ
พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า
ประกาศเถิดมูฮัมหมัดว่า โอ้ชาวคัมภีร์เอ๋ย พวกเจ้ามิได้ตั้งมั่นอยู่บนสิ่งใด จนกว่าพวกเจ้าจะดำรงไว้ซึ่งอัตเตารอตและอินญีล ซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่ 68
คำว่าคัมภีร์นี้คือ คัมภีร์อัตเตารอต และอินญีล ซึ่งเป็นคัมภีร์ของอัลลอฮ์ มิใช่ไบเบิ้ลเก่า, ไบเบิ้ลใหม่ หรือคัมภีร์ตัลมูด และ ฯลฯ ที่พวกเขายกร่างกันขึ้นเอง อาจมีผู้สงสัยว่าถ้า อะห์ลุลกิตาบ หรือชาวคัมภีร์คือผู้ที่ยึดถือคัมภีร์อัตเตารอต และอินญีล เท่านั้น แล้วจะเอาคัมภีร์ฉบับดั่งเดิมที่ไหน ในเมื่อคัมภีร์ทั้งสองได้ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขไปหมดแล้วตั้งแต่ในยุคที่ท่านนบีประกาศอิสลาม ขอชี้แจงว่า ในยุคที่ท่านนบีได้ประกาศอิสลามนั้นคัมภีร์อัตเตารอตถูกบิดเบือนแก้ไขจริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มีบางส่วนถูกบิดเบือนและแก้ไข ด้วยฝีมือของยะฮูดีบางคน แต่ยะฮูดีบางส่วนในขณะนั้นยังคงเก็บรักษาฉบับสมบูรณ์ไว้ (อ่านสถานภาพของยะฮูดี นัศรอนี และอะห์ลุลกิตาบ เล่มที่ 1 หน้าที่ 30 35)
แต่ในปัจจุบันนี้เราไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า คัมภีร์อัตเตารอต และอินญีล ยังคงหลงเหลืออยู่หรือเปล่า หรือแม้แต่คัมภีร์ฉบับที่ถูกบิดเบือนแก้ไขบางส่วนนั้นจะยังคงมีอยู่หรือไม่ หรือจะมีแต่ข้อเขียนของพวกเขาล้วนๆที่ปรุงแต่งกันขึ้นมาเอง แล้วเรียกมันว่าคัมภีร์ เช่นคัมภีร์ตัลมูต เป็นต้น ถ้าเช่นนั้นแล้วพวกเขาจะเป็นชาวคัมภีร์ได้อย่างไร (จากหนังสือสถานภาพของยะฮูดี นัศรอนี และอะห์ลุลกิตาบ โดย อ.ฟาริด เล่มที่ 2 หน้า 16 และ 17) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
นพัฒน์ มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 86
|
ตอบ: Fri Dec 10, 2004 12:42 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ท่านอิบนุญะรีร อัตตอบารีกล่าวว่า
และสัตว์เชือดของอะห์ลุลกิตาบ จากชาวยะฮูดและนะศอรอนั้น พวกเขาคือบรรดาผู้ซึ่งได้รับอัตเตารอต และอินญีล ซึ่งคัมภีร์ทั้งสองได้ถูกประทานให้แก่พวกเขา โดยพวกเขาถือมั่นต่อคัมภีร์ทั้งสอง หรือไม่ก็ถือมั่นคัมภีร์เล่มหนึ่งใดจากทั้งสอง อย่างนี้แหละเป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้า ตัฟซีร อัตตอบารี เล่มที่ 4 หน้าที่ 100
นอกจากนั้นในหนังสืออัลฟิกฮุลอิสลามีย์ วะอะดิ้ลละตุฮู ได้อธิบายว่า
หญิงชาวคัมภีร์คือ หญิงที่ศรัทธาต่อศาสนาแห่งฟากฟ้า เช่นศาสนาของชาวยะฮูด และศาสนาของชาวนะศอรอ และอะห์ลุลกิตาบ หรือชาวคัมภีร์นั้น ก็คือ ชาวเตารอต และชาวอินญีล ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเจ้าก็จะกล่าวว่า คัมภีร์ได้ถูกประทานลงมาแก่คนสองกลุ่มก่อนหน้าพวกเราเท่านั้น ซูเราะห์อัลอันอาม อายะห์ที่ 156 อัลฟิกฮุลอิสลามีย์ วะอะดิ้ลละตุฮู หน้าที่ 6653
จากที่กล่าวมานี้ทำให้เราได้เห็นภาพว่า บรรดานักวิชาการพยายามแยกแยะว่า อะห์ลุลกิตาบ ที่อนุมัติให้กินสัตว์เชือดและอนุมัติให้แต่งงานกับหญิงของพวกเขานั้น ต้องเป็นผู้ที่ถือมั่นต่อคัมภีร์อัตเตารอตหรือคัมภีร์อินญีลด้วย โดยมิได้เหมารวมว่า ยะฮูดีและนัศรอนีทั้งหมดเป็นอะห์ลุลกิตาบ (จากหนังสือสถานภาพของยะฮูดี นัศรอนี และอะห์ลุลกิตาบ โดย อ.ฟาริด เล่มที่ 2 หน้า 17 ) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|