ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sat Jan 03, 2009 12:04 am ชื่อกระทู้: |
|
|
9. ฏอวูส บิน กีสาน อัลยะมานี อัลฮัมดานีย์ มีนามแฝงว่า อบูอับดุรเราะหมาน ( ฮ.ศ. 33 106 และ ค.ศ. 654 725) มีเชื้อชาติเปอร์เซีย(มารดาเป็นชาวเปอร์เซีย) เกิดและโต ที่เยเมน ท่านเป็นชนชั้นนำ สมัยตาบิอีน ท่านเป็นศิษย์คนสำคัญของอิบนุอับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮู เสียชีวิตที่นครมักกะฮ ในปี ฮ.ศ 106 ก่อนวันตัรวียะฮ(วันที่ 8 เดือนซุลฮิจญะฮ) หนึ่งวัน ในขณะที่กำลังครองเอียะรอมอยู่ โดยที่ ฮิชาม บิน อับดุลมุลกิ ได้ละหมาดญะนาซะฮให้แก่ท่าน
ส่วนซุฟยาน อัษเษารีย์ มี ชื่อเต็มว่า อบูอับดุลลอฮ ซุฟยาน บิน สะอีด บิน มัสรูก บิน หะบีบ อัษเษารีย์ อัรรอบบานีย์ อัตตัยมีย์ อัลมะเฎาะรีย์ (ฮ.ศ. 97 161 ท่านเป็นชาวเมืองกูฟะฮ ท่านเป็นอิหม่ามมุจญตะฮิด และเป็นนักหะดิษที่สำคัญ ท่านเสียชีวิตในปี ฮ.ศ 161
คำพูดของท่านซุฟยาน อัษเษารีย์ ที่เตือนให้ระวังบิดอะฮ
البدعة أحب الى ابليس من المعصية , المعصية يتاب منها والبدعة لا يتاب منها
" บิดอะฮ เป็นที่รักยิ่งแก่อิบลิส ยิ่งกว่า มะอซียะฮ(การฝ่าฝืนข้อห้าม) เพราะมะอซียะฮ จะได้รับการเตาบะฮจากมัน และบิดอะฮจะไม่ได้รับการเตาบะฮจากมัน(เพราะเข้าใจว่าดี ผู้ทำจึงไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด) ดู ชัรหุสสุนนะฮ เล่ม 1 หน้า 216
...........
ตอนที่ท่านฎอวูส เสียชีวิต ท่านซุฟยานอัษเษารีย์ อายุ ประมาณ 9 ขวบ มันเป็นหะดิษที่เชื่อเถือได้อย่างไร ที่ท่านซุฟยานอัษเษารีย์ ได้ยินหะดิษข้างต้นจากปากของ ท่านฎอวูส คงเพราะเหตุนี้กระมัง ที่ไม่มีอิหม่ามมุจญตะฮิดคนใหนเอาหะดิษนี้มาเป็นหลักฐานทำบุญคนตาย แต่ก็มีคนพยายามขุดหะดิษนี้มาอ้างกับคนอาวาม _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sat Jan 03, 2009 10:47 am ชื่อกระทู้: |
|
|
อีกหะดิษที่โต้ะครูซุนนะฮสะติวเด้นนำมาอ้างเป็นหลักฐานทำบุญคนตาย คือ
عن الأحنف بن قيس قال : كنت أسمع عمر يقول : لا يدخل أحد من قريش فى باب إلا دخل معه ناس ، فلا أدرى ما تأويل قوله حتى طعن عمر فأمر صهيبا أن يصلى بالناس ثلاثا ، وأمر أن يجعل للناس طعاما فلما رجعوا من الجنازة جاءوا وقد وضعت الموائد ، فأسك الناس عنها للحزن الذى هم فيه فجاء العباس بن عبد المطلب ، فقال : ياأيها الناس قد مات...الحديث
รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า "คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงการตีความคำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาดสามวัน และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คน ดังนั้น ในขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดสำหรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้ตนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็มา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้ว....." สายรายงาน "หะซัน" ดู หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 198 หะดิษที่ 709
....................
หะดิษข้างต้นมีบันทึก ในหนังสือ อัลมะฏอลิบอัล-อาลียะฮ เล่ม 2 หน้า 534 เป็นหะดิษหมายเลขที่ 858 จากการพิมพ์ครั้งแรกของสำนักพิมพ์ ดารุ้ลกุฏุบ อัลอิลมียะฮ แห่งกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน
สายรายงานของหะดิษบทนี้มีดังนี้
قال أحمد بن منيع حدثنا يزيد بن هارون ثناحماد بن سلمة عن علي بن زيد عن الحسن عن الأحناف بن قيس قال: كنت أسمع عمر...
บุคคลในสายรายงานหะดิษข้างต้น
1. อะหมัด บิน มะเนียะ
2. ยะซีด บิน ฮารูน
3. หัมหมาด บินสะลีมะฮ
4. อะลีย์ บิน ซัยด บิน ญุดอาน
5. หะซัน อัลบัศรีย์
6. อะหนาฟ บิน กอ็ยซ์
..........
โต๊ะครู ซุนนะฮสะติวเด้นระบุว่า หะดิษบทนี้ สายรายงานหะซัน(อยู่ในระดับที่ดี) ไม่ทราบว่า คัดลอกมาผิดหรือเปล่า เพราะ หะดิษนี้จริงๆแล้ว เฎาะอีฟจ๋า เพราะมีจุดบกพร่องต่อไปนี้คือ
1. ผู้รายงานอันดับที่สี่ คือ อะลีย์ บิน ซัยด บิน ญุดอาน (สิ้นชีวิตในปี ฮ. 131) เป็นผู้รายงานที่เฎาอีฟ ซึ่งท่าน- ท่านอัล-หาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ เอง กล่าวไว้ใน หนังสือ อัตตักรีบ เล่มที่ 2 หน้า 37
นักวิชาการส่วนมากถือว่า ท่านอาลีย์ บิน ซัยด บิน ญุดอาน(علي بن زيد بن جدعان ) ผู้นี้ เป็นผู้รายงานหะดิษที่ขาดความเชื่อถือ แม้กระทั้งท่านบุคอรีย์ และท่านอบูหาติม ก็ยังวิจารณ์ว่า
لايحتج به
คือ จะอ้างเขาผู้นี้ มาเป็นหลักฐานไม่ได้ ดูหนังสือ มีซาลเอียะติดาล เล่ม 3 หน้า 128
علي بن زيد بن جدعان، وهو ضعيف الحديث
อาลีย์ บิน ซัยด บิน ญุดอาน และ เขาคือ ผู้ที่เฏาะอีฟหะดิษ
ดูมุศอ็นนิฟ อิบนุอบีชัยบะฮ เล่ม 6 หน้า 497
2. ผู้รายงานหะดิษอันดับที่ 5 คือ อัลหะซัน อัลบัศรีย์ (สิ้นชีวิตปี ฮ 110) เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูง แต่ มักจะรายงานหะดิษลักษณะ ตัดลีซ คือ อ้างว่าได้รายงานมาจากบุคคลหนึ่ง แต่จริงๆแล้ว ได้รับฟังมาจากบุคคลอื่น ซึ่งถือว่า เป็นจุดบกพร่องอย่างหนึ่ง
3. หะดิษข้างต้น รายงานในรูปแบบ عنعنة คือ ใช้สำนวนจากการรายงานว่า
عن علي بن زيد عن الحسن عن الأحناف بن قيس
จาก ...............จาก..............จาก.......... ทั้งที่ช่วงต้น ใช้สำนวนว่า
حدثنا يزيد بن هارون ثناحماد بن سلمة
ได้เล่าแก่เรา..................ได้เล่าแก่เรา......
หะดิษลักษณะนี้ เรียกว่า เป็น หะดิษมุดัลลัส คือ รายงานลักษณะมั่วนิ่ม อันเป็นหะดิษเฎาะอีฟประเภทหนึ่ง
4. เนื่องจากมีหะดิษบทนี้บทเดียวเท่านั้น ที่อ้างว่า ท่านอุมัร สั่งให้ทำอาหาร ส่วนหะดิษบทอื่นๆที่เศาะเฮียะเกี่ยวกับเรื่อง การฆาตกรรมอุมัร ไม่ปรากฏว่ามีข้อความว่า ท่านอุมัรสั่งให้ทำอาหารเลี้ยง
5. และที่สำคัญที่สุดคือ หะดิษข้างต้นต้นขัดแย้งกับหะดิษยะอฟัรและหะดิษญะรีร ซึ่งเศาะเฮียะและแพร่หลายในหมู่นักวิชาการ
หะดิษญะรีรคือ
عَنْ جَرِيرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ الْبَجَلِيِّ قَالَ
كُنَّا نَعُدُّ الِاجْتِمَاعَ إِلَى أَهْلِ الْمَيِّتِ وَصَنِيعَةَ الطَّعَامِ بَعْدَ دَفْنِهِ مِنْ النِّيَاحَةِ
رواه أحمد وصححه الألباني في أحكام الجنائز (ص167)
จากญะรีร บินอับดุลลอฮ อัล-บะญะลี กล่าวว่า พวกเรานับว่า การไปชุมนุมกันที่ครอบครัวผู้ตายและทำอาหารกินกัน หลังจากที่ฝังมัยยิต เป็นส่วนหนึ่งของการนิยาหะฮ- รายงานโดย อะหมัด อัลบานียได้ระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ ในหนังสือ อะหกามุ้ลญะนาอิซ หน้า 167
อิหม่ามอัชเชากานีย์ ได้อธิบาย หะดิษญะรีรข้างต้นว่า
قوله: (كنا نعد الاجتماع إلى أهل الميت) الخ يعني أنهم كانوا يعدون الاجتماع عند أهل الميت بعد دفنه وأكل الطعام عندهم نوعًا من النياحة لما في ذلك من التثقيل عليهم وشغلتهم مع ما هم فيه من شغلة الخاطر بموت الميت وما فيه من مخالفة السنة لأنهم مأمورون بأن يصنعوا لأهل الميت طعامًا فخالفوا ذلك وكلفوهم صنعة الطعام لغيرهم
คำพูดของญะรีรที่ว่า (พวกเรานับว่า การชุมนุมที่ครอบครอบผู้ตาย -จนจบ) หมายถึง พวกเขา (เศาะหาบะฮ) นับว่า การชุมนุมที่ครอบครัวผู้ตาย หลังจากฝังมัยยิต และรับประทานอาหารกัน ณ ที่พวกเขา (ครอบครัวมัยยิต) นั้น เป็นประเภทหนึ่ง ของการนิยาหะฮ (ที่ต้องห้าม) เพราะในการกระทำดังกล่าวนั้น เป็นการสร้างภาระให้แก่ครอบครัวมัยยิต และความยุ่งยากแก่พวกเขา พร้อมกับ ความโศกเศ้รา ที่พวกเขาประสบอยู่ เนื่องจากการตายของมัยยิต
และในการกระทำนั้น ขัดต่อสุนนะฮ เพราะพวกเขา ถูกใช้ให้ทำอาหารให้แก่ครอบครัวผู้ตาย แล้วพวกเขาก็ปฏิบัติขัดแย้ง ดังกล่าวนั้น และพวกเขากลับสร้างภาระให้แก่พวกนั้น(ครอบครัวผู้ตาย) ให้ทำอาหาร ให้ผู้อื่นจากพวกเขา (กินกัน) ดูนัยลุ้ลเอาฏอร เล่มที่ 4 หน้า 110 _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย asan เมื่อ Sat Jan 03, 2009 11:32 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sat Jan 03, 2009 10:51 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เพิ่มเติม เกี่ยวกับผู้รายงานหะดิษอัลอะหนัฟ ข้างต้น
มาดู นักวิชาการเขาว่าอย่างไรเกี่ยวกับ ท่าน อาลี บิน ซัยด บิน ญิดอาน ซิครับจะได้ตาสว่าง
أن ابن سعدٍ قال عن زيد بن علي بن جدعان :
وكان كثير الحديث ، و فيه ضعف ، و لا يحتجّ به . اهــ (طبقات ابن سعد 7/252
แท้จริง อิบนุสะอดิน ได้กล่าวเกียวกับ บินอาลีย์ บิน ญิดอานว่า และปรากฏว่า เขามีหะดิษมากมาย และในตัวเขานั้น เฏาะอีฟ และจะนำเขามาเป็นหลักฐานไม่ได้ - เฏาะบะกอต อิบนุสะอฺดิ เล่ม 7 หน้า 252
قال ابن حجر العسقلاني في الإصابة 8/209 : وعلي بن زيد ـ أي ابن جدعان ـ متفق على سوء حفظه .اهـ
อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวไว้ใน อัลอิศอบะฮ เล่ม 8 หน้า 209 ว่า และอาลีย์ บิน ซัยด์ หมาย อิบนุ ญิดอาน - นักวิชาการเห็นฟ้องกันว่า ความจำของเขาไม่ดี
................
ดังนั้น หะดิษนี้ จึงเฏาอีฟ เราไม่เอามาเป็นหลักฐานกินบุญคนตาย ด้วยประการฉะนี้แหละ แต่ก็มีท่านครูบางคนยังดันทุรังอ้างกับชาวบ้านว่า เป็นหลักฐานเด็ด จนชาวบ้านเชื่อ _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
maliksn มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/10/2008 ตอบ: 164
|
ตอบ: Wed Feb 18, 2009 9:23 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ครับ
__________________________________
ท่านรสูลุลลอฮฺ(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)กล่าวว่า ทุกๆบิดอะฮฺนั้นหลงผิดและออกนอกลู่นอกทาง บันทึกโดยอบูดาวูด(ลำดับที่ 4607), อัต-ติรฺมิซีย์(ลำดับที่2676) อิบนุ หะญัรฺ รับรองไว้ว่าเศาะฮิ้หฺ ในตัครีจ อะหะดีษ อิบนุล-ฮาญิบ (1-137)
และตัวท่าน(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)ได้กล่าวไว้อีกว่า ...และทุกๆบิดอะฮฺนั้นหลงผิด และทุกๆความหลงผิดนั้นอยู่ในนรก บันทึกโดยอัน-นาสาอีย์(1/224) จากญาบิรฺ บิน อับดุลลอฮฺ และท่านเชคุล-อิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺกล่าวว่าเศาะฮิ้หฺ ในมัจญ์มูอฺ อัล-ฟัตวา (3/58)
ท่านรสูล(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)ยังห้ามไม่ให้เราไปเป็นมิตร, สนับสนุนหรือคุยกับคนที่ทำบิดอะฮฺ ดังที่หะดีษกล่าวว่า ใครก็ตามที่ทำบิดอะฮฺหรือปรองดองกับผู้ที่ทำบิดอะฮฺ คำสาปแช่งจากอัลลอฮฺ, บรรดามลาอิกะฮฺของพระองค์ และมนุษชาติทั้งปวง จะตกอยู่ที่เขา บันทึกโดยบุคอรีย์(12/41)และมุสลิม (9/140)
ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
من عمل عملاً ليس عليه أمرنا فهو رد
"ผู้ใดประกอบการงานใดที่ไม่มีคำสั่งของเราบนมัน นั้นมันถูกปฏิเสธ" รายงานโดยมุสลิม
อารีฟีน แสงวิมาน ผู้ไม่ห้ามปรามเรื่องอากีดะแก่ครู
ขนาดอากีดะครูมันเองยังเอาไม่รอด แต่จะไปถล่มอากีดะคนอื่น?
อารีฟีน แสงวิมาน เรียนอยู่ใกล้ประเทศอิสราเอลซะเปล่า แต่ไม่ไปช่วยเหลือพี่น้องที่ปาเลสไตน์
salafyah บันทึก: | ใครรู้จัก อัลอัซอารี เเห่งเวปบิดอะสติวเด้นมั้ง
มีคนฝากมาให้ช่วยไปบอกเค้าว่า.....
คุณนูรีฮัน มาเลเซีย ไม่มีวันให้อภัย เเกเค้าคนนั้นตราบใด
คุณอัลอัซอารี ไม่ยอมบอกกล่าวสิ่งที่เค้าได้ตั้งข้อฟิตนะที่ร้ายเเรงให้คุณนูรีฮัน มาเลเซีย
เเละตราบใดที่ไม่ยอมขอมาอัฟจากคุณนูรีฮัน
เป็นฮักกุลอาดัมไปตลอดชีวิตเลย |
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Mr.shot บุคคลทั่วไป
|
ตอบ: Tue Mar 03, 2009 1:41 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ไปแล้วไปลับ ท่านอบูมัจญนูน#2 |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Mhm.Rasheed มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 16/02/2009 ตอบ: 7
|
ตอบ: Wed Mar 04, 2009 6:29 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เดี๋ยวนี้จะถึงงานเมาลิดแล้ว โอ้วววว...ลูกหาบเว็บ ซุนนะฮฺสติวเด้นท์ เอาหลักฐานกุลีกุจอมาปล่อยเยอะแยะเลยจริงๆคร้าบ .....เฮ้อออ ที่นี่เขามาท้าว่า อารีฟีนแสงวิมาน จะกลับมาแฉอากีดะฮฺวาฮาบีย์ ....?ผมคนหนึ่งครับที่จะรอดู
.......................................................................................
ชีอะฮ12 ยิวและคริสต์ คือศัตรูของกู |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
abu-zubair มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009 ตอบ: 44
|
ตอบ: Wed Mar 04, 2009 7:44 pm ชื่อกระทู้: เรื่องอ่านกรุอานผลบุญถึงผู้ตายไหม? |
|
|
อัสลามุอลัยกุม
เรื่องนี้มีรายละเอียดของมันอยู่นะครับค่อยๆคุยกัน เอาประเดนอ่านกรุอ่านแก่ผู้ตายได้มั๊ยก่อนนะครับ
1.ในเรื่องนี้เราต้องเริ่มสาวความเอาจากอุลามาอฺยุคปัจจุบันก่อนเพราะท่านเหล่าคือจุดเชื่อมต่อความรู้ที่มีมาก่อนหน้าเรา
2.ความเข้าใจในตัวบทหลักฐานอันนี้ต้องไปดูนักวิชาการ ขอย้ำนักวิชาที่โลกซุนนะฮฺยอมรับว่าเปนนักวิชาการนะครับ ได้ว่ากันไว้อย่างไรบ้าง
3.ส่วนหน้าตาอย่างเราๆท่านๆ ก้อสามารถตั้งข้อสังเกตุได้ แต่อย่าเพิ่งด่วนสุรปนะครับ
เอาหละที่นี้เรามาเริ่มที่ละประเดน
1.ในมัสอะละฮฺนี้....เป็นมัสอะละฮฺ มุตตะฟัก หรือ มุคตะลัฟ
ข้อมูล. เป็นมัสอะละฮฺมุคตะลัฟ สามารถดูได้จากการฟัตวาของชัยค์บินบาซ ชัยค์อุษัยมีน และชัยค์ซอและห์ อาลชัยค์(ติดตามได้ตามนี้ครับ)
- มัจญ์มัวะฟัตวา อิบนุ บาซ เล่มที่13 หน้าที่ 95-96
- มัจญ์มัวะฟัตวา วะรอซะเอ็ล อัลลามะฮฺ อิบนุ อุษัยมีน เล่ม2 หน้าที่ 237-238 ฟัตวาที่ 358
และฟัตวา361 เล่มที่ 2 หน้าที่ 240
- ชัรห์ อัลอะกีย์ดะฮฺ อัฎฎอหาวียะฮิ ชัยค์ ซอและห์ อาล อัชชัยค์ หน้าที่ 588
จะเห็นได้ว่าในเรื่องนี้ยังมีความขัดแย้งในหมู่อะฮฺลุซซันนะฮฺนั่นเอง ดังนั้นจึงตกตำแหน่ง มัสอะละฮฺ มุคตะลัฟ
ส่วนหนึ่งจากคำตอบของชัยค์อุษัยมีน เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการอ่านกรุอ่านถึงผู้ตาย
" การอ่านกรุอานให้กับวิญญาณของผู้ตายนั้น หมายถึงการอ่านกรุอานโดยที่เขา(ผู้อ่าน)ต้องการให้ผลบุญของเขาเป็นของผู้ตาย คนหนึ่งคนใดในบรรดาผู้เสียชีวิตที่เป็นมุสลิม ปัญหานี้เป็นปัญหาที่บรรดาผู้รู้มีทรรศนะที่แตกต่างกัยสองทรรศนะดังนี้.....(ติดตามภาค2)
วัสลาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
maliksn มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/10/2008 ตอบ: 164
|
ตอบ: Thu Mar 05, 2009 7:02 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
Mhm.Rasheed บันทึก: | เดี๋ยวนี้จะถึงงานเมาลิดแล้ว โอ้วววว...ลูกหาบเว็บ ซุนนะฮฺสติวเด้นท์ เอาหลักฐานกุลีกุจอมาปล่อยเยอะแยะเลยจริงๆคร้าบ .....เฮ้อออ ที่นี่เขามาท้าว่า อารีฟีนแสงวิมาน จะกลับมาแฉอากีดะฮฺวาฮาบีย์ ....?ผมคนหนึ่งครับที่จะรอดู |
ผมว่าอีกเรื่องนึงที่น่ารอดูก็คือ วันที่อารีฟีน แสงวิมาน al-azhary หมดทางทำมาหากินกับแนวทางบิดอะ รายได้ลดลงอย่างน่าใจหาย จนอารีฟีนเครียด ต้องอาศัยลูกศิษย์ก้นหม้อ เลี้ยงดูไปวันๆ
วันนั้น อารีฟีน แสงวิมาน อาจจะรู้ซึ้งแล้วว่า ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเรียน ค่ากินต่างๆ ในต่างประเทศ สำหรับการศึกษาเพื่อมาสนับสนุนแนวทางบิดอะของตนเองและครู
มันสูญค่า เสียเปล่า อย่างหาประโยชน์ไม่ได้เลย แม้แต่น้อย
เรามารอดูกันเถอะครับ พี่น้อง
__________________________________
ท่านรสูลุลลอฮฺ(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)กล่าวว่า ทุกๆบิดอะฮฺนั้นหลงผิดและออกนอกลู่นอกทาง บันทึกโดยอบูดาวูด(ลำดับที่ 4607), อัต-ติรฺมิซีย์(ลำดับที่2676) อิบนุ หะญัรฺ รับรองไว้ว่าเศาะฮิ้หฺ ในตัครีจ อะหะดีษ อิบนุล-ฮาญิบ (1-137)
และตัวท่าน(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)ได้กล่าวไว้อีกว่า ...และทุกๆบิดอะฮฺนั้นหลงผิด และทุกๆความหลงผิดนั้นอยู่ในนรก บันทึกโดยอัน-นาสาอีย์(1/224) จากญาบิรฺ บิน อับดุลลอฮฺ และท่านเชคุล-อิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺกล่าวว่าเศาะฮิ้หฺ ในมัจญ์มูอฺ อัล-ฟัตวา (3/58)
ท่านรสูล(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)ยังห้ามไม่ให้เราไปเป็นมิตร, สนับสนุนหรือคุยกับคนที่ทำบิดอะฮฺ ดังที่หะดีษกล่าวว่า ใครก็ตามที่ทำบิดอะฮฺหรือปรองดองกับผู้ที่ทำบิดอะฮฺ คำสาปแช่งจากอัลลอฮฺ, บรรดามลาอิกะฮฺของพระองค์ และมนุษชาติทั้งปวง จะตกอยู่ที่เขา บันทึกโดยบุคอรีย์(12/41)และมุสลิม (9/140)
ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
من عمل عملاً ليس عليه أمرنا فهو رد
"ผู้ใดประกอบการงานใดที่ไม่มีคำสั่งของเราบนมัน นั้นมันถูกปฏิเสธ" รายงานโดยมุสลิม
อารีฟีน แสงวิมาน ผู้ไม่ห้ามปรามเรื่องอากีดะแก่ครู (กอเซ็ม โมฮัมหมัดอาลี)
ขนาดอากีดะครูมันเองยังเอาไม่รอด แต่จะไปถล่มอากีดะคนอื่น?
อารีฟีน แสงวิมาน เรียนอยู่ใกล้ประเทศอิสราเอลซะเปล่า แต่ไม่ไปช่วยเหลือพี่น้องที่ปาเลสไตน์
salafyah บันทึก: | ใครรู้จัก อัลอัซอารี เเห่งเวปบิดอะสติวเด้นมั้ง
มีคนฝากมาให้ช่วยไปบอกเค้าว่า.....
คุณนูรีฮัน มาเลเซีย ไม่มีวันให้อภัย เเกเค้าคนนั้นตราบใด
คุณอัลอัซอารี ไม่ยอมบอกกล่าวสิ่งที่เค้าได้ตั้งข้อฟิตนะที่ร้ายเเรงให้คุณนูรีฮัน มาเลเซีย
เเละตราบใดที่ไม่ยอมขอมาอัฟจากคุณนูรีฮัน
เป็นฮักกุลอาดัมไปตลอดชีวิตเลย |
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
abu-zubair มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009 ตอบ: 44
|
ตอบ: Thu Mar 05, 2009 7:46 pm ชื่อกระทู้: รวมตัวบ้านผู้ตาย? |
|
|
อัสลามุอลัยกุม
จากข้อมูลบังอะสัน (ขอนุยาดเพิ่มเติมข้อมูลนะครับ)
5. และที่สำคัญที่สุดคือ หะดิษข้างต้นต้นขัดแย้งกับหะดิษยะอฟัรและหะดิษญะรีร ซึ่งเศาะเฮียะและแพร่หลายในหมู่นักวิชาการ
หะดิษญะรีรคือ
عَنْ جَرِيرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ الْبَجَلِيِّ قَالَ
كُنَّا نَعُدُّ الِاجْتِمَاعَ إِلَى أَهْلِ الْمَيِّتِ وَصَنِيعَةَ الطَّعَامِ بَعْدَ دَفْنِهِ مِنْ النِّيَاحَةِ
رواه أحمد وصححه الألباني في أحكام الجنائز (ص167)
จากญะรีร บินอับดุลลอฮ อัล-บะญะลี กล่าวว่า “ พวกเรานับว่า การไปชุมนุมกันที่ครอบครัวผู้ตายและทำอาหารกินกัน หลังจากที่ฝังมัยยิต เป็นส่วนหนึ่งของการนิยาหะฮ- รายงานโดย อะหมัด อัลบานียได้ระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ ในหนังสือ อะหกามุ้ลญะนาอิซ หน้า 167
อิหม่ามอัชเชากานีย์ ได้อธิบาย หะดิษญะรีรข้างต้นว่า
قوله: (كنا نعد الاجتماع إلى أهل الميت) الخ يعني أنهم كانوا يعدون الاجتماع عند أهل الميت بعد دفنه وأكل الطعام عندهم نوعًا من النياحة لما في ذلك من التثقيل عليهم وشغلتهم مع ما هم فيه من شغلة الخاطر بموت الميت وما فيه من مخالفة السنة لأنهم مأمورون بأن يصنعوا لأهل الميت طعامًا فخالفوا ذلك وكلفوهم صنعة الطعام لغيرهم
คำพูดของญะรีรที่ว่า (พวกเรานับว่า การชุมนุมที่ครอบครอบผู้ตาย -จนจบ) หมายถึง พวกเขา (เศาะหาบะฮ) นับว่า การชุมนุมที่ครอบครัวผู้ตาย หลังจากฝังมัยยิต และรับประทานอาหารกัน ณ ที่พวกเขา (ครอบครัวมัยยิต) นั้น เป็นประเภทหนึ่ง ของการนิยาหะฮ (ที่ต้องห้าม) เพราะในการกระทำดังกล่าวนั้น เป็นการสร้างภาระให้แก่ครอบครัวมัยยิต และความยุ่งยากแก่พวกเขา พร้อมกับ ความโศกเศ้รา ที่พวกเขาประสบอยู่ เนื่องจากการตายของมัยยิต
และในการกระทำนั้น ขัดต่อสุนนะฮ เพราะพวกเขา ถูกใช้ให้ทำอาหารให้แก่ครอบครัวผู้ตาย แล้วพวกเขาก็ปฏิบัติขัดแย้ง ดังกล่าวนั้น และพวกเขากลับสร้างภาระให้แก่พวกนั้น(ครอบครัวผู้ตาย) ให้ทำอาหาร ให้ผู้อื่นจากพวกเขา (กินกัน) – ดูนัยลุ้ลเอาฏอร เล่มที่ 4 หน้า 110
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในหะดีษนี้ มิได้ครอบคลุมถึงทุกๆการรวมตัว(เจาะจงไปยังสภาพแบบญาฮิลียยะฮฺเท่านั้น) สามารถหาข้อมูลได้จาก ฟัตวา ชัยค์ บิน บาซ ในหัวข้อ"การปลอบใจผู้สูญเสีย" และsahab.net ในหัวข้อ "การรวมตัวปลอบใจผู้สูญเสีย" จาก ชัยค์ ซอและห์ อาล อัชชัยค์ ชัรห์ อัลอะกีย์ดะฮฺ อัฎฎอหาวียะฮิ บทที่34,42 ในตอนหนึ่งเขียนไว้ว่า
"สำหรับการนั่งเพื่อการปลอบใจเท่านั้น ฉันไม่พบว่าสิ่งนี้มีคนหนึ่งคนใดจากสลัฟกล่าวว่า แท้จริงมันเปนส่วนหนึ่งจาก นิยาหะฮฺ "(เนื่องจากบางคนถึงขั้นไม่นั่งรวมตัวบ้านผู้สูญเสีย)
ส่วนอีกประเดนนั้น การกินและดื่มไม่ได้ห้ามครอบคลุมไปทุกสิ่งทุกอย่าง ยังมีข้อยกเว้นสิ่งที่เปน อาดะฮฺ จาก ฟัตวา ชัยค์ บิน บาซ ในหัวข้อ"การปลอบใจผู้สูญเสีย"
* สิ่งที่น่าสังเกตุ ผู้ที่เชิดชูซุนนะฮฺ เกลียดบิดอะฮฺมากกว่าเราทำไมถึงเข้าใจไม่เหมือนเรา หรือเค้ามีความรู้ด้อยว่าเรา จำเปนที่เราอยู่ในยุคนี้...จุดเชื่อมต่อระหว่างความรู้ที่มีมาก่อนคือพวกเขาเหล่านั้น
" จงถามผู้รู้เถิด หากพวกท่านไม่รู้"
วัสลาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
abu-zubair มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009 ตอบ: 44
|
ตอบ: Fri Mar 06, 2009 7:11 am ชื่อกระทู้: การกำหนดเวลาเยี่ยมบ้านผู้สูญเสีย |
|
|
อัสลามุอลัยกุม
ขอนุยาดเพิ่มเติมบังอะสันนะครับ
8. ไม่ปรากฏว่าอิหม่ามมุจญตะฮิด ทั้งสี่ ท่านใด เอาหะดิษนี้มาเป็นหลักฐาน ทำบุญ 3 วัน 7 วันให้แก่ผู้ตายที่อยู่ในหลุมศพ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปรากฎใน ชัรห์ อัลอะกีย์ดะฮฺ อัฎฎอหาวียะฮิ ชัยค์ ซอและห์ อาล อัชชัยค์ บทที่42 ว่า
" การกำหนดจำนวนนั้นมิใช่อะศอลเดิมของเรื่อง การกำหนดขอบเขตด้วยจำนวน 3วัน 7วันนั้น เป็นข้อคิลาฟระหว่างฟุก่อฮาอฺ แต่หากว่ามันมิได้มีพื้นฐานมากซุนนะฮฺในเรื่องนี้"
*ผมไม่ได้สนับสนุน แต่มาเพื่อบอกว่าเป็นข้อขัดแย้งในนักนิติศาตร์อิสลาม จะว่าไม่มีเลยคงไม่ได้
เพราะแม้แต่ ชัยค์ทานเองยังยอมรับในเรื่องนี้ว่า มีประเดนข้อขัดแย้งนักวิชาการเช่นกันครับ
วัสลาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
abu-zubair มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009 ตอบ: 44
|
ตอบ: Fri Mar 06, 2009 8:06 am ชื่อกระทู้: การอ่านอัลกรุอานให้ผู้ตาย(ภาคต่อ) |
|
|
อัสลามุอลัยกุม
(ต่อจากคราวก่อนครับ)
ส่วนหนึ่งจากคำตอบของชัยค์อุษัยมีน เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการอ่านกรุอ่านถึงผู้ตาย
" การอ่านกรุอานให้กับวิญญาณของผู้ตายนั้น หมายถึงการอ่านกรุอานโดยที่เขา(ผู้อ่าน)ต้องการให้ผลบุญของเขาเป็นของผู้ตาย คนหนึ่งคนใดในบรรดาผู้เสียชีวิตที่เป็นมุสลิม ปัญหานี้เป็นปัญหาที่บรรดาผู้รู้มีทรรศนะที่แตกต่างกันสองทรรศนะดังนี้ .....(ติดตามภาค2)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำหรับผู้ไม่มีหนังสือ สามารถดูได้จากแอดเดรดนี้ไปก่อนได้ครับ
http://www.islamlight.net/index.php?option=com_ftawa&task=view&Itemid=0&catid=1324&id=10444
วัสลาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Fri Mar 06, 2009 2:04 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
:
ผมไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาในเว็บบอร์ด พอเข้ามาก็เห็นคุณ abu-zubair เข้ามาแสดงความคิดเห็น เรื่อง การอ่านอัลกุรอ่าน อุทิศบุญให้คนตาย โดยพยายาม ค้นหาฟัตวาที่เป็นทัศนะของนักวิชาการที่ถูกเรียกว่า วะฮบีย ที่พอที่จะสนับสนุนฝ่ายที่ว่า การอ่านอัลกุรอ่าน อุทิศบุญให้คนตาย เป็นสิ่งที่ดี บุญถึงผู้ตาย จุดประสงค์ของคุณ abu-zubair ก็เพื่อสร้างสมานฉันท์ให้คนสองทัศนะที่แตกต่างกัน มาจอยกันได้
ขอเรียนคุณ abu-zubair ว่า คนเราไม่ว่าจะอยู่ในมุมใหนของโลก เมื่อได้ขึ้นชื่อว่า เป็นมุสลิม ทุกคนคือ พี่น้องกัน ส่วนการแบ่งเขา แบ่งเรา เป็นฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ มัซฮับนั้น มัซฮับนี้ ศาสนาไม่ได้มีคำสอนให้กระทำเช่นนั้น แต่มันเกิดจาก อารมณ์ใฝ่ต่ำ และการยุยงของมารร้าย ทีพยายามให้พี่น้องมุสลิมขาดเอกภาพและอ่อนแอ เข้าทางศัตรูที่จ้องทำลายอิสลาม
ศาสนาสอนมุสลิมทุกคนให้แสวงหาแก่นแท้ของสัจธรรม และประเด็นใดที่พวกเขาขัดแย้ง ศาสนาได้สอนกติกาไว้สำหรับการตัดสินแล้วคือ
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ أَطِيعُواْ اللّهَ وَأَطِيعُواْ الرَّسُولَ وَأُوْلِي الأَمْرِ مِنكُمْ فَإِن تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللّهِ وَالرَّسُولِ إِن كُنتُمْ تُؤْمِنُونَ بِاللّهِ وَالْيَوْمِ الآخِرِ ذَلِكَ خَيْرٌ وَأَحْسَنُ تَأْويلا
ความว่า โอ้บรรดาผู้ที่ศรัทธา พวกท่านจงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และ จงเชื่อฟังรอซูล และผู้นำของพวกท่าน แต่หากพวกท่านขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงกลับไปหาอัลลอฮฺ (อัลกุรอ่าน) และรอซูล (อัซซุนนะฮฺ) หากพวกท่านศรัทธาในอัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่ง และเป็นการกลับไปที่สวยงามยิ่ง (อัลนิซาอฺ : 59)
อิบนุกะษีร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
وَقَوْله " فَإِنْ تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْء فَرُدُّوهُ إِلَى اللَّه وَالرَّسُول " قَالَ مُجَاهِد وَغَيْر وَاحِد مِنْ السَّلَف أَيْ إِلَى كِتَاب اللَّه وَسُنَّة رَسُوله. وَهَذَا أَمْر مِنْ اللَّه عَزَّ وَجَلَّ " بِأَنَّ كُلّ شَيْء تَنَازَعَ النَّاس فِيهِ مِنْ أُصُول الدِّين وَفُرُوعه أَنْ يُرَدّ التَّنَازُع فِي ذَلِكَ إِلَى الْكِتَاب وَالسُّنَّة كَمَا قَالَ تَعَالَى وَمَا اِخْتَلَفْتُمْ فِيهِ مِنْ شَيْء فَحُكْمه إِلَى اللَّه فَمَا حَكَمَ بِهِ الْكِتَاب وَالسُّنَّة وَشَهِدَا لَهُ بِالصِّحَّةِ فَهُوَ الْحَقّ وَمَاذَا بَعْد الْحَقّ إِلَّا الضَّلَال
และคำตรัสของพระองค์ที่ว่า (หากพวกท่านขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงกลับไปหาอัลลอฮฺ และรอซูล ) มุญาฮิดและ สะลัฟคนอื่นหลายคน กล่าวว่า หมายถึง กลับไปสู่กิตาบุลลอฮและสุนนะฮรซูลของพระองค์ และนี้คือ คำบัญชาจากอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่ง และทรงเลิศยิ่ง ว่า ทุกสิ่ง ที่บรรดามนุษย์ขัดแย้งกัน ในนั้น จากเรื่อง ที่เกี่ยวกับ รากฐานของศาสนา(หมายถึง หลักศรัทธา)และบรรดาสาขาของมัน (หมายถึง หลักปฏิบัติ) ก็ให้นำการขัดแย้งในเรื่องดังกล่าว กลับไปยัง คัมภีร์(อัลกุรอ่าน)และอัสสุนนะฮ ดังที่อัลลอฮ ตะอาลา ได้ตรัสไว้ว่า (และสิ่งใดที่พวกเจ้าขัดแย้งกันในนั้น ก็จงนำการตัดสินมันไปยังอัลลอฮ) ดังนั้นสิ่งใดก็ตามที่คัมภีรอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ได้ตัดสิน มัน และ(เมื่อ)มันทั้งสองได้เป็นสักขีพยานว่าถูกต้อง มันก็คือ ความจริง และ อะไรเล่าที่นอกเหนือจากความจริง นอกจากความหลงผิดเท่านั้น ตัฟสีรอิบนุกะษีร อรรถาธิบายซูเราะฮอันนิสาอฺ อายะฮที่ 59
...............................
ปรากฏว่า เมื่อนำไปตรวจสอบกับอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ไม่ปรากฏว่า มีคำสอนบัญญัติให้อ่านอัลกุรอ่านอุทิศผลบุญให้แก่มัยยิต เพราะฉะนั้น ถ้ายอมรับกติกานี้ ทุกอย่างจบ แต่ที่ไม่จบ เพราะไม่ยอมรับในกติกาข้างต้น
ที่ผมทำงานอยู่ มีมุสลิมแค่ 10 คน นอกนั้นต่างศาสนิก ประมาณ 100 คน เราก็สามารถร่วมทำงานและเป็นมิตรกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องนำ ศาสนามาประยุกต์กัน
เรื่อง การอ่านอัลกุรอ่านให้คนตาย เป็นเนื้องอกอย่างหนึ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นไม่ และจาก การอ่านอุทิศบุญ โดยสมัครใจ ต่อมามีการว่าจ้าง และต่อมาก็มีประเพณีว่าจ้างเฝ้ากุบูร เพื่ออ่านอัลกุรอ่านอุทิศบุญให้คนตาย จนกลายเป็นว่า ศาสนานี้คนรวยได้เปรียบคนจน
ผมไม่เถียงในกรณีมีความเห็นมากมาย แต่เมื่อท่านนบี และเหล่าเศาะหาบะฮ โดยเฉพาะเคาะลิฟะฮทั้งสี่ ไม่เคยทำ ไม่เคยส่งเสริมให้ทำ แล้วเราจะพูดได้อย่างเต็มปากอย่างไรว่า มันเป็นสุนนะฮนบี เราจะยืนยันได้อย่างไรว่า เราได้บุญ และสามารถส่งบุญนั้นไปให้คนตาย
เช็คอาลี มะฮฟูซ(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) ได้กล่าวไว้ชวนให้คิด ดังนี้
ومن هذ االاصل العظيم تعلم أن أكثر أفعال الناس اليوم من البدع المذمومة كقراءة القرأن الكريم على القبور رحمة بالميت تركه النبي صلى الله عليه وسلم وتركه الصحابة مع قيام المقتضى للفعل وهوالشفقة للميت وعدم المانع منه فعلى هذا الأصل المذكور يكون تركه هو السنة وفعله بدعة مذمومة
และจากพื้นฐาน(กฏเกณฑ์ของหลักนิติศาสตร์อิสลาม)ที่สำคัญนี้ ท่านจะรู้ว่า แท้จริง การกระทำของผู้คนส่วนมากในปัจจุบัน ที่เป็นส่วนหนึ่งจากบิดอะฮ ที่น่าตำหนิ เช่น การอ่านอัลกุรอ่าน ที่กุบูร เพื่อแผ่เมตตาแก่มัยยิต(ผู้ตาย) เป็นต้น, ท่านรซูลุ้ลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และบรรดาเศาะหาบะฮ ไม่เคยทำสิ่งนี้ ทั้งๆที่ มีประเด็นที่ส่งเสริมให้กระทำ นั้นคือ ความห่วงใยต่อมัยยิต และไม่มีอุปสรรคใดๆมาขัดขวางมิให้กระทำสิ่งนั้น ดังนั้น ตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวนี้ (สรุปได้ว่า) การทิ้งมัน(ไม่อ่านอัลกุรอ่านที่กุบูร) นั้น เป็นสุนนะฮ และการกระทำมัน(อ่านอัลกุรอ่านที่กุบูร)นั้น เป็นบิดอะฮ ที่ถูกตำหนิ ดูหนังสือ อัลอิบดาอฺ หน้า 44
..
เพราะฉะนั้นอย่าแสวงหาจุดรวมในสิ่งที่ไม่มีหลักฐานเลยครับ เพราะถ้าเราเป็นพี่น้องกันจริง ความแตกต่างไม่อาจจะนำมาซึ่งความแตกแยกได้อยู่แล้ว
.......
والله أعلم بالصواب _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Fri Mar 06, 2009 2:15 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
เพิ่มเติม
มีคำพูดของนักวิชาการที่ให้แง่คิดแก่คนที่ขี้เกียจทำความดีแต่คิดรอส่วนบุญของคนอื่นเมื่อตอนที่ตายดังนี้
1. เช็คอิซซุดดีน อิบนุอับดิสสลาม กล่าวว่า
لايجوزأن يجعل ثواب القراءة للميت لأنه تصرف في الثواب من غيرإذن الشارع
ไม่อนุญาตอุทิศผลบุญการอ่านให้แก่ผู้ตาย เพราะเป็นการนำผลบุญไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บัญญัติศาสนา (หมายถึงอัลลอฮ) - มุฆนีย์อัลมุห์ตาจญ 3/69
2. เช็คอาลี บิน อะหมัด อัลมะษาฮิบีย์ กล่าวว่า
فإن الثواب فضل من الله تعالى لا يملكه العبد فكيف يهديه لغيره الا على طريقة المعتزلة القائلين بإستحقاقه للعبد فحينئذربما يكون كذلك عندهم خلاف لأهل السنة
เพราะความจริงผลบุญนั้น เป็นเรื่องความโปรดปรานของอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา โดยที่บ่าวของพระองค์ไม่มีกรรมสิทธิ์ใดๆเลย ดังนั้น เขาจะอุทิศให้แก่ผู้อื่นได้อย่างไร นอกจากว่า เขาตามแนวทางของพวกมุอฺตะซิละฮ เท่านั้น ที่กล่าวว่า "บ่าวของอัลลอฮมีกรรมสิทธิ์ในผลบุญ แล้วในขณะนั้น บางทีในทัศนะของพวกเขาเป็นอย่างนั้น(คือเชื่อว่าอุทิศผลบุญให้ผู้ตายได้) อันเป็นการขัดแย้งกับ(ความเชื่อ)ชาวอะฮลุสสุนนะฮ - กัชฟุซชุบฮาต ของ เช็คมะหมูด หาซัน รอเบียะ หน้า 105 _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
abu-zubair มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009 ตอบ: 44
|
ตอบ: Fri Mar 06, 2009 4:40 pm ชื่อกระทู้: การกลับไปหาอัลลอฮฺและร่อซูล จะกลับไปยังงัยถ้าไม่มีซะบีล? |
|
|
อัสลามุอลัยกุม
ขออัลลอฮฺเมตตาแก่บังอะซัน และสุขภาพที่แขงแรง
บังอะซันกะลังเข้าใจประเดนของผมคลาดเคลื่อนไปครับ..งั้นขอชี้แจงเลยละกัน
1.ผม และคนที่รักฝักใฝ่ต่อซุนนะฮฺ ไม่มีนโยบายไปออมชอบกลับ ชาวบิดอะฮฺอยู่แล้ว- ไม่มีนโยบายในการไปสนับสนุนหนังสือของพวกเขา ไม่มีนโยบายไปร่วม ณ ที่ชุมนุมของพวกเขา อันนี้เป็นที่รู้กัน
2. การที่คนหนึ่งคนใดจะเปนชาวบิดอะฮฺ อันนี้มันต้องละเอียดนะครับ
3. การที่จะฟันธงว่าการใดเป็นบิดอะฮฺ ยิ่งต้องละเอียด
ผมแค่เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมครับว่า อย่างที่เคยกล่าวไปในการเข้าถึงปัญหาต่างต้องมีลำดับขั้นตอน แกะรหัสไปที่ละเรื่องๆ ถ้าเรามองเหมารวม ยกหลักฐานมาตามที่เราเข้าใจ แล้วต่างคนต่างเข้าใจมันจะจบได้งัยคับ การกลับไปหากิตาบบุ้ลลอฮฺ และซุนนะฮฺเปนสิ่งหลัก และสำคัญ การเข้าใจมันดั่งบรรชนเป็นความจำเป็น แล้วเส้นทางของมันหละ 1400 กว่าปี จะกลับไปยังงัย ในเมื่อความรู้เหล่านี้ถูกถ่ายทอดมาเป็นช่วงๆ คนต่อคน ยุคต่อยุค แล้วอยู่ๆเรามาตัดตอนเอาเราไปหาความรู้ก่อนหน้าเรา ทั้งที่มีผู้รับช่วงความรู้ในยุคของเรา โดยที่เราไม่คำนึงว่าท่านเหล่านั้นเข้าใจอย่างรัยในหลักฐานที่มีมา แน่นอนท่านเหล่านั้นก็คน เราก้อคนผิดพลาดได้เหมือนกัน แต่เค้าอ่านในสิ่งที่เรายังไม่ได้อ่าน เค้ารู้ในสิ่งที่เรายังไม่รู้ ไม่ได้เรียน แร้วพวกท่านเหล่านั้นยังอยู่ในแนวหน้าของอะฮฺลุซซุนนะฮฺ เรากล้ายัยืนมั้ยว่าเราเข้าใจดีกว่าเขา อ่านมามากกว่าเขา เมื่อเราไม่เอานักวิชาการอะไรจะเกิดขึ้น นี้วางแนวในเบื้องต้นนะครับ
แล้วที่เอาข้อมูลมาให้ดูเนี่ย..เพื่อให้เราท่านทั้งหลายได้เข้าใจว่า ปัญหานี้ใครเหนเหมือนเราใครเหนต่างเรา แล้วใครคนนั้นหนะรู้น้อยกว่าหรือมากกว่าเรา ผมพยายามบอกว่ามันเปนปัญหาอยู่ในขั้นคิลาฟ ซึ่งก็ต้องสาวต่อไปกับตัวเชื่อม(กิบารอุลามะอฺ)ว่าต่างเพราะอะรัย ตัวบท หรือความเข้าใจ หรือหลักพิจารณา ที่นี้เราเหนต่างไม่ได้หมายรวมไปว่าคนต่างเรานั้นผิด เพียงอยากให้รู้ว่า นี้คือปัญหาที่มีข้อขัดแย้งในหมู่อะฮฺลุซซุนนะฮฺด้วยกันเอง
ทางบังอะซันเหนว่างัยครับ เราจะฟัตวาในขณะที่เรายังไม่เห็นคำฟัตวาของกิบารเราหรอ?
เราจะฟัตวาในขณะที่ มีคนรู้กว่าเราโดยไม่สนใจใยดีหรอกหรือ?
งัยก้อไว้ต่อนะครับ...
วัสลาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
abu-zubair มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 04/03/2009 ตอบ: 44
|
ตอบ: Fri Mar 06, 2009 6:21 pm ชื่อกระทู้: การยกทัศนะ |
|
|
อัสลามุอลัยกุม
ผมเห็นบังอะสันยกทรรศนะนักวิชาการในฝากเดียว เกรงว่าจะความไม่เป็นธรรม และเกิดความคับแคบในเนื้อหาที่มี
ในเรื่องนี้หากจะยกมาจำเป็นต้องยกมาทุกฝั่งของปัญหา ไม่ว่าจากรุ่นก่อน และรุ่นร่ามสมัย
ในเรื่องนี้ได้มีนักวิชารวมรวบ9 ทรรศนะจากบรรดาอุลามาอฺชั้นนำของอะฮฺลุซซุนนะฮฺ ไว้พอสังเขปดั้งนี้(ขออัลลอฮฺตอบแทนท่านผู้รวบรวม)
1.อิบนุกุดามะฮ์ รอฮิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ใน อัลมุฆนีย์ดังนี้ (ความว่า)
"การกระทำความดีใดๆก็ตาม เมื่อเขาได้กระทำมัน และเขาได้ทำให้ผลบุญ(มอบ)การกระทำดังกล่าว แก่ผู้ตายที่เป็นมุสลิม สิ่งดังกล่าว จะยังประโยชน์กับเขา(ผู้ตาย) อินชาอัลลอฮฺ สำหรับการขอดุอาอฺนั้น การขออภัย การบริจาคทาน การะกระทำสิ่งที่เป็นวาญิบต่างๆฉันไม่ทราบว่ามีทรรศนะที่แตกต่างกัน" อัลมุฆนีย์ เล่ม5 หน้า 79
ต่อมาท่านก็ได้ยกหลักฐานจากอัลกรุอ่าน และอัซซุนนะฮฺที่เกี่ยวกับการขอดุอาอฺ การถือศีลอด การทำฮัจญ์ ให้กับผู้เสียชีวิต และท่านได้กล่าวต่อไปอีกว่า
ดังกล่าวนี้คืออัลหะดีษที่ถูกต้อง ที่แสดงให้รู้ว่าผู้ที่เสียชีวิตจะได้รับผลประโยชน์จาการทำความดีทั้งหมด เนื่องจาการถือศีลอด การประกอบพิธีฮัจญ์ การขอดุอาอฺ การขออภัยโทษ เป็นอิบาดะฮฺทางร่างกาย ซึ่งอัลลอฮฺได้ทำให้ประโยชน์ของมันถึงผู้ตาย และเยี่ยงเดียวกันอิบาดะฮฺอื่นๆ"
ส่วนในประเด็นการอ่านกรุอ่าน อิบนุกุดามะฮ์ มีทรรศนะดังนี้
"และสำหรับเราสิ่งที่ได้กล่าวถึงมัน(การอ่านกรุอ่านให้คนตาย)ก็คือ การเห็นพ้องของบรรดามุสลิม เนื่องจากพวกเขาในทุคยุคทุกสมัย พวกเขารวมตัวกัน และอ่านอัลกรุอาน พวกเขาก็มอบผลุบญให้กับบรรดาผู้ที่เสียชีวิตของพวกเขา โดยมิได้ถือเป็นเรื่องแปลก" อัลมุฆนีย์ เล่ม5 หน้า 80
ส่วนที่เหลืออีก8 ทรรศนะ หวังว่าจะมีเวลามาให้ข้อมูล อินชาอัลลอฮฺ
วัสลาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|