ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
thanida มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 26/02/2009 ตอบ: 4
|
ตอบ: Thu Feb 26, 2009 12:55 pm ชื่อกระทู้: กลุ้มใจค่ะ |
|
|
อัสลามมูอาลัยกุม
สวัสดีค่ะท่านทั้งหลาย คือเรามีปัญหาอยากจะถามค่ะ
เราเป็นคนพุทธ แต่แฟนเราเป็นคนมุสลิม จ.ปัตตานี
เราสองคนคบกันมาได้ศักระยะหนึ่งแล้วค่ะ เค้าเป็นคนดีมาก ขยันทำมาหากิน
เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ถึงกระนั้นเราก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว
ทีนี้ปัญหาอยู่ที่ว่า เรายังไม่ได้นิกะห์กัน เราจะเป็นต้นเหตุทำให้เค้าบาปมั้ยคะ
ขอบคุณค่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
hamzah มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 05/05/2004 ตอบ: 34
|
ตอบ: Thu Feb 26, 2009 3:00 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
บาปสิครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Thu Feb 26, 2009 3:50 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
thanida ยังไงช่วยแนะนำข้อแนะนำข้างต้นนี้ให้เค้าอ่านด้วยนะครับ...ปริ้นให้เค้าอ่านก็ได้ครับ ขอบคุณครับ.....เพราะทางออกนี้อาจจะทำให้เค้าและท่านได้ร่วมมีความสุขด้วยกันบนพื้นฐานของความถูกต้องก็ได้ครับ.........
คำถาม : การที่เราคบผู้หญิงต่างศาสนาอยู่มาวันหนึ่ง เกิดรักกัน
อัสลามูอาลัยกุม อาจารย์มูรีด
การที่เราคบผู้หญิงต่างศาสนาอยู่มาวันหนึ่ง เกิดรักกัน แต่ญาติทางผ่ายผู้หญิงไม่ยอม ที่จะให้ลูกเขามาเป็นอิสลาม แล้วเราก็หนีกันมาและแต่งงานกันโดยที่ญาติทางผ่ายผู้หญิงไม่รู้ ไม่ทราบว่าการแต่งงานครั้งนี้จะใช้ได้หรือเปล่าครับในหลักของอิสลาม ถ้าหากใช้ไม่ได้เราจะต้องทำอย่างไรครับช่วยแนะนำหน่อยครับ ถ้าหากไม่ทำอย่างนี้เราก็ไม่ได้แต่งงานกัน ผมรักเธอมากครับ รบกวนอาจารย์หน่อยครับขอบคุณมากครับ
วัสลาม
สุลัยหมาน
by: หนักใจ - - 31/5/2005
------------------------------------------------
คำตอบ :
วะอะลัยกุมุสสลามครับคุณหนักใจ
คำถาม การที่เราคบผู้หญิงต่างศาสนาอยู่มาวันหนึ่ง เกิดรักกัน แต่ญาติทางผ่ายผู้หญิงไม่ยอม ที่จะให้ลูกเขามาเป็นมุสลิม แล้วเราก็หนีกันมาและแต่งงานกันโดยที่ญาติทางผ่ายผู้หญิงไม่รู้ ไม่ทราบว่าการแต่งงานครั้งนี้จะใช้ได้หรือเปล่าครับในหลักของอิสลาม ถ้าหากใช้ไม่ได้เราจะต้องทำอย่างไรครับช่วยแนะนำหน่อยครับ ถ้าหากไม่ทำอย่างนี้เราก็ไม่ได้แต่งงานกัน ผมรักเธอมากครับ รบกวนอาจารย์หน่อยครับขอบคุณมากครับ?
คำตอบ ผมของแยกตอบทีละประเด็นนะครับ
ประเด็นแรก การนิกาหฺ (การแต่งงาน) จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นคนละศาสนา ฉะนั้นในกรณีของคุณหนักใจจะแต่งงานกับสตรีที่ไม่ใช่มุสลิมยังไม่ได้เพราะว่านางยังไม่เป็นมุสลิมเสียก่อน นี้คือบทบัญญัติของอิสลามนะครับ
ประเด็นที่สอง เอาล่ะ ในเมื่อสตรีท่านนั้นยินยอมที่จะเป็นมุสลิม แต่ญาติของนางไม่ยินยอมจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เช่นนี้ก็ไม่เป็นไร ให้นางไปเรียนศาสนาอิสลาม ทำความเข้าใจอิสลามจนกระทั่งนางเข้ารับอิสลาม ครั้นเมื่อนางเป็นมุสลิม คุณหนักใจก็สามารถแต่งงานกับนางได้นะครับ (ซึ่งไม่ต้องพานางหนีด้วย) โดยให้นางแต่งตั้งวะลีย์ขึ้นเพื่อแต่งงานให้แก่นาง เนื่องจากญาติของนางไม่ใช่มุสลิม เมื่อไม่ใช่มุสลิมก็ไม่สามารถเป็นวลีย์ให้ได้นะครับ นั่นคือหลักการศาสนาที่ถูกต้อง (ครั้นเมื่อนางแต่งงานกับคุณแล้ว นางจะแจ้งให้ทางบ้านของนางทราบหรือไม่นั้นก็ไม่พิจารณานะครับ แต่ด้วยมารยาทสมควรที่จะแจ้งให้ทราบ ส่วนญาติของนางจะมาหรือไม่มาร่วมงานแต่งงาน นั่นเป็นสิทธิ์ของพวกเขาแล้วละครับ)
แต่ในกรณีของคุณหนักใจนั้น ไปทำผิดขั้นตอน กล่าวคือกรณีที่คุณพานางหนีออกจากบ้านเพื่อมาแต่งงานนั้น ประเด็นนี้ผิดหมายกรณี คือคุณพาผู้หญิงหนีมาทั้งๆ คุณกับนางยังมิได้นิกาหฺ (แต่งงาน) กัน ฉะนั้นในช่วงหนีมาด้วยกันคุณอยู่ในสภาพที่กระทำสิ่งหะรอม ( حرام ) นะครับ ประการต่อมา คนต่างศาสนิกจะมองภาพลักษณ์ของมุสลิมในแง่ที่ไม่ดีนะครับ เช่นเขาอาจจะมองได้ว่า พอไม่เข้าศาสนาอิสลามก็พากันหนี ทำนองนี้เป็นต้น, แล้วภายหลังที่หนีมาด้วยกัน ผมอยากทราบว่านางได้เรียนรู้อิสลามหรือไม่? นั่นหมายถึงนางจะต้องเรียนรู้อิสลาม เช่น หลักการอิมาน หลักการศรัทธา วิธีการนมาซฟัรฺฎู เป็นต้น หากนางมิได้เรียนแล้วแต่งงานด้วยกันนั้นเช่นนี้เท่ากับว่านางยังไม่ศรัทธานั่นเอง ฉะนั้นในประเด็นนี้ ผมต้องถามคุณหนักใจก่อนนะครับว่า นางกล่าวชะฮาดะฮฺ (กล่าวคำปฏิญาณตน) หรือไม่? หากนางไม่เคยกล่าวคำปฏิญาณก่อนการแต่งงาน เช่นนี้การแต่งงานของคุณกับนางนั้นถือว่าเป็นโมฆะ (ใช้ไม่ได้) นะครับ วาญิบ (จำเป็น) จะต้องแต่งงานกันใหม่ แต่ถ้าก่อนแต่งงานนางได้กล่าวคำปฏิญาณ เช่นนี้นักวิชาการบางกลุ่มก็ยังถือว่านางเป็นมุสลิมแล้วนะครับ (ส่วนรายละเอียดประเด็นข้างต้นขอละไว้เพราะมีรายละเอียดที่มากนะครับ)
ประการที่สาม สมมติว่านางไม่ได้กล่าวชะฮาดะฮฺก่อนการแต่งงาน เช่นนี้คุณหนักใจก็ต้องแต่งงานใหม่นะครับ วิธีแต่งงานก็ให้นางแต่งตั้งวะลีย์ขึ้นมาสักคนหนึ่ง อาจจะเป็นอิมามแถวบ้านของคุณก็ได้ และหากพยานผู้ชายที่อยู่ร่องรอยของศาสนา 2 คน เช่นนั้นก็ทำพิธีนิกาหฺใหม่ได้แล้วนะครับ
ประการที่สี่ คุณบอกว่าหากไม่พาเธอหนีเราก็ไม่ได้แต่งงานกัน ความจริงแล้วมีทางแก้ไขที่ดีกว่าการพาหนีนะครับ ดั่งที่ผมกล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้ หรือก่อนที่จะพากันหนีน่าจะเขียนมาปรึกษาผมก่อนก็ได้ จะได้ช่วยชี้แนะนำทางที่ถูกต้องให้นะครับ
ประการที่ห้า ผมขอบอกนะครับว่า เรื่องความศรัทธา หรือเรื่องศาสนานั้นมีความสำคัญเหนือกว่าเรื่องความรักนะครับ เราจะรักใครมากขนาดไหน แต่ถ้าความรักนั้นทำให้ฝ่าฝืนหลักการของศาสนา เช่นนี้เราจะต้องเลือกเอาหลักการของศาสนาไว้ก่อน เพราะถึงแม้ว่าจะรักมากกันเพียงใดก็ตามแต่ถ้าคนที่เรารักไม่ยอมเปลี่ยนศาสนามานับถืออิสลาม เราก็รักเขาไม่ได้เหมือนกัน
อนึ่ง ส่วนประเด็นใดที่ยังไม่เข้าใจจะเขียนเข้ามาสอบถามใหม่ก็ได้นะครับ. والسلام
by: มุรีด ทิมะเสน - mureed@mureed.com - 9/6/05 22:02 |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
shabab มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 303
|
ตอบ: Thu Feb 26, 2009 3:52 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สำหรับผู้ที่สนใจในอิสลามโดยเฉพาะผู้ที่มิใช่มุสลิม ที่ต้องการเรียนรู้หรือสอบถามอะไรที่เกี่ยวกับอิสลาม หรือมีปัญหาข้อข้องใจในหลักคำสอนข้อหนึ่งข้อใดในอิสลาม ก็สามารถสอบถามมาได้หรือเมลล์มาได้จากเบอร์และเมลล์ที่ได้ให้เอาไว้
และเช่นกันมุสลิมีนหรือมุสลิมะฮฺท่านใด ที่กำลังรักใคร่ชอบพอกับผู้ที่มิใช่มุสลิมแต่ก็ไม่รู้จะนำอิสลามไปบอกไปสอนเขาอย่างไรจึงจะทำให้ผู้ที่ตนเองรัก มั่นใจในคำสอนของอิสลามได้ ผู้ที่กำลังประสบปัญหาเช่นนี้ก็สามารถเมลล์มาหรือโทรมาคุยกันได้
thanida ครับ แนะนำติดต่อได้ที่
- ชารีฟ ( กฤษฎากร) วงศ์เสงี่ยม
โทร 081- 9284958 , เมลล์ : danish8484@yahoo.com |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
thanida มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 26/02/2009 ตอบ: 4
|
ตอบ: Fri Feb 27, 2009 9:16 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ขอบคุณค่ะ
การอยู่ด้วยกันหรือมีอะไรลึกซึ้งก่อนแต่งงาน ถือว่าผิดธรรมเนียมประเพณีของคนไทย แต่ตามหลักศาสนาของอิสลามการที่ปฏิบัติอย่างที่กล่าวในเบื้องต้น ถือว่าเป็นเรื่องบาปอย่างร้ายแรง เราอาจจะพูดผิดไปหน่อย การนิกะห์กัน ต้องเป็นมุสลิมกับมุสลิมด้วยกันเท่านั้น (ใช่มั้ยคะ) สรุปแล้วการที่เราคบกันแบบอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องบาปอยู่ดี ไม่สบายใจเลยค่ะ เพราะเค้าบอกว่ามันมีส่วนเกี่ยวกับการค้าขายเค้าด้วย (ถ้าเรื่องหัวจิตหัวใจมันห้ามไม่ให้รักกันได้ก็คงจะดี)
คือจริงๆแล้วเรามีเรื่องเครียดอยู่หลายเรื่อง หลักๆเลยคือเราไม่ได้เป็นมุสลิม เรารู้ว่าที่บ้านเค้าไม่ยอมรับเราแน่ๆ ถึงแม้ว่าเราพร้อมที่จะเปิดใจรับ เพราะตั้งแต่เริ่มคบเค้า เราก็อาศัยศึกษาถึงข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับศาสนาตามเว็บไซต์บ้าง เพื่อนบ้าง และถ้าหาโอกาสได้เราจะไปศึกษาที่มูลนิธิสันติชน แต่เราก็กลัวเหมือนกัน กลัวว่าถ้าเราทำอะไรเพื่อเค้ามากๆแล้วสุดท้ายมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราวาดไว้ มันคงแย่ เราชอบแอบคิดว่า ซักวันเค้าคงจะเจอกับมุสลิมมะฮฺที่เหมาะสม เพียบพร้อมมากกว่าเรา จะมีซักกี่คนกันที่จะเปิดใจยอมรับคนต่างศาสนาได้ ยิ่งคิดยิ่งบั่นทอน เพื่อนเราก็มีเป็นหญิงพุทธ แฟนเค้าเป็นมุสลิม(อยุธยา) เค้าคบกันมา5ปีแล้ว แต่ตั้งแต่คบกัน พอที่บ้านเค้ารู้ก็สั่งให้เลิก บังคับผู้ชายให้เลิกมาแล้วครั้งนึง แต่เค้าก็แอบคบกันมาเรื่อยๆ จนตอนนี้บ้านฝ่ายชายรู้เรื่องอีก ก็บังคับให้เลิกเด็ดขาดเพราะยังไงเค้าไม่เอาเพื่อนเราแน่ๆ เพื่อนเราก็เป็นทุกข์มาตลอด สงสารเค้า เค้าบอกว่าเค้าทำใจมาตลอดและก็คงต้องตัดใจจริงๆแล้ว เราก้เลยย้อนกลับมาดูตัวเอง ว่าวันนึงเราคงต้องโดนแบบนี้แน่เลย |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
คนที่เดินผ่าน มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 13/02/2006 ตอบ: 104 ที่อยู่: jaseen_muslim@hotmail.com
|
ตอบ: Fri Feb 27, 2009 3:24 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
...สวัสดีครับ เรื่องของคุณ thanida ก็คงมีอีกหลายคน อีกหลายคู่ที่ คล้ายๆกันในสังคมไทย...
...ต้นสายปลายเหตุก็มาจาก การขึ้นต้นที่ผิด คือการคบกันเนื่องจากความรักในตัวของบุคคล ไม่ได้รักและศรัทธาในศาสนา...
...พอเรารักที่ตัวเขาแล้ว เราก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับเขา ก็เปลี่ยนศาสนาเพื่อให้ได้แต่งงานและอยู่กับเขา ทั้งที่บางคนยังไม่เข้าใจศาสนาอิสลามเลย แต่ก็รักในตัวเขา...
...ทีนี้พอวันเวลาผันผ่านไป ในระยะเวลาหนึ่ง บางคู่ความรักที่มีให้กัน เริ่มจืดจาง อันด้วยเหตุผลหลายๆประการ ของแต่ละคู่...
...ความรักก็มีอันต้องยุติ ขาดสะบั้นลง จบลงด้วยการเลิกรา จากที่เคยเปลี่ยนศาสนามาเป็นอิสลาม เมื่อความความรักในตัวเขาไม่มีแล้ว ก็กลับกลายสถานะหันกลับไปนับถือศาสนาเดิม...
...ยิ่งคู่ไหนที่มีลูกด้วยกันแล้ว ผลพวงก็จะมาตกกับลูก ว่าจะไปทางไหนดี จะไปทางพ่อหรือทางแม่ดี ก็กลายเป็นปัญหาภายในครอบครัวในเครือญาติ...
...พอเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นบางครอบครัวมุสลิมจึงไม่อยากให้คนในครบครัวหรือลูกหลานของตัวเองต้องเป็นแบบนี้...
...จึงเกิดการไม่ยอมรับ ให้คนในครอบครัวไปคบกับคนต่างศาสนา แล้วไหนจะค่านิยมของคนไทยอีก ว่า แม่ผัวหรือพี่น้องในครอบครัวกับลูกสะใภ้ ต้องไม่ค่อยกินเส้นกันทุกทีไป(แต่บางครอบครัวก็ไม่เป็นนะ)...
...ความรักนั้น ต้องรักกันในทางศาสนา รักพระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ให้รักในตัวบุคคล เพราะมุสลิมทุกคนมีเป้าหมายเดียวคือการเป็นบ่าวที่ดีต่อพระองค์...
...ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะตัวบุคคล มนุษย์ย่อมมีดีมีชั่ว เมื่อคุณเข้าใจศาสนาแล้ว ถ้าสุดท้ายมีอันต้องเลิกรากัน ศาสนาก็ยังอยู่กับคุณ...
...ศาสนานั้นบริสุทธิ์ หากทุกคนเป็นบ่าวที่ดี อยู่ภายใต้ที่ศาสนากำหนด ข้อห้ามข้อใช้ ปัญหาที่คุณกังวลว่าจะสูญเปล่าก็จะไม่เกิด...
...คนที่น่าตำหนิที่สุดคือมุสลิมที่คุณคบหาอยู่ เขาต้องเป็นแบบอย่างที่ดี แนะนำอิสลามให้คุณได้เข้าใจ ไม่ใช่ปล่อยให้คุณกลุ้มใจ...
...ไม่ใช่การพาไปมีอะไรที่ลึกซึ้งเช่นนี้ นี่ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้สังคมมองอิสลามแบบผิดๆ และอิสลามตกต่ำ...
...เพราะมุสลิมเองก็ทำตัวไม่เคร่งครัด ไม่อยู่ในหลักการ ละเลยคำสั่งห้ามของศาสนานั่นเอง...
...ข้อแนะนำ...
...คุณthanida ต้องศึกษาเข้าใจในศาสนาอิสลามก่อนครับ...
...โดยเฉพาะตัวของผู้ชายที่คุณคบหาอยู่ต้องเป็นผู้ดำเนินการ จัดการครับ... |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
thanida มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 26/02/2009 ตอบ: 4
|
ตอบ: Mon Mar 02, 2009 10:44 am ชื่อกระทู้: |
|
|
รับทราบค่ะ จากคุณคนที่เดินผ่าน
ทีนี้เกิดข้อสงสัยที่อยากจะถามค่ะ
1. ที่บอกว่า ... ต้นสายปลายเหตุก็มาจาก การขึ้นต้นที่ผิด คือการคบกันเนื่องจากความรักในตัวของบุคคล ไม่ได้รักและศรัทธาในศาสนา... ฉะนั้น หมายถึงว่าเราผิดตั้งแต่คิดที่จะคบกันแล้วใช่มั้ยคะ แล้วมีบทบัญญัติตายตัวหรือเปล่าว่า การที่คนมุสลิมมีความรักต่อคนต่างศาสนาเป็นเรื่องที่ผิด ดังนั้น ก่อนที่คนต่างศาสนาจะมารักกับคนที่เป็นมุสลิมได้ จะต้องศรัทธาและรับศาสนาอิสลามก่อนอย่างนั้นหรือเปล่าคะ
2. เข้าใจที่ได้กล่าวถึงปัญหาว่า ทำไมครอบครัวมุสลิมบางครอบครัวถึงไม่อยากรับคนต่างศาสนา เพราะกลัวว่าสุดท้ายต้องเลิกรากันไปก็จะกลับกลายไปถือศาสนาเดิม ทีนี้ เราจะรู้ได้ยังไงคะ แล้วเราจะเอาอะไรมาวัดว่าคู่นี้จะครองชีวิตคู่ได้ตลอดไป หรือคู่นี้จะต้องเลิกรา ดังนั้นหมายถึงว่า รับคนที่เป็นมุสลิมด้วยกัน ถึงจะเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม เป็นวิธีที่ดีที่สุดหรือเปล่าคะ
3. ดิชั้นมีเพื่อนที่เป็นคู่รักกัน (เป็นมุสลิมทั้งชายและหญิง) หลายคู่ เค้าอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน บาปมั้ยคะ?
4. ดิชั้นมีเพื่อนที่เป็นมุสลิมแต่กำเนิด (ผู้หญิง) และมีเพื่อนที่เป็นมุอัลลัฟ เราทำงานที่เดียวกัน แต่สองคนนี้มีการปฏิบัติตนที่แตกต่าง
เพื่อนที่เป็นมุสลิม ไม่ถือศีลอด หรือบางครั้งก็ทำไม่เต็มวัน ดื่มเครื่องดื่มมึนเมา ไม่ละหมาด
เพื่อนที่เป็นมุอัลลัฟ ถือศีลอดเต็มวัน ละหมาด ไม่ดื่มเครื่องดื่มมึนเมา
อย่างไหนน่าชื่นชมมากกว่ากันคะ
เราเคยถามเพื่อนที่เป็นมุอัลลัฟว่า ทำไมเพื่อนคนนั้น เป็นมุสลิมแท้ๆ ไม่เห็นทำเหมือนแกเลย
เค้าตอบว่า คนเราถ้าคิดจะทำความดีแล้ว ไม่ต้องไปมองคนอื่น และไม่ต้องเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบ แล้วเราก้ถามว่า แล้วตอนที่รับอิสลามนั้น รู้สึกยังไงที่ต้องเปลี่ยนแปลงจากศาสนาเดิมมาเป็นอีกศาสนานึง เค้าตอบว่า เค้าก็ต้องมีความศรัทธาเหมือนกับที่เค้าเคยนับถือศาสนาเดิมนั่นแหละ เมื่อดิชั้นได้ยินก็รู้สึกน่ายินดีด้วย
และดิชั้นคิดว่า ถ้าวันนึง ถ้าเราถูกกำหนดให้เป็นคู่กัน ถ้าถึงเวลาที่ดิชั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆ ดิชั้นก็จะประพฤติตนให้ดีและถูกต้องที่สุดค่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
คนที่เดินผ่าน มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 13/02/2006 ตอบ: 104 ที่อยู่: jaseen_muslim@hotmail.com
|
ตอบ: Mon Mar 02, 2009 5:06 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
...สวัสดีครับ คุณ thanida ...
...เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ เมลมาคุยกับผมที่ jaseen_muslim@hotmail.com...
...แล้วคุยกันในรายละเอียดที่คุณถาม และผมจะแนะนำเพื่อนมุสลิมะห์ให้คุณ...
...คุณจะได้สนทนาและเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งในแบบผู้หญิงๆ ในเรื่องนี้ครับ... |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
ชาริค มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/04/2007 ตอบ: 276
|
ตอบ: Tue Mar 03, 2009 1:29 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อ้าว ทำไมกลายเป็นเรื่องผู้หญิงผู้หญิงไปได้ละคราบพี่น้องคราบ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
คนที่เดินผ่าน มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 13/02/2006 ตอบ: 104 ที่อยู่: jaseen_muslim@hotmail.com
|
ตอบ: Tue Mar 03, 2009 3:13 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
...ก็ป้องกันฟิตนะห์ไงครับท่าน ชาริค...
...มุสลิมะห์ที่มีความรู้มีหลายคนครับ ผู้หญิงอธิบายในเรื่องของผู้หญิงดีที่สุด...
...กลุ่มมุสลิมะห์ที่ทำงานด้านศาสนามีหลายกลุ่มครับ คุณชาริคคงไม่รู้...
...ว่าแต่ว่า คุณชาริค ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตนเองไม่บกพร่องอีกเช่นเคยนะครับ ยินดีด้วยครับ...
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
maliksn มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/10/2008 ตอบ: 164
|
ตอบ: Thu Mar 05, 2009 7:16 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
thanida บันทึก: | รับทราบค่ะ จากคุณคนที่เดินผ่าน
ทีนี้เกิดข้อสงสัยที่อยากจะถามค่ะ
1. ที่บอกว่า ... ต้นสายปลายเหตุก็มาจาก การขึ้นต้นที่ผิด คือการคบกันเนื่องจากความรักในตัวของบุคคล ไม่ได้รักและศรัทธาในศาสนา... ฉะนั้น หมายถึงว่าเราผิดตั้งแต่คิดที่จะคบกันแล้วใช่มั้ยคะ แล้วมีบทบัญญัติตายตัวหรือเปล่าว่า การที่คนมุสลิมมีความรักต่อคนต่างศาสนาเป็นเรื่องที่ผิด ดังนั้น ก่อนที่คนต่างศาสนาจะมารักกับคนที่เป็นมุสลิมได้ จะต้องศรัทธาและรับศาสนาอิสลามก่อนอย่างนั้นหรือเปล่าคะ
2. เข้าใจที่ได้กล่าวถึงปัญหาว่า ทำไมครอบครัวมุสลิมบางครอบครัวถึงไม่อยากรับคนต่างศาสนา เพราะกลัวว่าสุดท้ายต้องเลิกรากันไปก็จะกลับกลายไปถือศาสนาเดิม ทีนี้ เราจะรู้ได้ยังไงคะ แล้วเราจะเอาอะไรมาวัดว่าคู่นี้จะครองชีวิตคู่ได้ตลอดไป หรือคู่นี้จะต้องเลิกรา ดังนั้นหมายถึงว่า รับคนที่เป็นมุสลิมด้วยกัน ถึงจะเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม เป็นวิธีที่ดีที่สุดหรือเปล่าคะ
3. ดิชั้นมีเพื่อนที่เป็นคู่รักกัน (เป็นมุสลิมทั้งชายและหญิง) หลายคู่ เค้าอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน บาปมั้ยคะ?
4. ดิชั้นมีเพื่อนที่เป็นมุสลิมแต่กำเนิด (ผู้หญิง) และมีเพื่อนที่เป็นมุอัลลัฟ เราทำงานที่เดียวกัน แต่สองคนนี้มีการปฏิบัติตนที่แตกต่าง
เพื่อนที่เป็นมุสลิม ไม่ถือศีลอด หรือบางครั้งก็ทำไม่เต็มวัน ดื่มเครื่องดื่มมึนเมา ไม่ละหมาด
เพื่อนที่เป็นมุอัลลัฟ ถือศีลอดเต็มวัน ละหมาด ไม่ดื่มเครื่องดื่มมึนเมา
อย่างไหนน่าชื่นชมมากกว่ากันคะ
เราเคยถามเพื่อนที่เป็นมุอัลลัฟว่า ทำไมเพื่อนคนนั้น เป็นมุสลิมแท้ๆ ไม่เห็นทำเหมือนแกเลย
เค้าตอบว่า คนเราถ้าคิดจะทำความดีแล้ว ไม่ต้องไปมองคนอื่น และไม่ต้องเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบ แล้วเราก้ถามว่า แล้วตอนที่รับอิสลามนั้น รู้สึกยังไงที่ต้องเปลี่ยนแปลงจากศาสนาเดิมมาเป็นอีกศาสนานึง เค้าตอบว่า เค้าก็ต้องมีความศรัทธาเหมือนกับที่เค้าเคยนับถือศาสนาเดิมนั่นแหละ เมื่อดิชั้นได้ยินก็รู้สึกน่ายินดีด้วย
และดิชั้นคิดว่า ถ้าวันนึง ถ้าเราถูกกำหนดให้เป็นคู่กัน ถ้าถึงเวลาที่ดิชั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆ ดิชั้นก็จะประพฤติตนให้ดีและถูกต้องที่สุดค่ะ |
ขอตอบเสริมท่าน คนที่เดินผ่านนะครับ
1. ตอบ ขึ้นต้นผิดครับ เพราะต้องรักที่ศาสนา ในตัวคนๆ นั้นมาก่อน, การเริ่มคบกัน เข้าใจว่าน่าจะเป็นลักษณะแฟน ในศาสนาอิสลามถือว่าผิดครับ เพราะว่าเป็นการเข้าใกล้การซีนา ซึ่งเป็นที่ต้องห้าม และไม่ได้ตรงตามที่ท่านรอซู้ลสั่งใช้ด้วย (สั่งใช้ให้แต่งงาน) , การที่มุสลิมมีความรู้สึกรักต่อคนต่างศาสนิก ไม่ผิด เพราะว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่การแต่งงาน กับต่างศาสนิก โดยที่เขายังไม่ได้รับอิสลาม ถือว่าการแต่งงานนั้นโมฆะครับ , อีกฝ่ายต้องรับอิสลาม(ด้วยความจริงใจ) ก่อน จึงจะแต่งงานกันได้
2. ตอบ การที่ครอบครัวมุสลิมบางครอบครัว ไม่อยากรับคนต่างศาสนิกมาเป็นลูกเขย หรือสะใภ้ เพราะกลัวว่า ถ้าฝ่ายที่เข้ารับอิสลามใหม่ ไม่ศรัทธาจริงๆ ก็จะทำให้เกิดผลเสีย กับลูกๆ (หลานของพ่อตา แม่ยาย) ที่อาจจะโดนดึงไปเป็นศาสนาอื่นนอกจากอิสลาม เมื่อเวลาที่อีกฝ่าย กลับไปเป็นศาสนาเดิมของตน , เรื่องการการันตี คงไม่มีอะไรมาการันตีได้ แต่อย่างหนึ่ง ที่พอจะการันตีได้ ก็คือ การที่แต่ละฝ่าย คือสามี ภรรยา ใช้หลักการอิสลามในการดำเนินชีวิตของตนมากแค่ไหน
3. ตอบ บาปแน่นอน เรียกว่าการซีนา (ผิดประเวณี) เป็นบาปใหญ่ด้วย ทั้งหมดทั้งปวงที่พวกเขาทำ คือ ผลมาจากการตามค่านิยมที่ผิดของตะวันตก
4. ตอบ เพื่อนที่เป็นมุอัลลัฟ น่าชื่นชมกว่า(มากมายนัก) และในความเป็นจริง คิดว่าเพื่อนมุอัลลัฟ ก็ดีกว่าด้วยในด้านของผลบุญ และบาป เพราะเมื่อต่างศาสนิก เข้ารับอิสลาม บาปทุกอย่างที่เคยทำมา จะถูกลบล้างหมดสิ้น สะอาดบริสุทธิ์เหมือนเด็กที่พึ่งเกิดใหม่
หากตอบผิด ก็ขออภัย และขอให้พี่น้องมุสลิมช่วยมาเขียนแก้ให้ด้วย
__________________________________
ท่านรสูลุลลอฮฺ(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)กล่าวว่า ทุกๆบิดอะฮฺนั้นหลงผิดและออกนอกลู่นอกทาง บันทึกโดยอบูดาวูด(ลำดับที่ 4607), อัต-ติรฺมิซีย์(ลำดับที่2676) อิบนุ หะญัรฺ รับรองไว้ว่าเศาะฮิ้หฺ ในตัครีจ อะหะดีษ อิบนุล-ฮาญิบ (1-137)
และตัวท่าน(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)ได้กล่าวไว้อีกว่า ...และทุกๆบิดอะฮฺนั้นหลงผิด และทุกๆความหลงผิดนั้นอยู่ในนรก บันทึกโดยอัน-นาสาอีย์(1/224) จากญาบิรฺ บิน อับดุลลอฮฺ และท่านเชคุล-อิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺกล่าวว่าเศาะฮิ้หฺ ในมัจญ์มูอฺ อัล-ฟัตวา (3/58)
ท่านรสูล(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)ยังห้ามไม่ให้เราไปเป็นมิตร, สนับสนุนหรือคุยกับคนที่ทำบิดอะฮฺ ดังที่หะดีษกล่าวว่า ใครก็ตามที่ทำบิดอะฮฺหรือปรองดองกับผู้ที่ทำบิดอะฮฺ คำสาปแช่งจากอัลลอฮฺ, บรรดามลาอิกะฮฺของพระองค์ และมนุษชาติทั้งปวง จะตกอยู่ที่เขา บันทึกโดยบุคอรีย์(12/41)และมุสลิม (9/140)
ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
من عمل عملاً ليس عليه أمرنا فهو رد
"ผู้ใดประกอบการงานใดที่ไม่มีคำสั่งของเราบนมัน นั้นมันถูกปฏิเสธ" รายงานโดยมุสลิม
อารีฟีน แสงวิมาน ผู้ไม่ห้ามปรามเรื่องอากีดะแก่ครู (กอเซ็ม โมฮัมหมัดอาลี)
ขนาดอากีดะครูมันเองยังเอาไม่รอด แต่จะไปถล่มอากีดะคนอื่น?
อารีฟีน แสงวิมาน เรียนอยู่ใกล้ประเทศอิสราเอลซะเปล่า แต่ไม่ไปช่วยเหลือพี่น้องที่ปาเลสไตน์
salafyah บันทึก: | ใครรู้จัก อัลอัซอารี เเห่งเวปบิดอะสติวเด้นมั้ง
มีคนฝากมาให้ช่วยไปบอกเค้าว่า.....
คุณนูรีฮัน มาเลเซีย ไม่มีวันให้อภัย เเกเค้าคนนั้นตราบใด
คุณอัลอัซอารี ไม่ยอมบอกกล่าวสิ่งที่เค้าได้ตั้งข้อฟิตนะที่ร้ายเเรงให้คุณนูรีฮัน มาเลเซีย
เเละตราบใดที่ไม่ยอมขอมาอัฟจากคุณนูรีฮัน
เป็นฮักกุลอาดัมไปตลอดชีวิตเลย |
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
lovenabee มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 11/12/2008 ตอบ: 35
|
ตอบ: Thu Mar 05, 2009 10:40 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
มาหาทางออกได้ที่ ร.ร.สันติชน วันอาทิตย์ ประมาณช่วงสายถึงบ่ายโมง รับอิสลามแล้วเริ่มต้นใหม่ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
lovenabee มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 11/12/2008 ตอบ: 35
|
ตอบ: Thu Mar 05, 2009 11:26 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ขอโทษที..ลืมถามไปว่าอยู่แถวใหน ถ้าอยู่ปัตตานีก็หาที่สอนอิสลามแถวนั้นน่ะครับ ตอนนี้ทั้งคู่หยุดติดต่อกันไปก่อน แล้วคุณหาที่สอนอิสลาม เรียนให้เข้าใจศรัทธา แล้วทำอะไรๆให้ถูกต้อง เรื่องที่ผ่านมาก็ขออภัยโทษ..เพื่อความถูกต้อง
ถ้าจะเอาถูกต้อง คุณไม่มีทางออกอื่นนอกจากที่ผมบอก หรือไม่ก็อยู่อย่างไม่ถูกต้อง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
ชาริค มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 24/04/2007 ตอบ: 276
|
ตอบ: Fri Mar 06, 2009 10:44 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ผมชอบใจคุณthanida จริงๆ ทั้งที่ตัวเองไม่ใช่มุสลิมแต่เพราะรักแฟนไม่อยากไห้แฟนทำผิดก็อยากจะแก้ปัญหา ก็อย่างที่คุณmaliksn ว่าแหละครับไม่ผิดหรอกที่คุณสองคนรักกัน แต่ผิดที่คุณสองคนทำเกินเลยมากกว่าคนรักกัน แต่การที่จะแต่งงานกันต้องเป็นมุสลิมทั้งสองคนส่วนเรื่องการปฏิบัติตัวของบุคลอย่าเอามาเป็นมาตฐานเลยครับ เพราะคนมีดีมีไม่ดี ไม่ว่าเขาจเป็นมุสลิมเดิม หรือรับอิสลามตอนหลัง เรามาดูที่คำสอนอิสลามดีกว่าว่าสอนอย่างไร จะแก้ปัญหาและช่วยแฟนไม่ไห้ทำผิดแนะนำอย่างนี้ครับ
1-เข้ารับอิสลามและแต่งงานกันซะ
2-หยุดการกระทำบาปไหญ่(ผิดประเวณี)
3-หรือถ้าไม่คิดจะแต่งงานกันก็เลิกคบกันดีกว่าเพราะเราเป็นฝ่ายหญิงเสียเปรียบ
แตแนะนำข้อหนึ่งดีที่สุดนะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
thanida มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 26/02/2009 ตอบ: 4
|
ตอบ: Fri Mar 06, 2009 12:35 pm ชื่อกระทู้: ขอบคุณค่ะ |
|
|
ขอบคุณทุกท่านมากนะคะที่แสดงความคิดเห็น ทำให้ได้รู้อะไรอีกหลายแง่มุมดีค่ะ
อย่างที่คุณชาริคได้บอกถึงวิธีแก้ปัญหาไว้ ดิชั้นไม่ขอขัดแย้งต่อวิธีแก้ปัญหาที่ท่านได้กล่าวมาค่ะ
แต่ ณ ตอนนี้ สำหรับตัวดิชั้นเอง สิ่งที่ดิชั้นคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนในตอนนี้ก็คือหยุดกระทำสิ่งที่ผิดประเวณี สิ่งที่ดิชั้นต้องยอมรับอยู่เรื่องนึงก็คือเรื่องการรับอิสลามและการแต่งงาน มันจัดได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยเลย สำหรับครอบครัวชาวพุทธอย่างดิชั้น กับครอบครัวของเค้า ว่าทั้งสองฝ่ายยินดีเปิดใจยอมรับได้มั้ย ทั้งนี้และทั้งนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับตัวดิชั้นเองด้วยว่า หากแต่ชั้นรับอิสลามไป แต่งงานไป มันจะเกิดประโยชน์อะไรถ้าใจดิชั้นไม่ได้เกิดศรัทธาอย่างแท้จริง ดิชั้นไม่สามารถบอกอะไรได้เลยในตอนนี้ แต่ในขณะเดียวกันดิชั้นก็ไม่เคยเพิกเฉยที่จะหาความรู้เกี่ยวกับแง่มมุมของศาสนาอิสลามเลย อะไรที่ตัวเองพอจะทำได้ก้อยากทำไปก่อนน่ะค่ะ เพราะว่าดิชั้นเองก็อยากทำอะไรให้มันถูกต้องที่สุด ไม่อยากทำให้เค้าต้องมาบาปเพราะเราด้วย และถ้ามีโอกาส ดิชั้นจะไปที่มูลนิธิสันติชนค่ะ จะลองเข้าไปศึกษาดู (บ้านอยู่ลาดพร้าวพอดีค่ะ) เคยโทรไปถามรายละเอียดมาเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้ติดทำงานออกตจว.บ่อย กลัวว่ามันจะไม่ต่อเนื่อง
สำหรับเราสองคนในตอนนี้ (ดิชั้นกับคนรัก) เราก็เคยพูดกันไว้ว่า อนาคตเราก็ไม่รู้ว่าเราจะได้คู่กันรึป่าว แต่สิ่งที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ มีความเห็นอกเห็นใจกัน ให้อภัยกัน ช่วยเหลือและเป็นกำลังใจต่อกัน ไม่นอกใจกัน(สำคัญสำหรับดิชั้นมาก) มันคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนแล้วค่ะ
ท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งค่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|