อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[city]

สหกรณืของอิสลามแห่งหนึ่งในกระบี่ บอกไม่เอาดอกเบี้ย แต่เอากำไรแต่ขูดรีดพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก จากคนที่ไปกู้เงินมา เพื่อทำธุรกิจ เพื่อสร้างบ้าน ซื้อรถ ตกประมาณ ร้อยละ 10 ซึ่งต่างกับธนาคาร กรุงไทย ไทยพานิช อื่น เอาเพียง ร้อยละ 2 กว่า บอกไม่ดอกเบี๊ยแต่เอารัดเอาเปรียบกันอย่างนี้ อะไรคือความแต่ต่างระหว่างดอกเบี๋ยกับกำไร ในเมื่อมันก็เหมือนกัน สหกรณ์บอกไม่เอาดอกเบี๊ยเอาแต่กำไร แต่กำไรตรงนี้ธนาคารเรียกว่าดอกเบี๊ย ซึ่งหลักการการไม่เอาดอกเบี๊ยเอามาเท่าไรต้องจ่ายกลับเท่านั้น แต่นี้เอาร้อยละ10 ถ้ากู้เงินเป็นล้าน ต้องจ่ายเยอะมาก ในลักษณะแบบนี้หากเราไปกู้ธนาคารได้หรือเปล่า ถึงแม้มีดอกเบี็ยแต่มันก็ถูกกว่าสหกรณ์ ที่ จะขูดรีดประชาชน

ธนาคารทั่วไป เรียกกำไรว่า ดอกเบี๊ย กู้เงินมาห้าหมื่น แต่จ่ายกลับ 52000 -53000 บาท
แต่สหกรณ์ของอิสลาม เรียกดอกเบี๊ยะ ว่ากำไร กู้มาห้าหมื่น แต่จ่ายกลับ 53000 -55000 บาท ทำไม่ต้องจ่ายเยอะขนาดนี้ใหนว่าอิสลามไม่เอาดอกเบี๊ย แต่เอากำไรแบบนี้มันถูกต้องหรือเปล่าครับ


หากเราหลีกเลี่ยงไปกู้ธนาคารกรุงไทย ไทยพานิย์ หรือธนาคารอื่นๆได้หรือเปล่า ในเมื่อเป็นลักษณะแบบนี้ หากรู้ว่าเอารัดเอาเปรียบกันเกินไป ช่วยตอบด้วยครับ วัสลาม

[abdooh]

ชื่อที่ใช้อาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป ให้ดูที่วิธีการครับ
วิธีการของธนาคารทั่วไป คือการให้กู้แบบมีดอกเบี้ย ตรงนี้ถือว่าเป็นดอกเบี้ยชัดเจน
วิธีการของสหกรณ์หรือธนาคารอิสลาม(เท่าที่ทราบนะครับ) คือการค้าขาย หรือการร่วมลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งอนุญาต
สำหรับเรื่องการเอากำไรเกินควรหรือไม่นั้นผมไม่ทราบจริงๆ แต่เท่าที่ทราบคือ ที่สุดแล้ว จะแพงกว่าธนาคารพานิชย์ทั่วไป
มุสลิมต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับดอกเบี้ย เพราะมันเป็นบาปใหญ่มากครับ

[asan]

[abdooh]

ก่อนอื่นผมไม่อาจรู้รายละเอียดลึกๆของการทำงานของธนาคารอิสลาม ผมเพียงวิเคราะห์ที่ลักษณะการทำข้อตกลง หากข้อตกลงเป็นลักษณะการให้กู้แบบมีดอกเบี้ย นั่นคือดอกเบี้ยชัดเจน แต่หากข้อตกลงเป็นลักษณะการร่วมทุนหรือการค้าขาย(ตามที่ธนาคารอิสลามระบุเช่นนั้น) ก็ไม่ถือว่าเป็นดอกเบี้ยต้องห้าม
....... แต่ถึงกระนั้น นักวิชาการหลายท่านก็ยังคลางแคลงใจเกี่ยวกับการทำงานของธนาคารอิสลามอยู่ดี เพราะธนาคารอิสลามในยุคนี้ไม่เหมือนกับยุคแรกๆของธนาคารอิสลามที่ระมัดระวังเรื่องดอกเบี้ยมาก ผมคงสรุปได้แค่นี้ครับ

[asan]

[abdooh]

การเรียกกำไรเป็นร้อยละ หรือการกำหนดกำไรแก่ผู้ลงทุนแบบตายตัว เช่น ลงทุนหนึ่งร้อย ได้กำไรสามบาทต่อปี การกำหนดแบบนี้ นักวิชาการนิติศาสตร์ระบุว่า เป็นสิ่งต้องห้าม เพราะมันเป็นดอกเบี้ย(คือมีเงื่อนไขในการร่วมลงทุนในหมู่นักวิชาการมัซฮับต่างๆว่า ห้ามระบุกำไรแบบจำนวนตายตัว แต่ให้ระบุเป็นสัดส่วนระหว่างผู้ร่วมทุน) และที่ทำกันแบบนี้ตามธนาคารอิสลาม ก็จะอ้างกันว่า ท่านนบีซ.ล.ไม่เคยระบุเงื่อนไขดังกล่าว จึงไม่ถือว่า การระบุกำไรเป็นจำนวนตายตัวเป็นสิ่งผิด
....... ตัวอย่่างเช่น นาย ก. เป็นฝ่ายทำงาน แต่ขาดเงินทุน จึงประกาศระดมทุน โดยกล่าวว่า ใครที่ร่วมทุนจะได้กำไรร้อยละห้าต่อปี เป็นต้น แบบนี้นักวิชาการมัซฮับต่างๆระบุว่า เป็นดอกเบี้ย(เป็นการเลี่ยงวลีดอกเบี้ย) แต่นักวิชาการปัจจุบันบางท่านว่า ไม่เป็น เพราะเหตุผลข้างต้น
....... จากตัวอย่างข้างต้น หากจะให้ถูกต้องตามมุมมองของนักวิชาการมัซฮับต่างๆ คือ ใครที่ร่วมลงทุนจะได้กำไรเป็นจำนวน ห้าสิบเปอร์เซ็น หรือมากกว่าหรือน้อยกว่านั้น จากผลกำไรสุทธิทั้งหมด ไม่ว่าจะกำไรมากน้อยเพียงใด และหากขาดทุน ก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ ลักษณะอย่างนี้ คือวิธีที่ดีที่สุด
.................... สำหรับกรณีที่ธนาคารเป็นฝ่ายให้เงินซื้อบ้าน รถ หรืออื่นๆ จะเป็นลักษณะเหมือนกับข้อตกลงซื้อขายแบบผ่อนชำระ ซึ่ง การซื้อผ่อนเป็นสิ่งที่นักวิชาการขัดแย้งกัน ที่นิยมกันในปัจจุบันเชื่อว่า เป็นสิ่งอนุญาตหากไม่เกินจากราคาเงินสดมากเกินควร ซึ่ง การซื้อขายแบบผ่อนนั้น ถือว่าเป็นการเปิดช่องให้กินดอกเบี้ยในรูปการค้าขายได้ง่าย จึงต้องระมัดระวังให้เป็นพิเศษ ต้องเป็นการค้าขายจริง ไม่ใช่เป็นการแอบแฝงเรื่องดอกเบี้ย

[abdooh]

แต่อย่างไรก็ตาม รูปแบบการทำงานของธนาคารอิสลามย่อมดีกว่าธนาคารอื่นๆครับ

[asan]

[abdooh]

ในมุมผม ผมยังเชื่อว่า ยังไงมุสลิมก็ต้องทำธุรกรรมด้านการเงิน กับธนาคารอิสลาม หากผู้นั้นคิดจะพึ่งระบบธนาคาร เพราะธนาคารอื่นๆ ผิดชัดเจนครับ
..... แม้จะแพงกว่า ยุ่งยากกว่า ก็ต้องยอมครับ เพราะหากไปทำธุรกรรมกับธนาคารอื่่นๆ มันผิดร้ายแรงชัดเจนครับ
..........

[fat]

ดอกเบี้ย เกิดจาก ตัวเงินที่ทางสถาบันการเงินต่างๆปล่อยกู้ไป โดยให้กู้เป็นเงินสด
กำไร เกิดจาก ตัวสินค้า ซึ่งสถาบันการเงินอิสลาม หลายๆแห่งได้ดำเนินการอยู่ในตอนนี้ ซึ่งในการปล่อยสินเชื่อนั้น ทางสถาบันการเงินอิสลามจะไม่ให้เป็นเงินสด แต่จะซื้อเป็นสินค้าให้ (ลักษณะของการซื้อมา ขายไป โดยบวกกำไร) ซึ่งในการบวกกไรนี้ จะไม่มีส่วนเพิ่มเหมือนกับดอกเบี้ย คือ เมื่อผ่อนผิดเวลาก็จะมีส่วนเพิ่มขึ้นมา
ตัวอย่างการซื้อแบบผ่อนชำระแบบอิสลาม
ซื้อรถยนต์ ราคา 300000 บาท
ดาวส์ 100000 บาท
เหลือ 200000 บาท
กำไร 8.5 ต่อ ปี เท่ากับ 17000 บาท
ทำสัญญา 5 ปี กำไรเท่ากับ 85000 บาท
รวมยอดผ่อนชำระ (หักดาวส์) 285000 บาท
ผ่อนต่อเดือน 4750 บาท

ในระบบอิสลามเมื่อทำอากัดสัญญากันเท่านี้ก็ไม่สามารถที่จะเพิ่มหรือลดไปจากจำนวนที่ทำสัญญากันได้

วัลลอฮุอะอฺลัม...

[asan]

[abdooh]

จากที่คุณอะสันนำข้อมูลตามลิงก์นั้นมา ผมอ่านดูแล้ว เป็นการเข้าข่ายให้กู้แบบมีดอกเบี้ยชัดเจน เพราะไม่ใช่การค้าขาย ไม่ใช่การร่วมลงทุน
....... ก็ขอเตือนผู้อ่านทุกท่านว่า ลักษณะเช่นนี้ เป็นสิ่งต้องห้าม
....... รู้สึกไม่ดีเลย ที่รับรู้ว่า ธนาคารอิสลามมีธุรกรรมการเงินแบบนี้ด้วย ไม่น่าจะเกิดขึ้นในธนาคารที่ใช้ชื่อนี้ได้เลย

[asan]

[fat]

การเก็บค่าปรับ นั้น หากเป็นเงินส่วนเพิ่มอย่างที่ธนาคารทั่วไปเรียกเก็บเมื่อลูกผิดนัดการผ่อนชำระนั้น คือ ดอกเบี้ย และจะมีค่าปรับในส่วนอื่นอีก เช่น ค่าหนังสือเร่งรัดหนี้สิน หรือค่าน้ำมันรถ ในส่วนนี้ไม่เป็นดอกเบี้ยถ้าหากสถาบันการเงินต่างๆเก็บตามที่ใช้จ่ายจริง เนื่องจากค่าใช่จ่ายเหล่านี้จะต้องเรียกเก็บจากลูกค้า

เนื่องจากผมทำงานในสหกรณ์แห่งหนึ่งซึ่งให้บริการทางการเงินปลอดดอกเบี้ย ขอยกตัวอย่างดังนี้

สมมติ นาย ก ผ่อนชำระกับสหกรณ์ เดือนละ 5000 บาท
ผ่อนไประยะหนึ่ง นาย ก ผิดนัดชำระหนี้ 2 งวด ทางสหกรณ์จะออกหนังสือติดตาม 1 ฉบับ คิดเป็นเงิน 50 บาท และค่าน้ำมันรถ + ค่าเสียเวลา 50 บาท สรุป จะเรียกเก็บจากสมาชิก 100 บาท ต่อการออกหนังสือ 1 ฉบับ (อันนี้เป็นไปตามระเบียบ) แต่การปฏิบัติจริง จะอนุโลม รอให้สมาชิกเข้ามาผ่อนชำระเองโดยไม่ออกหนังสือและจะไม่มีค่าปรับ นอกจากผู้ที่ผิดนัดชำระเข้าขั้นหนักจริงๆเท่านั้น

หากสมาชิกขาดผ่อนชำระเป็นเวลา 3 งวดติดต่อกัน ทางสหกรณ์จะออกติดตามถึงบ้านของสมาชิก และหากยังไม่ผ่อนชำระอีกก็จะยึดสินค้าก่อน จนกว่าสมาชิกจะผ่อนชำระในส่วนที่ค้างให้หมดก่อน ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้น เช่น ค่าน้ำมันรถ จะเรียกเก็บจากสมาชิก ตามความเป็นจริง

สามารถค้าหาได้จาก สหกรณ์ที่ดำเนินการในระบบอิสลามซึ่งมีมากในปัจจุบัน เช่น สหกรณ์อิบนูเอาฟ จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์อัศศิดดีก จำกัด หรือ สหกรณ์ออมทรัพย์อิบนูอัฟฟาน เป็นต้น แต่สถาบันการเงินเหล่านี้จะให้บริการแบบปลอดดอกเบี้ย 100% หรือไม่นั้น ก็ลอกศึกษารายละเอียดกันดู แต่จุดประสงค์ในการก่อตั้งสถาบันการเงินต่างๆเหล่านี้ มีจุดประสงค์เดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงระบบดอกเบี้ยให้มากที่สุด

ในกรณีของธนาคารอิสลามนั้น ตัวผมเองก็ยัง เข้าใจว่ายังปะปนกับระบบดอกเบี้ยอยู่

วัลลอฮุอะอฺลัม

[asan]