ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
fafa_tar@hotmail.com มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 04/07/2010 ตอบ: 15
|
ตอบ: Sat Jul 31, 2010 8:10 pm ชื่อกระทู้: การวาดภาพ |
|
|
การวาดรูปคนกับการแกะสลักบาปหเปป็นรูปสัตว์หรือไหมค่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
ชาริค มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/04/2007 ตอบ: 276
|
ตอบ: Mon Aug 02, 2010 9:25 am ชื่อกระทู้: |
|
|
الرسم له معنيان :
أحدهما رسم الصور ذوات الأرواح ، وهذا جاءت السنة بتحريمه ، فلا يجوز الرسم الذي هو رسم ذوات الأرواح ، لقول النبي صلى الله عليه وسلم في الحديث الصحيح : " كل مصوّر في النار " وقوله صلى الله عليه وسلم : " أشد الناس عذاباً يوم القيامة المصورون ، الذين يضاهئون بخلق الله " ، ولقوله صلى الله عليه وسلم : " إن أصحاب هذه الصور يعذبون يوم القيامة ويقال لهم : أحيوا ما خلقتم "
ولأنه صلى الله عليه وسلم لعن آكل الربا وموكله ، ولعن المصور ، فدل ذلك على تحريم التصوير ، وفسر العلماء ذلك بأنه تصوير ذوات الأرواح من الدواب والإنسان والطيور .
أما رسم ما لا روح فيه ـ وهو المعنى الثاني ـ فهذا لا حرج فيه كرسم الجبل والشجر والطائرة والسيارة وأشباه ذلك ، لا حرج فيه عند أهل العلم .
ويستثني من الرسم المحرم ما تدعو الضرورة إليه ، كرسم صور المجرمين حتى يعرفوا وحتى يمسكوا ، أو الصورة في حفيظة النفوس التي لا بد منها ولا يستطيع الحصول عليها إلا بذلك ، وهكذا ما تدعو الضرورة من سوى ذلك ، فإذا رأى ولي الأمر أن هذا الشيء مما تدعو الضرورة إلى تصويره ، لخطورته ، ولقصد سلامة المسلمين من شره حتى يعرف ، أو لأسباب أخرى فلا باس ، قال الله عز وجل : ( وَقَدْ فَصَّلَ لَكُمْ مَا حَرَّمَ عَلَيْكُمْ إِلَّا مَا اضْطُرِرْتُمْ إِلَيْهِ ) الأنعام
การวาดภาพแบ่งเป็นสองอย่าง
1- วาดภาพสิ่งที่มีวิญญานเช่น คน สัตว์ นก เป็นต้น อันนี้ ฮารอม ศาสนาห้าม ยกเว้นมีความจำเป็น
2- วาดสิ่งที่ไม่มีวิญญาน เช่นภูเขา ต้นไม้ เครื่องบิน เป็นต้น อันนี้วาดได้ไร้ข้อห้าม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Tue Aug 03, 2010 10:15 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ข้อห้ามเกี่ยวกับรูปภาพ การทำรูปปั้น และผลของมันที่มีต่ออฺะกีดะฮฺ จากคำถามหมายเลขที่ # 7222
ถาม : ฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแก่มุสลิมคนหนึ่งให้เข้าใจว่า การสร้างรูปปั้นที่เป็นรูปคนที่ไม่ใช่มุสลิมนั้นเป็นสิ่งหะรอม เขาบอกว่ามันเป็นรูปของวีรสตรีคนหนึ่งและได้ต่อสู้กับบรรดามุสลิมเพื่อปกป้องแผ่นดินของนาง และนางก็เป็นบรรพบุรุษของฉันก่อนเข้ารับอิสลาม.....มุสลิมเลื่อมใสในรูปปั้นหรือสร้างมันเพื่อระลึกถึงวีรกรรมของผู้กล้าหาญคนใดคนหนึ่งได้หรือไม่ แม้ว่าวีรบุรุษหรือวีรสตรีผู้นั้นจะไม่ใช่มุสลิม ?
ตอบ : อัล-หัมดุลิ้ลลาฮฺ
ประการแรก จากคำถามของเธอ ดูเหมือนเธอจะเข้าใจว่ารูปปั้นรูปคนมุสลิมนั้นหะลาล ส่วนรูปปั้นรูปคนกาฟิรฺนั้นหะรอม ฉันขอบอกว่าเธอเข้าใจผิดอย่างมหันต์ทีเดียว เนื่องจากว่ารูปปั้นที่เป็นรูปสิ่งมีชีวิตล้วนหะรอมทั้งสิ้น ไม่ว่ามันจะเป็นรูปคนมุสลิมหรือคนกาฟิรฺก็ตาม อันที่จริงแล้วการทำรูปปั้นที่เป็นรูปคนกาฟิรฺเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุด เนื่องจากมันรวมความชั่วร้ายสองประการด้วยกันคือ ความชั่วร้ายในการทำรูปปั้นและความชั่วร้ายที่ไปยกย่องคนกาฟิรฺ
ข้อห้ามเกี่ยวกับการทำรูปภาพและรูปปั้นมีรายละเอียดดังนี้ คือ
๑. ข้อห้ามเกี่ยวกับการทำรูปปั้นมิใช่เป็นเพียงเรื่องราวทางด้านฟิกฺฮฺเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะกีดะฮฺด้วย เพราะว่าอัลลอฮฺเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มีอำนาจให้รูปทรงสิ่งถูกสร้างของพระองค์ และทรงสร้างพวกมันขึ้นในรูปแบบที่ดีเลิศที่สุด การทำรูปต่างๆมันจะมีความหมายว่ามนุษย์กำลังพยายามที่จะตีตัวเสมอเทียมเท่าพระองค์ในการสร้าง และเมื่อรูปเหล่านี้ถูกนำไปเป็นเจว็ดมันก็จะถูกเคารพสักการะแทนอัลลอฮฺ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอะกีดะฮฺ
ตัวบทหลักฐานที่ว่าการสร้างรูปเป็นสิทธิ์เฉพาะอัลลอฮฺเท่านั้น
๑. จากอัล-กุรอาน
พระองค์คือผู้ที่ทำให้พวกเจ้าเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในมดลูก ตามที่พระองค์ทรงประสงค์..... สูเราะฮฺ อาละ-อิมรอน : ๖
และแท้จริงเราได้บังเกิดพวกเจ้า(อาดัม ซึ่งเป็นบรรพบุรุษคนแรกของพวกเจ้า) แล้วเราได้ทำให้พวกเจ้า(มนุษยชาติสืบทอดเชื้อสายจากอาดัม)เป็นรูปเป็นร่าง(รูปร่างอันประเสริฐของมนุษย์ในครรภ์มารดา) แล้วเราได้บอกมะลาอิกะฮฺว่า จงสุญูดต่ออาดัมเถิด...... สูเราะฮฺ อัล-อะอฺรอฟ : ๑๑
พระองค์คืออัลลอฮฺ ผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงให้บังเกิด ผู้ทรงทำให้เป็นรูปร่าง สำหรับพระองค์คือพระนามทั้งหลายอันดียิ่ง บรรดาสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างสรรเสริญสดุดีพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ สูเราะฮฺ อัล-หัชรฺ : ๒๔
โอ้ มนุษย์เอ๋ย อะไรเล่าที่ล่อลวงเจ้าให้ห่างไกลจากพระผู้อภิบาลของเจ้า ผู้ทรงเกื้อกูลยิ่ง ผู้ทรงบังเกิดเจ้า แล้วทรงทำให้เจ้ามีอวัยวะที่ครบถ้วนสมบูรณ์ แล้วทรงทำให้เจ้ามีอวัยวะและรูปร่างที่สมส่วน ในรูปใดที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ก็จะประกอบเจ้าขึ้นมา สูเราะฮฺ อัล-อิมฟิฏอรฺ : ๖-๘
ตัวอย่างจากอายะฮฺเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความเชื่อที่ว่า การสร้างและการกำหนดรูปทรงของสรรพสิ่งทั้งหลายในสากลจักรวาลนั้นเป็นสิทธิเฉพาะอัลลอฮฺเท่านั้น ผู้ทรงเป็นพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงออกแบบที่ดีเลิศยิ่ง ดังนั้น จึงไม่อนุญาตให้ใครล่วงล้ำสิทธิดังกล่าวในการพยายามที่จะเลียนแบบการสร้างสรรค์ของอัลลอฮฺ
๒. ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮา มารดาแห่งผู้ศรัทธา ได้รายงานว่า อุมมุ หะบีบะฮฺ กับ อุมมุ สะละมะฮฺ ได้เล่าถึงโบสถ์แห่งหนึ่งที่พวกนางเคยเห็นมาในเอธิโอเบียให้ท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ฟัง ซึ่งในโบสถ์นั้นมีรูปหลายรูป ท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า คนพวกนั้น ถ้าคนดีเคร่งครัดคุณธรรมคนใดในหมู่พวกเขาเสียชีวิตลง พวกเขาก็จะสร้างสถานที่สำหรับสักการบูชาบนหลุมศพของคนดีท่านนั้น และจะมีรูปในสถานที่นั้นด้วย เหล่านี้จะเป็นสิ่งถูกสร้างชั่วร้ายที่สุดที่ปรากฏต่อหน้าพระพักตร์ของอัลลอฮฺในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ (บุคอรียฺ ; หมายเลข ๔๑๗, มุสลิม ; หมายเลข ๕๒๘)
ท่านอัล-หาฟิซฺ อิบนิ หะญัร ร่อหิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวว่า หะดีษนี้ชี้ให้เห็นว่าการทำรูปภาพเป็นสิ่งหะรอม (จาก ฟัตหุ้ล บารียฺ เล่ม ๑ หน้า ๕๒๕)
ท่านอิมามนะวะวียฺ ร่อหิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวว่า
บรรดาสหายของพวกเรา(ในแนวมัซฮับ ชาฟิอียฺ)และบรรดานักวิชาการคนอื่นๆในอีกสามมัซฮับ ก็กล่าวเช่นกันว่า การทำรูปภาพ(ตัศวีรฺ)สิ่งมีชีวิต(ทั้งมนุษย์และสัตว์)เป็นสิ่งที่ถูกห้ามอย่างเด็ดขาดเข้มงวดและเป็นบาปใหญ่ เนื่องจากผู้ใดที่พัวพันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ถูกเตือนอย่างหนักแน่นในบรรดาหะดีษศ่อหี๊ยฺหฺทั้งหลาย เช่นเดียวกันกับผู้ที่ทำรูปภาพไม่ว่าจะเป็นรูปที่ไม่น่าให้เกียรตินับถือและเป็นรูปที่อัปมงคล หรือที่ตรงกันข้ามก็ตามในทุกกรณี การทำเช่นนี้เป็นสิ่งต้องห้าม ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการทำรูปภาพนั้นเป็นการเลียนแบบการสร้างสรรของอัลลอฮฺ ข้อห้ามในการทำรูปภาพนั้นกินความรวมถึงการทำรูปภาพลงใน เสื้อผ้า พรม เหรียญเงิน บรรจุภัณฑ์ทุกประเภท(ไม่ว่าจะเป็น ถุง กล่อง กระเป๋า หีบห่อ ภาชนะใส่ของกินของใช้ต่างๆ เป็นต้น) ฝาผนัง และอื่นๆอีกทุกรูปแบบ สำหรับรูปต้นไม้ หรือที่รองนั่งบนหลังอูฐ(กูบ) หรือวัตถุสิ่งของที่เป็นสิ่งไม่มีชีวิต ไม่เป็นที่ต้องห้ามแต่ประการใด นี่เป็นกฎเกณฑ์บทบัญญัติของอิสลามเกี่ยวกับการทำรูปภาพโดยทั่วไป (ชัรหฺ มุสลิม , ๑๔/๘๑)
๓. ท่านสะอีด อิบนิ อะบียฺ อัล-หะสัน ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ ได้เล่าว่า ฉันอยู่กับท่านอิบนิ อับบาสร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ มีชายคนหนึ่งมาหาท่านแล้วกล่าวว่า โอ้ อะบู อับบาส ฉันเป็นคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่กับสิ่งที่ฉันทำมันด้วยกับมือของฉัน ฉันทำรูปภาพมากมาย ท่านอิบนิ อับบาส ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุได้กล่าวว่า ฉันขอบอกแก่ท่านถึงสิ่งที่ฉันได้ยินจากท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ฉันได้ยินท่านกล่าวว่า ใครก็ตามที่ทำรูปภาพ อัลลอฮฺจะลงโทษเขา จนกว่าเขาจะเป่าชีวิตเข้าไปในมัน และแน่นอนเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เป็นอันขาด ชายคนนั้นตกใจกลัวถึงกับทรุดตัวลงทั้งยืน ใบหน้าซีดขาว เมื่อเห็นเช่นนั้นท่านอิบนิ อับบาส ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ จึงกล่าวว่า ความหายนะจะเกิดแก่ท่าน ถ้าท่านยังไม่เลิกทำรูปภาพอีก ก็ขอให้ทำรูปต้นไม้ และสิ่งที่ไม่มีชีวิต (บุคอรียฺ ; หมายเลข ๒๑๑๒ , มุสลิม; หมายเลข ๒๑๑๐)
๔. ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิ มัสอูด ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ รายงานว่า ฉันได้ยินท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า คนที่จะถูกลงโทษอย่างแสนสาหัสต่อหน้าอัลลอฮฺในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ ก็คือ คนที่ทำรูปภาพ (อัล-บุคอรียิ ; หมายเลข ๕๖๐๖ , มุสลิม ; หมายเลข ๒๑๐๙)
๕. ท่านอับดุลลอฮฺ บิน อุมัร ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ รายงานว่าท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า ผู้ใดที่ทำรูปภาพจะถูกลงโทษในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ จะมีกล่าวแก่พวกเขาว่า จงให้ชีวิตแก่สิ่งที่เจ้าได้ทำขึ้น (บุคอรียฺ ; หมายเลข ๕๐๖๗ , มุสลิม ; หมายเลข ๒๑๐๙)
๖. ท่านอะบู ฮุร็อยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ รายงานว่าท่านได้เข้าไปในบ้านหลังหนึ่งในนครมะดีนะฮฺ และท่านได้เห็นคนกำลังทำรูปภาพอยู่ในบ้านหลังนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ฉันได้ยินท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า (อัลลอฮฺได้กล่าวว่า) จะมีใครที่มีความผิดร้ายแรงยิ่งไปกว่า คนที่สร้างสิ่งที่เหมือนสิ่งที่ข้าสร้าง ? จงให้พวกเขาสร้างเมล็ดพืชขึ้นมาสักเมล็ดหนึ่ง หรือสร้างมดขึ้นมาตัวหนึ่งซิ ! (บุคอรียฺ ; หมายเลข ๕๖๐๙, มุสลิม ; หมายเลข ๒๑๑๑)
ท่านอิมามนะวะวียฺได้กล่าวว่า คำกล่าวของอัลลอฮฺที่ว่า จงให้พวกเขาสร้างเมล็ดพืชขึ้นมาสักเมล็ดหนึ่ง หรือสร้างมดขึ้นมาตัวหนึ่งซิ ! หมายความว่า จงสร้างมดตัวเล็กๆขึ้นมาสักตัวหนึ่งที่มีชีวิตมีวิญญาณเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวของมันเอง ให้เหมือนกับมดตัวเล็กๆที่อัลลอฮฺทรงสร้างขึ้น หรือให้พวกเขาสร้างเมล็ดพืชขึ้นมาสักเมล็ดหนึ่ง อาจจะเป็นเมล็ดข้าวสาลีหรือเมล็ดข้าวบาเล่ย์ก็ได้ ให้พวกเขาสร้างเมล็ดพืชชนิดหนึ่งที่กินเป็นอาหารได้ และสามารถนำมันไปเพาะปลูกจนงอกเงยเจริญเติบโตเป็นลำต้นได้ ให้เหมือนกับเมล็ดข้าวสาลีหรือเมล็ดข้าวบาเล่ย์หรือเมล็ดพืชอื่นๆที่อัลลอฮฺทรงสร้าง แน่นอนเหลือเกิน นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย (ชัรหฺ มุสลิม ๑๔ /๙๐) ไม่มีผู้ใดสามารถให้ชีวิตแก่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายได้ นอกจากอัลลอฮฺเพียงผู้เดียวเท่านั้น สุบหานั้ลลอฮฺ
๗. ท่านอะบู ญุหาฟะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ ได้รายงานว่า ท่าน รสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ห้ามกำหนดราคาสุนัขและเลือด ห้ามทำรอยสักให้ผู้อื่นและห้ามให้ผู้อื่นมาทำรอยสักให้ ห้ามให้และรับดอกเบี้ย และท่านได้สาปแช่งคนที่ทำรูปภาพ (อัล-บุคอรียฺ หมายเลข ๑๙๘๐)
๒. อิสลามได้มีบัญญัติไว้ว่า บรรดาเจว็ดรูปปั้นทั้งหลายจะต้องถูกทำลายและทำให้แตกละเอียด ห้ามสร้างและห้ามซ่อมแซม ดังตัวบทหลักฐานต่อไปนี้
๒.๑ ท่านอับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ ได้รายงานว่า ตอนที่ท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เข้าพิชิตมักกะฮฺได้ ในขณะนั้นมีเจว็ดรูปปั้นจำนวนหนึ่งร้อยหกสิบรูปอยู่รายรอบกะอฺบะฮฺ ท่านได้เริ่มตีทำลายมันด้วยไม้เท้าของท่านและกล่าวว่า เมื่อความจริงมาถึงความเท็จย่อมมลายหายไป แน่นอน ความเท็จย่อมมลายหายไป (สูเราะฮฺ อัล-อิสรออ์ : ๘๑) - (บุคอรียฺ ; หมายเลข ๒๓๔๖, มุสลิม ; หมายเลข ๑๗๘๑)
๒.๒ ท่านอะบู อัล-ฮัยยาจฺญ อัล-อะสะดียฺ ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ ได้รายงานว่า ท่านอะลียฺ บิน อะบี ฏอลิบ ได้บอกแก่ฉันว่า จะเอาไหม ฉันจะมอบหลักการพื้นฐานแก่ท่านอย่างเดียวกับที่ท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้มอบให้แก่ฉัน ? คือ จงอย่าปล่อยให้มีรูปปั้นใดๆเกิดขึ้นโดยไม่ได้ทำลายมัน และจงอย่าปล่อยให้หลุมศพใดสูงเนินโดยไม่เกลี่ยมันลงมาระนาบกับพื้นดิน(ในรายงานหนึ่งมีข้อความว่า และจงอย่าปล่อยให้มีรูปภาพโดยไม่ลบมันออกหรือขีดฆ่าทำลายมัน) (มุสลิม ๙๖๙)
ท่านอิบนิ อัล-ก็อยยิม ร่อหิมะฮุ้ลลอฮฺได้กล่าวว่า ตะมาษีล เป็นพหูพจน์ของ ติมษาม(รูปปั้น) ซึ่งหมายถึงภาพเหมือนหรือรูปปั้น (อัล-ฟะวาอิด หน้า ๑๙๖)
ชัยคุ้ลอิสลาม ท่านอิบนิ ตัยมียะฮฺ ร่อหิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวว่า คำสั่งที่ให้ทำลายนี้เป็นการทำลายรูปสองชนิดด้วยกัน คือ รูปคนตาย และรูปที่วางอยู่เหนือหลุมศพ เพราะชิรฺก์จะตามมาจากภาพสองชนิดนี้ (มัจญมูอฺ อัล-ฟะตาวา เล่ม ๑๗ หน้า ๔๖๒)
๓. ท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กำชับเตือนถึงการนำรูปภาพไปไว้ในบ้าน และกล่าวว่านี้เป็นบาปอย่างหนึ่ง และเป็นการกีดกันคนในบ้านนั้นจากความดีงามความจำเริญ
๓.๑ ท่านอะบู ฏ้อลหะฮฺ ได้รายงานว่า ฉันได้ยินท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า มะลาอิกะฮฺจะไม่เข้าบ้านที่มีสุนัขหรือมีรูปภาพ (อัล-บุคอรียฺ ; หมายเลข ๓๐๕๓ , มุสลิม ; ๒๑๐๖)
๓.๒ ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮา มารดาแห่งผู้ศรัทธา - ได้กล่าวว่า : ฉันได้ซื้อเบาะรองนั่งมาใบหนึ่งซึ่งมีรูปภาพอยู่บนมัน เมื่อท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อฺะลัยฮิ วะสัลลัม เห็นมัน ท่านก็หยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านไม่ยอมเข้าบ้าน ฉันสังเกตเห็นถึงความไม่พอใจอย่างมากของท่านได้จากสีหน้าของท่าน ฉันจึงได้กล่าวว่า โอ้ ท่านรสูลุลลอฮฺ ! ฉันขอกลับเนื้อกลับตัวยังอัลลอฮฺและรสูลของพระองค์ ฉันทำอะไรผิดไปหรือคะ ? ท่านกล่าวว่า เบาะนี่ สำหรับใช้ทำอะไรหรือ ? ฉันตอบว่า ฉันได้ซื้อมันมาเพื่อให้ท่านได้ใช้สำหรับรองนั่ง และใช้สำหรับเอนหลัง ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อฺะลัยฮิ วะสัลลัม จึงกล่าวว่า บรรดาคนที่มีส่วนร่วมในการทำรูปภาพทั้งหลายเหล่านี้ จะถูกลงโทษอย่างแสนสาหัสในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และจะมีกล่าวแก่พวกเขาว่า : จงทำให้สิ่งที่พวกเจ้าสร้างขึ้นมานี้ มีชีวิตขึ้นมาซิ และแท้จริง บรรดามะลาอิกะฮฺจะไม่เข้าบ้านที่มีรูปภาพ (อัล-บุคอรียฺ ; หมายเลข ๑๙๙๙ , มุสลิม ; หมายเลข ๒๑๐๗)
๔. การทำรูปภาพเป็นหนทางหนึ่งของการจมดิ่งสู่ชิรฺก์ เนื่องจากชิรฺก์เริ่มต้นจากการให้เกียรติเคารพนับถือภาพของคนตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนส่วนใหญ่มีความรู้น้อยหรือไม่มีความรู้เลย
ท่านอิบนิ อับบาส ร่อฎิยัลลอฮุ อันฮุ ได้กล่าวว่า บรรดาเจว็ดรูปปั้นของกลุ่มชนของท่านนบีนูหฺอฺะลัยฮิสสะลามได้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในหมู่ชาวอาหรับในยุคต่อมาหลังจากท่าน วัดดฺ เป็นที่เคารพบูชาของเผ่ากัลบฺในเดามะฮฺอัล-ญันดัล สุวาอฺ เป็นที่เคารพบูชาของพวกฮุซัยลฺ ยะฆูต เป็นที่เคารพบูชาของพวกมุรอด แล้วก็พวกบนีฆุฏ็อยฟฺ ในเญาฟฺใก้ลๆกับสะบาอ์ ยะอูกฺ เป็นที่เคารพบูชาของพวกฮะมะดาน ส่วนนะซัรฺ เป็นที่เคารพบูชาของพวกหุมัยรฺแห่งอาล ซียฺ อัล-กะลาอฺ ชื่อเหล่านี้เป็นชื่อของบรรดาคนศอลิหฺ(คนดีเคร่งครัดคุณธรรม)จากกลุ่มชนของท่านนบีนูหฺอฺะลัยฮิสสะลาม เมื่อพวกท่านเหล่านั้นเสียชีวิตลง ชัยฏอนได้กระซิบกระซาบประชาชนของพวกท่านให้สร้างเจว็ดรูปปั้นขึ้นในสถานที่ที่พวกท่านเหล่านั้นเคยนั่ง และเรียกชื่อเจว็ดเหล่านั้นตามนามของพวกท่าน ประชาชนทั้งหลายสร้างเจว็ดเหล่านั้นแต่ยังไม่ถึงกับทำการเคารพสักการะหรือบูชาพวกมัน แต่หลังจากที่ประชาชนในยุคนั้นตายไป ผู้คนในยุคหลังต่อมาได้ลืมเลือนที่มาของรูปปั้นเหล่านั้น แล้วพวกเขาก็เริ่มเคารพสักการะและบูชาพวกมัน (อัล-บุคอรียฺ หมายเลข ๔๖๓๖)
ท่านชัยคุ้ลอิสลาม อิบนิ ตัยมียะฮฺ ร่อหิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวว่า อัล-ลาต ถูกเคารพบูชาก็เพราะการแสดงความเคารพนับถือหลุมศพของคนศอลิหฺท่านหนึ่ง (อิกฺติฎออ์ อัล-ศิรอฏ้อลมุสตะกีม เล่ม ๒ หน้า ๓๓๓)
ท่านยังได้กล่าวอีกว่า ปัญหาเรื่องการแสดงความนับถือนี้ เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมอิสลามจึงห้ามอย่างเด็ดขาดเกี่ยวกับรูปภาพทุกชนิด และเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมประชาชาติทั้งหลายจึงจมดิ่งสู่การชิรฺก์ ไม่ว่าจะเป็นชิรฺก์ใหญ่หรือชิรฺก์เล็กก็ตาม (อิกฺติฎออ์ อัล-ศิรอฏ้อลมุสตะกีม เล่ม ๒ หน้า ๓๓๔)
ท่านอิบนิ อัล-ก็อยยิม ร่อหิมะฮุ้ลลอฮฺ ๆได้สาธยายถึงวิธีการที่ชัยฏอนเข้าไปล่อลวงพวกคริสเตียนว่า ชัยฏอนได้เข้าไปล่อลวงพวกคริสเตียนเกี่ยวกับเรื่องรูปภาพ ซึ่งมีอยู่ในโบสถ์ของพวกเขาและพวกเขาก็เคารพบูชามัน ท่านจะพบว่าไม่มีโบสถ์ใดเลยที่ปราศจากรูปภาพของนางมัรฺยัม(พระนางแมรี่), อัล-มะสีหฺ(นบีอีสา หรือ พระเยซู), จอร์จ, ปีเตอร์ และคนอื่นๆที่เป็นบาทหลวงของพวกเขาหรือผู้ที่พลีชีพเพื่อพระเจ้าของพวกเขา ส่วนมากของพวกเขาโค้งคำนับหรือแสดงความเคารพต่อรูปภาพเหล่านี้ และสวดอ้อนวอนขอพรจากรูปภาพเหล่านี้ แทนที่จะขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺองค์เดียว พระราชาคณะแห่งอะเล็กซานเดรียได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงผู้ปกครองแห่งโรมเชิญชวนให้โค้งคำนับหรือแสดงความเคารพต่อรูปภาพเหล่านี้ โดยกล่าวว่า อัลลอฮฺได้ทรงบัญชาให้มูสาทำรูปเทวดาเด็กที่มีปีกไว้ในหอสวด ครั้นเมื่อถึงสมัยของสุลัยมานบุตรของดาวูดก็ได้สร้างโบสถ์ขึ้นและสร้างรูปเทวดาเด็กที่มีปีกหลายรูปแล้วเอาไปไว้ในโบสถ์นั้น จดหมายหรือราชโองการนี้ก็เช่นกัน เมื่อกษัตริย์ส่งราชโองการถึงข้าหลวงของเขา ข้าหลวงผู้นั้นจะต้องคุกเข่าลงนำเอาราชโองการมาจูบ แล้วหลังจากนั้นก็เอามาสัมผัสหน้าผากของเขา(เป็นเครื่องหมายของการแสดงความนับถือ) แล้วก็ยืนขึ้นเพื่อรับราชโองการนั้น ที่เขาทำเช่นนี้มิได้หมายความว่าเขาทำความเคารพราชโองการซึ่งเป็นเพียงกระดาษและน้ำหมึกเท่านั้น หากแต่เขาทำความเคารพพระราชา ในทำนองเดียวกันเมื่อผู้ใดโค้งคำนับหรือก้มกราบรูปภาพใดๆ นั่นย่อมหมายถึงเขาได้แสดงความเคารพสักการะคนในภาพนั้น ไม่ใช่แสดงความเคารพต่อสีสันของรูปเหล่านั้นนี่เป็นตัวอย่างของการเคารพบูชาเจว็ด (อิฆอษะฮฺ อัล-ละฮฺฟาน, เล่ม ๒ หน้า ๒๙๒)
ท่านยังกล่าวอีกว่า สาเหตุที่ประชาชาติทั้งหลายจมดิ่งสู่การชิรฺก์ ส่วนใหญ่แล้วเนื่องมาจากรูปภาพและหลุมศพ(ซาด อัล-มะอาด เล่ม ๓ หน้า ๔๕๘)
๕. อายะฮฺอัล-กุรอานและบรรดาหะดีษที่ยกมาแต่ต้น ทั้งหมดนี้ ล้วนชี้ให้เห็นว่าข้อห้ามเกี่ยวกับรูปภาพนั้นก็ด้วยเหตุผลบางประการ คือ
ประการแรก คือ เพราะมันหมายถึงความพยายามที่จะเลียนแบบการสร้างสรรค์ของอัลลอฮฺ
ประการที่สอง คือ เพราะมันเป็นการเลียนแบบพวกกาฟิรฺ
ประการที่สาม คือ เพราะมันเป็นหนทางที่จะนำไปสู่การแสดงความเคารพนับถือ เคารพบูชา และตกไปสู่การชิรฺก์
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เป็นที่ต้องห้ามอย่างเด็ดขาดในสร้างรูปปั้น รูปเคารพ ไม่ว่ารูปนั้นจะเป็นมุสลิมหรือกาฟิรฺก็ตาม ผู้ใดก็ตามที่ยังทำเช่นนั้นอยู่ ก็เท่ากับเขาพยายามที่เลียนแบบให้เหมือนการสร้างสรรค์ของอัลลอฮฺและสมควรได้รับการสาปแช่ง
เราขอต่ออัลลอฮฺได้โปรดปกป้องคุ้มครองพวกเราให้รอดพ้นปลอดภัยและมั่นคงอยู่บนความถูกต้อง และได้รับทางนำจากพระองค์
ขออัลลอฮฺได้โปรดประทานความจำเริญแก่ท่านนบีมุหัมมัดของพวกเรา
ชัยคฺ มุหัมมัด ศอลิหฺ อัล-มุนัจญิด |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Tue Aug 03, 2010 10:16 am ชื่อกระทู้: |
|
|
การวาดรูปภาพสิ่งมีชีวิต
จากคำถามหมายเลขที่ # 39806
ถาม : มีกฎเกณฑ์อย่างไรเกี่ยวกับการวาดรูปภาพในอิสลาม
ตอบ : อัล-หัมดุลิ้ลลาฮฺ
บรรดาผู้ที่กำลังวาดรูปสิ่งมีชีวิตอยู่ โปรดทราบเถิดว่า มีกล่าวในสุนนะฮฺว่ามันเป็นสิ่งต้องห้าม ไม่เป็นที่อนุญาตให้ทำการวาดรูปสิ่งมีชีวิต ทั้งนี้เนื่องจากท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวไว้ในหะดีษศ่อหี๊ยฺหฺว่า
...คนทุกคนที่ทำรูปภาพ จะอยู่ในไฟนรก... มุสลิม
และท่านยังได้กล่าวอีกว่า
...คนที่จะถูกลงโทษอย่างแสนสาหัสที่สุดในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ ก็คือบรรดาคนที่ทำรูปภาพ ซึ่งพวกเขาพยายามที่จะเลียนแบบการสร้างสรรของอัลลอฮฺ... อัล-บุคอรียฺ
...บรรดาคนที่ทำรูปภาพเหล่านี้ จะถูกลงโทษในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และจะมีกล่าวแก่พวกเขาว่า จงให้ชีวิตแก่สิ่งที่พวกเจ้าสร้างขึ้นมาซิ!... อัล-บุคอรียฺ-มุสลิม
ท่านรสูลุ้ลลอฮฺ ศ็อลลั้ลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้สาปแช่งบรรดาผู้ที่รับดอกเบี้ย ผู้ที่จ่ายดอกเบี้ย และท่านยังได้สาปแช่งคนที่ทำรูปภาพ (ดูในอัล-บุคอรียฺ ; กิตาบอัล-ลิบาส) นี่เป็นการชี้ให้เห็นว่าการทำรูปภาพเป็นสิ่งต้องห้าม บรรดานักวิชาการได้ขยายความว่ารูปภาพที่ว่านี้ คือ รูปของสิ่งมีชีวิต เช่น สัตว์ มนุษย์ และนก
ส่วนการวาดรูปภาพวัตถุสิ่งของที่ไม่มีชีวิตซึ่งเป็นภาพสองมิตินั้น(คือ มีความกว้าง ความยาว ไม่มีความลึก)ไม่เป็นที่ต้องห้าม เช่น การวาดรูปภูเขา ต้นไม้ เครื่องบิน รถยนต์ และวัตถุสิ่งของต่างๆที่ไม่มีชีวิต เหล่านี้บรรดานักวิชาการมีความเห็นว่าไม่ผิด
รูปภาพต่างๆที่เป็นที่ต้องห้ามนั้น มีข้อยกเว้นเพียงประการเดียวคือเมื่ออยู่ในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เช่น การวาดรูปเค้าหน้าของอาชญากร เพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินคดี จะได้รู้ว่าอาชญากรผู้นั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรจะได้จับกุมไม่ผิดตัว หรือรูปภาพเพื่อทำบัตรประจำตัวประชาชนอันเป็นสิ่งสำคัญและมีความจำเป็นซึ่งไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีอื่น และเพื่อความจำเป็นอื่นๆ ถ้าหากเจ้าหน้าที่ของรัฐตัดสินใจผลิตรูปภาพอาชญากรออกมา นั่นถือเป็นความจำเป็น เนื่องจากความร้ายกาจของพวกอาชญากรและเพื่อเป็นการปกป้องพี่น้องมุสลิมให้รอดพ้นจากภัยคุกคามแห่งความชั่วร้ายของคนร้ายเหล่านั้น และเพื่อเหตุผลอื่นๆคล้ายๆกันนี้ ถ้าอยู่ในเงื่อนไขทำนองนี้ไม่ถือว่าเป็นความผิดแต่อย่างใด ดังที่อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวไว้ว่า
.....พระองค์ได้ทรงสาธยายแก่พวกเจ้าแล้วในรายละเอียด ถึงสิ่งที่ถูกห้ามแก่พวกเจ้า ยกเว้นเมื่อตกอยู่ภายใต้ภาวะคับขันที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น..... สูเราะฮฺ อัล-อันอฺาม : ๑๑๙
จาก ฟะตาวา นูรฺ อะลา อัล-ดัรฺบฺ โดย ท่านชัยคฺ บิน บาซฺ หน้า ๓๐๒ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Tue Aug 03, 2010 10:17 am ชื่อกระทู้: |
|
|
จาก ฟะตะวา นูร อะลา อัล-ดัรบฺ " โดย ท่านชัยค์ บิน บาซฺ หน้า 302
www.islam-qa.com ส่วนการวาดรูปภาพวัตถุสิ่งของที่ไม่มีชีวิตซึ่งเป็นภาพสองมิตินั้น(คือมีความกว้าง ความยาว ไม่มีความลึก) ไม่เป็นที่ต้องห้าม
วัลลอฮฮุอะลัม
วัสลามุอา่ลัยกุม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
ชาริค มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/04/2007 ตอบ: 276
|
ตอบ: Tue Aug 03, 2010 10:44 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ละเอียดดีจัง ไม่น่าหายไปหลายวัน |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|