ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
ali มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003 ตอบ: 295
|
ตอบ: Tue Oct 06, 2009 5:40 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
แต่ขอสรุปประเด็นที่คุยกันผ่านมาให้ชัดเจนก่อนคือ
ท่านนบีสุญูดบนพื้น ไม่ว่าพื้นนั้นจะเป็นพื้นดินโดยตรง หรือมีเสื่อและอื่นๆ ปูทับอยู่ ดังหลักฐานที่ชีอะฮ์ได้ยกมาอ้างเองทั้งสิ้น
แต่ไม่มีตัวบทหลักฐานจากท่านนบี หรือจากท่านอาลี แม้แต่เพียงตัวบทเดียวที่ยืนยันว่า ท่านได้ไปนำเอาก้อนดินใดๆ มารองสุญูด เหมือนดั่งที่ชีอะฮ์ปฏิบัติกันในขณะนี้
ถ้าผมสรุปไม่ตรงประเด็นก็ขอให้ชีอะฮ์ แย้งด้วยหลักฐาน
กล่าวอีกครั้งครับ
ไม่มีตัวบทหลักฐานจากท่านนบี หรือจากท่านอาลี (อิหม่ามที่หนึ่งของชีอะฮ์)
ที่ปฏิบัติหรือใช้ให้ผู้อื่นปฏิบัติ โดยไปเอาก้อนดินใดๆมารองสุญูดในขณะละหมาด
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
AntiRafidah มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 05/06/2009 ตอบ: 120
|
ตอบ: Tue Oct 06, 2009 5:59 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
israya บันทึก: | เพื่อให้โอกาสผมตรวจสอบความคิด สติปัญญาและความรู้ของบังบ้างนะครับ
ในฐานะคนใต้ที่เคยเรียนปอเนาะกันมาแล้ว แม้ว่าส่วนตัวยังไม่ได้รู้จักกัน
ขอให้บังโปรดกลับไปพิจารณาทั้งคำถาม คำตอบระหว่งบริวารของบังที่ชื่อแอนตี้รอฟิเฎาะฮ์(ตั้งชื่อตนเองเพื่อลบหลู่ผู้อื่น มันไม่ดี) กับผม ที่โต้แย้งกัน
ในหัวข้อกระทู้ฮะดีษกับกุรอานขัดกันเรื่องบิดามารดาท่านนบี (ศ)ให้ทีครับ และผมอยากให้บังตัดสินไปตามสามัญสำนึก ตามหลักวิชาการตัฟซีรกุรอาน และวิชาการฮะดีษ กฎไวยกรณ์ หรืออะไรก็แล้วแต่ เชิญหน่อยนะบังนะ ผมข้องใจอะ |
อ้าวๆ คุณรอฟิเฎาะ israya งอแงไปฟ้องอาจารย์อะสันซะแล้วหรือนี่ โอ๋ๆ อย่าร้องครับ
อ้าว ตกลงว่า ไม่ค่อยมั่นใจกับทัศนะของตัวเองในโองการที่ 23-25 เสียแล้วเหรอครับเนี่ย?
ถึงได้ต้องให้อาจารย์อะสันช่วยอธิบายให้ ตกลงว่ามุสลิมเราขัดแย้งกันเองตั้งนาน สุดท้ายตัวเองก็ไม่มั่นใจ ผมบอกแล้วว่าอ้ายนี่มันมั่วมา
จะให้อาจารย์อะสันตัดสินก็ได้ ผมไม่ซีเรียจอยู่แล้ว ถ้าผมเป็นฝ่ายเข้าใจผิด ผมก็พร้อมจะเปลี่ยนไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องเสมอ
แต่คุณรอฟิเฏาะ israya นี่สิ ถ้าอาจารย์อะสันตัดสินแล้วว่าคุณเข้าใจผิด คุณพร้อมจะเปลี่ยนความเข้าใจตัวเองหรือเปล่า? หรือว่าความเข้าใจของวะฮาบี รอฟิเฏาะอย่างคุณไม่เอา?
ตอบหน่อยนะ อันนี้ผมก็ข้องใจกับคุณ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
israya มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009 ตอบ: 293
|
ตอบ: Tue Oct 06, 2009 6:39 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คุณ ali
มือเก๋า ผมขอโทษคุณ เข้าใจผิดพลาดนิดหน่อย มะอัฟนะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
AntiRafidah มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 05/06/2009 ตอบ: 120
|
ตอบ: Tue Oct 06, 2009 7:23 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คุณรอฟิเฏาะ israya
ตอบคำถามที่ผมถามหน่อยสิครับ ผมข้องใจกับคุณจังเลย |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
israya มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009 ตอบ: 293
|
ตอบ: Tue Oct 06, 2009 9:47 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
จะให้ตอบกระทู้โน้นในกระทู้นี้ หรือครับ เอ้า ถ้าไม่ผิดกติกา ก็จะตอบให้
ความหมายของผม คือ หมายถึง บรรดาสาวกที่พ่อแม่ตายไปก่อนท่านนบี(ศ)จะได้รับวะห์ยู ย่อมมี
สิทธิขอพรให้กับพ่อแม่ ขอให้คุณจงหยุดการใส่ร้ายป้ายสี แล้วตั้งใจอ่านคำตอบของ ผมที่อุตส่าห์
เขียนมาให้เสียใหม่ ส่วนหนึ่งนั้นจะเป็นอายะต่างๆ ที่บอกเล่าความหมายดุอาของอิบรอฮีม ทำไม
อัลลอฮ์จึงนำเอาบทดุอาของอบรอฮีมมาพรรณนา ข้อนี้ สติปัญญาของเรามีสิทธิคิดได้ไหมครับ ?
สักวันหนึ่ง เมื่อความหลงผิดเข้ามาครอบงำจิตใจของประชาชาตินี้ ด้วยเข้าใจว่า เป็นกาเฟรก็ไม่
เห็นแปลก ขนาดแม่นบีของเรายังเป็นกาเฟรเลย แล้วจะมีการทบทวนความหมายดุอาของนบี
อิบรอฮีม ผู้เป็นบรรพบุรุษ ว่าขอเกี่ยวกับลูกหลานของท่านอย่างไรบ้าง ทำไม ?อิบรอฮีมดูค่อน
ข้างจะเน้นเรื่องลูกหลานของตัวเองเสียเหลือเกิน ดุอาของอิบรอฮีมทั้งชีวิตวนเวียนอยู่แค่นี้เอง
หรือ ? หามิได้ แต่อัลลอฮ์เจาะจงนำเอาดุอาประเภทนี้ของอิบรอฮีมมาวะห์ยูบอกกล่าวแก่ท่านนบี
เพื่อเป็นกำลังใจ และเพื่อความมั่นใจแก่ท่านในการต่อสู้กับพวกกุฟฟาร และเผยแผ่อิสลาม
ด้านหนึ่งท่านนบีก็คือมนุษย์ ถ้ามีปมด้อยอยู่กับเทือกเถาเหล่ากอ การจะชี้นำคนอื่นนั้นอาจทำได้
ไม่เต็มที่นัก แต่ดูเถิด ตลอดชีวิตของท่านนบี ท่านไม่เคยมีความรู้สึกมีปมด้อย ในการเผยแผ่
สัจธรรม และพวกกุฟฟารเองก็ไม่เคยหยิบยกเอาการเป็นมุชริกของพ่อแม่ของท่านมาประชด
ประชัน ทั้งๆที่พวกอาหรับจะตอบโต้ และใส่ร้ายท่านนบีสารพัดเรื่อง
คุณไม่เชื่อถือว่า رَبِّ ارْحَمْهُمَا كَمَا رَبَّيَانِي صَغِيرًا﴿٢٤﴾
นั่นคือ ดุอาของมุฮัมมัด ที่ถูกสอนมาจากอัลลอฮ์ แต่มุสลิมทุกคนก็อาศัยใช้ด้วยได้ ผมก็จนใจ
และไม่อยากจะเอาชนะคุณ แต่คุณก็น่าจะเชื่อดุอาของนบีอิบรอฮีม บรรพบุรุษของมุฮัมมัด นะ
และคุณคงไม่รู้ว่าดุอาของบรรดานบีนั้น มุสตะญับเพียงใด
وَإِذْ قَالَ إِبْرَاهِيمُ رَبِّ اجْعَلْ هَذَا الْبَلَدَ آمِنًا وَاجْنُبْنِي وَبَنِيَّ أَن نَّعْبُدَ الأَصْنَامَ
และจงรำลึกเมื่อครั้งที่อิบรอฮีมกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลเอย โปรดทำให้บ้านเมืองนี้ปลอดภัย และ
โปรดทำให้ฉันและเชื้อสายของฉันไกลห่าง ต่อการบูชารุปปั้น
เราไม่ปฏิเสธว่าลูกหลานอิบรอฮีมจะไม่มีคนอธรรม มีแน่นอน และมีเหมือนๆกับลูกหลานนบีนูห์
นั่นแหละ แต่ท่ามกลางลูกหลานเป็นร้อยเป็นพันนั้น จะต้องมีสายพันธุ์ของท่าน ที่เป็นไปตามดุ
อา
ดูคุณจะไม่ให้น้ำหนักอะไรเลยกับเรื่องดุอา ทั้งๆที่ เป็นทั้งดุอาและอายะกุรอาน ในเวลาเดียวกัน
ผมยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ไหมที่ดุอาท่อนนี้ของนบีอิบรอฮีมจะสูญเปล่า ไม่มีผลตอบสนองเรื่อย
มากระทั่งถึงคนที่มุฮัมมัดถูกปฏิสนธิในครรภ์
ถ้าเช่นนั้น คุณอธิบายความหมายคำว่า การคัดเลือกของอัลลอฮ์ ทั้งในแง่ อิศฏอฟาอ์ และในแง่
อิคติยาร ให้ผมดูที ว่าอัลลอฮ์ทรงคัดเลือกอย่างไร แต่สำหรับท่านมุสลิม เจ้าของตำราศอฮีฮ์ของ
พวกคุณอธิบายว่า หมายถึง การคัดเลือกและคัดสรรจากสายพันธุ์ที่ไม่ตั้งภาคี ผมขออนุญาตนำฮะ
ดีษศอฮีฮ์ ไม่แพ้รายงานของอะบูฮุร็อยเราะมาทบทวนใหม่กับคุณอีกครั้ง
ท่านนบี(ศ) กล่าวว่า وروي الطبراني وأبو نعيم وابن عساكر عنه صلي الله عليه وسلم قال " خرجت من نكاح ولم أخرج من سفاح من لدن آدم إلي أن ولدني أبي وأمي ولم يصبني من سفاح الجاهلية
شيء "
รายงานโดยอัฏฏ็อบรอนีย์ อะบูนะอีม และอิบนุอะซากิร ว่ามีรายงานจากท่านนบี(ศ) ท่านกล่าวว่า
ฉันมาจากการนิกาห์ และมิได้มาจากพวกที่ทำชั่วจากลูกหลานอาดัม จนถึงกับว่า บิดาของฉัน และ
มารดาของฉัน ได้ให้กำเนิดฉันจากความชั่ว ประสาพวกญาฮิลียะฮ์แต่ประการใด
ฮะดีษจากศอฮีฮ์มุสลิมอีกบทหนึ่ง สินค้าจากร้านเดียวกัน เจ้าของเดียวกัน มีให้เลือกระหว่างของ
ดีกับของเน่า ถามว่า ทำไมคุณจึงติดอกติดใจกับของเน่าเสียละครับ เหตุผลอะไรที่ไหนอีกที่ทำให้
สติปัญญาตัดสินกันอย่างนั้น ผมสมเพช เวทนาจริงๆ
إن الله اصطفي كنانة من نسب إسماعيل واصطفي قريشا من كنانة واصطفي من قريش بني هاشم واصطفاني من بني هاشم " مسلم
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงคัดเลือกกินานะฮ์ มาจากเชื้อสายของอิสมาอีล และทรงคัดเลือกกุเรช มาจาก กินนานะฮ์ และทรงคัดเลือกบะนีฮาชิม มาจากกุเรช และทรงคัดเลือกฉันมาจากบะนีฮาชิม
إن الله اختار الخلق فاختار منهم بني آدم ثم اختار من بني آدم العرب ثم اختارني من العرب فلم أزل خيارا من خيار " الطبراني
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงคัดเลือกสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย ดังนั้นทรงคัดเลือกลูกหลานอาดัมมาจากพวกเขา
ต่อมา ทรงคัดเลือกชนชาวอาหรับ มาจากลูกหลานอาดัม ต่อมา ทรงคัดเลือกฉันมาจากชนชาว
อาหรับ ดังนั้น การคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุด จะไม่หยุดยั้ง (จากฏ็อบรอนีย์)
คุณมองข้ามฮะดีษเหล่านี้ทั้งๆที่อุละมาของพวกคุณยืนยันว่า ศอฮีฮ์ ผมขอหลักฐานที่พวกคุณมีพอ
จะหักล้างฮะดีษสองสามบทนี้ด้วยทีเถิด ช่วยผมที ผมก็อยากเชื่อให้เหมือนคุณเต็มทีแล้ว เพื่อจะ
ได้สอนพี่น้องเสียใหม่ และยุติปัญหาขัดแย้งนี้เสียที แต่ข้อสำคัญพวกคุณต้องหาหลักฐานมาหัก
ล้างด้วยใจเป็นธรรม อ่านให้ดีๆเนียนๆ เพราะฮะดีษของมุสลิม ของฏอบรอนีย์ เหล่านั้นล้วนเป็น
ฮะดีษศอฮีฮ์
รายงาน ที่ศอฮีฮ์ที่สนับสนุนว่ามารดาของท่านนบี ไม่ได้ตกนรก ยังมีอีกมาก มีการรายงานบอก
เล่าอย่างชัดเจนว่า อัลลอฮ์ทรงคัดเลือกครรภ์ของหญิงที่ มุฮัมมัด จะมาปฏิสนธิในครรภ์ คุณศึกษา
ต้นตระกูลของท่านนบีแค่ไหน คุณชอบที่รายงานนั้นแล้ว ยังมีใครอื่นอีกกี่คนที่รายงานบอกเล่า
เรื่องเดียวกับอะบูฮุร็อยเราะ ไหนว่า มีประชาชนจำนวนหนึ่งที่อยู่รายรอบท่านนบีร้องไห้ตาม
ท่านไปด้วย คนเหล่านั้นไปไหนหมด ทำไมไม่มีใครมาช่วรายงานสนับสนุนคำบอกเล่าของอะบูฮุ
ร็อยเราะบ้าง ปล่อยให้อะบูฮุร็อยเราะถูกตั้งข้อสงสัยอยู่คนเดียวได้อย่างไรถ้าเป็นเรื่องจริงๆ ก็น่า
จะมีรายงานจากบุคคลอื่นเสริมมาด้วยบ้าง เหมือนกับเรื่องศอฮีฮ์อื่นๆ
แล้วรู้ไหมคำว่า มุฮัมมัด ใครเป็นผู้ตั้งชื่อ ? และใครเป็นผู้มาสั่งให้คนผู้นั้นเรียกชื่อนี้ ? ใครบ้าง
ที่ได้เป็นหมอตำแยตอนคลอดทารกมุฮัมมัดผู้เป็นนบี นางอามินะฮ์ ไม่ได้พูดไม่ได้กล่าวถ้อยคำ
จำนรรจาใดๆสักประโยคหรือ กับลูกคนนี้ นับตั้งแต่อยู่ในท้อง กระทั่งคลอดออกมา ทำไมยังมีคน
ไปล่วงรู้ได้ว่า นางบูชาเจว็ด แต่ไม่มีใครสักคนล่วงรู้ว่าช่วงที่นางเลี้ยงดูทารกคนนี้จนอายุ ๔ ปี
นั้น นางมีท่าทีต่อลูกของนางอย่างไร ? พูดว่าอย่างไรบ้างไหม และทำไมเรื่องเหล่านี้ถูกเก็บเงียบ
ราวกับถูกขังในคุกมืด หรือพวกคุณคิดว่า เรื่องเหล่านี้ถ้าใครหยิบมากล่าวขานพวกคุณ มักจะ
มองว่าเป็นเหมือนนิยายอะศอบียะฮ์ ส่วนเรื่องพิสดารเหลือเชื่อบางเรื่องในสมัยดึกดำบรรพ์ครั้ง
นบีมูซามีผู้รายงานแล้วพวกคุณจะเห็นว่าเป็นความจริง เช่นมะลาอิกัตถูกตบจขนตาหลุด เป็นต้น
เป็นไปไม่ได้หรือ ที่มีคนส่วนหนึ่งจดจำคนแรกที่ขานชื่อว่ามุฮัมมัด ให้คนอื่นได้ยิน
แล้วเป็นไปได้หรือที่กาเฟรจะเข้าใจในความหมายของชื่ออันงดงามและมีสิริมงคลนี้ และเป็น
นามอันถูกแยกมาจากพระนามหนึ่งของอัลลอฮ์ มุชริกจะคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้หรือ มุชริกจะเป็นผู้
ตจั้งชื่อศาสดาให้กับประชาชาตินี้หรือ และขอย้ำกับคุณว่าความเชื่อเหล่านี้ ไม่ได้เป็นความเชื่อ
ของชีอะ โดยลำพังแต่ฝ่ายเดียว หามิได้ ยังมีอุละมาของพวกคุณอีกมากที่เชื่อว่าพ่อแม่นบีไม่ใช่มุ
ชิริก
ผมถือว่า เมื่อสาวกนบีทุกคนย่อมมีสิทธิขอพรให้พ่อแม่ ที่ล่วงลับไปก่อนหน้าที่ท่านนบี ศ รับวะ
ห์ยู ทุกท่านล้วนมนุษย์ทุกคนมีสิทธิขอพรให้พ่อแม่ทั้งนั้น ไม่ว่าพ่อแม่ตัวเองจะตายไปก่อนที่ตัว
เองจะได้รับการเลี้ยงดูหรือไม่ก็ตาม ข้อนี้ มิได้เป็นฮะราม ยิ่งเป็นตัวท่านนบี ยิ่งถือเป็นการดี
เพราะเท่ากับท่านได้สนับสนุน เป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆอ่านดุอาด้วยซ้ำ
ถ้ามารดาอะบูฮุ ร็อยเราะเป็นมุสลิมแล้ว ก็ยิ่งดีใหญ่ ไม่ได้ว่าไร ผมต้องการแค่ยืนยันว่า ท่านนบี
ศฯใน ฐานะเป็นหัวหน้ามนุษย์ที่ต้องอีมานต่อคัมภีร์ เพราะวะห์ยูตรัสว่า (กุล จงกล่าวเถิด) ร็อบบิ
โอ้พระผู้อภิบาล ร ฮัม ดปรดเมตตา ฮุมา ท่านทั้ง สอง) ผมยืนยันว่า คำว่าจงกล่าว นั้น คือ อัลลอฮ์
ใช้ท่านนบีให้กล่าว ก่อนคนอื่น เป็นอันดับ แรก ? และนี่หลักฐานจับเท็จรายงานของอะบูอุ
ร็อยเราะฮ์ที่ว่า อัลลอฮ์ไม่อนุญาตให้นบีขอ ไม่ได้
ปรักปรำว่าอะบูฮุร็อยเราะกล่าวเท็จด้วยตัวเอง เพราะมีหลายฮะดีษนักรอวีย์แต่งขึ้น แล้วอ้างโยง
ไปหาชื่ออะบูฮุร็อยเราะ ลองอ่านประวัติอะบูฮุร็อยเราะในเว็บนั้นดู อาจมีอธิบายอย่างนี้ แล้วจะรู้
ผมไม่อยากดูถูกความรู้ของคุณ แต่ผมเชื่อมั่นว่าคุณไม่มีพื้นฐานความรู้ใดๆ เกี่ยวกับความ
สัมพันธ์ของอัลกุรอานกับมนุษย์แม้แต่น้อย คุณได้รับความเข้าใจแบบนี้มาจากตำราเรียนเล่ม
ไหน ตัฟซีรอะไร ใครเขียน ใครเป็น
ครูสอนกุรอานให้คุณ ที่สอนคุณว่าอายะนั้น อัลลอฮ์มิได้ตรัสกับท่านนบี ว่าจงกล่าว ยังมีใครเป็น
หุ้นส่วนกับนบีในการรับวะห์ยูอีกหรือ ในเมื่อทุกตัฟซีรยืนยันคำว่ากุล เป็นกิริยาคำสั่งจากอัล
ลอฮ์ (ฟิอ์ลุลอัมร์) แด่ท่านนบี(ศ) คุณหรืออุละมาระดับไหนก็แล้วแต่ ถ้าเอาอารมณ์ความรู้สึกอา
ศอ บียะต่ออะบูฮุร็อยเราะ แทนการเคารพในเหตุผลและเจตนารมณ์ของอัลลอฮ์ คุณตัฟซีรอัลกุ
รอาน ด้วยความบิดเบือนจากอารมณ์และความเห็น ความคิดของคุณโดยไม่มีหลักฐานอ้างอิง
แถมคุณเป็นคนที่ไม่เข้าใจสำนวนภาษาพูดอีกด้วย อายะที่ ๒๔ คุณต้องการจะบิดเบือนคำว่า
กุล ให้แป็นความหมายไปอีกทางหนึ่ง แต่พอยก เอาอายะที่ ๒๓ ไปเปรียบเทียบกับความเข้าใจ
ผิดเช่นนั้น คุณกลับพาลไปว่าเขาอีก ทำไมสายตาทางจิตใจของคุณมันมืดบอดขนาดนี้ หรือว่า
ตกลงแล้ว คุณนี่เป็นอันธพาลหรือศัตรูของอัลกุรอาน กันแน่ คุณบิดเบือนความหมายในโองการ
ที่ ๒๔ ไปเสียเฉยๆ
แน่นอนครับ บิดาของท่านนบีที่ชื่ออับดุลลอฮ์ เสียชีวิตตั้งแต่ท่านนบีเริ่มอยู่ในครรภ์มารดา ให้
ไขว้เขวหรือผู้มีความรู้กันแน่ ผมงงจริงๆ แต่หลักการอิสลาม หากบิดาตายไป ถ้ามีปู่ ก็ให้ ถือว่าปู่
นั่นแหละ อยู่ในฐานะผู้ปกครองของเด็กเฉกเช่นบิดา หากไม่มีปู่ ก็ให้ถือเอาบุคคลใกล้ชิด
รายถัดไปเป็นผู้ปกครองอีกตำแหน่งหนึ่ง และนี่คือหลักการทางศาสนาอิสลามที่ถือปฏิบัติกันมา
ช้านาน จนถึงวันนี้ การที่พ่อของอับดุลลอฮ์(อับดุลมุตตอลิบ)ทำหน้าที่เลี้ยงดูมุฮัมมัด ศ แทนอับ
ดุลลอฮ์นั่นแหละ คนทำหน้าที่ในตำแหน่งที่ว่างตรงนั้น คุณใช้ความคิดสัพรังเคตัดสินชี้ขาด
ความหมายอัลกุรอานแบบนี้ มีโทษจากอัลลอฮ์หรือว่าคุณมีหลักฐาน จากคัมภีร์เล่มอื่น
หรือว่ามาจากอายะไหนของอัลกุรอาน หรือมีหลักฐานสนับสนุนความคิดบิดเบือนมาจากฮะดี
ษไหน ที่บอกว่า ห้ามปู่ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูแทนบิดา ฉะนั้น การที่ท่านนบีอ่านดุอาบทนี้ ก็ไม่
ได้เป็นความผิดพลาด และมิใช่เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อบุคคลที่ท่านนบัให้ความเคารพนับถือเสมอ
ด้วยบิดามารดา มีหลายคนด้วยกัน ความเข้าใจประวัติท่านนบีในตัวคุณ ช่างฉาบฉวยและหยาบ
กระด้างเสียเหลือเกิน |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Tue Oct 06, 2009 9:57 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
[quote="israya"]
ข้อความคำอ่านที่วาญิบในสุญูดนมาซฟัรฎูของชีอะ ที่ผมทำตกหล่น ในกระทู้ข้างบน
บังจะมีตำราเหล่านี้หรือไม่ ผมไม่ทราบ บังไม่เชื่อถือก็ไม่เป็นไร มันเป็นเอกสิทธิ์ ผมไม่ละเมิดสิทธิความไม่เชื่อของบัง แต่บังอย่าประมาทจนเลยเถิดถึงขั้นละเมิดความเชื่อของคนอื่น นะครับ
/quote]
.............
น้องบ่าวชีอะฮ israya ได้อ้างหะดิษที่นักวิชาการซุนนีย์ได้บันทึกไว้ หะดิษเหล่านี้ได้แสดงถึงมุอฺญิซาต (สิ่งที่เป็นความมหัศจรรย์ที่อัลลอฮให้แก่ผู้เป็นรอซูล) โดยท่านได้บอกเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ท่านหุสัยน์หลานของท่านจะถูกฆาตกรรม เป็นต้น ดังหะดิษที่ชีอะฮ israya ยกมาคือ
لقد دخل علي البيت ملك لم يدخل علي قبلها فقال لي أنّ ابنك هذا حسينا مقتول، وإن شئت أريتك من تربة الأرض التي يقتل بها، قال: فأخرج تربة حمراء
แท้จริงมะลักท่านหนึ่งได้เข้ามาหาฉันที่บ้าน ซึ่งท่านไม่เคยเข้าพบฉันมาก่อนเลยแล้วกล่าวกับฉันว่า บุตรของท่านคนนี้ คือฮุเซน คือผู้ถูกสังหาร ถ้าท่านต้องการ ฉันจะให้ท่านเห็นดิน ณ แผ่นดินที่เขาจะถูกฆ่า ท่านกล่าวว่า แล้วเขาก็นำดินสีแดงออกมา (1)
.........
(1)
رواه أحمد في المسند ح (25985)، والحاكم (3/194)، ووافقه الذهبي على تصحيحه، وقال الهيثمي: رجاله رجال الصحيح. مجمع الزوائد (9/301)، وصححه الألباني في السلسلة الصحيحة ح (882)
........
จึงอยากถามว่า หะดิษเหล่านี้ มีจุดใหนที่สอนให้นำดินสุสานท่านหุสัยน์ (ร.ฎ) ที่กัรบาลามารองหน้าผากเวลาสุญูด เพราะท่านนบี ไม่เคยแนะนำให้สาวกคนใดทำ และไม่มีสาวกของท่านนบี ท่านใดเคยทำ โดยอ้างหะดิษที่คุณชีอะฮ israya ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอิหม่ามอาลี เองก็ไม่เคยทำ เพราะฉะนั้น แสดงให้เห็นว่า "การนำดินหุสัยนียะฮ" มารองหน้าผากเวลาสุญูด ไม่ใช่คำสอนนบี _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Tue Oct 06, 2009 10:25 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
israya บันทึก: |
คุณไม่เชื่อถือว่า رَبِّ ارْحَمْهُمَا كَمَا رَبَّيَانِي صَغِيرًا﴿٢٤﴾
นั่นคือ ดุอาของมุฮัมมัด ที่ถูกสอนมาจากอัลลอฮ์ แต่มุสลิมทุกคนก็อาศัยใช้ด้วยได้ ผมก็จนใจ
และไม่อยากจะเอาชนะคุณ |
น้องบ่าวชีอะฮ israya นำอายะฮข้างต้นมาอ้าง ว่าเป็นดุอาของนบี ส่วนมุสลิมอื่นอาศัยดุอานี้ การอธิบายแบบนี้ เป็นการบิดเบือน เพราะอายะฮนี้ สอนให้มุสลิมทุกคนทำความดี นอบน้อมถ่อมตนต่อบิดามารดา และขอพรให้แก่ท่านทั้งสอง
มาดูอายะฮเต็มๆ
อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า
وَقَضَى رَبُّكَ أَلَّا تَعْبُدُوا إِلَّا إِيَّاهُ وَبِالْوَالِدَيْنِ إِحْسَانًا إِمَّا يَبْلُغَنَّ عِنْدَكَ الْكِبَرَ أَحَدُهُمَا أَوْ كِلَاهُمَا فَلَا تَقُلْ لَهُمَا أُفٍّ وَلَا تَنْهَرْهُمَا وَقُلْ لـَّهُمَا قَوْلًا كَرِيمًا، وَاخْفِضْ لَهُمَا جَنَاحَ الذُّلِّ مِنَ الرَّحْمَةِ وَقُلْ رَبِّ ارْحَمْهُمَا كَمَا رَبَّيَانِي صَغِيرًا
ความว่า และพระผู้อภิบาลของเจ้าได้บัญชาว่า สูเจ้าทั้งหลายอย่าได้เคารพภักดีผู้ใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงผู้เดียวและจงทำดีต่อพ่อแม่ แม้นว่าผู้ใดผู้หนึ่งหรือทั้งสองบรรลุวัยชราอยู่กับเจ้าแล้ว อย่าได้กล่าวแก่ทั้งสองว่า อุฟ (หรือคำว่าที่แสดงอาการไม่พอใจ) และอย่าได้ขู่เข็ญทั้งสอง และจงพูดกับทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน, และจงนอบน้อมถ่อมตนกับทั้งสองด้วยความเมตตา และจงกล่าว(ขอพรให้กับทั้งสอง)ว่า ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน ได้โปรดประทานความเมตตาแก่ทั้งสองดังเช่นที่ทั้งสองได้เลี้ยงดูแลฉันเมื่อครั้งเยาว์วัย
มาดูคำอธิบายของท่านอิบนุกะษีร ดังนี้
وَقُلْ رَبّ اِرْحَمْهُمَا كَمَا رَبَّيَانِي صَغِيرًا " أَيْ فِي كِبَرهمَا وَعِنْد وَفَاتهمَا قَالَ اِبْن عَبَّاس ثُمَّ أَنْزَلَ اللَّه " مَا كَانَ لِلنَّبِيِّ وَاَلَّذِينَ آمَنُوا أَنْ يَسْتَغْفِرُوا لِلْمُشْرِكِينَ " الْآيَة
ความว่า และจงกล่าว(ขอพรให้กับทั้งสอง)ว่า ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉันได้โปรดประทานความเมตตาแก่ทั้งสองดังเช่นที่ทั้งสองได้เลี้ยงดูแลฉันเมื่อครั้งเยาว์วัย หมายถึง ในยามที่ท่านทั้งสองชราและเมื่อท่านทั้งสองได้เสียชีวิต ,อิบนุอับบาสกล่าวว่า "หลังจากนั้น อัลลอฮ ได้ทรงประทานอายะฮที่ว่า
" مَا كَانَ لِلنَّبِيِّ وَاَلَّذِينَ آمَنُوا أَنْ يَسْتَغْفِرُوا لِلْمُشْرِكِينَ " الْآيَة
"ไม่อนุญาตแก่นบีและบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกเขาขออภัยโทษแก่บรรดาผู้ตั้งภาคี--จนจบอายะฮ
--- ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร อรรถาธิบาย อายะฮที่ 24 ซูเราะฮอัลอิสเราะฮ
..........
เพราะฉะนั้น ถ้าพ่อแมเสียชีวิตในสภาพที่เป็นมุชริก ก็ไม่อนุญาตให้ขออภัยโทษให้เขาทั้งสอง
เรื่อง พ่อแม่ท่านนบี ผมได้ปิดกระทู้ไปแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่อนุญาตให้สนทนาในเว็บนี้อีก _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
israya มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009 ตอบ: 293
|
ตอบ: Tue Oct 06, 2009 11:02 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
บังครับ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง หลักฐานที่สั่งโครมๆว่าให้สุญูดบนดินกัรบะลาในตำราของบัง คงไม่มีแน่ ถ้ามีก็ไม่ใช่ซุนนีซิบัง
บังก็คงรู้นะว่า คำสั่งให้สุญูดบนแท่งดิน หรือก้อนดินกัรบะลานี่ จะมีก็แต่พวกชีอะเท่านั้น ซุนนีมีแค่เพียงคำบอกเล่าในภาพกว้างๆเกี่ยวกับดินกัรบะลานิดๆหน่อยๆเท่านั้น จึงทำให้เกิดทัศนะกันเอง ว่ากันไปต่างๆนานา
บ้างก็ว่าเป็นมุอ์ญิซาตเฉยๆ บ้างก็ว่าบ่งบอกถึงความสำคัญของดินกัรบะลา บ้างก็ว่าบ่งบอกว่า ฮุเซนเป็นศูนย์กลางความถูกต้อง ท่านนบีจึงรัก ฉะนั้น มุสลิมต้องรับรู้เรื่องฮุเซน และต้องหลั่งน้ำตาแก่ฮุเซนตามแบบอย่างของท่านศาสดา
จะเห็นในรายงาน ว่าท่านนบีจูบ คงเป็นเพราะอยากได้ใกล้ชิดกับดินที่ท่านรอซูลจูบกระมัง ที่พวกชีอะเอามาพัฒนามาเป็นที่รองสุญูด และเรื่องราวของดินก้อนนั้น บังรู้ไหมว่า หลังจขากมะลาอิกัตนำมาให้แล้ว ท่านนบีทำอย่างไรต่อ หรือว่าท่านนบีทิ้งขว้างลงถังขยะ หรือว่าท่านทำอย่างไร ? บังรู้บ้างไหม ?
คำสอนของท่านนบีเกี่ยวกับความสำคัญของอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์นั้น ส่วนมากจะอยู่ในตำราของชีอะฝ่ายเดียว ในตำราของบังก็มี แต่ประปราย ไม่ชัดเจนทีเดียว เช่นฮะดีษที่ว่าละทิ้งสิ่งหนักสองอย่าง กุรอานและอะฮ์ลุลบัยต์ ในตำราโน่นนิดนี่หน่อย
มันเป็นเพราะอำนาจการปกครองและการเมืองหลังยุคท่านนบีนั่นแหละบังเหอ จึงทำให้เราสองคนเปนพันนี้ เข้าใจเสียตะ
ฮะดีษว่าด้วยคอลีฟะฮ์ ๑๒ อะมีร ๑๒ ที่ชัดก็มีบ้างในศอฮ๊ฮ์บุคอรี ศอฮีฮ์มุสลิม และอื่นๆ แต่จะถุกตีค่าจากนักปราชญ์รุ่นหลังให้เขวไปอื่นเสีย คือคนที่ไม่เชื่อ ก็ต้องบอกว่า เป็นฎออีฟไปเสียหมด สาเหตุคือ รอวีย์ที่ซื่อสัตย์ส่วนหนึ่งจะถูกเรียกจากผู้ไม่ประสงค์ดีว่า รอฟิเฎาะฮ์
บังเคยเห็น เคยสังเกตในหนังสือริญาลบ้างไหม เช่นประโยคที่เขาจะเขียนบ่อยว่า นายก. เป็นคนตักวา ซื่อสัตย์ เมาซูก แต่ท่านนั้นท่านนี้บอกว่า เขาเป็นรอฟิเฎาะฮ์ ริวายะฮ์จากนายก.ก็จบไปเลย
อย่างไรเสียในตำราหลักๆของบังหลายเล่มครับ ได้ทิ้งปริศนาไว้ให้คิดเล่นๆอยู่มากมาย สถานะของบรรดาอิมามในชีอะ ดูจะสูงส่งเสียจนฝ่ายซุนนะรับไม่ได้
เหตุเพราะไม่มีสอนเช่นนั้นในตำราของซุนนะ นอกจากเพียงลางๆ ไม่ชัด เรื่องนี้บังก็ต้องรู้ เพราะอิทธิพลของนักปกครองสองสัมยคือ อุมัยยะ กับอับบาซียะ เป็นเสมือนข้อทดสอบของประชาชาติอิสลาม อิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์จึงไม่สามารถเติบใหญ่ได้ จนทุกวันนี้ไงบัง
บางรายงานที่บรรดาอิมามให้แบบอย่างไว้ในการสุญูดบนดินกัรบะลา ผมได้ให้บังมาตามคำขอแล้วนะครับ ไม่ได้ให้มาเพื่อหวังให้บังเชื่อ มันเปนไปไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ผมจำเป็นต้องให้ เพราะบังเรียกร้องจากผมเหลือเกิน ก็ไม่ทราบว่าบังต้องการเอาไปทำอะไร เพราะถ้าบังเถียงมา ว่าก็ไม่ถุกต้อง ผมก็เถียงกับไปอีก เพราะในบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านของผู้อื่น บังจะไปรู้เรื่องภายในบ้านของเขาให้ดีกว่าเจ้าของบ้านที่เขาอยู่อยู่ได้พรื่อๆ
จริงม่ายครับบัง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
ali มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003 ตอบ: 295
|
ตอบ: Wed Oct 07, 2009 6:30 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เลอะเทอะหมดเลย
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Oct 07, 2009 9:39 am ชื่อกระทู้: |
|
|
israya บันทึก: | บังครับ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง หลักฐานที่สั่งโครมๆว่าให้สุญูดบนดินกัรบะลาในตำราของบัง คงไม่มีแน่ ถ้ามีก็ไม่ใช่ซุนนีซิบัง
จริงม่ายครับบัง |
..........
ใช่ครับน้องบ่าว israya เพราะฉะนั้น แสดงว่า การสุญูดบนดินที่ออเดอร์มาจากกัรบาลา ไม่มีในสุนนะฮนบี แต่มีในสุนนะฮชีอะฮ โอเค _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
israya มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009 ตอบ: 293
|
ตอบ: Wed Oct 07, 2009 10:19 am ชื่อกระทู้: |
|
|
มาว่ากันต่อนะบัง
ใช่ครับน้องบ่าว israya เพราะฉะนั้น แสดงว่า การสุญูดบนดินที่ออเดอร์มาจากกัรบาลา ไม่มีในสุนนะฮนบี แต่มีในสุนนะฮชีอะฮ โอเค
ใช่ครับ สำหรับคำว่า ชีอะฮ ไม่มีใครเรียก สุนนะฮชีอะฮ
แต่พูดได้ว่า การสุญูดบนดิน(ไม่จำกัดดินกัรบะลาอ์) เปนหลักปฏิบัติที่อนุญาตให้ทำได้ข้อหนึ่ง
ของบรรดาชีอะเท่านั้น เพราะทั้งในกุรอานและฮะดีษ ไม่มีคำสั่งห้ามการสุญูดบนดินกัรบะลาอ์
อนึ่งคำว่า สุนนะฮนบี ที่บังอ้าง กล่าวถึงการสุญูดบนดินไว้บ้างหรือไม่ครับ จะเป็นพื้นดิน แผ่นดิน ผืนดิน ตุรอบ ฏีน หรืออัรฎ์ ก็แล้วแต่ ? พอมีมั่งไหมครับ
ถ้าบังว่า พอมีมั่ง ถามว่า แล้วปัจจุบันนี้พวกบัง ยังปฏิบัติอยู่อย่างนั้นบ้างไหม ? เช่น จะไม่ยอมสุ
ญูดบนสิ่งอื่นในยามปกติ นอกจากสุญูดบนพื้นดิน(อัรฎ์) หรือ ฏีน ดิน มีมั่งไหมในสุนนะฮนบีของ
บัง
เอ....แล้วคำว่า สุนนะนบีนี่ มีในกุรอานอายะไหนบ้างครับ จะได้ตามไปถือด้วยคน? เอาที่มัน
ชัดๆว่าสุนนะฮนบีนะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
AntiRafidah มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 05/06/2009 ตอบ: 120
|
ตอบ: Wed Oct 07, 2009 10:26 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เข้ามาบ่นอะไรแต่สายครับ คุณรอฟิเฏาะ israya อาบน้ำอาบท่าแปรงฟันแล้วหรือยัง
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ อาจารย์อะสันเข้ามาชี้แจงกระทู้บิดามารดาแล้ว
ผมว่าจะถามเรื่องความเข้าใจที่ว่ารอฟิเฏาะตนนี้ บอกว่าอัลลอฮฺให้นบีขอดุอาให้พ่อแม่ของท่าน
นั้นมาจากตัฟซีรเล่มไหน ตำราเล่มใดของเหล่ารอฟิเฏาะชีอะห์พอดี รอดตัวไปนะรอฟิเฏาะ
หนอย ดันมาบิดเบือนว่าผมบอกว่าอัลลอฮฺไม่ได้ตรัสกับนบี ผมไม่เคยบอกอย่างนั้นเลย
ประเด็นที่ผมคุยบอกอยู่ คือ อัลลอฮฺตรัสกับนบีสั่งคำสั่งผ่านมาถึงพวกเรา แล้วตรงดุอาให้พ่อแม่นั้น
ท่านนบีต้องขอด้วย หรือได้รับอนุญาติให้ขอด้วยหรือเปล่าโน่น มั่วบิดเบือนจริงๆ รอฟิเฏาะ
ทีแรกคุณบอกว่าจะเข้ามาหาเพื่อนพูดคุย แต่พอทีหลังนี่ลายเริ่มออก เผยการกระทำว่าจะเข้ามาจับเท็จหลักการอิสลาม ทำงานเหมือนยิวเลย
จะว่าไปเเล้ว ผมก็ไปลองคิด และตรึกตรองดูด้วยความเป็นกลาง ก็พบว่า อาจเป็นได้ที่อายะที่ 24
อัลลอฮฺให้นบีขอด้วย แต่ก็ขอให้อัลลอฮฺ "เมตตาให้แก่ท่านทั้งสอง" ซึ่ง คนละเรื่องกับการ "ขออภัยโทษ"
ถ้าเรามองว่าบิดามารดาของท่านนบีไม่ได้ตายในสภาพที่ดี การที่ท่านนบีขอให้เมตตา ก็อาจจะเป็นการขอ
ให้อัลลอฮฺเมตตาลงโทษไม่ให้รุนแรงมากนัก เหมือนกับที่ท่านขอให้ท่านอบูตอลิบที่โดนลงโทษเบาที่สุดในนรกก็ได้
สรุปคือ ถ้าจะให้มองในแง่ดีที่สุด และไม่ขัดค้านในหลักฐานทั้งอัลกุรอานและหะดีษสำหรับผมคือ
อัลลอฮฺอนุญาติให้ท่านนบีขอความเมตตาได้ ก็เมตตานี่ ไม่ใช่ความปราณี ก็รู้อยู่ว่าความเมตตาให้แก่ใคร
ความปราณีให้แก่ใคร ตามอรรถาธิบายประโยค บิสมิลลาฮิรเราะฮมานิรรอฮีม นั่นแหละ
ส่วนหะดีษท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ที่คุณรอฟิเฏาะ israya เผยธาตุแท้มาว่าจะจับเท็จ นั่นเป็นหะดีษ
ที่อัลลอฮฺ ไม่อนุญาติให้ขออภัยโทษ ซึ่งคนละเรื่องกับการขอความเมตตาในอายะที่ 24 .... วัลลอฮูอลัม....
ที่ผมพึ่งจะเข้าใจใหม่นี่ ผมก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อนะ ขอศึกษาเพิ่มเติมและถามบรรดาคณาจารย์ก่อนดีกว่า
ตอนนี้ ก็เป็นแค่อีกทัศนะหนึ่งที่คอยรับฟัง สำหรับการหาข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าคุณรอฟิเฏาะ israya ยังบอกว่ารายงานท่านอบูฮุรอยเราะฮฺเป็นเท็จ ก็ถือว่าหน้าโง่มาก
เพราะอัลกุรอานบอกเรื่องขอให้เมตตา แต่หะดีษบอกเรื่อง ขออภัยโทษ
เเต่เอาเถอะ อาจารย์อะสัน ก็อธิบายความได้ดีมากแล้ว ตอนนี้ผมรอดูดีกว่า ว่ารอฟิเฏาะตัวที่
ขอให้อาจารย์อะสันช่วยตัดสินให้แล้ว เมื่อผลออกมา รอฟิเฎาะตัวนี้มันยอมรับคำตัดสินตามที่มันขอให้ตัดสินหรือเปล่า? |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Oct 07, 2009 10:30 am ชื่อกระทู้: |
|
|
israya บันทึก: | มาว่ากันต่อนะบัง
เอ....แล้วคำว่า สุนนะนบีนี่ มีในกุรอานอายะไหนบ้างครับ จะได้ตามไปถือด้วยคน? เอาที่มัน
ชัดๆว่าสุนนะฮนบีนะ |
เอ...ท่าจะเพี้ยนใหญ่แล้ว น้องบ่าว israya" น้องบ่าวโปรดอ่านต่อไปนี้
คำว่า ซุนนะฮฺ โดยรวมแล้วหมายถึงแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ในกิจกรรมต่างๆ ของการดำเนินชีวิต การตามซุนนะฮฺก็คือ การตามแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม นั่นเอง
การตามแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ในการดำเนินชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่อิสลามได้กำชับเป็นอย่างยิ่ง เพราะอิสลามถือว่าท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม คือผู้ที่สามารถดำรงชีวิตตามแบบอย่างคำสอนของอัลลอฮฺได้สมบูรณ์ที่สุด
ดังนั้นผู้เป็นมุสลิมทุกคนจึงต้องปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านเพื่อจะได้ปฏิบัติตนเป็นมุสลิมให้สมบูรณ์เท่าที่จะทำได้ อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ لِّمَن كَانَ يَرْجُو اللهَ وَالْيَوْمَ الآخِرَ وَذَكَرَ اللهَ كَثِيراً (سورة الأحزاب:21)
ขอสาบานว่า แท้จริงแล้วในตัวของศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺนั้น มีแบบอย่างที่ดีงามสำหรับพวกเจ้าที่หวังใน (ความโปรดปรานของ) อัลลอฮฺและ (ผลบุญใน) วันอาคิเราะฮฺ และได้กล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมากมาย (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-อะหฺซาบ: 21)
.......
น่าตกใจ ที่น้องบ่าว อิสริยา ถามว่า สุนนะนบีนี่ มีในกุรอานอายะไหนบ้างครับ?
แสดงว่าไม่เข้าใจอัลกุรอ่านเอาเสียเลย เอาแต่กอ็ปข้อความมาจาก เว็บอัยยูบ ยอมใหญ่อย่างเดียว _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Oct 07, 2009 10:42 am ชื่อกระทู้: |
|
|
[quote="israya"]มาว่ากันต่อนะบัง
ใช่ครับ สำหรับคำว่า ชีอะฮ ไม่มีใครเรียก สุนนะฮชีอะฮ
แต่พูดได้ว่า การสุญูดบนดิน(ไม่จำกัดดินกัรบะลาอ์) เปนหลักปฏิบัติที่อนุญาตให้ทำได้ข้อหนึ่ง
ของบรรดาชีอะเท่านั้น เพราะทั้งในกุรอานและฮะดีษ ไม่มีคำสั่งห้ามการสุญูดบนดินกัรบะลาอ์
อนึ่งคำว่า สุนนะฮนบี ที่บังอ้าง กล่าวถึงการสุญูดบนดินไว้บ้างหรือไม่ครับ จะเป็นพื้นดิน แผ่นดิน ผืนดิน ตุรอบ ฏีน หรืออัรฎ์ ก็แล้วแต่ ? พอมีมั่งไหมครับ
/quote]
ตอบ
มีหะดิษว่าท่านนบี สุญูดบนพื้นดิน แต่ไม่ปรากฏหะดิษที่ปั้นดินจากกัรบาลาเป็นเหมือนรูปจตูคาม มารองหน้าผากเวลาสุญูดครับ การจำกัดรูปแบบการสุญูดบนวัตถุที่ปั้นมาแบบนั้น เป็นสิ่งที่ท่านนบี ไม่ได้สอนไว้ สรุปมันไม่ใช่ศาสนา ส่วนศาสนานั้น สอนให้สุญูดบนพื้น จะเป็นพื้นดิน ,พื้นซิเมนต์ บน เสื่อ ก็ได้ เพราะคำว่า "อัรอัรฎุ" มีความหมายรวมว่า บนพื้นโลกนี้ _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
israya มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009 ตอบ: 293
|
ตอบ: Wed Oct 07, 2009 11:14 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เอ...ท่าจะเพี้ยนใหญ่แล้ว น้องบ่าว israya" น้องบ่าวโปรดอ่านต่อไปนี้
คำว่า ซุนนะฮฺ โดยรวมแล้วหมายถึงแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ในกิจกรรมต่างๆ ของการดำเนินชีวิต การตามซุนนะฮฺก็คือ การตามแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม นั่นเอง
อา บัง ผมถามอย่างบังตอบอย่าง ทำแบบนี้ได้ไง ไม่กลัวเสียฟอร์มหรือ ที่บังตอบนะ ผมก็รู้และเราก็ถือว่า บรรดาอิมามทั้ง๑๒ จากลูกหลานนบีนั้น พวกท่านก็รู้และปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านนบีปู่ทวดของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์ และพวกชีอะก็เป็นชีอะของพวกเขาอยู่แล้ว ดุจดังที่อิบรอฮีม(อ)เป็ชีอะของนูห์(อ) อันนั้นบังไม่ต้องห่วง
แต่ผมถามไงล่ะ ถามว่า คำว่าสุนนะนบีที่ชัดๆ อยู่ในอายะไหนต่างหาก
ก็บังเอง ก็ต้องการหลักฐานต่างๆจากผมให้ชัดๆไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวผมจะมอบให้
แต่บังลบกระทู้ เรื่องก้างปลาติดคอ และคำชี้แจงที่กล่าวหาผมว่าเปนมือที่สามทำไมอะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|