ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - เปิดโปงหลักฐานจริงหรือหลักฐานเท็จ
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
เปิดโปงหลักฐานจริงหรือหลักฐานเท็จ
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 10, 11, 12, 13, 14  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
abu-zubair
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009
ตอบ: 44


ตอบตอบ: Fri Mar 27, 2009 4:51 pm    ชื่อกระทู้: คนเปนถึงคนตาย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามุอลัยกุม...

เข้าเรื่องต่อนะครับ...
ซุบหานัลลอฮฺ ยังวนแบบเดิมอีกแร้วซุนนะฮฺคุง บังบอกไปแล้วว่าการนำเสนอเรื่องนี้จากฝั่งที่ไม่ได้..ไม่มีใครปฎิเสธว่าไม่มี แต่บังกะลังบอกว่าฝั่งที่ว่าได้กะมี มันจึงถือว่าเป็นปัญหาคิลาฟในชาวซุนนะฮฺงัย ไม่ใช่พอใครทำกะเป็นบิดอะฮฺ เพราะฉะนั้นเราตั้งรับข้อมูลทั้งหมด เรียกว่า รู้หุกุ่มเบื่องต้นในเรื่องนี้ทุกๆด้านว่าชาวซุนนะฮฺระดับแนวหน้าทั้งหลายว่ากันเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ยังงัยกันบ้าง และพอยุคเรากิบารของเราว่ากันไว้งัยบ้าง บังก็นำเสนอไปแล้วนะครับ.. งั้นบังข้ามไปหมวดที่2ต่อเรยนะครับ
-----------------------------------
ความเดิม

ท่านอัลลามะฮฺ อิบนุ อบีย์อิซ อัลหะนะฟีย์ และ ชัยค์ ซอแลห์ อาลชัยค์ ได้ให้ทรรศนะว่า แนวคิดที่ปฎิเสธแบบสุดโต่งเกี่ยวกับประเดนการได้รับประโยชน์ของคนตายจากการ พากเพียรที่ดีของคนเป็นเป็นแนวคิดของลัทธิบิดอะฮฺ และท่านชัยค์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า และเป็นทรรศนะของนักวิชาการร่วมสัมยบางกลุ่มของชาวอะฮฺลุซซุนนะฮฺที่ไปเห็น พ้องกับความคิดของพวกเขา"
ชัรห์ อัลกะกีย์ดะฮฺ ชัยค์ ซอและห์ อาลชัยค์ หน้าที่ 589 และ อิบนุ อบีย์อิซ อัลหะนะฟีย์ หน้าที่ 300
พวกเขาได้อ้างหลักฐานต่อไปนี้เพื่อสนับสนุนแนวคิดของพวกเขา
ความว่า" และไม่มีสิ่งใดที่มุนษย์จะได้รับ ยกเว้นในสิ่งที่เขาได้ขนขวายไว้" อันนัจม์ 39

ในอายะฮฺนี้ประกอบด้วย 3 นัยยะฮฺ
1.1 นัยยะฮฺของการถูกยกเลิก
1.2 นัยยะฮฺของการตะวีล
1.3 นัยยะฮฺที่คงโองการนี้ไว้อย่างเดิม
(ติดตามจากความเดิมเพื่อความเข้าใจนะครับ)

2.หลักฐานจากหะดีษ
จากอบีย์หุรอยเราะฮฺ รอฎิยัลลอฮุ อันฮฺ ว่า แท้จริง ท่านร่อซูลลุลฮฺ ศอลลัลอฮุ อลัยฮิ วศัลลัม กล่าวว่า
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
abu-zubair
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009
ตอบ: 44


ตอบตอบ: Fri Mar 27, 2009 5:27 pm    ชื่อกระทู้: คนเปนถึงคนตาย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

2.หลักฐานจากหะดีษ
จากอบีย์หุรอยเราะฮฺ รอฎิยัลลอฮุ อันฮฺ ว่า แท้จริง ท่านร่อซูลลุลฮฺ ศอลลัลอฮุ อลัยฮิ วศัลลัม กล่าวว่า ความว่า
" เมื่อมนุษย์ได้เสียชีวิต การงานของเขาได้ขาด ยกเว้น3ประการ คือ การบริจาคทานที่เป็นถาวรวัตถุ-วิชาความรู้ที่มีประโยชน์-ลูกที่ดีขอดุอาอฺให้" บันทึกโดย อิมามตรีมีย์ซีย์ หะดีษ1432 ท่านกล่าว่าเป็นหะดีษระดับหะซัน ซอหีหฺ อิมามนาซาอีย์ หะดีษ 3651 ชัยค์อัลบานีย์ระบุ หะดีษถูกต้อง

1.ท่านอลัลามะอฺ อิบนุลอะบีล อิซ อัลหะนะฟีย์ ได้กล่าว่า

"สำหรับการอ้างหลักฐานของพวกเขาด้วยกับหะดีษที่ว่า "เมื่อมนุษย์ได้เสียชีวิต การงานของเขาได้ขาด ยกเว้น3ประการ....." ถือว่าเป็นการอ้างหลัดฐานที่ตก(ไม่ตรงประเด็น) เนื่องจากท่านศาสนทูตมุหัมมัด ศัลลัลลอฮุ อัลยฮิ วะศัลลัม ไม่ได้กล่าว่า "การได้รับประโยชน์ของเขาขาด" เพียงแต่ท่านบอกให้ทราบว่า เฉพาะการงานของเขาเท่านั้นที่ขาด ส่วนการงานของคนอื่น มันก็ย่อมเป็นของผู้กระทำมัน หากเขาได้มอบให้กับผู้ตาย มันก็เสมือนกับหนี้สินที่บุคคลหนึ่งได้ชดใช้ให้กับอีกคนหนึ่ง คนนั้นก็จะพ้นจขากการเป็นหนี้สินทันที แต่ไม่ใช่เพราะการชดใช้หนี้ของเขา" ชัรห์อะกีย์ดะฮฺ อัฎฎอหาวีย์ยะฮฺ หน้าที่ 670-671
(ฝั่งเวปสติวเดนท์ไม่เอาท่าน อิบนุ อะบีลอิซ แต่..ไม่รู้ว่าฝั่งซุนนะฮฺคุงจะรับฟังการอธิบายของท่านหรือป่าว)

2.ท่านอัลลามะฮฺ อิบนุ กอยยิม รอหิมะหุลลอฮฺ ได้กล่าว่า

"สำหรับการอ้างหลักฐานของพวกท่านด้วยกับหะดีษของท่านร่อซูลที่ว่า "เมื่อมนุษย์ได้เสียชีวิต การงานของเขาได้ขาด ยกเว้น3ประการ....." เป็นการอ้างหลักฐานที่ตก(ไม่ตรงประเด็น)..เนื่องจาก
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
abu-zubair
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009
ตอบ: 44


ตอบตอบ: Fri Mar 27, 2009 5:46 pm    ชื่อกระทู้: คนเปนถึงคนตาย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

2.ท่านอัลลามะฮฺ อิบนุ กอยยิม รอหิมะหุลลอฮฺ ได้กล่าว่า

"สำหรับการอ้างหลักฐานของพวกท่านด้วยกับหะดีษของท่านร่อซูลที่ว่า "เมื่อมนุษย์ได้เสียชีวิต การงานของเขาได้ขาด ยกเว้น3ประการ....." เป็นการอ้างหลักฐานที่ตก(ไม่ตรงประเด็น)..เนื่องจากท่านรซูลไม่ได้พูดว่า การได้รับประโยชน์ของเขาขาดลง เพียงแต่ท่านรซูลศอลลัลลอฮุ อัลยฮฺ วซัลลัม บอกให้ทราบว่าการงานของเขาเท่านั้นที่ขาด ส่วนการงานของบุคคลอื่นก็เป็นของผู้กระทำมัน หากเขาได้มอบมันแก่ผู้ตาย ผลบุญของผู้กระทำการงานก็ไปย่อมไปถึงผู้ตาย เพราะไม่ใช่ผลบุญการงานของผู้ตาย ดังนั้นสิ่งถูฏตัดขาดมันเป็นอีกอย่าง และสิ่งที่ไปถึงมันก็อีกอย่างหนึ่ง"
อัรรูห์ หน้าที่ 129

3.ท่าน อิบนุ ตัยมีย์ยะฮฺ รอหิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า

"ท่านรซูลศอลลัลลอฮุ อัลยฮฺ วซัลลัม ได้กล่าว่า การงานขาได้ขาด ยกเว้น3ประการ..... ท่านไม่ได้พูดว่า "เขาจะไม่ได้รับประโยชน์จากการงานผู้อื่น" ดังนั้นเมื่อลูกของเขาขอดุอ่อฺให้เขา ดุอาอฺคือการงานของเขาที่ยังไม่ขาด แต่หากคนอื่นขอดุอาอฺให้กับเขา มันก็ไม่ใช่การงานของเขา แต่เขาได้รับประโยชน์"

มัญมัวะอฺ ฟะตะวา อิบนุ ตัยมิยะฮฺ เล่ม24 หน้าที่ 312

ดังนั้นตัวบทมิได้ขัดแย้งกันแต่ประการใดแต่ละสถานภาพ สถานการณ์ ปัจจัยที่เป็นหลักฐานของแต่ละส่วน . วัลลอฮู อะอฺลัม

(แล้วตกลงทั้ง2-3 ท่านนี้ฝักใฝ่บิดอะฮฺหรือครับ ถึงเข้าใจไม่เหมือนเราเข้าใจ?.....)

ฉะนั้นการตอบโต้ระหว่างอะฮฺลุซซุนนะฮฺกับกลุ่มบิดอะฮฺ เรียกว่า คิลาฟตุฎอดดีย์ หรือ คิลาฟบนอุศูล อะกีย์ดะฮฺ เพราะอยู่ในประเดนว่า ยอมรับ หรือ ปฎิเสธ ในประเด็นดังกล่าวหากมีการปฏิเสธแบบสุดโต่งแน่นอนย่อมเข้าข่ายในการคิลาฟบน อะกีย์ดะฮฺ ซึ่งต้องหักล้าง ด้วยเหตุนี้ ท่านอิมาม อัฎฎอหาวีย์ ได้นำประเดนนี้เข้ามาในหนังสือของท่าน ส่วนความขัดแย้งระหว่างอะฮฺลุซซุนนะฮฺด้วยกันเองในประเดนนี้ล้วนตั้งอยู่บน บรรทัดฐานเดียวกัน คือ การยอมรับว่าคนได้ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ดีงามของคนมีชีวิตได้กระทำ เช่น ดุอาอฺ และการบริจากทานด้วยทรัพย์เป้ฯต้น แต่มีทรรศนะที่แต่งต่างกันในบางประเภทของอิบาดะฮฺ เช่นอิบาดะฮฺที่กระทำด้วยกายล้วยๆซึ่งเป็นการขัดแย้งในประเดนย่อย จึงเปิดช่องทางให้มีการวินิจฉัย ภายใต้กฎเกณฑ์ และเงื่อนไขของหลักนิติศาสตร์อิสลาม จึงเรียกข้อโต้แย้งนี้ว่า " อัตตัรเญียะห์" (การให้น้ำหนักระหว่างทรรศนะที่แตกต่างกัน ซึ่งถือเป็นความขัดแย้งในข้อปลีกย่อยต่างๆของทรรศนะ เรียกว่า คิลาฟตะเนาวุอีย์ หรือ คิลาฟฟุรัวะอฺ แนวการปฎิบัติ และเนื่องจากเป็นข้อปลีกย่อยที่มุฟตีย์นั้นจะเลือกเห็นด้วยกับทรรศนะใดก็จะ ใช้เป็นบรรทัดฐานในการฟัตวานั้น แต่จะต้องไม่ขัดกับมติเอกฉันท์ของอุลามะอฺ ซึ่งการมีความรู้ในสถานะภาพหลักเกณฑ์ของอิจมาอฺเป็นเงื่อนไขของมุฟตีย์อยู่ แร้ว แต่เนื่องด้วยกลุ่มบิดอะฮฺไม่คำนึงถึงหลักอิจมาอฺ เพราะมีพื้นฐานด้านอะกีย์ดะฮฺที่แตกต่างกัน

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนเรื่องที่ซุนนะฮฺคุงว่า
"2.3 เกี่ยวกันเรื่องการศอดากอฮ์ มีบันทึกจากท่านบุคอรีย์ มุสลิมและท่านอื่นๆอีกมากมาย เกี่ยวกับเรื่องที่ท่านร่อซูล ซ.ล. อนุญาติให้เฉพาะ"บุตร" ทำศอดากอฮ์แทน

บิดา-มารดา ที่ล่วงลับไปแล้วได้ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าท่านจะเคยอนุญาติให้บุคคลอื่นที่มิใช่บุตรทำศอดากอฮ์แทนผู้ตายแต่อย่างใด
สรุปแล้วสิ่งที่ผู้ตายจะได้รับประโยชน์จากการกระทำของคนเป็นตามหลักฐานจากอัลกุรอานและหะดีษศอเหียะมีดังนี้

1) การขอพรให้คนมุสลิม อันนี้ใครขอก็ได้

2) การชดใช้หนี้สินแทนให้ (ใครก็ได้)

3) การศอดากอฮ์แทน (อันนี้ตามหลักฐานที่ถูกต้องเป็นเรื่องระหว่างบิดา-มารดากับบุตรคนอื่นไม่เกี่ยว)

4) สิ่งที่ผู้ตายเคยนะซัร บนบานไว้อันได้แก่ ฮัญจ์หรือการถือศีลอด แต่เกิดเสียชีวิตเรื่องนี้ทายาทหรือวะลีย์ทำแทนได้

4) ท่านอัชเชากานีย์ ได้กล่าวในหนังสือ นัยลุลเอาฏอร ของท่าน เล่มที่ 4 หน้า142 ว่า

"และบรรดาหะดีษต่างๆในบทนี้ล้วนแสดงว่า การศอดากอฮ์ของบุตรนั้น จะส่งผลถึงบิดามารดาหลังจากตายไปแล้ว และผลบุญของมันจะถึงไปยังท่านทั้งสอง ดังนั้น

หะดีษเหล่านี้จึงไป จำกัด ความหมายกว้างๆของโองการที่ว่า แน่นอนมนุษย์ไม่ได้รับประโยชน์ใดๆนอกจากที่เขาได้ขวนขวายไว้เท่านั้น แต่ ไม่ปรากฏในบรรดาหะ

ดีษเหล่านี้นอกจากผลการศอดากอฮ์ของบุตรเท่านั้น อนึ่งการศอดากอฮ์ ของผู้มิใช่บุตรนั้น ตามรูปการณ์จากความหมายกว้างๆจากอัลกุรอ่านคือผลบุญจะไม่ถึงไป
ยังผูตาย"
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จะได้อทิบายภายหลังว่า ที่ซุนนะฮฺคุงนำเสนอมาเป็นบทสรุปของมัสอะละฮฺจริงหรือไม่ เนื่องจากเข้าประเดนเกี่ยวกับหลักนิติศาสาตร์ครับ อินชาอัลลอฮฺ

วัสลาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Mar 27, 2009 5:51 pm    ชื่อกระทู้: Re: คนเปนถึงคนตาย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

abu-zubair บันทึก:


2.ท่านอัลลามะฮฺ อิบนุ กอยยิม รอหิมะหุลลอฮฺ ได้กล่าว่า

"สำหรับการอ้างหลักฐานของพวกท่านด้วยกับหะดีษของท่านร่อซูลที่ว่า "เมื่อมนุษย์ได้เสียชีวิต การงานของเขาได้ขาด ยกเว้น3ประการ....." เป็นการอ้างหลักฐานที่ตก(ไม่ตรงประเด็น)..เนื่องจาก


Exclamation
ข้อความที่คุณอบูซุเบร กล่าวข้างต้นนั้น ถูกต้อง และโดยส่วนตัวก็ไม่ได้บอกว่า มีแค่ 3 อย่างที่มีข้อยกเว้น แต่ยังมีงานอื่นๆอีกที่ท่านนบี Solallah ได้ระบุ แต่ที่ ไม่ระบุเอาไว้ แต่ใช้หลักการกิยาส(การนำสิ่งที่ไม่มีหลักฐานไปเทียบกับสิ่งที่ระบุหลักฐาน)ประเด็นนี้ ผมไม่เห็นด้วย ดังที่ท่านอิบนุกะษีร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) ได้สรุปว่า

باب القربات يقتصر فيه على النصوص ولا يتصرف فيه بأنواع الأقيسة والأراء

และเรื่อง กุเราะบาตร(อิบาดะฮ) ถูกจำกัดอยู่บนหลักฐาน จะหันไปหาการกิยาสและความคิดเห็นใดๆไม่ได้ - ตัฟสีรอิบนิกะษีร เล่ม 4 หน้า 258


กิยาส คือ การนำเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในตัวบท (บัญญัติ) ไปเทียบกับเรื่องที่มีมาก่อน ซึ่งมีตัวบทบัญญัติ บังคับอยู่แล้ว โดยทั้งสองนี้ มีประเด็นและเหตุผลตรงกัน - ดูรายละเอียดจาก อิรชาดุ้ลฟุหูล หน้า 177
ไม่อนุญาตให้มีการกิยาสในอิบาดะฮ เพราะ
1. ทำให้เกิดอิบาดะฮใหม่ขึ้นมาในอิสลาม
2. จะเกิดบิดอะฮเฎาะลาละฮตามมา เพราะมีการเข้าใจว่า เรื่องอิบาดะฮ มีการอนุญาตให้ตัดตอนและเพิ่มเติมได้
3. ก่อให้เกิดการเข้าใจผิดในเจตนารมณ์ของอิบาดะฮแต่ละอย่าง ผิดไปจากข้อเท็จจริง เพราะอิบาดะฮแต่ละอย่าง มีความมุ่งหมายและเจตนารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป
เช่น อัลลอฮทรงบัญญัติซะกาตและเศาะดะเกาะฮ ก็เพื่อช่วยเหลือคนลำบาก ยากจนในสังคม อีกทั้งเป็นการขจัด ความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ของคนรวย แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเอาอิบาดะฮอย่างอื่น เช่น ละหมาด อํจญ หรือ การถือศีลอดไปกิยาส กับ อิบาดะฮซะกาต โดยอ้างว่า อาหรับจ่ายฟิตเราะฮ ด้วยข้าสาลี เราเมืองไทย ใช้ข้าวสาร ถ้าคิดเอาเรื่อง ฮัจญจ์มากิยาสบ้าง โดย กิยาส เมืองกรุงเทพ กับ เมืองมักกะฮ แล้วทำรูปจำลองกะอฺบะฮ ที่กรุงเทพฯ ที่นี้ก็ยุ่งแน่
4. การทำลายรูปเดิมของอิบาดะฮ คือ การทำลายขอบเขตของศาสนาที่อัลลอฮและรอซูล ได้วางไว้เป็นแบบฉบับตายตัว ดังที่อิหม่ามมาลิกกล่าวว่า
فما لم يكن يومئذ ديناً فلا يكون اليوم دينا.
ดังนั้น สิ่งใดก็ตามไม่ได้เป็นศาสนาในวันนั้น ในวันนี้มันก็ไม่เป็นศาสนา
- อัลเอียะติศอม 2/235

والله أعلم بالصواب

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Mar 27, 2009 6:24 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เพิ่มเติม
ท่านอัลอิซ บิน อับดุสสลาม ได้กล่าวถึงกรณีอ่านตัลกีน ให้ผู้ตายในหลุมศพว่า

لم يصح في تلقين الميت شيء وهو بدعة. وأنه لا يصل إلى الميت شيء من الأعمال وأن من خالف في هذا فهو مخالف لنص القرآن وأنْ لَيْسَ للإنسَانِ إلاّ مَا سَعَى

ไม่มีสิ่งใด(หมายถึงหลักฐาน)ถูกต้อง ในการตัลกีนมัยยิต และมันคือ บิดอะฮ และแท้จริง ไม่มีสิ่งใดจากบรรดาการงานต่างๆ ถึงไปยังผู้ตาย และแท้จริงผู้ใดมีความเห็นขัดแย้งในประเด็นนี้ เขาก็เป็นผู้ที่ขัดแย้งกับตัวบทที่ว่า(และมนุษย์จะไม่ได้รับ นอกจากสิ่งเขาขนขวายไว้เท่านั้น" - ดูฟะตาวา ของท่านอัลอิซ บิน อับดุสสลาม หน้า 96 - 97
.......
สิ่งที่มีตัวบท ไม่ใช่ประเด็น แต่ที่เป็นประเด็นที่ต้องคิดให้รอบคอบคือ สิ่งที่ไม่มีตัวบท ถ้าไม่มีตัวบท แล้วหาเหตุผลมาอ้าง อย่างนั้น อย่างนี้ แล้วตั้งเป็นหุกุม ว่า เป็นสุนัต แบบนี้ จะไปเอาบุญที่ใคร และมั่นใจแค่ใหน

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
abu-zubair
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009
ตอบ: 44


ตอบตอบ: Fri Mar 27, 2009 9:21 pm    ชื่อกระทู้: คนเปนถึงคนตาย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามุอลัยกุม

บังอะซันสบายดีนะครับ ขออัลลอฮฺให้สุขภาพแขงแรง ความรู้เข้มข้น

ที่ผมพยายามเสนอไปนั้นมิได้หมายความไปว่าจะต้องทำ หรือ ห้ามทำ เพียงนำเสนอให้เห็นภาพชัดๆดังที่บอกไปแร้วว่ามัสอะละฮฺเหล่านี้มีกรอบมีเกณฑ์ กติกามารยาท ไม่ว่าจะเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม อินชาอัลลอฮฺ เราจะได้คุยกันถึง หลักที่ว่าด้วย "กอฎอยา อัลอะอฺยาน" ซึ่งมีผลต่อหลัก"เตากีย์ฟียะฮฺ" อย่างรัยนะครับ...หรือบังจะนำเสนอก่อนได้นะครับ.

วัสลาม

http://www.qurancomplex.org/qfatwa/display.asp?f=30&l=arb&ps=subFtwa
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Mar 27, 2009 10:23 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เพิ่มเติม
บางคุณพยายามอ้างทัศนะและผลการวินิจฉัยของบรรดาอุลามาอ์ คนสำคัญ ในอดิต เช่นอิหม่ามทั้งสี่เป็นต้น ความจริงบรรดาอุลามาอฺ แม้จะมีความรู้มากแค่ใหน และมี่ความอวุโสมากแค่ใหน ไม่ว่ายุคก่อนหรือยุคหลัง บุคคลเหล่านี้ก็มีหน้าปฏิบัติตามบทบัญญัติที่มาจากกิตาบุลลอฮและสุนนะฮของท่านนบี Solallah พวกเขาไม่ได้มีสิทธิพิเศษใดๆ ซึ่งพวกท่านเหล่านี้ ก็ตระหนักในเรื่องนี้ และสอนคนยุคหลัง ถึงข้อควรระวังในการตักลิดนักวิชาการ โดยไม่รู้ข้อเท็จจริง เช่น

1. อิหม่ามอบูหะนีฟะฮ กล่าวว่า

لا يحل لأحد أن يأخذ بقولنا ما لم يعلم من أين أخذناه
ไม่อนุญาตแก่บุคคลใดนำคำพูดของเรา สิ่งซึ่งเขาไม่รู้ว่าเราได้เอามันมาจากใหน - หาชิยะฮอิบนุอาบิดีน เล่ม 6 หน้า 293

2. อิหม่ามหม่ามมาลิก กล่าวว่า

إنما أنا بشر أخطأ وأصيب فانظروا في رأيي, فكل ما وافق الكتاب والسنة فخذوا به, وكل ما لم يوافق الكتاب والسنة فاتركوه


ความจริง ฉันเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง มีผิด มีถูก ดังนั้นจงพิจารณษในความเห็นของฉัน แล้วทุกสิ่งที่สอดคล้องกับคัมภีร์(อัลกุรอ่าน)และอัสสุนนะฮ ,พวกท่านจงเอามัน และทุกสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับคัมภีร์และอัสสุนนะฮ พวกท่านจงทิ้งมันเสีย"- บันทึกโดย อิบนุอับดุลบีร ใน อัลญาเมียะ เล่ม เล่ม 2 หน้า 32
3. อิหม่ามชาฟิอี กล่าวว่า

كل ما قلت فكان عن النبي خلاف قولي مما يصح فحديث النبي أولى فلا تقلدوني
ทุกสิ่งที่ฉันพูด ปรากฏว่า สิ่งที่เศาะเฮียะรายงานจากนบี Solallah ขัดแย้งกับคำพูดของฉัน ดังนั้นหะดิษนบีย่อมดีกว่า อย่าเชื่อตามฉัน - บันทึกโดยอบูหาติม ในอาดาบุชชาฟิอีวะมะนสกิบุฮู หน้า 68 ด้วยสายรายงานที่ถูกต้อง

4. อิหม่ามอะหมัด กล่าวว่า
رأي الأوزاعي ورأي مالك ورأي سفيان, كله رأي, وهو عندي سواء, وإنما الحجة في الآثار
ความเห็นของอัลเอาซาอีย์,ความเห็นของมาลิก,ความเห็นของซุฟยาน ทั้งหมดนั้น คือ ความเห็น และในทัศนะของฉัน มันเท่าเทียมกัน (ไม่มีใครเหนือกว่าใคร) และความจริง หลักฐานนั้น อยู่ในบรรดาหะดิษ - รายงานโดย อับดุลบิร ในอัลญาเมียะ เล่ม 2 หน้า 149 ด้วยสายรายงานที่เศาะเฮียะ
........
ที่ผมนำบรรดาคำพูดของอิหม่ามแห่งโลกอิสลามทั้งสี่มา ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า เราควรให้ความสำคัญถึงที่มาของทัศนะต่างๆ ว่า เอาอะไรมาเป็นหลักฐาน ไม่ใช่ให้ความสำคัญกับความเห็นว่าเป็นบัญญัติศาสนา
والله أعلم

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย asan เมื่อ Fri Mar 27, 2009 10:27 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Mar 27, 2009 10:45 pm    ชื่อกระทู้: Re: คนเปนถึงคนตาย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

abu-zubair บันทึก:
อัสลามุอลัยกุม

บังอะซันสบายดีนะครับ ขออัลลอฮฺให้สุขภาพแขงแรง ความรู้เข้มข้น

ที่ผมพยายามเสนอไปนั้นมิได้หมายความไปว่าจะต้องทำ หรือ ห้ามทำ เพียงนำเสนอให้เห็นภาพชัดๆดังที่บอกไปแร้วว่ามัสอะละฮฺเหล่านี้มีกรอบมีเกณฑ์ กติกามารยาท ไม่ว่าจะเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม อินชาอัลลอฮฺ เราจะได้คุยกันถึง หลักที่ว่าด้วย "กอฎอยา อัลอะอฺยาน" ซึ่งมีผลต่อหลัก"เตากีย์ฟียะฮฺ" อย่างรัยนะครับ...หรือบังจะนำเสนอก่อนได้นะครับ.

วัสลาม

http://www.qurancomplex.org/qfatwa/display.asp?f=30&l=arb&ps=subFtwa

.......
Question
ครับ สบายดี ตามอัตภาพ ตอนนี้พอมีเวลาอยู่บ้างเพราะเด็กสอบเสร็จแล้ว อินชาอัลลอฮ ก็จะนำเสนอไปเรือยๆ ให้ผู้อ่านพิจารณา ไม่ใช่มาโต้แย้งแต่ประการใด ขอบคุณที่น้องอบูซุเบร ลิงค์ฟัตวา อิบนุอุษัยมีน มาให้อ่าน


_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
abu-zubair
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009
ตอบ: 44


ตอบตอบ: Fri Mar 27, 2009 11:03 pm    ชื่อกระทู้: คนเปนถึงคนตาย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามุอลัยกุม

จากที่บังอะซันกล่าวข้างบน..ย่อมจริงแท้แน่นอน เพราะเนื่องด้วยเราถูกให้ยึดเอากิตาบุลลอฮฺ และหะดีษ แต่เรากะลังหาว่าเราทั้งหลายจะเข้าใจให้ตรงเนื้อความและเป้าหมายมากที่สุดได้อย่างรัย

อนึ่งมัสอะละฮฺนี้ ใช่ว่าจะขัดแย้งบทตัวบท แต่หากขัดแย้งกันบนมัฟฮูมของมัน และ หลักอิสติมบาฎของแต่ละฝ่าย..ฉะนั้นเราจะเข้าถึงความผิดถูกนั้น วิจารณ์เองเกรงจะเสียหาย คงอาศัยระดับมุจตะหิดแต่ละยุคสมัยให้คำวิเคราะห์ในแต่ละฝ่าย..และจะขาดเสียมิได้กุรูนนี้ยังมีผู้รู้ รู้กว่าเรา สำหรับผมคงต้องถามไถ่ และเกบเกี่ยวความเข้าใจจากท่านเหล่านั้น คงมิอาจเอื้อมไปถึงงว่า "เขาก็คน เราก็คน" พอมันไร้มารยาททางวิชาการมากสำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆที่ความรู้ไม่คลอบคุลมดั่งทะเล..

ขออัลลอฮฺนำทางแก่เราท่านทั้งหลาย อามีน.

วัสลาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sat Mar 28, 2009 11:26 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Exclamation

บรรดาผู้รู้หรืออุลามาอฺนั้น เป็นผู้ได้รับเกียรติจากอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

يَرْفَعِ اللَّهُ الَّذِينَ آمَنُوا مِنكُمْ وَالَّذِينَ أُوتُوا الْعِلْمَ دَرَجَاتٍ (المجادلة : 11)

“เพราะอัลลอฮฺจะทรงยกเกียรติของบรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้า และบรรดาผู้ได้รับความรู้หลายชั้น” (อัลมุญาดะละฮฺ, 11)

อิบนุญะรีรกล่าวว่า “อัลลอฮฺจะทรงยกสถานะของบรรดาผู้ที่ได้รับการประสาทความรู้ในหมู่ผู้ศรัทธาให้สูงส่งยิ่งกว่าสถานะของบรรดาผู้ศรัทธาที่ไม่ได้รับการประสาทความรู้หลายชั้น เนื่องจากความประเสริฐของความรู้ที่ประดับประดาตัวเขาอยู่ และได้นำมันมาปฏิบัติตามคำสั่งต่างๆของอัลลอฮฺ" (ญะมิอุลบะยาน, เล่ม 28 หน้า 19)


ท่านนบีมุหัมหมัด Solallah
ได้กล่าวถึง ความประเสริฐของอุลามาอฺในทางด้านศาสนา

إن العلماء ورثة الأنبياء وإن الأنبياء لم يورِّثوا دينارًا ولا درهمًا، إنَّما ورَّثوا العلم، فمن أخذَه أخذ بحظٍّ وافر

แท้จริงบรรดาอุลามาอฺนั้น คือทายาทรับมรดกบรรดานบี และแท้จริงบรรดานบีพวกเขาไม่ได้ทิ้งมรดกเอาไว้เป็นดีนาร์และดิรฮัม ความจริงพวกเขาได้ทิ้งมรดกที่เป็นความรู้ ดังนั้นผู้ใดเอามันไว้ เขาก็ได้เอาส่วนที่สมบูรณ์” - รายงานโดย อัตติรมิซีย์ ,อิบนุมาญะฮ ,อิบนุหิบบานและคนอื่นๆ
…….
หลักฐานที่นำเสนอข้างต้น ย่อมเป็นประจักษ์ว่าอุลามาอฺทางศาสนานั้น เป็นผู้มีเกียรติ์ มีฐานะสูงส่ง แต่ เราจะต้องแยกให้ออกว่า ฐานะของอัลลอฮ ,ของบรรดานบี และ บรรดาผู้รู้(อุลามาอฺ)นั้นต่างกัน ซึ่งเราพิสูจน์ได้จาก คำตรัสของอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวาตาอาลาที่ว่า

يا ايها الذين امنوا اطيعوا الله واطيعوا الرسول واولي الامر منكم فان تنازعتم في شيء فردوه الى الله والرسول ان كنتم تؤمنون بالله واليوم الاخر ذلك خير واحسن تاويلا ) النساء 59

59. ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยงามยิ่ง – อันนิสาอฺ/59
………………………..

อายะฮข้างต้น ได้แสดงให้เห็นว่า เมื่อเกิดมีประเด็นขัดแย้ง อัลลอฮ ซุบฮานะฮุวะตะอา ได้สอนให้นำประเด็นขัดแย้งนั้น ไปให้อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮเป็นผู้ตัดสิน และไม่ได้ระบุว่า ต้องกลับไปให้อุลิลอัมริ เป็นผู้ตัดสิน เพราะผู้นำก็ดี หรือบรรดาผู้รู้ก็ดี เขาไม่ได้อยู่ในฐานะพิเศษที่มีสิทธิในการบัญญัตคำสอนศาสนาได้

และจากหะดิษที่กล่าวว่า “บรรดาผู้รู้เป็นทายาทของบรรดานบี Solallah “ คำว่า “ทายาทนบี Solallah ” ในที่นี้ คือ ทายาททางความรู้หรือ วิชาการทางศาสนา ที่เขารับมาจากท่านนบี เพื่อนำมาปฏิบัติและถ่ายทอดให้กับบรรดาผู้ไม่รู้ แล้วหากสิ่งใดที่ท่านนบีไม่ได้สอนและไม่ได้ทำแบบอย่างเอาไว้ เราจะเรียกว่า “มรดกจากท่านนบีได้อย่างไร?

บรรดาอุลามาอฺ ได้ทุมเทความพยายามในการวินิจฉัยประเด็นต่างๆ อย่างเต็มความสามารถ เมื่อผิดพลาด เขาก็ได้รับผลบุญหนึ่งเท่า แต่ถ้าถูกต้อง เขาได้รับสองเท่า อย่างที่ท่านนบี
กล่าวว่า

إذا حكم الحاكم فاجتهد ثم أصاب فله أجران وإذا حكم واجتهد ثم أخطأ فله أجر واحد

เมื่อ ผู้พิพากษาได้ตัดสิน แล้วเขาได้ทำการวินิจฉัย (อย่างเต็มความสามารถ) แล้วเขาไ(ตัดสิน)ถูกต้อง เขาก็จะได้รับการตอบแทนผลบุญสองเท่า และเมื่อเขาได้ตัดสิน แล้วเขาได้ทำการวินิจฉัย (อย่างเต็มความสามารถ) แล้วผิดพลาด เขาก็ได้รับการตอบแทนผลบุญหนึ่งเท่า - รายงานโดย อัลบุคอรี บทที่ 97 กิตาบุลเอียะติศอม
………………………

ศาสนาไม่ได้สอนให้เราตามอุลามาอในส่วนที่ไม่ถูกต้อง แต่สอนให้เราตามในส่วนที่ถูกต้อง

ท่าน อะหมัด มุสเฏาะฟา อัลมะรอฆีย์ ได้กล่าวไว้ในตัฟสีรของท่านว่า

وما شرع من اجتهاد الرأي في حديث معاذ وغيره فهو خاص بالقضاء لا بأصول الدين عباداته فقد أكمل الله دينه فلم يترك فيه نقص يكمله غيره بظنه ورأيه بعدوفاة رسوله وليس لقاض ولا مفت أن يسند رأيه الإجتهاد الى الله فيقول هذاحكم الله وهذادينه بل يقول هذامبلغ إجتهادي فإن كان صوابا فمن توفيق الله وإلهامه وإن خطأفمني ومن الشيطان

และสิ่งที่ถูกบัญญัติขึ้นมาจากการอิจญติฮาด โดยความเห็น ในหะดิษมุอาซ และอื่นจากเขานั้น มันก็เฉพาะสำหรับการตัดสินคดีเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับ หลักการศาสนาและ การปฏิบัติศาสนากิจ(อิบาดาต) เพราะแท้จริงอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทำให้ศาสนาของพระองค์สมบูรณ์แล้ว พระองค์ไม่ได้ทรงทิ้งความบกพร่องใดๆในนั้น แล้วให้ผู้อื่น อื่นจากพระองค์ มาทำให้มันสมบูรณ์ด้วยการคาดเดาและความคิดเห็นของเขา หลังจากที่ศาสนทูตของพระองค์ได้เสียชีวิต และไม่อนุญาตให้ผู้พิพากษาและมุฟตีคนใด นำความเห็นของเขาที่ได้จากการอิจญติฮาด นำไปอ้างอิงกับอัลลอฮ โดยกล่าวว่า นี่คือ หุกุมอัลลอฮ นี่คือศาสนาของพระองค์ แต่ให้เขากล่าวว่า “นี่ เป็นเพียงการอิจญติฮาดของฉัน แล้วหากมันถูกต้อง มันก็มาจากการเตาฟิก(การช่วยเหลือ)ของอัลลอฮและการดลใจของพระองค์ และถ้าหากมันผิดพลาด มันก็มาจากตัวฉันเอง และมาจากชัยฏอน” – ดู ตัฟสีรอัลมะรอฆีย์ เล่ม 7 หน้า 140

.................

เพราะฉะนั้น ความเห็นของอุลามาอฺ ไม่สามารถไปเทียบกับ อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮได้ และประเด็นเดียวกัน ปรากฏว่า อุลามาอฺมีความเห็นแตกต่างกัน ไม่ได้หมายความว่า "ความแตกต่างทั้งหมดนั้น ถูกต้องทั้งหมด เหมือนบางคนอ้างว่า " ทุกคนต่างก็เดินไปหาอัลลอฮ แม้เส้นทางที่เดินไปหาอัลลอฮนั้นมันแตกต่างกันก็ตาม" คนอ้างแบบนี้ คือคนลอยตัวเหนือปัญญหา เพราะในอิสลามนั้น ทางที่ถูกต้อง คือ ทางที่อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮสอนให้เดินเท่านั้น"
..........
วัสสลาม

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
sunnahkung
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2008
ตอบ: 116


ตอบตอบ: Sat Mar 28, 2009 4:12 pm    ชื่อกระทู้: .... ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Exclamation


เชิญผู้รู้ทั้งสองท่านเสวนาต่อเลยครับ

รออ่านอยู่

ได้ความรู้หนุกหนานดี Razz Laughing Very Happy wassalam Rolling Eyes
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
abu-zubair
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009
ตอบ: 44


ตอบตอบ: Mon Mar 30, 2009 3:24 pm    ชื่อกระทู้: คนเปนถึงคนตาย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามุอลัยกุม

แวะเข้าๆออกครับ..แต่ไม่ได้มาเพิ่มเติมเรย..ขอมอัฟพี่น้องด้วย
ขอเวลาสะสางงาน..หน่อยครับ...

อินชาอัลลอฮฺ จะรีบเข้ามาเมื่อเสรจงาน

วัสลาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Tue Mar 31, 2009 1:26 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เพิ่มเติม

การทำทาน, การถือศีลอด และการทำหัจญ์ นั้น มีหลักฐานว่า คนเป็นทำแทนคนตายได้ และคนเป็นที่ว่า ถ้าพิจารณาในตัวบทหะดิษ คือ ทายาทของผู้ตาย ไม่มีหะดิษบทใดที่กล่าวถึงคนอื่นที่ไม่ได้เป็นทายาทของผู้ตาย แต่ก็หะดิษที่เกี่ยวกับประเด็นนี้ถูกนำไปเป็นหลักฐาน โดยรวมว่า “คนเป็นทุกคน สามารถทำความดีอุทิศบุญให้แก่คนตายได้” จนในที่สุด เกิดมีหุกุม การอ่านอัลกุรอ่านอุทิศบุญให้คนตาย,การทำบุญคนตาย 3 วัน 7 วัน 100 วัน จนกลายเป็นข้อบังคับไปโดยปริยาย เพราะถ้าใครไม่ทำ คนนั้นจะถูกสังคมกล่าวหาว่า “เป็นคณะใหม่” เป็นวาฮาบีย์
อัลอิซ บิน อับดุสสลาม กล่าวว่า

ومن فعل طـاعة لله تعالى، ثم أهدى ثوابها إلى حي؛ أو ميت لم ينتقل ثوابها إليه إذ (وَأَنْ لَيْسَ لِلْإِنْسَانِ إِلَّا مَا سَعَى) ]النجم:39[ فإن شرع في الطاعة ناوياً أن يقع عن ميت لم يقع عنه إلا فيما استثناه الشرع كالصدقة، والصوم، والحج

“และผู้ใดกระทำการภักดี เพื่ออัลลอฮ ตะอาลา หลังจากนั้นเขาได้อุทิศผลบุญของมันให้แก่ผู้ที่มีชีวิต หรือ ผู้ตาย ,ผลบุญของมันก็จะไม่ถึงไปยังผู้ตาย เพราะ(อัลลอฮตรัสว่า)” แท้จริงมนุษย์จะไม่ได้รับ นอกจากสิ่งที่เขาขนขวายไว้เท่านั้น”- อัลนัจญมุ /39 ดังนั้นผู้ใดเริ่มต้นในการทำการภักดี(หมายถึงกระทำความดี) โดยเจตนาทำแทนผู้ตาย ก็ไม่บังเกิดผล (คือ ไม่บังเกิดในการทำทำแทนนั้น) นอกจากในสิ่งที่ศาสนบัญญัติได้ มีข้อยกเว้นมันไว้เท่านั้น เช่น การบริจาค,การถือศีลอดและการทำหัจญ์ - อัลฟะตาวีย์ เล่ม 24 หน้า 2

อิหม่ามอัชเชากานีย์กล่าวว่า

وأحاديث الباب تدل على أن الصدقة من الولد تلحق الوالدين بعد موتهما بدون وصية منهما ، ويصل إليهما ثوابها ، فيخصَّص بهذه الأحاديث عموم قوله تعالى { وأن ليس للإنسان إلا ما سعى } [ النجم / 39 ]
، ولكن ليس في أحاديث الباب إلا لحوق الصدقة مِن الولد ، وقد ثبت " أن ولد الإنسان من سعيه " فلا حاجة إلى دعوى التخصيص ، وأما مِن غير الولد : فالظاهر مِن العمومات القرآنية : أنه لا يصل ثوابُه إلى الميت فيوقَف عليها حتى يأتي دليل يقتضي تخصيصها

“บรรดาหะดิษในเรื่องนี้(คือ เรื่อง การบริจาค แทนผู้ตาย) แสดงบอกว่า แท้จริง การทำทาน(เศาะดะเกาะฮ) จากบุตรนั้น ส่งผลถึงบิดามารดา หลังจากที่ท่านทั้งสองได้เสียชีวิต โดยปราศจากการสั่งเสียจากคนทั้งสอง,และผลบุญของมันถึงไปยังคนทั้งสอง ทั้งนี้เพราะ บรรดาหะดิษเหล่านี้ ได้ถูกให้มาจำกัดเฉพาะ ความหมายกว้างๆของคำตรัสของอัลลอฮ ตะอาลาที่ว่า ( แท้จริงมนุษย์จะไม่ได้รับผลตอบแทน นอกจากสิ่งที่เขาขนขวายไว้เท่านั้น) แต่ไม่ปรากฏในบรรดาหะดิษของเรื่องนี้ นอกจาก ผลของการทำทาน(เศาะดะเกาะอ)ที่มาจากบุตรเท่านั้น และแท้จริง ได้ปรากฏหะดิษยืนยันว่า แท้จริง บุตรของมนุษย์นั้น เป็นส่วนหนึ่งจากการขนขวายของเขา เพราะฉะนั้น ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะไปอ้างการจำกัดเฉพาะอีกต่อไป และ สำหรับอื่นจากบุตรนั้น ตามตัวบทที่ปรากฏจากบรรดาความหมายโดยกว้างๆของอัลกุรอ่าน คือ แท้จริง ผลบุญของเขา(ของผู้ที่ไม่ใช่บุตร) จะไม่ถึงผู้ตาย ดังนั้นจึงหยุดอยู่บนนั้น จนกว่า จะมีหลักฐานใดๆ มาตัดสินการจำกัดเฉพาะของมัน – นัยลุลเอาฏอร เล่ม 4 หน้า 142
…………….

ด้วยทัศนะส่วนตัวแล้ว จุดยืนที่วางอยู่บนหลักฐาน แบบชัดเจน ย่อมปลอดภัยกว่าการนำไปตีความโดยความคิดเห็น

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
dabdulla
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005
ตอบ: 437


ตอบตอบ: Tue Mar 31, 2009 10:38 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Exclamation อาจารย์อะซันครับ

ขอเรียนถามนิดนึง
ผมได้ทราบมาว่า เมื่อเราอ่านอัลกุรอ่านนั้น ผลบุญจะได้กับครูบาอาจารย์ที่สอนอัลกุรอ่าน
แก่เรามา อันนี้มีหลักฐานมั้ยครับ

ถ้ามี เมาะห์กับเปาะผมก็น่าจะได้ผลบุญด้วย เพราะท่านทั้งสอง ทั้งเคี่ยวและเข็นผมมา
ในตอนเยาว์วัย
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Apr 01, 2009 11:00 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

dabdulla บันทึก:
Exclamation อาจารย์อะซันครับ

ขอเรียนถามนิดนึง
ผมได้ทราบมาว่า เมื่อเราอ่านอัลกุรอ่านนั้น ผลบุญจะได้กับครูบาอาจารย์ที่สอนอัลกุรอ่าน
แก่เรามา อันนี้มีหลักฐานมั้ยครับ

ถ้ามี เมาะห์กับเปาะผมก็น่าจะได้ผลบุญด้วย เพราะท่านทั้งสอง ทั้งเคี่ยวและเข็นผมมา
ในตอนเยาว์วัย


Question

ครับ ผลการกระทำความดีของลูก เป็นส่วนหนึ่งจากการขนขวายของพ่อแม่ และพ่อแม่ได้รับอนิสงค์จากความดีนั้นด้วย เพราะท่านทั้งสองได้อบรมสั่งสอนลูกให้เป็นคนดี
ดังที่ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า

‏{ ‏إن مما يلحق المؤمن من عمله وحسناته بعد موته علما علمه ونشره وولدا صالحا تركه ومصحفا ورثه أو مسجدا بناه أو بيتا لابن السبيل بناه أو نهرا أجراه أو صدقة أخرجها من ماله في صحته وحياته يلحقه من بعد موته } رواه ابن ماجة

แท้จริงส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ติดตาม(ไปถึง)ผู้ศรัทธาหลังจากเขาได้ตายไป จากผลงานและความดีของเขาคือ
1. ความรู้ ที่เขาได้สอนและได้เผยแผ่มัน
2. ลูกที่ดีที่เขาได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง
3. คัมภีร์ที่เขาได้ทิ้งไว้เป็นมรดก
4. มัสญิดที่เขาได้สร้างมันไว้
5. บ้านที่เขาสร้างมันไว้สำหรับผู้ที่เดินทาง(ได้พักอาศัย)
6. ลำคลองที่เขาได้ให้มันไหล (หมายถึงลำคลองที่เขาได้ขุดลอกให้มันไหล)
7. การบริจาคทาน ที่เขาได้จ่ายมันจากทรัพย์สินของเขา ในยามที่เขามีสุขภาพดีและมีชีวิตอยู่ มันจะติดตามไปถึงเขา หลังจากที่เขาได้ตายจากไป - รายงานโดย อิบนุมาญะฮ ( อัลบานียระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะในเศาะเฮียะอัลญาเมียะ หะดิษหมายเลข 3596)
.........
والله أعلم بالصواب

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 10, 11, 12, 13, 14  ถัดไป
หน้า 11 จากทั้งหมด 14

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.11 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ