อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[fafa_tar@hotmail.com]

1.ขอถามหน่อยน่ะค่ะว่า การละเล่นดิเกฮูลู นี้เป็นการละเล่นที่ถูกหลักศาสนาไหมค่ะ บาปหรือไม่บาปค่ะ และถ้าบาปมีวิธีการหลีกเลี่ยงยังไงค่ะ
2. ดิฉันเรียนอยู่เอกการประถมศึกษาซึ่งเอกที่ดิฉันเรียนนี้อ่ะต้องเรียนทุกวิชา แล้วมีวิชาที่ต้องเรียนเป็นวิชานาฎศิลป์ที่ต้องรำค่ะ อยากถามว่ามุสลิมอย่างดิฉันสามมารถที่จะเรียนได้ไหมค่ะ หรือมีวิธีการหลีกเหลี่ยงได้ไหมค่ะ
3. ถ้าสมมุติดิฉันเรียนจบแล้วได้บรรจุได้เป็นครูสอนโรงเรียนประถมศึกษาขึ้นมาจริง แล้วพอดีโรงเรียนที่ดิฉันบรรจุได้ขาดแคลนครูนาฎศิลป์ แล้วดิฉันต้องไปสอนวิชานาฎศิลป์ อยากถามอาจหน่อยว่าจะบาปหรือไม่ เพราะเหตุใด และมีวิธีการหลีกเลี่ยงไหมค่ะ

[shabab]

[shabab]

คำตอบ ข้อ 2.และ. 3.

การเรียนวิชาดนตรี

http://banatulhuda.blogspot.com/2010/05/blog-post_4703.html

และใช้ฮุก่มเดี่ยวกับสำหรับ คำตอบในข้อหนึ่ง ในเรื่องของ ฮารอม หากมีดนตรีประกอบ

[shabab]

ดนตรีฮารอม

พื้นฐานเพื่อนำไปสู่ความเข้าใจบทบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องเพลงและเครื่องดนตรีครับ

ซึ่งมีรายละเอียดดั่งนี้

หลักฐานที่หนึ่ง
พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า “ และในหมู่มนุษย์นั้นมีผู้ซื้อคำพูดที่ไร้สาระเพื่อทำให้ผู้คนหลงไปจากทางของอัลลอฮฺ และถือเอาเป็นเรื่องขับขัน สำหรับพวกเหล่านี้คือการลงโทษอันอัปยศยิ่ง “ (สูเราะฮฺที่31 : 6)

ท่านอิบนุญะรีร อัฎฏ็อบรีย์ กล่าวว่าการให้ความหมายคำว่า “ ละฮวัลหะดีษ (คำพูดที่ไร้สาระ) “ มีความหมายสรุปได้ดังนี้
1.การร้องเพลง และการฟังเพลง
2.การซื้อนักร้องทั้งชายและหญิง (หมายถึงซื้อทาสมาเพื่อร้องเพลง)
3.การซื้อหาเครื่องดนตรี เช่น กลอง

หลักฐานที่สอง
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า “จะมีกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของฉันโดยพวกเขาจะทำให้เรื่องการทำซินา, ผ้าไหม, สุรา และอัลมะอฺาซิบกลายเป็นสิ่งหะลาล (สิ่งซึ่งศาสนาอนุมัติให้กระทำ) “ บันทึกโดยบุคอรีย์
หมายเหตุ คำว่า “ อัลมะอฺาซิบ “ ในภาษาอฺรับหมายถึง
1.เครื่องดนตรี
2.เสียงของเครื่องดนตรี (หรือเสียงเพลงนั่นเอง)
3.การร้องเพลงประกอบเครื่องดนตรี

หลักฐานที่สาม
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ แท้จริงอัลลอฮฺทรงห้ามประชาชาติของฉันในเรื่องสุรา, การพนัน, มิซร์ (เครื่องดื่มที่หมักจากข้าวโพด), กูบะฮฺ (กลอง), และกินนีน (กีต้าร์อฺรับชนิดหนึ่ง) โดยพระองค์ยังเพิ่มการนมาซวิตร์ให้แก่ฉันอีก “ (บันทึกโดยอะหฺมัด เชคอัลบานีย์ ถือว่าหะดีษข้างต้นเศาะหี้หฺ)

หลักฐานที่สี่
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวไว้ว่า “ แท้จริงพระองค์อัลลอฮฺทรงห้ามสุรา, การพนัน, อัลกูบะฮฺ และทุกๆ สิ่งที่ทำให้มึนเมา ถือว่าหะรอม,
ท่านสุฟยานเล่าว่า ฉันถามท่านอฺลีย์ บุตรของบะซีมะฮฺว่า กูบะฮฺคืออะไร ? เขาตอบว่า กลอง “ (บันทึกโดยอะหฺมัด)

สรุปจากหลักฐานที่หยิบมานั้นพอกล่าวได้ว่า ศาสนาไม่อนุมัติให้มุสลิมเล่นดนตรี, ร้องเพลงประกอบดนตรี หรือฟังเพลงประกอบดนตรี,

แต่การร้องนะชีด หมายถึงบทกลอน โดยไม่มีดนตรีประกอบ ศาสนาอนุญาตให้กระทำได้ดั่งที่เคยเกิดขึ้นในสมัยของท่านรสูลุลลอฮฺขณะที่ท่านรสูลเดินเข้าสู่นครมะดีนะฮฺ ซึ่งชาวเมืองมะดีนะฮฺต่างพากันร้องนะชีด (บทกลอน) ไว้ว่า “ เฏาะละอัลบัดรุอะลัยนา…… “

ฉะนั้นหากเรานั่งอยู่คนเดียวแล้วเราก็กล่าวเป็นบทกลอนว่า “แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง….. “ โดยไม่มีเสียงดนตรี ถือว่าอนุญาต

แต่หากมีการกล่าวบทกลอน แต่มีเสียงดนตรี เช่นนี้ศาสนาไม่อนุญาต หรือ กล่าวบทกลอน (นะชีด) แต่เนื้อหาของบทกลอนมีถ้อยคำที่หยาบโลน แม้ว่าจะไม่มีเสียงดนตรีประกอบก็ถือว่าไม่อนุญาตเช่นกัน
(วัลลอฮุอะอฺลัมบิศเศาะวาบ)

[shabab]

วิธีการแก้ไข

ลองอ่านคำถามตอบนี้ดูนะ เทียบเคียงได้
ถามว่า
มุสลิมสามารถสอบธรรมะศึกษาได้รึป่าวคะ

คำตอบของการสอบวิชาดังกล่าวข้างต้นนั้น ถือเป็นการสอบที่อนุญาตที่จะกระทำได้ เพราะไม่มีหลักฐานห้าม

แต่ต้องได้รับการพิจารณาดังนี้
หากการสอบข้างต้นเป็นการสอบเพื่อเป็นคะแนนในรายวิชาใดวิชาหนึ่งซึ่งเป็นรายวิชาที่เราจะต้องศึกษาให้ครบตามหลักสูตรที่โรงเรียนนั้นๆได้กำหนดไว้ เช่น
ตามหลักสูตรของโรงเรียนนั้นๆ มีกำหนดให้นักเรียนจะต้องเรียนภายในภาคการศึกษาสำหรับวิชาบังคับแกนหรือบังคับเลือกที่เป็นรายวิชาศาสนาศึกษาหรือที่เกี่ยวข้องข้างต้นนั้นๆ เป็นจำนวน 3 หน่วยกิตซึ่งรายวิชาดังกล่าว จะต้องมีการเรียนรู้ถึงศาสนาทุกศาสนา เช่น อิสลาม พุทธ คริสต์ ฮินดูเป็นต้น ซึ่งแน่นอน ในรายวิชาดังกล่าวจะต้องมีความเชื่อของแต่ละศาสนาที่แตกต่างกันไปและที่สำคัญ เนื้อหารายละเอียดของศาสนาอื่นๆนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการทำซีริกโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนี้
เมื่อ เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเรียนการสอนในวิชาดังกล่าวอันเนื่องจากการถูกบังคับโดยหลักสูตรและการเข้าโรงเรียนโดยไม่เลือกการเข้าโรงเรียนที่เป็นโรงเรียนสอนศาสนาแล้วล่ะก็
หากจะกระทำต้องมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
1.จะต้องเป็นการสอบโดยการเขียนลงไปในกระดาษข้อสอบ หาได้เป็นการท่องบทสวดโดยภาคปฏิบัติแต่อย่างใดไม่
2.ห้ามเชื่อในบทสวดนั้นๆหากมีการสอบเสร็จแล้วหรือกำลังเรียนรู้ในบทสวดนั้นๆ
3.ห้ามเรียนรู้ในส่วนของเนื้อหาอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอบวิชาดังกล่าวเลยแม้แต่น้อยหากเราไม่มีความรุ้ในหลักการอิสลามในเรื่องของความเชื่อหรือเรื่องอื่นๆ
4.ต้องเป็นการสอบเพื่อให้ผ่านพ้นซึ่งรายวิชาที่ถูกบังคับตามหลักสูตรนั้นๆเท่านั้น
5.ในขณะที่เรียนหรือศึกษาตามคาบในวิชาเรียนนั้นๆให้หลีกเลี่ยงในเรื่องของการท่องบทสวดหรือการปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดที่มันเป็นความเชื่อของศาสนานั้นๆโดยชัดเจน เช่น การท่องบทสวดต่างๆโดยแสดงออกโดยการปฏิบัติ การนั่งสมาธิ เป็นต้น
อนึ่ง การเรียนรู้ถึงข้อมูลหลักการศาสนาต่างๆที่มิใช่อิสลามนั้น มิได้เป็นสิ่งต้องห้ามแต่อย่างใดหากการเรียนรู้ดังกล่าวนั้นไปในทางการรับทราบถึงข้อมูลข้างต้นเพื่อทำการใดทำการหนึ่ง เช่น เผยแพร่หลักการอิสลามแล้วเปรียบเทียบถึงข้อมูลของเขาว่า เป็นเท็จอย่างไร เป็นจริงอย่างไรหากเทียบกับหลักการอิสลาม ..นี่ไงคือความรู้ที่เราต้องมีทั้งของเขาและของเรา แต่ที่สำคัญ ห้ามเชื่อถึงข้อมูลหลักการของเขาอย่างเด็ดขาด และเราต้องหนักแน่นในหลักอากีดะห์ของเราเสียก่อนถึงจะศึกษา
อินชาอัลลอฮ
วัสลามุอาลัยกุม