ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - อะกีดะฮสะลัฟของแท้(ไม่แอบอ้าง)
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
อะกีดะฮสะลัฟของแท้(ไม่แอบอ้าง)
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Aug 22, 2014 10:40 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เพื่อให้ชัดเจนขึ้น มาดูคำอธิบาย ของอิหม่ามอัลคิฏอบีย์ ใน อัลอะอฺลาม โดยอิบนุเราะญับ ได้ถ่ายทอดว่า
مذهب السلف في أحاديث الصفات: الإيمان، وإجراؤها على ظاهرها، ونفي الكيفية عنها ، ومن قال: الظاهر منها غير مراد، قيل له: الظاهر ظاهران: ظاهر يليق بالمخلوقين ويختص بهم، فهو غير مراد، وظاهر يليق بذي الجلال والإكرام، فهو مراد، ونفيه تعطيل.
และอัลคิฏอบีย์ ได้กล่าวไว้ใน อัลอะอลาม ว่า “มัซฮับ สะลัฟ ใน บรรดาหะดิษสิฟาตนั้น คือ การศรัทธา และปล่อยมันให้ดำเนินไปบนความหมายที่ปรากฏของมัน และ ปฏิเสธรูปแบบวิธีการจากมัน และ ผู้ใดที่กล่าวว่า ความหมายที่ปรากฏ จากมันนั้น ไม่ใช่ความหมายที่ต้องการ ก็จะถูกกล่าวแก่เขาว่า “ ความหมายที่ปรากฏนั้น มี 2 ประเภท คือ ความหมายที่ปรากฏที่คู่ควรกับบรรดามัคลูค และมันถูกเจาะด้วยพวกเขา มันคือ ความหมายที่ไม่ต้องการ และ (ความหมายที่ 2) คือ ความหมายที่ปรากฏ ที่คู่ควร กับพระผู้ทรงยิ่งใหญ่และทรงเกียรติยิ่ง และมันคือ ความหมายที่ต้องการ และการปฏิเสธมัน ก็คือ การตะอฺฏีล(การปฏิเสธสิฟัตอัลลฮ) – ดูฟัตหุลบารีย ของอิบนุเราะญับ 6/41

อะชาอีเราะฮ อ้างถึงอากีดะฮ์ของท่านอิมาม อะหฺมัด บิน หัมบัล ว่า
كان الإمام أحمد رحمه الله تعالى يقول : لله تعالى يدان، وهما صفة له ، ليستا بجارحتين وليس بمركبتين ولا جسم ولا من جنس الأجسام .... إلخ
"ท่านอิมามอะหฺมัด ร่อฮิมะหุลเลาะฮ์ กล่าวว่า อัลลอฮฺนั้นพระองค์ทรงมี يدان ซึ่งทั้งสองนั้น เป็นซีฟัตของอัลเลาะฮ์ โดยที่ทั้งสองไม่ใช่อวัยวะ ไม่ใช่ถูกประกอบ ไม่ใช่เป็นรูปร่าง جسم ไม่ใช่เป็นชนิดของบรรดาร่างกาย جسم "
หนังสือ อัฏเฏาะบะก๊อต อัลหะนาบิละฮ์ เล่ม 2 หน้า 391
......................
อาชาอีเราะฮ ผู้นี้เอาคำพูด ของอิหม่ามอะหมัดมาอ้าง ไม่ทราบว่า วะฮบีย์คนใหน เชื่อว่า อัลลอฮมี มือ ที่เป็นอวัยวะ เพราะคำว่า เป็นอวัยวะ หรือ ไม่เป็นอวัยวะ อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ไม่ได้ระบุไว้
อิบนุตัยมียะฮกล่าวว่า

إن الله سبحانه منزه أن يكون من جِنس شيء من المخلوقات، لا أجساد الآدميين ولا أرواحهم ولا غير ذلك من المخلوقات،

แท้จริง อัลลอฮ (ซ.บ) บริสุทธ์ จากการที่พระองค์ เป็นชนิดหนึ่งของสิ่งที่มาจากบรรดามัคลูค ไม่ว่าจะเป็น บรรดาร่างกายของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น บรรดาวิญญาณของพวกเขา และไม่ใช่อื่นจากดังกล่าว จากบรรดามัคลูค
بيان تلبيس الجهمية " 1 / 620
จึงเห็นได้ว่า การกล่าวหาปราชญ์และคนที่ ยืนยันความหมายสิฟาตตามตัวบท ว่าคือ พวกมุญัสสิม หรือพวกเชื่อว่าอัลลอฮ มีรูปร่าง และมีอวัยวะนั้น คือ ข้อกล่าวหา และเป็นคำที่อาชาอิเราะฮ ยุคหลังเช่น รอซิดี อุปโลกน์ขึ้นมาใส่ร้าย ผู้ที่ตนมีอคติทั้งสิ้น เพราะ คนที่ถูเรียกว่า “วะฮบีย” ไม่บอกว่า อัลลอฮ มีอวัยวะเหมือนมัคโลก แต่เป็นการใส่ร้ายจากซาตานเท่านั้น

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Aug 22, 2014 10:50 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อะขาอิเราะ บิดเบือน ใส่ร้าย อิบนุอุษัยมีข้างล่าง โดยเขากล่าวว่า
ชัยค์มุฮัมมัด ศอลิห์ อุษัยมีน กล่าวอีกว่า
أَنَّهُ إِنْ كَانَ يَلْزَمُ مِنْ رُؤْيَةِ اللهِ تَعَالَى أَنْ يَكُوْنَ جِسْماً؛ فَلْيَكُنْ ذَلِكَ، لَكِنَّنَا نَعْلَمُ عِلْمَ الْيَقِيْنِ أَنَّهُ لاَ يُمَاثِلُهُ أَجْسَامُ الْمَخْلُوْقِيْنَ
“ แท้จริงหากว่าการเห็นอัลลอฮฺตะอาลานั้นจำเป็นที่พระองค์ต้องมีรูปร่าง ดังนั้นก็จงเป็นรูปร่างเถิด แต่พวกเรารู้อย่างมั่นใจว่า เป็นรูปร่างที่ไม่เหมือนกับบรรดารูปร่างของสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย ”
อุษัยมีน, ชัรห์อัลอะกีดะฮ์อัลวาสิฏียะฮ์, เล่ม 1, หน้า 458.
นี่แค่ตัวอย่างหลักฐานจากอุลามาอฺวะฮ์ฮาบีที่ยืนยันชัดเจนว่าพระองค์ทรงมีอวัยวะสัดส่วน และอุลามาอ์ระดับแนวหน้าของวะฮ์ฮาบีอื่นอีกมากมายที่ผมมิได้หยิบยก เพราะผมถือว่า เพียงหลักฐานแค่ตรงนี้ ก็เพียงพอแล้ว ที่จะให้นายรอมฎอน หันกลับมาทำบุญรำลึกถึงอัลลอฮฺ และทำเมาลิด ตามที่เขาได้สัญญาเอาไว้
...............
ชี้แจง
มาดูคำพูดอิบนุอุษัยมีนเต็มๆไม่ตัดต่อ
وأما أدلة نفاة الرؤية العقلية؛ فقالوا: لو كان الله يرى لزم أن يكون جسماً والجسم ممتنع على الله تعالى لأنه يستلزم التشبيه والتمثيل.
สำหรับ หลักฐานทางปัญญา ของการปฏิเสธ การเห็น(อัลลอฮ) พวกเขา (พวกปฏิเสธการเห็นอัลลฮ) กล่าวว่า “ถ้า ปรากฏว่าอัลลอฮ ถูกเห็น แน่นอน พระองค์ก็จะต้องเป็นรูปร่าง ทั้งๆที่คำว่ารูปร่าง นั้น ถูกปฏิเสธ บนอัลลอฮ ตะอาลา เพราะแท้จริง มันจะต้องเป็นการตัชบีฮ (การเปรียบเทียบว่าอัลลอฮคล้ายคึงกับมัคลูค)และเป็นการตัมษีล(การเปรียบอัลลอฮว่าเหมือนมัคลูค)

แล้วอิบนุอุษัยมีน ตอบโต้ทัศนะทางปัญญานี้ว่า
والرد عليهم: أنه إن كان يلزم أن رؤية الله تعالى أن يكون جسماً فليكن ذلك, لكننا نعلم علم اليقين أنه لا يماثل أجسام المخلوقين؛ لأن الله تعالى يقول: {لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ}
على أن القول بالجسم نفياً أو إثباتاً مما أحدثه المتكلمون وليس في الكتاب والسنة إثباته ولا نفيه
และการตอบโต้พวกเขาคือ หากปรากฏว่าการเห็นอัลลอฮตะอาลานั้น พระองค์จะต้องเป็นรูปร่าง ก็ให้ทรงเป็นดังกล่าวนั้น แต่เรารู้ อย่างมั่นใจว่า พระองค์ทรงไม่เหมือนรูปร่างบรรดามัคลูค เพราะ แท้จริงอัลลอฮ ตะอาลากล่าวว่า (ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน พระองค์ และพระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็นยิ่ง)
บนการกล่าว คำว่า “รูปร่าง” นั้น ไม่ว่าในการปฏิเสธ หรือ การยืนยันนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากสิ่งที่บรรดานักวิภาษวิทยา(อะฮลุลกะลาม) ได้ประดิษขึ้นมาใหม่ และไม่ปรากฏการยืนยันมัน และปฏิเสธมัน ในอัลกุรอ่านและ อัสสุนนะฮ

شرح العقيدة الواسطية للعثيمين (1 / 458) :
............
สรุป คือ
อิบนุอุษษัยมีน ได้ตอบโต้ทัศนะ พวกเหตุผมนิยมที่ว่า ถ้าอัลลอฮ ถูกมองเห็น ก็แสดงว่า อัลลอฮเป็นรูปร่าง ก็เท่ากับว่าอัลลอฮคล้ายคลึงมัคลูต
อิบนุอุษัยมีน ตอบโต้ทัศนะนี้ว่า ถ้าสมมุติว่า การเห็นอัลลอฮ ทำให้ประองค์เป็นรูปร่าง ก็จงให้เป็นตามนั้น แต่ เรารู้อย่างมันใจว่า อัลลอฮ ทรงไม่มีรูปร่างเหมือนกับรรดามัคลูค และ อิบนุอุษํยมีน บอกว่า คำว่า “อัลลอฮเป็นรูปร่าง หรือ ไม่เป็นรูปร่าง ไม่ปรากฏยืนยันไว้ในอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ แต่คำนี้ เป็นคำที่ พวกอะฮลุลกาลามประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่
จากคำอธิบายของ อิบนุอุษัยมีน แบบเต็มๆ ไม่ตัดต่อ ไม่ปรากฏว่า อิบนุอุษัยมีนยืนยันบอกว่า อัลลอฮทรงมีรูปร่าง
แต่เป็นการตัดต่อคำพูดเช็คอุษัยมีน จากนายอาหมัดรอซิดี เพื่อใส่ร้ายอิบนุอูษัยมีน เท่านั้น และจะพบว่าเว็บไซด์ ชีอะฮก็ตัดต่อคำพูดนี้ใส่ร้ายอิบนุอูษัยมีนเช่นกัน

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Aug 22, 2014 10:51 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อะชาอิเราะฮ อ้างว่า
ชัยค์อัลเฟาซาน ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า

إِثْبَاتُ الْيَدَيْنِ وَالْيَدُ للهِ عَزَّ وَجَلَّ عَلَى مَعْنَاهُمَا الْمَعْرُوْفِ فِي اللُّغَةِ...فَنَحْنُ نُثْبِتُهُمَا عَلَى مَعْنَاهُمَا الْحَقِيْقِيُّ

“ การยืนยันศิฟัตสองมือและมือของอัลลอฮฺบนความหมายที่รู้กันในหลักภาษาอาหรับ...ดังนั้นเราจึงทำการยืนยันสองมือ(ของอัลลอฮฺ)บนความหมายคำแท้(อันเป็นที่รู้กันในภาษาอาหรับ) ”

อัลเฟาซาน, ชัรหฺอัลมันซูมะฮ์ อัลหาอียะฮ์, (ริยาฎ: ดารุลอาศิมะฮ์, ตีพิมพ์ปี ค.ศ. 2007), หน้า 92.
.............................
ชี้แจง
คำพูดของ เช็คเฟาซานนั้น ถูกต้องแล้ว เพราะ การยืนยันความหมายของคำที่เป็นที่รู้กัน นั้น เป็นทัศนะของสะลัฟ
มาดูคำอธิบาย “คำว่า “ยัด”(มือ)
อิหม่ามอบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ ( ฮ.ศ ๓๒๔) กล่าวว่า
فلو كان الله تعالى عنى بقوله: {لما خلقت بيدي} القدرة لم يكن لآدم صلى الله عليه وسلم على إبليس مزية في ذلك، والله تعالى أراد أن يرى فضل آدم صلى الله عليه وسلم عليه؛ إذ خلقه بيديه دونه،
แล้วถ้า ปรากฏว่า อัลลอฮ ตาอาลา หมายถึง ด้วยคำพูดของพระองค์ที่ว่า (แก่สิ่งที่ข้าได้สร้างด้วยสองมือของข้า) คือ พลังอำนาจ แน่นอน คุณสมบัติ ของ อาดัม ศอ็ลฯ ก็จะไม่เหนื่อกว่า(หรือแตกต่างจาก)อิบลิส ในดังกล่าวนั้น (หมายถึงในการสร้าง) ทั้งๆที่อัลลอฮ ตะอาลา ต้องการที่จะให้เห็นถึง ความประเสริฐของอาดัม (ศอ็ลฯ) เหนื่ออิบลิส เพราะ พระองค์ทรงสร้างเขา ด้วยสองมือของพระพระองค์ ไม่ใช่อื่นจากมัน - อัลอิบานะฮ เล่ม ๒ หน้า ๑๒๕
ข้างต้น อิหม่ามอบูหะซันได้ยืนยันความหมายของคำว่า “ยะดัยน”ในอายะฮว่า อัลลอฮสร้างอาดัมด้วยสองมือของพระองค์ ไม่ใช่อย่างอื่น เพราะถ้ายะดัยน์ มีความหมายว่า “พลังอำนาจ “ คุณสมบัติของอาดัม ก็ไม่ได้เหนื่อกว่าอิบลิสในการสสร้าง
และเขายังอธิบายอีกว่า
ما منعك أن تسجد لما خلقت بيدي أستكبرت؟}، دل على أنه ليس معنى الآية القدرة؛ إذ كان الله تعالى خلق الأشياء جميعا بقدرته، وإنما أراد إثبات يدين، ولم يشارك إبليس آدم صلى الله عليه وسلم في أن خلق بهما.
พระองค์ตรัสว่า “อิบลีสเอ๋ย อะไรเล่าที่ขัดขวางเจ้ามิให้เจ้าสุญูดต่อสิ่งที่ข้าได้สร้างด้วยมือทั้งสองของข้า ? เจ้าเย่อหยิ่งจองหองนักหรือ ) แสดงบอกว่า ความหมายอายะฮนี้ไม่ใช่ พลังอำนาจ เพราะ อัลลอฮตะอาลา สร้างบรรดาสิ่งต่างๆ ทั้งหมด ด้วยพลังอำนาจของพระองค์อยู่แล้ว ความจริง พระองค์ต้องการยืนยัน คำว่า “สองมือ” และ อิบลิส ไม่มีส่วนร่วมกับอาดัม ศอ็ลฯ ในการที่พระองค์ทรงสร้างด้วยมันทั้งสอง - - อัลอิบานะฮ เล่ม ๒ หน้า ๑๒๖
...........
ข้างต้น แสดงให้เห็นการยืนยันความหมายของคำตามที่ปรากฏในตัวบทชัดเจน ซึ่งป็นความหมายที่เป็นที่รู้กัน
ความจริง มีหลักฐานมากมายที่จะชี้แจง แต่สำหรับคนที่มีใจอิคลาศ และไร้อคติ ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะทำการเตาบะฮ ที่ได้ทำการละเมิดสิทธิ์กล่าวหาให้ร้ายเช็คเฟาซานอย่างไร้ความละอาย

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย asan เมื่อ Tue Apr 21, 2015 2:31 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Aug 22, 2014 10:52 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สิ่งที่ยืนยัน ความถูกต้องของคำพูดเช็คเฟาซาน คือท่านอิบนุอับดุลบัรริ กล่าวว่า

أهل السنة مجمعون على الإقرار بالصفات الواردة كلها في القرآن والسنة والإيمان بها وحملها على الحقيقة لا على المجاز إلا أنهم لا يكيفون شيئا من ذلك ولا يحدون فيه صفة محصورة وأما أهل البدع والجهمية والمعتزلة كلها والخوارج فكلهم ينكرها ولا يحمل شيئا منها على الحقيقة ويزعمون أن من أقر بها مشبه وهم عند من أثبتها نافون للمعبود والحق فيما قاله القائلون بما نطق به كتاب الله وسنة رسوله وهم أئمة الجماعة والحمد لله
التمهيد لما في الموطأ من المعاني والأسانيد ج 7 / ص 145

อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ มีมติเห็นพ้องกัน ในการยอมรับบรรดาคุณลักษณะ(ซิฟาต) ทั้งหมดที่ปรากฏในอัลกุรอ่านและซุนนะฮ์ และศรัทธาต่อมัน และถือมันตามความหมายจริง(ฮะกีกัต) ไม่ใช่ตามความหมายในเชิงอุปมาอุปมัย นอกจากว่า แท้จริงพวกเขา ไม่ได้อธิบายวิธีการว่าเป็นอย่างไรจากซิฟัตดังกล่าวเลย และพวกเขาไม่ได้จำกัดในนั้น เป็นคุณลักษณะหนึ่งลักษณะที่เฉพาะ

และสำหรับ พวกบิดอะฮ์ พวกญะฮ์มียะฮ และพวกมุอฺตะซิละฮ์ พวกเขาทั้งหมดนั้น และพวกเคาะวาริจญ์ ทั้งหมด ปฏิเสธมัน และไม่ได้ถือตามความหมายฮะกีกัตจากมัน(บรรดาซิฟาตดังกล่าว)
พวกเขาอ้างว่า ผู้ที่ยอมรับมัน(ตามความหมายฮะกีกัต)นั้นเป็นพวกมุชับบะฮะฮ์ ( คือเป็นผู้ที่นำอัลลอฮ์ไปเทียบกับมัคลู๊ก )และในทัศนะของพวกเขาถือว่า ผู้ที่ยอมรับมัน เป็นผู้ที่ปฏิเสธพระเจ้าผู้ควรเคารพภักดี และความถูกต้องนั้น มันอยู่ในสิ่งที่บรรดาผู้ที่มีทัศนะตามที่กิตาบุลเลาะฮ์และซุนนะฮ์ของรอซูลของพระองค์ได้กล่าวเอาไว้ พวกเขาคือ ผู้นำแห่งอัลญะมาอะฮ์ อัลฮัมดุลิ้ลละฮ์
التمهيد لما في الموطأ من المعاني والأسانيد ج 7 / ص 145

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Sep 21, 2014 8:02 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คำว่า "อยู่บนฟ้า(في السماء )


การยืนยันสถานที่ เกี่ยวอัลลอฮนั้นคือ สถานที่เบื้องสูง ไม่ใช่สถานทีที่เป็นมัคลูค อิบนุตัยมียะฮ ได้อธิบายว่า
وَقَالَ فِي سِيَاقِ حَدِيثِ الْجَارِيَةِ الْمَعْرُوفِ : { أَيْنَ اللَّهُ ؟ قَالَتْ : فِي السَّمَاءِ } لَكِنْ لَيْسَ مَعْنَى ذَلِكَ أَنَّ اللَّهَ فِي جَوْفِ السَّمَاءِ وَأَنَّ السَّمَوَاتِ تَحْصُرُهُ وَتَحْوِيهِ فَإِنَّ هَذَا لَمْ يَقُلْهُ أَحَدٌ مِنْ سَلَفِ الْأُمَّةِ وَأَئِمَّتِهَا ; بَلْ هُمْ مُتَّفِقُونَ عَلَى أَنَّ اللَّهَ فَوْقَ سَمَوَاتِهِ عَلَى عَرْشِهِ بَائِنٌ مِنْ خَلْقِهِ ; لَيْسَ فِي مَخْلُوقَاتِهِ شَيْءٌ مِنْ ذَاتِهِ وَلَا فِي ذَاتِهِ شَيْءٌ مِنْ مَخْلُوقَاتِهِ
และเขา(หมายถึงอิบนตัยมียะฮเอง)ได้กล่าวความหมายของหะดิษญารียะฮ ที่เป็นที่รู้จักกันว่า (อัลลอฮอยู่ใหน) นางตอบว่า “อยู่บนฟ้า ,แต่ว่า ดังกล่าวนั้น ไม่ได้หมายถึงอัลลอฮ อยู่ในโพรงของฟ้า และ บรรดาฟากฟ้า ได้กำหนดขอบเขต พระองค์และบรรจุพระองค์ไว้ เพราะแท้จริง ลักษณะแบบนี้ ไม่มีสะลัฟแห่งอุมมะฮและบรรดาอิหม่ามของพวกเขาคนใด กล่าวแบบนั้น แต่ทว่า พวกเขา เห็นฟ้อง ว่า แท้จริง อัลลอฮ อยู่เหนื่อ บรรดาฟากฟ้าของพระองค์ บน อะรัชของพระองค์ แยกจากมัคลูคของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดจากซาต(ตัวตน)ของพระองค์ อยู่ในบรรดามัคลูคของพระองค์ และไม่มีสิ่งใดจากบรรดามัคลูคของพระองค์อยู่ในซาต(ตัวตน)ของพระองค์ - ดูมัจญมัวอัลฟะตาว่า เล่ม 5 หน้า 258 เรื่อง كتاب مفصل اعتقاد السلف
เพราะฉะนั้น คำว่า อยู่บนฟ้าคือ อยู่สูงเหนือบรรดามัคลูคทั้งหลาย ไม่ใช่ อาศัยอยู่ในห้องของฟากฟ้า

ตอบข้อโต้แย้ง

อัชฟีย์ อัชอีร์ กล่าวตอนหนึ่งว่า
..เพราะมันเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะกลุ่มของวะฮาบีย์ที่มีอะกีดะมุญัสสิมโดยเฉพาะและสลัฟเขาไม่รับรู้อะกีดะนี้มาก่อน
@@@@@@@@@

ผมไม่เข้าใจจริง ท่านอัชฟีย์ อ่านตำราหรือเปล่า ที่นั่งเทียนพูดว่า การเชื่อว่า อัลลอฮอยู่บนฟ้า สะลัฟไม่รับรู้มาก่อน
อิหม่ามบุคอรี กล่าวว่า

وقال ضمرة بن ربيعة عن صدقة سمعت سليمان التيمي يقول لو سئلت أين الله لقلت في السماء فإن قال فأين كان عرشه قبل السماء لقلت على الماء فإن قال فأين كان عرشه قبل الماء لقلت لا أعلم قال أبو عبد الله وذلك لقوله تعالى { ولا يحيطون بشيء من علمه إلا بما شاء } يعني إلا بما بين

และฎอ็มเราะฮ บิน เราะบีอะฮ ได้รายงานจาก เศาะดะเกาะฮ ว่า ฉันได้ยินจากสุลัยมานอัตตัยมีย์ กล่าวว่า “ฉันถูกถามว่า “อัลลอฮอยู่ใหน? ฉันตอบว่า “อยู่บนฟ้า แล้วถ้าเขากล่าวว่า “ อะรัชของพระองค์ อยู่ใหน ก่อนที่ มีฟากฟ้า ,ฉันก็จะกล่าวว่า “อยู่บนน้ำ แล้วถ้าเขากล่าวถามว่า อะรัชของพระองค์อยู่ใหน ก่อนที่มีน้ำ ฉันก็จะกล่าวว่า “ฉันไม่รู้ ,อบูอับดุลลอฮ กล่าวว่า ดังกล่าวนั้นแหละ ที่อัลลอฮตะอาลาตรัสว่า
وَلاَ يُحِيطُونَ بِشَيْءٍ مِّنْ عِلْمِهِ إِلاَّ بِمَا شَاء
และพวกเขาไม่ได้ล้อมรอบ (เข้าถึง) สิ่งใดจากความรู้ของพระองค์ เว้นแต่ตามที่พระองค์ทรงประสงค์
หมายถึง ยกเว้นสิ่งที่พระองค์อธิบายไว้ – คอ็ลคุอัฟอาลิลอิบาด ของ อิหม่าม บุคอรี ๑/๓๘ หะดิษหมายเลข ๖๔ และอัลลาลุกาอีย์ ใน ชัรหุอุศูลุลเอียะติกอด หะดิษหมายเลข ๖๗๑

ฏอมเราะฮ บิน ชุอบะฮ เป็นปราชสะลัฟ เสียชีวิตปี ฮ.ศ ๒๐๒ เป็นปราชญที่เป็นที่ยอมรับว่าเชื่อถือได้ - สิยารุเอียะลามอัลนุบาลาอฺ เล่ม ๙ หน้า ๓๒๗ หัวข้อ ضَمْرَةُ بْنُ رَبِيعَةَ
ผมคิดตลอดและถามตัวเองอยู่ตลอดว่า ทำไม่คนกลุ่มนี้กล้าหาญชาญชัย ปิดตาปฏิเสธหลักฐานอย่างหน้าตายเฉย เพียงแต่มองในแง่ดีว่า เพราะความไม่รู้ ไม่ศึกษาตำรา อคติต่อตำราที่ขัดกับความเชื่อตัวเอง

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Oct 17, 2014 10:55 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

หะดิษที่อาชาอิเราะฮมักเอามาอ้าง


ท่านอิหม่ามอะลีย์ ร็อฎิยัลลอฮุอัน ทรงกล่าวว่า
مَنْ زَعَمَ أَنَّ إِلَهَنَا مَحْدُودٌ فَقَدْ جَهِلَ الْخَالِقَ الْمَعْبُودَ
“ ผู้ใดที่ฉุกคิดในใจของเขาว่าพระเจ้าของเรา(คืออัลลอฮฺตะอาลานั้น)ทรงมีขอบเขตรูปร่างแล้วไซร้ แท้จริงเท่ากับเขานั้นได้โง่งมงายต่อพระผู้สร้างผู้ซึ่งถูกอิบาดะฮ์แล้ว
………..
ผ้รายงานหะดิษนี้คือ อิหม่ามอบูนะอีม ใน อัลหุลลียะฮ 1/173 และเขาเองกล่าวว่า
هذا حديث غريب من حديث النعمان كذا رواه ابن إسحاق عنه مرسلا.
หะดิษนี้เป็นหะดิษเฆาะรีบ (หะดิษแปลก) รายงานจาก อัลนุอมาน และในทำนองเดียวกับ อิบนุอิสหาก ได้รายงานจากเขา เป็นหะดิษมุรซัล
หะดิษเฆาะรีบคือ หมายถึง หะดีษที่รายงานโดยนักรายงานเพียงคนเดียว
หะดิษมุรซัลคือ หะดีษมุรสัล คือ หะดีษที่ตาบิอีน(บุคคลสมัยต่อจากเศาะหาบะฮฺ)ระบุว่านำมาจากท่านนบี โดยไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผู้รายงานหะดีษให้แก่เขา
ที่ว่ามุรซัล ในที่นี้ เพราะ อิบนุอิสหาก ไม่ได้พบกับ อัลนุอฺมาน แต่อ้างว่า ได้รายงานจากนุอฺมาน หะดิษแบบนี้เอามาเป็นหลักฐานไม่ได้ ครับเวาะรอซิดีย์

คำวิจารณ์

بسم الله الرحمن الرحيم

قالوا قال علي –رضى الله عنه- من زعم أن إلهنا محدود فقد جهل الخالق المعبود)
وهذا الأثر منكر رواه أبو نعيم في الحلية (1/72) من طريق مسدد قال ثنا عبد الوارث بن سعيد، عن محمد بن إسحاق، عن النعمان بن سعد، قال: كنت بالكوفة.. فذكره
ثم قال الإمام أبو نعيم(1/73): هذا حديث غريب من حديث النعمان كذا رواه ابن إسحاق عنه مرسلا.اهـ
قلتُ: أما أنه غريب فنعم .
وأما الإسال فإنه يعنى الإرسال الخفي لأن محمد بن إسحاق لم يعرف له ملاقات مع نعمان وعلى هذا يعرّف العلماء "الإرسال الخفي" قال الحافظ في" نزهة النظر" :..فأما إن عاصره ولم يعرف أنه لقيه؛ فهو المرسل الخفي. اهــ .
ومما يدل على أن هناك واسطة أن ( نعمان بن سعيد) لم يرو عنه ابن إسحاق أصلاً والحامل علي هذا الإسقاط أن ( محمد بن إسحاق ) وهو السبيعي صاحب المغازي ثقة في نفسه لكنه مشهور بالتدليس وقد عنعن .
ثم :
ما هي الواسطة بينه وبين ( نعمان ) الجواب : هو(عبد الرحمن بن إسحاق) وهو ضعيف ولم يرو عنه- يعنى نعمان- غيره أصلاً .
قال أَبُو حاتم" الجرح والتعديل: 8 / الترجمة 2047." : ولم يرو عنه غيره.اهـ
وقال الدَّارَقُطْنِيّ: عبد الرحمن بن إسحاق بن الحارث، أبو شيبة، واسطي، عن النعمان بن سعد، عن أبيه، لا يعرف إلا به. ;الضعفاء والمتروكون; (338)
وقال الذهبي في " ميزان الإعتدال" (4/265)whistling#1575;لنعمان بن سعد [ت] .عن علي رضي الله عنه. ما روى عنه سوى عبد الرحمن بن إسحاق أحد الضعفاء، وهو ابن أخته.اهــ
وعبد الرحمن بن إسحاق فقد قال عنه الإمام أحمد متروك . قال عبد الله بن أحمد: سمعتُ أَبي يقول: عبد الرحمن بن إسحاق الكوفي، متروك الحديث - يعني الذي يحدث عنه ابن إدريس، وابن فضيل -. ;العلل (2278) .
وقال مرة أحاديثه مناكير.
قال عبد الله ;العلل (2560) : سألت أبي، عن عبد الرحمن بن إسحاق الكوفي. فقال: هذا يقال له: أبو شيبة، وهو واسطي، كان يروى عنه ابن إدريس، وأبو معاوية، وابن فضل، وهو الذى يحدث، عن النعمان بن سعد، عن المغيرة بن شعبة، عن النبي - صلى الله عليه وسلم - أحاديث مناكير، ليس هو بذاك في الحديث، والمديني عبد الرحمن، وهو عباد، أعجب إلي من هذا الواسطي. اهـ
وقال مرة ليس بذلك .
قال أبو داود ;سؤالاته (178) : سمعت أحمد. قال: عبد الرحمن بن إسحاق المدني، قدم البصرة، وهو فوق هذا، يعني فوق عبد الرحمن بن إسحاق الكوفي، وكان ذكره، إلا أنه أيضاً ليس بذاك. قلت: الذي روى عن أبي الزناد؟ قال: هو هذا، يعني المدني. اهـ
وقال البخاري: عبد الرحمن بن إسحاق بن الحارث، أبو شيبة الواسطي، كناه أحمد. وقال أحمد: هو منكر الحديث. ;التاريخ الكبير; 5/ (835) .
وقد تكلم العلماء عن ( نعمان ) أيضاً فقال الحافظ في" التقريب" الرقم(7156 )(مقبول)
يعنى عند المتابعة وقد شرح الحافظ في" مقدمة التقريب" أن": من ليس له من الحديث إلا القليل، ولم يثبت فيه ما يترك حديثه من أجله، وإليه الإشارة بلفظ مقبول حيث يتابع، وإلا فلين الحديث."اهـ

والخلاصة : ان الأثر منكر باطل .وفيه ثلاثة علل
1- ابن اسحاق مدلس وقد عنعن
2- 2- الرجل المسقوط هو منكر الحديث ليس بشيء
3- 3- أن نعمان مقبول ولم يتابع عليه .
4- 4- غريب في متنه ومخالف للعقيدة الصحيحة وهو ما أشار إليه الإمام أبو نعيم.
http://www.ahlalhdeeth.com/vb/forum/منتدى-عقيدة-أهل-السنة-والجماعة/346071-ضعف-أثر-علي-من-زعم-أن-إلهنا-محدود-فقد-جهل-الخالق-المعبود

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Nov 07, 2014 12:34 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ ผู้นำมัซฮับอะชาอิเราะฮ กล่าวว่า
وأنه تعالى فوق سماواته على عرشه دون أرضه، وقد دل على ذلك بقوله: {أأمنتم من في السماء أن يخسف بكم الأرض} الملك16،
และแท้จริง พระองค์ผู้ทรงสูงส่ง อยู่เหนือบรรดาฟากฟ้าของพระองค์ บน อะรัช อื่นจาก แผ่นดินของพระองค์และหลักฐานแสดงบอกดังกล่าวคือ
พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือจากผู้ที่อยู่บนฟากฟ้า ว่าจะไม่ทำให้แผ่นดินสูบพวกเจ้ากระนั้นหรือ” (อัลมุลก์/16)
رسالة إلى أهل الثغر (ص232-236).

อัชฟีย์ อัชอีร์
.จริงๆแล้วอายะฮ์เหล่านั้นหมายถึง "บรรดามะละอีกัต ที่อยู่ในฟากฟ้าตามชั้นฟ้าต่างๆมีหน้าที่ตามอัลลอฮ์บัญชาไว้ก่อนหน้านั้นแล้วนั้นเอง "
และจากคำกล่าวของอัลลอฮ์ที่ตรัสว่า
أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ أَنْ يَخْسِفَ بِكُمُ الْأَرْضَ فَإِذَا هِيَ تَمُورُ
..พวกเจ้าจะปลอดภัยจากพระองค์กระนั้นหรือ ที่จะให้ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้า(บรรดามาละอีกัต)จะให้แผ่นดินสูบพวกเจ้าแล้วขณะนั้นมันก็จะหวั่นไหว..
วัลลอฮูอะลัม
…………………..
เพิ่มชื่อให้มาเสวนา ไม่ยอมเข้ามา แถมยังบิดเบือน อายะฮข้างต้นว่า คำว่า ผู้ที่อยู่บนฟ้า หมายถึงมลาอิกะฮ แถมใส่วงเล็บ ว่า “บรรดามลาอิกะฮ” แต่ไม่มีหลักฐานมายืนยัน
อีก เพราะฉะนั้น มาดูหลักฐานเพิ่มเติม ที่บ่งบอกว่า อัชฟีย์ อัชอีร์ ปฏิเสธ หลักความเชื่อตามแนวสะลัฟ ทั้งๆที่สะลัฟ ได้อธิบายว่า ผู้ที่อยู่บนฟ้าคือ อัลลอฮ ดังหลักฐานต่อไปนี้
หนึ่ง - อิบนุญะรีร (ฮ.ศ 310) อธิบายว่า
أَمْ أَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ} وهو الله
พวกเจ้าจะปลอดภัยจากพระองค์กระนั้นหรือ ที่จะให้ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้า ) และ พระองค์อัลลอฮ
جامع البيان في تأويل القرآن – ابن جرير الطبري (ج23 / ص 513)
สอง – อิบนุอบีซะมะนีน (ฮ.ศ 399) อธิบายว่า
{من في السماء} يعني نفسه.
ผู้ที่อยู่บนฟ้า หมายถึง พระองค์เอง
تفسير القرآن العزيز ابن أبي زمنين (ج5 ص14
สาม – มุหัมหมัด บิน ยะซีด อัลมุบัรรอด (ฮ.ศ 286) กล่าวว่า
والسؤال عن كل ما يعقل بـ"مَن" كما قال عز وجل: {أأمنتم من في السماء أن يخسف بكم الأرض}. فـ"مَن" لله عز وجل)
และการถามเกี่ยวกับทุกสิ่งที่มี ปัญญา ด้วย คำว่า من ดังที่อัลลอฮ ผู้ทรงเกรียงไกรและสูงสุง ตรัสว่า (พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือ จากการที่พระองค์ทรงสถิตย์อยู่ ณ ฟากฟ้าจะให้แผ่นดินสูบพวกเจ้า) คำว่า من สำหรับอัลลอฮ ผู้ทรงเกรียงใกรและ ผู้ทรงสูงส่ง
المقتضب لمحمد بن يزيد المبرد (ج2 ص51)
มีหลักฐานมากมาย ที่แสดงถึงการอยู่บนฟากฟ้าของอัลลอฮ ตามทัศนะสะลัฟ ถ้าไม่ดันทุรังจะเอาชนะ .

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Nov 09, 2014 11:43 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ฟิตนะฮรอบใหม่ เขากล่าวหาว่าวะฮบีย์มีอะกีดะฮบิดอะฮ
AbdulHageem Al Ash'ari
18 กันยายน · มีการแก้ไข ·
‪#‎อัลลอฮ์ตะอาลาทรงบริสุทธิ์‬
‪#‎ทบทวนอะกีดะฮฺกันสักนิด‬ สำหรับคนอาวามอย่างเราๆ ที่กำลังหลงกับคำพูดสวยหรูที่ว่า ฉันตามสุนนะฮฺ ตามสลัฟ ตามสูตรนบี แต่แท้ที่จริงแล้วทุกอย่างเป็นเพียงแค่คำพูดให้คนอาวามหลง คล้อยตาม เป็นเพียงถ้อยคำชวนเชื่อ เพราะกลุ่มคนที่อ้างคำหวานเหล่านี้ พวกเขามีอะกีดะฮฺที่บิดอะฮฺดอลาละฮฺ โดยมีความเชื่อว่าอัลลอฮฺมีอวัยวะ เป็นรูปเป็นร่าง ไม่ให้ความบริสุทธิ์ต่อพระองค์ และนั้นคือความเชื่อของพวกยิว ขอให้พี่น้องระวังกลุ่มเหล่านี้ ... ‪#‎วะบีย์‬ — กับ แอบา อาแบ และ 45 อื่นๆ
....................
ชี้แจง
ขอชี้แจงว่า
การบอกว่า อัลลอฮทรงมีรูปร่าง หรือไม่มีรูปร่าง สะลัฟไม่ได้กล่าวถึง ในเชิงยืนยัน หรือปฏิเสธ แต่คำว่า “รูปร่าง” เป็นคำที่อาชาอิเราะอุปโลกน์ขึ้นมา ใส่ร้าย คนที่เชื่ออายัตและหะดิษสิฟาตตามตัวบท เช่น มือ ใบหน้า ตา ว่าคือพวกที่เชื่อว่าอัลลอฮมีรูปร่าง วัลอิยาซุบิลละฮ
ท่านอิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) กล่าวว่า

من المعلوم أن السنة والإجماع لم تنطق بأن الأجسام كلها محدثة وأن الله ليس بجسم ولا قال ذلك إمام من أئمة المسلمين"

เป็นที่รู้กัน ว่าแท้จริง อัสสุนนะฮและอัลอิจญมาอฺ ไม่ได้กล่าว ว่า บรรดารูปร่างทั้งหมด นั้น คือสิ่งที่ถูกให้มีขึ้นใหม่ และ(ไม่ได้กล่าวว่า)แท้จริง อัลลอฮ ไม่ใช่รูปร่าง และไม่มีอิหม่ามแห่งอุมมะฮอิสลาม กล่าวดังกล่าวนั้น..
بيان تلبيس الجهمية (1/118) مطبعة الحكومة بمكة المكرمة 1391ﻫ
กล่าวคือ ท่านอิบนุตัยมียะฮ กล่าวว่า ไม่ปรากฏในอัสสุนนะฮ และมติของนักปราชญ์ กล่าวว่า บรรดารูปร่างทั้งหมด คือ สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ และไม่ปรากฏว่า อิหม่ามแห่งอุมมะฮ คนใด กล่าว ว่า “อัลลอฮ ไม่ใช่รูปร่าง
อัลลอฮ เป็นรูปรางหรือไม่เป็นรูปร่าง ชาวสะลัฟไม่ได้พูดถึง และยกตัวอย่าง การเชื่อว่า อัลลอฮ ทรงมีพระพักต์ ตามตัวบทที่ระบุไว้ ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่กล่าว บอกว่าอัลลอฮมีรูปร่าง หรือไม่มีรูปร่าง เพราะไม่มีคำสอนบอกไว้
อบูอิสหาก อิบรอฮีม บิน ชากิล อัลหัมบะลีย์ (ฮ.ศ 369)
فأما نحن فنقول: له وجهه، كما أثبت لنفسه وجهًا، وله يدٌ، كما أثبتَ لنفسه يَداً، {لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ} الشورى : 11] ومن قال هذا فقد سَلِم.)
สำหรับเรา เราจะกล่าวว่า “ พระองค์ทรงมีพระพักต์ของพระองค์ ตามที่ทรงยืนยัน พระพักต์(ใบหน้า) ให้แก่พระองค์ ,พระองค์ทรงมี พระหัตถ์ ตามที่ทรงยืนยัน พระหัตถ์(มือ) ให้แก่พระองค์ (ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนกับพระองค์แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยินและทรงเห็น) – อัชชูรอ /11
และผู้ใด กล่าวแบบนี้ เขาก็ปลอดภัย
طبقات الحنابلة لابن أبي يعلى (ج3 ص239)،
…………..
วันๆเอาแต่ใส่ร้าย โดยการใช้ตรรกและเหตุผล ของตนอธิบายอะกีดะฮ แต่ไม่มีหลักฐานอะไรจากสะลัฟเลย
ทาสของอบูหุรัยเราะฮ คือ อบูยูนูส สุลัยมฺ บิน ญาบีร กล่าวว่า
سمعت أبا هريرة يقرأ هذه الآية { إن الله يأمركم أن تؤدوا الأمانات إلى أهلها } إلى قوله تعالى { سميعا بصيرا } قال رأيت رسول الله صلى الله عليه وسلم يضع إبهامه على أذنه والتي تليها على عينه قال أبو هريرة رأيت رسول الله صلى الله عليه وسلم يقرؤها ويضع إصبعيه قال ابن يونس قال المقري يعني إن الله سميع بصير يعني أن لله سمعا وبصرا
ฉันได้ยิน อบูฮรัยเราะฮ อ่านอายะฮนี้
" إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُكُمْ أَنْ تُؤَدُّوا الأَمَانَاتِ إِلَى أَهْلِهَا
แท้จริงอัลเลาะห์ทรงใช้พวกเจ้าให้มอบคืนของฝากแก่เจ้าของของมัน
จนถึงคำตรัสของอัลลอฮตะอาลาที่ว่า
سَمِيعًا بَصِيرًا
ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น , เขา (อบูฮุรัยเราะฮ) กล่าวว่า “ฉันเห็น รซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ ได้วางหัวแม่มือของท่าน บนหูของท่าน และวางนิ้วถัดมา (หมายถึงนิ้วชี้)ที่ตาของท่าน , ,อบูฮุรัยเราะฮ กล่าวว่า “ ฉันเห็นรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ อ่าน มัน และวางสองนิ้วของท่าน ,อิบนุยูนูส กล่าวว่า อัลมักรีย์กล่าวว่า หมายความว่า แท้จริงอัลลอฮ ทรงเป็นผู้ได้ยิน ทรงเป็นผู้ทรงเห็นยิ่ง หมายถึง แท้อัลลอฮ นั้น มีการเห็น มีการได้ยิน
...............
ในหะดิษข้างต้น เมื่อรอซูลลอฮ ศอ็ลฯ อ่านว่า سميعا بصيرا (ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น) ท่านได้เอาหัวแม่มือ ไปวางที่หู และเอานิ้วชี้ ไปที่ตาของท่าน แสดงถึง การยืนยัน คำว่า “พระเนตร หรือ ตา แก่อัลลอฮ หะดิษนี้เศาะเฮียะดังที่มาข้างล่าง
أخرجه أبوداود برقم (4728) (4 / 233 ) وابن خزيمة في التوحيد ( ص42)
وابن حبان في صحيحه ( برقم 256 ) الإحسان ، والحاكم في المستدرك ( 1 / 24 )واللالكائي في شرح اعتقاد أهل السنة ( 3 /454 ) برقم ( 688 )والدارمي في الرد على المريسي ( ص47) والبيهقي في الأسماء والصفات ( 1 / 462 ) برقم ( 390 ) والطبراني في الأوسط ( 9 / 132 ) وابن منده ( 2 / 82 ) وعبدالله بن أحمد في السنة ( ( 184 ) من طرق عن عبدالله بن يزيد المقري به ، وصححه الحاكم والذهبي وقال الحافظ في الفتح ( إسناده قوي على شرط مسلم ) وقال اللالكائي ( 3 /455) إسناد صحيح على شرط مسلم )
وقال الألباني رحمه الله في قصة المسيح والدجال ( ص 64 ): ( قلت : وإسناد حديث أبي هريرة صحيح على شرط مسلم وكذا قال الحاكم والذهبي والحافظ ( 13 / 318 ) وقد أعله الكوثري في تعليقه على ( الأسماء ) بدون حجة كعادته في أحاديث الصفات )

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Nov 12, 2014 11:33 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ชี้แจงเอกสาร เรื่อง อัลลอฮอยู่ใหน ของสำนักกุดวะฮ
ได้อ่านเอกสารเรื่อง อัลลอฮอยู่ใหน ? หน้า 4 ออกเผยแพร่ ผู้เขียน ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสถาบันกุดวะฮ ประเทศไทย เอาอายะฮอ้างข้างล่างต่อไปนี้ ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของ อัลลอฮ คือ

وَلِلّهِ الْمَثَلُ الأَعْلَىَ وَهُوَ الْعَزِيزُ الْحَكِيمُ

และสำหรับอัลลอฮ์มีตัวอย่างอันสูงส่ง และพระองค์คือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาน
.............
ชี้แจง

ผู้เขียนว่า ว่า อัลลอฮไม่ได้สถิตอยู่ในสถานที่ ไม่ได้อาศัยอยู่บนบัลลังค์
ก่อนที่จะวิจารณ์ข้อความนี้ มาดูคำอธิบายอายะฮข้างต้น ก่อน
อิบนุญะรีร อธิบายว่า

وَلِلَّهِ الْمَثَلُ الْأَعْلَى ، وَهُوَ الْأَفْضَلُ وَالْأَطْيَبُ ، وَالْأَحْسَنُ ، وَالْأَجْمَلُ ، وَذَلِكَ التَّوْحِيدُ وَالْإِذْعَانُ لَهُ بِأَنَّهُ لَا إِلَهَ غَيْرُهُ .

และสำหรับอัลลอฮ์มีตัวอย่างอันสูงส่ง ) และพระองค์คือ ผู้ทรงประเสริฐที่สุด ,ดีที่สุด ,สวยงามที่สุด ,งามที่สุด และดังกล่าวนั้น คือ การศรัทธาในเอกภาพ และการเชื่อฟัง ต่อพระองค์ ว่า ไม่มีพระเจ้าใดๆอื่นจากพระองค์
และท่านอิบนุญะรีร ได้กล่าวถึงคำอธิบายของ เกาะตาดะฮว่า

حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ الْأَعْلَى ، قَالَ : ثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ ثَوْرٍ ، عَنْ مَعْمَرٍ ، عَنْ قَتَادَةَ ( وَلِلَّهِ الْمَثَلُ الْأَعْلَى ) قَالَ : شَهَادَةُ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ

มุหัมหมัด บิน อับดุลอะอลา ได้เล่าเรา โดยเขากล่าวว่า มุหัมหมัด บิน ษูร ได้เล่าเรา ว่ารายงานจาก มะอฺมัร จากเกาะตาดะฮว่า (และสำหรับอัลลอฮ์มีตัวอย่างอันสูงส่ง) เขากล่าวว่า คือ การปฏิญานว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ - ตัฟสีรอิบนุญะรีร 17/230
อิบนุกะษีร อธิบายว่า

( وَلِلَّهِ الْمَثَلُ الْأَعْلَى ) أَيِ : الْكَمَالُ الْمُطْلَقُ مِنْ كُلِّ وَجْهٍ ، وَهُوَ مَنْسُوبٌ إِلَيْهِ ، ( وَهُوَ الْعَزِيزُ الْحَكِيمُ )

และสำหรับอัลลอฮ์มีตัวอย่างอันสูงส่ง หมายถึง ความสมบูรณ์อย่างแท้จริง จากทุกๆด้าน และมันถูกอ้างถึงพระองค์คือ และพระองค์คือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาน – ตัฟสีรอิบนุกะษีร 4/578
.....
ไม่มีถ้อยคำใดๆที่บ่งบอกถึง การปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ ผู้เขียนเอาอะไรมาอ้างว่าอายะฮนี้ เป็นหลักฐานว่าอัลลอฮไม่ได้อยู่เบื้องสูง
ส่วนที่ ผู้เขียนกล่าวว่า
ผู้เขียนว่า ว่า อัลลอฮไม่ได้สถิตอยู่ในสถานที่ ไม่ได้อาศัยอยู่บนบัลลังค์
......
ชี้แจง
ผู้เขียนแยกไม่ออกระหว่างผู้สร้าง และสิ่งถูกสร้าง เพราะไปเข้าใจว่า ถ้าเชื่อว่าอัลลอฮ ทรงสถิตบนบัลลังค์ คือ อาศัยบัลลังค์เป็นที่อาศัย นะอูซุบิลละฮ อัลลอฮจะพึ่งพาอาศัยมัคลูค หรือสิ่งถูกสร้างได้อย่างไร
ความหมายจริงๆคือ ทรงอยู่สูงเหนือมัคลูค แยกจากมัคลูค
อิบนุอัลมุบารอ็ก (ฮ.ศ.181) กล่าว เมื่อมีผู้ถามว่า เราจะรู้จักพระเจ้าของเราได้อย่างไร เขาตอบว่า

“ بأنه فوق السماء السابعة على العرش، بائن من خلقه
เพราะแท้จริงพระองค์ อยู่เหนือฟากฟ้าทั้งเจ็ด บน อะรัช แยกจาก มัคลูคของพระองค์ – (1) ......................
السنة" لعبد الله بن أحمد (ج1 ص111) قال: حدثني أحمد بن ابراهيم الدورقي ثنا علي بن الحسن بن شقيق قال سألت عبدالله بن المبارك، وذكره. رواته ثقات والسند صحيح

ยะหยา อัลอัมรอนีย์ อัชชาฟิอีย์ (ฮ.ศ 558) ปราชญ์ฮับชาฟีอีย์ ยุคต้นๆ กล่าวว่า

عند أصحاب الحديث والسنة أن الله سبحانه بذاته، بائن عن خلقه، على العرش استوى فوق السموات، غير مماس له، وعلمه محيط بالأشياء كلها

ในทัศนะบรรดานักหะดิษ และสุนนะฮ ว่าแท้จริง อัลลอฮ (ซ.บ) ด้วยตัวตน(ซาต)ของพระองค์ แยกจากมัคลูคของพระองค์ ทรงสถิตเหนือบรรดาชั้นฟ้า โดยไม่ได้สัมผัสติดกับมัน และความรอบรู้ของ พระองค์ ครอบคลุมด้วยทุกๆสิ่ง
الانتصار في الرد على المعتزلة القدرية الأشرار للعمراني (ج2 ص607)
....
ข้างต้นแค่ส่วนหนึ่งจากเอกสารเล่มนี้ที่ผมยกมาวิจารณ์ จะเห็นได้ว่า การนำอายะฮอัลกุรอ่านบางอายะฮ มาปฏิเสธการอยู่เบื่องสูงของอัลลอฮนั้นคือ การเบี่ยงเบนจากข้อเท็จจริง
والله أعلم بالصواب

เพิ่มเติม
อิหม่ามอัลมุซันนีย์ ศิษย์ของอิหม่ามชาฟิอีย์ กล่าวว่า

عال على عرشه بائن من خلقه موجود ليس بمعدوم ولا مفقود.

ทรงสูงเหนืออะรัชของพระองค์ แยกจากมัคลูคของพระองค์ ทรงมีอยู่ ไม่ทรงไม่มี และไม่ทรงสูญหาย - ดู
ดู ชัรหุสุนนะฮของ อัลมุซันนีย์ หน้า 82 และ
اجتماع الجيوش (168) والعلو (2|1143)
.......
ข้างต้นเป็นทัศนะสะลัฟ ศิษย์อิหม่ามชาฟิอีย์ ระบุว่า อัลลอฮทรงอยู่เบื้องสูงเหนืออะรัช แยกจากมัคลูค เพราะฉะนั้น คำว่า อยู่บน อะรัช ไม่ได้หมายถึงอาศัยอารัชเป็นที่อยู่ อย่างที่บางคน หาว่า วะฮบีย์เชื่อว่า อัลลอฮอาศัยอยู่บนอารัช นะอูซุบิลละฮ

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Nov 16, 2014 9:40 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

บังเอิญว่าไปพบ อัชอะรีย์ ได้วิจารณ์ คำพูดของ อิหม่ามอบูนัศริน อัสสัจญซี ในเว็บสะติวเด้น ลงวันที่ ส.ค. 08, 2007, 02:37 PM ที่ผมได้อ้างอิง
อิหม่ามอบูนัศริน อัสสัจญซี (الامام ابو نصر السجزي ت 444 ) กล่าวว่า

فأئمتنا كسفيان الثوري ومالك وسفيان بن عيينة وحماد بن سلمة وحماد بن زيد وعبد الله بن المبارك وفضيل بن عياض واحمد بن حنبل واسحاق بن ابراهيم الحنظلي متفقــــــــــــون على ان الله سبحانه بذاتــــــه فوق العرش وان علمه بكل مكان وانه يرى يوم القيامة بالابصار فوق العرش وانه ينزل الى سماء الدنيا وانه يغضب ويرضى ويتكلم بما شاء فمن خالف شيئا من ذلك فهو منهم بريء وهم منه براء

บรรดาอิหม่ามของพวกเรา เช่น สุฟยาน อัษเษารีย์ , มาลิก ,สุฟยาน บุตร อุยัยนะฮ ,หัมมาด บุตร สะละมะฮ ,หัมมาด บุตร เซด ,อับดุลลอฮ บุตร อัลมุบารอ็ก ,อัลฟาฎีล บุตร อิยาฎ ,อะหมัด บุตร หัมบัล และอิสหาก บุตร อิบรอฮีม อัลหันเซาะลีย์ พวกเขาเห็นฟ้องต้องกันว่า อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ด้วยพระองค์เองนั้น อยู่เหนือ บัลลังค์ (อะรัช) และความรอบรู้ของพระองค์นั้น ครอบคลุมทุกๆสถานที่ ,แท้จริงพระองค์จะถูกเห็นในวันกิยามะฮ ด้วยตา ทรงอยู่บนบัลลังค์ ,แท้จริง พระองค์ทรงเสด็จลงมายังฟากฟ้าดุนยา ,ทรงกริ้ว ,ทรงพอใจและทรงพูด ตามที่ทรงพระประสงค์ ดังนั้นผู้ใด มีความเห็นขัดแย้งต่อสิ่งใดๆ จากดังกล่าวนั้น เขาก็เป็นอิสระ (ไม่เกี่ยวข้อง) กับพวกเขา (อุลามาอฺที่กล่าวมาข้างต้น) และพวกเขา ก็เป็นอิสระ(ไม่เกี่ยวข้อง) กับเขาผู้นั้น”

درء التعارض 6/250 ونقل الذهبي كلامه هذا في السير 17/ 656

วิจารณ์(เป็นคำวิจารณ์ของ อ.อารีฟีน)
ท่านอัซซะฮะบีย์เองก็กล่าวไว้ในหนังสือ อัลอุลุว์ ของท่าน ในหมวดคำพูดของ อบูนัสร์ อัสซิจญฺซีย์ โดยกล่าววิจารณ์คำพูดของ อบูนัสร์ อัสซิจญฺซีย์ เองว่า
قلت : هذا الذى نقله عنهم مشهور ومحفوظ سوى كلمة بذاته فإنها من كيسه نسبها إليهم بالمعني
"ฉัน (คือท่านอัซซะฮีย์) ขอกล่าวว่า : สิ่งที่เขาได้ถ่ายทอดจากพวกเขานั้น เป็นสิ่งที่เลื่องลือและมีน้ำหนัก เว้นแต่คำว่า بذاته "อัลเลาะฮ์(นั่ง)อยู่บนอะรัชด้วยซาตฺของพระองค์เอง" ซึ่งมันเป็นกลเม็ดของอบูนัสริอัสสิจญฺซีย์ ที่ได้ทำการพาดพิงคำพูดของไปยังพวกเขาในเชิงของความหมาย"
ดังกล่าวนี้ เราจะสังเกตุได้เลยว่า อบูนัสริ อัสสิจญฺซีย์ พยายามยัดเยียดทัศนะของตนเองให้กับปวงปราชญ์ ซึ่งตามหลักหะดิษแล้ว ถือว่าเป็นการกุและโกหกอย่างหนึ่ง
……….
ขอชี้แจง คำวิจารณ์ของ อ.อารีฟีนดังนี้
ขอชี้แจงว่า อ. อารีฟีน ยกคำพูดข้อความข้างต้นมาไม่หมด ตัดส่วนปลายออก แล้วไปกล่าวหา อบูนัสริ อัสสิจญฺซีย์ ว่าโกหก
มาดูคำพูดของอิหม่ามอัซซะฮะบีย์เต็มๆ
قلت هو الذي نقله عنهم مشهور محفوظ سوى كلمة بذاته فإنها من كيسه نسبها إليهم بالمعنى ليفرق بين العرش وبين ما عداه من الأمكنة
ข้าพเจ้า(อิหม่ามอัซซะฮะบีย์) สิ่งที่เขา(อิหม่ามอัสสัจญซีย์) ได้รายงานจากพวกเชานั้น เป็นที่แพร่หลายและถุกบันทึกไว้ อื่นจากคำว่า “بذاته (บิซาติฮี) เพราะแท้จริง มันเป็นส่วนหนึ่งจากความฉลาดของเขา ที่ได้พาดพิงมันต่อพวกเขาด้วยความหมาย เพื่อแบ่งแยกระหว่างอะรัช และระหว่างสิ่งที่นอกเหนือจากมัน จากบรรดาสถานที่-
......
อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ไม่ได้คัดค้าน และตำหนิคำพูดของอบูนัสริ อัสสัจญซีย์
อ.อารีฟีน ไปแปล และเพิ่มติมเองว่า
“เว้นแต่คำว่า بذاته "อัลเลาะฮ์(นั่ง)อยู่บนอะรัชด้วยซาตฺของพระองค์เอง" ซึ่งมันเป็นกลเม็ดของอบูนัสริอัสสัจญฺซีย์ ที่ได้ทำการพาดพิงคำพูดของไปยังพวกเขาในเชิงของความหมาย"
ใหนหรือ ที่อิหม่ามอบูนัสริ อัสสัจญซีย บอกว่า “นั่งบนอะรัช
เป็นการโกหกใส่อบูนัสริ อัจญสัจญซีย์ เพราะข้อความที่ท่านกล่าวคือ
متفقــــــــــــون على ان الله سبحانه بذاتــــــه فوق العرش
พวกเขาเห็นฟ้องต้องกันว่า อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ด้วยพระองค์เองนั้น อยู่เหนือ บัลลังค์ (อะรัช)

เพราะฉะนั้น การเพิ่มคำว่า “นั่งเข้าไปเป็นการกล่าวเท็จ หยัดเยียดให้แก่ อิหม่ามอบูนัสริ อัจสัญซีย์



ass.png
 คำจำกัดความ:
 ขนาดไฟล์:  33.61 กิโลไบต์
 เข้าชม:  17506 ครั้ง

ass.png



_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Tue Nov 18, 2014 3:27 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ครูคนหนึ่งกล่าวหาว่า

เพราะแท้จริงท่านอิบนุตัยมียะฮ์(ร.ฮ.)นั้นเป็นผู้หนึ่งที่นำอุตริกรรมและคำฟัตวาที่ผิดพลาดมาสู่พี่น้องมุสลิมทั้งในด้านอะกีดะฮ์(หลักความเชื่อ)อทิเช่น เชื่อว่าอัลลอฮ์นั้นทรงนั่งอยู่บนบัลลังก์ หรือเชื่อว่านรกนั้นสุดท้ายต้องล้มสลาย ฯลฯ
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ตอบ
อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) กล่าวว่า

فقد حدّث العلماء المرضيون وأولياؤه المقبولون أنّ محمداً رسول الله صلى الله عليه وسلم يجلسه ربه على العرش معه روى ذلك محمد بن فضيل ، عن ليث ، عن مجاهد في تفسير : ( عسى أنْ يَبْعَثَكَ رَبُكَ مَقَاماً مَحْمُوداً ) ، وذكر ذلك من وجوه أخرى مرفوعة وغير مرفوعة ، قال ابن جرير : وليس هذا مناقضاً لما استفاضت به الأحاديث من أنّ المقام المحمود هو الشفاعة باتفاق الأئمة من جميع من ينتحل الإسلام ويدعيه ، لا يقول أنّ إجلاسه على العرش منكراً ، وإنما أنكره بعض الجهمية ولا ذكره في تفسير الآية منكر

แท้จริง บรรดานักปราชญ์ ที่ได้รับการยอมรับ และวะลียุลลอฮ ที่ได้รับการรับรอง ได้รายงานว่า แท้จริง มุหัมหมัด ศอ็ลฯ พระเจ้าของเขาได้ให้เขานั่งบนบัลลังค์พร้อมกับพระองค์ ,ดังกล่าวนั้น ถูกรายงานจาก มุหัมหมัด บิน ฟุฎัยลฺ จาก ลัยษฺ จากมุญาฮิด ในการอธิบายอายะฮที่ว่า (หวังว่าพระเจ้าของเจ้าจะทรงให้เจ้าได้รับตำแหน่งที่ถูกสรรเสริญ ) และดังกล่าวนั้นถูกระบุไว้ จากบรรดาสายรายงานอื่นอีก ทั้งที่เป็นหะดิษมัรฟัวะ (หะดิษสืบไปถึงนบี) และไม่มัรฟัวะ(สายรายงานไม่สืบไปถึงนบี) อิบนุญะรีร กล่าวว่า ทัศนะนี้ ไม่ได้ค้าน กับสิ่งที่ บรรดาหะดิษ มากมาย ได้กล่าวด้วยมันว่า คำว่า “ตำแหน่งที่ถูกสรรเสริญนั้น คือ การชะฟาอะ ด้วยการเห็นฟ้องของบรรดาอิหม่าม(แห่งอิสลามทั้งหมด และผู้ที่ยอมรับอิสลาม เขาไม่กล่าวว่า การให้นบีนั่ง บนอะรัชนั้น เป็นหะดิษมุงกัร (เป็นหะดิษที่ถูกคัดค้าน) และความจริง ส่วนหนึ่งของ พวกญะฮมียะอ ได้คัดค้านมัน และ มันไม่ได้ถูกกล่าวว่าเป็นหะดิษมุงกัร(หะดิษถูกคัดค้าน) ในการตัฟสีรอายะฮดังกล่าวนั้น – ดู มัจญมัวะฟะตาว่า ๔/๓๗๔
ข้างต้น อิบนุตัยมียะฮ ได้กล่าวถึงทัศนะของ บรรดานักปราชญ์บางส่วน ท่านไม่ได้ยืนยันว่าเป็นทัศนะของท่าน แต่ครูรอซิดีใช้ความอคติโกหกใส่อิบนุตัยมียะฮ
ความจริง อิบนุญะรีร ปราชญ์ตัฟสีรยุคสะลัฟ ก็กล่าวเอาไว้ แต่ตาของครูรอซิดี มีฟ้าหรือต้อกระจกจึงมองไม่เห็น

มาดูอิบนุญะรีร กล่าวว่า

حَدَّثَنَا عَبَّادُ بْنُ يَعْقُوبَ الْأَسَدِيُّ ، قَالَ : ثَنَا ابْنُ فُضَيْلٍ ، عَنْ لَيْثٍ ، عَنْ مُجَاهِدٍ ، فِي قَوْلِهِ ( عَسَى أَنْ يَبْعَثَكَ رَبُّكَ مَقَامًا مَحْمُودًا ) قَالَ : يُجْلِسُهُ مَعَهُ عَلَى عَرْشِهِ

อุบบาด บิน ยะอกูบ อัลอะสะดีย์ ได้เล่าเรา โดย เขากล่าวว่า อิบนุฟุฎัยลฺ ได้เล่าเรา จากลัยษฺ จากมุญาฮิด ในคำตรัสที่ว่า (“หวังว่าพระเจ้าของเจ้าจะทรงให้เจ้าได้รับตำแหน่งที่ถูกสรรเสริญ” ) เขากล่าวว่า “ พระองค์ทรงให้เขา(นบี) นั่งพร้อมกับพระองค์ บน บัลลังค์ของพระองค์
แล้วอิบนุญะรีร เองสรุปตอนหนึ่งว่า

فَإِنَّ مَا قَالَهُ مُجَاهِدٌ مِنْ أَنَّ اللَّهَ يُقْعِدُ مُحَمَّدًا صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَلَى عَرْشِهِ ، قَوْلٌ غَيْرُ مَدْفُوعٍ صِحَّتَهُ ، لَا مِنْ جِهَةِ خَبَرٍ وَلَا نَظَرٍ ، وَذَلِكَ لِأَنَّهُ لَا خَبَرَ عَنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ، وَلَا عَنْ أَحَدٍ مِنْ أَصْحَابِهِ ، وَلَا عَنِ التَّابِعَيْنِ بِإِحَالَةِ ذَلِكَ

สิ่งที่มุญาฮิดได้กล่าวไว้ว่าแท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงเชิญนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมนั่งบนอะรัชของพระองค์นั้น เป็นทัศนะที่ไม่อาจปฏิเสธได้ในความถูกต้องของมัน ไม่ว่าเป็นด้านรายงาน (หลักฐาน) หรือด้านสติปัญญา เพราะไม่มีรายงานจากท่านเราะซูลุลเลาะฮฺ จากเศาะหาบะฮฺท่านใด และจากบรรดาตาบิอีนว่าเป็นไปไม่ได้"(มุฮัมมัดบินญะรี๊ร อัฏเฏาะบะรีย์, ญามิอุลบะยานอั้นตะอ์วีลอัยยัลกุรอาน. .:ดารุลมะอาริฟ, . เล่ม 17 หน้า 529-531)

ท่านอิมามอัลกุรฏุบีย์จึงได้นำเสนอทัศนะต่างๆไปและเมื่อมาถึงทัศนะที่สามท่านก็กล่าวว่า

مَا حَكَاهُ الطَّبَرِيُّ عَنْ فِرْقَةٍ ، مِنْهَا مُجَاهِدٌ ، أَنَّهَا قَالَتْ : الْمَقَامُ الْمَحْمُودُ هُوَ أَنْ يُجْلِسَ اللَّهُ - تَعَالَى - مُحَمَّدًا - صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ - مَعَهُ عَلَى كُرْسِيِّهِ ; وَرَوَتْ فِي ذَلِكَ حَدِيثًا . وَعَضَّدَ الطَّبَرِيُّ جَوَازَ ذَلِكَ بِشَطَطٍ مِنَ الْقَوْلِ ، وَهُوَ لَا يَخْرُجُ إِلَّا عَلَى تَلَطُّفٍ فِي الْمَعْنَى ، وَفِيهِ بُعْدٌ . وَلَا يُنْكَرُ مَعَ ذَلِكَ أَنْ يُرْوَى ، وَالْعِلْمُ يَتَأَوَّلُهُ . وَذَكَرَ النَّقَّاشُ عَنْ أَبِي دَاوُدَ السِّجِسْتَانِيِّ أَنَّهُ قَالَ : مَنْ أَنْكَرَ هَذَا الْحَدِيثَ فَهُوَ عِنْدَنَا مُتَّهَمٌ ، ِ .

ทัศนะ ที่สาม คือทัศนะที่ได้ถูกรายงานจากกลุ่มของนักวิชาการ เช่นท่าน เตาะบะรีย์ โดยที่ในหมู่พวกเขานั้นมีท่านมุญาฮิดเป็นหนึ่งในผู้ถือทัศนะนี้ด้วย โดยที่พวกเขากล่าวว่า ตำแหน่งที่ถูกสรรเสริญ ในโองการนี้นั้นหมายถึงการที่พระองค์อัลเลาะฮฺทรงนำเอาท่านนบีมุฮัมมัดนั่งบนเก้าอี้พร้อมกับพระองค์ พวกเขาต่างรายงานหะดีษต่างๆในเรื่องดังกล่าวมา และท่านเตาะบะรีย์ (ปราชญ์สะลัฟ) ก็ได้สนับสนุนความเป็นไปได้ของทัศนะนี้ด้วยกับคำพูด(สนับสนุน)ที่มากมาย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ท่านเตาะบะรีย์กล่าวไปนั้นไม่สามารถที่จะนำออกมา(เป็น หลักฐานได้)เว้นแต่ด้วยกับว่ามันคือสิ่งที่เป็นทัศนะที่เบาในทางความหมายและ ไร้นำ้หนัก นี่ไม่ใช่เป็นการกล่าวเพื่อแสดงถึงการปฏิเสธต่อการรายงานเรื่องราวดังกล่าว มาแต่อย่างใด เพียงแค่ว่ามันเป็นความรู้ที่มีการตีความเท่านั้น และท่านอบูดาวูดได้กล่าวว่า ผู้ใดปฏิเสธหะดีษในเรื่องนี้ ในทัศนะของเรานั้นเขาถูกตำหนิ" - ญามิอฺอัลอะฮฺกามอัลกุรอาน. เล่ม 10 หน้า 279)
...............................
จึงฝากถามศิษย์ ผ่านไปยังครูคนนี้ว่า ตกลง ท่านมุญฮิด อิบนุญะรีร อิหม่ามกุรฏุบีย์ มีอะกีดะฮ ว่า อัลลอฮนั่งบนอะรัชด้วยหรือไม่ และ มีอะกีดะฮอุตริกรรมหรือไม่ เพราะทั้ง สองท่าน ก็กล่าวเช่นเดียวกับ อิบนุตัยมียะฮ ขอเตือนว่า
ตัวเองไม่อ่านหนังสือ แล้วไปเอาสิ่งที่คนอื่นชงมากล่าวหาอิบนุตัยมียะฮ แล้วตักลิดตาม ทั้งๆที่ อิบนุตัยมียะฮ แค่อธิบาย ทัศนะนักปราชญ์เท่านั้น

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sat Nov 29, 2014 8:53 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เช็ค สุลัยมาน บิน สะฮมาน (ร.ฮ) คัดค้านคำพูดของ อัสสะฟารินีย์ ในหนังสือ ละวามิอุลอันวาร ที่บอกว่า อาชาอิเราะฮ และอัลมาตุรีดียะฮ เป็นกลุ่มที่ปลอดภัย หมายถึง กลุ่มอะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮว่า
هذا مصانعة من المصنف- رحمه الله تعالى- في إدخاله الأشعرية والماتريدية في أهل السنة والجماعة، فكيف يكون من أهل السنة والجماعة من لا يثبت علو الرب سبحانه فوق سماواته، واستواءه على عرشه
นี่คือ การกระทำที่มักง่ายจากผู้เรียบเรียง (ร.ฮ) ในการที่เขาใส่ อัลอัชอะรียะฮ และอัลมาตุรีดียะฮ ให้เข้าอยู่ใน อะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ ,จะเป็นส่วนหนึ่งจากอะฮลุสสุนะฮวัลญะมาอะฮ ได้อย่างไร ผู้ซึ่ง ไม่ยืนยัน การอยู่เบื้องสูงของพระเจ้า (ซ.บ) เหนือบรรดาฟากฟ้าของพระองค์ และการสถิตอยู่ของพระองค์ บน อะรัชของพระองค์ ของพระองค์
ดู ละวามิอุลอันวารอัลบะฮียะฮ 1/73
สรุป สลัยมาน บอกว่า คนที่ ไม่ยืนยัน การอยู่เบื้องสูงของพระเจ้า (ซ.บ) เหนือบรรดาฟากฟ้าของพระองค์ และการสถิตอยู่ของพระองค์ บน อะรัชของพระองค์ ของพระองค์ จะเป็นส่วนหนึ่งจากอะฮลุสสุนะฮวัลญะมาอะฮ ได้อย่างไร

อิบนุตัยมียะฮ กล่าวว่า
فإن كثيراً من متأخري أصحاب الأشعري خرجوا عن قوله إلى قول المعتزلة أو الجهمية أو الفلاسفة
เพราะแท้จริงส่วนมากจากบรรดาสานุศิษย์ของอัชอะรีย์ยุคหลัง พวกเขาได้ออกจากคำพูด(คำสอน)ของอิหม่ามอัลอัชอะรีย์ ไปสู่ทัศนะของมุอตะซิละฮ ,หรือญะฮมียะฮ หรือ นักปรัชญา – ดู ชัรหุอัลอัสฟะฮานียะฮ หน้า 107-108
........
แสดงให้เห็นว่าอาชาอิเราะฮยุคหลัง ไม่ได้ตามมัซฮับอิหม่ามอัชอะรีย์

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sat Dec 06, 2014 8:19 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ประเด็น
คำว่า
تمر كما جاءت
ตามทัศนะสะลัฟคืออะไร

قال أبو منصور الأزهري
(282 - 370 هـ) - بعد ذكر حديث أن جهنم تمتلئ حتى يضع الله فيها قدمه- : (وأخبرني
محمد بن إسحاق السعدي عن العباس الدُّورِي أنه سأل أبا عبيدٍ عن تفسيره وتفسير
غيره من حديث النزول والرؤية فقال: "هذه أحاديث رواها لنا الثقاتُ عن الثقات
حتى رفعوها إلى النبي عليه السلام؛ وما رأينا أحدًا يفسرها، فنحن نؤمن بها على ما
جاءت ولا نفسرها." أراد أنها تترك على ظاهرها كما جاءت.

อบูมันศูร อัลอัซฮะรีย์ (ฮ.ศ 282-370) ได้กล่าวหลังจาก
ระบุหะดิษที่ว่า แท้จริงนรกญะฮันนัม เต็ม จนกระทั่งอัลลอฮได้วางเท้าของพระองค์ ในมัน ว่า: และมุหัมหมัด บิน อิสหาก อัสสะอดีย ได้เล่าเรา จาก อัลอับบาส อัดดูรีย์ ว่า แท้จริงเขาได้ถาม
อบูอุบัยดฺ จากการอรรถาธิบายของเขา และการอรรถาธิบายของผู้อื่นจากเขา เกี่ยวกับ
หะดิษนุซูล(หะดิษการเสด็จลงมาของอัลลอฮ) และ หะดิษเกี่ยวกับการเห็นอัลลอฮ เขากล่าวว่า “ บรรดาหะดิษเหล่านี้ บรรดาผู้เชื่อถือได้ ได้รายงานมันให้แก่เราจากผู้ที่เชื่อถือได้ จนกระทั่ง ยกมันไปถึงนบี ศอลฯ
(หมายถึงเป็นหะดิษมัรฟัวะ) และเราไม่เคยเห็นคนหนึ่งคนใด อรรถาธิบายมัน ,แล้วเราได้ศรัทธามัน บนสิ่งที่มันได้มีมา และเราจะไม่อรรถาธิบายมัน หมายถึง
แท้จริงมันถูกปล่อยให้อยู่บนความหมายที่ปรากฏของมัน ดังเช่นสิ่งที่มันได้มีมา
تهذيب اللغة لأبي
منصور الأزهري (ج9 ص45-46

อบูบักร อิบนุ อบี อาสิมอัชชัยบานีย์ (ฮ.ศ 257) กล่าวว่า
وجميع ما في كتابنا
كتاب السنة الكبير الذي فيه الأبواب من الأخبار التي ذكرنا أنها توجب العلم، فنحن
نؤمن بها لصحتها، وعدالة ناقليها، ويجب التسليم لها على ظاهرها، وترك تكلف الكلام
في كيفيتها
ทั้งหมด ของสิ่งที่อยู่ในตำราของเรา คือ กิตาบอัสสุนนะฮ อัลกะบีร ซึ่งในมันมีบรรดาบท เกี่ยวกับบรรดาหะดิษ ที่เรากล่าวมัน ว่า จะต้องรู้ แล้วเราได้ศรัทธามัน เพราะ ความถูกต้อง(เศาะเฮียะ)ของมันและ ความยุติธรรมของผู้รายงานมัน และจำเป็นจะต้องยอมรับมัน
บนความหมายที่ปรากฏของมัน และละทิ้งการพูดในเรื่องรูปแบบวิธีการของมัน(ว่าเป็นอย่างไร)
- ดู อัลอุลูว์ ของ อิหม่ามอัซซะฮะบีย 194 และ มะอาริญุลกอบูล ของ อะหมัด อัลหะกา เล่ม 1 หน้า 194
- จะเห็นได้ว่า ปราชสะลัฟ เขายอมรับมันบนความหมายที่ปรากฏตามตัวบท แต่พวกเขาจะไม่อธิบายหรือพูดเกี่ยวกับรูปแบบว่าเป็นอย่างไร


อิหม่ามอิบนุญะรีร อัฏฏอ็บรีย์ (ฮ.ศ 310) กล่าว
เกี่ยวกับกลุ่มอะฮลุลบิดอะฮ ที่มีต่อหะดิษนูซูล ว่า
فإن قال لنا منهم
قائلٌ: فما أنت قائلٌ في معنى ذلك؟
قيل له: معنى ذلك ما
دل عليه ظاهر الخبر، وليس عندنا للخبر إلا التسليم والإيمان به، فنقول: يجيء ربنا
–جل جلاله- يوم القيامة والملك صفاً صفاً، ويهبط إلى السماء الدنيا وينزل إليها في
كل ليلةٍ، ولا نقول: معنى ذلك ينزل أمره؛
ถ้าหาก ผู้ที่พูดจากพวกเขา กล่าวแก่เรา ในความหมายดังกล่าวว่าเป็นอย่างไร? ก็จะถูกกล่าวแก่เขาว่า “ความหมายดังกล่าว นั้น คือ
สิ่งที่ความหมายที่ปรากฏของหะดิษได้แสดงบอกบนมัน และ ไม่มีหะดิษใดๆ ณ ที่เรา นอกจากเรายอมรับ และศรัทธาด้วยมัน แล้วเราจะกล่าวว่า พระเจ้า ของเราทรงมา ในวันกิยามะฮ และบรรดามลาอิกะฮเป็นแถวๆ ,ทรงลงมายังฟากฟ้าดุนยา
และทรงเสด็จลงมายังมัน ในทุกๆคืน และเราจะไม่กล่าวว่า ความหมายดังกล่าวนั้นคือ คำสั่งของพระองค์ลงมา – ดู อัตตับศีร ฟี มะอาลิมิดดีน หน้า 146
...........
ข้างต้นจะเห็นได้ว่า อิหม่ามอิบนุญะรีร
ได้ยอมรับความหมายของอายาตสิฟาตและหะดิษสิฟาตตามความหมายที่ปรากฏตามตัวบท

อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ ได้รายงานว่า
أخبرنا أبو محمد بن
علوان ، أخبرنا عبد الرحمن بن إبراهيم ، أخبرنا عبد المغيث بن زهير ، حدثنا أحمد
بن عبيد الله ، حدثنا محمد بن علي العشاري ، أخبرنا أبو الحسن الدارقطني ، أخبرنا
محمد بن مخلد ، أخبرنا العباس الدوري ، سمعت أبا عبيد القاسم بن سلام ، وذكر الباب
الذي يروي فيه الرؤية ، والكرسي موضع القدمين وضحك ربنا ، وأين كان ربنا ، فقال :
هذه أحاديث صحاح ، حملها أصحاب الحديث والفقهاء بعضهم عن بعض ، وهي عندنا حق لا
نشك فيها ، ولكن إذا ، قيل : كيف يضحك ؟ وكيف وضع قدمه ؟ قلنا : لا نفسر هذا ، ولا
سمعنا أحدا يفسره
คำแปลตัวบทดังนี้
อัลอับบาส อัดดูรีย์ ได้บอกเราว่า “ข้าพเจ้าได้ยิน อบูอุบัยดฺ
อัลกอซิม บิน สลาม ได้กล่าวถึง บทที่
อัรรุอยะฮ ,อัลกุรซีย์ ,สถานที่วางสองเท้า,การหัวเราะฮของพระเจ้าของเรา ,และ
พระเจ้าของเราอยู่ใหน เขากล่าวว่า “นี้คือ
บรรดาหะดิษเศาะเฮียะ ,บรรดานักหะดิษและบรรดาฟุเกาะฮา ในระหว่างกันและกัน ได้พามันมา และในทัศนะของเรา มันคือ ความจริง เราไม่สงสัยมัน แต่ว่า เมื่อ ถูกกล่าวว่า “ ทรงหัวเราะอย่างไร
,ทรงวางเท้าอย่างไร ?เราก็จะกล่าวว่า “เราจะไม่อธิบายสิ่งนี้
และเราไม่เคยได้ยินคนหนึ่งคนใดอธิบายมัน – สิยารเอียะลาม อัลนุบาลาอฺ เฏาะบะเกาะฮที่ 12 อบูอุบัยดฺ ,อัสสิฟาตของอัดดารุลกุฏนีย์ หะดิษหมายเลข 12 และ อัลอุลว์ หน้า 173 ของอิหม่ามอัซซะฮะบีย
.........
ข้างต้น แสดงให้เห็นว่า สะลัฟ

ได้ยึดหะดิษสิฟาต ตามความหมายจริง แต่จะไม่อธิบายรูปแบบว่าเป็นอย่างไร

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Dec 15, 2014 11:07 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คำว่าทิศและสถานที่เกี่ยวกับอัลลอฮคืออะไร
มีเว็บไซด์หนึ่งได้อ้างว่า ปราชญ์อะฮลุสสุนนะฮ ทั้งหมดมีมติว่า อัลลอฮ ไม่มีสถานที่
โดยอ้าง
ท่านอิมามอับดุลกอฮิร บิน ฏอฮิร บิน มุหัมมัด อัล-บัฆดาดีย์ เสียชีวิตในปีที่ 429 ฮ.ศ. ท่านได้กล่าวว่า ..
واجمعوا على انه لا يحويه مكان ولا يجرى عليه زمان خلاف قول من زعم من الشهامية والكرامية انه مماس لعرشه وقد قال امير المؤمنين على رضي الله عنه ان الله تعالى خلق العرش اظهارا لقدرته لا مكانا لذاته وقال ايضا قد كان ولا مكان وهو الآن على ما كان
“ปราชญ์อะฮฺลิสสุนะฮฺฯ ทั้งหมดมีมติเห็นตรงกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า แท้จริงอัลลอฮฺ ตะอาลานั้น ไม่ทรงพึ่งพาสถานที่ใดๆ และพระองค์ไร้ซึ่งกาลเวลา(ไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีจุดสูญสลาย) ซึ่งต่างจากคำกล่าวของพวกฮิชามียะฮฺและพวกกะรอมียะฮฺ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺ ตะอาลานั้น ทรงประทับแนบชิดอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ และแท้จริงท่านเคาะลีฟะฮฺ อะลีย์(ร.ด.) ได้กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺ ตะอาลา นั้น ทรงสร้างบัลลังก์(العرش) ขึ้นมา เพื่อให้สรรพสิ่งทั้งหลายได้ประจักษ์ถึงอนุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งพระองค์มิได้สร้างมันขึ้นมาเพื่อเป็นสถานที่ให้กับพระองค์ และท่านอะลีย์(ร.ด.) ยังได้กล่าวอีกว่า แท้จริงอัลลอฮฺ ตะอาลานั้น ทรงมีมาแต่เดิมแล้ว โดยปราศจากการมีสถานที่พักพิง และ ณ.ตอนนี้พระองค์ก็ยังคงมีอยู่อย่างนั้น เสมือนกับที่พระองค์เคยมีมาแต่เดิม”
ดู ตำรา الفرق بين الفرق ประพันธ์โดย ท่านอิมามอับดุลกอฮิร บิน ฏอฮิร บิน มุหัมมัด อัล-บัฆดาดีย์ หน้าที่ 292
…………….
ชี้แจง
ก่อนอื่นขอชี้แจงว่า ผู้เขียนตำราเล่มนี้คือ ท่านอิมามอับดุลกอฮิร บิน ฏอฮิร บิน มุหัมมัด อัล-บัฆดาดีย์ ( ฮ.ศ429) มีชื่อภาษาอาหรับว่า
أبو منصور عبد القاهر البغدادي الأشعري
ท่านผู้นี้ เป็นอย่างไร มีแนวคิดในเรื่องอะกีดะฮแบบใด ผมจะไม่ขอวิจารณ์ แต่สามารถศึกษาประวัติท่านผู้นี้ได้ ที่ผมชี้แจงประเด็นนี้ เพราะ
อาชาอิเราะฮบางกลุ่มพยายามเอาคำพูดท่านอับดุลกอฮีร มาปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ และมาตัดสินว่า คนที่เขาเรียกว่าวะฮบีย์ เชื่อว่า อัลลอฮอยู่บนอะรัช เป็นการให้สถานที่แก่อัลลอฮ เป็นอะกีดะฮที่ลุ่มหลง
ความจริง คนที่เอามาอ้างยังไม่เข้าใจคำว่า “อยู่บน อะรัช และ อยู่บนฟ้า ตามที่อัลกุรอ่านและหะดิษ เลย มาดูคำอธิบายต่อไปนี้
ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) อธิบายว่า
فمن قال: الباري في جهة وأراد بالجهة أمرا موجودا فكل ما سواه مخلوق له في جهة بهذا التفسير فهو مخطئ، وإن أراد بالجهة أمرا عدميا وهو ما فوق العالم، وقال: إن الله فوق العالم فقد أصاب، وليس فوق العالم موجود غيره فلا يكون سبحانه في شيء من الموجودات''
และผู้ใด กล่าวว่า พระเจ้าผู้ทรงสร้าง อยู่ในทิศ และ ด้วยคำว่า "ทิศ" เขาหมายถึง สิ่งที่มีอยู่ และทุกสิ่งนอกเหนือจากอัลลอฮ คือ มัคลูคของพระองค์ ที่อยู่ในทิศ ด้วยการอธิบายนี้ มันคือ สิ่งที่ผิดพลาด
และถ้าคำว่า “ทิศ” เขาหมายถึง สิ่งที่ไม่มี และมัน คือสิ่งที่อยู่เหนือ อาลัม และเขากล่าวว่า “แท้จริง อัลลอฮ อยู่เหนือ อาลัม (หนือสากลจักรวาลทั้งหมด) แน่นอน เขาถูกต้อง และ เหนืออาลัมนั้น ไม่มีสิ่งใดที่มีอยู่ อื่นจากอัลลอฮ และอัลลอฮ ซ.บ. ไม่ได้อยู่ในสิ่งใดจากบรรดาสิ่งที่มีอยู่ – ดู มินฮาจญอัสสุนนะฮ เล่ม 1 หน้า 250
จากคำอธิบายของอิบนุตัยมียะฮ หมายถึง อัลลอฮอยูทิศเบื่องสูง ไม่ใช่ทิศที่เป็นมัคลูค และอัลลอฮไม่ได้อยู่ในสิ่งใดที่มีอยู่ ไม่ได้อยู่ในอาลัม แต่อยู่เหนืออาลัม
ในมัจญมัวะอัลฟะตาวา ท่านอิบนุตัยมียะฮอธิบายตอนหนึ่งว่า
وَمَعْلُومٌ أَنَّهُ لَيْسَ فِي النَّصِّ إثْبَاتُ لَفْظِ الْجِهَةِ وَلَا نَفْيُهُ كَمَا فِيهِ إثْبَاتُ الْعُلُوِّ وَالِاسْتِوَاءِ وَالْفَوْقِيَّةِ وَالْعُرُوجِ إلَيْهِ وَنَحْوُ ذَلِكَ وَقَدْ عُلِمَ أَنَّ مَا ثَمَّ مَوْجُودٌ إلَّا الْخَالِقَ وَالْمَخْلُوقَ وَالْخَالِقُ مُبَايِنٌ لِلْمَخْلُوقِ - سُبْحَانَهُ وَتَعَالَى - لَيْسَ فِي مَخْلُوقَاتِهِ شَيْءٌ مِنْ ذَاتِهِ ; وَلَا فِي ذَاتِهِ شَيْءٌ مِنْ مَخْلُوقَاتِهِ . فَيُقَالُ لِمَنْ نَفَى الْجِهَةَ : أَتُرِيدُ بِالْجِهَةِ أَنَّهَا شَيْءٌ مَوْجُودٌ مَخْلُوقٌ ؟ فَاَللَّهُ لَيْسَ دَاخِلًا فِي الْمَخْلُوقَاتِ أَمْ تُرِيدُ بِالْجِهَةِ مَا وَرَاءَ الْعَالَمِ ؟ فَلَا رَيْبَ أَنَّ اللَّهَ فَوْقَ الْعَالَمِ مُبَايِنٌ لِلْمَخْلُوقَاتِ
และเป็นที่รู้กันว่า ไม่มีในตัวบท(หลักฐาน) ที่ยืนยัน คำว่า “ทิศ” และไม่มีในตัวบทที่ปฏิเสธคำว่า “ทิศ” ดังเช่น สิ่งที่มีในตัวบท (หลักฐาน) ยืนยัน การอยู่เบื้องสูง ,การสถิตอยู่ ,การอยู่เบื้องบน , การขึ้นไปยังพระองค์ และในทำนองนั้น และแน่นอน ก็จะถูกรู้ว่า ณ ที่นั้น ไม่มีสิ่งที่มีอยู่ นอกจาก ผู้สร้างและผู้ที่ถูกสร้าง และ พระเจ้าผู้สร้างนั้น แยกจากผู้ถูกสร้าง ,มหาบริสุทธิ์ พระองค์ผู้ทรงสูงส่ง ไม่มีสิ่งใดจากซาตของพระองค์ อยู่ในบรรดา มัคลูคของพระองค์ และไม่มีสิ่งใดจากบรรดามัคลูคของพระองค์ อยู่ในซาต(ตัวตน)ของพระองค์
ดังนั้น จะถูกกล่าวแก่ ผู้ที่ปฏิเสธคำว่า “ทิศ” ว่า คำว่าทิศ ท่านหมายถึง สิ่งที่มีอยู่ ที่ถูกสร้าง ใช่ไหม ? ดังนั้นอัลลอฮนั้น ไม่ได้อยู่ในบรรดามัคลูค หรือ ด้วยคำว่าทิศ ท่านหมายถึง สิ่งที่นอกเหนืออาลัม ใช่ไหม? ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อัลลอฮ ทรงอยู่เหนืออาลัม แยกจากบรรดามัคลูค – มัจญมัวะฟาตาวา เล่ม 3 หน้า 41
อิบนุอุษัยมีนอิบนุอะษัยมีน กล่าวว่า
" فالجهة إثباتها لله فيه تفصيل، أما إطلاق لفظها نفيا وإثباتا فلا نقول به ؛ لأنه لم يرد أن الله في جهة، ولا أنه ليس في جهة، ولكن نفصل ، فنقول : إن الله في جهة العلو؛ لأن الرسول صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قال للجارية: (أين الله؟) وأين يستفهم بها عن المكان؛ فقالت: في السماء
แล้วคำว่าทิศ ที่รับรองมันแก่อัลลอฮนั้น มีรายละเอียดในมัน ,สำหรับการกล่าวมันอย่างกว้างๆ ในเชิงปฏิเสธ และ การรับรองนั้น เราจะไม่กล่าวด้วยมัน เพราะแท้จริง มันไม่มีรายงานว่า อัลลอฮอยู่ในทิศใดๆ และไม่มีรายงานว่า พระองค์ไม่ได้อยู่ในทิศใดๆ แต่เราะจะแจกแจกรายละเอียด โดยเรากล่าวว่า “ แท้จริงอัลลอฮอยู่ในทิศเบื้องสูง เพราะแท้จริงรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ กล่าวแก่ทาสหญิงคนนั้นว่า (อัลลอฮอยู่ใหน? )คำว่า “อยู่ใหน “ นั้น มันถูกขอทราบด้วยมันเกี่ยวกับสถานที่ แล้วนางกล่าวตอบว่า “อยู่บนฟ้า” – อัลเกาลุลมุฟีด อะลากิตาบิตเตาฮีด เล่ม 2 หน้า 543
ท่านอับดุลเกาะดีร อัลญัยลานีย์ นักวิชาการตะเศาวูฟ กล่าวว่า
وهو بجهة العلو مستو على العرش، محتو على الملك، محيط علمه بالأشياء، {إليه يصعد الكلم الطيب والعمل الصالح يرفعه})
และพระองค์อยู่ทิศเบื้องสูง ทรงเป็นผู้สถิตเหนือบัลลังค์ ทรงเป็นผู้มีอำนาจเหนือการปกครอง ความรู้ของพระองค์ ครอบคลุมบรรดาสรรพสิ่ง (บรรดาถ้อยคำ ที่ดีจะ (ถูกพา) ขึ้นสู่พระองค์ และการงานที่ดีก็จะ (ถูก) ยกขึ้น เช่นกัน” (ฟาฏิร/10) –
ดู الغنية لطالبي طريق الحق لعبد القادر الجيلاني (ج1 ص121 و123
>>>>>>>>>>>>>
จากรายละเอียดข้างต้น แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า “วะฮบีย” ไม่ได้เชื่อว่า อัลลอฮ อยู่ในมัคลูค อาศัยสถานที่ที่เป็นมัคลูค และนั่งอยู่บนมัคลูค แต่ทรงอยู่เบื้องสูงเหนือมัคลูค แยกเป็นอิสระจากมัคลูค ดังหลักฐานมากมายจากอัลกุรอ่าน,อัสสุนนะฮและทัศนะปราชญ์สะลัฟ
والله اعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย asan เมื่อ Mon Oct 31, 2016 9:18 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Dec 17, 2014 12:39 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Fauzi Nonngam Fauzi
1 ชม.
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
เรียนท่านอาจารย์ ขอความกรุณาช่วยอธิบายฮะดิษนี้หน่อยครับ พวกห้องโน้นเขาข้องใจกัน และผมจะได้เข้าใจตรงกันครับ ฮะดิษมีดังนี้ครับ الحديث رواه مسلم عن أبي هريرة رضي الله عنه قال : قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : إن الله تعالى يقول يوم القيامة : يا ابن آدم مرضت فلم تعدني ، قال : يا رب كيف أعودك وأنت رب العالمين ؟ قال : أما علمت أن عبدي فلانا مرض فلم تعده ؟ أما علمت أنك لو عدته لوجدتني عنده ؟ يا ابن آدم استطعمتك فلم تطعمني ، قال : رب وكيف أطعمك وأنت رب العالمين ؟ قال : أما علمت أنه استطعمك عبدي فلان فلم تطعمه ؟ أما على أنك لو أطعمته لوجدت ذلك عندي ؟ يا ابن آدم استسقيتك فلم تسقني ، قال : يا رب كيف أسقيك وأنت رب العالمين ؟ قال : استسقاك عبدي فلان فلم تسقه ، أما إنك لو سقيته وجدت ذلك عندي ؟ .
ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ


ข้างต้น นักตีความมักจะเอามาเป็นข้ออ้างว่า เชื่อตามตัวบทไม่ได้ต้องตีความ โดยไม่ยอมทำความเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของเนื้อหา ว่า ทำไม่อัลลอฮจึงใช้สำนวนนี้
ในข้อความหะดิษที่ว่า
إِنَّ اللَّهَ عَزَّ وَجَلَّ يَقُولُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ يَا ابْنَ آدَمَ مَرِضْتُ فَلَمْ تَعُدْنِي قَالَ يَا رَبِّ كَيْفَ أَعُودُكَ وَأَنْتَ رَبُّ الْعَالَمِينَ قَالَ أَمَا عَلِمْتَ أَنَّ عَبْدِي فُلَانًا مَرِضَ فَلَمْ تَعُدْهُ أَمَا عَلِمْتَ أَنَّكَ لَوْ عُدْتَهُ لَوَجَدْتَنِي عِنْدَهُ
แท้จริง อัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิ่ง กล่าวในวันกิยามะฮ ว่า “โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย ข้าป่วย ทำไม่เจ้าไม่เยี่ยมข้า ,เขา(ลูกหลานอาดัม)กล่าวว่า โอ้ พระผู้อภิบาลของข้า “ข้าพระองค์จะเยี่ยมพระองค์ท่านอย่างไร โดยที่พระองค์ท่านคือ พระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล ,พระองค์ตรัสว่า เจ้ารู้ใช่ไหมว่าบ่าวของข้าคนนั้นป่วย แล้วเจ้าไม่เยี่ยมเขา เจ้ารู้ใช่ไหมว่า แท้จริงหากเจ้าเยี่ยมเขา เจ้าก็จะพบข้า ณ ที่เขาผู้นั้น......

ขอชี้แจงว่า การป่วย เป็นคุณลักษณะที่บกพร่อง ซึ่งอัลลอฮ ซ.บ ทรงบริสุทธิ์จากความบกพร่องทั้งหลาย
ความหมายหะดิษนี้ คือ ใครเยี่ยมผู้ป่วยเพื่ออัลลอฮ
เช็คอาลี บิลสุลฏอน มุหัมหมัด อัลกอรีย กล่าวว่า
أَرَادَ بِهِ مَرِضَ عَبْدُهُ ، وَإِنَّمَا أَضَافَ إِلَى نَفْسِهِ تَشْرِيفًا لِذَلِكَ الْعَبْدِ ، فَنَزَّلَهُ مَنْزِلَةَ ذَاتِهِ ، وَالْحَاصِلُ أَنَّ مَنْ عَادَ مَرِيضًا لِلَّهِ فَكَأَنَّهُ زَارَ اللَّهَ

หมายถึง บ่าวของพระองค์ป่วย และความจริง พระองค์ ได้สนธิ(คำว่าป่วย)แก่พระองค์เอง เป็นการให้เกียรติแก่บ่าวดังกล่าวนั้น แล้วทรงให้เขาอยู่ในตำแหน่งซาตของพระองค์ และสรุปว่า แท้จริงผู้ใดเยี่ยมผู้ป่วยเพื่ออัลลอฮ ก็เปรียบเสมือนเขาได้เยี่ยมอัลลอฮ
قَالَ الطِّيبـِيُّ : وَفِي الْعِبَارَةِ إِشَارَةٌ إِلَى أَنَّ الْعِيَادَةَ أَكْثَرُ ثَوَابًا مِنَ الْإِطْعَامِ وَالْإِسْقَاءِ الْآتِيَيْنِ ، حَيْثُ خَصَّ الْأَوَّلَ بِقَوْلِهِ : وَجَدْتَنِي عِنْدَهُ ؟ فَإِنَّ فِيهِ إِيمَاءً إِلَى أَنَّ اللَّهَ تَعَالَى أَقْرَبُ إِلَى الْمُنْكَسِرِ الْمِسْكِينِ
อัฏฏีบีย์ กล่าวว่า ในใจความของหะดิษ ชี้ให้เห็นว่า การเยี่ยมผู้ป่วยนั้น มีผลบุญมากกว่า การให้อาหารและเครื่องดื่ม ผู้ที่เป็นสองประการทีอยู่ถัดมา โดยทรงเจาะจง ประการแรก ด้วยการตรัสของพระองค์ที่ว่า “ เจ้าจะพบข้า อยู ณ ที่เขาผู้นั้น ? เพราะแท้จริง ในข้อความนี้ เป็นการบ่งชี้ว่า แท้จริงอัลลอฮตะอาลา ใกล้ชิดคนทุกข์ทรมานที่ขัดสน – ดู มิรกอตุอัล มะฟาตีห ชัรหอัลมิชกาตอัลมะศอเบียะ เล่ม ๓ หน้า ๑๑๒๓ หะดิษหมาย เลข ๑๕๒๘
บางครั้ง สิ่งที่เกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ แต่ทรงใช้ตัวของพระองค์เข้าไปแทน เพื่อแสดงความสำคัญเรื่องนั้น เช่น


مَّن ذَا الَّذِي يُقْرِضُ اللَّهَ قَرْضًا حَسَنًا فَيُضَاعِفَهُ لَهُ وَلَهُ أَجْرٌ كَرِيمٌ ( 11 )
ใครคือผู้ที่จะให้อัลลอฮฺยืม (บริจาคในทางของอัลลอฮฺ) ด้วยการยืมที่ดี แล้วพระองค์ก็จะทรงเพิ่มพูนผลบุญแก่เขา และเขาจะได้รับรางวัลอันมีเกียรติ (สวนสวรรค์)
คำว่า “ให้อัลลอฮยืม หมายถึง บริจาคในวิถีทางของอัลลอฮ ก็เหมือนกับคำว่า “เยียมอัลลอฮป่วย หมายถึงเยี่ยมผู้ป่วย เพื่ออัลลอฮ

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย asan เมื่อ Mon Oct 31, 2016 9:16 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ถัดไป
หน้า 7 จากทั้งหมด 9

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.33 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ