อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[กัลดีน]

ค่านิยมยะฮูด
โดย กลุ่มอัชบาบุ้ลอิสลาม
อัลหัมดุลิ้ลละ เป็นความจริงครับที่สังคมของเราในปัจจุบันนี้ ต้องยอมรับโดยดุษฎีว่ามีสิ่งที่ผิดหลักการศาสนาชัดแจ้งที่สุดจากที่ไม่เคยปรากฏมา เห็นได้ชัดจากสื่อโทรทัศน์ก็ดีจากสวนสาธรณในหนแห่งต่างๆก็ดี สื่ออินเตอเน็ตก็ดี และจากสายตาของพวกเราที่เห็นเหมือนกับที่พี่น้องเห็น มุสลิมเดินไปไหนมาไหนแทบจะไม่เหลือความเป็นมุสลิมให้เห็นเลย ถ้าไม่บอกว่า..ฉันเป็นมุสลิมน่ะ ฉันเป็นมุสลิมะน่ะ…แทบไม่น่าเชื่อ!
ทุกคนรู้ว่าสิ่งนั้น ว่าสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ผิดหลักการศาสนาอย่างสิ้นเชิง แต่ทุกคนเดินเข้าไปหาความผิดอันนั้น โดยไม่คำนึงถึงคำว่าเราเป็นมุสลิม เราเป็นผู้ที่ยอมรับบทบัญญัติของอัลลอฮโดยน้อมนอบ เราเป็นผู้ที่รักษาบัญญัติของอัลลอฮ (ซบ)ให้สูงส่ง แต่ไฉนเลยพวกเรากลับเป็นผู้ที่ฝ่าฝืน ทำผิดซะเอง สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดจากกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นผู้ชายก็คือ การดื่มสุรากันเป็นกิจวัตรถึงกับมีการกล่าวกันว่า สร้างค่านิยมกันเอาเองว่า คนที่ไม่ดื่มสุราถือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย
พร้อมกันนั้นในขณะที่ดื่มหากไม่เล่นดนตรี พวกเค้าจะบอกว่า ชนใดไม่มีดนตรีกาลชนนั้นเป็นชนซึ่งไร้อารยธรรม ทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้อิสลามประกาศใว้อย่างชัดเจน แต่มุสลิมก็ไม่หวาดกลัวเลยปานปะหนึ่งว่าจะไม่เสียชีวิต…..และสิ่งที่เห็นได้ชัดจากมุสลิมะก็คือ การฉีกศักด์ศรีความเป็นมุสลิมะผู้งดงาม เอาความงดงามไปอวดให้คนที่ไม่ใช่สามีของตัวเองได้เห็น ใส่กระโปรงสั้นๆใส่เสื้อตัวเล็กๆ สังคมก็เฉยไม่สนใจ แต่ถ้ามุสลิมะห์จะคลุมฮิยาบแต่งตัวมิดชิดผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเราหาเหตผลสารพัดมาหักล้าง ไม่ยอมที่จะให้มีการคลุมฮิยาบของมุสลิมะห์เกิดขึ้น…ปานปะหนึ่งคนที่บ้ากราม!
แม้แต่คนในครอบครัวตัวเองก็ไม่ตักเตือน หรือจะตักเตือนก็ไม่ตะขิดตะขรวนใจ ทั้งๆที่ธรรมนูญของอิสลามได้กล่าวใว้ชัดแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นการดื่มสุรา ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวนุ่งสั้นของมุสลิมะห์ อุลามาอก้อไม่มีการคิลาฟกันเลยแม้แต่น้อย แต่มุสลิมก้อยังเข้าไปคุกรุ่นอยู่กับสิ่งเหล่านี้ในทุกอณู


สังคมบางสังคมนั้นถ้ามีมุสลิมะแต่งกายมิดชิด จะรู้สึกว่าคนๆนั้นเป็นคนที่แปลก ยิ่งถ้าปิดหน้าเหลือแต่ลูกกะตาด้วยแล้ว คงแปลกยิ่งกว่า! เพราะไม่ค่อยมีใครปฎิบัติกัน คนที่ปฎิบัตเช่นนี้คือกลุ่มคนส่วนน้อยในสังคมที่อยู่ในครรลองอิสลามที่ต้องยอมรับความจริงกัน

ผมคนนึงและพี่น้องมุสลิมจำนวนมากที่ยอมรับและนับถือมุสลิมะที่แต่งกายถูกต้องตามหลักการอิสลาม ทำไมล่ะ? ก้อเมืองไทยเป็นประเทศที่ภูมิอากาศค่อนข้างร้อน ถึงร้อนมาก ซึ่งผมนับถือจริงๆ ว่าเขามีอีหม่านที่สมบูรณเป็นที่สุดถ้าดูจากการแต่งกายน่ะ……..มุสลิมะที่นุ่งสั้นบางคนยังบ่นเลยว่าร้อนสุดๆ เหนียวไปทั้งตัว นี่แค่เดินออกไปซื้ออาหารนอกบ้านแค่แปปเดียวน่ะ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ยกย่องให้เกีรติมุสลิมะที่แต่งกายอยู่ในครรลองอิสลามได้อย่างไรกัน!
จริงๆแล้วถ้าหากจะสาธยายสิ่งที่ผมและพี่น้องได้เห็นนั้นคงจะใช้เวลาหลายขั้นบรรทัดทีเดียวหากจะนำมาสาธยายได้ทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่ผมนำมาตักเตือนก็เพื่อให้พวกเราได้ฉุกคิดกันสักนิดว่า ค่านิยมเหล่านี้นั้นมาจากไหนกัน? ก้อคงจะมาจากไหนไปไม่ได้ นั่นก็คือสังคมยะฮูดีนั่นเอง สังคมยะฮูดีนั้นเคลือบคลานมาหาเราทุกขณะ และเราก้อหลงกลรอให้เค้าเคลือบคลานมาหาเราทีล่ะนิด บางคนเผรอเรอวิ่งเข้าไปหาสังคมอันบ้าบอของพวกนั้นแบบคนไม่มีสมอง หลงคิดไปว่าสิ่งที่พวกเขา(นั่นก็คือพวกฝรั่งมังค่า)ได้คิด ได้สร้าง ได้ทำใว้นั้น คือสิ่งที่เหนือชนชั้นอื่น วัยรุ่นบางคนบอกว่า ก็มันหรูอ่ะ มันโก้อ่ะ และมันเท่ห์โคตรๆ
เวลาแต่งงานต้องแต่งแบบคริส อะไรๆก้อดูจะดีไปซะหมดทุกอย่าง นั่นเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง สังคมอื่นอาจคิดว่าใช่ แต่สังคมมุสลิมต้องไม่คิดเช่นนั้นเป็นอันขาด! เพราะอะไรล่ะ? ก้อเพราะเรามีอัลกุรอาน เป็นคู่มือในการดำเนินชีวิตที่ดีที่สุดในโลก เราใช้อัลกุรอานเป็นกฎหมาย แต่น่าแปลกใจนิดนึงที่ว่ากฎหมายอิสลามถึงยังไม่ได้ปกครองอย่างเต็มตัวในประเทศมุสลิมบางประเทศ?


มุสลิมในทุกประเทศอยากที่จะให้กฎหมายอิสลามได้ถูกประกาศใช้แบบเต็มรูปแบบ แต่ด้วยอะไรหลายสิ่ง หลายอย่างทำให้ไม่สามารถประกาศใช้ได้ และถึงกฎหมายอิสลามของเราจะยังไม่ได้ถูกประกาศใช้แบบเต็มรูปแบบในบ้านเรา แต่เราก็มิอาจพูดได้ว่ากฎหมายที่มนุษย์ตราบัญญัติขึ้นมาเองนั้นสมควรที่จะใช้ได้ หรือสมควรที่จะใช้กับสังคมในยุคปัจจุบัน ถ้าเรากล่าวเช่นนั้นก็เท่ากับว่าเราเห็นว่าบัญญัติที่มนุษย์ตราขึ้นมานั้น ดีกว่าบัญญัติของพระองค์อัลลอฮ(ซบ)ฉะนั้น! มุสลิมห้ามพูดอย่างนั้นเป็นอันขาด เพราะไม่มีธรรมนูญไหนที่จะดีไปกว่าธรรมนูญของพระผู้สร้างเป็นแน่! อย่างน้อยที่สุดขอแค่เราได้คิดว่าเรานั้นอยากจะใช้กฎหมายอิสลามใจแทบขาด!
26/06/52