ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
maJnoon มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 24/01/2004 ตอบ: 27 ที่อยู่: ไม่..ที่บ้านก็มัสยิด..
|
ตอบ: Tue Nov 09, 2004 3:04 pm ชื่อกระทู้: ตากใบ.. |
|
|
สภาพผู้เสียชีวิต..เหตุการณ์ชุมนุมที่ตากไบ..
มุสลิมเหล่านั้นคือเหยื่อ
พวกเราคือเหยื่อ
สัมภาษณ์พิเศษ-รศ.เสาวนีย์ จิตต์หมวด
รศ.เสาวนีย์ จิตต์หมวด อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี นักวิชาการมุสลิมที่เคยเป็นคณะทำงานของกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหา 5 จังหวัด และเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนช่วยเหลือผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ประชาไท - อาจารย์คิดอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ?
เสาวนีย์- ช่วงข่าวภาคค่ำยังเห็นว่า การสลายกลุ่มผู้ประท้วงมีคนตาย 6 คน ถามว่าเสียใจไหมก็เสียใจ แต่ก็ยังพอรับได้ในแง่ของการคลี่คลายม็อบที่อาจจะเกิดปัญหา เหมือนการสลายม็อบโดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือไม่
แต่พอตอนค่ำที่มันกลายเป็น80 กว่าคน เราช็อคไปตามๆ บางคนร้องไห้ทั้งวัน บางคนบอกว่าผมนอนไม่หลับเลย ถึงแม้เราจะห่างกันในแง่ระยะทาง แต่ในแง่ของจิตวิญญาณ ความรู้สึกมันไม่ห่างเลย ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดี สภาพมันเหมือนกับคนเหล่านั้นไม่ใช่คน ไม่ใช่คนไทย ไม่ใช่เจ้าของแผ่นดินนี้ เหมือนทำกับสัตว์เดรัจฉานมากกว่า
ประเด็นต่อไปคือ เมื่อหมอพรทิพย์บอกว่าทำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะศพเริ่มเน่า มันก็เกิดคำถามต่อไปว่าทำไมเน่าเร็ว
อีกคำถามที่เกิดขึ้นคือ สันติวิธีคืออะไร เราแก้ปัญหาความรุนแรงด้วยความรุนแรงเช่นนี้หรือ เพื่อคำว่า รักษากฎหมาย โดยไม่ได้คำนึงว่า สิทธิมนุษยชน คืออะไร ความเอื้ออาทรคำศัพท์ที่ฮิตมากในช่วงเวลาไม่กี่ปีนี้มันคืออะไร และทำไมต้องถูกลากว่าเป็นการแบ่งแยกดินแดน ทำไมมันแรงขนาดนั้น
ประชาไท - อะไรทำให้การชุมนุมในวันนั้นขยายวงกว้างขวางรวดเร็วขนาด
นั้น ?
เสาวนีย์-เราต้องยอมรับว่าประชาชนในภาคใต้สั่งสมความยุติธรรมที่เกิดจากกลไกของรัฐมาเป็นเวลานาน เวลานี้จึงอาจมีคนไปจุดเชื้อให้เกิดการลุกขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม สามารถพูดได้แทนพี่น้องเลยว่า ชาวไทยมุสลิมส่วนใหญ่ในภาคใต้ไม่ได้ต้องการแบ่งแยกดินแดนเลย ถ้าจะมีก็เพียงเชื้อแค่ไม่กี่คนที่ไม่น่ามีศักยภาพพอในการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ และล้าสมัยไปแล้ว
แต่ที่มันเป็นมาตลอดคือ ความยุติธรรมมากกว่า อย่างเช่นปีนี้ ถามว่าคดีที่เกิดในวันที่ 28 เมษายน สร้างความเจ็บช้ำให้คนเท่าไร แล้วคนที่ถูกอุ้มไปเท่าไร ที่ไม่หายไปแต่ถูกคุมขังไว้โดยยังไม่มีข้อมูลอะไรที่จะบอกว่าจะพ้นคดีเมื่อไรมีอีกเท่าไร รวมทั้งกรณีทนายสมชาย เชื้อพวกนี้ง่ายต่อการจุดมาก
ประชาไท - อาจารย์เชื่อว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง ?
เสาวนีย์ - มันก็เหมือนกับทุกม็อบ ที่ต้องมีคนปลุกระดมหรือประสานส่วนต่างๆ อย่างน้อยก็ในเบื้องต้น ซึ่งเชื่อว่ามันเป็นการวางแผนของคนอีกระดับหนึ่ง เขาต้องรู้ว่าความเอื้ออาทรระหว่างมุสลิมเป็นจุดสำคัญที่อยู่ในใจมุสลิม เขาก็เลยหยิบตรงนี้มา
มุสลิมเหล่านั้นคือเหยื่อ ในการจุดเชื้อในการต่อสู้ เพราะผู้ที่วางแผนอยู่ข้างบนรู้ว่าจุดนี้เหมือนเป็นจุดอ่อนของมุสลิม ที่เขาถูกรังแกมานาน พวกเราคือเหยื่อ
แล้วเรา เราในที่นี้หมายถึงรัฐบาลด้วยไหม กำลังหลงทางไปเข้าทางเขาหรือไม่ เมื่อรัฐบาลทำการปราบหนักโดยใช้วิธีการรุนแรง อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
หากประกาศว่าเหตุการณ์ภาคใต้เป็นพื้นที่ที่ไม่สงบ นอกจากจะประกาศกฎอัยการศึกแล้ว อาจเป็นไปได้ไหมที่บางส่วนบางที่อาจจะบอกว่าจำเป็นต้องมีกองกำลังจากที่อื่นมาปักหลักตั้งไว้ตรงนี้ เพื่อช่วยดูแลความสงบเรียบร้อย
ประชาไท - แนวโน้มสถานการณ์และความรุนแรงในการตอบโต้จะมีหรือไม่ อย่างไร ?
เสาวนีย์ - เราเจ็บปวด และตลอดมาทั้งมุสลิมภาคกลางหรือภาคใต้เองก็ตาม เราไม่ค่อยมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับรัฐ เพราะเราเป็นคนไทย เราใช้ความอดทนและความอดกลั้น เพื่อภาพรวมของประเทศ เพื่อไม่ให้รอยปริ รอยแยกที่มีขยายมากขึ้น พยายามสร้างสมานฉันท์ ความเข้าใจอันดีให้เกิดขึ้น
ตั้งแต่กรณีกรือเซะ หรือกรณีของทนายสมชายก็ดี ถ้าหากว่าเราจะเอาความเจ็บช้ำ เจ็บแค้นขึ้นมากระทำการ ถามว่าองค์กรมุสลิมที่เราทำงานประสานงานกันทั้งประเทศ ทำไมเราไม่ลุกขึ้นมาตอบโต้กรณีต่างๆ เหล่านี้ เราทำได้แต่เราไม่ทำ หรือกระทั่งเรื่องที่เกิดในอัฟกานิสถาน หรืออิรัก มันไม่ยุติธรรมสำหรับมุสลิม เราก็เจ็บ แต่เราพยายามใช้แนวทางสันติ จะไม่ทำให้เกิดการปะทะกันมากขึ้น แล้วจะกลายเป็นเข้าทางของคนที่วางแผนที่ต้องการให้ชาวไทยลุกขึ้นมาปะทะกัน
ประชาไท - อะไรคือปัญหาของรัฐบาลที่จะเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหา ?
เสาวนีย์ - ประการแรกคือ ความไม่มีเอกภาพในการแก้ เปลี่ยนบ่อยเราจึงไม่ทราบยุทธศาสตร์ และยุทธวิธี ครั้งใหม่นี้ก็ยังมองไม่ชัด
ประการที่สอง ไม่แน่ใจว่าข้อมูลข่าวสารที่ผู้บริหารขั้นสูงในระดับต่างๆ ได้รับเป็นความจริงแท้หรือความจริงเทียม ค่อนข้างเชื่อว่าข้อมูลที่ถูกรายงานน่าจะเป็นความจริงเทียม ฉะนั้นการวางยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาจึงเป็นอย่างทุกวันนี้ หรือพูดสั้นๆ อีกอย่างว่า โจทย์ที่ตั้งนั้นผิด การแก้ปัญหาจึงผิด
ประการที่สาม คือ อคติที่ยังมีสูงกับชาวไทยมุสลิม เรื่องแบ่งแยกดินแดนยังฝังใจกับผู้หลักผู้ใหญ่อยู่หรือไม่ ดังนั้น เวลาเกิดอะไรขึ้นมานิดหนึ่งก็โยงเข้าสู่การแบ่งแยกดินแดน โดยไม่มีข้อมูลในเชิงลึก
อีกประการหนึ่งที่มีส่วนทำให้ความพลาดมากขึ้นคือ ผู้บริหารเราหลายคนพูดโดยไม่ได้คิด พูดโดยไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องหรือเปล่า เลยทำให้ความรุนแรง ความเจ็บช้ำที่มันเกิดขึ้น หรือความสัมพันธ์ในแนวราบระหว่างประชาชนเกิดรอยปริมากขึ้น เพราะแน่นอน คำพูดของผู้บริหารย่อมมีพลัง บวกกับอคติที่มีอยู่ในใจคนบ้างแล้ว คำพูดเหล่านั้นเลยกลายเป็นเชื้อเพลิงที่ดีที่สุดที่จะทำให้ความสัมพันธ์แนวราบระหว่างประชาชนมีมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ในแนวดิ่งระหว่างรัฐกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่เป็นมุสลิมซึ่งมีมากอยู่แล้วยิ่งมากขึ้น จึงเกิดปัญหาระบบความสัมพันธ์ของคนทั้งสองระดับคือทั้งแนวดิ่งกับแนวราบ ซึ่งตอนนี้ปัญหาที่น่ากลัวมากคือปัญหาความสัมพันธ์ของประชาชนในแนวราบที่มีรอยปริมากและมากขึ้น
คำถามคือ รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร ที่จะทั้งป้องกันและแก้ไขความสัมพันธ์ในแนวราบนี้ หรือรัฐบาลจะเป็นตัวกระพือปัญหาให้มีมากยิ่งขึ้น
ประชาไท - อคติเกี่ยวกับมุสลิมเกิดจากอะไร ?
เสาวนีย์ - อคติที่คนไทยมีกับชาวไทยมุสลิมนั้น คือ อคติที่คิดว่าชาวไทยมุสลิมเป็นคนที่มาอาศัยอยู่ ไม่ใช่คนในประเทศนี้ แต่แท้ที่จริงในประวัติศาสตร์แล้วถ้ามองในแง่พื้นที่ 4-5 จังหวัด เขาเป็นเจ้าของแผ่นดินตรงนั้นมาก่อน แต่เราก็คือคนไทย แล้วก็ช่วยปกป้องแผ่นดินนี้มาตั้งแต่สมัยอยุธยา ชาวไทยมุสลิมก็ช่วยก่อร่างสร้างเมือง พัฒนาประเทศชาติมา เราแตกต่างกันแค่ศาสนา
อีกอย่างหนึ่งก็คือความไม่รู้จักกัน ไม่รู้ว่ามุสลิมคืออะไร เป็นยังไง และไม่พยายามที่จะเข้าใจกัน
ส่วนบุคคลที่มีอคติมากที่สุดก็คือกลุ่มข้าราชการ ที่เมื่อมีอคติกับประชาชนที่เขาปกครอง ประชาชนเลยกลายเป็นอะไรที่ไม่ใช่คนไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้แก้ได้ไม่ง่าย
ต้องถามว่าอันนี้เป็นความผิดพลาดของระบบการศึกษาไทยหรือเปล่า ที่เราสอนให้คนไทยรู้จักโลกภายนอก แต่ไม่ได้สอนให้คนไทยรู้จักตัวเอง รู้จักสังคมของตัวเอง รู้ว่าประเทศของเราประกอบขึ้นด้วยอะไรบ้าง เมื่อเราไม่ได้สอนให้รู้เขารู้เรา
แต่ถ้ารัฐและกลไกของรัฐ ปรับแก้ตั้งแต่อคติ วิธีปฏิบัติและการดำเนินการ มันไม่ยากจนเกินไปที่จะทำให้เหตุการณ์สงบลงได้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้บริสุทธิ์แต่เขาถูกรังแก
ในฐานะที่เคยเป็นคณะทำงานของกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เคยเก็บข้อมูลใน 3 จังหวัดคือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พบว่า ข้าราชการที่เป็นปัญหามากที่สุดในเสียงสะท้อนของชาวบ้านคือ ตำรวจ ซึ่งสร้างความเจ็บช้ำให้กับพี่น้องมุสลิมมาก ทำหลายอย่างที่เหมือนพี่น้องตรงนั้นไม่ใช่คนไทย
เหตุการณ์ร้ายต่างๆ จะเห็นได้ว่าตำรวจคือเป้า เป็นการทำลายในเชิงสัญลักษณ์ และคนที่ปฏิบัติการบอกได้เลยว่าไม่ใช่ชาวไทยมุสลิมอย่างเดียว ตามที่ได้ข้อมูลมาแม้แต่พี่น้องที่ไม่ใช่มุสลิมก็ถือโอกาสชำระแค้นกับตำรวจ มีข้อมูลที่ยืนยันได้ว่าแม้แต่แม่ค้าก็ปฏิบัติการกับตำรวจ เพราะทนไม่ไหวกับการขูดรีด
ประชาไท - อะไรคือสิ่งที่ชาวมุสลิมกำลังมองดูอยู่ขณะนี้ ?
เสาวนีย์ - เรากำลังมองดูว่ารัฐบาลจะมีทางออกอย่างไร จะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร จะประกาศนโยบาย มาตรการที่จะป้องกันปัญหาต่อไปอย่างไร เราเฝ้ามองดูอยู่ด้วยความอดทนและอดกลั้น
สำหรับชาวไทยมุสลิมคงต้องบอกว่าตอนนี้ที่เราทำได้ดีที่สุด คือการขอพรจากพระเจ้า ที่จะให้ผืนแผ่นดินนี้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขต่อไป และให้เกิดความยุติธรรมต่อไป
นอกจากนั้นคือการระดมทุนลงไปช่วยเหลือพี่น้อง ซึ่งสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย หรือ ยมท.ดูจะคล่องตัวกว่าที่จะลงพื้นที่ตรงนั้น เพราะเอ็นจีโอมุสลิมตอนนี้ถูกเพ่งเล็งมาก ว่าจะไปขับเคลื่อนอะไร
ในแง่ของนักวิชาการ เอ็นจีโอ นักวิชาการ และสื่อที่ไม่ใช่มุสลิม เราต้องบอกว่าเราซาบซึ้งที่คนกลุ่มนี้เข้าใจพวกเรา พยายามที่จะช่วยเหลือทำความเข้าใจ หรือพูดแทนพวกเราในแง่ที่ว่าอะไรคือความจริงที่จะทำให้เกิดการแก้ปัญหาไปในทางที่ถูกได้ ไม่ใช่ขยายปัญหาให้รุนแรงยิ่งขึ้น
ประชาไท - ตอนนี้เราอยู่ในฐานะที่พูดอะไรลำบาก ทำอะไรลำบาก พร้อมที่จะถูกป้ายร้าย และผู้ใหญ่ก็พร้อมที่จะฟังข้อมูลที่ผิดๆ
เสาวนีย์ - อย่างวันเสาร์ที่ 30 ต.ค.นี้ ทางยมท.ก็จะแจกเงินช่วยเหลือให้คนยากจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาครอบครัวที่สูญเสียสมาชิกไปในเหตุการณ์ ไม่เฉพาะวันที่ 28 เม.ย. แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในภาคใต้ ไม่ว่าครอบครัวนั้นจะเป็นครอบครัวของฝ่ายใดก็ตาม ฝ่ายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย หรือของบรรดาทหารตำรวจ
เราพยายามจะเรี่ยไรเงินไปสมทบดูแลผู้สูญเสีย ซึ่งบางครอบครัวเสียผู้ชายในครอบครัวไปถึง 4 คน บางครอบครัวที่เหลือแต่ผู้หญิงที่ทำหน้าที่หารายได้หลักวันละ 100 กว่าบาทต้องต่อสู้ขึ้นโรงขึ้นศาลเพราะถูกรัฐฟ้องร้อง
ประชาไทรายงาน
_________________ "..อัลลอฮฺมิทรงมองดูที่ลักษณะทางร่างกายของท่านหรือที่ทรัพย์สิน
ของท่าน แต่พระองค์จะทรงมองที่หัวใจและการกระทำของท่าน.."
(มุสลิม) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
natee มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004 ตอบ: 108
|
ตอบ: Wed Nov 10, 2004 12:25 pm ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้: ตากใบ.. |
|
|
อัสสลามุอะลัยกุม
แต่งานนี้มีมุสลิมะห์ท่านหนึ่งชื่นชมเป็นพิเศษนะ วันหนึ่งนำกระเช้าดอกไม้ไปให้ อีกวันหนึ่งเข้าไปกอดกระชับสนิทแนบอยู่กับใครไม่รู้ที่ยิ่งหย่ายในแผ่นดิน น่าอนาถจัง ภาพลักษณ์มุสลิมะห์ท่านนั้น ครั้งหนึ่งเคยโด่งดังในการปราบปรามยาเสพติด แต่มาวันนี้.... |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|