ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
da_e มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 30/06/2009 ตอบ: 1
|
ตอบ: Wed Jul 01, 2009 5:09 pm ชื่อกระทู้: อะกีดะอที่เป็นที่ยอมรับ |
|
|
อะกีดะอที่เป็นที่ยอมรับ
โดย กลุ่มอัชบาบุ้ลอิสลาม
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ ในการดำเนินชีวิตของมุสลิมนั้น ไม่ว่าจะยุคใด หรือสมัยใด มุสลิมทุกคนนั้นจำเป็นจะต้องมีความเชื่อ ในภาษาอาหรับเรียกว่ามี อะกออิด หรือมีอะกีดะอนั่นเอง
และอะกีดะอที่จะเป็นอะกีดะอ ที่เป็นที่ยอมรับต่อเอกองค์อัลลอฮ(ซบ)ได้นั้น จะต้องเป็นอะกีดะที่สอดคล้องกับสิ่งที่ พระองค์อัลลอฮ ซบ ได้ระบุเอาใว้ในอัลกุรอาน และสิ่งที่ท่าน นบีมุฮัมมัด ซล ได้อธิบายเอาใว้ในอัลฮะดีษ หรือซุนนะฮของท่านนั่นเอง
พี่น้องผู้ศรัทธาทุกท่านครับ ดังนั้นพระองค์อัลลอฮ ซบ ได้ทรงตรัสใว้ในซูเราะมุฮัมมัด อายะที่ 19
{ فَاعْلَمْ أَنَّهُ لاَ إِلَـهَ إِلأ اللَّهُ } [محمد:19
ดังนั้น เจ้าจงรุ้ใว้เถิดว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรที่จะมีคุณลักษณะเรียกว่าเป็นพระเจ้า เว้นแต่ อัลลอฮ ซบ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลายครับ พระองค์อัลลอฮ(ซบ)ได้ตรัสแก่ท่านนบี มุหัมมัด(ซล) และประชาชาติของท่านนบีทั้งหมดว่า เจ้าจงรู้ใว้เถิดว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรได้รับการกราบใหว้ที่แท้จริงสมควรที่จะอิบาดะที่แท้จริง เว้นแต่อัลลอฮ ซบ เพียงผู้เดียวเท่านั้น อะยะนี้บ่งชี้ให้เราได้รู้ว่ามุสลิมจะต้องมีอะกีดะเยี่ยงนี้ มุสลิมจะเชื่อต่างจากนี้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ไม่ว่าจากภายนอก หรือสิ่งที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจก็ตาม
พี่น้องผู้มั่นคงในศาสนาทั้งหลายครับ บางคนบอกว่าเชื่อแบบนี้ แต่ในทางตรงกันข้าม เมือพวกเขาออกจากบ้านหากว่ามีจิ้งจกมันมาร้องพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะออกจากบ้าน เพราะกลัวว่าถ้าออกจากบ้านจะมีภัยอันตราย หากออกไปค้าขายจะค้าขายได้ไม่ดี อันเนื่องมาจากว่าสัตว์เดรัจฉานมันทัก ความเชื่อเช่นนี้เป็นความเชื่อที่มุสลิมจักต้องออกห่าง บางคนเวลาจะแต่งงานถ้าไม่ไปหาหมอดู หรือโต๊ะครูก่อนนั้นไม่สบายใจ เป้าหมายนั้นเพื่อที่จะให้ผู้ที่ตนนั้นคิดว่าช่วยเหลือตนเองได้กระมังให้เขานั้น..ดูว่าวันไหนที่แต่งงานแล้วมีความสุข มีความราบรื่นในการใช้ชีวืตคู่ มุสลิมบางคนไปจดทะเบียนกันในวันวะเลนไทน เพราะมีความเชื่อว่า หากจดทะเบียนวันนี้จะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า นี่ไม่ใช่อะกีดะอของมุสลิม มุสลิมนั้นจดวันไหนก็ได้หากเป็นวันที่คู่บาวสาวนั้นมีความสะดวก หรือมีความพร้อมนั่นเอง
มุสลิมนั้นต้องมอบหมายทุกอย่างเพื่อพระองค์อัลลอฮ ซบ เพียงผู้เดียวเท่านั้น (ตะวักกัลอะลัลลอ) นี่แค่ส่วนหนึ่งจากความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เป็นความเชื่อที่ไม่มีอยู่ในสารบบของอิสลาม มุสลิมจักต้องออกห่างโดยสิ้นเชิง
พี่น้องครับ ท่านรสูลุลลอฮ (ซล) ได้มาอธิบายอายะอัลกุรอานข้างต้น รายงานจากท่าน อุมัร สเมียะอตูรอซูลุลลอฮิซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมยะกูร บุนิยัลอิสลามุอะลาคอมเซนชะฮ่าดะตุอันลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ
ท่านอุมัรกล่าวว่า ฉันได้ยินท่านรสูลุลลอฮ (ซล) ได้กล่าวว่า พื้นฐานหลักของศาสนาอิสลามตั้งอยู่บนเงื่อนไข 5 ประการ ประการแรกเริ่มเลยก็คือ การกล่าวคำว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอ
2 วะอีกอมิสซอละ ทำละหมาด
3 วะอีตาอัสซากาต จ่ายซะกาต
4 วันฮัจยี การไปประกอบพิธีฮัจย์
5 วะเซามีรอมะดอน และการถือศิลอดในเดือนรอมะดอน
พี่น้องจะขาดข้อหนึ่งข้อใดไม่ได้อย่างเด็ดขาด ทำไมล่ะ? สมมุติว่าพี่น้องจ่ายซะกาต ประกอบพิธีฮัจย์ และถือศิลอดในเดือนรอมดอน แต่ พี่น้องไม่ได้เชื่อว่า อัลลอฮเป็นพระเจ้าการงานของพี่น้องก็ไร้ผล
ประการต่อมา เรามาดูกันซิว่าคำว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ นี้ มีฮิกมะ มีวิทยปัญญาอย่างไรบ้าง ? คำว่า ลา ตัวเดียวครับ เป็น ลา ที่ปฏิเสธทุกอย่าง ลาอิลาฮ่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรที่ได้รับการเคารพอิบาดะออย่างแท้จริง อิ้ลลัลลอฮ เว้นแต่ อัลลอฮ ซบ ผู้เดียวเท่านั้น ปฏิเสธแล้วทุกอย่าง ปฏิเสธพระเจ้าจอมปลอมทุกชนิด ปฏิเสธพระเจ้าที่ถูกอุปโลคทุกประเภท และพระองค์อัลลอฮ ซบ เป็นพระเจ้าที่แท้จริงเพียงผู้เดียวเท่านั้น นี่คืออะกีดะอของพวกเราครับ
ครั้งหนึ่ง ท่านอุซามะได้ไปร่วมทำสงครามกับบรรดาซอฮาบะต่อสู้กับพวกมุชริก ศัตรูของอิสลาม ขณะนั้นท่านอุซามะก็กำลังจะฟันคอมุชริก(ศัตรูของอิสลาม) แต่ในเพลาเดียวกันมุชริกคนนั้นก็กล่าวคำว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ มุชริกคนนั้นกล่าวคำว่า ฉันขอปฏิญานตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรที่จะเป็นพระเจ้า เว้นแต่เอกองค์อัลลอฮ (ซบ) ผู้เดียวเท่านั้นที่ฉันจะเคารพภักดี ท่านอุซามะก็ฟันคอมุชริกคนนั้นทันที เรื่องราวดังกล่าวก้อได้ยินไปถึงท่านรสูลุลลอฮ (ซล) ท่านรสูลุลลอฮ(ซล).. ก็กล่าวกับท่านอุซามะว่า
ท่านอุซามะท่านฆ่าคนที่เขานั้นกล่าวคำว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอ กระนั้นหรือ ท่านอุซามะก็กล่าวตอบว่า
.โอ้ท่านรสูลุลลอฮ ชายคนนั้นเขากลัวว่าฉันนั้นจะฆ่าเขาเขาก็เลยกล่าวคำว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอ ท่านรสูลุลลอฮ(ซล) กล่าวตอบว่า....ท่านอุซามะ
ท่านฆ่าคนที่เขานั้นกล่าวคำว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอ ท่านเข้าไปนั่งในหัวจิตหัวใจของชายคนนั้นกระนั้นหรือ ถึงได้รู้ว่าชายคนนั้นเขากล่าว เพราะเขานั้นกลัวว่าท่านจะฆ่าเขา หรือว่าเขาศรัทธาต่อพระองค์อัลลอฮ (ซบ) ท่านเข้าไปนั่งในหัวจิตหัวใจของเขากระนั้นหรือ
ท่านอุซามะ ท่านรสูลุลลอฮ(ซล) ก็กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าท่านอุซามะท่านฆ่าคนที่เขานั้นกล่าวคำว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอ
จนท่านอุซามะนั้นอายไม่กล้าที่จะสบตากับท่านรสูลุลลอฮ(ซล)
อีกฮะดีษบทหนึ่งครับพี่น้อง อบีซาอี๊ด อัลคุดรีรายงานว่า..ท่านรสูลุลลอฮ(ซล)ได้กล่าวว่า.. ลักกินู เมาตากุม ลาอีลาฮาอิ้ลลัลลอฮ พวกเจ้าทั้งหลายจงเตือนเมาตา คำว่าเมาตาในที่นี้หมายถึง (คนที่ไกล้จะตาย)ของพวกเจ้าด้วยคำว่า ลาอีลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ ฉะนั้นหากมีพี่น้องมุสลิมของเรานั้นป่วย หรือไม่สบาย หากเราเห็นว่าคนที่ป่วยอาการเริ่มทรุดหนัก ท่านนบีก็สอนให้เรานั้นสอนการกล่าวคำว่า ลาอีล่าฮ่าอิ้ลลัลลอฮ ให้เขา
และในรายงานของท่านมุอาซ บิน ยะบัลว่า..มังกานาคิรุกะลามิฮี ลาอีลาฮาอิ้ลลัลลอฮ ดาคอลัลยันนะฮ
.ผู้ใดที่คำพูดสุดท้ายของเขากล่าวคำว่า ลาอีลาฮาอิ้ลลัลลอฮ เขาได้เข้าสวรรค์ (บันทึกโดย อบูดาวูด)
ท่านรอซู้ลกำลังจะบอกพวกเราว่า ใครที่เปล่งคำพูดสุดท้ายของเขาด้วยกับคำว่า ลาอีลาฮาอิ้ลลัลลอฮ เขานั้นจะได้เข้าสวรรค์ แต่คำๆนี้คนที่ไม่ได้กล่าวก็ใช่ว่าไม่ได้เข้าสวรรค์เสมอไป บางคนนั้นผูกพันกับนกกรงหัวจุกพอก่อนจะตายก็เอ่ยในเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับนกกรงหัวจุก บางคนผูกพันอยู่กับหวย หวยถูกกฎหมาย หรือหวยที่ผิดกฏหมาย อิสลามก็ถือว่านั่นก็คือการพนันอย่างเลียกเลี่ยงไม่ได้ คนที่ผูกพันกับสิ่งเหล่านี้ในขณะใช้ชีวิตบนโลกดุนยาเค้าก็จะพูดในสิ่งที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเขาออกมาเป็นเนืองๆ พี่น้องจะสังเกตบางคนก่อนจะตายภาพเหมือน ไก่ตีกัน ก็อันเนื่องมาจากว่าขณะที่ใช้ชีวิตในโลกดุนยาเนีย ตีไก่อย่างเดียว ชนวัวอย่างเดียว
ทุกๆชีวิตนั้นจะได้ลิ้มรสแห่งความตาย (อัลกุรอาน)
พี่น้องผู้มีความตรึกตรองแล้วทั้งหลายครับ มนุษย์ทุกคนนั้นล้วนหนีความตายไปไม่พ้นพี่น้องบางคนมีรถคันเกือบล้าน บ้านนี่ไม่ต้องพูดถึง ระดับเศรษฐีย่อมๆ บางคนไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเงินที่หามาได้จะฮะล้าล หรือจะฮะรอม ขอแค่เป็นเงิน..ฉันไม่สนแล้วว่าจะเยียบคอใครเพื่อที่จะให้ฉันนั้นได้ร่ำรวย ฉันไม่สนใจ
ขวนขวายกันเหมือนกับว่าในดุนยานี้ตนเองจะไม่เสียชีวิตแล้วกระมัง
กี่มากน้อยแล้วที่เราได้เห็นพี่น้องของเรานั้นได้กลับไปสู่ความเมตตาของพระองค์อัลลอฮ (ซบ) กี่มากน้อยแล้วที่เราได้เห็นคนในครอบครัวของเราได้กลับไปสู่การรอวาระแห่งการชำระบัญชีในวันกิยามะห์ แล้วเราละเราเตรียมเสบียงที่จะไปพบกับพระองค์อัลลอฮ ซบ แล้วหรือยัง?
ป่าวเลยพวกเรากลับไม่เคยคิด ไม่เคยนึก เราคิดอยู่เพียงไม่กี่อย่าง พอถึงเทศกาลอันสำคัญไม่ว่าจะเป็นของกลุ่มชนใดก็แล้วแต่ มุสลิมเราเฉลิมฉลองหมดทุกเทศกาล ก่อนจะไปต้องเตรียมนู่น เตรียมนี่ถ้าเป็นวัยรุ่นก็ต้องโทรหาแฟน
และที่สำคัญก็จะต้องโทรจองโรงแรมหรูๆเพื่อให้ตนได้มีความสุข มีความชื่นบาน แต่น่าเสียดายหากพี่น้องไม่รู้ หรือนึกไม่ออก ว่าสิ่งที่พี่น้องสมควรจะเตรียมจริงๆ นั้นมันคืออะไร
..
วันนี้เราตกแต่งหน้าตาของเราให้ดูดี วันนี้เราตกแต่งรูปพันธสัณฐานของเราให้ดูมีสง่ามุสลิมะห์บางท่านซื้อเครื่องสำอางในราคาที่สูง ทั้งมุสลิมีนและมุสลิมะห์ต่างขวนขวายให้ได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้น แต่พี่น้องไม่เคยตกแต่งอะมัลของพี่น้องเลย
ว่าอะมัลของพี่น้องนั้น น้อยไปหรือป่าว มันบกพร่องตรงไหนหรือป่าว
พี่น้องใช้ตารางพื้นที่ในสมองส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด คิดอยู่เสมอๆว่าจะทำยังงัยถึงจะได้มีเงิน จะทำยังไงถึงจะได้มีบ้านให้ผู้คนได้เรียกขานพี่น้องว่า เป็นคนยังเบี้ย
จะทำยังไงจะได้มีรถยนต์ได้ขับขี่เหมือนเพื่อนบ้านเราบ้าง
พี่น้องทำธุรกิจบางครั้งก็รุ่ง บางครั้งก็ล้ม
เวลาพี่น้องล้ม
พี่น้องก็ใช้เพดานสมองพิเคราะ พิจรณา ใคร่ครวญ และประเมินสถานการณ์ว่าครั้งต่อไปต้องใช้กลยุทธพันพรือ ถึงจะประสบความสำเร็จ..พี่น้องยังคิดได้เลยครับ
.แล้วพี่น้องคิดไม่ออกหรอว่าจะต้องทำยังไงถึงจะได้สวรรค์ของพระองค์อัลลอฮ(ซบ) ..ปฏิบัติอะมัลอิบาดะอแบบไหนถึงจะเป็นที่ยอมรับ และเป็นที่พอพระทัย ณ พระองค์อัลลอฮ(ซบ)
พระองค์อัลลอฮทรงยืนยันในอัลกุรอานว่า ในตัวของท่านรสูลุลลอฮ(ซล)เป็นแบบอย่างที่ดีงามที่สุดแล้ว (อัลอะซาบ21)
ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็แล้วแต่ ต้องกลับไปดูว่าท่านนบีได้ทำแบบอย่างให้เราใว้อย่างไร เพราะไม่มีแบบอย่างใดที่จะดีไปกว่าแบบอย่างของท่านรสูลุลลอฮ(ซล)อีกแล้ว ถ้ามีคนเสียชีวิตทำอย่างไร? เด็กที่เพิ่งคลอดออกมาจากครรมารดา..ซุนนะฮของท่านนบีนั้นกระทำเช่นไร? การไปให้โต๊ะครูทำพิธีเจิมรถให้ใช่ซุนนะฮของท่านนบีหรือป่าว? วิธีการจ่ายซะกาตนั้นกระทำเช่นไรให้ตรงกับซุนนะฮของท่านรสูลุลลอฮ(ซล)?
หากพี่น้องจะนมาซ
จักต้องนมาซตามแบบอย่างของท่านนบี เพราะอันเนื่องมาจากว่าท่านนบีได้ระบุว่า พวกท่านทั้งหลายจงนมาซสเหมือนว่าเห็นฉันนมาซ
ถ้าเรื่องฮัจย์ ท่านนบีบอกว่า คูซูอันนีมะนาซิกะกุม พิธีกรรมฮัจย์จงยึดแบบอย่างจากฉัน
เราจำเป็นจักต้องตามแบบอย่างของท่านรสูลุลลอฮในทุกๆเรื่อง ในทุกๆอย่าง
นักซูฟีบอกว่าการนมาซที่เป็นที่อัฟด็อล(ประเสริฐ)ให้หลับตาในขณะที่นมาซ พวกเขาบอกว่าจะทำให้มีความ (คุชัว)
แต่ตรงกันข้ามครับท่านรสูลุลลอฮ(ซล)ได้กล่าวว่า จงนมาซสเหมือนว่าเห็นฉันนมาซ
ท่านรสูลุลลอฮ(ซล)ไม่เคยหลับตาขณะที่ท่านนมาซ ท่านรสูลุลลอฮไม่เคยสอนว่าให้หลับตาเวลาจะนมาซ แต่ท่านรสูลุลลอฮบอกว่า ให้มองที่สูญูด เพราะนี่คือซุนนะฮของท่านรสูลุลลอฮ(ซล)
ท้ายที่สุดผมอยากจะกล่าวกับพี่น้องว่า วันนี้พี่น้องบางคนนั้นบอกว่าปืนนั้น คือสิ่งที่น่ากลัว วันนี้พี่น้องบางคนบอกว่าระเบิดนั้นคือสิ่งที่อันตราย และน่ากลัวที่สุด และถ้าหากว่าสติปัญญาที่พระองค์อัลลอฮ(ซบ) ให้พี่น้องมา ให้พี่น้องได้ทบทวน ให้พี่น้องได้ตรึกตรอง แล้วพี่น้องยังไม่รู้อีกว่าสิ่งที่สะพรึงกลัวมากกว่านั้นร้อยเท่า พันเท่านั้นมันคืออะไร ซึ่งผมถือว่าเป็นความน่าเศร้าใจยิ่งนักหากพี่น้องไม่ใคร่ครวญ นะอูซูบิลละ
..วัลลอฮุอะลัม
29/06/52 |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
sunnahkung มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2008 ตอบ: 116
|
ตอบ: Wed Jul 01, 2009 9:07 pm ชื่อกระทู้: .. |
|
|
8iy[
ได้แง่คิคเตือนใจ ดีมากครับ _________________ "และที่เลวยิ่งจากกิจการทั้งหลายคือการอุตริกรรมในศาสนาเพราะทุกสิ่งที่ถูกอุตริขึ้นใหม่เป็นบิดอะฮ์และทุกๆบิดอะฮ์คือความหลงผิดและทุกๆความหลงผิดอยู่ในนรก"(ศอเหี๊ยะสุนันนะซาอีย์:1577) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|