ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
AlGhuraba มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004 ตอบ: 226
|
ตอบ: Sun Jun 12, 2005 11:47 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ก็
.. ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ครับ ถ้าจะเหมาตะวันออกทั้งแถบ หรือตะวันตกทั้งแถบ ทั้งๆที่เรามีความสามารถที่จะหาทิศทางได้ใกล้เคียงกว่านั้น ถ้าไม่สามารถหาได้ ก็ว่าไปอย่างนะ กะเอา เดาเอา คาดการณ์ ว่าเฉียดที่สุดก็คือ หันไปทางตะวันออกหรือตะวันตกก็แล้วแต่ ซึ่งที่จริงในภาวะอย่างนั้น จะหา "ออก"แท้ๆ หรือ "ตก"แท้ๆ ยังยากเลย
ผมไม่ได้คิดจะเถียงท่านอัลบานี หรือนักวิชาการท่านใดหรอกนะครับ และก็ยอมรับด้วยนะครับ หะดีษของอบูฮุร็อยเราะฮที่บอกว่า สิ่งที่อยู่ระหว่างทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกถือเป็นกิ๊บละห์ แต่ผมเข้าใจหะดีษนี้ไปอีกแบบนึงครับ คือเข้าใจว่า นั่นหมายถึง กิบละฮ เป็นศูนย์กลางของประชากรโลกทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ตะวันออก-ตะวันตก หรือจะอยู่เหนืออยู่ใต้ เพราะคำว่าตะวันออก กับตะวันตก มันไม่ได้หมายถึงเพียงด้านขวาหรือด้านซ้าย(ของแผนที่)เท่านั้น แต่หมายรวมถึงทั้งด้านบนคือทิศเหนือ และด้านล่างคือทิศใต้ เช่นในรายงานหนึ่ง ท่านนบีบอกว่า
إن الله زوى لي الأرض فرأيت مشارقها ومغاربها وإن أمتي سيبلغ ملكها ما زوي لي منها
صحيح مسلم
"พระองค์อัลลอฮได้ทรงย่อโลกให้ฉันได้เห็นตะวันออกจรดตะวันตก แท้จริงต่อไปอาณาจักรของประชาชาติของฉันจะแผ่ขยายไปจรดดินแดนที่ถูกย่อให้ฉันได้เห็นนั้น
.." (มุสลิม : กิตาบุลฟิตัน รายงานโดย เษาบาน)
ซึ่งอาณาอิสลามในยุครุ่งเรือง นอกจากจะแผ่ไปทางตะวันออกถึงจีน อินเดีย ตะวันตกสุดขอบทวีปที่โมร็อคโคแล้วก็ยังขยายไปทางเหนือ ถึงตุรกีข้ามไปถึงบางส่วนของยุโรป หรือรัสเซียก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วย แล้วมาถึงสมัยนี้กลับกลายเป็นยุค รุ่งริ่ง แตกกันเป็นไม่รู้กี่เสี่ยง ขบเขี้ยว เคี้ยวฟัน จ้องขย้ำห้ำหั่นกันเอง เอาใจ "นายเหนือหัว"
.เฮ้อ!
ผมเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญภาษาอรับหรอกนะครับ แต่รู้สึกจะไม่เคยเห็นหะดีษไหนพูดถึงทิศเหนือทิศใต้ในลักษณะนี้ ส่วนมากจะใช้คำว่า ตะวันออก-ตะวันตก หรือว่านั่นคือสำนวนอย่างหนึ่งในภาษาอรับ ???
และถ้าจะสังเกตให้ดี ในรายงานเรื่องอาณาจักรของอุมมะฮนี้ท่านนบีใช้คำว่า "มะชาริก" หลายๆตะวันออก กับ "มะฆอริบ" หลายๆตะวันตก ดังนั้นที่ว่าสิ่งที่อยู่ระหว่างทิศตะวันออกกับทิศตะวันตก จึงรวมถึงทิศเหนือทิศใต้ด้วย นั่นคือ รอบตัวมัสญิดหะรอม ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนให้หันมาทางนี้ ทางกิบละฮ ทิศที่อัลลอฮทรงกำหนดให้มุสลิมหันมา ถ้ารู้ว่ามัสญิดหะรอมอยู่ตรงไหนก็จงหันไปทางนั้น ไม่ต้องถามว่า "ถ้าไม่รู้ล่ะ?"
. ไม่รู้ก็คือ ไม่รู้ สิครับ นั่นก็ต้อง กะเอา คะเนเอา คำอธิบายของนักวิชาการที่อ้างมาข้างต้นนั้นจึงหมายความว่า นั่นคือทิศทางโดยประมาณ แต่ถ้าเรามีความสามารถที่จะหาพิกัดที่เที่ยงตรงได้ จะมากน้อยต่างกันอย่างไรก็ตาม แต่ไม่ยอมทำ กลับเลือกที่จะประมาณแบบหยาบๆเช่นนั้น อัลลอฮบอกว่า
[فَاتَّقُواْ اللَّهَ مَا اسْتَطَعْتُمْ]
จงยำเกรงอัลลอฮให้เต็มที่สุดความสามารถ .(64:16)
อายะฮนี้มีความหมายอย่างไรบ้างสำหรับเรา?
 |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
อิลยาส มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2005 ตอบ: 279
|
ตอบ: Mon Jun 13, 2005 12:54 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อัสลามุอลัยกุม
การอธิบายดะลีลโดยความเข้าใจในส่วนตัวล้วนแร้วแต่นำมาซึ่งความแตกแยก และความวุ่นวาน ที่จำเป็นสำหรับประชาชาตินี้ คือความเข้าใจศาสนาอย่างที่บรรพชน สละฟุซอและห์เข้า
หลายๆกลุ่ม หลายๆพวก ล้วนแร้วแต่จะอ้างว่า "นี่ไงหลักฐาน" อันนี้จริงมันไม่ใช่ตรงนั้น
สิ่งที่เราจะต้องเอาในเรื่องต่างๆของอิสลามก้อคือ หลักฐาน ตามความเข้าใจของบรรพดา
สละฟุซซอและห์ นี้จึงเรียกว่าเป็นหลักฐานที่ถูกต้อง การนำมาซึ่งคำพูดคนนั้นที คนนี้หน่อยจะนำมาซึ่งการหลงผิดได้อย่างง่ายดาย หนังสือหนังหา ตำหรับตำรา บรรดาผู้ที่ดำเนินตามแนวทางสะลัฟนั้นมีมากมาย โปรดพริจารณาอย่างถี่ถ้วน บรรดานักวิชา อาลิม สถานะภาพของพวกเขา มีจุด และตำแหน่งของพวกเขา ไม่ใช่ทุกคนที่อ่านได้ จะกลายเป็นอาลิม ไม่ใช่ทุกคนที่ค้นคว้า ถูกเรียกว่านักวิชาการ "ความวุ่ยวาน ความเสียหายยังคงดำเนินอยู่เรื่อยไป จนกว่าพวกเขานั้นจะกลับไปยังศาสนาที่แท้จริง(สรุปตอนหนึ่งจาก ฟิตนะฮฺค่อวาริจ โดย เชค อับดุลอาซีซ อะลิล เชค)
อิบนุกอยยิม ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ สรุปเรื่องดังกล่าวในบทกลอนสั้น
"ความโง่เขลา คือโรคร้ายคร่าชิวิต ยารักษาโรคร้ายนั้นคือ สองสิ่ง
สองสิ่งนั้นนำมารักษาควบคู่กันไป นั้นคือคัมภีร์ของอัลลอฮฺ และแบบฉบับของร่อซุล
และสำคัญ หมอผู้เยียวยานั้น คือ อาลิม ร็อบบานีย์ (แปลต่อเองนะ)"
ขอพรและศันติสุขได้มีแด่นบียของเรา และวงศ์วานของท่าน และบรรดาเพื่อนพ้อง และบรรดาผู้ติดตามคนเหล่านั้นด้วยความดี
วัสลาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
มุสลิม มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/06/2004 ตอบ: 79
|
ตอบ: Sun Jun 19, 2005 2:42 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อัสสลามุอะลัยกุม
จากที่นำเสนอมาผมไม่เห็นด้วยดังนี้ครับ
-หัวเรื่องกับเนื้อหาไม่เข้ากัน ซึ่งคุณจะเห็นได้จากทำตอบของผู้เข้าร่วมสนทนาแรกๆทำนองว่า ผมเห็นว่าจะใช้อะไรหาทิศกิบลัตมันก็เหมือนกัน แต่ที่สำคัญคือการหันไปในทางที่ถูกต้องซึ่งชัดเจนว่าเป็นเรื่องของอุปกรณ์การหาไม่ใช่เรื่องทิศ แต่ที่นำเสนอเป็นอีกเรื่อง
-อีกเรื่องที่สำคัญคือเนื้อหาที่นำเสนอ
จริงๆแล้วในส่วนเนื้อหานั้นชัดเจน แต่ตอนสรุปผมค่อนข้างสับสนนะครับ เพราะจากที่คุณอธิบายให้เพื่อนสมาชิกฟังคือ อาณาเขตของกับลัตนั้นตั้งแต่เหนือจรดใต้ ฉะนั้นเมื่อเรานึกภาพแผนที่ตามเราก็สามารถลากเส้นอาณาเขตกิบลัตได้โดยเส้นนั้นลากจากเหนือจรดใต้โดยตัดผ่านกะอ์บะฮ์ฉะนั้นถ้ามุสลิมในมองโกเลีย กับมุสลิมในเกาะสุมาตราละหมาดก็เพียงแค่หันไปทางทิศตะวันตกเท่านั้นไม่จำเป็นต้องมีการเฉียงแต่ประการใดเพราะหันไปโดนอาณาเขตของกะอ์บะฮ์อย่างนั้นหรือ?แม้สมมุติว่ากะอ์บะฮ์จะอยู่ตะวันออกเฉียงเหนือ หรือใต้อย่างชัดเจนก็ไม่จำเป็นต้องเฉียง หรือเฉียงไปทางอื่นโดยตั้งใจก็ไม่เป็นไรหรือครับ?ขอให้เป็นทิศตะวันตกก็พอ ถ้าเป็นเช่นนั้นไม่ถูกต้องนะครับ และก็ไม่ใช่สลัฟด้วย
ถ้าคุณเข้าใจเช่นนั้น(ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป)ผมคิดว่าคุณกำลังเข้าใจผิดในการอ่านตำรา และทำความเข้าใจกับคำว่า ทิศกิบลัต กับ อาคารกะอ์บะฮ์ แล้วครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
มุสลิม มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/06/2004 ตอบ: 79
|
ตอบ: Sun Jun 19, 2005 2:45 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ในเรื่องของผู้มองเห็นกะอ์บะฮ์นั้นคงไม่ต้องนำเสนอเพราะต้องหันตรงๆตัวกะอ์บะฮ์ แต่เมื่อไม่เห็นแล้วให้ทำอย่างไร? ตรงนี้นักวิชาการเห็นเป็น 2 ทรรศนะครับ
1.ต้องหันไปที่ตัวอาคารกะอ์บะฮ์จะๆ กับ
2.หันไปทางทิศทางที่มีกะอ์บะฮ์อยู่
ปัญหามาอยู่ที่ข้อ 2 ในความเข้าใจคุณ กับคำว่าทิศกิบลัต ปัญหาคือคุณแบ่งคำว่าทิศไป 4 ทิศ แต่จริงๆคำว่า ญิฮะฮ์ในคำของนักวิชาการถูกตักยีดด้วยคำว่ากะอ์บะฮ์ ญิฮะตุลกะอ์บะฮ์ ซึ่งการอิฎอฟะฮฺเป็นการอิคติศอศ นั่นหมายถึง ทิศทางของกะอ์บะฮ์ ไม่ต้องไปแบ่งเหนือใต้ ออกตก คำว่าญิฮะฮ์คือมุวาญะฮะฮ์ หรือมุกอบาละฮ์ ทางที่หน้าหันไป ฉะนั้นความหมายของการให้หันไปทางทิศกิบลัตนั้นหมายความว่า ให้หันไปทางทิศที่ตั้งของกะอ์บะฮ์จริง ไม่ใช่ทิศคลุมเครืออย่างตะวันตกเฉยๆ หรือออกเฉยๆ หรือแค่เหนือใต้ แต่เป็นทางที่ละเอียดกว่านั้นก็ได้เช่นตะวันตกเฉียงเหนือน้อย เฉียงเหนือมากเป็นต้น ที่สำคัญคือให้มุสลิมหาทิศที่คาดว่ากะบะฮ์ตั้งอยู่ทางนั้น แล้วให้คิดว่าตัวเองหันหน้าชนกับกะอ์บะฮ์อยู่ ไม่ใช่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ตรง ซึ่งอาจหาโดยการถามผู้คนแถบนั้น หรือใช้เครื่องมือส่วนตัวอย่างเข็มทิศ ซึ่งผลจริงอาจจะออกมาคลาดเคลื่อนโดยอาจเฉียงมากไป หรือน้อยไปนั้นไม่เป็นไรเพราะได้หาทิศกับลัตเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตรงนี้เองคือความหมายของคำว่าสิ่งที่อยู่ระหว่างทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกถือเป็นกิ๊บละห์ เป็นการพูดถึงผู้ที่อยู่ห่างไกลไม่เห็นกะอ์บะฮ์ การที่จะหันไปเจอกะอ์บะฮ์เต็มๆเหมือนกับคนเห็นนั้นเป็นไปแทบไม่ได้ฉะนั้นเมื่อถ้ามันเฉไปทางออกหน่อย หรือตกหน่อย หรือเหนือใต้ หลังจากที่ท่านได้พยายามหาทิศที่แท้จริงแล้วนั่นก็เป็นกิบลัตของท่าน แม้ความจริงอัลลอฮฺอาจจะเห็นอยู่ว่าหันมาไม่โดยกะอ์บะฮ์เสียทีเดียว แต่นั่นเป็นฟะษัมมะวัจฮุลลอฮฺในอายะฮฺ
จะสังเกตได้ว่าจากที่คุณนำคำจากอิบนิ ตัยมียะฮฺ หรือจากอัศศอนอานีย์นั้นสองท่านนี้พยายามจะปฏิเสธ และหักล้างทรรศนะที่ว่าต้องหันหาตัวกะอ์บะฮ์(อัยนุลกะอ์บะฮ์) ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของบรรดามุสลิม หรือสิ่งที่มุสลิมพยายามหาทิศที่ถูกต้องจริงๆอยู่(ทิศกะอ์บะฮ์)
ฉะนั้นพูดง่ายๆคือ การหันหน้าไปทางกิบลัตของมุสลิมนั้นต้องหันไปแบบหะกีเกาะฮ์หนึ่ง หรือสองตักดีร แบบหะกีเกาะฮ์คือ หากมีมุสลิมเมืองไทยคนหนึ่งละหมาดอยู่ถ้าเราลองลากเส้นจากตัวเขาไปทางทิศที่เขาหันหน้าไปเรื่อยๆเส้นนั้นจะตัดผ่านกะอ์บะฮ์พอดี ส่วนแบบตักดีรคือเส้นนั้นอาจตัดผ่านแถวๆมัสยิดอัลหะรอมอาจใกล้ หรือไกลซึ่งขอให้พยายามหาก่อนเป็นพอซึ่งนี่คือทรรศนะที่ 2 คือให้หันไป ทิศกะอ์บะฮ์ ถ้าทำตามทรรศนะแรกก็ต้องหันไปโดนกะอ์บะฮ์อย่างเดียวแบบหะกีเกาะฮ์ถ้าไม่โดนถือว่าไม่ได้ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่นักวิชาการหลายคนพยายามบอกว่าศาสนาไม่ได้ลำบากเพียงนั้น และหนึ่งในหลักฐานที่ยกมาหักล้างก็คือ ระหว่างตะวันออก กับตกเป็นกิบลัต นั่นเอง
ฉะนั้นพวกเขาจึงต้องการบอกว่า หาก่อนถ้าเฉียดหน่อยไม่เป็นไร ไม่ใช่ไม่ต้องหามาก คงเข้าใจนะครับ
ไม่เช่นนั้นลองนึกถึงคนที่อยู่ในมักกะฮ์แต่ไม่เห็นอาคารกะอ์บะฮ์แต่เห็นมัสยิดหะรอมอยู่ทนโท่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือแต่กลับหันไปทางตกเฉยๆซึ่งเขาก็เห็นอยู่ว่าไม่ถูกแม้กระทั่งมัสยิดแล้วหุก่มจะเป็นเช่นไรทั้งที่เขาอยู่ในกรณีที่ 2 (ไม่เห็นกะอ์บะฮ์)และทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง?ลองพิจารณา |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
มุสลิม มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/06/2004 ตอบ: 79
|
ตอบ: Sun Jun 19, 2005 2:48 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ในส่วนของหะดีษที่ทำให้คุณเข้าใจผิดก็คือที่ว่า ระหว่างตะวันออกกับตกเป็นกิบละฮ์นั้นไม่ได้หมายความว่าระหว่างนั้นหันไปทางไหนก็ได้(หมายถึงไม่ต้องหาให้มากความ) หะดีษนี้ถ้ามาดูในอัลมุวัฏเฏาะจะมีซิยาดะฮ์เล็กน้อย และหะดีษเป็นเมากูฟอะลาอุมัร อิบนิลคอฏฏอบด้วย ซิยาดะฮ์ก็คือ إذا وجه قبل البيت เมื่อหันไปทางกะอ์บะฮ์ ความหมายรวมชัดมากคือ ระหว่างตะวันออกกับตกถือเป็นกิบลัตถ้าเกิดหันไปทางกะอ์บะฮ์ ถ้าเกิดหันไปทางใดก็ได้ระหว่างนั้นประโยคหลังคงไม่มีความหมาย ท่านอุมัรจึงบอกว่าถ้าหากหันไปทางกะอ์บะฮ์ คือถ้าหันไปแล้วในทางที่คิดว่าใช่ก็ใช้ได้ ซึ่งหะดีษในสายที่เป็นมัรฟัวะนั้นท่านอบูฮุรอยรอฮ์เป็นผู้รายงานซึ่งท่านจะได้ฟังจากท่านรอซูลได้ก็ต่อเมื่อท่านอพยพมาแล้วเพราะท่านรับอิสลามช่วงนั้น ฉะนั้นกิบลัตของชาวมะดีนะคือทางใต้ คำว่าระหว่างทิศตะวันออกกับตกคือ เอาตัวเราอยู่ตรงกลางตะวันออกอยู่ด้านซ้าย ตกอยู่ด้านขวาเมื่อหันหน้าได้เช่นนี้แล้วท่านจะได้เจอกิบลัตของเมืองมะดีนะฮ์นี่คือการอธิบายอย่างหนึ่ง ฉะนั้นอะฮ์หมัด อิบนุ คอลิดจึงกล่าวว่า ถ้าหากใครอยู่ทางตะวันออก หรือตกของมักกะฮ์กิบลัตของพวกเขาก็คือระหว่างเหนือกับใต้ ซึ่งเป็นการเปรียบกับหะดีษนี้ ไม่ใช่ว่าระหว่างเหนือถึงใต้หันไปชนตรงไหนก็ได้
และการอธิบายของอิมามอะฮ์หมัดนั้นมีมากกว่าที่คุณยกมาคือท่านกล่าวว่า หะดีษดังกล่าวนี้ใช้ได้ทุกที่ยกเว้นมักกะฮ์ ณ ที่บัยตุลลอฮฺ ถ้าเกิดเขาหันเหไปสักหน่อยถือว่าเขาทิ้งกิบลัต หมายถึง คำหะดีษทีว่าระหว่างออกกับตกนั้นหมายถึงผู้ที่ไม่เห็นกะอ์บะฮ์นั้นหันเฉียดไป เฉมาบ้างได้เพราะการที่จะชนตัวกะอ์บะฮ์เหมือนกับคนที่เห็นนั้นเป็นไปแทบไม่ได้ ต่างกับคนที่เห็นอยู่จะๆหากว่าหันไปไม่ถูกกะอ์บะฮ์ละก็ถือเป็นการละหมาดโดยไม่หันไปทางกิบลัตเลย ฉะนั้นอบุลวะลีด อัลบาญีจึงกล่าวว่าหากไม่รู้ทิศกิบลัตจริงๆให้ละหมาดท้ายเวลาเผื่อว่าจะมีคนมาบอกว่าเป็นทิศไหน เพราะการเหมารวมเอาว่าออก หรือตก หรือเหนือใต้นั้นเป็นคนละเรื่องกับญิฮะตุลบัยตฺ หรือมุวาญะฮะตุลบัยตฺ โปรดเข้าใจ
ดังกล่าวอุลามาอ์จึงบอกว่าหาทิศที่ตั้งอยู่พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องโดนกะอ์บะฮ์ในความเป็นจริงก็ได้ อย่างที่มีในนัยลิลเอาฏอร หรือซุบุลุสสลาม ฯลฯ หากลองทำความเข้าใจ ทิศกิบลัตใหม่แล้วอ่านสิ่งที่คุณนำเสนออีกทีโดยไม่ต้องอ่านบทสรุปมันก็ไม่แตกต่างกันหรอกครับ แต่มันไปผิดที่ความเข้าใจ และนั่นต่างหากคือแนวสลัฟ ปัญหาอยู่ที่ความเข้าใจของคนไม่ใช่ว่าเขาค้านผู้รู้เสียเมื่อไหร่ วัลลอฮุอะอ์ลัม วัสสลาม
ปล.อ่านอัลมุนตะกอเพิ่มเติม รวมทั้งตัฟซีรอายาติลอะห์กาม และหนังสือฟิกฮ์เพื่อจะได้รับทราบคิลาฟ เพราะเรื่องเมื่อเริ่มจากการรู้คิลาฟจะเข้าใจง่าย |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
อิลยาส มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2005 ตอบ: 279
|
ตอบ: Tue Jun 21, 2005 1:02 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ข้อสรุปแบบนี้เอามาจากหนังสือเล่นไหน และนักวิชาการคนใดเหนด้วยกับการอธิบายแบบนี้มั๊ย ?
เอาที่เหนๆ ณ ปัจจุบันนี้ ไม่งั้นลองกลับไปอ่านเรื่องนี้ในฟะตะวาของเชคอุษัยมีน หรือ อ่านของสภาก้อน่าจะดีนะครับ... กินยาไม่มีหมอนี่ลำบากนะครับ
 |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
อิลยาส มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2005 ตอบ: 279
|
ตอบ: Tue Jun 21, 2005 3:01 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อิลยาส
มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2005
ตอบ: 156
ตอบ: Sun Jun 12, 2005 4:36 am ชื่อกระทู้:
--------------------------------------------------------------------------------
อัสลามุอลัยกุม
เรื่องเป็นแบบนี้ครับ
1. ทิศมี 4 ทิศ เป็นที่รู้กันดังในหะดิษที่บอกไป "เหนือ ใต้ ออก ตก " หากว่าเราอยู่ประเทศไทยแล้วเป็นที่แน่ชัดว่า กะอฺบะอยู่ทิศตะวันตก แน่นอน อณาเขตของกิบละฮฺ คือ ตั้งแต่เหนือ ถึงใต้ครับ
เอียงหรือเฉียงไปเหนือ หรือใต้ นั้นไม่เป็นปัญหา ตามแนวทางสลัฟ กรณีผู้ที่ไม่เห็นตัวอาคาร แบบนี้เรียกว่าทิศของกะฮฺบะฮฺ ลองกลับไปอ่านด้านบนเพื่อทบทวนนะครับ
2. ส่วนทิศของตัวอาคารกะฮฺบะฮินั้น สำหรับผู้เห็นตัวอาคารให้หันหน้าไปยังตัวอาคารครับตรงๆจะๆ แต่ไม่ใช่ว่าเมืองไทยต้องเชคแนวเส้นรุ้ง เส้นแวง จับองศาให้วุ่นวายอะไรกันขนาดนั้น เพราะไม่ได้ใช้ทิศ
จากตรงนี้ลองอ่านให้ดีนะครับ ผมหมายความว่าไม่เปนที่สงสัยว่าอยู่ทิศใด(เปนที่ยอมรับและแน่ใจว่าเมืองไทยกิบละฮฺอยู่ทิศตะวันตก) ซึ่งไม่เปนการเสียหายในการที่จะเฉียง หรือ เอียงไปเหนือ หรือใต้ จึงไม่จำเป็นต้องจับองศากันให้เกิดความยาก และวุ่นวาย ส่วนการเอากิบละฮฺจากเข็มทิศนั้นไม่มีปัญหาอันใด เพียงแต่ ถ้าคิดว่าจำเป็นต้องเลงองศาให้ตรงอันนี้ถือว่าสร้างความลำบาก หรือเพิ่มเติมความยุ่งยากเข้าไปในหลักการครับ หรือบางคนที่เคยเจอว่าเข้าไปนั่น "ละหมาดใช้ไม่ได้" กิบละฮฺไม่ตรง โปรดไปดูฟะตะวาของเชค อุษัยมีนครับ หรือว่าคุนมุสลิมมี อิญาซะฮฺ ริวายะฮิ ส่วนตัวจากนักวิชาการคนไหนก้อว่ากันมาครับ หากไม่แร้ว ไม่ควรสรุปความ และออกความเหนโดยส่วนตัว ปัจจุบัยนักวิชาการโลกมุสลิมแนวทางสลัพ
ยังมีให้ถามไถ่มากมายมายครับ ได้โปรด...
 |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
อิลยาส มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2005 ตอบ: 279
|
ตอบ: Sat Feb 26, 2011 10:19 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อัสลามุอลัยกุม
คุณมุสลิม และพี่น้องผู้อ่านกระทู้นี้
เป็นเวลา6 ปีจากวันที่ได้โพส์กระทูนี้ไว้ ผมได้พบกับหลักฐาน และความเข้าใจในหลายๆแง่มุมจากเอกสารทางวิชาการ และนักวิชาการ จึงอยากบอกว่าที่ผ่านมาในการโพสเป็นการโง่เขลา เบาปัญญา หาได้มีความเข้าใจในรายละเอียดความรู้แม้แต่เพียงน้อยนิด อีกทั้งด้วยความคึกคะนองลำพองตนว่าได้รับหลักฐาน และความรู้ที่ไม่มีใครได้รู้ ดังคนไม่เคยเห็นท้องทะเล พลันเหนแอ่งน้ำขังกะคิดไปซะว่าคือแม่น้าม..ต้องขออภัย กลับเนื้อกลับตัวสู่เอกองค์อัลลอฮฺ ซุบหานะฮู วะตะอาลา ผู้ทรงอภัยยิ่ง และขอมะอัฟพี่น้องที่ได้นำเสนอหัวข้อที่ขาดการไต่รตรองนี้...
หวังว่าเมื่อมีเวลาเหมาะสมจาได้มาคุยกันอีกครับ
วัสลาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
|