asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Mon Feb 13, 2012 12:01 pm ชื่อกระทู้: การร่วมฉลองงานรื่นเริงของกาเฟรในทัศนะอิสลามอิสลาม |
|
|
การร่วมฉลองงานรื่นเริงของกาเฟรในทัศนะอิสลามอิสลาม
อิสลาม เป็นศาสนาของอัลลอฮ ทุกอย่างที่เป็นคำสอนศาสนา ไม่ว่าจะเป็น ความเชื่อ , พิธีกรรมทางศาสนา และรูปแบบในการดำเนินชีวิต ของมุสลิม สิ่งเหล่านี้จะต้องมาจากโองการของอัลลอฮ และ แบบอย่าง ของศาสนทูตของพระองค์ คำสอนใดๆก็ตามที่ไม่ได้มาจากคำสอนเจ้าของศาสนา คือ อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่บอกผ่านศาสนาทูต ของพระองค์ คำสอนนั้น จะไม่ได้รับการรับรองจากพระองค์ และสิ่งนั้น ถือเป็นคำสอนนอกอิสลาม ดังโองการที่ว่า
وَمَنْ يَبْتَغِ غَيْرَ الإسلام دِيناً فَلَنْ يُقْبَلَ مِنْهُ وَهُوَ فِي الْآخِرَةِ مِنَ الْخَاسِرِينَ
และผู้ใดแสวงหาศาสนาหนึ่งศาสนาใดอื่นไปจากศาสนาอิสลามแล้ว ศาสนานั้นจะไม่ถูกรับจากพระองค์เป็นอันขาด และในปรโลก เขาจะอยู่ในหมู่ผู้ที่ขาดทุน (อาลิอิมรอน : 85)
อิบนุอบีลอิซ อัดดัมชะกีย์ กล่าวว่า
فَدِينُ الْإِسْلَامِ هُوَ مَا شَرَعَهُ اللَّهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَالَى لِعِبَادِهِ عَلَى أَلْسِنَةِ رُسُلِهِ ، وَأُصُولُ هَذَا الدِّينِ وَفُرُوعُهُ مَوْرُوثَةٌ عَنِ الرُّسُلِ ،
ดังนั้น ศาสนาอิสลาม คือ สิ่งที่อัลลอฮซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้บัญญัติมันให้แก่บรรดาบ่าวของพระองค์ โดยผ่านคำพูดของบรรดารอซูลของพระองค์ และ รากฐาน(หลักการศรัทธา)ของศาสนานี้ และ บรรดาสาขา(หมายถึง หลักการปฏิบัติ)ของมัน คือ สิ่งที่เป็นมรดกจากบรรดารอซูล - ชัรหุอะกีดะฮ อัฏเฏาะหาวียะฮ เล่ม 2 หน้า 784
บรรดานักวิชาการมุสลิม ต่างเห็นฟ้องต้องกันว่า การร่วมกิจกรรมวันตรุษของกาเฟรนั้น เป็นสิ่งต้องห้าม ดังหลักฐานต่อไปนี้
1. อัลกุรอ่านได้ระบุไว้ว่า
وَالَّذِينَ لَا يَشْهَدُونَ الزُّورَ وَإِذَا مَرُّوا بِاللَّغْوِ مَرُّوا كِرَامًا
และบรรดาผู้ไม่เป็นพยานในการเท็จ และเมื่อพวกเขาผ่านเรื่องไร้สาระ พวกเขาผ่านไปอย่างมีเกียรติ - อัลฟุรกอน/72
وَقَالَ أَبُو الْعَالِيَةِ ، وَطَاوُسُ ، وَمُحَمَّدُ بْنُ سِيرِينَ ، وَالضَّحَّاكُ ، وَالرَّبِيعُ بْنُ أَنَسٍ ، وَغَيْرُهُمْ : هِيَ أَعْيَادُ الْمُشْرِكِينَ
อบูลอาลียะฮ, ฏอวูส ,มุฮัมหมัด บิน สิรีน ,อัฎเฎาะหาก , รอเบียะอิบนุอะนัส และ อื่นจากพวกเขา กล่าวว่า มัน คือ บรรดางานรื่นเริงของบรรดาผู้ตั้งภาคีทั้งหลาย - ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร เล่ม 6 หน้า 130
2. เพราะเทศการรื่นเริง และประเพณีต่างของบรรดาผู้ตั้งภาคี เป็น สัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายทางศาสนาของพวกเขา
จากอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮาได้กล่าวว่า
دَخَلَ أَبُو بَكْرٍ وَعِنْدِي جَارِيَتَانِ مِنْ جَوَارِي الأَنْصَارِ تُغَنِّيَانِ بِمَا تَقَاوَلَتْ الأَنْصَارُ يَوْمَ بُعَاثَ ، قَالَتْ : وَلَيْسَتَا بِمُغَنِّيَتَيْنِ ، فَقَالَ أَبُو : بَكْرٍ أَمَزَامِيرُ الشَّيْطَانِ فِي بَيْتِ رَسُولِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ! وَذَلِكَ فِي يَوْمِ عِيدٍ ، فَقَالَ رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَا أَبَا بَكْرٍ إِنَّ لِكُلِّ قَوْمٍ عِيدًا وَهَذَا عِيدُنَا
ความว่า อบู บักรฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้เข้ามาในบ้านฉัน ในขณะที่ตอนนั้นมีทาสหญิงของชาวอันศอรฺสองคนกำลังร้องรำทำเพลงเป็นทำนองที่ชาวอันศอรฺร้องกันในวันบุอาษ (วันที่เผ่าเอาซ์และค็อซรอจญ์ทำสงครามในอดีต) อาอิชะฮฺได้บอกว่า ทั้งสองคนมิได้เป็นนักร้องเพลงแต่อย่างใด(คือไม่ได้ร้องประจำเป็นกิจวัตรหรือเป็นการเป็นงาน) ท่านอบู บักรฺ จึงกล่าวขึ้นว่า (พวกเจ้าปล่อยให้)มีเสียงขลุ่ยแห่งชัยฏอนในบ้านของท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กระนั้นหรือ? เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันอีดหนึ่ง ท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า "โอ้ อบู บักรฺ แท้จริงแล้ว สำหรับทุกกลุ่มชนจะมีวันอีด(วันรื่นเริง)สำหรับพวกเขา และนี่เป็นวันอีด(วันรื่นเริง)ของพวกเรา(ชาวมุสลิมทุกคน)"- มอัลบุคอรีย์ หมายเลขที่ 952 และอิมามมุสลิม หมายเลขที่ 892
3. การเข้าร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลรื่นเริงของบรรดามุชริกีน ถือเป็นการเลียนแบบพวกเขา ซึ่ง ท่านนบีมุฮัมหมัด ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
กล่าวว่า
مَنْ تَشَبَّهَ بِقَوْمٍ فَهُوَ مِنْهُمْ
ผู้ใดเลียนแบบกลุ่มชนใด เขาก็เป็นส่วนหนึ่งจากกลุ่มชนนั้น - รายงานโดย อบูดาวูด หะดิษหมายเลข 4031
อิบนุนะญีม อัลหะนะฟีย์ กล่าวว่า
أَبُو حَفْصٍ الْكَبِيرُ رَحِمَهُ اللَّهُ لَوْ أَنَّ رَجُلًا عَبَدَ اللَّهَ تَعَالَى خَمْسِينَ سَنَةً ثُمَّ جَاءَ يَوْمُ النَّيْرُوزِ وَأَهْدَى إلَى بَعْضِ الْمُشْرِكِينَ بَيْضَةً يُرِيدُ تَعْظِيمَ ذَلِكَ الْيَوْمِ فَقَدْ كَفَرَ وَحَبَطَ عَمَلُهُ
อบูหัฟศิน อัลกะบีร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่านกล่าวว่า หากชายคนหนึ่ง เขาได้ทำการเคารพภักดีต่ออัลลอฮ ตะอาลา เป็นเวลา 50 ปี ต่อมา เขาได้มาในวันเฉลิมฉลองนัยรูซ (เทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ของชาวเปอร์เซีย) และมอบไข่ฟองหนึ่งให้เป็นของขวัญแก่บรรดาพวกตั้งภาคี ในวันนั้น แน่นอน เขาตกเป็นกุฟูร และงานของเขาเป็นโมฆะ - อัลบะหฺรุลรออิก เล่ม 8 หน้า 555
อิบนุ หะญัร อัลหัยตะมีย์ นักปราชญ์มัซฮับชาฟิอี กล่าวว่า
من أقبح البدع موافقة المسلمين النصارى في أعيادهم بالتشبه بأكلهم والهدية لهم وقبول هديتهم فيه وأكثر الناس اعتناء بذلك المصريون وقد قال صلى الله عليه وسلم من تشبه بقوم فهو منهم
ส่วนหนึ่งจากบิดอะฮที่น่าเกลียดที่สุด คือ การที่บรรดามุสลิม เห็นชอบกับบรรดาชาวคริสเตียนในเทศกาลรื่นเริงของพวกเขา ด้วยการเลียนแบบ การกิน การมอบของขวัญ และการรับของขวัญของพวกเขา ในเทศกาลนั้น และผู้คนส่วนมากที่ให้ความสนใจดังกล่าว คือ บรรดาชาวอียิปต์ ทั้งๆที่ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า ผู้ใดเลียนแบบกลุ่มชนใด เขาก็เป็นส่วนหนึ่งจากกลุ่มชนนั้น
- ดู ฟะตาวาอัลฟิกฮียะฮอัลกุบรอ เล่ม 4 หน้า 238
เราชาวมุสลิม มีเทศกาลรื่นเริงที่ถูกบัญญัติไว้แล้วเป็นการเฉพาะ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ และเครื่องหมายแห่งอิสลาม คือ อีดิลฟิตรีและอีดอัลอัฎหา เรามาภูมิใจกับเทศกาลรื่นเริงของเรา ชาวมุสลิม และอนุรักษ์มันไว้เถอะครับพี่น้องผู้ศรัทธา
والله أعلم بالصواب
......................................
บทความโดย อะสัน หมัดอะดั้ม kruasan@hotmail.com _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|